{{หลวงพ่อคูณ257}}ศึกษาพระสมเด็จ/เบญจภาคีองค์ครู26ขุนแผนพรายกุมาร4ลพ.พรหม68พ่อท่านคลิ้ง105

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย Amuletism, 2 มกราคม 2012.

  1. ทิพย์มงคล

    ทิพย์มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,892
    ค่าพลัง:
    +8,215
    องค์นี้สวยแชมป์จริงๆครับ สุดยอด:cool:
     
  2. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    สวัสดีครับพี่ Amuletism ขอต้อนรับกลับบ้านโดยสวัสดิภาพและขอสว้สดีพี่ กรุพระ พี่ ทิพย์มงคล พี่ captainzire พี่ ryan boy และพี่ ๆ น้องๆ ทุกๆ ท่านขอให้มีความสุขกับการศึกษาสะสมพระเครื่องที่แต่ล่ะท่านชื่นชอบน่ะครับเก็บพระดีเงินไม่สูญเปล่าแน่นอนแถมยังอุ่นใจไม่ว่าจะอยู่หรือไปที่ไหนผ่านตลอด
     
  3. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    ขอบคุณมากครับ พี่โอกระบี่
    ตอนแรกพอทราบว่าต้องไปพม่า
    ก็ไม่ค่อยกล้าแขวนพระแพงๆ ไปครับ
    แต่ก็คิดว่าประเทศไม่ปลอดภัย
    ก็ต้องใช้ของดี ก็เลยใช้ชุดที่โชว์ไว้ครับ
    ที่จริงเพิ่งได้หลวงพ่อเงินมา อยากแขวนไปเหมือนกัน
    แต่ยังไม่ค่อยกล้า กะว่าเอาแบบกลางๆ
    ว่าไปแล้ว รวมๆ กันก็เป็นหลักแสนเหมือนกัน
    แต่คุ้มครับ ทุกอย่างเรียบร้อยและราบรื่น
    และก็จริงอย่างที่พี่โอว่าคือเก็บพระ
    ขอให้เป็นพระแท้ พระดี พระสวย
    มีแต่ได้ครับ ได้พุทธคุณและราคาก็ขึ้นจนน่าใจหายครับ
     
  4. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    เรื่อง ประสบการณ์ อภินิหาร หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร ตอนที่ 1
         
         ประสบการณ์ อภินิหาร แรกเหตุเกิดขึ้นเมื่อประมาณ เดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2534 มานี้เองครับ ที่บริเวณ หน้าโรงงาน รองเท้าบาจา ถนนสายกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ตัด ถนนอ่อนนุช กับบางนาตราด ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ สี่ทุ่มเศษ
         หลังจากปิดร้านขายอาหาร หน้าโกดังกันตารัติ 2 ริมถนนเส้นเดียวกันนี้เรียบร้อยแล้ว คุณพิชัย ทับทิมทอง ก็ได้ขับรถพาภรรยาพร้อมลูกสาว รวมทั้งตัวเขาเองรวมเป็นสามคน ออกจากหน้าร้าน เพื่อมุ่ง หน้ากลับหมู่บ้าน เคหะนคร 2 ซึ่งอยู่เลยทางแยกมีนบุรี ไปเล็กน้อย

         ขณะที่ขับรถผ่านมาถึงหน้าโรงงานรองเท้าดังกล่าว ก็เร่งเครื่องแซงรถบรรทุกออกไปทางเลนขวา ก็ปรากฎว่ามีรถสองแถวสวนมาอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณพิชัย บอกตนเองว่าไม่พ้นแน่ๆ จึงรีบหักเข้าซ้าย ทันที ทำให้รถเสียหลักส่ายไปมาอยู่กลางถนน
         ก็ปรากฎว่า มีรถสองแถวอีกคันหนึ่งวิ่งตามกันมาห่างพอควร เป็นจังหวะที่คุณพิชัยรถพุ่งออกกลางถนน จึงกระทบกับล้อด้านหน้าของสองแถวคันนั้น และก็เลยเสียบเข้าล้อหลัง เสียงดังสนั่น ปรากฎ ว่ารถคุณพิชัยพุ่งลงข้างทาง แล้วกระเด็นลงไปหยุดนิ่งแช่น้ำอยู่ในคูข้างทาง
         ส่วนรถสองแถวก็หงายท้องพลิกลงข้างทางฝั่งตรงกันข้าม ปรากฎว่า ล้อคู่ที่ถูกชนใช้การไม่ได้เนื่องจากกระทะล้อคดเสื้อเหลาท้ายงอ และยังเสียหายจากการพลิกคว่ำอีกมาก แต่ผู้ขับไม่เป็นอะไร ส่วนผู้โดยสารไม่มี เนื่องจากจะนำรถกลับบ้านแล้วเพราะดึกมาก ส่วนรถเก๋งยี่ห้อฟอร์ด ของคุณพิชัยพังยับทั้งคันใช้การไม่ได้เลย ต้องขายเป็นเศษเหล็ก เนื่องจากเหตุที่ชนกันอย่างแรงนั้นเองครับ
         แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดและน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งครับ เพราะทั้งสามคนที่มากับรถคันนี้ มีคุณพิชัย บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะไม่เคยเห็นที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นรุนแรงขนาดนี้ กลับไม่มีผู้ใดเป็นอะไรเลย
         คุณพิชัยบอกว่าเขาไม่มีอะไรติดตัวมาเลยในวันนั้น จะมีก็แต่รูปจากปกหนังสือที่ดูแล้วสวยงามมาก เป็นภาพหลวงพ่อเงินรูปหล่อพิมพ์นิยม คุณพิชัย ภรรยาและลูกสาววัย สิบสองขวบของคุณพิชัยเอง ได้มองเห็นพระภิกษุชรามากแล้วยืนเอาฝ่ามือทั้งสองข้างดันรถไว้ไม่ให้กระแทกรุนแรงพอออกมาจากรถแล้วพระภิกษุรูปนั้นเหมือนกับรูปที่ติดอยู่ก็หายไปครับ
         เขาเล่าเหมือนกันทั้งสามคนว่า เห็นจริงๆท่านอายุมากแล้ว ทำไมถึงแข็งแรงอย่างนั้น คุณพิชัยยังพูดติดตลกอีกว่า ใจตนเองนั้นคิดว่าโชคสองต่อ คือชนกันเองแล้ว ยังจะชนพระที่เดินอยู่ข้างทางอีก งานนี้คงไปยาวกันแน่ๆ
         แต่พอออกมามองหาก็ไม่เจอจึงคิดว่าต้องเป็นพระจากภาพนั้นแน่ๆที่ท่านช่วยไว้ และยังพูดอีกว่า ถ้างานนี้เรียบร้อยแล้ว จะไปเช่า "รูปหล่อพิมพ์นิยม" หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร มาแขวนคอคนละองค์
         โดยสรุปจากเหตุการณ์นี้ ขนาดเพียงภาพจะปกหนังสือนะครับ หลวงพ่อเงินท่านยังมีอภินิหารถึงเพียงนั้น ช่วยแม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยใช้พระไม่เคยรู้เรื่องวงการพระ และยังไม่รู้ด้วยว่า หลวงพ่อเงิน คือพระอะไร อยู่ที่ไหน และท่านเก่งอย่างไร ขนาดรถคันนั้นชนแล้ว ต้องเอาไฟแก๊สตัดชั่งขายเป็นเศษเหล็กเลยแหละครับทุกๆท่าน
         ประสบการณ์ อภินิหาร ต่อมาเป็นเรื่องอภินิหารของเหรียญหลวงพ่อเงิน โดยวัตถุมงคลต่างๆ ของหลวงพ่อเงินมีเสียงร่ำลือในด้านอภินิหารเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปหลายเรื่อง ซึ่งเก่งทั้งทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี ดังข้อความที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับประจำ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2516 ว่า
         คดีฆาตกรรมอุกอาจรายนี้ อุบัติขึ้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2516 จ.ส.ต.จำเนียร นิลนาค หัวหน้าสายตรวจประจำตำบลบางไผ่ อ.บางมูลนาค จ.พิจิตร ได้แจ้งว่า
         นายสุวรรณ ขุนทาสดี อายุ 31 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 12 ต.บางไผ่ ถูกคนร้ายยิงตาย ขณะขี่รถจักรยานยนต์มากับ น.ส.พรทิพย์ อินทร์บึง วัย 16 ปี น.ส.วันเพ็ญ มณีชม วัย 17 ปี และน.ส.อุบล อินทร์บึง วัย 17 ปี หลานสาวกลับจากดูดนตรีที่วัดคลองข่อย โดยขี่จักรยานยนต์มาตามถนนสายพิจิตร - บางมูลนาค
         ระหว่าง ก.ม.ที่ 22 - 23 ได้ถูกคนร้ายยิงจากสองข้างถนน กระสุนปืนถูกบริเวณทรวงอกของนายสุวรรณล้มลงตายคาที่ ทั้งนี้เป็นเหตุให้ น.ส.พรทิพย์ และ น.ส.อุบล ต่างล้มกลิ้งไปคนละทาง เพราะถูกลูกหลงบาดเจ็บ
         สำหรับ น.ส.วันเพ็ญ ถูกยิงอย่างจังที่บริเวณท้องด้วยปืนขนาด .38 แต่ไม่เข้า น.ส.วันเพ็ญ เผยว่า เพราะตนมีเหรียญหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร แขวนอยู่ที่คอนั้นเองครับ

