ช่วยกันสวดมนต์แผ่เมตตาในวันที่ 20 เเละ 21 นะคะ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย tichalada, 14 พฤศจิกายน 2012.

  1. tichalada

    tichalada Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +70
    สวัสดีค่ะ ติดตามอ่านเงียบๆ มานาน
    เเต่วันนี้ตัดสินใจเปิดตัว เเละนำบทสวดมนต์มาฝากค่ะ

    เมื่อสวดมนต์ตามปกติเเล้ว เเนะนำให้ช่วยกันสวดมนต์ 2 บทนี้
    เเล้วจากนั้น ให้แผ่กุศลไปให้ ปู่ฤาษีมหากัสสะปะ กันนะคะ
    โดยเฉพาะ ในวันที่ 20-21 พฤศจิกายนนี้ ขอบคุณมากค่ะ

    บทที่ 1
    โอม ปะโต เมตัง ปะละชิมินัง สิขะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินพพานัง สุขะโต จุติ

    บทที่ 2
    โอม ปะโต เมตัง ปะละชิมินัง สิขะโต สุคติ จิตตะ เมตตะ นินพพานัง สุขะโต สุคติ
     
  2. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    เพราะเหตุใดจึงต้อง ให้แผ่กุศลแบบเฉพาะเจาะจง รบกวนช่วยขยายความให้ทราบหน่อยได้มัยค่ะ หลาย ๆ ท่านก็คงอยากทราบเช่นกันค่ะ รบกวนหน่อยนะค่ะ เพราะจะได้ทราบในรายละเอียดค่ะ
     
  3. ketchan

    ketchan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +40
    ไปหาจาก Dr.Google มา

    คาถาคุ้มกันภัย

    คาถานี้ เป็นคาถาที่ยมบาลบอกกับครูบุญชู ศรีผ่อง เมื่อครั้งที่ตายแล้วฟื้น ยมบาลบอกครูบุญชูว่า ".......ข้าจะให้คาถาเอ็งไว้ป้องกันตัวบทหนึ่ง เอ็งพยายามท่องอยู่เสมอ อันตรายและความลำบากจะลดน้อยลงไป คาถานี้ ให้เอ็งยอกให้ทั่วๆไปเถิด เอาบุญ เพราะต่อๆไป ในเมืองมนุษย์จะยุ่งกันใหญ่ เอ็งคอยจำนะ ข้าจะบอกให้ ก่อนท่องตั้งนะโมเสียก่อนนะ แล้วท่อง จะลงจากบ้านหรือจะนอน ท่องอยู่เสมอๆ จะคุ้มภัยเอ็งได้

    (ก่อนสวดคาถานี้ ตั้งนะโม 3 จบ)

    ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ
    จิตตะเมตะ นิพพานัง สุขะโต จุติ

    ได้พบคาถานี้ในพุทธทำนาย บอกว่าเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์จริง ซึ่งได้ระบุไว้ว่า "นี่คือคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนลงในใบลาน จงรักษาเก็บไว้ให้ดี เพื่อช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ในยามเกิดเหตุการณ์มหันตภัยฯ "พระคาถานี้ จะเขียนลงในใบลานแผ่นทอง หรือแผ่งผ้าก็ดี ให้ติดไว้บนประตูห้องเรียน ตถราพาหนะ หรือพันหัวไว้ยามเกิดเหตุการณ์ จะช่วยให้รอดพ้นอันตราย ในกาละเวลานี้ เทพเจ้าเหล่าเทวดาผู้ที่คุ้มครองรักษาเหล่ามนุษย์โลก ได้ไปกราบทูลต่อพระอินทร์ว่า มนุษย์ใลกทำกุศลผลบุญ(ความดี)เพียง 3 ส่วน และทำบาป(ความชั่วร้าย) ถึง 10 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้พระอินทร์จะได้ลงโทษมนุษย์โลก ถึง 9 ข้อ นับจาก.........(พุทธทำนาย)
     
