เรื่องเด่น " บอกให้ไป...ไปไหนก็ได้ นรกที่ไหนก็ได้ ถอยไปห่างๆเลย "

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 18 พฤศจิกายน 2012.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    "บอกให้ไป...ไปไหนก็ได้ นรกที่ไหนก็ได้ ถอยไปห่างๆเลย"



    มรดกพระดี ตอนที่ 7


    ลูกหลานเอย......ก่อนที่หลวงตาจะเล่าให้เห็นอภิญญาบริสุทธิ์ที่พ่อแสดงฝากไว้ในโลกพระพุทธศาสนา อันเป็นมรดกพระดีที่พ่อเมตตามอบไว้ให้พวกเรา หลวงตาอยากจะอวดอะไรสักหน่อย ไม่อวดทนไม่ได้อกแตกตายแน่..คือเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2544 อันเป็นงานทักษิณานุปทานที่วัดเขาวงจัดถวายกุศลให้พ่อของเรา(หลวงพ่อฤาษีฯวัดท่าซุง) และพลอยจัดเสริมแสดงมุทิตาจิตต่อพระครูภาวนาพิลาศไปในตัวด้วยนั้น


    งานก็ผ่านไป แต่สิ่งที่ยังทรงสถิตใจหลวงตาไม่อยากสลัดออก ก็คือทั้งท่านพระครูปลัดอนันต์ พทฺญาโณ หลวงพี่อาจินต์ ธมฺมจิตโต และคณะสงฆ์วัดท่าซุงรวม 21 รูป ที่เมตตามาร่วมงานนั้น...ยังไม่ได้พูดถึงท่านเจ้าคุณพระเทพสิริภิมณฑ์ซึ่งมาแทนหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฏกเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี และพี่น้องต่างวัดอีกหลายองค์ ที่มาร่วมงานในวันนั้น ทุกองค์พูดว่า.. " วัดเขาวง สวย สะอาด สงบ "

    ความกังวลที่สุมใจหลวงตามา 7 ปีเต็มหลุดหายไป มีความมั่นใจโปร่งใจเข้ามาแทนที่ เพราะเราได้ทำมา.เดินตามแนวทางที่เรา มุ่งมั่นมาตั้งแต่ออกจากวัดท่าซุง บัดนี้ได้มาถึงจุดที่พี่น้องและผู้บังคับบัญชาเข้าใจและยอมรับแล้ว ทำให้ก้าวต่อจากนี้ไปจนวันตาย...เป็นก้าวที่มั่นใจ..ที่จะยังประโยชขน์สุขให้เกิดแก่ประชาชน ที่จะถวายความเชิดชูชื่อเสียงพระคุณครูบาอาจารย์ ที่จะฝังใจปรนนิบัติบูชามรดกพระดี ที่พ่อมอบให้พวกเราไว้เพื่อประโยชน์สุขของเราเองเป็นเบื้องต้น

    ลูกหลานอ่านแล้วหลับตาบ้างลืมตาบ้างคิดนึกภาพตามไปด้วย ตามไปดูพ่อแสดงฤทธิ์กัน วันนั้นเป็นพรรษา 2 ที่หลวงตาบวช ตอนนั้นกำลังปฏิบัติพระกรรมฐานหัวค่ำกัน....เกิดมีพายุใหญ่รุนแรงมาก ต้นสะตือใหญ่ริมท่าน้ำที่เลี้ยงปลาแรดในปัจจุบัน เกิดหักลงมา...ถ้ามองต้นสะตือที่คลุมหอฉันปัจจุบันให้ดีจะเห็นว่ามันเคยมีพี่น้องฝาแฝดที่ใช้ต้นขาเดียวกัน แต่แยกออกเป็นสองเอวสองลำตัวเหมือนฝาแฝดอินจันนั่นแหละ แฝดน้องชายเกิดเอวหักหัวฟาดลงมาล้มทับบ้านหลังเล็กและโรงเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวหลังคามุงสังกะสี...พังหมดตลอดหลัง ปล่อยให้ต้นพี่ชายยืนงงเดียวดายจนทุกวันนี้

    รุ่งเช้าพ่อก็ไปยืนดู ท่านถือไม้ตะพดยืนมาดมั่นใส่อังสะตัวเดียว(ไม่ห่มจีวร) หลวงตาสงสารแทนลูกหลานรุ่นหลัง ที่ไม่มีโอกาสเห็นบุคลิกภาพของพ่อ ก็จะขอเล่าให้ฟังเสียด้วย คือพ่อเรานี่.ตัวสูงปานกลาง ลำตัวไม่ใหญ่นัก แต่พอดีสมส่วน ยิ่งตอนพ่อแก่ตัวลงร่างกายจะอ้วนขึ้น นึกเอาเถอะลูก พ่อผู้ใจดีมีอำนาจยืนยืดกายตรงลงพุง อังสะพลิ้วชายไสว ยืนชี้ไม้ตะพดไปที่ต้นไม้ใหญ่ขี่ทับหลังคา จนหลังหักหมดสภาพอยู่ตรงหน้าท่านชี้ให้ช่างชิดที่ยืนรับคำสั่งอยู่ข้างกาย


    " เอาคนมาทอนเป็นท่อนๆ..." แล้วก็ทำท่าสับไม้ตะพดลงที่ต้นไม้...เดี๋ยวก่อนลูกหลานท่านให้เอาคนงานมาฟันต้นไม้ทอนเป็นท่อนๆ ไม่ใช่ให้เอาคนมาสับเป็นท่อนเป็นชิ้น

    " แล้วก็ขนออกไปให้หมด เอาไปเผาถ่านหรือทำอะไรก็ได้ "

    แล้วพ่อก็ตวัดปลายตะพดขึ้นสูงประกอบคำสั่ง..เราก็ยังไม่ได้สะดุดใจอะไร

    หลังจากนั้นอีก 3 วันทั้งต้นไม้ ซากโรงก๋วยเตี๋ยวและบ้านหลังน้อยก็หายวับไป เหลือพื้นที่โล่งว่างเปล่า พ่อก็มายืนดูอีก ชี้ไม้ตะพดทำท่าสั่งงาน

    " นี่..ช่างชิด ขุดหลุมเป็น 4 แถว แล้ววิ่งแนวยาวไปถึงต้นสะตือโน่น..." พ่อจี้ไม้ตะพดไปตามแนวหลุม

    " เสร็จแล้วเทเสาปูนขนาดตึก 3 ชั้นไปเลย ชั้นล่างเป็นหอฉัน ชั้นที่ 2 เป็นที่พักอาคันตุกะผู้ใหญ่มาท่านจะได้พักสบายอิริยาบท ดาดฟ้าเป็นคอนกรีตเอาไว้ตากผ้าตากจีวรกัน "

    พูดไปพ่อก็กวาดปลายตะพดไปจนเราฟังอยู่นี่เห็นภาพในใจชัดเจนไปด้วยเลย

    สั่งงานเสร็จพ่อก็เข้าพัก รุ่งขึ้นก็ไปสงเคราะห์บ้านซอยสายลมตามวาระงานปรกติ ลูกหลานเอย..จากวันนั้นมาอีกประมาณ 6 เดือน ก็ปรากฏตึก 3 ชั้นสีเหลืองสดติดปลายไม้ตะพดขึ้นมาตั้งอยู่ในโลกเขตพระพุทธศาสนา พระสงฆ์วัดท่าซุงมีหลวงตาองค์หนึ่งด้วย (คุยซะหน่อย) พากันย้ายวงฉันมาที่หอฉันหลังใหม่สีใสสด ภายใต้ร่มเงาตึกฉัน ภายในสายลมเย็นจากท่าน้ำสะแกกรัง...ขณะอยู่ในความอิ่มสบายท้องหลังฉันอาหาร หลวงตาได้ยินเสียงที่ดังผ่านอารมณ์สบาย เข้ากระทบใจ

