ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

รายการ ชั่วโมงพิศวง
เรื่อง มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ วันที่ 14-11-2006 ​

​

 

สวัสดี ในความหมายของมนุษย์ต่างดาว

ในวันพุธที่ 19 กันยายน 2550 ทางช่อง 5 ประมาณ 23.05 นาฬิกา ดร.เทพนม เมืองแมน ออกรายการ "เบื้องหลัง" ตอนที่ 2 เรื่อง การติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว ท่านที่สนใจเรื่องของ UFO ติดตามชมกันได้ในคืนนี้

ท่านที่เคยได้ดูในตอนที่ผ่านมา คงจะเห็นตัวอย่างตอนที่ 2 ที่จะนำเสนอในคืนนี้ ซึ่งบางส่วนมีการอ้างอิงถึงเขากะลา และสัญญลักษณ์มือที่เห็นในภาพ หมายถึงอะไร? นั้น

พี่สุดใจ จึงขอนำความหมายของสัญญลักษณ์นั้น มาให้ท่านที่สนใจได้รับทราบ ก่อนที่จะได้ชมในรายการเบื้องหลัง คืนนี้

สัญญลักษณ์ "ดอกบัวบาน "

ในการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์โลก ในครั้งแรกที่ ดาวโลกุกะตาปากะดิกอง มีการสื่อมายัง จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน นั้น ได้มีการบอกถึงสัญญลักษณ์ ซึ่งเป็นการทักทายกัน ระหว่างดาวโลกุฯ กับมนุษย์โลก ให้ใช้สัญญลักษณ์ "ดอกบัวบาน" ก็คือคำว่า สวัสดี นั่นเอง

ลักษณะก็คือ ข้อมือทั้งสองติดกัน และแบมือออกทั้งสองข้าง ซึ่งเขาบอกว่า เป็นเหมือน "ดอกบัวบาน"

ลักษณะการทักทาย หรือสวัสดีของมนุษย์โลก เขาบอกว่าเป็นลักษณะดอกบัวตูม คือพนมมือไหว้กัน เหมือนดัง "ดอกบัวตูม"

ดังนั้น ในการสื่อสารกัน จึงใช้สัญญลักษณ์ "ดอกบัวบาน" เพื่อแสดงถึงการ "ยินดีต้อนรับ" เขานั่นเอง

เมื่อดาวโลกุกะตาปากะดิกอง สื่อสารผ่านมายัง จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ซึ่งได้รับเป็นข้อความในส่วนใหญ่แล้ว บางครั้ง จะส่งคลื่นผ่านมายัง คุณชูชาติ ชื่นสำนวน ซึ่งเป็นบุตรชาย คลื่นนั้น เมื่อผ่านร่างแล้ว จะพูดคนละภาษากับเรา ซึ่งการสื่อสาร ต้องสื่อสารกันด้วยภาพ และ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ก็เป็นผู้แปล

ดังนั้น ทุกครั้งที่ดาวโลกุกะตาปากะดิกอง สื่อสารมา เราต้องทำสัญญลักษณ์ "ดอกบัวบาน" แทนคำว่า "สวัสดี" เป็นการ ยินดีต้อนรับ ทุกครั้ง

สัญญลักษณ์สีประจำดาวโลกุกะตาปากะดิกอง

สีแดง เป็นสีที่ใช้แทนสัญญลักษณ์ของดาวโลกุกะตาปากะดิกอง

จะสังเกตุเห็นว่า ทำไมครอบครัว จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน จึงได้ใส่เสื้อสีแดงกันทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว

ก็เพราะว่า ดาวโลกุกะตาปากะดิกอง ให้ใช้สีแดง เป็นสัญญลักษณ์ของดาวโลกุฯ เพราะดวงดาวอื่น ๆ ก็มีแต่ละสีเป็นสัญญลักษณ์แทนแต่ละดวงดาวเหมือนกัน ดังจะเห็นได้บนเขากะลา มีธงหลายสีปักอยู่บริเวณ "กองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว" ซึ่งมีทั้งสีน้ำเงิน ซึ่งแทนดาวพลูโต สีชมพู สีม่วง และอีกหลายสี มีความหมายเป็นสัญญลักษณ์แทนแต่ละดวงดาวทั้งสิ้น

ดังนั้น ทุกครั้งที่ดาวโลกุฯ นัดหมายจะนำคลื่นจิตสื่อสารลงมา เราก็จะใส่เสื้อสีแดง ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของสีประจำดาวโลกุฯ เป็นการต้อนรับทุกครั้ง

 

สำหรับอีกท่านหนึ่งที่เดินทางไปเพียงคนเดียว จากจังหวัดสมุทรปราการ และไปพบกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ที่บ้านพักก่อน ซึ่งก็คงขอนำประสบการณ์ที่ท่านได้พบเจอมา และได้เล่าให้ทุกคนฟังพร้อมกันในวันนั้น มาเล่าให้ฟังค่ะ

