WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

เขื่อนลำปาวน้ำลดเร็วกว่าปกติเร่งขุดเจาะบาดาลทดแทน


นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายประมวล ศรีทอง นายอำเภอสหัสขันธ์ ขึ้นตรวจสอบระดับน้ำตรงสะพานเทพสุดา สะพานข้ามเขื่อนลำปาว พบว่า ปริมาณน้ำเขื่อนลำปาวได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุดปริมาณน้ำเหลือเพียง 323 ล้าน ลบ.ม. จากปริมาณกักเก็บที่ 1,950 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 16 ซึ่งเหลือน้ำที่ใช้การได้เพียง 223 ล้าน ลบ.ม.
นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำที่ลดลงอย่างรวดเร็วเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนทำให้เกิดการระเหยเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ได้หยุดปล่อยน้ำถาวรเพื่อกักน้ำไว้ใช้ผลิตน้ำประปา พื้นที่ชลประทานกว่า 350,000 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่ปลูกข้าวต้องหยุดการเพาะปลูกรวมถึงการเลี้ยงกุ้งก้ามกาม และคาดว่าผลกระทบด้านเศรษฐกิจทางการเกษตรจังหวัดจะเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท
ในจำนวนน้ำที่เหลือจะมีไว้ใช้เพื่อผลิตน้ำประปาภายในจังหวัดรวมถึงน้ำอุปโภคบริโภคที่ต้องนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาวโดยนโยบายรัฐบาลทางจังหวัดกำลังทำการสำรวจโดยเฉพาะการขุดเจาะบ่อบาดาลให้กับพื้นที่นอกเขตชลประทานกว่า 200 แห่งแล้ว

เขื่อนลำปาวน้ำลดเร็วกว่าปกติเร่งขุดเจาะบาดาลทดแทน

 

ชาวจีนตื่นตระหนกวันสิ้นโลก แห่ซื้อเทียนไข-ไม้ขีดกักตุน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 ธันวาคม 2555 14:14 น.

กระแสความตื่นตระหนกเกิดขึ้นที่หมู่บ้านถงเจียง (Tongjiang) ในเมืองเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อชาวบ้านแห่กันไปซื้อเทียนไขมากักตุนไว้ หลังมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าท้องฟ้าจะมืดมิดเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นวันสิ้นโลก ตามความเชื่อของชาวมายาโบราณ ขณะที่การส่งจ่ายกระแสไฟฟ้า และน้ำจะหยุดชะงัก
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นอกจากเทียนแล้ว ผู้คนยังแห่กันไปซื้อไม้ขีด ส่วนใหญ่การซื้อเทียน และไม้ขีดไปกักตุนเกิดขึ้นตามตลาดที่เป็นแผงขายของ ขณะที่การขายเทียน และไม้ขีดตามร้านใหญ่ๆ และซุปเปอร์มาร์เก็ตยังเป็นปกติ ส่วนที่มาของกระแสข่าวลือยังไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากที่ใด
อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ไม่เชื่อในเรื่องข่าวลือว่า ท้องฟ้าจะมืดมิดเป็นเวลา 3 วัน โดยให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ และว่าข่าวลือดังกล่าวมีต้นตอมาจากภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับวันสิ้นโลก

Manager Online - ชาวจีนตื่นตระหนกวันสิ้นโลก แห่ซื้อเทียนไข-ไม้ขีดกักตุน

 

พบเชื้อตัวใหม่ในไทย ต้นเหตุตาแดง อาจถึงขั้นตาบอดได้

เขียนโดย NaiNat โพสต์เมื่อ วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม 2555

พบเชื้อตัวใหม่ เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคตาแดง หากปล่อยไว้อาจถึงขั้นตาบอด พบมากในฝุ่นและเศษดิน
แพทย์หญิงอุษณีย์ เหรียญประยูร จักษุแพทย์ประจำศูนย์เลเซอร์สายตา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า มีการค้นพบเชื้อตัวใหม่ ชื่อว่า ไมโครสปอริเดียม
เชื้อดังกล่าวเป็นราชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในกระจกตา จนเกิดอาการระคายเคืองและตาแดง ทั้งนี้หากผู้ป่วยปล่อยไว้ไม่เข้ารับการรักษา หรือรักษาไม่ถูกวิธี จะเกิดการติดเชื้อลึกเข้าไปยังเนื้อกระจกตา อาจส่งผลถึงขั้นตาบอดได้
โดยเชื้อไมโครสปอริเดียมนี้ พบเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จะมีอยู่ในฝุ่นละอองและเศษดิน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นนักกีฬาและเกษตรกร อาการเริ่มแรก จะมีอาการตาแดง น้ำตาไหล ไม่ควรซื้อยาหยอดตารักษาเอง ควรพบจักษุแพทย์เพื่อรับการรักษา