         ประสบการณ์ อภินิหาร ลำดับต่อมาเป็นเรื่องราวของลูกประคำหลวงพ่อเงิน วัตถุมงคลอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นของโปรดของท่าน เพราะท่านใช้ประจำในเวลานั่งวิปัสสนา พูดง่ายๆก็คือ นั่งไปนับไปนั่นเอง
         ระหว่างนั้น นายเป๋ อ่อนละมัย ชาวบ้านบางคลานผู้หนึ่ง ได้มาฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อจนได้รับความไว้วางใจ นายเป๋ได้บวชอยู่กับหลวงพ่อถึง 8 พรรษา เมื่อสึกแล้วหลวงพ่อก็ได้มอบลูกประคำอันเป็นที่รักแก่ทิดเป๋ ลูกประคำนี้ทำด้วยงาช้าง และกะลามะพร้าว กับพระธาตุฉิมพลี ลูกประคำนี้นับว่าใหญ่มาก เพราะใหญ่เท่าๆกับเม็ดมะขามป้อม วันที่หลวงพ่อมอบให้ทิดเป๋ หลวงพ่อสั่งกำชับจงเก็บรักษาให้ดี ของนี้ถึงคราวจนก็ไม่จน ถึงคราวยากก็ไม่ยาก ทิดเป๋ดีใจนักได้เก็บรักษาไว้ดีที่สุดจนกระทั่งทิดเป๋ตายลูกประคำนี้ก็ตกทอดมาถึงบุตรชื่อ เชวง โดยนายเชวง มีเรื่องเล่าให้ฟังว่า
         วันหนึ่งมีเหล่าโจรปล้นกลุ่มหนึ่ง มีอาวุธครบมือเตรียมจะเข้าปล้นบ้านทิดเป๋ แต่ทว่าไม่อาจเข้าปล้นได้ เพราะพวกปล้นเหล่านั้นรู้สึกหนาวเย็นเป็นที่สุด ความอัศจรรย์ของอากาศ ที่เกิดหนาวจัดขึ้นมาอย่างผิดปกติ โดยกระทันหันนี้ เป็นความผิดปกติที่บันดาลให้เหล่าร้ายไม่กล้าเข้าปล้นคิดตระหนกไปว่าบ้านนี้คงจะมีอะไรดีเป็นแน่ เลยพร้อมใจกันยกขบวนกลับ
         อีกเรื่องหนึ่ง คือ วันหนึ่งในฤดูน้ำท่วม ทิดเป๋เล่าว่า มีแขกมาเยี่ยมบ้าน โดยจะขอชมลูกประคำให้เป็นขวัญตาขวัญใจสักครั้งหนึ่ง แต่ขณะที่ทิดเป๋ยกลูกประคำออกมานั้นเผอิญลูกประคำตกจากพาน เชือกขาด ลูกประคำหลุดกระเด็นไปใต้ถุนบ้าน ซึ่งน้ำกำลังท่วมหายไปบางส่วน นายเชวง จึงรีบจุดธูปเทียนขอขมาลาโทษ ไม่ช้าหลังจากน้ำลด
         ปรากฎว่าบรรดาเม็ดลูกประคำได้ไปกองอยู่รวมกันที่กอมะลิทางบันไดจะขึ้นบ้าน นายเชวงจึงเก็บมาแล้วร้อยเข้าเป็นพวงอย่างเดิม นายเชวงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่จำนวนเม็ดลูกประคำอยู่ครบ 108 เม็ด ไม่ขาดไม่หายเลยครับ

    อ้างอิงแหล่งข้อมูล นิตยสารเตโชทิพย์








     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 พฤศจิกายน 2012
  5. ทิพย์มงคล