ท่านผู้นี้ ไม่ได้มีไฟฟ้าในร่างกายมากเหมือนสามท่านแรก และไม่ค่อยได้พบเจออะไรแปลก ๆ มากนัก แต่เพราะท่านทำงานเกี่ยวกับการไฟฟ้า ดังนั้น จึงเป็นผู้ที่รู้เรื่องกระแสไฟฟ้ามากที่สุด ว่าอันนี้ ใช่ไฟฟ้าสถิตย์หรือไม่ อันนี้เป็นพลาสติก ไฟผ่านไม่ได้ และให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของไฟฟ้าอีกหลายอย่างเพื่อเทียบเคียง และยังบอกว่า ที่เล่ากันมานั้น ไม่น่าจะเกี่ยวกับไฟฟ้าตามบ้าน เพราะถอดสายไฟแล้ว ทีวียังเปิดได้เอง ไม่น่าจะมีไฟฟ้าสถิตย์ที่แรงขนาดนี้ได้

และท่านบอกว่า ท่านก็มีประสบการณ์เมื่อตอนเป็นเด็ก และยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ จึงได้เล่าให้ผู้ที่อยู่ ณ ที่นั้นได้รับฟัง

ท่านบอกว่า สมัยเป็นเด็ก ตอนเรียนอยู่ชั้นประถม วันหนึ่ง กลับจากโรงเรียนผ่านทุ่งนาที่กว้าง และบริเวณทุ่งนานั้น มีต้นตาลสูง ๆ หลายต้นขึ้นอยู่

ตนเองได้มองเห็นเครื่องบินลำหนึ่ง ลอยนิ่งอยู่เหนือยอดตาล เป็นเครื่องบินแบบเครื่องบินโดยสาร มีปีกหางกว้างใหญ่เหมือนเครื่องบินโบอิ้งในปัจจุบัน ไม่มีเสียง ลอยอยู่นิ่ง ๆ ท่านบอกว่าไม่ใช่ ฮ. อย่างสมัยนี้แน่นอน

เครื่องบินลำดังกล่าว ลอยอยู่เหนือยอดตาล และสักพักก็มีบันได ปล่อยลงมาจากด้านล่างของเครื่องบิน และมีร่างคล้ายคน ไต่บันไดลงมาที่ยอดตาลนั้น

ในตอนนั้นเป็นเด็ก ด้วยความที่ยังไม่เข้าใจ และยังไม่รู้ว่าเครื่องบินมันจอดเฉย ๆ ไม่ได้ แต่ก็ชอบดูเครื่องบิน จึงยืนดูว่าเขาทำอะไร? แต่ก็คิดตามประสาเด็กว่า นักบินเขาคงมาจอดเก็บลูกตาล สักพักคนที่ไต่ลงมาก็กลับขึ้นไป และก็เครื่องบินก็บินไป จึงกลับบ้าน และสิ่งที่เห็นก็ยังจำได้ตลอดมา

แต่พอโตขึ้น มีความรู้มากขึ้น ก็รู้ว่า เครื่องบินที่ตนเห็นนั้น มันทำแบบนั้นไม่ได้ จะลอยตัวอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ เพราะเป็นเครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง ไม่ใช่ประเภท ฮ. จึงจะจอดนิ่งได้ ก็สงสัยเรื่อยมาว่าสิ่งที่เห็นตั้งแต่เด็กคืออะไรกันแน่? จึงได้สนใจเรื่องลี้ลับ เรื่อง UFO และติดตามข่าวสารจาก ดร.เทพนม เรื่อยมา

จนมีคนรู้จัก ที่มาเขากะลา และแนะนำให้ลองมาที่นี่ดู จึงได้เดินทางมาแล้ว 1 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2

ก็เป็นอีกท่านหนึ่ง ที่มาในวันนั้น และร่วมเดินทางขึ้นไปบนเขากะลาด้วย แม้ไม่ได้มีพลังงานไฟฟ้าอย่างท่านอื่น ๆ แต่ก็มีประสบการณ์ที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟัง ซึ่งทุกวันนี้ ท่านยังจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด เพราะดูอยู่นาน และจำรูปร่างเครื่องบินโดยสารลำนั้นได้เป็นอย่างดี

สิ่งหนึ่ง ที่มนุษย์ต่างดาว ได้เคยบอกไว้นานแล้ว ก็คือ การทำเลียนแบบ

มนุษย์ต่างดาวบอกว่า ที่เขาบินไปมาได้ และมนุษย์ก็ไม่สงสัย ก็เพราะการทำเลียนแบบเครื่องบินของมนุษย์ เพื่อเป็นการพรางไว้ แต่บางครั้งจะไม่เหมือนทั้งหมด คนที่เคยพบเจออาจจะเคยเห็นเหมือนเครื่องบินบินมา แล้วลอยอยู่เฉย ๆ เป็น 10 นาที ก็มี บางทีบินมา แล้วส่งสัญญาณไฟแปลก ๆ มาให้ก็มี หรือบินมาแล้วถอยหลังกลับเลยก็มี

