ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ประวัติดวงแก้วสุริยราชชัยฤทธิ์ ตอนที่ ๔ สมเด็จพระปุราณทีปังกรพุทธเจ้า..

ต่อมาอีกหลายปีทั้งพระโอรส-พระธิดาของพระเจ้าชัยฤทธิ์ได้เติบใหญ่ เจ้าชายคชราชมีพระชนมายุได้ ๒๒ ชันษา พระเจ้าชัยฤทธิ์ทรงให้ฝึกฝนด้านการทหารและการปกครอง ส่วนเจ้าชายสุริยราช มีพระชนมายุได้ ๒๐ ชันษาทรงให้ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของราษฎร และเรื่องการเสบียง ส่วนเจ้าหญิงสโรชานั้น ทรงให้ฝึกฝนวิชาต่าง ๆ ตามพระเชษฐาทั้งสองตั้งแต่พระชนมายุได้ ๑๕ ชันษา


เจ้าหญิงสโรชานั้น ไม่ได้ทราบถึงคำทำนายของโหรหลวงแต่กาลก่อน จึงไม่เข้าใจการกระทำของพระบิดา เมื่อพระบิดา และเจ้าชายสุริยราชเสด็จไปที่ใด จะพานางไปด้วยเสมอ ทำให้นางเข้าใจปัญหาของราษฎรต่าง ๆ และช่วยหาทางแก้ไขให้ราษฎรอยู่ดีกินดี ทำให้ราษฎรอยู่ดีมีสุขตลอดมา

อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าชัยฤทธิ์ พร้อมพระโอรส-ธิดาได้เสด็จไปเยี่ยมราษฎรในเมืองที่ติดเขตชายแดน ทราบข่าวถึงการอุบัติของพระพุทธเจ้าพระนามว่า สมเด็จปุราณทีปังกรพุทธเจ้า จากเศรษฐีในเขตนั้น นามว่า สุตตโสมเศรษฐี และภรรยานามว่า นางสุจิตตรา

สุตตโสมเศรษฐีได้กล่าวถึงพุทธลักษณะอันงดงามของพระพุทธเจ้า เมื่อตนได้ออกไปค้าขายกับอีกเมืองหนึ่ง ทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาปรารถนาที่จะถวายทานแก่พระพุทธเจ้า จึงตั้งจิตปรารถนาว่า

“หากข้าฯพระพุทธเจ้า และหมู่คณะ มีจิตเลื่อมใสศรัทธาที่จะถวายทานแก่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า และพระสาวก ขอให้พระองค์ พร้อมพระสาวกได้โปรดเสด็จไปยังเมืองของข้า ฯพระพุทธเจ้าอีก ๗ วันข้างหน้าด้วยเถิด สาธุ”

เมื่อตรัสจบ ได้ยินเสียงฟ้าร้อง และลมแรง ทำให้พระองค์มั่นใจว่า พระพุทธเจ้ารับคำอาราธนาของพระองค์แล้ว พระองค์ทรงมีความปลื้มปิติใจอย่างยิ่ง ทรงตรัสเชิญสุตตโสมเศรษฐี และภรรยาให้ไปร่วมถวายทานด้วยกัน และกล่าวว่า สุตตโสมเศรษฐีนั้นเป็นพระสหายนับแต่นั้นเป็นต้นมา

จากนั้นพระองค์ และพระโอรส-ธิดาได้เสด็จกลับยังพระราชวัง เพื่อเตรียมการถวายทานแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า และได้ประกาศงานบุญนี้แก่ราษฎรของพระองค์ โดยเปิดโอกาสให้เศรษฐีในเมืองนั้นร่วมเป็นเจ้าภาพในต่อมาได้ แต่ทรงให้จัดการถวายในพระราชวัง คราวนั้นมีมหาเศรษฐีในเมืองอีก ๕ ท่านได้รับเป็นเจ้าภาพ กล่าวคือ..