  4. tichalada

    tichalada Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +70
    @natatik
    ไม่รู้จะอธิบายยังไงค่ะ คือ...เราบังเอิญได้ไปพบกับฤาษีท่านนึง ได้คุยเเละได้เรียนรู้ในหลายๆเรื่อง รวมทั้งเรื่องวันสิ้นโลก เเละท่านได้เมตตามอบบทสวดมนต์นี้ให้มาท่องไว้ค่ะ ช่วยป้้องกันภัยพิบัติต่างๆ และท่านบอกว่าให้บอกต่อไปเพื่อให้ช่วยกันท่อง และฤาษีท่านนี้ คือ ฤา๊ษีมหากัสสะปะ ค่ะ
    (รายละเอียดต่างๆ ขออนุญาตไม่ลงลึกนะคะ เล่าไม่ถูกจริงๆ แต่ท่านปลดล็อกความสงสัยในใจตั้งแต่เด็กจนถึงวันนี้ เเละเราศรัทธาท่านมาก มากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นับเป็นวาสนาสูงสุดจริงๆที่ได้เจอท่านค่ะ)

    @ketchan - ขอบคุณค่ะ

    ป.ล. ขออภัยหากพูดไม่ค่อยรู้เรื่องนะคะ เราเป็นมือใหม่ และเป็นไข้มาหลายวันเเล้ว แต่มีจิตตั้งมั่นว่าอยากบอกต่อจริงๆ เเละเราขอเลือกมาบอกต่อที่เวปแห่งนี้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
     
  5. yuhua

    yuhua Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +90
    ถ้าเป็นคาถาปะโตเมตัง ที่เขียนไว้ตอนแรกๆ ก็ไม่ถุกนะ หรือว่าเป็นคาถาปะโตเมตังแต่เขียนผิดอ่ะ
     
  6. ความสงบ

    ความสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,011
    สามารถหาคาถานี้ได้ในหนังสือสวดมนต์วัดท่าซุงค่ะ อยู่ใต้รูปหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  7. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    15 พ.ย.55 พระคาถาบูชา พญายมราช

    ปะโตเมตัง ปะระชิวินัง สุขะโตจุตติ จิตตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุตติ

    ใช้ท่องป้องกันเพศภัยอันเกิดจาก ภูตผีปีศาจ

    มหาประชาบดี ๙๗
     
  8. ussp

    ussp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +745
    คุณtichalada ถ้าอยากพบปู่ฤาษีมหากัสสะปะ บ้างจะได้ไหมครับต้องทำอย่างไร
     
  9. ksriuta

    ksriuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,049
    ค่าพลัง:
    +2,966
    ท่านฤาษียังมีชีวิตหรือเสียไปแล้วครับ สนใจมากครับ
     
  10. ศักยิ์กมล

    ศักยิ์กมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +1,316
    ผมสับสนกับคาถานี้ครับ ไม่แน่ใจว่าคำไหนถูก คำไหนผิด ระหว่าง คำว่า "ปะระชีวีนัง" กับคำว่า "ปะละชิมินัง" และคำว่า "ปะระชิวินัง" เพราะเคยแต่ท่องว่า "ปะระชีวีนัง" ครับ ท่านใดทราบ ช่วยไขข้องข้องใจให้ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 พฤศจิกายน 2012
  11. tichalada

    tichalada Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +70
    @ussp และ @ksriuta
    ท่านมีอยู่จริงค่ะ เรามีนัดสำคัญกับท่านวันที่ 23 นี้ค่ะ
    ย้ำอีกครั้งว่า เป็นบุญอย่างหาที่เปรียบมิได้
    ตอนนี้เราบอกรายละเอียดมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ขออนุญาตท่านไว้
    เพียงแต่นำบทสวดของท่านมาเผยแพร่ เพื่อเป็นธรรมทาน เเละช่วยกันสวดมนต์อธิษฐานจิตเท่านั้น
    ตอนนี้เรามาร่วมสวดมนต์ แผ่กุศล อธิษฐานจิตให้ท่านกันนะคะ
    เพื่อให้ท่านปฏิบัติภารกิจครั้งใหญ่ในวันที่ 20-21 ผ่านไปด้วยดี
    (ซึ่งเราก็หวังให้เป็นเช่นนั้น)
    เมื่อถึงเวลาและได้รับการอนุญาต เราจะบอกทุกอย่างที่เราได้รู้มาค่ะ

