หลวงพ่อจงพยากรณ์ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย watnatangnok namai, 14 มกราคม 2013.

  1. watnatangnok namai

    watnatangnok namai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +3,986
    จาก หนังสือ หลวงพ่อธุดงค์

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัท วันนี้ก็เป็น วันที่ 24 ธันวาคม 2533 ก็เป็นอันว่า หลังจากนั้นมา หลวงพ่อจงก็พยากรณ์ ท่านก็บอกว่า กสิณทั้ง 10 ประการนี่เธอใช้ได้หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวเธอเอง (หมายถึงอาตมา) คล่องในกรรมฐาน 40 แล้ว ก็มหาสติปัฏฐานสูตร แต่การคล่องประเภทนี้มันใช้ไม่ได้ ก็กราบเรียนถามท่านว่า ทำไมขอรับ ท่านก็เลยบอกว่าเธอคล่องเฉพาะการจำ และก็มีความคิดเหมือนกัน แต่ว่าคิดน้อยเกินไป คำว่า คิดน้อย ก็หมายความว่า คิดมาก แต่มันถูกน้อย ต้องคิดให้น้อย ๆ แต่ถูกมาก ก็เลยกราบเรียนถามท่านว่า จะคิดอย่างไร จึงจะคิดน้อย แล้วก็ถูกมาก

    ท่านบอกว่า อันดับแรกที่จะทำอะไรทั้งหมดให้คิดถึงอริยสัจเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกขสัจ สำหรับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราเชื่อกันแล้ว เป็นของสำคัญอย่างยิ่งก็จริงแล แต่ทว่าเราคิดกันทุกวันแล้ว อย่าลืมว่า พระพุทธเจ้าทรงสอน ไม่ว่าสอนใครทั้งหมด เมื่อขั้นสุดท้ายท่านก็ลงอริยสัจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าสอนชาดก หรือพระสูตรก็ใช้อริยสัจทุกอย่างใช้อริยสัจหมด แต่ว่าลีลาการสอนขององค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์มีลีลาต่างกัน คนหนึ่งท่านพูดไปอย่างหนึ่ง อีกคนหนึ่งท่านพูดไปอีกอย่างหนึ่ง เพื่อความเข้าใจของแต่ละบุคคล สำหรับพวกเราไม่ฉลาดเท่าท่าน

    ก็กราบเรียนถาท่านว่า อริยสัจมี 4 อย่าง อย่างไหนสำคัญที่สุดขอรับ ท่านบอกเธอไม่ต้องคิดมาก คิดให้เข้าใจเพียงแค่ ทุกขสัจ อย่างเดียวว่าเอาแต่เพียงความจำ เอาเข้าใจให้เข้าใจจริงๆ ถ้าเห็นทุกข์ตัวเดียว อีก 3 ตัวปรากฏ คำว่า สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ในเมื่อเรารู้ทุกข์ เราก็รู้ว่าใครทำให้เราเป็นทุกข์ อะไรทำให้เราเป็นทุกข์ ไม่ต้องไปนั่งคิดถ้าเราเห็นทุกข์ และเข้าใจในทุกข์แล้วก็มีความเบื่อหน่ายในทุกข์เพราะการเกิด นิโรธ ความดับ มันก็เกิด เมื่อนิโรธ ความดับ เกิดขึ้นมาแล้ว ก็ชื่อว่าถึงที่สุดแห่งพุทธศาสนา คือเป็นความเข้าใจถึงที่สุดที่พระพุทธเจ้าทรงสอน

    ก็กราบเรียนถามท่านบอกว่า ในเมื่อหลวงพ่อยังอยู่ก็ดี หลวงพ่อปานยังอยู่ก็ดี กระผมอาจจะคุมตัวอยู่ได้ แต่ว่าในกาลต่อไปข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ท่านก็บอกว่า สองคนนี่เขาปรารถนาตรงสาวกภูมิ แล้วก็เป็นคนขยันเล่นอภิญญาสมาบัติ สองคนนี่ต้องอยู่ในป่าสงเคราะห์คนและสงเคราะห์ภิกษุสามเณรที่ต้องการในป่า ที่เข้ามาในป่า เป็นหน้าที่ของเธอทั้งสอง แต่สำหรับตัวเธอเอง (คืออาตมา) ต้องชำระหนี้เขา เพราะเป็นหนี้เขามาก ชาติก่อนใช้คนมาก ใช้แรงงานเขาก็มาก ใช้ชีวิตเขาก็มาก เพราะเคยเป็นกษัตริย์บ้าง เคยเป็นแม่ทัพบ้าง ต้องรบราฆ่าฟันมาทุกชาติ และอีกประการหนึ่ง ผลแห่งการรบราฆ่าฟัน ฆ่าคนมามาก แล้วฆ่าสัตว์ก็มาก การฆ่าสัตว์ ก็ไม่ได้หมายความว่า ยิงสัตว์เล่นฆ่าสัตว์เพื่อเลี้ยงคนเพื่อทำสงคราม แต่ว่าในการครองชาติ ก็ต้องฆ่าสัตว์เพื่อเลี้ยงกัน บาปตัวนี้จะรุกรานเธอตลอดชีวิต นั้นหมายความว่า อาการทางร่างกายของเธอ ไม่มีอาการปรกติ จะมีการป่วยทุกวัน วันไหนที่เรียกว่าไม่ป่วย ไม่มี แต่ว่าทั้ง ๆ ที่เธอป่วย เธอก็ต้องทำงานแล้วงานของเธอก็หนัก