ดร.เทพนม เมืองแมน ท่านยังถ่ายภาพไว้ได้ วัตถุรูปซิการ์ลอยผ่านมา ท่านบันทึกไว้ พอเข้าไปในเมฆ ผ่านเมฆออกมากลายเป็นเครื่องบิน มีปีก มีหาง เหมือนเครื่องบินบนโลกมนุษย์ แต่ท่านถ่ายได้ด้วยวีดีโอ จึงได้เห็นขั้นตอนการทำเลียนแบบ ทั้งก่อน และหลังพรางรูปร่าง ซึ่งพี่สุดใจก็มีโอกาสได้ดูภาพนั้นที่บ้าน ดร.เทพนม เมืองแมน

ดังนั้น สิ่งที่ท่านผู้นี้เห็น จะเป็นการมาสำรวจ มาเก็บตัวอย่าง หรือทำอะไรบางอย่างเพื่อการวิจัยบนโลกนี้ ก็ต้องทำเลียนแบบให้เหมือนของโลกมนุษย์ มนุษย์จะได้ไม่สงสัย แต่ลักษณะ และคุณสมบัติของเทคโนโลยีต่างกัน เขาจึงทำได้ทุกรูปแบบ จะพุ่งขึ้น พุ่งลง จะเร็วกว่า ช้ากว่า จะหยุด จะหมุน ทำได้ทุกรูปแบบ ซึ่งไม่แน่ใจว่า สิ่งที่ท่านผู้นี้ได้เห็น จะเห็นเองโดยบังเอิญ หรือเป็นการจงใจให้เห็น เพื่อที่จะได้ค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่ตนเองสงสัย และยังคงค้นหาคำอธิบาย จนถึงปัจจุบันนี้ก็ได้

(ซ้ายสุดเสื้อสีน้ำตาล) ท่านที่เล่าประสบการณ์ดังกล่าวข้างต้น

 

การพรางตัววัตถุบิน โดยเลียนแบบยานพาหนะบนโลก

บางครั้ง เรื่องหลายเรื่องที่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่น และเราได้รับทราบนั้น ก็สามารถเปิดมุมมองบางสิ่งบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงได้ เพราะการอธิบายให้มีความเข้าใจในทุก ๆ เรื่องนั้น ไม่อาจทำได้ เพราะความเข้าใจของมนุษย์อาจรับได้เพียงบางส่วน สิ่งที่ตนเองพบ สิ่งที่ตนเองเห็น ก็เป็นเรื่องยากที่บอกใครแล้วจะเชื่อ และยิ่งไม่สามารถนำภาพเหล่านั้นมาพิสูจน์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการถูกหาว่าเพี้ยน ตาฝาด หรืออย่างแรงก็หาว่าโกหก ผู้ที่เห็นส่วนมาก จึงยังคงเก็บเอาไว้ ไม่ค่อยกล้าเปิดเผยเท่าไรนัก

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งถ้าเป็นต่างประเทศ เขาเห็น เขาได้พบ และบางครั้งถ่ายภาพได้ เขาจะรีบแจ้งให้คนอื่นร่วมรับทราบโดยทันที เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ภูมิใจเสียด้วยซ้ำ ที่ได้มีโอกาสเห็น ได้มีโอกาศถ่ายภาพได้ หรือมีโอกาสติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ ซึ่งหลายฝ่าย นักวิชาการ หลากหลายสาขา ก็ให้ความร่วมมือ มาร่วมพิสูจน์ ทดสอบ ทดลอง และนำข้อมูลออกเผยแพร่ เขียนเป็นหนังสือให้คนทั่วโลกได้อ่านกัน ดังนั้น ใครสนใจเรื่อง UFO ก็ไปหาซื้อได้ ตามร้านขายหนังสือทั่วไป วางกันให้เกลื่อน หรือจะหาซื้อจากตลาดหนังสือเก่า จะเห็นหนังสือ UFO ของต่างประเทศมีออกมามากมาย มาตั้งหลายสิบปีแล้ว

แต่สำหรับประเทศไทย เป็นเรื่องที่ตรงกันข้าม

ถ้าใครได้ดูรายการ และเห็นภาพของ ดร.เทพนม เมืองแมน ท่านให้สัมภาษณ์ ออกรายการ "เบื้องหลัง" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คนที่เคยเห็นท่านออกรายการบ่อย ๆ จะรู้สึกว่า ในการให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ ท่านไม่ค่อยอยากพูดรายละเอียดสักเท่าไร เพราะท่านพูดเรื่องเหล่านี้มานับ 10 ปีแล้ว พูดมานาน หลักฐานก็มีมากมาย แต่ก็ไม่ค่อยมีใครเชื่อกัน แต่ท่านก็ยังทำตามหน้าที่ของท่านในการให้ข้อมูลข่าวสาร เพราะเมื่อมีใครพบวัตถุลึกลับเป็นข่าวครั้งใด ก็ต้องไปสัมภาษณ์ท่าน ไปสอบถามท่าน และให้ท่านวิเคราะห์ภาพเหล่านั้นอยู่เสมอ ดังนั้น ท่านจึงเปรียบเสมือน ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง UFO ในประเทศไทย ในรูปแบบวิทยาศาสตร์ และทางจิตผสมกัน

