ผีเข้าสิง ผีเข้าทรง ได้อย่างไร จะรู้ได้ยังไงว่าผีเข้าจริง

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ป้อง, 21 พฤศจิกายน 2012.

  1. ป้อง

    ป้อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +182
    เดี๋ยวนี้แม้จะเป็นยุคสมัยของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ แต่ก็ยังมีข่าวคนโดนผีสิงผีเข้ากันอยู่เป็นประจำ บางคนก็ผีเข้ากันกลางรายการทีวีเลยก็มี ตำหนักทรงเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆก็มีเพิ่มขึ้นทุกวันๆ เลยลองตัดคำตอบบางส่วนจาหนังสือ "ตอบโจทย์เรื่องผี ชี้ทางวิญญาณ" มาให้ลองอ่านและพิจารณากันดูว่า ผีเข้าสิง ผีเข้าทรง ได้อย่างไร จะรู้ได้ยังไงว่าผีเข้าจริง
    :boo:
    การที่มี “ผี” มา “เข้าสิง” หรือ “เข้าทรง” นั้น หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยอธิบายไว้ว่า ผีเหล่านั้นไม่ได้เอาดวงวิญญาณของตัวเองมาซ้อนทับเข้าไปอยู่ในร่างของมนุษย์ที่ตนเข้าสิงเหมือนอย่างที่เราดูในหนังทั่วๆไปแต่อย่างใด แต่ท่านบอกว่าทุกครั้งที่เห็นผีเข้าสิงหรือเข้าทรงนั้น ท่านจะเห็นผีเหล่านั้นยืนใช้กำลังจิตบังคับร่างที่ถูกเข้าสิงนั้นอยู่ข้างนอกทั้งสิ้น ใครที่มีกำลังจิตอ่อนก็จะถูกผีเข้าสิงหรือใช้กำลังจิตบังคับให้ทำท่าทางหรือพูดเรื่องราวต่างๆตามที่เขาต้องการได้ง่ายกว่าผู้ที่มีกำลังจิตกล้าแข็ง ซึ่งเหตุปัจจัยที่ทำให้ “ผี” สามารถ “เข้าสิงมนุษย์” ได้นั้น ก็จะคล้ายๆกับเหตุปัจจัยในการเห็นผี โดยผมขอแบ่งอธิบายให้เข้าใจง่ายๆเป็น ๓ ปัจจัยดังนี้คือ
    :boo:
    ๑. ความสามารถของผี – ถ้าเป็น “ผีที่มีพลังงานมาก” มีกำลังจิตกล้าแกร่ง มีบุญบารมีสูง ก็จะสามารถเข้าสิงหรือบังคับร่างและจิตใจของมนุษย์ได้ง่ายกว่า “ผีที่มีพลังงานน้อย” เช่น เทวดาสามารถเข้าสิงมนุษย์ได้ง่ายกว่าสัมภเวสี เพราะเทวดามีกำลังจิตสูงส่งกว่าสัมภเวสีมาก เป็นต้น

    ๒. พลังงานที่เชื่อมโยงผีกับมนุษย์ – ถ้า “ผี” กับ “มนุษย์” คนนั้น มีกระแสพลังงานบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน ผีตนนั้นก็จะเข้าสิงมนุษย์คนนั้นได้ง่ายขึ้นเช่น เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาก่อน เคยเป็นญาติพี่น้องกันมาก่อน เคยเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กันมาก่อน เป็นต้น