พบเชื้อตัวใหม่ในไทย ต้นเหตุตาแดง อาจถึงขั้นตาบอดได้ | ข่าว ข่าวรายวัน ข่าววันนี้ ข่าวการเมือง

 

คุณ Falkman คะ ถามเป็นความรู้หนะค่ะ MAX.WINDS 85 KT คิดเป็น 158 กิโลเมตต่อชั่วโมง และคิดเป็นไต้ฝุ่นระดับ 2 ใช่หรือเปล่าคะ กำลังพยายามหัดอ่านตามค่ะ

 

"ชาวจีนตื่นตระหนกวันสิ้นโลก แห่ซื้อเทียนไข-ไม้ขีดกักตุน"
อ้าว...เเห่ซื้อข้าว-มาม่าหรือเนื้อเเดดเดียวไปตุนยังจะเข้าท่า
(ชอบพาดหัวเเบบฮาฮา)

 

ความคีบหน้าของพายุ โบพา






แผนภูมิของ "หอสังเกตุการณ์ฮ่องกง" (Hong Kong Observatory) ออกเวลา 18.01 (17.01 น.เวลาในประเทศไทย) แสดงให้เห็นไต้ฝุ่นระดับ 1 ฟาดงวงฟาดงาอยู่ริมตะวันออกสุดทะเลจีนใต้ใกล้เกาะลูซอน (Luzon) พัดเอาไอน้ำฟุ้งกระจายเป็นทางยาวหลายร้อยกิโลเมตร ด้วยอัศจรรย์แห่งธรรมชาติ "บุปผาอมหิต" กำลังมุ่งหน้ากลับไปถล่มฟิลิปปินส์อีกครั้งหนึ่งในช่วงเวลาห่างกัน5 วัน และในวันเสาร์นี้สำนักพยากรณ์อากาศชั้นนำแห่งต่างๆ เริ่มจับทิศทางได้ถูกต้องเป็นเอกภาพกัน หลังจากเฉียดเข้าฟิลิปปินส์ ไต้ฝุ่นชื่อเขมรจะหันหัวลงใต้อีกครั้งไปสิ้นฤทธิ์ทางตอนใต้ของทะเลจีนใต้ตอนปลายๆ สัปดาห์หน้า.. อายุยืนยาวกว่าที่คาด เป็นการหักปากกาเซียนอีกครั้งหนึ่ง.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ไต้ฝุ่นร้อยเล่ห์ “บุปผาอมหิต” หันหัวออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตามที่สำนักพยากรณ์อากาศหลายแห่งในแถบเอเชียคาดเอาไว้ และไปไกลยิ่งกว่านั้นในวันเสาร์ 8 ธ.ค.นี้ ภาพดาวเทียมในแผนภูมิพยากรณ์ที่ออกในบ่ายวันนี้ แสดงให้เห็นไต้ฝุ่นระดับ 1 หมุนเคว้งอยู่ริมตะวันออกสุดทะเลจีนใต้ พัดเอาไอน้ำขึ้นคละคลุ้งฟุ้งกระจายเหนือผืนทะเลใหญ่ ครอบคลุมถึงเกาะลูซอน (Luzon) ทางตอนเหนือของหมู่เกาะฟิลิปปินส์

นั่นคือไต้ฝุ่นชื่อเขมรกำลังมุ่งหน้ากลับไปถล่มประเทศนี้อีกระลอกหนึ่งในสัปดาห์เดียวกัน หลังจากในวันอังคาร 4 ธ.ค. ได้ขึ้นฝั่งที่เกาะมินดาเนาทางตอนใต้สุด ขณะมีความแรงเป็นไต้ฝุ่นระดับ 4 บุปผาทำให้ชาวฟิลิปปินส์เสียชีวิตไปอย่างน้อย 548 คน อีกราว 500 คน ยังสูญหาย จากฝนตกหนัก พายุคลื่นลมแรง ดินเลื่อน ดินถล่ม จมน้ำ บ้างก็ถูกต้มไม้โค่นหักทับถึงแก่ความตาย

จากเกาะมินดาเนา บุปผาพัดเข้าสู่ทะเลจีนใต้เล่นเอาเถิด ทำให้บรรดานักพยากรณ์อากาศชั้นนำของโลกมีความเห็นไปคนละทิศละทางกับทิศทางการเคลื่อนตัวของมัน จนกระทั่งตอนสายวันเสาร์นี้ ทุกสำนักจึงได้ออกแผนภูมิพยากรณ์ไปในทิศทางเดียวกัน