แม้แต่การเขียนหนังสือออกมา เรื่อง "จานบินในประเทศไทย" ที่เป็นข้อมูลของคนไทยแท้ ๆ ก็ยังไม่อาจแพร่หลายได้มากมายเหมือนหนังสือ UFO จากต่างประเทศ ที่หาซื้อได้ทุกที่ และเรื่องราวเหล่านั้น ก็ซ้ำไป ซ้ำมา และมีแค่การเห็น การถ่ายภาพได้ การตามพิสูจน์หลักฐานเท่านั้น ยังไม่เคยเห็นมีใครกล้าประกาศตัวออกมาว่า... I นัดหมายจานบินให้มาปรากฏได้ และพวก you มาคอยรอชมในวันนี้ เดือนนี้ เวลานี้นะ ....ซึ่งยังไม่เคยมีปรากฏมาก่อน

จึงนึกถึงท่านผู้หนึ่ง ที่มีความคิดสวนทางกับคนอื่น ท่านชื่อ คุณทิพย์ อัจจิมากร ท่านอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ท่านสนใจเรื่อง UFO และได้ศึกษาเรื่องจานบินของต่างประเทศมานานแล้ว

พอได้อ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่ลงข่าววันที่ 2 มกราคม 2541 คือล่วงหน้าวันนัดหมายหนึ่งวัน แล้วก็บอกกับลูกท่านว่า "พ่อจะไปสิงห์บุรี จะไปดูหน้าคนที่นัดหมายจานบินสักหน่อย ทำไมกล้าหาญชาญชัย กล้านัดหมายจานบินมาให้คนดู เพราะจานบินนอกโลกนะ ไม่ใช่เครื่องบิน จะได้มาให้เห็นได้ง่าย ๆ พ่อจะเห็นหรือไม่เห็น จานบินจะมาหรือไม่มา ไม่เป็นไร ขอแค่ไปดูหน้าคนที่อาจหาญกล้าประกาศนัดจานบินเท่านั้น จะไปถามว่า คิดยังไงถึงได้กล้าทำอย่างนี้"

คุณทิพย์ อัจจิมากร จึงได้ออกเดินทางจากเชียงใหม่แต่เช้า และขึ้นรถทัวร์กรุงเทพฯ มาลงที่สิงห์บุรี ช่วงบ่ายสามโมง ก็เห็นคนมากมาย จึงพยายามเข้าไปให้ใกล้พิธีมากที่สุด เพราะจุดประสงค์จะดูหน้าคนนัดหมาย และดูว่าเขานัดหมายด้วยวิธีใด
<O</O
<O</O
ดังนั้น เมื่อเวลานัดหมาย แล้วมีวัตถุบินมาปรากฏ ครั้งแรกเห็นกันทั้งหมด เป็นวัตถุพุ่งตรงมาอย่างเร็ว แล้วกระพริบไฟสองครั้ง แล้วพุ่งหายไป คนฮือฮากันมาก และช่วงเย็นก็มาปรากฏตามนัดหมาย จนมีการบันทึกภาพได้นั้น คุณทิพย์ก็เริ่มเชื่อว่า เขาทำได้จริงเหมือนกัน
<O</O
<O</O
ท่านจึงได้อยู่ในช่วงกลางคืน เพื่อรอดูให้แน่ใจ เพราะผู้สื่อสารบอกว่า เขาจะมาให้เห็นอีกครั้ง ช่วง 3 ทุ่ม - 4 ทุ่ม จำนวน 4 ลำ จึงได้อยู่รอดูด้วย และก็ได้เห็นวัตถุบินจำนวน 4 ลำ ลอยผ่านมาในระยะไม่สูงนัก ไม่มีเสียง ไฟแตกต่างกันในแต่ละลำ หลายสี หลายรูปแบบ จึงเชื่อว่า คนไทย ก็สามารถนัดหมายจานบินได้จริง ๆ
<O</O</O

ดังนั้น พอทั้ง 4 ลำผ่านไปแล้ว ท่านก็จะเดินทางไปพักที่โรงแรมในสิงห์บุรี แต่เห็น จ.ส.อ.เชิด ยืนอยู่กับครอบครัว ท่านจึงเดินไปสนทนาด้วย และบอกว่ามาจากเชียงใหม่ จะมาดูหน้าคนที่กล้านัดหมายจานบิน คิดยังไงถึงกล้าประกาศอย่างนี้ ?