    ๓. ความสามารถของมนุษย์ – ยิ่ง “มนุษย์” ผู้ใดเคยผ่านการฝึกฝนสมาธิวิปัสสนาจนจิตมีความสว่างไสวและละเอียดลึกซึ้งมากเท่าใด ก็สามารถจะสื่อสารและรับรู้กระแสพลังงานอันละเอียดจาก “ผี” ซึ่งเป็นกายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น สามารถเป็นร่างทรงที่สื่อสารข้อความต่างๆจากผีและเทวดาทั้งหลายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ในอีกมุมหนึ่งคือ ยิ่ง “มนุษย์” ผู้ใดมีกำลังจิตที่อ่อนมาก เป็นคนขี้กลัวขี้ตกใจ ก็จะถูกผีเข้าสิงได้ง่ายขึ้นเช่นกันเพราะ ผีสามารถใช้กำลังจิตของตนบังคับแทรกแซงได้ง่ายขึ้น ดังเราจะเห็นว่าคนที่ถูกผีสิง หรือผู้ที่เป็นร่างทรงส่วนใหญ่ มักจะเป็นเด็กบ้าง ผู้หญิงบ้าง เพศที่สามบ้าง ก็เพราะมักจะมีจิตอ่อนไหวกว่าผู้ชายแท้ๆที่มีจิตเข้มแข็งกว่านั่นเอง
    :boo:
    หากเหตุปัจจัยถึงพร้อมพอเหมาะพอดีกันทั้ง ความสามารถของผี พลังงานที่เชื่อมโยงผีกับมนุษย์ และความสามารถของมนุษย์ แล้ว ผีก็จะสามารถเข้าสิงหรือเข้าทรงมนุษย์คนนั้นได้ทันที โดยอาการ “ผีเข้าสิง” หรือ “ผีเข้าทรง” นั้น สามารถแบ่งได้เป็น ๓ ประเภทใหญ่ๆคือ

    ๑. เข้าสิงแบบ “ไม่มีผี” - ผีเข้าสิงหรือเข้าทรงในลักษณะนี้พบเจอมากที่สุดกว่าทุกประเภทคือ ไม่ได้มี “ผี” ตนใดมาเข้าสิงแต่อย่างใด แต่มีอาการเหมือนคนโดนผีเข้าสิงเช่น บางคนกลัวผีจนประสาทหลอนคิดไปเองว่าตนเองโดนผีเข้าสิง หรือบางคนเป็นโรคจิตอ่อนๆ พอมีเหตุการณ์อะไรมากระตุ้นก็เลยแสดงอาการตัวสั่น เสียงเปลี่ยน พูดสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกออกมาจนเหมือนคนโดนผีเข้าสิง เป็นต้น หรือแบบที่ร้ายที่สุดก็คือ พวกที่แอบอ้างว่าตนเองเป็นร่างทรงเจ้าพ่อนั้นเจ้าแม่นี้ แต่จริงๆแล้วเป็นแค่แผนต้มตุ๋นเอาเงินจากชาวบ้านที่หลงเชื่อเท่านั้น ไม่ได้มีผีเจ้าพ่อเจ้าแม่มาประทับทรงเข้าสิงแต่อย่างใด ถ้าเป็น “ผีเข้า” ประเภทนี้สังเกตได้ไม่ยากมากครับเช่น ลองตั้งคำถามที่เขาไม่รู้หลายๆคำถามดู เขาจะตอบไม่ได้เลย หรือลองสังเกตเวลาทำท่าจะใช้ฤทธิ์ต่างๆดู จะพบว่าชอบแอบๆทำ มีฉากมีอะไรบัง คล้ายกับจะเล่นกล เป็นต้น