ใครที่เคยสบประมาทพายุฤดูหนาว หรือ “พายุหลงฤดู” เอาไว้เห็นทีจะต้องคิดใหม่ ไม่เพียงแต่บุปผาจะยังคงความแรง และความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางในระดับไต้ฝุ่นเท่านั้น หากอายุจะยืนยาวขึ้นอีก 2 วัน ขณะเคลื่อนตัวไปช้าๆ ด้วยความเร็ว 5-10 กม./ชม. คาดว่าจะปักหัวลงทิศใต้ และท่องไปในทะเลจีนใต้ต่อไปอีกในช่วง 3 วันข้างหน้า ขณะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน และจะกลายเป็นดีเปรสชันขณะอยู่ตอนใต้สุดของทะเลจีนใต้ในวันอังคารหน้า

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่บรรดานักไล่จับพายุได้เห็น “ไต้ฝุ่นเต้นร็อก” ในทะเล และผู้ที่ติดตามมาตั้งแต่ต้นจะเห็นการทำ “ยูเทิร์น” อันสวยงามของไต้ฝุ่นบุปผาในสัปดาห์นี้

เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันพลเรือนของฟิลิปปินส์กล่าวในวันเสาร์นี้ว่า ไต้ฝุ่นบุปผาจะตีวงโค้งเข้าถึงเขตเกาะลูซอนในเช้าวันอาทิตย์ 9 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักครอบคลุมรัศมี 400 กิโลเมตร ซึ่งหมายถึงในกรุงมะนิลา เมืองหลวงด้วย

บุปผาเข้าสู่เกาะภาคใต้ฟิลิปปินส์ตอนต้นสัปดาห์ ด้วยลมแรง 210 กม./ชม. ทำลายบ้านเรือราษฎร และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ มากมาย สร้างความเสียหายสุดคนนา ราษฎรราว 212,000 คน บ้านแตกสาแหรกขาดไร้ที่อยู่ ทั้งนี้เป็นตัวเลขอย่างเป็นทางการ.



"บุปผา" ไต้ฝุ่นชื่อไพเราะและอ่อนหวานในภาษาเขมรอึดมหาอึด ภาพดาวเทียมขององค์การบริหารผืนมหาสมุทรและห้วงอวกาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration) ของสหรัฐแสดงให้เห็นไต้ฝุ่นระดับ 1 หมุนคว้างอยู่ขอบตะวันออกทะเลจีนใต้ ขณะเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ข้อมูลของหน่วยงานสหรัฐทุกหน่วยระบุว่า บุปผาจะมีอายุยืนยาวไปจนถึงวันพฤหัสบดี 13 ธ.ค. โดยจะเริ่มอ่อนแรงลงเป็นพายุโซนร้อนต้นสัปดาห์หน้า.



วันเสาร์นี้ศูนย์ร่วมแจ้งเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center) หน่วยงานของกองทัพเรือสหรัฐ ตั้งหลักได้ แผนภูมิที่ออกโดย JTWC ในตอนสายวันนี้แสดงให้เห็นทิศทางใหม่ของไต้ฝุ่นบุปผา (Bopha) ที่กำลังบ่ายหน้ากลับไปถล่มเกาะเหนือของฟิลิปปินส์ และคาดว่าจะวกลงใต้หลังจากนั้น อ่อนแรงลงและมลายไปในปลายสัปดาห์ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีไต้ฝุ่นไม่กี่ลูกที่เคยหลอกล่อให้นักพยากรณ์อากาศชั้นนำของโลก "หลงทาง" ได้ขนาดนี้.



แผนภูมิที่ออกในตอนสายวันเสาร์ 8 ธ.ค.นี้ แสดงให้เห็นการพยากรณ์ของสำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งต่างๆ ซึ่งแทนที่ด้วยแต่ละเส้นสี ทุกแห่งเริ่มเป็นเอกภาพกันมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางการเคลื่อนที่ของไต้ฝุ่นบุปผา (Bopha) หลังจากหลงทิศหลงทางกันมากมายในช่วงวันพฤหัสบดี-วันศุกร์ที่ผ่านมา คาดว่าบ่ายวันอาทิตย์นี้ไต้ฝุ่นชื่อเขมรจะมุ่งหน้าลงทางทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้ ก่อนจะไปสิ้นฤทธิ์อยู่แถบตอนใต้ของทะเลจีนใต้ปลายสัปดาห์หน้า.