ซึ่งเมื่อทราบรายละเอียดการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ท่านก็ให้ความสนใจ ดังนั้น จ.ส.อ.เชิด จึงได้ชวนท่านไปพักที่บ้าน จะได้สนทนากัน ไม่ต้องไปพักโรงแรม ซึ่งท่านก็ได้ตกลง และเราก็ได้รู้จักคุณทิพย์ อัจจิมากร ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา<O</O

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มิได้เจตนาที่จะโปรโมตใครทั้งสิ้น เพียงแต่เป็นการเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น ถึงความคิดโดยส่วนรวมของคนไทย ซึ่งความจริงน่าจะภูมิใจเสียด้วยซ้ำ ที่การปฏิบัติธรรม การทำสมาธิของคนไทยนั้น สามารถใช้จิตทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย และมีประสิทธิภาพมากกว่าเทคโนโลยีของชาวต่างชาติเสียอีก

และมีน้อยคนนัก ที่จะคิดเหมือนคุณทิพย์ อัจจิมากร ที่เปิดใจ ลองตามพิสูจน์ ทดสอบ ทดลอง และกล้าที่จะเปิดเผยตัวเองออกมา เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เห็นเป็นความจริง ด้วยการให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกชื่นชม ออกรายการ เวที..วาไรตี้ ช่อง 9 ด้วย

ดังนั้น ในคืนนี้ ก็อย่าลืมติดตามชม รายการ "เบื้องหลัง" ในตอนที่ 2 เรื่องการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ของ ดร.เทพนม เมืองแมน กันนะคะ

(ภาพแรก) คุณทิพย์ อัจจิมากร (เสื้อขาวขวาสุด) จากเชียงใหม่ ขณะอยู่ร่วมรับชมจานบินที่สิงห์บุรี และให้สัมภาษณ์รายการ เวที ...วาไรตี้ เมื่อปี 2541

(ภาพล่าง เสื้อขาวซ้ายสุด ) ขณะไปให้สัมภาษณ์ เพื่ออัดรายการ เวที..วาไรตี้ ช่อง 9 โดย ดร.สมบูรณ์ แสงทอง เป็นพิธีกร โดยในวันนั้น คุณ mead และทีมช่างภาพสมัครเล่น ที่บันทึกภาพจานบินที่สิงห์บุรีได้ รวม 3 ท่าน ไปร่วมบันทึกรายการด้วย พร้อมทั้งนำภาพที่บันทึกไว้ได้ ไปให้ทางรายการออกอากาศด้วย ซึ่งต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้

(ล่างสุด) คุณทิพย์ อัจจิมากร พักที่บ้าน จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ที่สิงห์บุรี ก่อนเดินทางกลับเชียงใหม่

 

หากมีการขึ้นไปบนเขากะลาอีก แจ้งด้วยนะคับ พี่สุดใจ ขอขึ้นไปศึกษาด้วยครับ

 

เห็นพี่สุดใจเอาภาพสมัยนั้นมาโพส แล้วอยากให้เรื่องนี้กลับมาคึกคักอีกครั้งนะครับ เขากะลาคงแน่นขนัดแบบที่เห็นอีกครั้ง ตอนนี้ก็ยังเป็นที่ศึกษาปรากฎการณ์ UFO และเรื่องจุดประสานมิติได้ตลอดเวลา แต่ถ้ามีผู้สื่อโทรจิตแบบคุณลุงเชิดอยู่คงจะดีไม่น้อยนะครับได้สื่อถามอะไรได้อีกมาก..คุณลุงเชิดคงไปรอที่ไหนสักแห่งแถวๆประตูมิติแน่เลยครับ..

 

ขอสอบถามนิดนึงครับ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไปดูสัตว์ ตอนกลางคืน เลยที่พักออกไปหน่อย ที่เขาใหญ่ แล้วเห็นดวงไฟสีขาวสี่ดวงใหญ่ และมีไฟดวงเล็กสีแดงสี่ดวง อยู่ในตรงหัวมุมของ ของไฟสีขาวแต่ละดวง ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่เห็นมันลอยได้แล้วก็หายไป ไม่ทราบว่ามันน่าจะใช่
UFO ไหมครับ แล้วพอจะบอกได้ไหมครับ ว่ามาจากดาวอะไร

แล้วตอนเด็กอยู่บนชั้นสองของบ้านในกรุงเทพ เวลาเย็น ยังไม่มืดนะครับ เข้าใจว่าเป็นจานบินลอยลงมาอยู่หน้าบ้าน ไม่รู้ว่ามันคือความฝัน หรือความจำกันแน่ แต่มันจำได้แค่นี้ครับ

ก็เลยอยากทราบว่า จานบิ

 

<TABLE class=tborder id=post713957 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>zz<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_713957", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:13 AM
วันที่สมัคร: Apr 2005
ข้อความ: 1,403 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 7,807 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 14,587 ครั้ง ใน 1,305 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1620


</TD><TD class=alt1 id=td_post_713957 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->รายการเมื่อคืนวันที่ 12/9/2550

http://www.tv5.co.th/newsclipsbox/pr...ng09_12_50.wmv

รายการเมื่อคืนวันที่ 19/9/2550 (เมื่อวาน)

http://www.tv5.co.th/newsclipsbox/pr...ng09_19_50.wmv
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์...1. ระบบสื่อสารยามเกิดภัยพิบัติ 2. ระบบ Repeater ยามเกิดภัยพิบัติ 3.พลังงานยามเกิดภัยพิบัติ 4. สัญญานในการอพยพสู่ที่ปลอดภัย
<!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รอจัดทริปกันครับ หากมีผู้สนใจ