    ๒. เข้าสิงแบบ “ผีปลอม” – ผีเข้าสิงหรือเข้าทรงในลักษณะนี้ มี “ผี” มาเข้าสิงจริงๆ แต่ “ผี” ที่มาเข้าสิงนั้นไม่ใช่ตัวจริง ส่วนใหญ่พวกนี้มักจะเป็นอสุรกายหรือสัมภเวสีที่หิวโหยทุกข์ทรมาน อยากได้อาหารเครื่องเซ่นบ้าง อยากได้บุญกุศลบ้าง อยากได้การกราบไหว้เคารพนับถือ แต่ครั้นจะมาเข้าสิงแล้วบอกชื่อตัวเองตรงๆว่าเป็นใครมาจากไหนก็คงไม่มีใครสนใจกราบไหว้ช่วยเหลือ ก็เลยมาเข้าสิงคนแล้วแอบอ้างว่าตนเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆบ้าง เป็นเทวดาชั้นสูงบ้าง เป็นเชื้อพระวงศ์สมัยโบราณบ้าง เพื่อให้ผู้คนนับถือ เอาเครื่องเซ่นและอาหารต่างๆมาถวาย ตนเองจะได้หากินได้ง่ายขึ้น มีคนเคารพบูชานับถือมากขึ้น ดังตัวอย่างที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยเล่าให้ฟังว่า มีร่างทรงคนหนึ่งอ้างว่าตนเองมีดวงวิญญาณของ “พระศรีอาริย์” (พระโพธสัตว์ผู้จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป) มาประทับทรงตน แต่พอท่านไปดูจริงๆปรากฏว่ากลับเห็นแต่ร่างดำๆของ “อสุรกาย” ที่ยืนบังคับร่างนั้นอยู่ข้างหลังแล้วแอบอ้างตนว่าเป็นพระศรีอาริย์ เป็นต้น
    อย่างไรก็ดี อสุรกายหรือสัมภเวสีพวกนี้ เขาก็เป็นกายละเอียดที่มีฤทธิ์อำนาจบ้างเล็กๆน้อยๆตามบุญกรรมของตน บางตนก็สามารถตามหาของหายได้บ้าง ทายใจได้บ้าง บอกหวยนิดๆหน่อยๆได้บ้าง รักษาโรคบางอย่างได้บ้าง พอคนเห็นว่ามีฤทธิ์จริง ก็เลยหลงเชื่อไปในทันทีว่าเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่เทวดาต่างๆมาเข้าทรงจริง ก็เลยกราบไหว้บูชา ถวายเครื่องเซ่น ถวายเงินทองสร้างตำหนักทรงกันใหญ่โต โดยไม่รู้เลยว่ากำลังโดน “ผีหลอก” แต่ไม่ใช่หลอกให้ตกใจกลัว แต่หลอกต้มให้เข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นเทพพรหมผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งผีเข้าสิงเข้าทรงลักษณะนี้ค่อนข้างแยกแยะยากว่า ผีตนไหนของจริงหรือของปลอม นอกจากจะลองสังเกตพฤติกรรมดูนานๆเช่น วิญญาณที่มาเข้าสิงนั้น มีนิสัยท่าทางรวมทั้งความชอบใจในของที่มาถวายเหมือนกับคนผู้นั้นสมัยยังมีชีวิตอยู่จริงไหม คำตอบที่เราถามไปเขาตอบได้ถูกต้องแค่ไหน คำสอนและธรรมะต่างๆที่เขาสอนมาถูกต้องตามหลักจริงหรือไม่ เป็นต้น หรือถ้าจะให้ชัวร์ที่สุด เราก็ต้องพิสูจน์โดยการพยายามฝึกจิตให้ละเอียดลึกซึ้งสว่างไสวเพียงพอที่จะเห็นผีได้จริงๆ ถึงจะพอแยกแยะออกได้ว่าผีจริงหรือผีแอบอ้าง