    ทิพย์มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,892
    ค่าพลัง:
    +8,215
    ขอบคุณพี่ Amuletism มากครับ นำข้อมูลหลวงพ่อเงิน มาแบ่งปัน เยี่ยมครับ:cool:
    ผมขอนำภาพที่สะสม มาประกอบ ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  6. ทิพย์มงคล

    ทิพย์มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,892
    ค่าพลัง:
    +8,215
    สวัสดีครับพี่โอ สบายดีนะครับ ^_^
     
  7. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    เนื้อจัดดีจริงๆ ครับ ขอบคุณที่นำมาให้ชม
    จอบเล็กนี่แหละครับ งามๆ เกินสองล้านแล้วครับ
     
  8. aoodwing4

    aoodwing4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +282
    ชอบๆๆๆๆ

    พิมพ์สวย เนื้อจัดแบบนี้ผมชอบครับ
     
  9. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    ขอบคุณครับ
     
  10. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    สวยสุดยอดครับ
     
  11. aoodwing4

    aoodwing4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +282
    รูปหล่อหลวงพ่อเดิม วัดอินทาราม

    สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกและท่าน Amletism ครับ พอดีศึกษารูปหล่อโบราณหลวงพ่อเดิมอยู่ครับ และช่างนี้เห็นกระแส รูปหล่อหลวงพ่อเดิม วัดอินทาราม อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ กำลังแรง ไม่ทราบว่ามีความน่าเชื่อถือ หรือจริงเท็จประการใด เลยรบกวนขอข้อมูลหน่อยครับเห็น ท่าน Amuletism ไปเดินแถวห้างพันธ์ทิพย์บ่อยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ:cool::cool::cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    (tm-love)(sing)(tm-love)(ping-love(tm-love)(ping)(tm-love)
    สวยจัดจริงๆ ครับ
    ธรรมชาติดีมากๆ
    คม ชัด ลึก
    กระไหล่ทองเดิมเต็มๆ

    :z11:z3fly_pig;k05love_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2012
  13. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    เรื่อง ประสบการณ์ อภินิหาร หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร ตอนที่ 2      

         สำหรับ ประสบการณ์ อภินิหาร แรกสำหรับเริ่มต้นบทความฉบับนี้ คือ "ยอดมหานิยม" ครับ เมื่อพูดถึงในละแวกอำเภอโพทะเลจังหวัดพิจิตรแล้วนั้น ใครๆก็ย่อมรู้จักดีกับ "เสี่ยพก" ซึ่งเสี่ยพกคนนี้ไม่ใช่ คนดังในรูปของนักเลง ไม่ใช่โด่งดังในรูปของนักค้าผงขาวหรือยาเสพติด แต่ว่าโด่งดังในการเป็นเจ้าของโรงเลื่อย ชาวโพทะเลจึงรู้จักมักคุ้นเสี่ยพกในทำนองนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นโรงเลื่อยที่ไม่มีเบื้องหลังเบื้อง หน้าเหมือนกับโรงเลื่อยของใครๆ อื่นๆ ที่มีกิจการเลื่อยไม้ที่มั่นคง รุดหน้าดี
         ก็อย่างที่ว่าการประกอบสัมมาอาชีพใดๆ ที่ดำเนินไปอย่างสุจริตยุติธรรม ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ละโมบ ไม่ฉ้อราฎร์บังหลวงมีความซื่อสัตย์เป็นสรณะแล้ว ซึ่งเป็นกิจการในแนวทางที่ถูกต้องคลองธรรม ก็มั่นคงยืนนาน สมกับพุทธวจนะที่ว่า "ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม" นั้นแล
         ยิ่งเสี่ยพกนั้นเป็นผู้ที่ยึดมั่นในพุทธานุภาพเป็นชีวิตจิตใจด้วยแล้วนั้น ก็เป็นธรรมดาที่ย่อมจะตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ทุกวันเวลาเสี่ยพกมีเหรียญหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ติดอยู่กับตัวไม่ยอมให้ห่างเลย ไปไหนมาไหนก็พกพาติดตัวไปด้วย ส่วนเรื่องที่จะพกพาอาวุธเพื่อป้องกันคนร้ายจี้ปล้นนั้นเสี่ยพกรู้สึกว่าไม่จำเป็นเลย
         อยู่มาคราวหนึ่ง เสี่ยพกนึกขึ้นได้ว่า สัญญาโรงเลื่อยของตนจะขาด จะหมดอายุหากไม่รีบไปติดต่อทำสัญญาใหม่ เป็นของแน่นอนที่กิจการก็ต้องหยุดชะงัก ซึ่งจะนำมาซึ่งผลเสียหายอย่างร้ายแรง
         ชาวบ้านโพทะเลที่รู้จักมักคุ้นกับเสี่ยพก ต่างพากันวิตกกังวล และวิจารณ์กันว่า น่าจะต่อสัญญาไม่ได้ เพราะระเบียบปฏิบัติทางการในขณะนั้นค่อนข้างเข้มงวดมา ถ้าไม่มีเส้นไม่มีสาย หรือ ดวงไม่ดีละก็ คงจะรู้สึกหมดหวังกันไปเลยดีเดียวละครับ