 

ขอขอบคุณคุณคณานันท์ และคุณ zz นะคะ ที่กรุณานำเรื่องราวดี ๆ มาให้เพื่อน ๆ ที่พลาดการรับชมในวันนั้น ได้มีโอกาสได้รับชมด้วย

พี่สุดใจ คงมีโอกาสได้ร่วมเดินทางกับกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติในโอกาสต่อไป ขอบคุณค่ะ

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา ดร.เทพนม เมืองแมน ท่านได้ให้สัมภาษณ์รายการเบื้องหลัง เรื่องการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ตอนที่ 2 ซึ่งหลายท่านก็คงได้ติดตามชมแล้วนั้น

<O</Oบางตอน ท่านได้กล่าวถึง เขากะลา กล่าวถึง บึงบอระเพ็ด กล่าวถึง กองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว กล่าวถึง เรื่องของมิติ และอีกหลายข้อความนั้น
<O</O
พี่สุดใจ คงจะขยายความเข้าใจแต่ละจุด ให้ท่านได้รับทราบดังนี้
<O</O</O

 

คณะถ่ายทำสารคดี UFO ในประเทศไทย ได้เดินทางลงไปในบึงบอระเพ็ดตอนกลางคืน เพื่อบันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏในบึงบอระเพ็ด
<O</O
ในทีมงานคืนนั้น มีคุณสายฟ้า เดินทางไปร่วมกับคณะถ่ายทำด้วย ซึ่งหลังจากนั้น คุณสายฟ้าก็มาเล่าให้พี่สุดใจฟังว่า ลงเรือไปกลางบึงตอนกลางคืน มืดมาก และช่างกล้องก็เตรียมสแตนด์บายกล้องเพื่อถ่ายสิ่งผิดปกติที่จะปรากฏ และในวันนั้น มีดวงไฟสีส้มเคลื่อนที่ไปมาหลายดวงกลางบึง และมีอยู่ลำหนึ่งน่าสนใจมาก เคลื่อนผ่านคณะของคุณสายฟ้า เป็นไฟดิสโก้หลายสีหมุนรอบ และไม่มีเสียงดังเลย ครั้งแรกคิดว่าเป็นเรือหาปลาในบึง จึงไม่ได้บันทึกภาพ แต่พอแล่นสวนกัน ระยะไม่ไกลนัก ก็เห็นไฟหลายสีหมุนไปมา และไม่มีเสียงเครื่องยนต์ พอแล่นผ่านกันแล้วหายไปเร็วมาก ช่างกล้องยังไม่ทันได้ตั้งตัวบันทึกเลย
<O</O

และล่าสุดพี่สุดใจ ได้พาคุณสายฟ้า และคุณโจ และเพื่อนอีก 1 ท่าน เดินทางเข้าไปในบึงบอระเพ็ดอีกครั้ง เพราะเดินทางมาเป็นการส่วนตัว เมื่อวันเข้าพรรษา ได้พาขึ้นไปบนเขากะลา ได้เห็นวัตถุบินสองลำมาพร้อมกัน และลงไปยังบึงบอระเพ็ดกลางคืน ก็ได้เห็นคล้ายคลื่นแสงสีเหลืองทอง พาดผ่านท้องฟ้าในระดับสายตาระยะยาวหลายสิบกิโล และเคลื่อนแสงนั้น ขึ้น

 

*** พาหนะพระอรหันต์ ****

คล่องตัว...ใช้เดินทางไป....โปรดสัตว์ ....
จิตต่างระดับกัน...จึงมองเห็นต่างกัน...
มนุษย์ เห็นเข้าคิดไปต่างๆ
บางชาติลงทุนสร้าง...สมรรถนะ ไม่ถึงไหน !!!
มองเห็น...สวรรค์....แต่ ไปไม่ถึง !!!
- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

พึ่งคุยกับเพื่อนเมื่อตอนเย็นนี้ว่า จะไปกัน
คุณ kananun จัดเลย มี 2 คนแล้ว
แม่นายมลและเพื่อน

 

ไปด้วย...ฮับ

 

กำลังหาโอกาสไปอยู่พอดีเลยครับ...

 

ขอขอบคุณ คุณ mead นะคะ ที่กรุณานำเรื่องที่น่าสนใจมาให้เพื่อนสมาชิกได้รับทราบ

แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่สิ่งที่แต่ละท่านประสบมาแล้วกับตัวเอง ย่อมเป็นสิ่งที่ลืมได้ยากจริง ๆ ดังจะเห็นหลายท่าน ที่เคยเห็น วัตถุบิน หรือเคยเห็นดวงไฟประหลาด หรือเคยประสบกับเหตุการณ์ที่ยากอธิบาย และเกิดขึ้นจริงกับตัวเองแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร บางท่านเห็นตั้งแต่สมัยเด็ก บางท่านเห็นผ่านมาหลายปี บางท่านเพิ่งพบเจอ แต่ที่เหมือนกันก็คือ ยังจำได้อย่างแม่นยำ เหมือนเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นไม่นาน ทุกครั้งที่มีการพบปะ เจอะเจอกัน ก็จะเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ประสบมา และความรู้สึกในครั้งนั้น ก็ยังเป็นความทรงจำที่ยากจะลืม