    ป.ล.บทสวดมนต์บนใบลานที่เราได้รับมาจากมือท่าน เขียนไว้ตามที่เราโพสไว้แต่แรกทุกตัวอักษร ไม่มีผิดเพี้ยนค่ะ (เสริม - นินพพานัง อ่านว่า นิ นะ พะ พา นัง)
     
  12. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    ใครลิขิตชีวิตเรา

    นั่นคือทรงสอนให้ละชั่วประพฤติดี

    เพราะถ้าประมาทพลาดพลั้ง ต้องตกไปเกิดในที่ชั่วเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
    แล้ว โอกาสที่จะกลับมาเกิดในที่ดี เป็นมนุษย์เป็นต้นนั้นแสนยาก เพราะอะไร ? เพราะเมื่อไปเกิดในที่ชั่ว
    เหล่านั้นแล้ว ต้องทนทุกข์ทรมาน อดอยากยากแค้น ด้วยอำนาจของความชั่วที่ทำไว้โอกาสที่จะทำความดี
    แทบจะไม่มี เมื่อโอกาสที่จะทำความดีหายาก เราจะได้ผลความดีที่ไหนมานำเราไปเกิดในที่ดี ผู้ที่เกิดใน
    ที่ชั่วอาศัยกรรมชั่วนำไปเกิด ฉันใด ผู้ที่เกิดในที่ดีก็ต้องอาศัยกรรมดีนำไปเกิด ฉันนั้น

    สัตว์เดรัจฉานที่เราเห็นว่าน่ารัก เช่น นก เป็นต้นนั้นความจริงเกิดในที่ชั่ว โอกาสที่จะทำความดี
    มีน้อยหรือเกือบไม่มีเลย มักจะทำความชั่วเสียมากกว่า วันหนึ่งๆ ท่านเห็นนกทำความดีอะไรได้บ้าง มีแต่
    ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ด้วยการหาหนอน หาแมลงกินเป็นอาหาร ชีวิตของนกส่วนมากจึงมีแต่จมลงไปในที่ชั่วมาก
    ขึ้นทุกวัน ฉะนั้น โอกาสที่จะกลับมาเกิดเป็นคนนั้นแสนยาก ยังมีสัตว์อีกมากมายรอบๆ ตัวเรา ในฤดูที่ฝน
    ฉ่ำฟ้า เราจะพบลูกกบ ลูกเขียด ลูกคางคกมากมายในแอ่งน้ำตื้นๆ ส่งเสียงร้องกันเซ็งแซ่ ฝนตกที่ไหนมี
    น้ำขังเพียงเล็กน้อย เราจะเห็นสัตว์จำพวกนี้เต็มไปหมด ยังไม่ทันโตก็ถูกคนเหยียบตายบ้าง รถทับตายบ้าง
    ที่รอดมาได้ก็ต้องตายเพราะน้ำในแอ่งแห้งเสียก่อนบ้าง แดดเผาตายบ้าง สิ้นชีวิตไปชาติหนึ่งโดยที่ไม่มีโอกาส
    ทำความดีอะไรเลย