วันแรกพระเจ้าชัยฤทธิ์ เป็นเจ้าภาพ วันที่สองท่านปุตตเศรษฐี และบริวารเป็นเจ้าภาพ วันที่สาม ท่านวิชยเศรษฐีเป็นเจ้าภาพ วันที่สี พระนางจันทรเทวีขอเป็นเจ้าภาพ วันที่ห้า ท่านโสปัตติเศรษฐีเป็นเจ้า วันที่หกท่านโสรัจจะเศรษฐีเป็นเจ้าภาพ และวันสุดท้าย ท่านสุตตโสม และบริวารขอเป็นเจ้าภาพ

กาลก่อนถึงเวลา ๑ วัน อยู่ ๆ ก็มีดวงแก้วมณีผุดขึ้นในสระน้ำในเขตอุทยานของพระองค์ วันนั้นตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ มหาดเล็กได้นำดวงแก้วมณีมาถวาย สร้างความปิติแก่พระเจ้าชัยฤทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ทรงคิดว่า นี้เกิดจากบุญใหญ่โดยแท้ พระองค์จะสมความปรารถนาที่จะได้พบพระพุทธเจ้าพร้อมพระสาวก และยังมีดวงแก้วผุดขึ้นมาให้อีก คืนนั้นทรงมีความปิติใจอย่างยิ่ง แทบบรรทมไม่หลับ แต่มิได้มีความอ่อนเพลียแต่อย่างใด ทรงมีความปิติจนเป็นจิตเป็นสมาธิโดยไม่รู้ตัว ยังมีต่อ..

 

ขอร่วมประมูล18600บาทครับ

 

ร่วมบุญ กองบุญแก้วบรมจักรพรรดิ์

18,816

 

ขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาบุญกับท่านวิทยาด้วยครับ

 

ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนากับท่านวิดยาด้วยนะครับ สาธุ สาธุ

 

ประวัติดวงแก้วสุริยราชชัยฤทธิ์ ตอนที่ ๕ การถวายทานแก่พระพุทธเจ้า และพระสาวก..

ครั้นถึงวันรุ่งขึ้น พระเจ้าชัยฤทธิ์ พระนางจันทรเทวี และพระโอรส-ธิดาได้จัดเตรียมการถวายภัตตาหารรสเลิศ เครื่องเสนาสนะที่ยอดเยี่ยมที่สุด ตลอดทั้งการจัดเตรียมพระคันฎีกุฏิไว้เป็นที่รับรองพระพุทธเจ้า และพระสาวกต่าง ๆ เมื่อเตรียมทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พระองค์ได้ทรงตั้งจิตอาราธนาพระปุราณทีปังกรพุทธเจ้า และพระสาวก
สิ้นคำอาราธนา ปรากฏว่า พระพุทธองค์ พร้อมพระสาวก ๑๐,๐๐๐ รูปได้เหาะมาทางอากาศ ทรงประทับบนอาสนะที่ทรงได้เตรียมไว้ สร้างความปิติยินดีแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อรับภัตตาหารแล้ว พระพุทธองค์ ทรงเทศนาสอนเรื่องอานิสงส์แห่งการถวายทาน ทำให้พระเจ้าชัยฤทธิ์เกิดความเลื่อมใสศรัทธาได้นำผ้ากำพลสีเปลือกไม้มาถวายแด่พระพุทธเจ้า และพระสาวกทั้ง ๑๐,๐๐๐ รูป

ส่วนท่านสุตตโสมเศรษฐี ภรรยา และบุตร-ธิดา ๔ คน ได้ถวายดวงแก้วมณีดวงเล็ก ซึ่งเป็นสมบัติของตระกูล

เจ้าหญิงสโรชานั้นมีความศรัทธาถวายเครื่องประดับคือ ประทับทรวง โดยบุษราคัมตรงกลาง ประดับด้วยเพชร เพื่อเป็นพุทธบูชา และนางเห็นท่านสุตตโสมเศรษฐีได้ถวายดวงแก้วมณี จึงตั้งจิตปรารถนาว่า “ขอให้ข้าพเจ้าได้มีถวายดวงแก้วมณีเช่นเดียวกับท่านสุตตโสมเศรษฐีด้วยเถิด”