ท่านที่คุณ mead กล่าวถึงนั้น เราไม่รู้จักท่านมาก่อน แต่มารู้ภายหลัง หลังจากท่านผ่านประสบการณ์คลื่นจากต่างดาวผ่านร่างท่านแล้ว จึงได้รู้ว่าท่านเป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ และท่านเป็นผู้สอนสมาธิให้กับผู้สนใจปฏิบัติสมาธิ เพราะท่านปฏิบัติสมาธิมานาน จนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังต่าง ๆ ดังนั้น ในวันที่ 30 มกราคม 2541 เราจึงได้พบกับท่านอาจารย์ผู้นี้เป็นครั้งแรก ในงานนิทรรศการมนุษย์ต่างดาว

จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ได้รับการสื่อสารจากดาวโลกุกะตาปากะดิกอง ว่าจะมาร่วมฉลองงานตรุษจีนที่นครสวรรค์ ให้จัดเป็นนิทรรศการมนุษย์ต่างดาวขึ้นมา ให้หาสถานที่กว้าง ๆ เพื่อมองเห็นท้องฟ้า แล้วจะนำยานอวกาศมาปรากฏให้ชมเหนือบริเวณงานนั้น

ซึ่งการเตรียมงานในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ
คุณ mead และครอบครัว มัณฑนากรจากอุทัยธานีฯ ที่ช่วยเหลือด้านภาพถ่าย ด้านการจัดบอร์ด และด้านบันทึกภาพ
คุณอลงกรณ์ มัณฑนากร จากกรุงเทพฯช่วยเหลือด้านภาพถ่าย ด้านการจัดบอร์ด และด้านบันทึกภาพ
คุณบัญชา การบินไทย ดอนเมือง กรุงเทพฯช่วยเหลือด้านบรรยายจุดสังเกตุของเครื่องบิน ไฟกี่จุด บริเวณไหนบ้าง เนื่องจากเป็นช่างของการบินไทย เพื่อใช้เปรียบเทียบวัตถุที่เห็น กับเครื่องบิน เมื่อเวลาที่บินผ่านมา
คุณณัฐท์ ธุรกิจส่วนตัวจากสิงห์บุรี ช่วยเหลือด้านประสานงานต่าง ๆ
คุณประเสริฐ ช่วยเหลือด้านเครื่องเสียง ผู้จัดการบริษัทจากลพบุรี และจัดสถานที่

และอีกหลายท่านที่มิได้กล่าวถึง ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ ที่ทำให้การจัดงานครั้งนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ขอนำภาพบรรยากาศการเตรียมงานก่อนที่จะกลายเป็น "นิทรรศการมนุษย์ต่างดาว"
มาให้ชมกันนะคะ

(สถานที่) บริเวณหาดทรายต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งแม่น้ำ ปิง วัง ยม น่าน มาประจบกัน ณ ตรงจุดนี้

 

http://www.tv5.co.th/clip_video/tvondemand2.php

 

(อ้างอิง) กระทู้ของคุณ mead

เคยพบกันเมื่อ 9 ปีที่แล้วแน่ะครับ ในงานสื่อโทรจิตของครอบครัวลุงเชิด
ช่วงตรุษจีนนครสวรรค์ ที่ริมแม่น้ำคนมารวมกันเป็นหลักหมื่นครับตอนนั้น
มีการเชิญให้จานบินมาปรากฎ..บินเหนือท้องฟ้าหลายลำ..
จู่ๆ เค้าส่งคลื่นพลังงานลงมาครอบครูวิทย์ท่านนี้ กลางงานครับ

ครูท่านนี้เปลื่ยนเป็นตัวหดเตี้ยลง..พุงป่อง แขนยกขึ้นตั้งฉาก พูดภาษาต่างดาว
รูปร่างเป็นต่างดาวเลยทีเดียวครับ คล้ายการประทับร่างแบบครึ่งพลัง
พวกเค้าส่งพลังลงมาให้ครอบที่ครูท่านนี้ เพื่อดึงจิตครูท่านนี้ขึ้นไปบนยานอวกาศ..