    ลองมองให้ใกล้ตัวอีกนิด สุนัขก็ดี แมวก็ดี แม้จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีความสุข มีอาหารอุดม
    สมบูรณ์ด้วยผลของบุญเก่าที่เคยทำไว้ แต่บุญใหม่ ท่านเคยเห็นสุนัขหรือแมวทำคุณงามความดีอะไรบ้าง
    มีแต่คอยประจบประแจงเจ้านายให้รักใคร่เพื่อปากเพื่อท้องของตนเอง ริษยาพยาบาทกันเองบ้าง คอยทำลาย
    ชีวิตนกและหนูบ้าง โอกาสที่จะทำความดีเกือบไม่มี เมื่อบุญเก่าก็ใช้หมด บุญใหม่ก็ไม่ได้ทำแล้วจะได้บุญ
    ที่ไหนมาช่วยให้ไปเกิดในที่ ๆ ดี ในเมื่อสิ้นชีวิตลง มีแต่จะตกต่ำลงไปทุกที

    ลองมองให้ซึ้ง จะเห็นว่าลำพังแต่เกิดมาเป็นสัตว์ก็น่าสงสารอยู่แล้ว ซ้ำยังมีคนใจร้ายคอยเบียด
    เบียนซ้ำเติมให้ทุกข์ยากลำบากขึ้นไปอีก นี่เป็นเพียงชีวิตของสัตว์ที่เรามองเห็นได้ ส่วนที่เรามองไม่เห็นมี
    อีกมากมาย โดยเฉพาะพวกสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เหล่านี้ยิ่งลำบากทุกข์ยากยิ่งกว่าสัตว์ที่เราเห็นๆ
    กันอยู่นี้หลายแสนเท่า ช่างน่าสงสารนัก

    เราเคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่า อะไรทำให้ไปเกิดเป็นสัตว์ อะไรทำให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ อะไรทำให้
    ไปเกิดเป็นเทวดา เพราะอะไรสัตว์จึงมีมากมายหลายชนิดจนนับไม่ถ้วน แม้เทวดาและมนุษย์เองก็มีมาก
    มายหลายจำพวก สัตว์ในโลกนี้จะมีอย่างเดียวไม่ได้หรือ มนุษย์และเทวดาก็น่าจะมีแต่คนดีอย่างเดียวไม่
    มีคนชั่ว หรือมีแต่คนชั่วอย่างเดียวไม่มีคนดีเลยไม่ได้หรือ ?

    ตอบได้ทันทีว่า ไม่ได้
    เพราะอะไร ? เพราะสัตว์ทุกชนิดมีกรรมคือการกระทำแตกต่างกัน เกิดเป็นสัตว์ก็เพราะกรรม
    เกิดเป็นมนุษย์ก็เพราะกรรม สัตว์และมนุษย์ตลอดจนเทวดามีมากมายหลายชนิด ก็เพราะกรรม คือการ
    กระทำของตนเอง มิใช่การกระทำของผู้อื่น สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ จึงเป็นไปตามกรรม มีกรรมเป็นผู้จำแนก
    ให้ดี เลว ประณีต แตกต่างกัน

    ทุกท่านไม่มีใครอยากถูกฆ่า ถูกขโมย ถูกผู้อื่นล่วงเกินบุตรภรรยาสามีของตน ไม่มีใครอยากได้
    ยินคนอื่นโป้ปดมดเท็จเรา หรือพูดคำหยาบ เสียดสีเรา ไม่อยากขาดสติเป็นคนบ้าเลอะเลือน แต่ว่าทำอย่าง
    ไรเล่า จึงจะไม่ประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจเหล่านี้

    ไม่ยากเลย
    พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า เมื่อเราไม่อยากถูกฆ่าก็อย่าฆ่าคนอื่นสัตว์อื่น และไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า
    แทนเราด้วย เราไม่อยากถูกลักขโมย ก็อย่าลักขโมยหรือหยิบฉวยของที่เจ้าของหวงแหน ที่เจ้าของเขามิได้
    อนุญาต ทั้งไม่ใช้ผู้อื่นลักขโมยหยิบฉวยแทนตนด้วย เราไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงเกินบุตรภรรยาสามีของเรา
    ก็อย่าได้ล่วงเกินบุตรภรรยาสามีของคนอื่น เราไม่อยากได้ยินคำเท็จ คำหยาบ เราก็อย่าพูดคำเท็จ อย่าพูด
    คำหยาบ พูดแต่คำสัตย์ คำจริง คำอ่อนหวาน เราไม่อยากเลื่อนลอย ขาดสติ เป็นบ้า ก็อย่าดื่มสุราเมรัยของ
    เสพติดมึนเมาทั้งหลาย