         "ยังไงๆ ก็ต่อสัญญาไม่ได้" ใครต่อใครหลายคนมีความนึกคิดอย่างนี้ จากเสียงกล่าวขวัญ และตระหนก กลัวในทางไม่ดีไม่งามเข้าหูเสี่ยพกมากเข้า เสี่ยพกก็เลยจุดธูปเทียนนมัสการหลวงพ่อเงิน ขอให้ช่วย ดลบันดาลต่ออายุสัญญาโรงเลื่อยจงประสบผลสำเร็จ อย่าได้มีอุปสรรคใดๆมาแผ้วพานเลย
         เสี่ยพกคนนี้เลื่อมใสศรัทธาในอานุภาพของหลวงพ่อเงินเป็นที่สุด อธิฐานภาวนาเรียบร้อยแล้ว จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ พร้อมกับเหรียญหลวงพ่อเงิน โดยไม่มีลูกน้องหรือสมัครพรรคพวกติดตาม
         เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ชาวบ้านโพทะเล ก็เห็นเสี่ยงพกกลับมาจากกรุงเทพฯ ด้วยใบหน้าร่าเริงแจ่มใส ผู้ที่คอยเอาใจช่วยเห็นแล้วก็โล่งอก เพราะสีหน้าเสี่ยพกบ่งบอกว่าคงจะสำเร็จสมอารมณ์หมายเป็นแน่แท้ ด้วยสีหน้าหาวี่แววแห่งความทุกข์ร้อนมิได้เลย
         ใช่แล้ว ด้วยอภินิหารและอนุภาพอันเกรียงไกรของหลวงพ่อเงิน ได้ดลบันดาลให้เสี่ยพกต่อสัญญาโรงเลื่อยสมปรารถนา และเวลาต่อมาเสี่ยพกก็มีกิจการที่เจริญ รุดหน้าและร่ำร่วยมากขึ้นครับ
         ประสบการณ์ อภินิหาร ในเรื่องต่อมาจะเป็นเรื่องของ "ชานหมากวิเศษ" โดยเมื่อคราวเปิดกรุวิหารวัดบางคลาน ซึ่งมีนายอำเภอโพทะเล คือ นายชุมพล โภคกุล เป็นประธานนอกจากจะมีพระพิมพ์ต่างๆ ของหลวงพ่อเงินแล้ว ยังได้พบชานหมากของหลวงพ่อเงิน 4 เม็ด ชานหมากของหลวงพ่อเป็นรูปหัวใจ
         ซึ่งในปัจจุบันชานหมากนี้ได้ตกเป็นสมบัติ แก่บุคคลทั้งสาม คือ
         1. คุณวิรัตน์ ภัทรประสิทธิ์ หนึ่งเม็ด
         2. จ่าตำรวจคนหนึ่งอยู่ที่อำเภอโพทะเล หนึ่งเม็ด
         3. นายอำเภอชุมพล โภคะกุล อีกหนึ่งเม็ด (แต่อีกเม็ด หายไปโดยไม่ทราบว่าอยู่ที่ใครหรืออย่างไรกันแน่ครับ)
         สำหรับหนึ่งเม็ดที่อยู่กับนายอำเภอชุมพล ท่านนายอำเภอได้มอบให้แก่ทหารคนหนึ่ง ที่สมัครไปรบยังสมรภูมิเกาหลีแล้วทหารนั้นได้มีจดหมายเขียนกลับมาเล่นให้ท่านนายอำเภอฟังว่า เข้าได้สู้รบในแบบ ประจัญบานอย่างดุเดือด และฝ่ายตรงข้ามได้สาดกระสุนเข้าใส่มายังกองทหารไทยเป็นห่าฝน เป็นที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก แต่เขากลับยังมีกำลังใจที่ดีเสมอมา เพราะมั่นใจในชานหมากของหลวงพ่อเงินที่มีอยู่ในตัว ฉะนั้น ถึงฝ่ายตรงข้ามจะสาดกระสุนเข้ามาอย่างหฤโหดเพียงใด เขาก็หาเป็นอันตรายแต่อย่างใดไม่ครับ กระสุนไม่ได้ระคายผิวหนังเลยแม้แต่น้อย
         ในที่สุด เขาก็ได้กลับมายังบ้านเกิดเมืองนอน คือ ประเทศไทยอย่างสบายมาก ซึ่งนี้และครับคืออนุภาพอันสูงส่งของชานหมากวิเศษของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร

         และก็มาถึง ประสบการณ์ อภินิหาร สุดท้ายสำหรับในวันนี้ "น้ำมนต์แข็ง" แม้หลวงพ่อเงิน ท่านจะจากเราไปนานแล้วก็ตามความศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็หาได้สูญหายไปจากเรา กำนันโชติ สนสกุล ได้เล่าให้ฟังว่า
         เมื่อท่านยังอยู่ มีประชาชนจำนวนมากไปขอให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้เพื่อเป็นสิริมงคล วันหนึ่งมีชาวจีนผู้หนึ่ง นัยว่าเป็นพ่อค้ามาจากจังหวัดสุโขทัย จะมาขอน้ำมนต์ท่านอาบ เพื่อให้กิจการของเขาได้เจริญรุ่งเรือง
         หลังจากที่ทราบจุดมุ่งหมายของพ่อค้าจีนผู้นั้นแล้วท่านก็ให้เอาน้ำใสในบาตรแล้วสั่งให้ไปตั้งตัว พร้อมทั้งจุดเทียนด้วยท่านสั่งแล้วก็หันไปนั่งคุยกับแขกอีกหลายๆคน ต่อมาพ่อค้าจีนผู้นั้นรู้สึกว่าหลวงพ่อท่านมัว เพลิดเพลินคุยกับแขกคล้ายไม่สนใจที่จะทำน้ำมนต์ให้เอาบาตรใส่น้ำไปตั้งไว้นานแล้ว ไม่เห็นหลวงพ่อลุกไปทำน้ำมนต์ให้เลย อดรนทนรอไม่ไหวก็เลยเข้าไปหาหลวงพ่อแล้วถามท่านว่า
         แต่หลวงพ่อท่านก็หันมามองหน้า พลางบอกว่า "เสร็จแล้ว"
         พ่อค้าจีนทวนคำ พลางนึกไม่พอใจหลวงพ่อ ที่ไม่เห็นหลวงพ่อลุกไปทำน้ำมนต์ให้เข้าใจหลวงพ่อพูดไม่จริง และไม่ทำน้ำมนต์ให้
         จึงลุกพรวดพราดออกไปยกบาตรที่ใส่น้ำไว้แต่แรก เอาไปเททิ้งที่แพริมน้ำ ทันใดนั้นก็ปรากฎว่าน้ำในบาตรแห้งเทไม่ออก แม้ว่าจะขยับเขย่าอย่างไร น้ำแข็งอยู่ในบาตรก็ไม่ยอมขยับเขย่าอย่างไร น้ำที่แข็ง อยู่ในบาตรก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนไหลออกมา ก็เลยต้องอุ้มบาตรเดินกลับเข้ามาหาหลวงพ่อเงิน พร้อมกับบอกว่า น้ำมนตืในบาตรเทไม่ออก
         "ลองเอาไปเทดูอีกครั้งซิ"
         หลวงพ่อว่ากับพ่อค้าจีน พ่อค้าจีนก็เลยเทน้ำมนต์ในบาครต่อหน้าหลวงพ่อ ซึ่งปรากฎว่าน้ำมนต์ไหลออกมาจากบาตรหมด ไม่เหลืออยู่เลย เป็นอันว่าพ่อค้าจีนผู้นั้นก็หมดโอกาส ไม่ได้อาบน้ำมนต์ของหลวงพ่อตามที่ตั้งใจมาครับ