อาการเป็นแบบนี้อยู่ราวๆ 20 นาทีเห็นจะได้ มีการบันทึกvdoไว้ด้วย พอเค้าปล่อยพลังครอบออกไป
ครูท่านนี้ก็บอกว่า โอ๊ย..ฉันเป็นอะไรไปนี่? ตอนนั้นแค่ลองแบมือรับพลังเค้าเท่านั้นเอง..
ท่านเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ท่านก็บอกว่า อายเด็กนักเรียนกลัวจะมาเห็นแบบนี้..ห่วงกระเป๋าสตางค์หายด้วย
ที่แน่ๆท่านไม่เคยได้รู้จักกับครอบครัวลุงเชิดเลย ไม่ได้มาเป็นหน้าม้าให้แน่นอน

มาเจออีกครั้งปรากฎว่าเป็นพี่สาวของเพื่อนในเวปพลังจิตท่านนึง (พี่คลิก)
ทั้งคู่เป็นฆราวาสนักปฎิบัติธรรม สอนสมาธิมาตลอดทั้งคู่ แปลกดีโลกกลมจริงๆ
มีเรื่องคุยกันอีกมากเล่าตรงนี้ไม่หมดแน่ กับเรื่องสัมผัสพิเศษของพี่เค้า..
พี่เค้าบอกว่าฝ่ามือเรานี่รับสัมผัสพลังได้มากมาย..แต่ตอนนี้ใช้ตาที่สามสัมผัสได้แล้ว


ในวันนั้น ตอนกลางคืนวันที่ 29 มกราคม 2541 ที่งานนิทรรศการมนุษย์ต่างดาว บริเวณต้นน้ำเจ้าพระยานั้น ได้มีผู้สนใจเดินทางมาชมอย่างต่อเนื่อง

และคืนวันที่ 30 มกราคม 2541 อาจารย์ท่านนี้ได้เดินทางมาที่งานนิทรรศการมนุษย์ต่างดาว และมีวัตถุบินที่มีลักษณะแตกต่างจากเครื่องบิน บินมาทั้งหมด 4 ลำ ขณะที่ยานอวกาศลำที่ 5 กำลังบินผ่านมานั้น อาจารย์ท่านนี้บอกว่า

ท่านนั่งสมาธิเพื่อที่จะส่งพลังไปสัมผัสกับยานอวกาศที่กำลังบินผ่านมา ปรากฏว่ามีความร้อนพุ่งมาที่มือทั้งสองข้างที่แบออกรับพลัง และความร้อนก็พุ่งมาที่บริเวณศรีษะ หลังจากนั้นท่านก็บังคับตัวเองไม่ได้ ร่างกายเตี้ยลง พุงป่อง และยกมือลักษณะตั้งฉาก พูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ออกมา เหมือนมีพลังงานบางอย่างมาครอบไว้ ดังท่านได้เล่าให้กับคุณ mead ได้รับฟังแล้วนั้น


พี่สุดใจมีภาพบางภาพ ที่บันทึกไว้ได้ในคืนนั้น ซึ่งอาจเป็นภาพแปลก ๆ ขณะที่มีคลื่นลงมาที่อาจารย์ท่านนั้น ก็นำมาให้ชมกัน

ภาพชุดบน - ถ่ายจากกล้องเดียวกัน ในเวลาปกติ

ภาพชุดกลาง - ในขณะที่มีคนร้องขึ้นมาว่ามีมนุษย์ต่างดาวมาลง และคนมุงดู จึงถ่ายภาพไปที่กลุ่มคนนั้น เพราะยังเข้าไปไม่ถึง มีภาพแปลก ๆ ปรากฏขึ้น
- พี่สุดใจคิดว่าภาพดังกล่าวเสีย จึงแยกเก็บไว้ต่างหาก แต่เมื่ออ่านพบที่คุณ mead มาโพสต์บอกว่า อาจารย์ท่านนั้นคล้ายถูกครอบด้วยพลังบางอย่าง ก็เลยนำภาพขณะที่มีคลื่นพลังจากต่างดาวลงมาครอบที่ร่างอาจารย์ท่านนั้น และขณะที่ร่างท่านยังถูกครอบ ก็ยังมีกลุ่มควันปรากฏอยู่

2 ภาพสุดท้าย คลื่นจากต่างดาวได้ถอนออกไปแล้ว และอาจารย์กำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ฟัง เราก็บันทึกภาพไว้ตลอด คลื่นที่คลุมอยู่ก็ไม่มีปรากฏอีก

ภาพทั้งหมด ถ่ายด้วยกล้องฟิล์มสมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่ภาพจะเสียค่อนข้างน้อย ไม่เหมือนกล้องดิจิตอลสมัยนี้ที่ภาพอาจจะมีโอกาสเสียได้มากกว่า

ก็เป็นภาพแปลก ๆ ที่นำมาให้ชมกันค่ะ

 

อาจารย์วิทย์ฯเสื้อขาวท่านนี้เลยครับ..ที่รับสัมผัสพลังได้ในจังหวะที่เค้าบินผ่านมาพอดี ไม่ใช่แค่พลังต่างดาวครับ ท่านนี้ไปค้นพบรอยพระพุทธบาทจากการสัมผัสพลังมาแล้ว ถึงกับน้ำตาไหลพราก เรื่องนี้พิสูจน์ได้ว่าจริง..ไม่มีการสร้างเรื่องครับ..ทุกวันนี้พอได้สนทนากันยิ่งต้องยอมรับในความสามารถของพี่คนนี้เลยครับ..รับสัมผัสพลังพิเศษได้หลากหลายจริงๆครับ เห็นเหมือนมีพลังครอบบริเวญนั้นที่พี่สุดใจบอกด้วย..