    ในทางตรงข้าม ทุกคนอยากร่ำรวย อยากรูปสวยผิวพรรณงดงามมีคนเคารพนอบน้อมเชื่อฟัง
    มีคนคอยปรนนิบัติรับใช้ช่วยเหลือกิจการงานต่างๆ ให้สำเร็จ ทุกคนอยากมีสติปัญญาดี เฉลียวฉลาดด้วย
    กันทั้งนั้น ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะได้สิ่งที่เราต้องการ ที่น่าพึงพอใจเหล่านี้มาจากไหน ไม่ยากอีกเช่นเดียวกัน

    เราอยากร่ำรวย ก็ต้องละความตระหนี่ ยินดีในการจำแนกแจกทาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
    แบ่งปันข้าวของเงินทองเครื่องใช้แก่ผู้อื่น
    ใครขาดแคลนสิ่งใด เรามีเราก็หยิบยื่นให้ด้วยความเต็มใจ
    ไม่หวงแหน ไม่หวังผลตอบแทน ความดีที่เราเคยแบ่งปันให้ทานแก่ผู้อื่นอยู่เป็นนิตย์นั้น มิได้สูญหายไป
    ไหน แต่จะกลับมาตอบสนองให้เราได้ข้าวของเงินทองเหล่านั้น เป็นคนร่ำรวย ไม่ยากจนในอนาคต

    เราอยากมีรูปงาม พระพุทธเจ้าก็ตรัสสอนให้รักษาศีล มีศีล ๕ คือการงดเว้นจากการฆ่า
    สัตว์เป็นต้น ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ตามสมควรแก่กำลังของผู้รักษา ศีลเป็นเครื่องขัดเกลา กายวาจาใจ
    ให้สะอาด มีกิริยาวาจาใจเรียบร้อย คนที่มีกิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อยมีใจดีนั้นเป็นคนน่ารักนักหนา ใครเห็น
    ใครก็ชอบ ใครเห็นใครชม ใครได้อยู่ใกล้ชิดก็เอ็นดูรักใคร่ มีศีลหน้าตาอิ่มเอิบ ผิวพรรณผ่องใส ด้วยความ
    ดีคือศีลที่เราทำไว้นี้จะเป็นเหตุให้เราได้มีรูปสวย ผิวพรรณงามในกาลภายหน้า

    เราอยากให้คนอื่นเคารพนอบน้อมเชื่อฟังเรา เราก็ต้องหัดเคารพนอบน้อมเชื่อฟังผู้ที่
    เราควรเชื่อฟังเสียก่อน
    ผู้ที่ควรเคารพนอบน้อมเชื่อฟังนั้นได้แก่ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มารดา
    บิดา ครูอาจารย์ ตลอดจนผู้ที่สูงกว่าเราด้วยชาติตระกูล ด้วยความรู้ และด้วยวัย ถ้าเราเคยเคารพนอบน้อมยก
    ย่องผู้อื่น ไม่ดูหมิ่นผู้อื่นอย่างนี้ เราก็จะได้รับผลเช่นนั้นเองในภายหลัง

    เราต้องการให้ใคร ๆ ช่วยเหลือกิจการงานของเรา เราก็ต้องรู้จักช่วยเหลือกิจการงาน
    ของผู้อื่น
    กิจการงานในที่นี้หมายถึงกิจการงานที่ดีที่ชอบที่สุจริต ไม่ใช่กิจการงานที่ทุจริตคิดมิชอบมีการลัก
    ขโมยเป็นต้น เราเคยช่วยเหลือกิจการงานของผู้อื่นด้วยความเต็มใจอย่างใด เราก็จะได้รับผลคือการช่วยเหลือ
    จากผู้อื่นอย่างนั้น

    เราอยากมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เราก็ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ ด้วยการอ่านหนังสือที่ดีมี
    คุณค่า และหมั่นคบหาสมาคมใกล้ชิดกับท่านผู้รู้ สดับตรับฟังคำสอนของท่านผู้รู้ทั้งหลายเหล่านั้น มีพระพุทธเจ้า
    เป็นต้นอยู่เสมอ ๆ
    อ่านแล้วฟังแล้วก็นำมาคิดพิจารณาใคร่ครวญให้รอบคอบสติปัญญาความเฉลียวฉลาดจึงจะ
    เกิดได้

    เพราะฉะนั้นเมื่อเราต้องการอย่างไร ก็จงทำเหตุให้ตรงกับผลที่จะได้รับ เหตุดีผลต้องดี เหตุชั่ว
    ผลต้องชั่ว พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เราหว่านข้าว เราก็ย่อม
    ได้รับเมล็ดข้าว เราทำกรรมดี เราก็ได้รับผลดี เราทำกรรมชั่ว เราก็ได้รับผลชั่ว
    คำตรัสของพระพุทธองค์
    ข้างต้นนี้ เป็นความจริงอย่างยิ่ง และจะจริงอยู่ตลอดไป ไม่มีสิ่งใดจะมามีอำนาจทำให้ผันแปรเป็นอย่างอื่น
    ได้ ด้วยเหตุนี้ สัตว์ทั้งหลายจึงเกิดมาด้วยกัน คือ การกระทำของเราเองทั้งสิ้น เกิดมาแล้วก็มีชีวิตอยู่ด้วย
    กรรม คือ รับผลของกรรมเก่าบ้าง สร้างกรรมใหม่ที่จะเป็นเหตุให้เกิดผลต่อไปอีกบ้าง ตายไปแล้วจะเป็น
    อย่างไรต่อไป ก็เพราะกรรม ไม่ใช่เพราะพระพรหมลิขิต หรือผู้อื่นดลบันดาลให้เป็นไป แต่กรรมที่ เราได้
    สะสมเอาไว้นั่นแหละ เป็นผู้ลิขิตชีวิตเรา ให้เป็นไปต่างๆ

    รวมความว่าเราไม่มีวันที่จะหนีกรรมที่เราทำไว้ได้พ้น นอกเสียจากว่า เมื่อเราได้ทำลายเหตุ ที่จะ
    ทำให้เราเกิดได้หมดสิ้นแล้วด้วยอริยะมรรค เมื่อนั้นเราจะไม่ต้องรับกรรมหรือสร้างกรรมใดๆ อีกเลย เราจะ
    เป็นผู้พ้นแล้วจากกรรมทั้งหมดเช่นเดียวกับที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกของพระองค์ได้พ้นกันมาแล้ว

    ตามปกตินั้น คนเราไม่มีใครเลยที่เคยทำแต่ความดีหรือความชั่วเพียงอย่างเดียว ทุกคนล้วนแต่เคย
    ทำความดีบ้างทำความชั่วบ้างกันมาแล้วทั้งสิ้น บางคนเคยทำความดีมากทำชั่วน้อย บางคนทำความดีน้อยทำ
    ชั่วมาก และก็ไม่ได้ทำกันแต่เฉพาะชาตินี้เพียงชาติเดียวเท่านั้น หากแต่ได้เคยทำไว้ในชาติก่อนๆ ที่เคยเกิด
    มาแล้วจนนับไม่ถ้วนนั้นด้วย ด้วยเหตุนี้คนเราจึงต่างกัน ตามกำลังของบุญและบาปที่ได้เคยทำเอาไว้ บางคน
    เกิดในตระกูลสูง เกิดในถิ่นที่เจริญ มีรูปสวย รวยทรัพย์ มีคนเคารพนับถือ มีสติปัญญา เฉลียวฉลาด บางคน
    เกิดในตระกูลต่ำ เกิดในถิ่นที่ห่างไกลความเจริญ รูปไม่สวย ยากจน ขาดคนนับถือ ขาดสติปัญญา เมื่อเกิด
    แล้วยังทำกรรมดีกรรมชั่วแตกต่างกันอีก