    อ้างอิง นิตยสารเตโชทิพย์
     
  14. ทิพย์มงคล

    ทิพย์มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,892
    ค่าพลัง:
    +8,215
    ขอบคุณมากครับพี่ Amuletism พระจะมีราคาต้องขึ้นกับคนด้วยครับ มีเรื่องเล่าให้ฟังครับ มีเจ้าของร้านทองคนนึง รับจำนำเหรียญหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า 2466 พร้อมทอง แล้วเจ้าของปล่อยหลุดไปนานมาก มีเซียนพระเดินสายมา ขอดูเขาให้ 100000 เจ้าของร้านทองไม่ขาย ภายหลังเซียนพระเดินสายบอกจะพาไปปล่อยที่ห้างใหญ่ เจ้าของร้านทองก็เลยอยากลองดู ปรากฎว่า ไปร้านใหญ่น่าเชื่อถือ เขาดูบอกว่าแท้ แต่สึกไปหน่อย ให้ได้เต็มที่ 20000 บาท เจ้าของร้านทองบอกว่า คุณมีแบบนี้ไหม 10 องค์ ผมขอเช่าหมดเลย เซียนบอกว่าไม่มี ครับ *_*

    ขอบคุณมากครับพี่ aoodwing4
     
  15. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    สุดยอดครับ
     
  16. สมเกียรติ1

    สมเกียรติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +208
    ฝากพี่ๆพิจารณา 3 องค์นี้ครับ พอเอาขึ้นคอได้ไหมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,372
    เรื่อง ประวัติและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร ตอนที่ 1      

         จากคำบอกเล่า บอกต่อๆกันมานั้น หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ มีนามเดิมว่า "เงิน" เกิดในวันศุกร์ เดือน 10 ปีฉลู หรือตรงกับวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2353 แต่บ้างก็บอกว่าเกิดในปี พ.ศ.2360 โดยโยมบิดา ของท่านชื่อ อู๋ โยมมารดาชื่อ ฟัก มีพี่น้องรวมกันทั้งหลวงพ่อเงินด้วยแล้ว มีจำนวนด้วยกัน 6 คน ได้แก่
         1. นายพรม 2. นางทับ 3. นายทอง (ภายหลังได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นท่านขุนภุมรา) 4. ชื่อเงิน ก็คือหลวงพ่อเงิน นั้นเอง 5. นายหล่ำ 6. นางรอด
         โดยทุกท่านที่กล่าวมานี้ ล้วนถือกำเนิดที่บ้านบางคลานทุกท่าน เป็นเลือดเนื้อชาวพิจิตร "เมืองชาละวัน"
         เมื่อหลวงพ่อเงินเจริญวัยได้เพียง สามขวบเท่านั้นนายช่วงผู้เป็นลุง ก็นำหลวงพ่อเข้ามาเลี้ยง และได้ส่งหลวงพ่อให้ได้เล่าเรียนวัดตองปุ หรือวัดชนะสงครามใน กทม. นี่เอง จนหลวงพ่อท่านมีอายุได้ สิบสองปี นายช่วงผู้เป็นลุงจึงให้หลวงพ่อได้บรรพชาเป็นสามเณรองค์น้อยๆ ได้ร่ำเรียนทั้งทางคาถาอาคมต่างๆ และด้านพระธรรมวินัยจนแตกฉานเก่งกล้าสามารถเกินผู้ที่อยู่ในวัยเดียวกันและเมื่ออายุใกล้จะ อุปสมบทหลวงพ่อเงินก็สึก และได้อยู่กับพี่ชาย และพี่สะใภ้ของท่าน