แผนภูมิอพยากรณ์ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอยออกเวลา 17.30 น. วันเสาร์นี้ แสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของไต้ฝุ่นบุปผา (Bopha) จนถึงวันอังคาร 11 ธ.ค. สำนักฯ อุตุฯ แห่งนี้ ชี้เส้นทางของไต้ฝุ่นชื่อเขมรถูกต้องมาตลอด และสั่งให้ท้องถิ่นต่างๆ เตรียมรับมือมาตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันก็ป้อนข้อมูลการเปลี่ยนแปลงให้สังคมได้รับทราบทุกๆ 3 ชั่วโมง.

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

 

เตรียมความพร้อมแล้วครับ
__________________
C5-WarRoom Falkman

 

เคาท์ดาวน์กระแสคลั่งวันสิ้นโลก21ธ.ค.2012

บทความ วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2555 7:51น.



เคาท์ดาวน์ กระแส คลั่งดูมเดย์ หรือ 21.12.2012 ที่ปฏิทินชาวมายา ระบุเป็นวันสิ้นโลก พายุสุริยะ แผ่นดินไหว ดาวเคราะห์ชนโลก ดาวเคราะห์เรียงตัวหรือเป็นเพียงแค่การคาดเดาที่คลาดเคลื่อน ที่ไม่อาจเกิดขึ้นจริง...ศุกร์ 21 ธันวาคม นี้...รู้กัน

ใกล้ถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ดูมเดย์ หรือที่ทั่วโลกเรียกกันสั้นๆ ตามคำทำนายว่า วันสิ้นโลก ที่หลายประเทศที่คลั่งลัทธิและเชื่อตามคำทำนายเริ่มมีการเตรียมตัวรับมือ อย่างเช่น ที่ฝรั่งเศส คนที่เชื่อก็แห่กันไปที่เขาแห่งหนึ่งบนเทือกเขาพิเรนีสของฝรั่งเศส เพื่อต้องการไปหลบภัยพิบัติตามคำทำนาย จนทางการฝรั่งเศส ต้องสั่งปิดห้ามขึ้นไปบนยอดเขา แต่ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงเทือกเขาพิเรนิส หัวใส เปิดให้บริการบ้านพักแบบโฮมสเตย์ลานกางเต็นท์ในช่วงวันเวลาที่จะเกิดภัย คิดต่อวันบ้านต่อหลังแตะ 10,000 กว่าบาทไทย ถ้าเป็นเต็นท์ ตกเต็นท์หลัง 5-6 พันบาท ส่วนที่ รัสเซีย มีการผลิตชุดเครื่องมือรับวันสิ้นโลก ที่เรียกว่า อโพคอลเลฟ คิท ออกมาวางจำหน่ายให้ชาวรัสเซียได้ซื้อไปรับมือ โดยชุดเครื่องมือที่ว่านี้ ประกอบด้วยปลากระป๋อง ไม้ขีดไฟ เทียนไข สบู่ เชือก ยา ผ้าพันแผล สมุดโน้ต และวอดก้า ชุดเครื่องมือดังกล่าว ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีในหลายเมือง
ทั้งในกรุงมอสโก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ส่วนที่ ยูเครน ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนของในชุดเครื่องมือให้ดูมีสีสันขึ้นด้วยการเปลี่ยนวอดก้า ให้เป็นแชมเปญ โดยเอาใจสาวๆ นอกจากนี้ยังมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีดพับ เผื่อไว้สำหรับช่วงเวลาฉุกเฉินด้วย ส่วนที่ ค่อนข้างทำเอาคนในประเทศตัวเองตกใจกันไปใหญ่ คือ ที่ออสเตรเลีย เมื่อ นายกฯ หญิง จูเลีย กิลลาร์ด ผู้นำประเทศ ออกแถลงเป็นวิดีโอเตือนว่า วันสิ้นโลกใกล้มาถึงแล้ว ทำเอาชาวอสเตรเลียต่างตื่นตกใจ แต่สุดท้าย ก็เป็นแค่แผนโปรโมทรายการของสถานีวิทยุแห่งหนึ่งในประเทศ