ส่วนท่านอื่น ๆ ก็ได้ถวายสิ่งที่ตนเตรียมมาตามกำลัง ทุกคนต่างปลื้มปิติในบุญเป็นอย่างยิ่ง ใครถวายสิ่งใด ต่างก็โมทนาสาธุการซึ่งกันและกัน
ในวันต่อ ๆ มา ท่านเศรษฐีผู้เป็นเจ้าภาพต่างก็ถวายของที่ประณีตที่สุด จนถึงวันสุดท้าย สุตตโสมเศรษฐี พร้อมภรรยา และบุตรธิดาได้นำเครื่องประดับที่ตนมีมาถวาย เพื่อเป็นพุทธบูชา

สมเด็จพระพุทธปุราณทีปังกรนั้นได้ทรงให้คำพยากรณ์แก่พระเจ้าชัยฤทธิ์ว่า
"พระเจ้าชัยสิทธิ์นั้นจะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณพระองค์ในอนาคตกาลพระองค์ และทรงปรารถนา หากบารมีเต็มแล้วจะทรงขันธ์ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนสหธรรมิกให้สำเร็จก่อนพระองค์จะสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ส่วนเจ้าชายคชราชก็ได้รับคำพยากรณ์ว่าจะสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเช่นกัน ส่วนสุตตโสมเศรษฐีนั้นจะได้รับคำพยากรณ์ครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระพุทธโลกุตตรพุทธเจ้า

พระเจ้าชัยสิทธิ์นั้น เกิดความปิติยินดี จึงได้ขออนุญาตพระนางจันทรเทวี เพื่อทรงออกผนวช และพระมเหสีได้ทรงอนุญาต เจ้าชายคชราชนั้น เห็นพุทธานุภาพแล้ว จึงเปล่งวาจาขออุปสมบทในพระพุทธศาสนาตามพระราชบิดา

ส่วนเจ้าชายสุริยราชนั้นได้ปรารถนาพุทธภูมิเช่นกัน แต่ยังอยู่ในช่วงอุปบารมีตอนปลาย ทรงมีความปลื้มปิติพระทัยอย่างสูงสุด ทรงใช้น้ำมันงาราดบนพระวรกาย และจุดไฟเผา เพื่อเป็นพุทธบูชา พร้อมทั้งได้กล่าวสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าไปด้วย สร้างความสรรเสริญต่อผู้ที่พบเห็น พร้อมโมทนาสาธุการ

ด้วยพุทธานุภาพแห่งพระผู้มีภาคเจ้า แม้ไฟจะไหม้ แต่ไม่สามารถทำอันตรายแก่เจ้าชายสุริยราชได้ เมื่อกล่าวคำสรรเสริญเสร็จแล้ว ไฟได้ดับลง เจ้าชายสุริยราชนั้น แม้คิดสละชีวิต ด้วยพุทธานุภาพ และยังไม่ถึงกาล ทำให้ไฟไม่สามารถทำอันตรายได้ ทรงกล่าวขออุปสมบทตามพระราชบิดาและพระเชษฐา

สร้างความปิติยินดีต่อพระเจ้าชัยฤทธิ์เป็นอย่างยิ่ง จึงตั้งนามดวงแก้วมณีตามพระนามพระโอรสทั้งสอง และต่อท้ายพระนามของพระองค์ นามว่า ดวงแก้วสุริยราชชัยฤทธิ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความเลื่อมใสในพระศาสนา และมอบแก่เจ้าหญิงสโรชา พร้อมยกราชสมบัติให้พระนางปกครองบ้านเมืองต่อไป

 

...ขออนุโมทนาบุญกับ ท่าน widya ด้วยเจ้าค่ะ...

วันนี้ 08:04 PM
mooom ขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาบุญกับท่านวิทยาด้วยครับ
วันนี้ 07:59 PM
widya ร่วมบุญ กองบุญแก้วบรมจักรพรรดิ์

18,816

วันนี้ 07:42 PM
mooom ขอร่วมประมูล18600บาทครับ
________________________________________

ก่อนอื่น ขออนุโมทนาบุญกับคุณ mooom และคุณมีนัม ที่ร่วมประมูลในครั้งนี้ และขอแสดงความยินดีกับท่าน widya ด้วยเจ้าค่ะ

ขออนุญาตเฉลยผู้ที่มีความเนื่องกัน ดังนี้ค่ะ...