    ๓. เข้าสิงแบบ “ผีจริง” – ผีเข้าสิงหรือเข้าทรงในลักษณะนี้ เป็น “ผีตัวจริงเสียงจริง” ซึ่งมีโอกาสพบเจอได้ยากที่สุดในบรรดาผีเข้าสิงทั้ง ๓ ประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นการเข้าทรงเทพพรหมชั้นสูงแล้ว โอกาสจะเจอของจริงมีน้อยมาก เพราะเทพพรหมทั้งหลายท่านเป็นภพภูมิที่ละเอียดและบริสุทธิ์มากกว่าภพภูมิอื่นๆ ท่านจึงเหม็นกลิ่นมนุษย์ซึ่งมีสภาวะที่หยาบและสกปรกกว่าท่านมาก โดยเฉพาะมนุษย์ที่ไม่อยู่ในศีลในธรรม ดังนั้นถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆเช่น มาแจ้งข่าวบอกเหตุต่างๆ หรือมาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง หรือมาสร้างบุญบารมีเพิ่มเติม ฯลฯ แล้ว ท่านจะไม่ลงมาพูดคุยยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์เลย ซึ่งด้วยความมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะเช่นนี้ จึงทำให้มีข้อสังเกตคร่าวๆได้ว่าเป็นเทพพรหมมาเข้าทรงจริงหรือไม่เช่น ร่างทรงนั้นจะต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์สม่ำเสมอก่อนจึงจะสามารถรับการประทับทรงได้ หรือร่างทรงนั้นมีฤทธิ์อำนาจมากกว่าปกติ บอกอะไรถูกหมด ถามอะไรรู้หมด แสดงฤทธิ์ให้เห็นได้แบบจะจะไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ หรืออาจลองสังเกตท่าทีต่างๆในการมาประทับทรงดู ซึ่งหลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ถ้าเป็น “พรหม” เขาจะมาเฉพาะวัน ถ้ามาวันนี้ เขาจะบอกวันไหนเขาจะมาอีก จะไม่มาทุกวัน และใช้เวลาน้อย พูดน้อย สมมุติว่าเขาจะมารักษาใคร เขาจะบอกเลยว่าวันนั้นจะมีคนเป็นโรคอะไรมา เขาจะเตรียมยาไว้เลย แล้ววันไหนที่เขาบอกว่าไม่มา จะไปเชิญยังไงเขาก็ไม่มา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังว่า ผู้ที่เชิญเทพพรหมต่างๆเข้าทรงตนเองได้นั้น บางคนเป็นคนจิตอ่อน ดังนั้นพอคนพวกนี้ทำพิธีอัญเชิญเทพพรหมมาเข้าทรง ด้วยความที่จิตของตนอ่อน ก็อาจโดนพวก อสุรกาย สัมภเวสี หรือเทวดาที่ไม่ใช่องค์ที่ตนตั้งใจเชิญมาเข้าแทรกกลางทางได้ จึงต้องคอยสังเกตทีท่าและความสามารถของร่างที่ถูกประทับทรงนั้นให้ดีด้วย เพราะเทพพรหมองค์ประจำนั้น ท่านจะมาตามที่ท่านกำหนด ไม่ใช่เชิญเมื่อไหร่ก็มาเมื่อนั้น ดังนั้นถ้าท่านไม่มา ก็อาจมีดวงวิญญาณอื่นมาแทรกกลางเข้าร่างแทนได้เช่นกัน
    :boo:
    ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ว่า โอกาสที่เราจะได้เจอ “ผีตัวจริงเสียงจริง” นั้นมีโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ที่เราเจอกันส่วนใหญ่มักจะเป็นการเข้าสิงเข้าทรงแบบ “ไม่มีผี” หรือ “ผีปลอม” ซะมากกว่า อย่างไรก็ดี หากว่ามี “ผี” มาเข้าจริงๆแล้ว การเข้าสิงเข้าทรงนั้น ก็ยังแบ่งออกได้ ๓ ระดับด้วยกันคือ

    ๑. ผีเข้าแบบเต็มตัว – ผู้ที่ถูกผีเข้าในระดับนี้ ถูกผีใช้อำนาจจิตเข้าบังคับแบบ ๑oo เปอร์เซ็นต์ ผู้ที่ถูกผีเข้าจะจำคำพูดและพฤติกรรมต่างๆที่ตนทำไปขณะโดนผีเข้าไม่ได้เลย คล้ายคนที่ละเมอทำอะไรไปตอนหลับแล้วเมื่อตื่นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย อาการผีเข้าระดับนี้มักเกิดกับคนที่จิตอ่อนและขาดสติมากๆ จึงโดนผีเข้าควบคุมได้แบบเต็มร้อย

    ๒. ผีเข้าแบบครึ่งตัว – ผู้ที่ถูกผีเข้าในระดับนี้ ถูกผีใช้อำนาจจิตเข้าบังคับแบบไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้ที่ถูกผีเข้าจะจำคำพูดและพฤติกรรมต่างๆที่ตนทำไปขณะโดนผีเข้าได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือบางคนก็จำได้หมดและรู้เรื่องทุกอย่าง แต่ไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้เพราะถูกผีบังคับเอาไว้บางส่วน อาการผีเข้าระดับนี้มักเกิดจาก ผู้ที่ถูกผีเข้ามีกำลังจิตค่อนข้างเข้มแข็ง หรือผีที่เข้ามีกำลังจิตไม่เข้มแข็งนัก จึงควบคุมได้ไม่เต็มร้อย แต่ก็มีในบางกรณีที่ผีตั้งใจจะควบคุมแบบไม่เต็มร้อย เพื่อต้องการให้ผู้ที่ถูกผีเข้าสามารถจำพฤติกรรมและคำพูดต่างๆที่ตนเองแสดงออกไปได้ด้วย