เรื่องวันสิ้นโลกนี้ ไม่ใช่เพิ่งมาเกิดกระแสหวั่นกลัว คลั่งกันไปต่างๆ นาๆ ไม่ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดเป็นข่าวมา 1 - 2 ปี แต่เป็นข่าวและการคาดการณ์มากว่าเป็น100 ปี หรือมากกว่า 10 ปี ถ้าคนวัยรุ่นยังทันกัน เพราะจากการค้นพบอักษรชาวมายา ชี้ วันสิ้นสุดของปฏิทินดังกล่าวมีอยู่จริง และเป็นเอกสารฉบับที่2 ที่เราพบว่า ระบุวันดังกล่าว แต่นักวิจัยชี้แจงว่า ความเชื่อของชาวมายาโบราณต่างจากความเชื่อของคนยุคนี้ เพราะวันดังกล่าว ไม่ได้ชี้ ถึงวันสิ้นสุดของโลก โดยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยอเมริกากลางของมหาวิทยาลัยทูเลน ระบุว่า อักษรที่พบบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองโบราณมากกว่าจะเป็นเรื่องคำพยากรณ์ หลักฐานใหม่นี้ ชี้ว่า วันของรอบที่ 13 บักตุน นั้น เป็นเหตุการณ์ในรอบปฏิทินที่สำคัญ ซึ่งชาวมายาโบราณจะฉลองวันดังกล่าว ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สร้างคำพยากรณ์ถึงหายนะเมื่อถึงวันดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ยังได้อธิบายไว้ว่า ปฏิทินรอบยาว ของชาวมายานั้น แบ่งเป็นบักตุน หรือรอบ 144,000 วัน ที่เริ่มจากวันสร้างโลกของชาวมายา และวันเหมายัน ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธ.ค.ของปี 2012 คือ วันของรอบบักตุนที่ 13 ซึ่งชาวมายากำหนดให้เป็นการครบรอบการสร้างโลก หากแต่คนยุคใหม่กลับเชื่อว่าวันดังกล่าวคือ วันสิ้นโลก ทั้งที่มีหลักฐานอ้างอิงทางโบราณคดีเพียงชิ้นเดียวที่ระบุถึงปี 2012 นี้ นั่นคือข้อความที่จารึกบนอนุสาวรีย์ เมืองทอร์ทูกัวโร เม็กซิโก ที่มีอายุย้อนไปประมาณปีคริสตศักราช 669 เหตุผลเสริมอีก 1 เรื่องวันสิ้นโลก คือประเด็นปริศนาดวงที่ 12 ของระบบสุริยะจักรวาลที่ถูกตั้งชื่อว่า ดาวนิบิรุ ซึ่งนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้ว ซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมาก ช่วงพฤษภาคม และยังไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้ และทางองค์การนาซา เอง ก็ยืนยันว่า ไม่มีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ หรือดาวไหนพุ่งเข้าปะทะโลก อย่างที่เป็นข่าวลือกันไปต่างๆ นาๆ หรือ โลกจะถูกกลืนเข้าไปในหลุมดำ โลกจะเกิดความปั่นป่วน เพราะการเรียงตัวกันเป็นแนวเดียวของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ เพราะจากการตรวจสอบแล้ว ไม่พบสัญญาณ ซึ่งหากจะมีวัตถุที่เฉียดเข้าใกล้โลกมากที่สุด ก็คงจะเป็นดาวเคราะห์น้อย ที่โคจรเข้ามาห่างโลกราว 18,000 ก.ม. ซึ่งจะไม่เป็นภัยต่อโลกอย่างแน่นอน