    " นี่แก...ผู้บวชเข้ามาในพระศาสนา อยากได้ฤทธิ์อยากได้อภิญญา แกรู้หรือว่าฤทธิ์แท้ตามความหมายของฉันคืออะไร... "

    ใครหนอ เสียงนุ่มนวลมีอำนาจนัก เสียงนั้นไม่ได้ผ่านประสาทหู แต่ดังเข้าถึงความเข้าใจเอาเลยทีเดียว หลวงตาต้องเลื่อนตัวเองลงจากม้านั่งยาวลงนั่งพับเพียบกับพื้น

    " แกคิดใช่ไหมว่า..ฤทธิ์อภิญญาที่เก่งกาจนั้นต้องเหาะได้ หายตัวได้ รู้ใจคนอื่นทายใจคนได้แม่นยำว่าใครคิดอะไร ทำอะไรมา...? "

    ลูกเอ้ย..เสียงนั้นสะกดใจสยบอารมณ์หลวงตาจนไม่อยากฝืนความรู้สึกสัมผัสนั้น สภาวะอารมณ์ขณะนั้นเหมือนนั่งอยู่เฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระบรมศาสดา หลวงตากราบลงบนพื้นหอฉันแห่งวัดท่าซุงด้วยความสุขสำรวมใจ

    " ลูกเอ้ย..อย่าไปเอาของไม่เที่ยงแท้แน่นอนนั้น มาวัดความประณีตของธรรมที่พ่อสอนเลย..."

    แปลกหนอ...ยิ่งใจเรานุ่มนวลอ่อนน้อมยอมสยบเพียงใด ภาษาใจนั้นก็ยิ่งมีความเมตตาการุณมากขึ้นเพียงนั้น

    "......การแสดงฤทธิ์เหาะเหินได้ การรู้อารมณ์ใจคนอื่นทายได้แม่นยำได้นั้นไม่ใช่ผลสูงสุดของการปฏิบัติ คนเก่งจริงมีฤทธิ์จริงนั้น ต้องสามารถตัดอารมณ์เศร้าหมองทุกข์ร้อนออกจากใจเสียได้ ตามใจปรารถนา ต้องอาจหาญมั่นใจในศีลที่ตัวทรงอยู่ได้เป็นปรกติ มั่นใจขนาดกล้าเอาใจประกาศไปในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลกว่า ..เราผู้นี้ไม่ว่าจะไปยืนเดินนั่งนอนอยู่ ณ ที่ใด จะไม่มีสัตว์ มนุษย์ พรหม เทวดา ผู้ใดต้องเดือดร้อนเพราะการประทุษร้ายร่างกาย หรือละเมิดน้ำใจจากเราให้ท่านทั้งหลายสะเทือนใจเลย..."

    ลูกหลานเอย...ใช่เสียงจากดวงจิตอันผ่องใสพิสุทธิ์ของพระบรมศาสนดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไหมหนอ

    "....ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องสามารถนึกถึงพระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ครูบาอาจารย์ได้โดยไม่ลำบาก ไม่ยากแม้แต่น้อย ต้องสามารถเข้าถึงท่านด้วยใจทันที ทุกขณะจิตที่นึกลูกต้องต้องใช้คำว่า ใช้อารมณ์ว่า...พอนึกก็ถึงแล้ว จึงจะเก่งแท้..."

    ".....และที่สำคัญกว่าสำคัญที่สุด ก็คือสามารถตั้งกำลังที่บริสุทธิ์ด้วยศีล ที่เข้าถึงสถิตอยู่กับพระพุทธเจ้าได้เป็นธรรมดาสบายๆ นั้นจับร่างกายมาพิจารณา สังหารอารมณ์ผูกพันกับร่างกายทั้งหลายให้ขาดสิ้นไปโดยไม่ครั่นคร้าม ไม่อาลัยใยดี ทำอย่างงี้ได้จึงจะเก่งแท้ จึงจะมีฤทธานุภาพปราบสามโลกเสียได้ อภิญญาเหนือฤทธิ์ทั้งหลายอย่างนี้เขาเรียกว่า บุญฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดด้วยบุญบริสุทธิ์ ลูกเอ้ย..."


    หลวงตากราบแนบหน้ากับพื้นหอฉัน ไม่มีใครมาเห็นเราแล้ว ณ ที่นั้นเอง ในอารมณ์สบายๆ แบบธรรมดานั้นเอง หลวงตานึกถึงพ่อ (หลวงพ่อฤาษีฯ) เต็มอารมณ์ในทันทีนั้น

    ....เห็นพ่อสับไม้เท้าแล้วตวัด ต้นไม้และซากโรงเรียนก็ปลิวหาย

    ....เห็นพ่อชี้เขตหลุมเสา วาดไม้เท้าวางแนวอาคาร พลันตึกเหลืองกระจ่างก็ตั้งสถิตบนธรณีวัดท่าซุง ได้อาศัย ได้นั่งดื่มนั่งฉันจากวันนั้นถึงวันนี้ ตึกหอฉันตั้งมาได้ 18 ปี และจะยังอยู่อำนวยประโยน์สุขแก่พระภิกษุสามเณรและญาติโยมผู้มาเลี้ยงพระศาสนา....ไปอีกเท่านาน

    ลูกหลานคงอยากถาม...แล้วมันใช่อภิญญาตรงไหน ใครๆก็ชี้สั่งให้ช่างสร้างได้ไม่ใช่หรือ...แน่ใจว่าจะถามอย่างนี้ ใช่ไหมลูก ทำไมลูกหลานไม่ถามเพิ่มเติมอีกนิดว่า...ถ้ามีฤทธิ์จริง ทำไมพ่อท่านไม่เสกชี้ปั๊บตึกโผล่ปุ๊บเหมือนการ์ตูนเล่า.... ช่วยถามเพิ่มอย่างนั้นนะลูก หลวงตาจะได้ตอบเสียทีเดียว

    ลูกหลานต้องจำได้แน่นอนว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้พระสาวกทั้งหลาย....ฝึกจิตตนเอง ให้ใคร่ครวญฝังใจ ใฝ่ซักซอกอารมณ์ใจของตนเอง โดยยึดหลักหัวใจพระพุทธศาสนาคือ....ต้องละล้างความชั่วอารมณ์เศร้าหมองให้หมดไป ต้องสั่งสมความดี อารมณ์กุศลให้เข้ามาแทนที่ให้เต็มพร้อม...ต้องมุ่งความบริสุทธิ์ผ่องใสของอารมณ์ใจ ให้อิ่มเอิบเบาสบายเป็นผลสูงสุด ฉะนั้น..ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) ท่านปฏิบัติและสั่งสอนพวกเราทั้งหลายก็ต้องอยู่ในหลักอันนี้.. ต้องเอาหัวใจพระพุทธศาสนานี้ เป็นเกณฑ์การถามเป็นหลักการตอบปัญหาสำหรับใจเราเองและพุทธสาวกทั้งหลาย