         ส่วนในด้านความรักแรกเริ่ม ของหนุ่มสาวสมัยนั้นหาเวลาพบกันยากเหลือเกิน ต้องคอยนั่งนับวันนับคืน ที่หมุนเวียนผ่านไป รอว่า เมื่อไหร่จะถึงวันพระ 8 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ จึงจะได้ไปทำบุญ ฝ่ายสาวก็จะ ช่วยกันจัดสำรับกับข้าว คาวหวานไปทำบุญที่วัดในละแวกบ้าน กับพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ฝ่ายชายหนุ่ม ก็เช่นเดียวกัน จึงมีโอกาสได้ปรายสายตาส่งยิ้มหวานๆ จนถึงขั้นเจรจาพาทีกัน พ้นช่วงยากเย็น เหลือประมาณ
         หลวงพ่อเงิน ท่านก็เช่นเดียวกัน กว่าจะได้มีโอกาสนำความมาปรึกษา กับญาติผู้ใหญ่ได้ถึงเรื่องการไปสู่ขอ "สาวเงิน" คนนั้นก็ต้องใช้เวลาพอสมควรทีเดียว จะมีความสุข หรือจะวุ่นวายมีอแต่ความทุกข์ หรือจะทำประการใดท่านมองคู่นั้น ท่านถามคู่นี้ แม้แต่พวกพี่ๆน้องๆของท่าน มันเป็นคำถามที่แสนจะสับสนในหัวใจชายหนุ่ม และคำตอบที่ได้มา ก็น่าจะนำมาครุ่นคิดยิ่งนัก ไม่รู้จะทำประการใดดี
         มีคำตอบอยู่ประโยคหนึ่ง จากปากพี่สะใภ้ของท่าน หลังจากที่ท่านได้พูดคุย-ถาม ถึงทุกข์สุขในชีวิตการครองเรือนแล้ว "ชาตินี้นะ อย่าแต่งงานเลย" ความสงสัยของท่านจึงรีบถามขึ้นทันทีว่า ทำไมละพี่ พี่สะใภ้จึงบอกว่า "ถ้าบวชได้ประเสริฐกว่า" หลวงพ่อท่านจึงเก็บมาคิด" ชาตินี้นะอย่าแต่งงานเลยถ้าบวชได้ประเสริฐกว่า "เหมือนเป็น "สร้อยวลีจากสรวงสวรรค์" ที่มีพลังฉุดหัวใจของหลวงพ่อให้บ่ายหน้าเข้าสู่ ร่มกาสาวพัสตร์ในทันที
         จากนั้นมา พระพุทธศาสนาก็มีพระภิกษุหนุ่มอุบัติขึ้นมาอีกหนึ่งองค์ ได้รับฉายาว่า พุทธโชติ" ณ พัทธสีมาวัดตองปุ หรือวัดชนะสงคราม ท่านได้จำพรรษาอยู่วัดนี้เพียง สามพรรษาเท่านั้น ไม่ทราบว่า อาจารย์ของท่านคือใคร ทั้งอุปัชฌาย์และคู่สวด สืบสาวราวเรื่องดูแล้ว ไม่มีบันทึกไว้ ณ ที่ใดเลย
         ต่อมาไม่นาน พี่ชายของท่านก็มาส่งข่าวว่า โยมปู่ของท่านได้ล้มป่วยลง มีอาการเป็นที่น่าวิตก อาจจะไม่รอดก็ได้หลวงพ่อจึงต้องออกจากวัดตองปุ โดยที่ท่านจำพรรษาอยู่เพียง 3 พรรษาเท่านั้น เมื่อท่าน เดินทางกลับมาพิจิตร ก็พักจำพรรษาอยู่วัดบางคลานใต้ ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของท่านนั้นเอง โดยต่อมาวัดนี้ได้มีชื่อใหม่ว่า "วัดคงคาราม" มีเจ้าอาวาสชื่อ หลวงพ่อโห้ ซึ่งเป็นอาจารย์ท่านหนึ่ง ที่นิยมการเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งคนสมัยก่อนถือเป็นวิชาแขนงหนึ่งที่พยายามนำส่วนผสมของโลหะต่างๆ เอามารวมกีบสมุรไพรบ้าง รวมกับว่านบ้างแล้วหลอมให้ละลาย เพื่อให้โลหะเช่นตะกั่วหรือดีบุกนั้นกลายเป็นทองคำบริสุทธิ์
         เหตุที่หลวงพ่อเงินท่านมาจำพรรษา อยู่วัดคงคาราม เพราะว่าเป็นการสะดวกสบายต่อการไปมาหาสู่ของญาติโยมท่านเอง แต่แล้ว ท่านก็อยู่จำพรรษาได้เพียง หนึ่งพรรษาเท่านั้นที่วัดคงคารามแห่งนี้ อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุที่หลวงพ่อท่านไม่มีความสงบ เพราะสงบ เพราะหลวงพ่อโห้ ท่านเป็นนักแหล่ นักเทศน์ ทำยองเสนาะ จึงต้องซ้อมลูกคอบ้าง ทำนองหางเสียงบ้าง และซ้อมทั้งเช้าทั้งเย็น ซึ่งผิดกับวัตร ปฎิบัติของหลวงพ่อเงินที่ท่านชอบความสงบวิเวก นั่งสมาธิ เดินจงกรมตั้งแต่สมัยเมื่อครั้งที่บวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดตองปุในกทม. หลวงพ่อเงินจึงจำเป็นต้องย้ายจากวัดคงคารามไปอยู่ที่วัด "วังตะโก" ซึ่งภูมิลำเนาของวัดวังตะโกแห่งนี้อยู่ลึกเลยเข้าไปทางลำน้ำน่านสายเก่าแต่เดิมมา
         คำพูดของหลวงพ่อเงินประโยคหนึ่งที่ว่า "ชาติเสือต้องไม่ขอเนื้อใครกิน" ท่านมักจะพูดอยู่เสมอกับญาติโยมที่ไปเยี่ยมเยียนสนทนาอยู่กับท่าน มีผู้คนมากมาย ที่มุ่งมากราบนมัสการท่าน โดยเฉพาะน้ำมนต์ มีผู้คนจากทุกสารทิศมาให้ท่านรดให้เพื่อล้างมนทิน และสร้างความเป็นสิริมงคลดียิ่งนัก ทุกวันหลวงพ่อต้องทำน้ำมนต์รดให้กับผู้มาหาท่านด้วยความทุกข์ร้อน และก็ศักดิ์สิทธิ์จนโด่งดังไปทั่วเมืองพิจิตร และจังหวัดใกล้ไกลจนทุกวันมิได้ขาดหรือว่างเว้น
         เมื่อวันที่หลวงพ่อย้ายจากวัดบางคลานใต้ หรือวัดคงคารามนั้น หลวงพ่อได้หักกิ่งโพธิ์มาด้วย หนึ่งกิ่ง และนำไปปักลงที่ชายน้ำ โดยได้อธิษฐานไว้ขณะนั้นว่า "ถ้าเจริญรุ่งเรืองแผ่ไพศาล ก็ขอให้ต้นโพธิ์ นี้เจริญงอกงามยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเถิด" และก็สมจริงดังคำอธิษฐานของท่านต้นโพธิ์ที่ท่านปลูกก็เจริญงอกงามเหลือเกิน จนชื่อเสียงของท่านขจรขจายไปไกลแสนไกล ลูกศิษย์ลูกหาก็มาก ต่างแวะเวียนกันมาหาหลวงพ่อ มิได้ขาด บ้างก็มาให้ท่านรดน้ำมนต์ บ้างก็มาขอวัตถุมงคลจากท่าน เมื่อท่านเอ่ยปากจะก่อสร้างอะไรเป็นต้องได้ดังใจคิด เพราะญาติโยมได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยเหลือหลวงพ่อเงินทุกสิ่งทุกอย่าง