ส่วนประเด็นพายุสุริยะ องค์การนาซา ก็แถลงยืนยันว่า ล่าสุดว่า จะไม่สร้างภัยพิบัติบนโลกได้ โดย นาซา ยืนยันว่า พายุสุริยะ จะไม่ก่อภัยพิบัติขึ้นบนโลกอย่างที่วิตกกัน แม้ว่าช่วงนี้ดวงอาทิตย์จะมีความเคลื่อนไหวที่รุนแรงก็ตาม และหากดวงอาทิตย์แผ่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเกินกว่าปกติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการรับมือเอาไว้แล้ว ประเด็นที่หวั่นกลัวเสริมเหตุผลวันสิ้นโลก ที่ลือกันว่า สนามแม่เหล็กโลก จะปรับขั้วฉับพลัน ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ หรือมีข่าวลือที่ว่า โลกจะโคจรด้วยความเร็วถึง 30,000 ปีแสง และถูกกลืนหายไปในหลุมดำ ที่ใจกลางกาแล็กซี่ ทางช้างเผือก รวมถึงข่าวลือที่ว่า จะเกิดภาวะไฟฟ้าดับครั้งมโหฬารทั่วโลก ระหว่างวันที่ 23 - 25 ธ.ค.นี้ องค์การนาซา ยืนยันว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ถ้าหากจะเกิดขึ้นจริง ต้องมีชาติยักษ์ใหญ่ของโลกสักประเทศ ที่มีทุกๆ อย่างในการรับมือ สหรัฐ, รัสเซีย, จีน, อังกฤษ, อินเดีย และอีกหลายชาติ หรือแม้แต่ประเทศไทยเองก็มีดาวเทียมที่อยู่นอกโลกซึ่ง ถ้ามีอะไรกระดิกผิดปกติทิศทางจะพุ่งเข้าโลกต้องเป็นข่าวทั่วโลกและเตือนกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง เกิดความโกลาหลไปทั่วโลกแล้ว คงไม่มีการผลิตเทคโนโลยี คงไม่เกิดทำให้เปลืองแรง เปลืองพลังงาน เปลืองเงินเดือนกันไปทำไม เอาเป็นว่า วันดูมเดย์ หรือวันสิ้นโลก ที่กำลังจะมาถึง ก็เป็นวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม นี้ เรามาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหรือเปล่า ตามคำทำนายต่างๆ ถ้าไม่เกิดอะไรเลยผ่านไปแบบชิลๆ นั่นหมายถึง การค้นคว้าของนักโบราณนักวิทยาศาสตร์อย่างคลาดเคลื่อน หรือ ชาวมายาโบราณ ไม่ได้บอกว่า วันที่ 21 ธ.ค.นี้ เป็นวันสิ้นโลก ทุกอย่างผิดไปหมดหรือไม่ อย่างน้อยหลังเที่ยงคืนของวันที่ 20 ธ.ค. ก็จะเป็นวันที่ 21 ธ.ค.ของหลายประเทศ รวมถึงไทย ที่แน่ๆ ผมก็คนหนึ่งละ จะนั่งทำงานรอทั้งวันทั้งคืนดูทีวี เช็กข่าวทั่วโลกต่อเนื่อง จนให้วันสิ้นโลกตามคำทำนายวันผ่านไป ใครจะรอแบบผมไหม...วันที่ทั่วโลก... (บางคนเฝ้ารอด้วยความหวั่นกลัว)

เคาท์ดาวน์กระแสคลั่งวันสิ้นโลก21ธ.ค.2012 : INN News

B5 - War Room Falkman

 

ทั่วไทยเว้นใต้เย็นลงอีก2-3องศา กทม.เช้ามีหมอก

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2555 7:15น.



กรมอุตุฯ เผย ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2 - 3 องศาเซลเซียส กทม. 1-2 องศาเซลเซียส มีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ขณะพายุไต้ฝุ่นโบพา อ่อนกำลังลง

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ แล้ว ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2 - 3 องศาเซลเซียส

อนึ่ง เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (9 ธ.ค. 55) พายุไต้ฝุ่น "โบพา" (BOPHA) มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ ด้านตะวันตกของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยคาดว่าจะมีแนวโน้มอ่อนกำลังลง และสลายตัวในระยะ 1 - 2 วันนี้ สำหรับพายุนี้ ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=421282


เชียงราย อุณหภูมิเหลือ 15.4 องศาฯ

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2555 10:57น.



อุตุฯเชียงราย เผย อุณหภูมิลดต่อเนื่อง เหลือ 15.4 องศาฯ นักท่องเที่ยวเข้าพักเต็มทุกโรงแรม

สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดเชียงราย รายงานการตรวจอุณหภูมิต่ำสุดในเช้าวันนี้ ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย สามารถวัดได้ 16.5 องศาเซลเซียส ลดลงจากวานนี้ 2 องศาเซลเซียส ขณะสถานีอากาศเกษตร ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชีงราย สามารถวัดได้ 15.4 องศาเซลเซียส ซึ่งทั้ง 2 แห่ง เป็นพื้นราบ ขณะที่ตามยอดดอยใน จ.เชียงราย มีอากาศหนาวเย็นจัด อุณหภูมิอยู่ 8-10 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ สถานีอุตุนิยมวิทยาเชียงราย แจ้งว่า จ.เชียงราย ต้องรับมือกับอากาศที่หนาวเย็นต่อไปเพราะมีแนวโน้มที่อุณหภูมิจะลดต่ำลงอีก 1 - 2 องศาเซลเซียส

ขณะที่สภาพาอากาศที่หนาวเย็น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายัง จ.เชียงราย จำนวนมาก โดยการสำรวจโรงแรม ที่พักต่าง ๆ พบว่า ในเขตตัวเมืองเชียงราย มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าพักจนเต็มทุกแห่ง โดยบางโรงแรมแจ้งว่า ห้องพักถูกจองไว้ล่วงหน้าเต็มยาวไปถึงเดือนมกราคม 2556 ซึ่งหากใครจะเดินทางมา จ.เชียงราย ในช่วงอากาศหนาวเย็น ต้องสอบถามข้อมูลที่พักล่วงหน้าก่อน 3 - 4 วัน

เชียงราย อุณหภูมิเหลือ 15.4 องศาฯ : INN News

B5 - War Room Falkman

 

ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด





B5 - War Room Falkman

 

ญี่ปุ่นเสร็จสิ้นการติดตั้งระบบต้านขีปนาวุธ พร้อมรับมือโสมแดงยิงจรวด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 ธันวาคม 2555 17:40 น.