    พ่อของพวกเรา เป็นผู้หนักแน่นเข้าถึงเนื้อแท้ของพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ท่านได้พระสงฆ์ที่เป็นพระแท้ เป็นสรณะ ครูบาอาจารย์ท่านจึงมุ่งฝึกจิต ภาวนาเสกอารมณ์ใจ เป่าปัดความสกปรกเศร้าหมอง จนจิตท่านมีแต่อารมณ์ที่ผ่องใสบริสุทธิ์พ้นวิเศษ เมื่อพระคุณท่านปลอดภัยพ้นทุกข์สิ้นเชิงแล้ว จิตของท่านจึงเป็นทิพย์พิเศษกายสิทธิ์ มีพลานุภาพเกินจะประมาณด้วยความคิดคำนึงของพวกเราได้ ซึ่งแน่นอนท่านจะพิเศษเกินพระพุทธเจ้าไปไม่ได้ แต่ท่านต้องดีตามธรรมชาติของพระบริสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ ไมมีอะไรจะต้องสงสัย พระดีทุกองค์ ทุกสำนักปฏิบัติก็เป็นอย่างนี้

    ใจท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ทำความชั่วมัวหมองให้หมดสิ้นไปจากใจ....ท่านทำความดีมากมายถึงพร้อมแล้ว ใจท่านจึงผ่องใสไม่มีเชื้อมลทินเหลือค้างใจของท่านจึงเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา มีความรู้จริงอย่างยิ่ง มีกำลังอันบริสุทธิ์ไม่มีประมาณ ใจอย่างนี้คงเรียกว่าใจมีอภิญญา ใช่ไหมลูกหลาน ?


    ฉะนั้นเมื่อท่านมีกำลังใจปราถนาให้ประชาชน ภิกษุ สามเณรเป็นสุขเต็มกำลังใจของท่าน คนที่มีเชื้ออยากดีมีสุขตามท่านจึงรับรู้น้ำใจท่านเข้าไปในใจตัวเอง เมื่อท่านสั่งให้เคลื่อนย้ายต้นไม้ จึงมีคนมาทำให้ปลิวหายทันตาเห็นด้วยแรงศรัทธา เมื่อท่านปราถนาสร้างอาคารให้ลูกหลานได้มีความสุขสะดวกใจ สบายกายในการทำความดี อาคารหลังสีเหลืองสดก็สำเร็จขึ้นมาด้วยแรงบุญ

    เพียงน้ำใจและน้ำคำของพ่อ...เงินจากทั่วแผ่นดิน ทรายจากชัยนาท ไม้จากนครสวรรค์ ปูนเหล็กจากกรุงเทพฯ น้ำใจศรัทธาจากดวงจิตจากทั่วทุกทิศก็หลั่งไหลมาผสมกับแม่น้ำสะแกกรัง และการเอาใจใส่คุมงานของพระสงฆ์วัดท่าซุง ทุกดวงใจทุ่มเทเพ่งพินิจลงไปในงานที่พ่อสั่ง งานนั้นจึงสำเร็จขึ้นด้วยใจของผู้มีศรัทธา เสร็จขึ้นมาประดุจเสกเป่า

    ลูกหลานเอย..พ่อท่านเสกตึก หรือเสกใจพวกเราหนอ...

    ใช่ว่าใจเป็นใหญ่เป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจไหมหนอ....

    สิ่งก่อสร้างก่อสำเร็จประโยชน์ ใจอิ่มเอิบเบิกบานสมบูรณ์สมปราถนา

    บุญฤทธิ์หรืออภิญญาความรู้ยิ่งอย่างนี้ ใช่อภิญญาที่แท้ตามที่พระพุทธเจ้าทรงต้องการให้เราใช้...ใช่หรือไม่ ? ฝากให้คิดกันดู....

    ลูกหลานเอย...หลวงตานั่งคิดย้อนหลังไป ย้อนไปถึงเวลาแรกที่พบพ่อ ความมุ่งมั่นฝันใฝ่ตอนนั้นคืออยากได้พระอภิญญามาเป็นอาจารย์ ว่าท่านจะได้ช่วยชี้ช่วยทำช่วยนำให้เราได้คุณธรรมสูงสุดเสียโดยเร็ว จะได้รีบถวายชีวิตให้พระศาสนาจึงได้เฝ้าจ้องมองพ่อมาแต่บัดนั้นว่าองค์นี้ใช่ไหมหนอ...เมื่อไหร่ท่านจะแสดงฤทธิ์ให้เราดูประจักษ์ตากระชับใจ จะได้ลงมือปฏิบัติพระกรรมฐานแบบถวายชีวิตเสียที น่าจะทายใจเราให้ถึงก้นบึ้งสักครั้ง... น่าจะเหาะน้อยๆลอยก้นเหนือพื้นสักคืบก็ยังดี.. น่าจะอย่างโน้นอย่างนี้..จนวันดีคืนดีท่านก็แสดงให้ดู ทายถึงใจเลย !

    "....นี่ไอ้บ้านี่..อย่ามานั่งขวางทางคนทำงาน อย่านั่งรอฤทธิ์รอเดชเอาไว้เหาะไปนรกขุมไหน คนที่ใจมีฤทธิ์นี่ เขากล้าทำขยันทำดีผิดมนุษย์ทั่วๆไป เขามีน้ำใจรักศีลยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง เขาคิดทีละอย่าง แล้วทำให้เสร็จไปทีละอย่าง...ทำให้มันเห็นฤทธิ์ขยันซะบ้าง นี่ฤทธิ์น้อยๆ เขาคิดกันทำกันอย่างนี้ พอจะเข้าใจไหม ถอยไป...ถอยไป...."

    โอย...ตายเลย...ตายเลย เล่นด่าอย่างนี้อายตายเลย....จริงสินะ เพียงแค่จะมีกำลังใจยกร่างกายให้พ้นที่นอนขึ้นมานั่งกราบพระ เพียงจะเดินจงกรมสัก 10 ก้าว 10 รอบ มีกำลังทำไหม ? เพียงแต่จะนึกถึงลมหายใจที่มันมีอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนซื้อหา นึกตามลมไปลมมา พร้อมกับนึกเอ่ยพระนามพระพุทธศาสดาจารย์ว่า พุทโธ...พุทโธ นี่ ทำได้นานต่อเนื่องแค่ไหน ถ้าแค่นี้ยังไม่มีกะใจจะทำ....จะเอาอะไรไปเหาะ ไปหายตัว ไปทายใจคนอื่น ทั้งที่ใจตัวเองยังเป็นไอ้บ้าเพ้อละเมอฤทธิ์ เลอะเลือนอยู่...ก็ยังไม่รู้จักใจตัวเอง !

    ช่างเหมือนหนอนมนุษย์ที่เกียจคร้านนอนฝันว่า เราจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่แค่เลื้อยไปกินอุจจาระที่หุ้มห่อตัวเองอยู่ก็ยังไม่มีกำลังใจเลื้อย !

    ลูกหลานนึกทุเรศตัวเองเหมือนหลวงตาไหม...

    ก็นึกย้อนไปทวนไปมาหาเรื่องเขียน...เอาเรื่องจริงที่หลวงตาเห็นพ่อแสดงอานุภาพปราบมารเกเร เล่าไปเขียนแสดงความเห็นประกอบเรื่อยๆ ดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะเครียดเขียนไม่ออก มีอยู่ครั้งหนึ่ง...ก่อนหลวงตาจะบวช ว่างจากงานเมื่อไหร่ก็จะมานั่งขายหนังสือและวัตถุมงคลที่ซอยสายลมเป็นปรกติ วันนั้นมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ขับรถมาจากอีสานโดยตรงเพื่อมาซื้อหนังสือหรืออะไรก็ได้ทั้งนั้นที่เกี่ยวกับพ่อ มาถึงก็พูดเสียงใสได้ปลื้มว่าได้อ่านเรื่องหลวพ่อฤาษีลิงดำ ในหนังสือ " ขวัญเรือน " รายสัปดาห์หรือรายเดือนจำไม่ได้ แต่จำได้ว่าแกถือหนังสือเปิดอวดว่า นี่ไง...นี่ไง เรื่องหลวงพ่อ (อวดเราที่อยู่กับหลวงพ่อนี่แหละ)

    " ผมเลื่อมใส ขนลุกไปอ่านไป อยากเอาธรรมะทุกอย่างของท่านไปอ่านไปฟังให้สมใจ พี่จัดให้ผมด้วย ผมรักท่านมาก..." อะไรอีกหลายอย่างที่พูดออกมาด้วยใจเป็นสุข ตกลงวันนั้นทั้งหนังสือ เทป วัตถุมงคล รวมแล้วก็กว่าสองหมื่นบาท ก่อนแกจะกลับ หลวงตาก็บอกแกว่าพรุ่งนี้หลวงพ่อก็มาสอนกรรมฐานแล้ว จะมาหาท่านไหม..

    " มาสิครับพี่...ผมอยากฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเป็นที่สุด "

    หลวงตาก็โมทนาน้ำใจแกด้วย สงสารด้วย อยากให้ได้พบพ่ออย่างใกล้ชิด ก็เลยนัดหมายให้สัญญานกันว่า

    " พี่จะนั่งอยู่ข้างหลวงพ่อ ดูจังหวะว่างคนแล้วจะพยักหน้าให้สัญญานเข้าไปกราบ คอยดูก็แล้วกัน..."

    จำได้ว่าแกชื่อคุณสมาน ชื่อภรรยาไม่ได้ถาม ทั้งคู่มานั่งอยู่เฉียงหน้าที่พ่อรับแขกในวันรุ่งขึ้น คุณสมานก็มองหน้าพ่อแล้วมองหน้าหลวงตาหาจังหวะลุกลี้ลุกลนตลอดเวลา ขณะนั้นพ่อกำลังคุยเสริมกำลังใจให้นักศึกษาหญิงคนหนึ่งอยู่ว่า

    " เออ..ลูกสาวเอ้ย...เป็นคนดีนะลูก ลูกทำได้อยู่แล้วนี่ ศีล 5 บริสุทธิ์ใช่ไหม..(เจ้าค่ะ..ร้องไห้ปลื้มใจไปรับโอวาทไป) เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันนี้แน่ใจนะลูก (เจ้าค่ะ..ฮือๆ) อือ ดีๆ ลูกตายแล้วอย่าเกิดอีกเลยนะลูก โลกมันเป็นทุกข์ไปนิพพานเสียเลยนะลูก (เจ้าค่ะ..เป่าปี่มีความสุข เช็ดน้ำตาป้อยๆ)

    ทีนี้คุณสมานพระเอกของเรื่อง เกิดความปลื้มใจจนลืมสัญญานจากหลวงตา แกก็เลยทะลุกลางปล้องขึ้นมาว่า

    " หลวงพ่อครับ.. ผมขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อ....."

    เท่านั้นแหละ สายตาที่อ่อนโยน เสียงที่นุ่มนวลของพ่อก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นแข็งขันและเขียวกล้า สะบัดมือไล่มาทางคุณสมาน

    " ถอยไป...ถอยไป...ออกไปห่างๆ เลย "

    แล้วท่านก็หันไปหาทางเด็กนักศึกษานั้นอีกครั้ง

    " เออ..ลูกสาวจำไว้นะลูก ลูกเป็นคนมีบุญทำมาดีแล้ว พร้อมแล้ว อย่าให้เสียเวลาที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา รีบทำความดี ลูกเอ๋ย...รีบทำ "

    " หลวงพ่อครับ ผมขอมอบกายถวายขีวิตกับหลวงพ่อ..."

    คุณสมานผู้ของขึ้นหยุดไม่อยู่แล้ว คุกเข่าประนมมือประกาศ แต่...ลูกหลานเอย...หลวงตาก็ดี คุณสมานและภรรยาก็ดีมีอันต้องตะลึงขึงอารมณ์ เมื่อพ่อหยิบกระโถนขึ้นมาถือในมือพร้อมตวาดว่า

    " บอกให้ไป...ไปไหนก็ได้ นรกที่ไหนก็ได้ ถอยไปห่างๆเลย "

    ลูกหลานเอย....คุณสมานทรุดนั่งก้มหน้า ภรรยาร้องไห้ น้ำตาไหล หลวงตาทำยังไงจำไม่ได้ รู้แต่ว่าใจแทบขาด..ส่วนพ่อหยิบหมากขึ้นมาเคี้ยวบ้วนน้ำหมากตามปรกติ ผู้คนทั้งหลายในห้องเงียบกริบ เป็นช่วงเวลาที่หลวงตาเป็นทุกข์ที่สุด คุณสมานและภรรยาถอยไปนั่งด้านหลังผู้คนไกลออกไป แต่สายตาคุณสมานจ้องมาที่หลวงตา คล้ายจะบอกให้รู้ว่า

    " ..ผมจะคอยพี่ ผมจะไปส่งพี่ที่บ้าน..ผมจะถามอะไรพี่สักอย่าง...."

    โอย...เอาไว้ฉบับหน้าค่อยคุยกันเถอะลูก..ใจยังหายวูบวาบทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น เล่าเรื่องอภิญญาเรื่องฤทธิ์ ก็ต้องตื่นเต้นอย่างนี้แหละ

    หลวงตาไปก่อนล่ะลูก..ตัวใครตัวมัน


    (จากหนังสือ มรดกพระดี หน้า 71-83)

    มีต่อตอนจบในตอนที่ 8 ครับ ไว้จะมาลงต่อในกระทู้่นี้นะครับ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2024
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    (messageImage_1708490811712.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2024
  3. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    ต่อๆๆๆกำลังหนุก
     
  4. taxrefund

    taxrefund เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +234
    ขอบคุณมากค่ะ กำลังรอตอนต่อไปอยู่นะคะ
     
  5. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    รักพ่อ รักพ่อ อ่านแล้วขนหัวลุกเลย
    รักพ่อต้องทำตามคำสอน
    ขอบคุณที่ นำมาให้อ่านคะ
     
  6. polka

    polka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +52
    คืนนั้นหลังเลิกพระกรรมฐาน คุณสมานและหลวงตา นั่งหน้าบูดคนหนึ่ง หน้าจืดคนหนึ่งอยู่เบาะด้านหน้า คุณภรรยานั่งหน้าหมองมาด้านหลัง คุณสมานขับรถมาได้เพียง ๑๐๐ เมตรจากบ้านสายลม
    แกทนไม่ไหวระเบิดภาษาใจออกมาว่า