๑.พระเจ้าชัยฤทธิ์ คือ พระเกษรีฤาษี
๒.ท่านสุตตโสมเศรษฐี คือ ท่าน widya
๓.เจ้าชายคชราช คือ ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์
๔.เจ้าชายสุริยราช คือ คุณ sun2555
๕. ท่านปุตตเศรษฐี คือ คุณ mooom
๖. ท่านวิชยเศรษฐี(อ่านว่า วิ-ชะ-ยะ-เสด-ถี) คือ คุณมีนัม


สำหรับประวัติยังมีตอนต่อไปค่ะ..

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

โอ้โห...ใครหนอ ราดน้ำมันเผาตัวเองเป็นพุทธบูชา...
แม้เพียงอุปบารมีปลายยังมีกำลังใจกล้าแข็งเพียงนี้
พี่น้ำใสเฉลยได้ไหมเจ้าคะ เผื่อน้องอยากจะไปลูบตัวเป็น ๆ อิอิ
สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ ขอโมทนากับทุก ๆ ท่านทุกประการค่ะ....



รู้สึกว่าดวงแก้วมณีในคลังนาคพิภพจะเคลื่อนย้ายไปอยู่กับท่านวิทยาเกือบหมดเสียแล้ว ฮิฮิฮิ
(ขอแอบแซวนิดนึงนะเจ้าคะ แหะ ๆ)
และขอโมทนากับท่านวิทยาด้วยทุกประการเจ้าค่ะ

 

อ้าว คุณซันนี่เอง เดี๋ยวแวะเมืองย่าโม ขอลูบตัวเป็น ๆ หน่อยนะเจ้าคะ อิอิ
รับรองจะไม่ให้บุบสลายแม้ปลายก้อย....อิอิ

 

ขอเฉลยคือ คุณ sun2555 ค่ะ คือพี่เกิดความสงสัยที่เวลาประมูลพระขรรค์ทีไร คุณ sun2555 ท่านได้ทุกที พระเกษรีฤาษีท่านบอกว่า ..
ด้วยบุญจากการเผาตัวเองเป็นพุทธบูชาหลายชาติ การตัดกำลังใจแบบฉับพลันนี้ ทำให้ส่งผลเวลาได้สมบัติจะได้ก่อนผู้อื่น สิ่งใดที่เลิศจะได้ไปครอง หากปรารถนาในทุกชาติ

ชาตินี้เป็นชาติแรกที่คุณ sun2555 ได้เผาตัวเองค่ะ

ส่วนท่าน widya นั้น เกิดจากบุญที่ถวายดวงแก้วแก่พระพุทธเจ้าในกาลก่อน หากปรารถนาจะได้ดวงแก้ว ก็ส่งผลได้ดวงแก้วมณีในชาติต่อ ๆ มาค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาล และทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

ถ้าเช่นนั้นเจ้าหญิงสโรชาก็คือ...แต่น แตน แ๊ต๊นนน...พี่น้ำใสใช่ไหมเจ้าคะ?

หนูเองก็อยากทราบเจ้าค่ะว่าพระเกษรีฤาษีท่านเนื่องอย่างไรกับหนูค่ะพี่ พอจะบอกได้ไหมคะ?
ถ้าหนูถามท่านเอง ท่านไม่ตอบแน่ ๆ ... ชัวร์ ๆ
และถ้าถามพระท่าน พระท่านก็จะตรัสว่า...บุคคลที่ได้พบกันนั้นล้วนแต่เกี่ยวเนื่องกันมาจากอดีตแน่ ๆ

 

ขอโมทนาบุญกับท่านวิทยาที่ได้เป็นเจ้าของดวงแก้ว และทุกท่านที่ร่วมประมูล เพื่องานบุญครับ

 

ก็ว่าจะถามอยู่พอดีว่าเจ้าหญิงสโรชา เป็นผู้ได๋

 

ถือว่าเป็นอานิสงส์ของการทำบุญในพระศาสนาที่ติดตัวไปตลอด น่าชื่นชมยินดีมากครับ
ในผลบุญของท่านวิดยา และคุณซันนะครับ ที่ได้ทำมาในอดีต สาธุ สาธุ

ขอให้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลตามที่ปรารถนาครับ
สาธุ สาธุ

 

..ประวัติดวงแก้วสุริยราชชัยฤทธิ์ ตอนจบ สร้างวัด-ถวายทานแก่พระภิกษุ ๙ รูป..