    ๓. ผีเข้าแบบผ่าน - ผู้ที่ถูกผีเข้าในระดับนี้ ไม่ได้ถูกผีใช้อำนาจจิตเข้าบังคับ แต่เป็นการตั้งใจอัญเชิญผีและเทวดาต่างๆมาถามไถ่เรื่องราวที่ต้องการรู้ แล้วนำเรื่องที่รู้มานั้นมาเล่าผ่านให้คนอื่นๆทราบต่อไป (คล้ายๆพรายกระซิบ) หรืออาจอัญเชิญมาเพื่อขอยืมอำนาจจิตของผีและเทวดามาใช้ในการแสดงฤทธิ์บางอย่างที่ตนเองไม่สามารถทำเองได้เช่น อัญเชิญหลวงปู่ครูบาอาจารย์เทพพรหมต่างๆมาเข้าร่างตนเองเพื่อร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่องต่างๆ เป็นต้น ซึ่งอาการผีเข้าในระดับนี้ ผู้ที่ถูกผีเข้าส่วนใหญ่จะจำพฤติกรรมและคำพูดต่างๆขณะผีเข้าได้เป็นอย่างดี และยังสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างเกือบจะเต็มร้อย เพราะดวงวิญญาณไม่ได้เข้าควบคุมจิตและร่างกาย แต่เพียงส่งพลังงานผ่านร่างนั้นเพื่อใช้ประโยชน์ในงานต่างๆเท่านั้น (แต่บางคนอาจมีท่าทางเปลี่ยนจากปกติไปบ้างเช่น หลังงุ้มลงเหมือนคนแก่ เสียงเปลี่ยน ตัวสั่น เพราะพลังงานที่ผ่านมาของครูบาอาจารย์เทพพรหมบางองค์มีกำลังสูงมาก จนพลังงานนั้นล้นออกมาปรากฏเป็นอาการทางกายไปด้วย หรือบางครั้งก็ทำไปเพราะต้องการแสดงให้ผู้ที่เข้าร่วมพิธีรู้ว่าท่านมาเองจริงๆ ไม่ใช่ตั้งใจจะเข้าบังคับร่างแบบผีเข้าทั่วๆไป) โดยผู้ที่จะเป็นร่างผ่านในระดับนี้ ส่วนใหญ่ต้องมีศีลบริสุทธิ์ และผ่านการฝึกฝนทางอำนาจจิตมามากพอสมควร รวมทั้งต้องเป็นความยินยอมต้องการของเทพพรหมองค์นั้นๆเองด้วย จึงจะสามารถรับพลังงานของเทพพรหมซึ่งมีพลังงานสูงกว่าพวกอสุรกายหรือสัมภเวสีทั่วๆไปหลายร้อยหลายพันเท่าผ่านร่างของตนเองได้
    :boo:
    ส่วนอาการ “ตัวสั่น” ของร่างที่โดนเข้าสิงเข้าทรง ซึ่งถือเป็นอาการพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดีนั้น ก็เกิดจาก “พลังงานจิตของผี” ที่พยายามเข้ามาควบคุมร่าง มาปะทะกระทบเข้ากับ “พลังงานจิตของเจ้าของร่าง” นั่นเอง โดยหากพลังงานทั้งสองฝ่ายไม่สมดุลกันเช่น ฝ่ายหนึ่งพยายามขัดขืนอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งส่งกำลังเข้ามาบังคับมากเกินไป ฯลฯ ก็จะทำให้เกิดอาการสั่นมาก แต่ถ้ารอซักพักจนพลังงานทั้ง ๒ ฝ่ายเริ่มจูนเข้าหากันได้แบบพอดีๆแล้ว อาการสั่นก็จะค่อยๆลดลงไปเหลือเพียงอาการสั่นน้อยๆเพราะร่างนั้นมีพลังงานเข้ามาควบคุมอยู่มากกว่าปกติ ทั้งพลังงานจิตจากเจ้าของร่างเองที่มีอยู่แล้ว และพลังงานของผีที่เข้ามาควบคุมแทรกเพิ่มเข้าไปอีก แต่ถ้าผู้ที่เป็นร่างนั้นผ่านการฝึกฝนจิตจนละเอียดลึกซึ้งสว่างไสวเพียงพอแล้ว อาการสั่นเหล่านั้นก็อาจจะแทบไม่เกิดขึ้นเลยเพราะ จิตละเอียด (ของเจ้าของร่าง) กับ จิตละเอียด (ของผีหรือเทวดา) มากระทบกัน เหมือนแม่น้ำสองสายไหลเย็นมาเจอกัน ซึ่งอาจมีคลื่นจิตที่กระเพื่อมๆบ้าง ร่างกายที่สั่นๆบ้าง ในครั้งแรกๆที่มากระทบกัน แต่หลังจากนั้นก็จะไหลรวมกัน ไหลไปอย่างนุ่มนวลละเอียดสบายไปด้วยกัน ไม่มีการกระทบกระทั่งกันเลย ดังตัวอย่างที่เราจะเห็นพระเกจิอาจารย์หลายท่านที่นั่งปลุกเสกพระเครื่องต่างๆนั้น บางครั้งท่านก็เชิญเทพพรหมชั้นสูงมาช่วยปลุกเสกด้วย แต่ท่านก็ยังสามารถนั่งพูดคุยได้เหมือนคนปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเป็นจิตละเอียดกับจิตละเอียดมาเจอกันนั่นเอง
    :boo:
    จะเห็นได้ว่า “ผีเข้าสิง” หรือ “ผีเข้าทรง” นั้น มีหลากหลายรูปแบบหลากหลายระดับมาก โดยหากเปรียบเทียบแล้ว การเข้าสิงเข้าทรงที่น่าจะดีที่สุดนั้น ผีต้องเป็น “ผีตัวจริงเสียงจริง” ที่มีพลังงานมากเช่น เทวดาหรือพรหม และต้องมีกระแสเชื่อมโยงกับมนุษย์คนนั้นมากจึงจะสื่อสารกันได้ดี รวมทั้งตัวมนุษย์เองก็ต้องฝึกฝนจิตตนเองให้มีพลังงานที่สูงและละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะติดต่อกับเทวดาหรือพรหมซึ่งมีพลังงานสูงเหล่านั้นในระดับ “ผีเข้าแบบผ่าน” ได้ด้วย จึงจะสามารถแสดงฤทธิ์อำนาจช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือต่างๆได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีโอกาสพบเจอได้ยากมาก ส่วนใหญ่จะเจอผีเข้าสิงเข้าทรงแบบคนต้มตุ๋นบ้าง สัมภเวสีหลอกว่าเป็นเทวดาบ้าง หรือบางครั้งเจอเทวดาจริงๆแต่จิตของผู้ทรงไม่ได้รับการฝึกฝนก็เลยสื่อสารผิดๆถูกๆไม่ชัดเจนถูกต้องบ้าง ซะมากกว่า ดังนั้นเราจึงไม่ควรยึดถือพึ่งพาอาการผีเข้าสิงเข้าทรงต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมมากมายหลายพันเจ้าพ่อหลายหมื่นเจ้าแม่มากนัก เพราะมีโอกาสน้อยมากที่จะเจอของจริง แต่ควรจะหันมาฝึกเข้าทรงด้วยตนเอง ด้วยการให้ทาน รักษาศีล สวดมนต์ไหว้พระเจริญภาวนา อาราธนาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ท่านมาทรงมาสิงอยู่ในใจทุกวันทุกเวลาอย่าให้ขาด แล้วจิตของทุกท่านจะละเอียดลึกซึ้งสว่างไสว อยากรู้อยากเห็นอะไร อยากมีฤทธิ์มีอำนาจจิตแบบใดก็ทำเองได้หมด ไม่ต้องไปนั่งทำพิธีอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากผีที่ไหนให้เสียเวลาและเสี่ยงต่อการโดนต้มตุ๋นหลอกหลวงจากทั้งคนและผีอีกต่อไป แถมถ้าหมั่นทรงพระไว้ในใจเสมอๆไปเรื่อยๆ จนจิตเพลิดเพลินอยู่กับพระ พระท่านก็อาจจะพาเราเดินเล่นเพลิดเพลินไปกับบุญกุศลจนลืมทุกข์ลืมโศกทั้งปวง กว่าจะรู้ตัวอีกที เราก็ไปนอนเล่นตีพุงยิ้มแฉ่งอยู่ที่พระนิพพาน หมดทุกข์หมดโศกโดยสิ้นเชิงไปในที่สุดก็เป็นได้
     