         บางท่านกล่าวว่า ไม่รู้เรียกหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานได้อย่างไร แต่สันนิษฐานว่า คงจะเป็นระยะเวลาที่หลวงพ่อเงินกำลังโด่งดังมากในช่วงสุดท้ายของชีวิตท่าน และคงจะมีวัตถุมงคลออกมามาก มีผู้ไปขอ ของดีๆจากท่าน แม้แต่พ่อค้าชาวจีนที่ตลาดสำเพ็งก็ยังดั้นด้นไปขอของดีๆ จากท่าน โดยเฉพาะพระเครื่องพิมพ์ดังๆของท่าน ก็ได้รับมาจากมือของหลวงพ่อเงินกันมากมายหลายคน
         ถึงแม้หลวงพ่อเงินจะย้ายออกจากวัดท้ายน้ำกลับไปอยู่ที่วัดวังตะโก หรือวัดบางคลานแล้ว ท่านก็ยังเอาใจใส่กลับมาช่วยบูรณะปฏิสังขรมิได้ทอดทิ้งเสียเลย และวัดคงคารามเมื่อหลวงพ่อโห้ได้มรณภาพไปแล้ว ท่านก็ยังกลับไปช่วยสร้างศาลาและบูรณะปฏิสังขรสิ่งก่อสร้างต่างๆ ให้อีกมากมาย ทั้งๆที่การเดินทางไปมาหาสู่กันของวัดท้ายน้ำและวัดคงคารามในสมัยก่อนนั้นยากลำบากอย่างที่สุด
         การอยู่ยงคงกระพัน แรกเริ่มของหลวงพ่อเงิน ท่านพระครูวิจิตรวุฒิกร เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ องค์ก่อนได้รับการบอกเล่ามาจากญาติโยมอีกต่อหนึ่งว่า มีอยู่ช่วงระยะหนึ่ง หลวงพ่อเคยขัดใจกับพี่ชายของท่านคือ (ท่านขุนภุมรา) หรือตาทอง เชี่ยวชาญทางด้านรักษาโรคภัยแผนโบราณมาก ชาวบ้านย่านละแวกบ้านของแก ใครเป็นอะไรก็จะต้องมาให้แกเยียวยารักษาให้ทุกบ้าน
         แต่ว่าตาทองแกชอบดื่มสุรามากทุกวันไม่ว่างเว้น วันหนึ่งควายของหลวงพ่อเกิดการขัดใจกับควายตาทองผู้พี่ จึงขวิดกันกลางลานวัดเลยทีเดียว ขวิดกันอยู่นานมาก ในที่สุด ควายของตาทองเกิดแพ้ ออกวิ่งหนีมีเลือดออกตามบาดแผลมาก ส่วนควายของหลวงพ่อเงินไม่มีบาดแผลเลย ตาทองจึงโมโหควายของหลวงพ่อเงินมาก ครั้นพอตกเย็น ตาทองก็ดื่มเหล้า เมาได้ที่ก็ข้ามฟากไปหาหลวงพ่อ ตะโกนลั่นๆว่า "ท่านเงินเจาว่าท่านนักหรือไง" หลวงพ่อเห็นพี่ชายเมามาก จึงพูดไปเพื่อให้ใจของพี่ชายเย็นๆไว้บ้างว่า "ข้าจะเก่งอย่างไรของข้าเป็นสงฆ์" ฝ่ายตาทองจึงพูดต่อตามประสาคนขี้เมาอีกว่า "เขาลือว่าท่านเก่ง ยิ่งเรื่องยิง ฟันท่านแน่นักหรือ" หลวงพ่อเงินจึงตอบออกไปว่า "ข้าไม่มีดีอะไรหรอก" จากนั้นด้วยฤทธิ์สุราเต็มพิกัดของตาทองผู้พี่ จึงข้ามฟากกลับบ้านไปสักครู่ด้วยความเจ็บใจที่ควายตัวเองพ่ายแพ้ แต่ตาทองไม่ยอมแก้จึง แบกปืนแก๊ป ข้ามฟากมาหาหลวงพ่อใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะทดลองดูว่า หลวงพ่อจะแน่แค่ไหน
         ส่วนทางด้านหลวงพ่อก็แน่เหมือนกันว่า "ข้าอยู่นี่ไง โนมพี่เลือกยิงเอาให้เหมาะๆก็แล้วกัน" ฝ่านตาทองไม่รอช้ายกปืนขึ้นเล็งไปยังร่างของหลวงพ่อทันที เสียงนกปืนสับดัง "แชะ แชะ" อยู่สามถึงสี่ครั้ง ปรากฎว่าไม่มีเสียงดังเลยจึงเอาปืนลง ปรากฎมีน้ำไหลโกรกออกจากปากกระบอกปืนของตาทอง หลวงพ่อเงินจึงดุสำทับไปว่า "ถ้าไม่ใช่พี่ชายข้าจะตีเข้าให้บ้าง" จากนั้นตาทองจึงก้มหน้าเดินงุดๆกลับบ้านของแก
         เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นที่โจษจันกันไปทุกตำบล ถึงความเข้มขลังในอาคมของหลวงพ่อต่างก็มาขอเครื่องรางของขลังกันไม่เว้นวันเลยทีเดียว
         โดยตาทองผู้นี้ เป็นพี่ชายของหลวงพ่อเงินคนที่สาม แกเป็นนายกองส่วยรัชชูปการ มีความรู้ทางด้านหมอแผนโบราณมากในสมัยนั้น จากการที่แกได้รับหน้าที่ให้เก็บส่วยน้ำผึ้ง จึงได้บรรดาศักดิ์เป็น "ท่านขุนภุมรา" จากเหตุการณ์ที่แกใช้อาวุธปืนข้ามน้ำไปยิงหลวงพ่อได้ ทั้งๆที่หลวงพ่อท่านเป็นน้องชาย อีกทั้งยังครองผ้าเหลืองเป็นพระสงฆ์อยู่ทั้งองค์ยังกล้าทำได้ลงคอขนาดนั้น ทำให้หลวงพ่อท่านไม่อยากจะ ไปอาลัยใยดีอะไรด้วย
         ต่อมา เมื่อตาทองได้สิ้นชีวิตลง หลวงพ่อเงินท่านก็ไม่ยอมไปในงานศพเลย ในฐานะเป็นพี่ชายของท่าน จึงให้ลูกศิษย์คนหนึ่งนำผ้าไตรไปช่วยในงานศพนั้นด้วย ส่วนท่านนั้นเด็ดเดียวขนาดไม่ยอมไป เผาผีกันเลย
         ช่างภาพถ่ายภาพหลวงพ่อไม่ติด โดยมีผู้ประสงค์อยากจะได้ภาพถ่ายของหลวงพ่อเงินเพื่อไว้สักการะบูชา จะได้เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว มาจากกรุงเทพฯ แต่เป็นชาวอินเดียไปขอถ่ายภาพ จากหลวงพ่อแต่การที่ทำการถ่ายครั้งแรกนั้น ภาพไม่ติด เพราะกระจกแตก ช่างภาพนึกเอะใจในสิ่งอัศจรรย์ เมื่อแก้ไขได้ที่แล้วก็ขอหลวงพ่อถ่ายใหม่อีกครั้ง การถ่ายครั้งนี้ปรากฎว่าภาพของหลวงพ่อติดเพียงซีกเดียว เท่านั้นช่วงภาพพยายามจะถ่ายให้ได้อีก แต่ก็มืดเสียก่อน จึงต้องนอนค้างที่วัดวังตะโกนั้นเสียหนึ่งคืน
         จนรุ่งเช้า หลวงพ่อจึงได้ให้ช่างถ่ายภาพถ่ายใหม่อีก เป็นครั้งที่สาม รูปของหลวงพ่อจึงได้ติดชัดได้ในครั้งนี้ สร้างความอัศจรรย์ให้ช่างภาพชาวอินเดียเป็นยิ่งนัก