สมเด็จพระพุทธปุราณทีปังกรได้ยื่นพระหัตถ์ออกมา ทั้งสามก็ทรงจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์ พร้อมทั้งทรงอภิญญา ๕ ทันที จากนั้นพระพุทธเจ้า พร้อมพระสาวกทั้ง ๑๐๐๐๓ รูปได้เหาะขึ้นเสด็จหายไปในอากาศทันที ส่วนมหาเศรษฐี และประชาชนทั้งหลายก็ต่างแยกย้ายกันไป

สำหรับเจ้าหญิงสโรชา หลังจากได้รับราชสมบัติแล้ว ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ภายหลังพระนางได้นับถือท่านสุตตโสมเศรษฐี เป็นดุจบิดาบุญธรรม หากมีเรื่องใดที่แก้ไขไม่ได้ จะขอคำปรึกษาจากท่านสุตตโสมเศรษฐีเสมอ ทำให้พระนางมีความคุ้นเคยกับครอบครัวของสุตตโสมเศรษฐีเป็นอย่างดี

สุตตโสมเศรษฐีนั้น ได้มีบุตรธิดา ๔ คน นามว่า สุตตสิทธิ์เศรษฐี นางมัลลิกา นางมัลลิณี และสุตตชยเศรษฐี บุตร-ธิดาส่วนใหญ่ได้สมรสหมดแล้ว ยังเว้นบุตรคนสุดท้อง ยังไม่สนใจจะครองเรือนแต่อย่างใด

หลายปีผ่านไป พระนางสโรชามีพระชนมายุได้ ๒๕ ชันษา และยังไม่ได้อภิเษกสมรส ทรงปรารถนาจะถวายทานแก่พระภิกษุผู้เป็นพระบิดา และพระเชษฐา จึงได้ชำระกายให้สะอาด ตั้งถืออุโบสถศีล ทรงยืนกลางแจ้งอธิษฐานปรารถนาขอถวายทานแก่พระภิกษุ ผู้เป็นพระบิดา และพระเชษฐา

พระชัยฤทธิ์ ผู้ทรงอภิญญาได้ทราบวารจิตของพระธิดา จึงได้ทรงปรึกษาพระสุมังคละเถระผุ้เป็นอาจารย์ ทรงขอนิมนต์พระอรหันต์อีก ๖ รูป รวมทั้งสิ้น ๙ รูป จากนั้นได้เหาะไปกลางอากาศปรากฏต่อหน้าพระนางสโรชาทันที

เมื่อพระนางสโรชาได้พบพระเถระทั้ง ๖ มาพร้อมพระบิดา และพระเชษฐา ทรงให้นางกำนัลถวายน้ำปานะ และอาราธนาพระภิกษุทั้ง ๙ รูปรับภัตตาหารที่เมืองนี้เป็นเวลา ๗ วัน

จากนั้นพระนางได้ให้มหาดเล็กป่าวประกาศว่า มีพระเถระได้มาพำนักในพระอุทยาน ใครใคร่ฟังธรรมให้ไปที่ลานหน้าพระราชวัง ตอนค่ำ หรือใครใคร่ถวายทานในวันรุ่งขึ้นให้จัดเตรียมถวายตามกำลังศรัทธา พระเถระจะจำพรรษาในเมืองนี้เป็นเวลา ๗ วัน
เมื่อเศรษฐีและชาวเมืองทราบข่าว ต่างก็เตรียมของสำหรับถวายอาหารในวันรุ่งขึ้น พร้อมแจ้งความจำนงว่า ตนจะขอเป็นเจ้าภาพในวันถัดไป