    "พี่ก็รู้นะครับ ว่าผมเคารพหลวงพ่อแค่ไหน พี่ตอบผมหน่อยได้ไหม ว่าทำไมท่านทำกับผมอย่างนั้น"
    กูนึกแล้ว ! เอ๊ย หลวงตานึกอยู่แล้วว่าแกต้องพูดแบบนั้น โธ่เอ๋ย แม่เจ้าประคุณภรรยายังผสานเสียงร้องไห้ ถามออกมาเสียงชัดเชียวว่า

    "นั่นสิคะ พี่ เรารักท่าน ท่านน่าจะทราบ พี่เขาไม่เคยทุ่มน้ำใจให้พระองค์ไหนขนาดนี้ เมื่อไม่รับแล้วทำไมต้องฆ่ากันด้วย"

    โอย...เอาเข้าไป ใครจะไปตอบได้ ลูกหลานเอย หลวงตาขณะนั้นก็คือคนธรรมดา หาความวิเศษอะไรไม่ได้ จึงต้องรีบนึกถึงพ่อ ช่วยจับใจจับปากลูกด้วย ถ้าตอบเขาไม่ได้วันนี้ พ่อคงจะไม่เป็นอะไร แต่ลูกจะขาดใจตายอยู่แล้ว ตอนนั้นในใจนึกเห็นภาพอู่ซ่อมรถชัดเจนในใจ จึงพูดออกไปตามภาพ

    "คุณสมานใช้รถมากี่คัน"
    "หลายคัน พี่ถามทำไม" เสียงแกไม่น่ารักเลย สะบัดๆบูดๆ
    "เคยใช้รถเก่าไหม"
    "เคยสิพี่ ผมไม่ใช่คนรวยกับเขานี่ ที่พี่ถามมันเกี่ยวอะไรกับที่หลวงพ่อด่าผมด้วย"
    ยิ่งกระแทกแดกดันคันหู แต่หลวงตากลับรุกต่อ

    "รถเก่านี่ ถ้าจะเปลี่ยนสีใหม่ ต้องเอาสีเก่าออกก่อนใช่ไหม"
    เงียบ !.................
    "เขาต้องเอาลวดเหล็กมาฟาดเคาะสะเดาะสี เอาเกรียงเหล็กมาไถมาแทงให้สีหลุดใช่ไหม"
    เงียบ !..................
    "ถ้าสีเก่าพอกหนาน่าเกลียดมาก ก็ต้องเอาไฟช่วยเป่าเอากระดาษทรายหยาบขัด กระดาษทรายละเอียดขัด เอาสีพื้นใหม่โป๊ะโป๊วลงไป ขัดออกให้เรียบ"

    "พี่ พูดต่อ พี่พูดต่อ" เอาแล้ว คุณสมานไม่รู้คิดอะไร ได้ขึ้นมา เสียงเริ่มใสมีชีวตชีวาขึ้นมาเชียว
    "แล้วจึงลงสีใหม่ พ่นเคลือบจนสวยงามตามต้องการใช่ไหม คุณสมาน"

    ถนนแทบแตก ! คุณสมานเบรครถหยุดชิดขอบถนนซอยสายลมประนมมือกลับไปทางบ้านสายลมที่พ่อพักอยู่

    "หลวงพ่อครับ ผมขอขมาหลวงพ่อ ผมมันคนเลว หยาบหยามจนไม่เข้าใจความเมตตาของหลวงพ่อ"
    แกร้องไห้ดังเลย ภรรยานั่งข้างหลังรถตกใจเลิกร้องไห้ทันที แล้วแกก็รำพันนองน้ำตา

    "ผมมันคนมานะหนามานาน ผมไปหาครูบาอาจารย์มามาก ทั้งหลวงพ่อชา หลวงปู่เทสก์ หลายองค์ ฮือ..ฮือ"
    หลวงตางง ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

    "ฮือ ทุกองค์ชมผมดีหมด"
    ฮือไป เช็ดขี้มูกด้วย ตอนนี้น่าเอ็นดูขึ้นมาก
    "ทุกองค์บอกว่า ผมทำบุญมาดีแล้ว ถ้าไม่ละความเพียรก็สามารถไปนิพพานในชาตินี้ได้ ฮือ..ก็มีหลวงพ่อนี่แหละที่เจอหน้าก็ด่าเลย หลวงพ่อไม่กลัวผมเสียใจเลย
    หลวงพ่อฟาดสีทิฏฐิมานะหลงตัวเองที่พอกใจผมมานานแล้ว ฮือ.."

    ตอนนี้ร้องดังกว่าเดิม แม่ภรรยาร้องตาม
    "หลวงพ่อครับ ฟาดผม เฆี่ยนผมเถอะครับ ลอกสีเก่าผมเถอะครับ พรุ่งนี้ลูกจะไปกราบพ่อผู้รู้ใจ ให้เมตตาลงสีใหม่ให้ผม ผมขอมอบกายถวายชีวิต ฮือ.."
    โอย..หลวงตาโล่งใจ เป็นสุขใจ ที่สุดในชีวิต


    ยังไม่จบ....

    รุ่งขึ้นคุณสมานและภรรยาก็รีบมา ตั้งแต่เที่ยงกว่า ๆ ตอนนั้นพ่อฉันเพลเสร็จก็นั่งรับแขกอยู่ตามปกติ พอคุณสมานและภรรยาเข้ามาในห้อง พ่อก็กวักมือเรียกทันที

    "ลูกชายลูกสาวเอ๊ย มา เข้ามาใกล้ ๆ พ่อ เออ คิดได้อย่างนี้เป็นคนดี ควรมอบกายถวายชีวิตให้พระพุทธเจ้าได้ ควรเป็นศิษย์เป็นครูกันได้"

    โฮ..เลย โห่ร้องไห้ระงมสมใจกลั้นเลย น้ำหูน้ำตาน้ำมูกนองหน้ากันเลย หน้ายังงี้บานเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญกันเลยละ เมื่อวานนี้ร้องรันทดแทบขาดใจ มาวันนี้ร้องปิติเต็มใจสมปรารถนา

    แล้วหลวงพ่อก็สอนหัวข้อธรรมให้คุณสมานด้วยเสียงเบา ๆ ด้วยสีหน้าท่าทางที่สบาย ๆ
    หลวงตาก็มีความสุขที่คุณสมานและภรรยามีความสุข

    เจ้าประคุณเอย ใจที่หยั่งรู้ของพ่อนั้นลึกล้ำยาวไกลนักหนา วิธีการสอนทรมานศิษย์ก็แยบยลหาญกล้าประมาณไม่ได้ ช่างไม่กลัวศิษย์จะขาดใจตายหรือโกรธจนเป็นมิจฉาทิฏฐิไปเสียก่อน

    พ่อเอย..ความหยั่งรู้เอย ความงามแห่งสีหนาทบันลือเอย
    แต่ค่อนข้างจะ..กราบขอประทานอภัยจะ..แรงฤทธิ์แรงเกินกว่าที่ใจมนุษย์มนาเขาจะรับได้เสียจริงหนอ....
     