    อ้างอิง นิตยสารเตโชทิพย์


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 พฤศจิกายน 2012
  18. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,021
    [Amuletism]เหรียญจอบเล็ก พ.ศ. 2515
    หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน


    [​IMG]

    [​IMG]

    องค์นี้สวยแชมป์เลยครับ
    ขอแบ่งมาจากเซียนใหญ่คนหนึ่ง
    ไขมาจากเซฟเลยครับ ไม่ใช่ของหน้าร้าน
    เขาบอกว่าตั้งใจจะเก็บไว้เอง
    เห็นเป็นพวกกัน มาถามหาก็เลยแบ่งให้
    ยังไม่ได้ถ่ายภาพใหม่ ปัจจุบันอยู่ในตลับทองฝังเพชร
    จัดเต็มอย่างสมศักดิ์ศรีเรียบร้อยแล้วครับ

    ---------------------------------------------------------------------------------
    โอ้โห....เหรียญสวยงดงามมากๆครับพี่Amuletism สุดยอดมากๆ ^__^
    (ping-love(ping-love(ping-love(ping)(ping)(ping)(good)(good)(good)
     
  19. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,021
    [ryan boy]สวัสดีครับพี่Amuletism พี่่กรุพระ พี่captainzire พี่โอ๋สะพาน พี่ทิพย์มงคล พี่โอกระบี่ และพี่ๆทุกคนครับ พึ่งได้มาใหม่ครับ เหรียญระฆังศิริมงคลปี2516 หลวงพ่อเกษม สุสานไตรลักษณ์(บล็อคสายฝน) ^__^

    [​IMG]

    [​IMG]

    ประวัติการสร้าง เหรียญระฆังศิริมงคลรุ่นนี้ สร้างในปี พ.ศ.๒๕๑๖ เป็นวัตถุมงคลของหลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ ที่มีการทำเลียนแบบมากที่สุดรุ่นหนึ่ง หลังจากการปลุกเสกของหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่สุสานไตรลักษณ์ เรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อเกษม ได้พูดกับบรรดาลูกศิษย์ที่มาร่วมพิธีว่า "ถ้าเอาไปใช้แล้ว ไม่ดี ให้เอามาคืน เฮา" และได้มีลูกศิษย์ส่วนหนึ่ง ได้นำเหรียญฯ ไปทดลองยิงที่บริเวณป่าละเมาะ หลังสุสานไตรลักษณ์ แต่ปรากฏว่าปืนยิงไม่ออก นับอายุของเหรียญแล้ว ก็ประมาณ ๓๔ ปีแล้ว เหรียญรุ่นนี้แบ่งเป็น ๔ บล็อก จุดสังเกตที่ต้องมีทุกเหรียญคือ
    ก) ด้านหน้า จะมีเส้นรัศมีออกจากองค์หลวงพ่อ แผ่ไปยังบริเวณข้างเหรียญ
    ข) ด้านหลัง จะมีเส้นรัศมี แผ่ไปยังบริเวณข้างเหรียญ ใต้ตัวนะ (เหนือยันต์แถวแรก) จะมีขนแมว คล้ายกอหญ้าแผ่ออก
    ส่วนความแตกต่างในแต่ละบล็อก พอจะกล่าวได้ดังนี้
    ๑) บล็อกสายฝน บริเวณด้านหน้า จะมีรอยเส้นขนแมว บริเวณเหนือองค์หลวงพ่อ ด้านหลังตรงตัวนะ (จุดที่ม้วน) จะไม่มีเส้นพิมพ์แตกคล้ายเขี้ยว ไม่มีเส้นขนแมว ที่นิยมเรียกว่า "ซองปืน" บริเวณขอบเหรียญจะมีลักษณะคล้ายกับเนื้อเกิน ทั้งด้านซ้าย-ขวา
    ๒) บล็อกสิบโท บริเวณด้านหน้า จะมีรอยเส้นขนแมว บริเวณเหนือองค์หลวงพ่อ เหนือคำว่า "เขมโก" ตรงเหนือสระโอ จะมีเส้นพิมพ์แตกสองเส้น ด้านหลังตรงตัวนะ (จุดที่ม้วน) จะมีเส้นพิมพ์แตกคล้ายเขี้ยว ใต้คำว่าที่ระลึก จะมีเส้นพิมพ์แตกสองเส้นวิ่งชนกัน เหมือนกับเป็นซองใส่ปืน บริเวณขอบเหรียญด้านล่าง จะมีลักษณะคล้ายกับเนื้อเกิน ทั้งด้านซ้าย-ขวา บริเวณหูของระฆัง จะมีรอยสะดุ้งของตัวตัดขอบ
    ๓) บล็อกเขี้ยว บริเวณด้านหน้า จะมีรอยเส้นขนแมว บริเวณเหนือองค์หลวงพ่อ แต่ไม่เป็นที่แตกต่างมากนัก ด้านหลังตรงตัวนะ (จุดที่ม้วน) จะมีเส้นพิมพ์แตกคล้ายเขี้ยว ใต้คำว่าที่ระลึก จะมีเส้นพิมพ์แตกสองเส้นวิ่งชนกัน เหมือนกับเป็นซองใส่ปืน บริเวณขอบเหรียญด้านล่าง จะมีลักษณะคล้ายกับเนื้อเกิน ทั้งด้านซ้าย-ขวา จุดพิจารณาที่สำคัญคือ บริเวณขอบเหรียญ ใต้ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ จะมีรอยคล้ายของมีคมกดลง คล้ายรอยเขี้ยว นอกจากนั้นแล้วบริเวณขอบเหรียญ ใต้รอยเจาะหูก็จะปรากฏรอยลักษณะนี้เช่นกัน สำหรับบล็อกเขี้ยวนี้ จะไม่ปรากฏรอยสะดุ้งของตัวตัดขอบ
    ๔) บล็อกเสาอากาศ บริเวณด้านหน้า จะมีรอยเส้นพิมพ์แตก (ขนแมว) จากบริเวณเหนือบ่า ของหลวงพ่อ วิ่งไปจรดขอบเหรียญด้านบน ด้านหลังตรงตัวนะ (จุดที่ม้วน) จะมีเส้นพิมพ์แตกคล้ายเขี้ยว ใต้คำว่าที่ระลึก จะมีเส้นพิมพ์แตกเพียงเส้นเดียว อีกเส้นจะเห็นลาง ๆ (ไม่เหมือนกับบล็อกอื่น ที่มีลักษณะเป็นซองใส่ปืน) บริเวณขอบเหรียญด้านล่าง จะมีลักษณะคล้ายกับเนื้อเกิน ทั้งด้านซ้าย-ขวา มีรอยสะดุ้งของตัวตัดขอบด้วย
    ------------------------------------------------------------------------------------------------
    รบกวนพี่ๆทุกท่านช่วยพิจารณาเหรียญนี้ให้หน่อยนะครับ พอดีมีคนติมาว่าไม่ดี ถ้าไม่ดีจริงผมจะได้ไปคืนครับ ขอบคุณครับ ^__^
     
  20. โอ๋สะพาน

    โอ๋สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,494
    ค่าพลัง:
    +3,973
    สวัสดีครับ คุณ Amuletism คุณ กรุพระ คุณ captainzire คุณ ryan boy คุณ ทิพย์มงคล คุณ โอกระบี่ และทุกท่านครับ
    สำหรับหลวงพ่อเกษมผมไม่มีความรู้เลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...