วันที่แรก พระนางจันทรเทวี และพระนางสโรชา เป็นเจ้าภาพ วันที่สองท่านปุตตเศรษฐี และบริวารเป็นเจ้าภาพ วันที่สาม ท่านวิชยเศรษฐีเป็นเจ้าภาพ วันที่สี ท่านโสปัตติเศรษฐีเป็นเจ้า วันที่ห้า ท่านโยชยวาหะเศรษฐี เป็นเจ้าภาพ วันที่หก ท่านโสรัจจะเศรษฐีเป็นเจ้าภาพ และวันสุดท้ายที่สุตตโสมเศรษฐี และบุตร-ธิดาเป็นเจ้าภาพ

วันรุ่งขึ้นทุกคนต่างก็ได้นำภัตตาหารมาถวายแก่พระภิกษุทั้ง ๙ รูป โดยมีพระสุมังคละเถระเป็นหัวหน้าคณะ เมื่อถวายทานแล้ว ก่อนให้พร พระเถระจะได้เทศนาให้ฟังเรื่องของผลการสร้างบุญต่าง ๆ ยังความปิติแก่ผู้ร่วมบุญทั้ง ๗ วัน ทำให้มีผู้บรรลุธรรมจำนวนมาก

เมื่อครบ ๗ วันครบ กำหนดทำให้ปุตตเศรษฐี เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ถวายที่ดิน เพื่อสร้างวัดแก่พระภิกษุในครั้งนั้น พระสุมังคละเถระทรงพิจารณาและรับถวาย จากนั้นพระนางจันทรเทวี พระนางสโรชา ท่านเศรษฐีคนอื่น ๆ ต่างนำทรัพย์ของตนมาร่วมบุญในการสร้างวัด สร้างโบสถ์ และเสนาสนะ และนิมนต์พระมาจำพรรษา ถึง ๕๐ รูป

จากนั้นชาวเมืองทั้งหลายต่างได้สร้างก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข สุตตโสมเศรษฐี และสุตตชยเศรษฐี ภายหลังได้ถืออุโบสถศีลตลอดชีวิต
พระนางสโรชาเมื่ออายุได้ ๔๐ ชันษา พระนางจันทรเทวีได้สวรรคต ทรงสละราชสมบัติให้แก่นันทอำมาตย์ ให้ปกครองบ้านเมืองต่อมา ส่วนพระองค์ได้ปลีกวิเวก ถืออุโบสถศีลตลอดชีวิต

เมื่อละโลกแล้ว มีผู้บรรลุธรรมเข้าพระนิพพานเป็นจำนวนมาก ส่วนท่านเศรษฐีผู้เป็นต้นบุญต่าง ๆ ละโลกแล้วไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สุตตโสมเศรษฐี สุตตชยเศรษฐี พระนางสโรชาไปเกิดในพรหมโลก

ขอจบประวัติดวงแก้วสุริยราชชัยฤทธิ์ เพียงเท่านี้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

หุ..หุ..หุ อุตส่าห์ไม่พูดถึง นู๋ตาลก็มาถามจนได้ น้องตาลเป็นแม่ของพี่ในชาตินั้นจ๊ะ พระแม่เจ้าจันทรเทวีเจ้าค่ะ อิอิ.. ภพชาติยากแท้หยั่งถึง

ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลด้วยค่ะ

Numsai

 

ขอแสดงความยินดี และขออนุโมทนาบุญกับ ท่าน widya เจ้าของดวงแก้วด้วยค่ะ
และขออนุโมทนาบุญกับ คุณmoom ,คุณมีนัม ที่ร่วมประมูล
พร้อมกับขออนุโมทนาบุญกับพีน้ำใส ในธรรมทานนี้ด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ

จันทรกาล

 

อุ๊แม่เจ้า...ตามอ่านเรื่องของน้ำตาล ยิ่งอ่านยิ่งมันส์เนอะ....

 

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับท่านwidya เจ้าของดวงแก้วด้วยค่ะ
และขออนุโมทนาบุญกับ คุณmoom ,คุณมีนัม ที่ร่วมประมูล
พร้อมกับขออนุโมทนาบุญกับพี่น้ำใส ในธรรมทานนี้ด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลด้วยค่ะที่ตั้งคำถามโดนใจจริงๆ

นู๋ดี

 

ก่อนนำภาพงานบุญกฐินมาให้ชมแบบจัดเต็ม ต้องขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับท่าน widya และผู้ร่วมประมูลทุกท่านด้วยนะเจ้าคะ