ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า นึกแล้วเชียวต้องเป็น pole shift
    (b-smile)
     
  2. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">
    พี่สุดใจฝากบอกว่าติดธุระอยู่2-3วันไม่ได้หนีไปไหนนะครับ ใครรอupdateข้อมูลอยู่ใจเย็นๆคร้าบ
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. ๋Zeus@

    ๋Zeus@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ปีนี้ ปรากฎการณ์ต่าง ๆ เริ่มทยอยเกิดให้เ็ห็นบ้างล็กน้อย...
    แต่ แผ่นดินไหว 8 ริกเตอร์เนี่ย ถือว่าแรงเกินไปมากๆ
     
  4. AJ_Purngkan

    AJ_Purngkan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +3,789
    ผมพอเข้าใจในสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นพยายามจะสื่อสารกับเรา
    เมื่อโลกกำลังจะแตกดับ
    ทุกสิ่งในอวกาศก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
    โลกเป็นหนึ่งในระบบจักรวาล
    จักรวาลก็รวมพวกเขาเข้าไปด้วย
    หากโลกต้องแตกดับ
    ทั้งจักรวาลก็ต้องโดนผลกระทบ เช่น
    ระบบโคจรต่าง ๆ ระบบแรงดึงดูด ระบบหลุมดำ ฯลฯ


    พวกเขาก็พยายามมาช่วยพวกเรา
    ไม่ใช่เพื่อบุกยึดโลกแบบในหนัง
    เพียงแต่เป็นสัญญาณแห่งการช่วยเหลือ
    เพื่อนร่วมจักรวาล หากแม้ว่า
    โลกมิได้แตกดับ
    มนุษย์ต่างดาวก็ยังมาติดต่อมนุษย์อยู่ดี
    เพื่อช่วยเหลือกัน เกื้อกูลกันในเรื่องต่าง ๆ


    อยากบอกพวกพี่ ๆ ที่ยังไม่เชื่อในเรื่องนี้
    แต่อย่าค้านให้หัวชนฝา
    ของแบบนี้ ใครไม่เชื่อไม่รู้
    แต่ว่า ถ้าโดนกับตัวเอง จะพูดไม่ออกครับ
    สิ่งเหล่านี้บางครั้งอาจจับต้องไม่ได้
    บางครั้งอาจจับต้องได้


    มิติที่ซ้อนทับกัน
    ยังคงเป็นปริศนาทางวิทยาศาสตร์
    หากวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้ามากขึ้นเท่าพวกเขา
    เราคงจะรู้คำตอบ ซึ่งแน่หล่ะ
    ถ้าเราไม่มีทางลัด เราก็คงยากที่จะเข้าใจ

    [b-hi]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2007
  5. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    โลกยังไม่แตกดับ แต่ระวังสติจะแตกเสียก่อนนะครับ
     
  6. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258

    จะรอดู VDO ตอนประตูมิติเปิด ที่เขาพนมฉัตรจ๊ะ
    เอ....คุณวาสนาเป็นพี่น้องกับคุณสุดใจรึปล่าวคะ
     
  7. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451

    ตอบข้อความ จากพี่สุดใจ เขากะลา
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->บางส่วนได้ตอบไปแล้ว ในกระทู้นี้ (141)

    หากสนใจจะเดินทางจริง ๆ ติดต่อพี่สุดใจโดยตรงได้นะคะ หรือส่งเป็นข้อความส่วนตัวมาก็ได้ค่ะ

    ตอนนี้ ไม่ได้มีการรับสมาชิกเพิ่มอย่างเป็นทางการ เพราะการฝึกเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่พี่สุดใจ ก็ยินดีที่จะให้ข้อมูลทุกอย่างที่คุณสนใจค่ะ

    และหากมีกิจกรรมใดเพื่อการเผยแพร่ ข้อมูลของการเตือนภัยจากมนุษย์ต่างดาว และหากคุณประสงค์ที่จะเข้าร่วมด้วย ยินดีต้อนรับนะคะ

    ขอบคุณค่ะ
    <!-- / message -->
     
  8. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2007
  9. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
     
  10. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451

    ขอบคุณค่ะ สำหรับมุมมองดี ๆ ที่คุณมีให้กับเพื่อนร่วมจักรวาล และเพื่อนจากต่างจักรวาล
    อย่างเช่นที่คุณกล่าวไว้ ไม่ว่าจะเข้าใจเขาในรูปแบบไหน เขาก็ยังต้องให้การช่วยเหลืออยู่ดี

    เพื่อนมนุษย์ ให้กับเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก เราก็มองเห็นอยู่เป็นประจำ อย่างประเทศเอธิโอเปีย รวันดา แห้งแล้ง ยากจน ประชากรอดอยากหิวโหย เพื่อนมนุษย์ร่วมโลกเดียวกัน ที่มีความอุดมสมบูรณ์กว่า ก็ให้ความช่วยเหลือด้วยการส่งอาหาร ส่งสิ่งของไปให้เพื่อผู้ที่กำลังจะล้มตายเพราะความอดอยาก จะได้ยังคงดำรงชีพอยู่ได้ต่อไป

    สิ่งเหล่านี้ เราไม่ค่อยแปลกใจเพราะมีตัวอย่างให้เห็นอยู่เสมอ มีความเป็นไปได้ เพราะเราเคยรับรู้ ดังนั้น ความเมตตาสงสาร ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ก็ไม่ได้มีใครบังคับใคร เมื่อเรามีสหประชาชาติ ที่เป็นเสมือนตัวแทนคอยดูแลโลกใบนี้ในทุก ๆ มุม ทุก ๆ ด้าน ก็ย่อมต้องกระทำโดยอัตโนมัติ ระดมความช่วยเหลือจากประเทศสมาชิกนานาชาติ บริจาคอาหาร สิ่งของ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประเทศที่กำลังอดอยากล้มตายนั้น

    ในเรื่องเหล่านี้ ประเทศที่ให้ความช่วยเหลือ ก็อาจไม่ได้รับอะไรตอบแทนเลยด้วยซ้ำ เพราะประเทศเหล่านั้น ก็ไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะเลี้ยงดูประเทศของตัวเองอยู่แล้ว แล้วช่วยเหลือเพราะอะไร? เพราะคุณธรรม ที่มนุษย์พึงมีให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

    ดังนั้น การที่เรามองเห็นการช่วยเหลือกันบนโลกของเรานี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเราเห็นกันเป็นประจำ

    แต่ถ้าผู้นั้นมาจากนอกโลก นอกจักรวาล อันนี้ซิ น่าแปลก เขาจะมาทำไม ? เขาจะมาช่วยจริงหรือ?

    ประเทศยากจนเหล่านั้น อยู่บนโลกใบนี้ อยู่ร่วมกับมนุษย์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ทำไมเขาจึงไม่มีปัญญาที่จะมีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์เหมือนประเทศอื่น ๆ ล่ะ ทำไมเขาจึงช่วยตัวเองไม่ได้ ทำให้ต้องอดอาหารตายด้วยความหิวโหย ถ้าเขาเลือกได้ เขาก็ต้องเลือกที่จะมีความอุดมสมบูรณ์อย่างเรา ๆ แต่นี่เขาเลือกไม่ได้ ประเทศเขามีภูมิประเทศ ภูมิอากาศแห้งแล้ง ก็ต้องเป็นอย่างนั้น

    โลกใบนี้ของเรา เราก็อยากให้มีความสงบร่มเย็น มีความเป็นอยู่เหมือนสมัยโบราณ ที่อยู่กันอย่างสันติสุข เรื่องของภัยธรรมชาติมีให้เห็นน้อยมาก แต่ตอนนี้มิอาจที่จะกลับไปดังเดิมได้ เพราะความวิกฤตที่มนุษย์สร้างขึ้น และความวิกฤตทางจิตใจ มิอาจที่จะเรียกความสงบ ร่มเย็น กลับคืนมาได้อีกแล้ว

    หายนะภัยมีเกิดขึ้นทุกวัน ตลอดเวลา หมุนเวียนเปลี่ยนไปทั่วโลก และมาพร้อมกันทุกด้านในเวลาเดียวกัน

    ทางดิน แผ่นดินไหว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แทบไม่ค่อยเคยได้ยิน แผ่นดินไหวครั้งหนึ่งก็เป็นเรื่องใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้ แผ่นดินไหวทุกวัน และเริ่มทวีความหนักหน่วงยิ่งขึ้น

    ทางน้ำ น้ำท่วมแทบจะทั่วโลก น้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นจนอาจจะจมเกาะต่าง ๆ ให้หายไปได้ในเวลาอีกไม่นาน

    ทางลม พายุเฮอริเคน ทอร์นาโด หรือใต้ฝุ่น ทะยอยกันก่อตัว พัดกระหน่ำอย่างไม่หยุดยั้ง แทบจะทุกประเทศในทั่วโลก

    ทางไฟ ไฟไหม้ป่าเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไป นอกจากจะทำลายชีวิต และทรัพย์สินเป็นวงกว้างแล้ว ยังไปเพิ่มอุณหภูมิของโลกใบนี้อีก ภูเขาไฟทะยอยกันประทุขึ้นตลอดเวลา ภูเขาไฟใต้ทะเลก็พบมากขึ้น เราไม่รู้หรอกว่า เมื่อไรที่มันจะพร้อมใจกันประทุขึ้นตามสิ่งที่ไปกระตุ้นมัน เช่นแผ่นดินไหวรุนแรง เป็นต้น

    อากาศ แปรปรวนไม่ธรรมดา เพราะคลื่นความร้อน คลื่นความเย็น การกลับขั้วของอากาศประเทศเคยหนาว กลับร้อน ประเทศเคยร้อน กลับหนาว ก็มีผลกระทบให้คนประเทศหนาว ร้อนตาย คนประเทศร้อน หนาวตาย น้ำแข็งขั้วโลกละลาย บางประเทศทำให้อากาศแห้งแล้ง และอื่น ๆ มากมาย มีให้เห็นกันอยู่ทุกวัน

    และยังสิ่งที่จะมาจากนอกโลก เช่นอุกกาบาตอีกล่ะ

    สิ่งเหล่านี้ อยู่บนโลกเรา เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แล้วเราช่วยอะไรกันได้บ้าง อย่างมากก็ช่วยเหลือหลังความหายนะผ่านไปแล้ว หรือช่วยเตือนเมื่อรู้ล่วงหน้าก่อนเกิดเท่านั้นเอง

    เราเคยย้อนคิดไปไหมว่า ประเทศที่มีเทคโนโลยีสูงอย่างสหรัฐอเมริกา มีดาวเทียมตรวจสอบอากาศออกไปลอยอยู่ข้างบน สามารถรู้ได้ว่า ขณะนี้พายุกำลังก่อตัว จะเกิดพายุที่ประเทศไหน เมื่อไร ดังนั้น ก็ประกาศเตือนไปยังประเทศที่ไม่มีเทคโนโลยี ให้ได้รับรู้และหนีได้ทัน ถ้าไม่มีการช่วยเหลือด้วยการเตือนล่วงหน้า ประเทศเหล่านั้น ก็ย่อมต้องสูญเสียชีวิตมากมาย หรือตอนนี้ เราก็มีการเตือนภัยเรื่องคลื่นสึนามิในทะเล ทำไมเราจึงหนีได้ เพราะเราเริ่มผลิตเทคโนโลยี เพื่อช่วยเตือนภัยขึ้นมาได้ จึงลดการสูญเสียชีวิตลง แต่ทั้งหมดนี้ คือเทคโนโลยี ที่ประเทศเจริญกว่า ผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือโลกใบนี้ ให้สูญเสียน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

    และประเทศที่ไม่เจริญด้านเทคโนโลยี ก็รับฟัง รับทราบการเตือนจากเครื่องมือไฮเทคเหล่านั้น จึงรอดพ้นจากหายนะจากน้ำ ลม ไฟ อากาศ ได้บางส่วน ยกเว้นเรื่องของแผ่นดินเท่านั้น ซึ่งไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ แต่ตอนนี้กำลังสำรวจเก็บตัวอย่างดินเพื่อที่จะทำเครื่องมือที่จะวัดพลังงานตรงจุดนั้น ภายหน้าอาจจะทำเครื่องมือเตือนล่วงหน้าได้เช่นกัน

    พี่สุดใจอาจจะกล่าวยาวไปสักนิด แต่เพื่อเปิดมุมมองให้เห็นว่า แล้วผู้ที่มีความเจริญด้านจิตใจ มีคุณธรรมสูง มีความเจริญด้านเทคโนโลยีมากกว่าเรา มีการคำนวณที่แม่นยำกว่าเรา สามารถรู้สถานการณ์ที่จะเกิดกับโลกของเราได้ แล้วคุณคิดหรือว่า เขาจะนิ่งดูดาย ปล่อยให้มนุษย์เผชิญสิ่งเหล่านั้นไปตามยถากรรม

    แค่โลกใบนี้ แก่งแย่งแข่งขันกันวุ่นวาย เอารัดเอาเปรียบด้านธุรกิจ การค้า เมื่อเห็นว่าจะเกิดหายนะกับประเทศนั้น ๆ ก็ต้องเตือน ก็ต้องช่วย เป็นเรื่องปกติ แม้การบอกข่าวสาร จากเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ประเทศตนเองรู้จากภาพดาวเทียม แล้วเตือนเรื่องเฮอริเคนถล่มชายฝั่งปาปัวนิวกินี ก็เตือนด้วยคุณธรรมอัตโนมัติ มิได้เตือนเพราะต้องการรับเงินตอบแทน ค่าเตือนจากประเทศนั้นเลย ซึ่งประเทศนั้นอาจอพยพผู้คนออกมาก่อนที่เฮอริเคนถล่ม ก็อาจไม่สูญเสียชีวิตมากมาย เหมือนไม่รู้ล่วงหน้า

    ดังนั้น ผู้ที่เจริญกว่าเรา รู้มากกว่าเรา นอกจากจะมาเพื่อเตือนขณะที่จะเกิดความหายนะครั้งใหญ่แล้ว ยังต้องมาเตรียมการเพื่อช่วยเหลือยังจุดต่าง ๆ อีกหลายอย่าง กระบวนการดังกล่าว จึงต้องใช้เวลา ไม่อาจที่จะแทรกแซง หรือลงมาบอกด้วยร่างของมนุษย์ต่างดาวได้ เพราะมนุษย์จะไม่มีความไว้วางใจ จึงจำเป็นต้องทำกระบวนการเตรียมผู้ประสานงานยังจุดต่าง ๆ ไว้ทั่วโลก เพราะมนุษย์ย่อมไว้ใจมนุษย์ด้วยกันเอง

    ประเทศที่มีความเจริญ ย่อมหวาดระแวงเป็นเรื่องธรรมดา ถ้ามนุษย์ต่างดาวนำยานฯ ลงจอดเพื่อเจรจาอย่างสันติ คิดไหมว่าโลกจะตื่นตระหนกขนาดไหน การเชื่อว่าเขามาดีมีน้อยมากในโลกตะวันตก คิดแต่อยากได้เทคโนโลยี อยากจับมาทดลอง

    ซึ่งแตกต่างจากโลกตะวันออก จะเข้าใจในรูปแบบของความเจริญทางจิตใจของเขา มากกว่าจะคิดแบบตะวันตก ดังนั้น ผู้ที่ฝึกจิต ฝึกสมาธิ จำนวนมาก ก็สามารถสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้ และก็ไม่มีใครที่จะกลัวมนุษย์ต่างดาว ดังนั้น ไม่ว่าจะเห็นในสมาธิ หรือเห็นจากความฝัน หรือเห็นในรูปแบบใดก็ตาม จะมีความรู้สึกว่า เขามาดี มาเพื่อช่วยทั้งนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2007
  11. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    มนุษย์ต่างดาวบอกอะไร?

    สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต่างดาวเคยบอกไว้ก็คือ

    ในช่วงวิกฤต ยานพาหนะของมนุษย์ไม่สามารถใช้การได้ ก็ต้องใช้จานบินในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และผู้ที่มากับจานบิน ถ้าเป็นมนุษย์ต่างดาวเดินลงมา ก็ย่อมเป็นที่ตื่นตระหนก ตกใจของมนุษย์โลก แต่ถ้าผู้ที่เดินลงมาจากจานบิน เป็นมนุษย์โลกเหมือนกัน ก็จะมีความไว้วางใจกันในระดับหนึ่ง และถ้ายิ่งมนุษย์คนนั้น เป็นคนที่กลุ่มผู้ต้องได้รับการช่วยเหลือรู้จัก ก็ย่อมไว้วางใจได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นมนุษย์บนโลกนี้ ไปกับยานอวกาศลำนั้น หรือเป็นการ copy ร่างมนุษย์คนนั้น ลงไปปรากฏก็ตาม ดังที่เขาเคยทำตัวอย่างไว้ให้เห็นแล้วนั้น ทุกอย่างทำเพื่อความเหมาะสม และเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ทั้งสิ้น

    ดังนั้น การเตรียมการจึงต้องใช้เวลา ต้องเตรียมหลายด้าน ทั้งบุคคลที่ต้องจัดวางไว้ ทั้งสภาพยานอวกาศที่ต้องจัดทำ และสำรองอากาศของมนุษย์เข้าไปไว้ด้วย เพราะในต่างประเทศก็เคยมีตัวอย่างลงหนังสือมากมาย เขาจับมนุษย์ขึ้นไปในยาน และสภาพในยานจะเป็นห้องโล่ง ๆ จากนั้นก็นำมนุษย์ลงมาส่ง โดยไม่ได้ทำอันตรายใด ๆ อาจจะเป็นไปได้ว่า ทดลองนำมนุษย์เหล่านั้น ไปทดลองหายใจในอากาศที่จัดทำไว้ก็ได้ ซึ่งในวันที่ 5 มกราคม 2550 กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ 4 ท่านที่ได้เดินทางไปเขากะลา และมีเหตุการณ์เรื่องมิติยานลำใหญ่ ซ้อนทับมิติปกติบนหน้าลานพระ ซึ่งทุกคนสัมผัสได้ ในเหตุการณ์วันนั้น คุณคณานันท์ ได้นั่งสมาธิส่งจิตขึ้นไปสัมผัสบนยานลำนั้น ก็ได้เห็นว่า บนยานลำนั้น มีแต่ห้องกว้าง ๆ สีขาว เท่านั้น และเห็นเพียงนิดเดียวภาพก็ถูกตัดหายไป เพราะทุกคนที่อยู่บนลานพระหลับพร้อมกันหลังจากนั้น

    คุณ mead ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย อาจจะเล่าเสริมให้เพื่อน ๆ ได้รับฟังบ้าง เพราะคุณคณานันท์ ได้เล่าให้ทุกคนฟังเรื่องเห็นภายในยานฯ ลำนั้น ซึ่งทุกคนก็ได้รับฟังพร้อมกับพี่สุดใจด้วย

    ก็น่าแปลก ที่เห็นเป็นห้องโล่ง ๆ เหมือนกันกับผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในต่างประเทศหลายท่าน แต่มุมมองของคนไทย จะไม่ตื่นตระหนก หรือตกใจใด ๆ ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ได้ไปเห็น

    สิ่งที่จะบอกก็คือ ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้ ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม มนุษย์ต่างดาวที่มาทำโครงการนี้ ก็ยังต้องช่วยเหลือมนุษย์อยู่ดี และสิ่งที่เขามุ่งเน้น ไม่ใช่ทุกคนจะต้องเชื่อ จะต้องเข้าใจ เพราะจุดมุ่งหมายของการเตรียมการ คือบุคคลที่ต้องร่วมงานในโครงการเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติที่เขาวางไว้เท่านั้น ในขั้นต้น ดังนั้น บุคคลต่าง ๆ นี้ ก็จะได้สัมผัส ได้เห็น และได้รับรู้ด้วยตนเอง ใช้การพิจารณาในสิ่งที่ตนเห็นมาด้วยตนเอง ไม่ได้เชื่อ ๆ ตามกันไป

    ดังนั้น ท่านที่ยังไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเห็น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องไม่เชื่อ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เหมือนคนที่เคยเห็นวิญญาณ กับคนที่ไม่เคยเห็น ก็มีความคิดที่ต่างกัน ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก

    ดังนั้น ดร.เทพนม เมืองแมน ท่านเคยเห็น ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เคยสัมผัสได้ ติดต่อได้ ถ่ายภาพได้ แม้ท่านจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นแพทย์ มียศฐาบรรดาศักดิ์มากมาย การที่จะออกมาทำเรื่องหลุดโลกเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ท่านกล้าหาญมาก เพราะจะมีสักกี่คนที่กล้าอย่างท่าน แม้จะไม่มีตำแหน่งใหญ่โตเท่าท่านก็ตาม

    ดังนั้น การที่ท่านได้พบ ได้เห็น ได้สัมผัส และรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ในความปราถนาที่จะมาช่วยโลกของมนุษย์ต่างดาวแล้ว ท่านย่อมต้องใช้การพิจารณาอย่างมาก ต้องมีการพิสูจน์ ทดสอบ ทดลอง จนท่านแน่ใจ ท่านจึงยอมกล้าเสียสละในหน้าที่การงาน ชื่อเสียง และการถูกมองในลักษณะของความไม่น่าเชื่อถือเช่นนี้ นับว่าเป็นการเสียสละอย่างมากของท่าน

    แต่ถึงใครจะมองอย่างไร ท่านก็ต้องทำอย่างนั้นอยู่ดี เพราะความมีคุณธรรม ความปราถนาจะช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ท่านจึงพร้อมที่จะทำ ไม่ว่าวิถีทางใดก็ตาม ถ้าไม่เช่นนั้น ในวันนี้ เราจะไม่มีผู้ที่เปิดตำนานของ UFO ในประเทศไทย หากท่านไม่เสียสละเช่นนี้

    จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ก็เช่นกัน แม้ท่านจะเป็นเพียงทหารจากต่างจังหวัด ชอบทำสมาธิ ปฏิบัติธรรม เป็นคนสมถะ ไม่ชอบวุ่นวายกับเรื่องต่าง ๆ มากนัก แต่เมื่อท่านได้รับรู้ ได้เห็นถึงความปราถนาดีของผู้ที่มาจากต่างจักรวาล หรือจากดวงดาวต่าง ๆ เพื่อมาช่วยมนุษย์บนโลกนี้ และเห็นวัตถุบินที่นำมาปรากฏให้เห็นพร้อมครอบครัว ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า และต้องใช้ความมีสมาธิของท่าน เป็นตัวสื่อผ่านถึงมนุษย์โลก ท่านจึงกล้าที่จะออกมาทำเรื่องนี้ แม้มันจะขัดกับความสมถะ ความสงบของท่านก็ตาม ซึ่งจะเห็นได้จากหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เมื่อหลังจากวันที่ 3 มกราคม 2541 ที่นัดหมายจานบินที่สิงห์บุรี จะพาดหัวข่าวว่า จ่าจอมลวงโลก จ่าจอมโทรจิต จ่าจอมโกหก อะไรอีกมากมายในเนื้อข่าว แม้ท่านจะท้อในตอนนั้น แต่สิ่งที่ได้รับรู้ถึงภัยพิบัติที่จะเกิดกับโลกใบนี้แล้ว ท่านก็กล้าที่จะกลับมาเพื่อรับข้อมูลการสื่อสาร ดำเนินโครงการร่วมกับมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลาอีกครั้ง จนได้เกิด "กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)" ในวันนี้


    ทั้งสองท่าน แม้จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในแทบทุกด้าน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ความเสียสละ ความปราถนาดี ความมีคุณธรรมในจิตใจ และพร้อมที่จะเป็นผู้ให้เสมอมา

    วันนี้ เราจึงมีตำนานของ 2 ผู้สื่อสารกับ UFO เกิดขึ้นที่นี่ ที่ประเทศไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2007
  12. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2550 ที่ผ่านมา พี่สุดใจ ได้เดินทางไปพบกับคุณดุษฎี ซึ่งทำงานอยู่บริษัทมีเดียออฟมีเดีย ณ ตึก IT หลักสี่ จึงทราบข้อมูลล่าสุดที่เกิดขึ้นกับคุณดุษฎี มาเล่าให้ฟัง

    พี่สุดใจได้เดินทางไปพบกับคุณดุษฎี ที่ตึก IT คุณดุษฎีได้ลงมาพบด้านล่าง และพาขึ้นไปยังห้องทำงาน ซึ่งกั้นเป็นห้องเล็ก ๆ หลายห้อง เป็นที่ทำงานแต่ละงาน ภายในชั้นนั้น ซึ่งคุณดุษฎีได้พาไปดูห้องด้านในสุด ซึ่งเป็นสตูดิโอ สำหรับอัดรายการเพื่อ ON AIR ซึ่งภายในห้องสวยมาก มีฉากสำหรับทำรายการ มีโต๊ะ เก้าอี้ ตั้งอยู่เพื่อผู้ทำรายการและแขกรับเชิญนั่งสนทนากัน

    คุณดุษฎีเล่าว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการอัดรายการเกี่ยวกับเรื่องหมอดู ฮวงจุ้ย และการดูที่อยู่อาศัยที่จะเหมาะสมสำหรับห้องต่าง ๆ และในรายการนี้ มีการนำเครื่องวัดพลังงานไฟฟ้า วัดพลังงานแม่เหล็ก เพื่อตรวจสอบ ณ ยังจุดต่าง ๆ ตามสถานที่นั้น ว่ามีพลังงานใดอยู่ตรงจุดไหนบ้าง เพราะถ้ามีพลังงานไฟฟ้า หรือแม่เหล็กมากเกินไป ผู้อยู่อาจปวดศรีษะ เวียนหัว และเจ็บป่วยได้

    โดยเครื่องมือวัดที่คุณดุษฎีได้เล่าให้ฟังว่า เป็นเครื่องวัดที่ตีเป็นค่าออกมาได้ หากไฟฟ้า หรือคลื่นแม่เหล็กเกินกว่าที่กำหนดไว้ ก็จะร้องปี๊ด ปี๊ด เสียงดัง

    เมื่ออัดรายการเสร็จ ช่างกล้องและคนที่อยู่ในห้องส่ง ก็เดินออกมาด้านนอกห้องอัด พร้อมนำเครื่องมือวัดคลื่นพลังงานดังกล่าวออกมาด้วย และเดินไปตามห้องต่าง ๆ ขอวัดคลื่นพลังงานของแต่ละห้อง ซึ่งหากห้องไหนมีคลื่นพลังงานเข้มข้น เครื่องวัดดังกล่าวก็จะร้องเสียงดังขึ้นมา

    ก็ปรากฏว่าทุกห้องที่เดินวัดคลื่นพลังงานไฟฟ้านั้น เข็มวัดก็ขึ้นระดับ 2 - 3 เกือบทุกห้อง หากห้องนั้นมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ ก็มีคลื่นไฟฟ้าอยู่ประมาณ 3 เท่านั้น ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ เครื่องวัดจึงไม่ส่งเสียงร้องแต่อย่างใด

    เมื่อวัดห้องต่าง ๆ ผ่านมาหลายห้อง มาถึงห้องที่คุณดุษฎีกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องเพียงคนเดียว ก็บอกว่า ขออนุญาตวัดคลื่นไฟฟ้าในห้องหน่อย ซึ่งคุณดุษฏีก็บอกเชิญเลย กลุ่มดังกล่าวก็เข้ามาในห้องพร้อมเครื่องมือวัดพลังงานนั้น

    แต่เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง เครื่องมือวัดคลื่นพลังงานดังกล่าว ก็ร้องขึ้นเสียงดังลั่นอยู่อย่างนั้น และเข็มที่วัดก็ตีค่าไปที่ 20 ไม่ใช่ 2 - 3 อย่างที่เคยวัดห้องอื่น ๆ ที่ผ่านมาในชั้นเดียวกัน

    ซินแส และทีมงานที่อยู่ห้องอัด ได้ยินเสียงร้องของเครื่องวัดพลังงานไฟฟ้าดังกล่าว ก็รีบออกมา และไปยังห้องคุณดุษฎี พร้อมดูเครื่องมือวัดที่ตีค่าถึง 20 และยังร้องไม่หยุด พร้อมกับสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานที่มากมายในห้องนี้ จึงได้กล่าวว่า

    ห้องนี้มีคลื่นพลังงานไฟฟ้ามากเกินไป ไม่น่าที่จะอยู่ได้ เพราะจะต้องปวดหัวอย่างมาก คลื่นไส้ อาเจียน ร่างกายมนุษย์ทนไม่ได้กับคลื่นขนาดนี้ และยังถามว่า ปวดหัวไหม ซึ่งคุณดุษฎีก็บอกว่า ไม่ครับ ปกติดี ซินแสจึงบอกว่า ร่างกายคุณต้องแข็งแรงอย่างมากเลย จึงสามารถทนพลังงานขนาดนี้ได้ และเมื่อออกจากห้อง เครื่องมือวัดดังกล่าวก็หยุดร้อง

    เป็นเหตุการณ์จริงที่เพิ่งเกิดไม่กี่วัน และคุณดุษฎี คือสมาชิกหมายเลข 47 ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ที่ฝึกสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว และติดตั้งอุปกรณ์รับข้อมูลแล้ว ซึ่งเครื่องมือดังกล่าว ก็เป็นเทคโนโลยีเหมือนกัน

    ดังนั้นในวันนี้ พี่สุดใจ จึงจะนำเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้ว กับบุคคลหลาย ๆ คนที่มีประสบการณ์คล้ายกัน มาเล่าให้ฟัง เพื่อจะได้รับทราบว่า มีบุคคลจำนวนมากในประเทศไทยของเรา ที่ได้พบเจอกับสิ่งที่อธิบายได้ยากเหล่านี้ และเก็บไว้นาน จนได้เจอกับ พี่สุดใจ และได้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ ที่ผู้ฝึกพบเจอมาแล้ว เมื่อนำมาเทียบเคียง ท่านนั้น จึงรู้ว่า ไม่ได้แปลกอยู่คนเดียว แต่มีหลายคนที่เป็นเหมือนกัน เมื่อสนทนากันแล้ว คล้ายกัน และเหมือนกันในหลาย ๆ เรื่องทีเดียว

    และทุกท่านก็ไม่ใช่สมาชิกของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) และไม่เคยรู้จักกลุ่มฯ นี้มาก่อนเลยสักท่านเดียว


    ภาพแรก คุณดุษฎี ได้ขึ้นเวทีบรรยาย และถึงเล่าประสบการณ์ในเรื่องเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว ณ งานมหกรรมวิทยาศาตร์ทางจิต นานาชาติครั้งที่ 11

    ภาพที่สอง ภายในห้องทำงานด้านอัดเสียง บ.มีเดียออฟมีเดีย ที่มีเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องคอมพิวเตอร์ เหมือน ๆ กับห้องอื่น ๆ

    ภาพหลังสุด (แถวหลัง คนที่สามจากซ้าย) กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา) และ ดร.เทพนม เมืองแมน พร้อมทีมงานสารคดี ในวันแถลงข่าว สารคดี "UFO ในประเทศไทย" ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2007
  13. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    เครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว

    พี่สุดใจ คงต้องขอเกริ่นด้วยเรื่องของประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อ 10 ปีก่อน เมื่อครั้งที่ครอบครัว คือ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ได้รับการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวใหม่ ๆ ตอนนั้นพี่สุดใจทำงานอยู่ที่สิงห์บุรี และได้พบกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าอะไร จึงไม่ได้บอกกับใครมากนัก นอกจากคนในครอบครัว

    แต่เมื่อเริ่มมีตัวอย่างของบุคคลอื่นที่มีประสบการณ์เหล่านี้มาเกี่ยวข้องมากขึ้น พี่สุดใจจึงนำเรื่องดังกล่าว มาเล่าให้บุคคลที่มีประสบการณ์คล้ายกันให้ได้รับทราบด้วย

    เมื่อ ประมาณต้นปี 2541 หลังจากคุณพ่อสื่อสารนัดหมายยานอวกาศมาปรากฏที่สิงห์บุรีแล้ว คุณพ่อก็กลับไปนครสวรรค์ ตอนนั้นพี่สุดใจทำงานอยู่ที่สิงห์บุรี จึงไม่ได้กลับไปด้วย

    วันนั้น จำวันที่ไม่ได้แน่นอน เป็นวันอาทิตย์ พี่สุดใจหยุดงาน จึงอยู่บ้านและดูรายการทาง UBC กำลังฉายสารคดีเรื่องมนุษย์ต่างดาว พี่สุดใจก็เลยคิดจะอัดรายการนี้เอาไว้ดู ซึ่งเครื่องอัดวีดีโอก็ตั้งไว้ด้านบนทีวี เพราะเคยอัดรายการอื่น ๆ เป็นประจำอยู่แล้ว

    แต่พอเอื้อมมือเข้าไปใกล้จอทีวี เพื่อกด record เครื่องวีดีโอ ไฟฟ้าในบ้านก็ดับพรึ่บทันที พี่สุดใจก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ออกมานอกห้อง เดินไปหน้าบ้านเพราะในบ้านมันร้อน แต่เห็นข้างบ้านเขาเปิดทีวีอยู่ ก็เลยรู้ว่าไฟฟ้าไม่ได้ดับทั้งสาย จึงเดินไปดูที่ตัวตัดไฟ ปรากฏว่าสวิตตัดไฟ เพราะไฟเกิน หรือไฟช็อต ก็เลยยกสวิตขึ้น ไฟก็ติดดังเดิม

    รีบเดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง เพื่ออัดรายการสารคดีมนุษย์ต่างดาว ซึ่งทีวีก็เปิดอยู่เมื่อไฟติดแล้ว และฉายสารคดีอยู่ จึงเอื้อมมือจะไปกด record อีกครั้ง ยังไม่ทันถึงจอทีวี น่าจะห่างสัก 10 เซนติเมตรก่อนถึงเครื่อง ไฟก็ดับพรึ่บอีกครั้ง

    ก็ต้องออกมาจากห้องตามเคย แต่ยังไม่ได้คิดอะไรมาก นึกว่าการไฟฟ้าดับไฟเพื่อซ่อมอะไรสักอย่าง แต่ออกมาแล้วเห็นข้างบ้านยังเปิดทีวีอย่างเดิม ก็เริ่มเอะใจ ไปดูที่ตัวตัดไฟอีกครั้ง ปรากฏว่าตัดไฟอัตโนมัตอีก ก็เลยยกสวิตขึ้นอย่างเดิม

    ก็เคยบอกแล้วว่า เป็นคนเชื่ออะไรยาก ก็ไม่เชื่อเช่นเคย เมื่อไฟติดก็กลับเข้าห้องอีกครั้ง เพื่ออัดวีดีโอให้ได้ คราวนี้เอื้อมมือไปยังไม่ทันจะใกล้เลย น่าจะห่างสัก 30 เซนติเมตร หรือหนึ่งไม้บรรทัด ไฟก็ดับพรึ่บอีกครั้ง

    คราวนี้ พี่สุดใจเริ่มสงสัย จึงโทรศัพท์ไปหาคุณพ่อ คือ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ซึ่งตอนนั้นท่านไปพักที่จังหวัดอุทัยธานี และเล่าเรื่องให้ท่านฟัง ท่านบอกว่า เดี๋ยวจะสื่อถามดาวโลกุฯ ให้ แล้วให้โทรมาใหม่

    ประมาณ 15 นาทีถัดมา พี่สุดใจก็โทรไปถามพ่ออีกครั้ง ท่านบอกว่าสื่อถามดาวโลกุฯ แล้ว เขาบอกว่า คลื่นที่ส่งลงมา มีคลื่นแม่เหล็กมากไปหน่อย กำลังทำการปรับอยู่เพื่อให้เหมาะสมกับร่างกายมนุษย์ ในช่วง 2 - 3 วันนี้ ให้อยู่ห่างเครื่องไฟฟ้าไว้ก่อน แล้วจะเร่งแก้ไข

    ดังนั้น พี่จึงทดสอบดู เมื่อเข้าใกล้ทีวี ภาพก็จะกระพริบไปมา เหมือนคลื่นไม่ค่อยชัด และวันรุ่งขึ้นไปทำงาน พอจะทำคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมจะหยุดทำงานไปเลย จึงลาป่วย 2 วันถัดมา คือจันทร์ - อังคาร เพื่อให้เขาปรับคลื่นเข้าที่เสียก่อน

    ประมาณวันอังคารบ่าย ๆ ก็เริ่มปกติ เพราะลองเดินเข้าไปที่ทีวี ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จึงเอื้อมมือไปปิด - เปิดได้ตามปกติ

    หลังจากนั้น ก็ไม่มีอะไรแปลกมากขึ้นเท่าใดนัก ยกเว้นบางทีเข้าใกล้หลอดไฟที่เสีย ๆ ดับอยู่ มันก็ติดได้ บางครั้ง หลอดไฟทางสีเหลืองริมถนน เรามองเห็นกระพริบตลอดเวลา เพราะหลอดไฟใกล้หมดอายุ พอเราขี่รถลอดใต้หลอดไฟ มันก็ติดสว่างดังเดิม ไม่กระพริบอีก หรือบางครั้งผ่านริมถนนที่ไฟทางติดอยู่ พอผ่านไปถึง ไฟสีเหลืองส่องทางก็ดับทั้งแถบไปเลยก็มี และมีให้เห็นหลายครั้งในช่วงนั้น แต่ตอนนี้เป็นปกติแล้ว

    บางครั้งจากหนังสือ ของต่างประเทศที่บางคนพบเห็นยูเอฟโอ แล้วกล่าวว่า เมื่อ UFO บินผ่าน เครื่องยนต์ก็จะดับหมด ระบบต่าง ๆ ของรถยนต์จะหยุดทำงาน เครื่องไฟฟ้าต่าง ๆ ใช้การไม่ได้ เมื่อ UFO ผ่านไปแล้ว เครื่องยนต์ก็ติดดังเดิม ไม่แน่ใจว่าจะเป็นคลื่นแบบเดียวกันหรือเปล่า

    เมื่อได้พบกับบุคคล 3 ท่าน ที่มีประสบการณ์ ไฟฟ้าในตัวมากเกิน จนจับอะไรไม่ได้ ไฟจะแลบออกจากมือ จับเหล็ก หรืออลูมิเนียม หรือสแตนเลสที่เป็นสื่อไฟฟ้าได้ ก็ไฟช็อตทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสายไฟต่อมาที่วัตถุนั้นก็ตาม และพอมีโอกาสได้รับทราบข้อมูลที่คล้ายกัน จึงมีการนัดหมายพบกันที่ Bic C สะพานควาย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2550 เพื่อสนทนากัน

    พี่สุดใจจะมาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังในกระทู้หน้านะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2007
  14. rescuelp

    rescuelp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +420
    น่าจะมีหลักวิธีฝึกสมาธิ สอนนะพี่สุดใจ สำหรับคนอยู่ไกล ๆ แต่สนใจ ครับพี่
     
  15. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ท่านที่เคยไปงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 13
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2007
  16. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    การนัดหมายพบกันที่ Bic C สะพานควาย กรุงเทพฯ

    ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2550 ได้มีการนัดหมายกันเพื่อสนทนาถึงข้อมูลต่าง ๆ
    ในวันนั้น มีท่านแรกนักเขียนที่กล่าวถึง และท่านที่สองที่กลับมาจากต่างประเทศ ส่วนท่านที่สาม วิศวกร ท่านแจ้งว่าติดธุระ มาไม่ทัน จึงได้ร่วมสนทนากับทั้งสองท่าน
    มีสมาชิกกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เข้าร่วมสนทนาด้วย 5 ท่าน
    ภาพบน ถ่ายภาพร่วมกันกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
    ภาพล่างนั่ง ท่านแรก(ซ้าย) พี่สุดใจ และท่านที่สอง (ขวา)

    พี่สุดใจได้รับทราบชื่อของท่านทั้งสาม พร้อมหมายเลขโทรศัพท์เพื่อติดต่อเป็นการส่วนตัว แต่ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อของท่านทั้งสาม เพียงแต่ขอนำประสบการณ์ที่พบเจอกับท่านทั้งสามมาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นการเทียบเคียง หากบางท่านเคยมีประสบการณ์เช่นนี้ จะได้ทราบว่า ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ หรือแปลกอะไร

    และที่มีการนำภาพมาประกอบ ก็เพื่อจะแจ้งให้ทราบว่า ข้อมูลทั้งหลายที่พี่สุดใจนำมาเล่าให้ฟังนี้ มีมูลความจริง มีตัวตนของผู้ประสบเหตุการณ์เช่นนั้นจริง และสามารถสอบถามจากผู้ที่เล่าเหตุการณ์เหล่านี้ได้ เพราะข้อมูลที่จะเล่าต่อไปนี้ ออกจะเป็นการเหลือเชื่ออยู่สักหน่อย จึงต้องอ้างแหล่งที่มาเพื่อท่านที่อ่านจะได้ไม่คิดว่า พี่สุดใจอ้างขึ้นมาลอย ๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2007
  17. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ในวันนั้น ได้มีการสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน จึงได้ทราบเรื่องของแต่ละท่าน ดังนี้
    ท่านแรก ท่านเคยมีประสบการณ์มีกระแสไฟฟ้าในตัวเองในระดับมากเกินไป ซึ่งเป็นมาระยะเวลาค่อนข้างนาน ไม่ว่าจะจับอะไร บ่อยครั้งที่กระแสไฟจะแลบออกมาจากมือ แม้กระทั่งบานประตูที่บริษัท จับเพื่อเปิดแต่ละครั้ง จะดังแป๊ะ อย่างแรงทุกครั้ง เคยแม้กระทั่งให้คนมารื้อเพื่อดูว่ามีสายไฟอยู่ข้างในหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่มี แต่คนอื่น ๆ ในบริษัท ก็เปิด ปิด ได้ปกติ แม้จะเอาผ้าที่สำหรับผูกตู้เย็นมาจับ ก็ยังมีไฟช็อตอยู่ดี จนเวลาจะเข้าบริษัท เด็กในอ๊อฟฟิต ต้องรีบออกมาเปิดให้ เพราะเปิดทีไร เสียงไฟจะช็อตดังแป๊ะอย่างแรงทุกครั้ง

    และล่าสุด พี่สุดใจก็เห็นมากับตา เมื่อครั้งไปพบกับท่านแรกที่หลักสี่ ซึ่งคุณดุษฎีก็อยู่ด้วย และสนทนากันหลายเรื่อง ก่อนกลับก็จะถ่ายภาพร่วมกัน ท่านก็ถ่ายภาพด้วยตนเอง แล้ววางกล้องลงบนเก้าอี้ แต่พอจะถ่ายภาพที่สอง ขณะที่ท่านนั้นเอื้อมมือจะไปหยิบกล้องที่เก้าอี้ขึ้นมา มีไฟสปาร์คจากมือไปที่กล้องเสียงดังแป๊ะสว่างวาบ ท่านก็ตกใจปล่อยกล้องถ่ายรูปร่วงลงบนเก้าอี้ พี่สุดใจอยู่ตรงนั้นพอดี ก็เอื้อมไปคว้ากล้องมาถ่ายภาพเอง

    ในเรื่องนี้ ท่านที่สองก็กล่าวว่า เขาก็เป็นเหมือนกัน จะมีกระแสไฟฟ้าออกมาจากร่างกายอยู่เรื่อย ไม่ว่าจะจับอะไรก็มักจะช๊อตเสมอ และล่าสุดก่อนมาพบกัน ขณะเดินลงบันไดเลื่อน ที่จับบันไดเลื่อนก็เป็นยาง แต่ก็ยังมีกระแสไฟฟ้าออกมาจากมือ แลบเป็นประกายขณะจับราวบันไดเลื่อน ซึ่งเป็นมานานแล้วเช่นกัน ช่วงหลังเห็นบอกว่าควบคุมได้แล้ว โดยไปถ่ายพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินไปที่ต้นไม้หลังบ้าน เพื่อเป็นการควบคุมให้อยู่ในร่างกายพอประมาณ และเล่าว่า บางครั้งคอมพิวเตอร์มันแฮ็งค์ หรือโหลดช้า ก็ใช้พลังงานไฟฟ้าในตัวไปกระตุ้น ด้วยการเอามือเข้าไปจับ และปล่อยไฟฟ้าออกมา คอมฯ ก็จะโหลดไวขึ้น หรือแฮ็งค์อยู่ ก็ทำต่อไปได้ตามปกติ อันนี้พี่สุดใจนำมาเล่าตามที่ท่านนั้นได้กล่าวให้ฟัง และทั้งสองท่าน ก็สนทนากันเรื่องไฟฟ้าในตัวเองอีกหลายอย่าง ซึ่งเมื่อพี่สุดใจได้เล่าเรื่องที่มีกระแสไฟฟ้าเกินในช่วงหนึ่งของพี่สุดใจเอง ทั้งสองท่านก็เริ่มรู้ว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกเพียงลำพัง มีอีกหลายคนที่เป็นเช่นเดียวกัน

    และเรื่องของมิติ ทั้งสองท่านก็เจอมามิใช่น้อย ร้านค้าข้างบ้าน วันนี้เปิดอยู่ อีกวันร้านนั้นหายไป กลับมาอีกครั้งร้านนั้นกลับมีอยู่ดังเดิม ของบางครั้งวางอยู่ตรงนี้หายไป แล้วกลับมาใหม่ที่เดิมโดยที่ไม่มีใครเข้า ออกเลย และเรื่องราวอีกมากมายที่ต่างคนต่างพบมา จนต้องปล่อยวางว่า ยังไงก็ยังงั้นเรื่อยมา เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร

    ทางที่เคยกลับบ้านประจำ ขับรถกลับทางเดิม บางครั้งทางเดิมหายไป ขับไปทางเส้นไหนก็ไม่รู้ ไม่ถึงบ้านสักที ทั้ง ๆ ก็เป็นเส้นทางที่เคยเดินทางกลับบ้านประจำ จึงหลงอยู่เสมอ เมื่อก่อนคิดว่าตนเองลืมเอง แต่เมื่อมารับทราบเรื่องของมิติ ก็เริ่มมีมุมมองมากขึ้น

    และเรื่องเกี่ยวกับหัวใจ เป็นเรื่องที่เป็นเหมือนกันทั้งสองท่าน คือหัวใจเต้นแรงมากเหมือนจะออกมาจากอก ต้องเรียกรถฉุกเฉิน และอาการแย่มาก แต่พอไปถึงโรงพยาบาล ตรวจวัดทุกอย่าง หัวใจปกติ แข็งแรงดี เป็นอย่างนี้เหมือนกันทั้งสองท่าน โดยเฉพาะท่านแรกเปลี่ยนโรงพยาบาลถึง 9 แห่ง มีหลักฐานมาให้ดูด้วย แต่หัวใจก็แข็งแรงเป็นปกติทุกอย่าง

    สำหรับท่านที่ สาม ที่ไม่ได้มาในวันนั้น ได้เล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ และเล่าให้ฟังในวันที่ไปเขากะลา สรุปใจความคล้ายกับสองท่านแรก คือ
    ในตัวท่านที่สามนั้น มีกระแสไฟที่ออกมารุนแรงกว่าสองท่านแรก เพราะเครื่องไฟฟ้าที่ใช้ จะเสียบ่อยมาก ไฟฟ้าในห้อง เปิดเองได้เมื่อเดินเข้าไป และบางครั้งถอดปั๊กไฟออกจนหมด ไม่เสียบไฟเลย ทีวีในห้องก็เปิดขึ้นมาเองโดยไม่ได้เสียบปลั๊กไฟ ไฟโคมไม่ได้เสียบก็ติดเอง และเป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยมา
    ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็พยายามหาสาเหตุว่า เป็นที่ไฟฟ้าสถิตย์หรือเปล่า หรือมีไฟจากที่อื่นเข้ามา และช่วงหลัง จับอะไรก็ช็อตหมด เมื่อก่อนจับเหล็ก หรือสื่อไฟฟ้าก็จะช็อต จนตอนหลัง แม้แต่จับพลาสติก ก็ยังช็อตอยู่ดี ทั้ง ๆ ไม่ได้เป็นสื่อไฟฟ้า นี่เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่อยากจะไปพบ ดร.เทพนม เมืองแมน ที่งานฯ เพื่อสอบถามด้วย

    และล่าสุด นอนอยู่ในห้องนอน ถอดปลั๊กไฟออกหมด แต่ไฟก็ยังติดได้ ขณะที่กำลังนอนกับพื้นราบนั้น ก็มองเห็นปลั๊กไฟ ที่เป็นแถวยาว ๆ สำหรับเสียบไฟ ได้ลอยขึ้นจากพื้นช้า ๆ ขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร ท่านก็พยายามคิดว่า มีไฟฟ้าสถิตย์ หรืออะไรหรือเปล่า ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้ปลั๊กไฟลอยได้ แต่ก็หาสาเหตุไม่ได้ และท่านก็ไม่กล้าบอกใคร กลัวเขาจะว่าบ้า จนกระทั่งได้มาเจอกันทั้งสามคนบนเขากะลา และแต่ละท่านเล่าถึงประสบการณ์ของแต่ละคน ท่านจึงรู้ว่า มิใช่เป็นเพียงท่านคนเดียวที่เป็นเช่นนี้ ซึ่งทั้งสามท่าน ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไม่รู้จักกัน แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายกัน และท่านเป็นคนชอบปฏิบัติธรรม และทำสมาธิอยู่เสมอ จึงไม่ได้หวาดกลัวอะไร เพียงแต่ต้องการทราบแหล่งที่มาเท่านั้นเอง

    และเรื่องของมิติ ท่านก็เจอมากกว่าใคร ขับรถบนถนนสายเดิมที่อยู่มาเป็นสิบปี ทางไปที่ทำงาน บางวันขับผ่านแล้วเห็นวัดสมัยเก่ามาก มาตั้งอยู่ตรงช่วงทางผ่าน ก็สงสัยว่ามาได้อย่างไร เพราะต้องผ่านทุกวัน บางวันก็หายไปมีสิ่งอื่นแทนที่

    แม้แต่การขับรถเข้าไปในมิติ ท่านก็เคยขับเข้ามิติมาแล้ว ท่านเล่าว่า ขับรถจากอ่างทอง ไปสิงห์บุรี ทางสายเอเซีย ระยะทาง 35 กิโลเมตร ท่านขับประจำ วันหนึ่งขับจากอ่างทอง จะไปสิงห์บุรี ซึ่งจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่วันนั้นขับรถทั้งคืน ยังไม่ถึงสิงห์บุรี โดยระยะทางมันยาวออกไปไม่มีสิ้นสุด และก็ไม่รู้อยู่ตรงจุดไหน ปรากฏถึงสิงห์บุรีตอนเช้า และอยู่บนเส้นทางเดิม คือสายเอเซีย ระยะทาง 35 กิโลเมตรเท่าเดิม นี่คือสิ่งที่เราได้รับทราบจากท่านที่สามซึ่งเป็นวิศวกรท่านนี้

    เรื่องขับรถแล้วยืดระยะทางนี้ พี่สุดใจก็ขอเล่าเสริมสักนิด คือเจอพร้อมกันถึง 4 คน จึงเข้าใจเรื่องที่คุณคนนี้เล่าได้

    วันนั้น คุณดุษฎี คุณโยษิตา และคุณเอมอร เดินทางไปนครสวรรค์ และอยู่จนถึงเย็น ตอนจะกลับพี่สุดใจก็เลยติดรถกลับกรุงเทพฯด้วย และคุณดุษฎีเลยให้พี่สุดใจขับแล้วเขาจะนอนที่เบาะด้านหลัง ออกจากนครสวรรค์ หกโมงเย็น และตั้งเข็มไมล์ไว้ที่ 0 กิโลเพื่อจับไมล์ระยะทาง

    เมื่อเดินทางออกมาตอน หกโมงเย็น ก็คิดว่าจะไปทานข้าวที่กรุงเทพฯ เพราะระยะทางประมาณ250 กิโลเมตร ขับประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึง และออกสายสุพรรณบุรี ทางดีรถไม่ติด และเคยขับประจำ
    พี่สุดใจขับรถเร็วประมาณ ร้อยกว่า และไม่ได้หยุดพักที่ไหนเลย แวะเข้าห้องน้ำประมาณ 15 นาทีครั้งเดียว เพราะจะรีบไปกินข้าวที่กรุงเทพฯ
    แต่ยิ่งขับไป ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไกลมากขึ้น เพราะบางช่วง เหมือนขับอยู่ในความมืด ไม่มีไฟ ไม่มีบ้านคน ไม่มีรถบนถนน มีเราคันเดียว และป้ายบอกทางก็เช่นกัน เรา 4 คนช่วยกันดูว่าเหลืออีกกี่กิโลจะถึงสุพรรณบุรี เห็นป้ายว่าเหลืออีก 30 กิโลเมตร จะถึงสุพรรณบุรี วิ่งไปอีกพักใหญ่ เราก็คิดว่าไม่เห็นถึงสักที แล้วก็มาเจอป้ายบอกระยะทาง ว่าอีก 33 กิโลเมตรจะถึงสุพรรณบุรี เราก็ได้แต่มองหน้ากัน และว่า ก็น่าจะขับมาได้ไม่น้อยกว่า 20 กิโลแล้ว ทำไมยังกลับไปมากกว่าเดิม

    สรุปแล้ววันนั้น มาถึงกรุงเทพฯ เที่ยงคืน ใช้เวลาวิ่ง หกชั่วโมง และเราก็ดูที่เข็มไมล์ที่ตั้ง 0 ไว้ตอนออกจากนครสวรรค์ ก็ปรากฏว่า วิ่งไป 500 กว่ากิโลเมตร
    ซึ่งความจริง จะต้องขับเพียงสามชั่วโมง และระยะทางเพียง 250 กิโลเมตร มีการเพิ่มให้ถึงสองเท่า

    เราทั้งสี่คน อยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน พบพร้อมกัน ก็ยังพอเป็นพยานกันได้ สำหรับท่านที่เจอเพียงคนเดียว ก็ย่อมงงเป็นธรรมดา

    และนี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่พี่สุดใจเจอกับตนเอง แต่ก็แค่หกชั่วโมง ไม่ทั้งคืนอย่างท่านที่สามได้พบมา

    หลังจากสนทนากันจนห้างบิ๊กซีปิด ก็แยกย้ายกันกลับ และนัดหมายว่า วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 9 ปีเปิดกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว จะเดินทางไปเขากะลากัน


    ภาพบรรยากาศ การเดินทางไปเขากะลา ของทั้งสามท่าน และมีผู้เดินทางมาสมทบอีก 1 ท่าน ซึ่งทำงานที่กรุงเทพฯ และเดินทางไปร่วมด้วย

    มีการทานอาหารร่วมกันในจังหวัดนครสวรรค์ ก่อนขึ้นไปบนเขากะลา
    ท่านแรกเสื้อสีขาว ท่านที่สองเสื้อสีฟ้า ท่านที่สามเสื้อแจ็คเก็ต สวมแว่นตา
    บรรยากาศบนเขากะลาในคืนนั้น ได้มีวัตถุบินสีส้มลอยลำอยู่เหนือยอดเขาประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วหายไป

    มีการนั่งสนทนากันเป็นวงกลม แต่ละท่านได้เล่าประสบการณ์แลกเปลี่ยนกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2007
  18. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    เรื่องบางเรื่อง อาจจะเหลือเชื่อสำหรับบางคน แต่ผู้ที่มีประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง และผู้ร่วมเหตุการณ์แล้ว ก็ไม่อาจปฏิเสธความเป็นจริงเหล่านั้นได้
    เพียงแต่ต้องการทราบว่า จะมีจุดไหน สถานที่ใด ที่จะให้คำตอบกับเขาได้เท่านั้น

    ซึ่งหลังจากกลับจากเขากะลาแล้ว ได้เคยถามไปยังท่านแรก ที่เดินทางไปเขากะลาวันนั้น ว่าไฟฟ้าในร่างกายท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านบอกว่า ตอนนี้ไม่ค่อยเป็นแล้ว นาน ๆ จะมีสักครั้ง ก็ค่อนข้างปกติ
    และท่านที่สอง ก็ได้บอกว่ารู้สึกดี และตอนนี้รับอะไรได้มากขึ้น เห็นภาพในสมาธิชัดขึ้น และไฟฟ้าก็ไม่ค่อยมากเหมือนเมื่อก่อน
    สำหรับท่านที่สาม ได้ข่าวว่าท่านกำลังไปศึกษาต่อ เลยยังติดต่อกันไม่ได้


    การไปเขากะลาครั้งนั้น อาจเป็นการไปเพื่อปรับระบบไฟฟ้าในร่างกายให้อยู่ในสภาพสมดุลย์ ของแต่ละท่านก็เป็นได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2007
  19. พระจิตวิณญาณ

    พระจิตวิณญาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +82
    สวัสดีค่ะพี่สุดใจ จำหนูได้ไหมค่ะ ก็คนที่เขียน จม.ไปไงค่ะ
    ขอขอบคุณสำหรับเรื่องราวต่างๆที่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์จิตวิณญาณทุกดาวด้วนนะค่ะ
     
  20. พระจิตวิณญาณ

    พระจิตวิณญาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +82
    ดีใจด้วยค่ะ พี่สุดใจที่ได้มาให้ความรู้แก่จิตวิณญาณทุกดวงได้รับรู้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์นี้ สู้ๆค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...