  2. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    มีเนื้อหาสาระดีมากเลย แต่เรื่องพระนิพพาน เป็นอนัตตาธาตุ ไม่มีที่หรือสถานที่หรอกนะครับ
     
  3. natyakuza

    natyakuza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +345
    ขอบคุณมากครับ ความรู้ที่ดี
     
  4. tawansongsaeng

    tawansongsaeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +423
    ใครว่านิพพานสูญ ก็สูญจากพระนิพพาน พระกรรมฐานท่านบอกกับผมมาครับ
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ตอนเป็นเด็ก ชอบไปดูพิธีเลี้ยงผี
    ทั้งน่ากลัว ทั้งอยากดูตามประสาเด็กค่ะ
    แม้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ
    ชาวบ้านเค้าไม่โกหกค่ะ เป็นประเพณีของคนสมัยโบราณ.....
     
  6. สหพัฒน์

    สหพัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +710
    ผี..ผมเชื่อน่ะว่ามีจริงเพราะเจอกับตัวแล้ว แต่เรื่องทรงเจ้าเข้าผีนี่ ผมยังไม่ปักใจเชื่อสักเท่าไร ส่วนมากที่เห็นเจอของปลอมซะมากกว่า ถ้ารู้ว่าคนแถวบ้านมีผีเข้า หรือว่ามีทรงเจ้าเนี๊ยะรีบไปเลย แต่ไม่ได้ไปกราบน่ะ เหอๆ ไปลองของส่วนมากผมจะชอบจ้องตาเขาน่ะ แต่ก็ไม่เห็นมีใครกล้าสบตาผมนานเลยน่ะ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร กลัวเก็บอาการไม่อยู่ หรือกลัวไม่เนียนพอก็ไม่รู้น่ะ แต่ถ้าพรายกระซิบนี่ยังไม่แน่ใจ เพราะบางคนค่อนข้างทายแม่นน่ะ ทั้งที่เรายังไม่ได้บอกอะไรเลยสักนิด แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่แบบสุดโต่ง แค่เก็บไว้พิจารณาคนเดียว ว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน.
    ขอให้ทุกท่านจงเจริญในธรรม...
     
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ปกติไม่เชื่อเรื่องเข้าทรงและไม่เคยเสาะแสวงหาที่จะไปด้วยตัวเองหรอก แต่โดยมากจะเป็นพวกญาติผู้ใหญ่แนะนำให้ไป หรือบังคับให้ไปเป็นเพื่อน......แต่ที่ดิฉันเคยไปมาทั้งหมดในประเทศไทย นะ ค่อยมีของจริงหรอก.....บางอันก็จริงแต่ไม่ใช่เทพชั้นสูง.....แต่มีอยู่ทีเดียวที่เคยเจอมาที่เป็นของจริง ท่านรู้หมด แม้กระทั้งทำงานอะไรมา อย่างบางคนเป็นอาจารย์..... ท่านก็พูดทำนองว่า งานสมัยนี้ข้าพเจ้าไม่รู้หรอกว่าเรียกนามกันยังไง....แต่จากที่เห็นเขียนกระดาน ให้เด็กดู ทำงานเป็นคุรุ ใช่ไหม?
    ท่านก็ทักไปอย่างงั้น ส่วนคนไหนเป็นนักวิชาการท่านก็จะเรียกว่า ทำอาชีพนักปราชญ์

    ร่างทรงท่านนี้ไม่ใช่คนไทยแท้ เป็นลูกครึ่งอินเดีย อันนี้ของแท้ เราจะรู้ได้เลยตั้งแต่ตอนสวด เป็นบทสวดที่เพราะมากๆ ผิดกับร่างทรงอื่นๆ เป็นภาษามาจากคำภีร์พระเวทของพราหมณ์เลย, และร่ายยาวเกือบๆชั่วโมงกว่าเทพจะลง พอเทพลงปุ้บก็รักษาอาการได้หายจริง ลูกพี่ลูกน้องคุณยายของดิฉันป่วยเดินไม่ได้มาห้าปี พอองค์พระนารายรักษาเสร็จ ระหว่างทางนั่งรถกลับแกก็อาเจียรใหญ่ พอถึงบ้านก็เดินได้เลย ร่างทรงแบบนี้หาเจอยากแกสืบเชื้อสายพราหมณ์มาจากพ่อแม่เลย เป็นอินเดียอารยัน ต้องเฉพาะคนวงในที่รู้จักเท่านั้น ไม่ใช่ร่างทรงแขกทมิฬ กับ ร่างทรงคนไทยอยากจะเป็นแขก แบบที่เห็นๆเต้นแร้งเต้นกาในงานพระแม่อุมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2012
  8. kittenkiss_littledear

    kittenkiss_littledear Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +43
    คนบางคนชอบอ้างตัวว่ามีเทพชั้นสูงมาอยู่กับตัว ทำท่าประหลาดๆพูดรัวๆเร็วๆฟังไม่รู้เรื่องแล้วอ้างว่าพูดภาษาเทพ บางคนอ้างตัวว่าเป็นร่างทรงปู่ฤาษี แต่ท่าทางกักขฬะ พูดกูมึงทุกคำ ดุูแล้วเหมือนวิญญาณสัมภเวสีชั้นต่ำมาเข้าสิงมากกว่า
     