อาร์ไอเอ โนโวสตี - ซาโตชิ โมริโมโต รัฐมนตรีกลาโหมแถลงวันนี้ (8) ว่า ญี่ปุ่นติดตั้งระบบต้านขีปนาวุธ เพื่อรับมือกับการยิงจรวดของเกาหลีเหนือ ที่อ้างว่าเป็นการนำดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น เสร็จสิ้นแล้ว

ก่อนหน้านี้ ทางการญี่ปุ่นประกาศว่า พวกเขาสั่งการให้กองกำลังป้องกันตนเองเตรียมพร้อมรับมือสำหรับภัยคุกคามใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการยิงจรวดพิสัยไกลของโสมแดง ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นโดยเร็วที่สุดในวันจันทร์ (10) นี้

โตเกียวได้ส่งขีปนาวุธแพทริออต เอ็มไอเอ็ม-104 จากพื้นสู่อากาศ (เอสเอเอ็ม) 4 ลูกไปยังชายแดนทางตอนใต้ของประเทศ ขณะที่อีก 3 ลูกถูกติดตั้งไว้ใกล้กับเมืองหลวง โดยระบบต้านขีปนาวุธดังกล่าวมีเป้าหมายในการยิงสอยเศษซากจรวด หรืออื่นๆ ที่อาจตกลงในดินแดนของญี่ปุ่น และก่อให้เกิดอันตรายได้

ด้านเปียงยางสร้างความไม่พอใจให้กับประชาคมโลก หลังออกมาประกาศเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมว่า จะดำเนินการยิงจรวดอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังจากประสบความล้มเหลวในการยิงจรวดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนืออ้างว่า จรวดดังกล่าวเป็นเพียงความพยายามที่จะส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร แต่นานาประเทศเชื่อว่าความเคลื่อนไหวนั้นเป็นการพัฒนาโครงการขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้

นอกจากนี้ สื่อเกาหลีใต้ยังรายงาน โดยอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลโซล ที่บ่งชี้ว่า ช่างเทคนิคของโสมแดงได้ติดตั้งจรวดบนฐานยิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยหน้าต่างการยิงจะยาวไปจนถึงวันที่ 22 ธันวาคม

B5 - War Room Falkman

 

'โบพา' ลดระดับเหลือเป็นพายุดีเปรสชั่นล่าสุด





B5 - War Room Falkman

 

เกาหลีเหนืออาจ "เลื่อนวันยิงจรวด” ออกไป แต่ไม่ชี้แจงสาเหตุ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ธันวาคม 2555 14:57 น.

รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานวานนี้(8)ว่า เปียงยางอาจตัดสินใจเลื่อนกำหนดการยิงจรวดออกไปก่อน โดยไม่ชี้แจงเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ขณะที่สหรัฐฯ, รัสเซีย และอีกหลายประเทศ ต่างเรียกร้องให้โสมแดงยุติแผนดังกล่าว

สำนักข่าว เคซีเอ็นเอ อ้างแถลงการณ์ของโฆษกองค์การด้านอวกาศของเปียงยาง ซึ่งระบุว่า “กำลังพิจารณาอย่างจริงจังที่จะปรับกำหนดการส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ” จากเดิมที่ประกาศไว้ระหว่างวันที่ 10-22 ธันวาคมนี้

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติห้ามมิให้เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธหรืออาวุธนิวเคลียร์อีก หลังจากที่เปียงยางเคยทดลองอาวุธนิวเคลียร์มาแล้วเมื่อปี 2006 และ 2009 โดยไม่สนใจเสียงประณามจากนานาชาติ

ทั้งนี้ แผนยิงจรวดโสมแดงครั้งล่าสุดจะมีขึ้นในโอกาสครบรอบ 1 ปีการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตผู้นำ คิม จอง อิล และยังตรงกับช่วงเลือกตั้งในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วย

ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหรัฐฯและรัสเซีย ต่างออกมาตำหนิโครงการส่งดาวเทียมของเกาหลีเหนือ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเพียงอุบายปกปิดแผนทดลองขีปนาวุธพิสัยไกลเท่านั้น ขณะที่จีนซึ่งเป็นมหามิตรรายเดียวของโสมแดงก็แสดงความกังวลว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีอาจจะปะทุขึ้นอีกเพราะเรื่องนี้