  7. taxrefund

    taxrefund เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +234
    ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะที่นำสิ่งที่ดีมีคุณค่ามาให้อ่าน
     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    "บอกให้ไป...ไปไหนก็ได้ นรกที่ไหนก็ได้ ถอยไปห่างๆเลย (2)"



    มรดกพระดี ตอนที่ 8 (ตอนจบเรื่องคุณสมาน)


    ก็...มาฟังมาอ่านกันต่อ


    เล่ามาถึงตอนไหนแล้วหนอ... ถึงตอนที่คุณสมานชาญสมรและภรรยาผู้ต้องฤทธิ์พระคุณพ่อ จนหลั่งน้ำตาจ้องหน้า คาดคั้นเอาเรื่องกับหลวงตาจนตะครั่นตะครอพอๆกัน จากวันนั้นถึงวันนี้ ที่เขียนต้นฉบับเล่าเรื่องนี้อยู่ ...ยังไม่มีเหตุการณ์อันใดจะทำให้หลวงตาอับจนปัญญาบารมีได้เกินกว่าเหตุการณ์นั้น อย่างมากที่เพียงพอเสมอกันได้อีกสัก 3 ครั้ง แล้วจะทยอยเล่าให้ลูกหลานฟังตามลำดับไป

    เอาตอนนี้ก่อน...คืนนั้นหลังเลิกพระกรรมฐาน คุณสมานและหลวงตา(ผู้ยังไม่ได้บวช) นั่งหน้าบูดคนหนึ่ง หน้าจืดคนหนึ่งอยู่เบาะด้านหน้า คุณภรรยาของทั้งคู่ก็นั่งหน้าหมองหน้าเฉยมาด้านหลัง คุณสมานขับรถมาได้เพียง 100 เมตรจากบ้านสายลม แกทนไม่ไหวระเบิดภาษาใจออกมาว่า

    " พี่ก็รู้นะครับ...ว่าผมเคารพหลวงพ่อแค่ไหน พี่ตอบผมหน่อยได้ไหม ว่าทำไมท่านทำกับผมอย่างนั้น ? "

    กูนึกแล้ว !... เอ้ย หลวงตานึกอยู่แล้วว่าแกต้องพูดอย่างนั้น โอย... โธ่เอ๋ย... แม่เจ้าประคุณภรรยายังผสานเสียงร้องไห้ ถามออกมาเสียงชัดเชียวว่า...

    " นั่นซิคะ...พี่... เรารักท่าน ท่านน่าจะทราบ พี่(สมาน)เขาไม่เคยทุ่มน้ำใจให้พระองค์ไหนขนาดนี้ เมื่อไม่รับแล้วทำไมต้องฆ่ากันด้วย ! "


    โอย.....เอาเข้าไป ใครจะไปตอบได้ ความทุกข์ของหลวงตาผู้รักเคารพเชื่อมั่นในองค์ครูบาอาจารย์ แต่ตอบเขาไม่ได้ว่าทำไมท่านทำกับเขาอย่างนั้น.... ลูกหลานคงทราบว่ามันทุกข์ระดับไหน

    (วงเล็บให้สักหน่อย : คนรู้เรื่องเดิมแล้วก็ข้ามไป ไม่ต้องอ่าน เผื่อไว้สำหรับคนที่ลืมเรื่องเดิมหรือคนที่เพิ่งมาอ่านเป็นครั้งแรกฉบับนี้ เดี๊ยวงุนงงขาดรสชาติไป.... คือคุณสมานและภรรยาเคารพศรัทธาหลวงพ่อฤาษีฯ... พ่อของผู้เขียนเป็นที่สุด มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์กลับโดนพ่อตวาดด่าว่า ให้ถอยออกไปห่างๆ ถอยไปไหน ก็ได้ห่างๆเลย ไปนรกเสียเลยก็ได้.... คุณสมานก็ถอยออกมาร้องไห้กับภรรยา คอยหลวงตาจากบ่าย 3 โมงจนเลิกกรรมฐาน 3 ทุ่ม... แล้วก็ถามหลวงตาอย่างที่เขียนให้ฟังนี่แหละ...)

    ลูกหลานเอย...หลวงตาขณะนั้นก็คือคนธรรมดาๆ หาความวิเศษอะไรไม่ได้(ตอนนี้พระแก่ธรรมดาหาอะไรดีไม่ได้) จึงต้องรีบนึกถึงพ่อ...ช่วยจับใจจับปากกาลูกด้วย ถ้าตอบเขาไม่ได้วันนี้ พ่อคงจะไม่เป็นอะไร แต่ลูกจะขาดใจตายอยู่แล้ว ตอนนั้นในใจนึกเห็นภาพอู่ซ่อมรถชัดเจนในใจ จึงพูดออกไปตามภาพ... พูดเต็มเสียง เต็มใจเลย....


    " คุณสมานใช้รถมากี่คัน..."


    " หลายคัน พี่ถามทำไม " เสียงแกไม่น่ารักเลย สะบัดๆ บูดๆ


    " เคยใช้รถเก่าไหม..."


    " เคยซิพี่...ผมไม่ใช่คนรวยกับเขานี่... ที่พี่ถามมันเกี่ยวอะไรกับที่หลวงพ่อด่าผมด้วย ! "

    เอายิ่งกระแทกแดกดันคันหู แต่หลวงตากลับรุกต่อ


    " รถเก่านี่..ถ้าจะเปลี่ยนสี ต้องเอาสีเก่าออกก่อน ใช่ไหม "


    เงียบ !

    " ....เขาต้องเอาลวดเหล็กมาฟาดเคาะสะเดาะสี เอาเกรียงเหล็กมาไถมาแทงให้สีหลุด ใช่ไหม..."


    เงียบ !

    " ถ้าสีเก่าพอกหนาน่าเกลียดมาก ก็ต้องเอาไฟช่วยเป่า เอากระดาษทรายหยาบขัด กระดาษทรายละเอียดขัด เอาสีพื้นใหม่โป๊ะโป๊วลงไป ขัดออกให้เรียบ..."

    " พี่...พูดต่อ...พี่พูดต่อ !...." เอาแล้ว คุณสมานไม่รู้คิดอะไรได้ขึ้นมา เสียงเริ่มใสมีชีวิตชีวาขึ้นมาเชียว


    " ...แล้วจึงลงสีใหม่ พ่นเคลือบจนสวยงามตามต้องการ ใช่ไหม คุณสมาน ! "

    ถนนแทบแตก ! คุณสมานเบรครถหยุดชิดขอบถนนซอยสายลม ประนมมือกลับไปทางบ้านสายลมที่พ่อพักอยู่

    " หลวงพ่อครับ...ผมขอขมาหลวงพ่อ... ผมมันคนเลว หยาบหยามจนไม่เข้าใจความเมตตาของหลวงพ่อ... "

    แกร้องไห้ดังเลย ภรรยานั่งข้างหลังรถตกใจเลิกร้องไห้ทันที แล้วแกก็รำพันต่อนองน้ำตา

    " ...ผมมันคนมานะหนามานาน ผมไปหาครูบาอาจารย์มามาก ทั้งหลวงพ่อชา หลวงปู่เทสก์ หลายๆ องค์....ฮือ....."

    หลวงตางง...ยังจับต้นชนเหตุการณ์ไม่ถูก

    " ...ฮือ...ทุกองค์ชมผมดีหมด..."

    ฮือไป เช็ดขี้มูกด้วย ตอนนี้น่าเอ็นดูขึ้นมาก


    " ...ทุกองค์บอกว่า ผมทำบุญมาดีแล้ว ถ้าไม่ละความเพียร ก็สามารถไปนิพพานในชาตินี้ได้ ฮือ....ก็มีหลวงพ่อนี่แหละที่เจอหน้าก็ด่าเลย หลวงพ่อไม่กลัวผมเสียใจเลย หลวงพ่อฟาดสีทิฏฐิมานะหลงตัวเองที่พอกใจผมมานานแล้ว ฮือ.."

    ตอนนี้ร้องดังกว่าเดิม แม่ภรรยาร้องตาม...


    " หลวงพ่อครับ ฟาดผม เฆี่ยนผมเถอะครับ ลอกสีเก่าผมเถอะครับ พรุ่งนี้ลูกจะไปกราบพ่อผู้รู้ใจ ให้เมตตาลงสีใหม่ให้ผม ผมขอมอบกายถวายชีวิต ฮือ.."

    โอย..หลวงตาโล่งใจ เป็นสุขใจ ที่สุดในชีวิต

    ยังไม่จบ....รุ่งขึ้นคุณสมานและภรรยาก็รีบมา ตั้งแต่เที่ยงกว่า ๆ ตอนนั้นพ่อฉันเพลเสร็จก็นั่งรับแขกอยู่ตามปกติ พอคุณสมานและภรรยาเข้ามาในห้อง พ่อก็กวักมือเรียกทันที

    " ลูกชายลูกสาวเอ๊ย มา เข้ามาใกล้ ๆ พ่อ เออ คิดได้อย่างนี้เป็นคนดี ควรมอบกายถวายชีวิตให้พระพุทธเจ้าได้ ควรเป็นศิษย์เป็นครูกันได้ "

    โฮ..เลย โห่ร้องไห้ระงมสมใจกลั้นเลย น้ำหูน้ำตาน้ำมูกนองหน้ากันเลย หน้ายังงี้บานเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญกันเลยละ เมื่อวานนี้ร้องรันทดแทบขาดใจ มาวันนี้ร้องปิติเต็มใจสมปรารถนา

    หลวงตาก็มีความสุขที่คุณสมานและภรรยามีความสุข

    หลวงตาสบายใจและมั่นใจในตัวพ่อ....เจ้าประคุณพ่อเอย...ใจที่หยั่งรู้ของพ่อนั้นลึกล้ำยาวไกลหนักหนา วิธีการสอนทรมานศิษย์ก็แยบยลกล้าประมาณไม่ได้ ช่างไม่กลัวศิษย์จะขาดใจตายหรือโกรธจนเป็นมิจฉาทิฏฐิไปเสียก่อน

    แล้วพ่อก็สอนหัวข้อธรรมให้คุณสมานด้วยเสียงเบา ๆ ด้วยสีหน้าท่าทางที่สบาย ๆ

    หลวงตาฟังไม่รู้เรื่อง...ใจเรานี่เบิกบานซ่านไปสุดขอบฟ้า

    พ่อเอย..ความหยั่งรู้เอย ความงามแห่งสีหนาทบันลือเอย

    แต่ค่อนข้างจะ..กราบขอประทานอภัยจะ..แรงฤทธิ์แรงเกินกว่าที่ใจมนุษย์มะนาเขาจะรับได้เสียจริงหนอ....


    ลูกหลานเอย...ใช่ว่าพ่อสอนด้วยอภิญญาสมาบัติไหมหนอ ?


    อ่านมาถึงตอนนี้ ลูกหลานหลายคนที่สงสัยว่าทำไมหลวงตาจึงกลัวพ่อนักหนา ก็คงพอเข้าใจบ้างแล้ว

    ลูกหลานเอย...มนุษย์ในโลกส่วนใหญ่ก็ถูกความกลัวครอบงำกันทั้งนั้น บางคนก็กลัวลำบาก กลัวคนมีอำนาจ


    คนบางพวกกลัวคนดี กลัวความดี


    อย่างหลวงตานี่แหละ..กลัวคนดี กลัวหลวงพ่อฤาษีฯ....


    สมัยโน้น... ปี 2517...18 โน่น...! วัดท่าซุงยังแคบและมีอาคารน้อย คือขนาดเดินหลบพ่อไม้พ้นนั่นแหละ...หัวอกหลวงตาเอย...คนอื่นคนไกลเขามาที่วัด เขาก็มาหาพ่อ นั่งมองหน้าฟังเสียงที่ท่านบันลือธรรม ไม่มีใครเขาอยากจะลุกไปจากคลองสายตา เพราะว่าท่านที่มาที่กล้ารอหน้าบันเทิงอารมณ์เขาเป็นคนดีกัน...


    พ่อสอนอย่างไร เขาปฏิบัติใจประพฤติตัวตามคำสอน


    เขาก็มีความสุข มีศรัทธาหาญกล้าไม่คิดจะสงสัย

    จะได้ดีเร็วช้ามากน้อยอย่างไร ก็ทรงกายทรงใจอยู่กับท่านได้ด้วยดีเสมอมา...หลวงตาเองนี่ก็กล้าพูดคับฟ้าว่ารักและศรัทธาพ่อ ถวายชีวิตให้พ่อไม่เคยกินแหนงแคลงใจ แต่ว่า..ลายมันคอยจะออก


    แล้วก็ไม่ใช่ลายเสือเสียด้วย...

    ตอนนั้น หลวงตาบวชได้พรรษาแรก


    ก็อย่างที่รู้ๆ กันในหมู่พระลูกๆ ของพ่อว่าใจของพวกเรานี่ ยังมีพลานุภาพมหาศาล คาใจอยู่อย่างน้อยก็หนึ่งอย่าง

    นั่นก็คือความอยากเป็นพระอรหันต์

    แล้วไม่ใช่พระอรหันต์แบบธรรมดา (ขอประทานอภัยท่านที่ไม่ได้คิดเลวๆ หยาบๆ อย่างหลวงตา) ต้องเป็นพระทรงอภิญญา สำหรับหลวงตานี่อยากเป็นปฏิสัมภิทาญาณไปโน่น.... ถึงขนาดนั้นนั่นแหละ.... โอยอายมือผู้เขียน อายสายตาท่านผู้อ่านแล้วก็คิดว่าการที่จะบรรลุมรรคผลขนาดนั้นจะต้องเป็นพระที่ได้ใกล้ชิดพ่อ ได้รับคำรับรองจากพ่อ

    ภาพที่ออกมาก็คือ คอยจะเสนอหน้า สบตา กระดิกหู คอยสดับเสียงให้พ่อทักว่าพระดีมาแล้วหรือ...(หลวงตาต้องขอชมตัวเองที่กล้าเขียนถึงขนาดนี้)


    แต่ผลก็คือ พ่อไม่เคยมองหน้าสักแว้บเดียว


    เออ..เราก็เสียใจ พี่น้องท่านอื่นเขานั่งล้อมหน้าดาหลังอุ่นหนาฝาคั่ง เราทำไมเกิดมาเงียบเหงา..อย่างนี้หนอ ?


    อย่าว่าแต่พระหรือฆราวาสคนอื่นเขาเลย แม้แต่หมาอย่างสิงห์ดอกกับโคล่า ยังมีโอกาสเดินตามนั่งพินอบหมอบนอนให้ท่านทักปราศัย วาสนาหลวงตานี่..เทียบหมาแล้วยังไม่บังอาจจะเปรียบได้


    แต่ใจมันมีกำลังความอยาก

    อยากให้พ่อทักทายเรียกใช้ใกล้ชิด

    อยากให้พ่อพยากรณ์เนรมิตให้เราเป็นพระอรหันต์

    แล้ววันที่หลวงตารอคอยก็มาถึง..



    วันนั้นพ่อนั่งอยู่ใต้ร่มหูกวางหลังโบสถ์ ริมบันไดทางขึ้นไปศาลา 12 ไร่ มีพระสงฆ์นั่งห้อมล้อมหน้าอิ่มเอิบเบิกบานบารมีกันถ้วนหน้า หลวงตาก็เดินมาจากศาลานวราชหน้าโบสถ์จะกลับที่พักกุฏิทรงไทยด้านหลังโบสถ์ ก็ต้องเดินผ่านพ่อผู้นั่งสบายอิริยาบถอยู่

    ใจหนึ่งอยากจะแวะเข้ากราบให้ท่านเห็น

    ใจหนึ่งบอกว่าให้หลีกเลี่ยงเข้ากุฏิเสีย

    เสียงพ่อทักดังชัดเจนมาอย่างนี้...


    " สิงห์ดอกหรือลูก...เอ้อ..หายไปไหนมาหว่า มา.มา เข้ามานั่งใกล้ๆ พ่อ.. " ท่านตบหัวลูบหลังหมาตัวโปรด


    " เออ..คนเก่งของพ่อเชียวนี่..เป็นนายยามใกล้ชิดตัวเดียวเลยละนี่ เอ้อ...นี่ ! ต้องเข้าใกล้กันจึงจะเก่งจึงจะดี เออ...นี่ละคนเก่ง เขาเป็นกันอย่างนี้.."


    โอย..พูดไปก็ลูบหลังตบหัวหมาไป แต่เสียงท่านทำไมมันวิ่งดังเข้าไปกินแก้วหูเรา พูดจบก็เงยมองมาทางเราพอดี


    " อ้าว...! (เรียกชื่อหลวงตา) ...หรือไปไหนมาหว่า...เออ อยู่กุฏิหลังไหนนี่.."


    " กุฏิ 3 ครับผม..." ตอบพลางไหว้พลางเดินเข้ากุฏิดิ่งไม่ว่อกแว่ก กลัวท่านจะทักต่อ (กลัวทักต่อว่า..เออ เข้ามานั่งใกล้ๆ....คนเก่งเชียวนี่..อะไรทำนองนี้)


    วันนั้นจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเรานี่อยากเป็นหมา เป็นหมาของพ่อที่คอยให้พ่อปลอบโยนทายทัก....นี่ไม่ได้บังอาจพูดกระทบน้อง พี่ ครูอาจารย์ที่นั่งล้อมรอบสนองงานพ่อเป็นประจำ วาสนาบารมีหน้าที่อันอธิษฐานกันมาอย่างไร ก็ต้องทำอย่างนั้นนี่...พูดเล่าถึงอารมณ์เลวของหลวงตาที่ไม่รู้จักวาสนา ไม่ใช้ปัญญา แต่ไปเทียบบารมีกับพี่น้องต่างหน้าที่ ก็ไปริษยามานะเอากับท่านจนเสียเวลาทำความดีไปนานหลายปีนัก...

    .............................

    พอมาอยู่ที่วัดเขาวงจึงนึกขึ้นได้ว่า..พ่อเคยถามว่าตอนนี้ทำ(หน้าที่)อะไรอยู่....ก็กราบเรียนว่ากวาดทำความสะอาดโบสถ์ สวดปาติโมกข์ และสอนพระกรรมฐานตามที่พ่อสั่งทราบอยู่ ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนนั้นว่า

    " เออ..ขณะที่ยังไม่ได้เรียกใช้ ไม่ได้มอบหมายหน้าที่อื่น ก็ไม่ต้องไปหางานอื่นทำ รีบทำความเพียรให้มากที่สุดไปก่อน เมื่อถึงเวลาใช้ทำงาน จะได้เหนื่อยแต่กาย แต่ใจเป็นสุข.."

    พอนึกออก จึงได้เข้าใจว่าตัวเองนี่ โง่ยิ่งกว่าหมา


    คำสอนอันแยบยล คือมรดกธรรมอันล้ำค่า


    ยากเกินกว่าที่คนน่ารักน่าชังแบบหมา ๆ จะเข้าใจได้จริง ๆ


    จนมาถึงทุกวันนี้ ณ ที่เขียนบันทึกอยู่ที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) จังหวัดสระบุรี คนโง่อย่างหลวงตาจึงพอจะรู้ว่า คนที่จะทำการประสบความสำเร็จในสิ่งใดก็ตาม คนนั้นจะต้องมีต้นแบบ มีตัวบุคคล ที่ใจของตนจะต้องรัก ศรัทธา อยู่ในใจและเต็มใจตลอดเวลา ต้องเห็นมา และเข้าใจงานของท่านที่ทำสำเร็จประโยชน์ต่อโลก ต่อส่วนรวม ต่อตนและคนของท่าน และวิธีวิถีทางของยอดคนนั้น มันเข้าได้กับทางของเรา เข้าได้เสียสนิทใจเต็มใจ..จนยินยอมพร้อมใจจะทำตามจนกว่าสำเร็จไปทีละสิ่ง แต่ละจุดหมายของชีวิต ตามวิถีที่ท่านประทับนำทาง ทำอย่างมั่นใจว่า คนของท่านคนนี้ต้องได้..


    หลวงพ่อฤาษีฯ...พ่อของหลวงตาท่านมีศรัทธาในพระพุทธเจ้า ในพระอริยสงฆ์ครูบาอาจารย์ มีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคเป็นที่สุด ท่านมั่นใจในพระธรรม มรรควิถีที่ครูท่านสอน ท่านมอบกายถวายชีวิตทำความดีนั้นไม่ลังเลท้อถอย


    ทั้งงานก่อสร้าง วิหารทานให้เป็นสมบัติพระพุทธศาสนา งานสาธารณสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนผู้ยากจนตามความสามารถที่ทำได้


    ทั้งงานสั่งสอนอบรมพระกรรมฐานแก่ศิษยานุศิษย์ และที่สำคัญที่สุดท่านฝึกฝนตัวเองจนมั่นใจที่จะวางใจตัวเองและสอนผู้อื่นได้ สั่งสอนด้วยกุศโลบายและกำลังใจอ่อนโยนด้วยเมตตาและความเข้มแข็งแรงกล้าเกินธรรมดา ด้วยอำนาจจิตที่หยั่งรู้และสามารถสอน พ่อทำได้ตลอดมา..ผ่านมาและผ่านไป จนจบกิจกรรมพ้นวิเศษไปแล้ว เพราะว่าพ่อมีศรัทธาอันบริสุทธิ์และมากมายไม่ต้องประมาณดังกล่าวแล้ว





    (จากหนังสือ มรดกพระดี หน้า 85-95)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2024
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    (IMG_20180101_141333.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2024
  10. sazaki

    sazaki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +284
    น้ำตาซึมเลยครับ
     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    ____4_167.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2024
  12. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    โมทนาสาธุอย่างยิ่งครับ


    พระคาถาเงินล้านของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี​
    ตั้ง นะโม ๓ จบ
    สัมปะจิตฉามิ (คาถาสนองกลับ)
    นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน)
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
    มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
    มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
    เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา






    (บูชา 3,7,9 จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    0001 (72).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2024
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    32FAFDB4-CA91-4C1B-8CBE-DAB4F4A9F91D_zpsw9vqdgrd.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2024
  15. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,633
    สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702

แชร์หน้านี้

Loading...