  9. kittenkiss_littledear

    kittenkiss_littledear Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +43
    ถามคุณดัชเชสฟิดเก็ตต์หน่อยค่ะ ร่างทรงท่านที่คุณเอ่ยถึง ท่านแต่งตัวยังไงคะ ต้องทรงเครื่องเทพรึป่าว เคยเห็นคลิปงานไหว้ครู ร่างทรงแต่งตัวเต็มที่ทั้งเจ้าแขกเจ้าไทย
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ถ้าองค์ที่ว่าของจริง เป็นลูกครึ่งอินเดีย รู้หมดทุกอย่างราวกับตาทิพย์นั้น นุ่งห่มขาวแบบพราหมณ์เลยคะแบบคนไปบวชรามณ์ที่วัดนะคะ บ้านก็ดี สะอาดสะอ้าน เรียบร้อย บ้านทันสมัย แต่ตัวร่างทรงน่าจะเกือบๆ 40กว่าๆคะ ถือศิลแบบพราหมณ์ และทานมังสาวิรัตด้วย คือแค่ตอนสวดดิฉันก็ประทับใจแล้วคะ นิ่งเงียบ ภาษาบาลีสันสกฤตของแท้เลย แท้เลย มันฟังกันรู้ ใช้คำเพราะๆ

    พวกคุณยายเป็นคนพาไปเพราะตั้งแต่ดิฉันยังเรียนประถมอยู่เลย


    แต่อย่าง แม่โอ๋ พระแม่อุมา ประชาอุทิศ อะไรที่ลงยูทูป บ่อยๆนั้น และพวกร่างทรงพูดภาษาเทพรัวๆเร็วๆอะไรพวกนั้น ดิฉัน ไม่เคยไปคะ และไม่เชื่อ โดยมากร่างทรงคนไทยที่ชอบแต่งตัวเป็นแขก และร่างทรง พวกเทพ จีนอะไรนี้ดิฉันก็ไม่เชื่อเพราะแค่ตอบมาก็ ไม่ถูกตั้งแต่ต้นแล้ว และเห็นการพูดมา ดูในยูทูปนะคะ บอกพระแม่อุมาพอทรงเสร็จจะไปสิงค์ในรูปปั้นคืน แถมตัวร่างทรงเวลาไม่ทรง สามารถมี เพศ สัมพันธ์ได้อันนี้ผิดถนัดคะ เพราะมหาเทพนะคะ ไม่ใช่สัมพเวสี จะให้มาสิงค์ในรูปปั้น บาคนที่เห็นเป็น กะเทย ทรง พระแม่อุมา หรือ เจ้าแม่กวนอิม อย่างเนี้ย มันปลอมชัดๆคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  11. khunfongbeer

    khunfongbeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +668
    มีสาระดีมากคะ ขอบคุณนะคะสำหรับความรู้ดีๆ ที่มาแชร์กัน
     
  12. บัวพ้นตม

    บัวพ้นตม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2013
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +646
    ขอบคุณมากค่ะ ได้ความรู้ในมุมมองที่ตนเองไม่เคยคิด ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆ ที่เผยแพร่มาให้เสพนะค่ะ
     
  13. มหาละลวย

    มหาละลวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +717
    ขอบคุณมากครับ รู้ไว้บ้างก็ดีจะได้ไม่เสียรู้พวกร่างทรง:cool:
     
  14. แมวแมวเอง

    แมวแมวเอง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +19
    อยากทราบวิธีไล่ผีหรือสัมภเวสีพวกนี้ออกจากร่างแฟนค่ะ เพราะตอนนี้น่าจะโดนผีเข้ามาใช้ร่างแล้วแอบอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้า แล้วจะพาเข้าวัง ซึ่งดิฉันไม่เชื่อเด็ดขาด เลยอยากขอวิธีไล่ผีพวกค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...