เส้นทางที่จรวดเคลื่อนผ่านจะอยู่ระหว่างคาบสมุทรเกาหลีกับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยชิ้นส่วนจรวดขั้นที่ 2 จะตกลงนอกชายฝั่งฟิลิปปินส์ ก่อนที่ดาวเทียมจะถูกส่งขึ้นไปสู่อวกาศ

เกาหลีเหนือเคยพยายามส่งจรวดอึนฮา-3เพื่อนำดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ก็ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เมื่อจรวดเกิดระเบิดหลังปล่อยจากฐานยิงได้ไม่กี่นาที

ถ้อยแถลงจากเปียงยางสอดคล้องกับการคาดเดาของนักวิจัยจากสถาบันสหรัฐฯ-เกาหลี มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ซึ่งได้เขียนไว้บนเว็บไซต์ 38 North เมื่อวันศุกร์(7)ว่า เปียงยางอาจต้องชะลอแผนยิงจรวดออกไปก่อน เนื่องจากสภาพอากาศในเกาหลีเหนือหนาวเย็นและมีหิมะตกหนัก

 

“ไต้ฝุ่นบุปผา” หันหัวถล่มปินส์อีกระลอก-เตือนภาคเหนือเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 ธันวาคม 2555 10:46 น.

ภาพแสดงตำแหน่งของไต้ฝุ่นบุปผา ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งเมือง Laoag ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ วันนี้(9) และมีทีท่าจะวกกลับเข้าสู่แผ่นดินทางตะวันออก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มตามมา (ภาพ: Tropical Storm Risk)
เอเอฟพี - ภาคเหนือของฟิลิปปินส์ต้องเผชิญฝนตกหนักและความเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน เมื่อไต้ฝุ่นบุปผาเคลื่อนตัวกลับเข้าสู่ฟิลิปปินส์อีกครั้งในวันนี้(9) หลังจากที่ซัดถล่มเกาะมินดาเนาจนมีผู้เสียชีวิตและสูญหายร่วม 1,400 คนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

แม้ไต้ฝุ่นบุปผาจะอ่อนกำลังจนกลายเป็นเพียงพายุโซนร้อน ทว่าอิทธิพลของมันก็ยังทำให้ภาคเหนือของเมืองตากาล็อกเกิดฝนตกหนัก ในขณะที่ความเสียหายทางภาคใต้ก็ยังต้องรอการฟื้นฟู

“มันจะทำให้มีฝนตกหนัก ส่วนลมอาจจะไม่แรงมากนัก และคาดว่าจะเกิดดินถล่มหรือน้ำท่วมฉับพลันด้วย พื้นที่ลุ่มต่ำคงจะเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกระลอก” เบนิโต รามอส หัวหน้าหน่วยป้องกันพลเรือนฟิลิปปินส์ แถลง

หน่วยบรรเทาทุกข์และกู้ภัยท้องถิ่นได้ร่วมกับกองทัพเดินทางเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมแล้ว

เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์เผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต 548 รายจากความรุนแรงของไต้ฝุ่นบุปผาที่ซัดถล่มชายฝั่งตะวันออกของเกาะมินดาเนาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนสภาบรรเทาความเสี่ยงและจัดการภัยพิบัติแห่งชาติมีรายงานว่า ยังมีผู้สูญหายอีกถึง 827 คน สูงกว่าที่ประเมินไว้ราว 500 คนก่อนหน้านี้

ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นพลเมืองบนเกาะมินดาเนา โดยเฉพาะในเขตภูเขาสูงที่ประชาชนหลั่งไหลเข้าไปลักลอบทำเหมืองทองคำ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านอีกไม่ต่ำกว่า 178,000 คนที่ต้องแออัดอยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราว เนื่องจากบ้านถูกลมพายุพัดพังเสียหาย

รามอส ชี้ว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในภาคใต้ทำให้ประชาชนทางภาคเหนือเฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น

แม้พายุบุปผาจะอ่อนกำลังลง แต่ทางการยังประกาศเตือนภัยพายุระดับ 2 ใน 3 จังหวัดทางภาคเหนือ และระดับรองลงมาสำหรับพื้นที่ใกล้เคียง สำนักงานพยากรณ์อากาศของรัฐบาล แถลง

เช้าวันนี้(9) พายุบุปผาเคลื่อนตัวอยู่นอกชายฝั่งเมือง Laoag ของฟิลิปปินส์ ด้วยความเร็วลมที่ศูนย์กลางราว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยกำลังเคลื่อนไปทางตะวันออกด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง