สมาธิวิปัสสนา อธิษฐาน ภาวนา...ยุคโลกาภิวัฒน์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย yutkanlaya, 17 กันยายน 2007.

  1. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    สมาธิวิปัสสนา คือ การจัดระเบียบ ของสมอง ให้ทำงานอย่าง เป็นระบบ คือ
    การใช้สมาธิ พิจารณา เป็นเรื่องๆไป ทีละเรื่อง เช่น
    ขณะอาบน้ำ ก็ พินิจ พิจารณา เฉพาะเรื่องการอาบน้ำ ว่า ทำไม เพื่ออะไร อย่างไร ฯลฯ ห้ามคิดเรื่องอื่นๆ
    ขณะทำงาน ขณะปัสสาวะ ขณะอุจจาระ ขณะกิน ฯลฯ เช่นกัน
    ผลที่ได้ คือ
    สมองปลอดโปร่ง โล่งสบาย ไม่มีเรื่องใดๆ รกสมอง มีประสิทธิภาพและการใช้ปัญญาสูงขึ้น ง่ายขึ้น
    ความกังวล สำหรับงานที่ผ่านมาในอดีต และ งานในอนาคต ควรนั่งสมาธิ พิจารณา เขียนแผนงาน ด้วยหลักอริยสัจจสี่ ดังนี้
    -เย็น ก่อนนอน ซักครึ่งชั่วโมง ทบทวนงานที่ผ่านมาแต่ละวัน ดีไม่ดีอย่างไร จะแก้ไขอย่างไร แล้ววางแผนงานในวันถัดไป หรืออนาคตต่อไป
    -เช้า ตื่นมา ทบทวนแผนงานที่วางไว้เมื่อคืน และที่ต้องทำในวันนี้ หรือในอนาคตต่อไป
    สรุป สมาธิวิปัสสนา คือ การพัฒนา ปรับปรุงประสิทธิภาพ การใช้งานสมอง อันเป็นที่มาของคำว่า ปัญญา นั่นเอง
    CPU ถ้ามี Virus มาก ก็ย่อมทำงานช้า เป็นธรรมดา

    การบำเพ็ญอธิษฐาน ภาวนาบารมี ง่ายๆ ทำทันที นึกคิดทันที ที่ทำดี ดังแนวทาง พระอาจารย์เกษม อาจิณสีโล ตามลิงค์
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=92006
    [b-hi] [b-hi] [b-hi] [b-hi] ;)
     
  2. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    จะมีสมาธิ สงบจิตใจ ไม่ฟุ้งซ่าน ได้อย่างไร ถ้าไม่มีศีล????

    เหตุ
    ศีล เป็นแม่บทแห่งการกระทำ กรรม ควบคุม ความคิด จิตใจ การกระทำ และคำพูด ให้อยู่ในร่องในรอย แห่งความดี มีคุณธรรม

    อุปมาอุปมัย
    ศีล คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญ แห่งชีวิต นั่นเอง

    ผล
    ความฟุ้งซ่าน ความคิด จิตใจ มักเกิดจาก
    การกระทำในแต่ละวัน เจือไปด้วยความผิดพลาด อันขาดกุศลจิต
    จิตใจจึงเต็มไปด้วย ความรู้สึกผิด หวาดระแวง กลัวผลของความผิด จากการขาดกุศลจิต ความคิดย่อมฟุ้งซ่าน ธรรมดา
    แล้วจิตใจจะสงบ เพียงพอต่อ การนั่งสมาธิ ภาวนา หรือ?????

    แก้ไข
    ในยุค ทุนนิยม เช่นนี้ คือ ยุคที่ทุกๆคน ที่ไม่ได้บวช ต้องทำงาน รับผิดชอบต่อ ตัวเอง ครอบครัว และสังคม
    ควรรู้จักนำธรรม มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ปัจจุบัน ให้ได้ ด้วยสติ ทำให้ดีที่สุด ก็เพียงพอแล้ว
    อันภพชาตินั้นมีจริง เป็นสิ่งที่มีอยู่ คงอยู่ แต่ แก้ไขให้ดีได้ในปัจจุบันชาติ อย่าใส่ใจ เสียเวลา หลง ค้นคว้า หาภพอดีต ที่แก้ไม่ได้ อยู่เลย
    มุ่งหวังในภพหน้า หันมาทำภพปัจจุบัน ให้มันดีที่สุด มิง่ายกว่า หรือ????

    สัจจธรรม = ธรรมที่แท้จริง = ความจริงของธรรมชาติ = สัญญาขัณฑ์ = กฎฯลฯ เชิงบวก เพื่อการรวมกัน พึ่งพากัน การดำรงคงอยู่
    กฎแห่งกรรมดี การกระทำ คำพูด ความคิด ที่มีพลังงานและไม่มีวันสูญสลายหายไป และคงอยู่
    กฎธรรมชาติ แรงดึงดูด(เพื่อรวมกัน) ระหว่างดวงดาว ระหว่างวัตถุ ระหว่างสิ่งมีชีวิต หรือคือ ความรัก ความเมตตา ต่อกันและกัน และสรรพสิ่ง นั่นเอง
    [b-hi] [b-hi] [b-hi] ;)
    กฎแห่งกรรม แก้ได้ ตัดขาดได้ ไม่ต่างจาก...เชือก
    อภัย อโหสิกรรม ต่อกัน นั่นไง คือการ ตัดขาด กรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2007
  3. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    เห็นด้วยๆ ครับ ทุกๆวันก็ขออโหสิกรรมเจ้ากรรม นายเวรทั้งหลาย ที่เคยทำไว้ หรือผู้ใดที่เคยทำเราไว้ก็ตาม ก็ขออย่าได้มีเวรมีกรรมอีกต่อไปเลย เพราะไม่อยากพบอยากเจอ คนเหล่านั้นอีกแล้ว

    สาธุๆ
     
  4. มดดํา

    มดดํา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +129
    (verygood) (verygood) (verygood)
    เห็นด้วย...และจะนำไปปฎิบัติ...ครับ...
     
  5. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    กรรมดี เปรียบดั่ง น้ำ
    กรรมชั่ว เปรียบดั่ง เกลือ

    เกลือ หยิบมือใส่ในน้ำแก้วใบเล็กๆ ย่อมเค็ม
    เกลือ หยิบมือใส่ในแม่น้ำใหญ่ ย่อมไม่มีผล

    ดังนั้น หมั่นทำกรรมดี ให้ยิ่งใหญ่ ดุจแม่น้ำสายใหญ่ เทอญ
    (kiss) (kiss) (kiss)
     

แชร์หน้านี้

Loading...