    พระพุทธองค์ จึงตรัสว่า "กรรมคือบุญและบาปเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ทั้งหลายให้ ดี เลว
    ประณีต แตกต่างกัน"

    บางคนกำลังทำความชั่วอยู่ แต่กลับได้รับความสุขความสบายมีหน้ามีตา ทั้งนี้ก็เพระความดีที่
    เขาเคยทำมากำลังให้ผล แต่กรรมชั่วที่เขากำลังทำอยู่ยังไม่ให้ผล ตรงกันข้ามบางคนกำลังทำความดีอยู่
    แต่กลับได้รับความทุกข์ยากลำบากนานาประการ ทั้งนี้เพราะความชั่วที่เขาเคยทำมาแต่ก่อนๆ กำลังให้
    ผล ส่วนความดีที่เขากำลังทำอยู่ยังไม่ให้ผล ขึ้นชื่อว่าบุญคือความดีนั้นจะให้ผลชั่วย่อมไม่มี และขึ้นชื่อว่า
    บาปคือความชั่วจะให้ผลดีย่อมไม่มี ถ้าท่านเข้าใจผลของบุญและบาปอย่างถูกต้องอย่างนี้แล้ว ท่านจะไม่
    โศกเศร้าเดือดร้อนใจเมื่อได้รับความทุกข์ และจะไม่ลำพองใจเมื่อได้รับความสุข เพราะเราทำความดี
    ความชั่วด้วยตัวเราเอง เราจึงได้รับผลนั้นด้วยตัวเอง สักวันหนึ่งความทุกข์นั้นก็จะหมดไปความสุขจะมา
    แทนที่ แล้วแต่ว่าเมื่อไรความดีหรือความชั่วที่เราได้ทำมาแล้วมากมายนั้นจะให้ผล

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า การที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์นี้ยากนัก เพราะการเกิดเป็น
    มนุษย์นั้นต้องอาศัยบุญที่ได้ทำไว้แต่ปางก่อน นอกจากนั้นพระองค์ยังตรัสว่า มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ
    เพราะมีโอกาสที่จะบำเพ็ญบุญได้ทุกชนิดตั้งแต่บุญเล็กๆ น้อยๆ จนถึงบุญใหญ่ที่สามารถทำให้พ้นจากความ
    ทุกข์ทั้งมวลได้ ชาตินี้เราท่านได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว โอกาสที่จะทำความดีมีไม่นานเลย อย่างมาก
    ไม่เกิน ๑๐๐ ปี จึงควรจะสั่งสมบุญของเราไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะบุญที่ท่านได้สั่งสม
    ไว้ดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ทรัพย์สมบัติอย่างอื่นไฟไหม้ได้ เสียหายได้
    โจรลักได้ แต่อริยทรัพย์คือบุญ ไฟไหม้ไม่ได้ เสียหายไม่ได้ โจรลักไม่ได้ ทั้งบุญยังเป็นมิตรติด
    ตามตน เป็นที่พึ่งแก่ตนไปในภพหน้าด้วย

    ชีวิตของมนุษย์นี้น้อยนัก ไม่นานเลยก็ตาย ถ้ามัวรีรออยู่ ท่านอาจจะตายเสียก่อนได้ทำความดีก็ได้
    เพราะใจของปุถุชนนั้นมักจะไหลไปหาบาปได้ง่าย

    พระพุทธองค์จึงทรงสอนว่า "เมื่อจิตคิดจะทำบุญเกิดขึ้นก็อย่ารีรอ จงรีบทำเสียในขณะนั้น
    เพราะมัวรีรออยู่จิตที่เป็นบาปก็จะเกิดแทน บุญที่บุคคลทำแล้วย่อมให้ผลเร็ว บุญที่บุคคลทำช้าย่อม
    ให้ผลช้า" ดังที่เราท่านได้เคยพบอยู่เสมอๆ ว่า บางคนต้องการสิ่งใด เขาจะได้สิ่งนั้นตามต้องการโดยรวดเร็ว
    แต่บางคนต้องการสิ่งใด แล้วไม่ได้ตามต้องการก็มี ทั้งนี้เพราะไม่เคยคิดจะทำบุญ หรือคิดจะทำบุญแล้วไม่ได้
    ทำนั่นเอง

    http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn04.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2012
  13. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    เห็นชอบในการสวดมนต์ ขออนุญาต แนะนำเสริมอีกบทครับ

    บทยาวหน่อย ชื่อบทว่า พระคาถาธารณปริตร

    http://youtu.be/CGvK8_yn_Ts
     
  14. tichalada

    tichalada Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +70
  15. ชัยวัฒน์98

    ชัยวัฒน์98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +909
    ขอฝากพระคาถา ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน มาบอกต่ออีกสักบท นึงนะครับ เป็นพระคาถา ป้องกันภัย ของหลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง ซึ่งท่านเป็นพระอริยะสงฆ์ที่ทรงอภิญญาสูงรูปนึงของ ภาคตะวันออก ตัวพระคาถานี้ดูเผินๆเหมือนพระคาถาทั่วไป แต่ถ้าผู้ที่เคยสวดมนต์บ่อยๆ จะทราบว่าพระคาถานี้ รวมพระคาถาสำคัญไว้ถึง 3 บท ทีเดียว คือ1 พระคาถา วัดโลกดับ (ในพุทธทำนาย) 2 พระคาถาขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์(ของหลวงปู่โอภาสี) 3 พระคาถาป้องกันภัย(จากพญายม)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. tichalada

    tichalada Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +70
    อนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ
     
  17. NongChay

    NongChay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +96
    นะมัตถุ พุทธานัง มะมัตถุ โพธิยา
    นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
    อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร จะระติ เอสะนา

    นะมัตถุ พุทธานัง มะมัตถุ โพธิยา
    นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
    อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร วาสะมะกัปปะยีติ

    พุทโธ สัพพัญญูตะญาโน
    ธัมโม โลกุตตะโร วะโร
    สังโฆ มัคคะผะลัฏโฐ จะ
    อิจเจตัง ระตะนัตตะยัง
    อะระหังพุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2012
  18. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,745
    ค่าพลัง:
    +83,899
    นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
     
  19. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    สวดมนต์เป็นนิจ ภาวนาเป็นประจำ และ คุณอธิฎฐาน แผ่กุศลอยู่เนืองๆ

    หยุด...ส่งออก ไปได้เลย ความเป็นไปของกระแสโลก

    เพราะต้องย้อนเข้ามา ให้ได้เห็น จิตจะคัดสรรค์สอดส่องเข้ามา

    นั่นเพราะได้เพียรสร้างฐานอันมั่นคง แม้ภัยมา ย่อมมีสติตื่นรู้กายใจ

    มากกว่าผู้เตรียมแต่กาย เพื่อแบกรับสัมภาระเพียงอย่างเดียว
    แต่เขาเหล่านั้น ไม่เตรียมใจถ่ายเทสัมภาระ(กองขันธ์)

    สติ จะเป็นเครื่องรักษาตน ไม่สะดุ้งกลัว คุ้มภัยอันตรายทั้งภายใน และป้องกันอันตรายได้ทั้งภายนอก

    เมื่อได้เตรียมทั้งกายและใจ ย่อมเห็นทางอยู่รำไรๆ ฉลาดในการรอดพ้น...
     

แชร์หน้านี้

Loading...