    เธอจงจำไว้ว่า เวลานี้เธอเป็นพระวัดบางนมโค แต่ว่าในกาลต่อไป เธอจะไม่ได้อยู่ที่วัดบางนมโคนี่ เพราะคนบางนมโคก็ต้องเป็นคนบางนมโค เธอไม่ใช่คนบางนมโค เธอเป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี แต่มาอยู่ที่บางนมโคตั้งแต่เด็ก ก็ถือว่า ถ้าญาติข้างพ่อก็อยู่สุพรรณฯ ญาติข้างแม่อยู่อยุธยา และจังหวัดธนบุรี แต่ว่าเธอจะต้องย้ายจากวัดบางนมโคไปเข้าในกรุงเทพฯ ในเมื่อท่านปานมรณภาพแล้ว

    ก็ถามว่า หลวงพ่อปานท่านจะตายเมื่อไรขอรับ ท่านก็เลยบอกว่า ท่านปานตายปีนี้แหละ ปีนี้ท่านปานตาย แต่เธอก็จะอยู่ที่วัดบางนมโคอีก 1 ปี หลังจากนั้น ก็ต้องเข้าไปในกรุงเทพฯ ก็ถามว่าในกรุงเทพฯ ผมไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ท่านเลยบอกว่า จะมีคนเขามาแนะนำเขาชวนไปอยู่ ต่อไปจะได้เรียนบาลี เพราะว่าเวลานี้เธอสงสัยใช่ไหมว่า พระในกรุงเทพฯ เวลาออกมาบ้านนอกเด่นเหลือเกิน คนยกย่องสรรเสริญ ต้องหาพรมมาปูให้ แต่ความจริงพระท่านก็ไม่ได้ขอ แต่ว่าชาวบ้านเขายกย่องว่าเป็นพระกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นมหาเปรียญ เขาเรียกว่า พระดี สำหรับพระบ้านนอกเขาเรียก พระเลว

    อาตมาเองเคยถูกนิมนต์ไปในที่ต่าง ๆ ไปหลายแห่ง ก็มีพระชั้นพระครูบ้าง เวลานั้นเจ้าคุณหายาก บ้านนอกเจ้าคุณหายากเต็มที แล้วก็มีพระมหาเปรียญบ้าง ชาวบ้านเขาเรียกพระครู กับมหาเปรียญว่า พระดี (พระดีนิมนต์ทางนี้ครับ พระเลวนิมนต์ทางนี้ครับ) เราไม่ใช่มหาเปรียญ เป็นพระเลว

    ในเมื่อเธอฟังแบบนี้แล้ว เธอก็เกิดความรู้สึกว่าพระในกรุงเทพฯ ชื่อว่า ดี นั้นดีอย่างไร แล้วก็เป็นมหาเปรียญกันอย่างไร เธอก็ต้องไปพิสูจน์ เพราะเธอเป็นนักพิสูจน์จะต้องพิสูจน์ยันตาย และต่อไปภายในเบื้องหน้า ก็จะเป็นคนที่ชาวบ้านเขานินทาอยู่ตลอดเวลา เขาจะนินทาว่าร้าย กล่าวโทษตลอดเวลา แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าทนไม่ไหวในฐานะเป็นพระเหลืองเราก็เป็นพระเขียว ก็ถามว่า พระเหลือง พระเขียว เป็นอย่างไรขอรับ ท่านบอกว่า ในเมื่อเธอพูดตามความเป็นจริง ตามที่ศึกษามาเหมือนกับคนที่กินข้าว กินแกง มีลิ้น ลิ้นมีประสาทรู้รส แต่ว่าต่อไปจะปรากฏว่าคนประเภทกระจ่ามีมาก กระจ่าไม่มีประสาท ไม่รู้รสไม่รู้เปรี้ยวไม่รู้เค็ม ถึงแม้ว่าเขาจะแช่ไว้ในหม้อแกง ก็ไม่เคยรู้รสแกง ข้อนี้ฉันใด ในกาลต่อไปคนที่อวดตัวว่า เป็นคนที่มีความรู้ เขายกย่องกันว่าเป็นความรู้เลิศชั้นประเสริฐ เขาจะไม่เชื่อสวรรค์ไม่เชื่อนรก ไม่เชื่ออภิญญาสมาบัติ ไม่เชื่อสมาธิจิต เขาก็จะคิดว่าเธออวดอุตตริมนุสสธรรมบ้าง เขาจะคิดว่า เธอเป็นคนบ้าบ้าง

    ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เธอจงจำไว้ ต้องถือ ขันติ ความอดทน เชื่อพระพุทธเจ้า เวลานี้เราเชื่ออยู่แล้ว เราก็เชื่อต่อไปที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า นัตถิโลเก อนินทิโต คนไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก จำไว้เสมอว่าเห็นหน้าคนคิดว่า คนนี้เวลานี้เขาดี แต่เวลาต่อไปข้างหน้า เขาอาจจะนินทาเรา เราจะต้องไม่โกรธเขา ก็ถือว่า เป็นนิสัยของเขา เป็นสมบัติของเขา แล้วมันก็เป็นสมบัติของเรา ที่เราเกิดมาเพื่อให้เขานินทา

    ท่านก็สอนตามนี้ แล้วก็ถามท่านว่า คนที่มีความรู้แต่ไม่ปฏิบัติตามความรู้จะมีหรือขอรับ ท่านบอกว่า ก็ดูพระที่วัดบางนมโคก็แล้วกัน ที่ท่านปานสอนกรรมฐาน มีพระกี่องค์ที่ทำกรรมฐานบ้าง และมีกี่องค์ที่ไม่ทำกรรมฐาน และมีพระกี่องค์ที่เชื่อท่านปานจริง ๆ และมีพระกี่องค์ที่ไม่เชื่อท่านปาน ต่อหน้ามีความเคารพ แต่ลับหลังเหมือนกับลิงหลอกเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อไปในเบื้องหน้าคนประเภทกปิลภิกขุ จะมีมากมายในเขตพระพุทธศาสนา (ตอนนั้นก็ไม่ได้เรียนกปิลภิกขุ) ก็ถามท่านว่า กปิลภิกขุมีในหนังสือเล่มไหนขอรับ ท่านบอกว่า มีในพระธรรมบทเล่ม 1

    กปิลภิกขุหรือเรียกกันว่า พระกบิล เมื่อสมัยนั้น เมื่อสมัยพระพุทธเจ้า พระพุทธกัสสปยังทรงชีวิตอยู่ เธอก็เรียนจบพระไตรปิฏก มีพี่ชาย พี่ชายก็บวชพร้อมกัน พี่ชายเป็นคนแก่รู้สึกตัวว่าเป็นคนแก่ แต่ความจริงก็ยังไม่แก่ ไม่ขอเรียนพระไตรปิฏก เรียนเฉพาะความรู้ในด้านวินัย ธรรมะพอสมควรพอเอาตัวรอด แล้วก็ฝึกในด้านปฏิบัติ สำหรับปริยัติก็พอรู้บ้างตามสมควร พอเอาตัวรอด ทั้งสองคนนี่มีผลไม่เสมอกัน พี่ชายไม่ช้าก็เป็นอรหันต์ กปิลภิกขุเธอมีลูกศิษย์ลูกหามาก ทุกคนยอมรับนับถือว่าเธอจบพระไตรปิฏก ก็มีลูกศิษย์มาก เมื่อมีลูกศิษย์มากก็มีลาภสักการะมาก หนัก ๆ เข้า เธอก็เปลี่ยนแปลงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบอกว่า อย่างนี้ เธอก็พูดอย่างโน้น พระพุทธเจ้าบอกว่าคนเกิดมาแล้ว เมื่อตายแล้วไม่สูญ ถ้าจิตยอมรับความดีเวลาจะตายก็ไปสู่สุคติ ถ้าจิตยอมรับความชั่วก็ไปสู่ทุคติ อย่างนี้เป็นต้น เธอก็กลับพูดไปอย่างอื่นว่า ตายแล้วมีสภาพสูญอย่างนี้เป็นต้น แต่ว่าเธอก็เทศน์สอนคนอื่นเขา แต่เธอไม่เชื่อในที่สุดเธอตายไปแล้ว เธอก็ลงอเวจีมหานรก

    มาสมัยพระพุทธเจ้าองค์นี้ตรัสขึ้นมา เธอเกิดขึ้นมาเป็นปลาทอง เด็กทอดแหเอาไปได้พ่อเอาไปถวายพระราชา พระราชานำไปหาพระพุทธจ้า เกล็ดเหลืองเหมือนทองคำ แต่เวลาอ้าปาก กลิ่นเหม็นเหมือนอุจจาระ ฟุ้งทั่ววิหาร เมื่อองค์สมเด็จพระพิชิตมารถามเธอว่าเธอมาจากไหน เธอก็ตอบว่ามาจากอเวจีมหานรก ถามว่า เธอชื่ออะไร เธอก็บอกว่า เมื่อก่อนเธอชื่อ กปิลภิกขุ ในสมัยพระพุทธกัสสป พระพุทธเจ้าถามว่าแม่ของเธอไปไหน เธอก็ตอบว่าแม่ของเธอไปอเวจีมหานรกเพราะด่าพระร่วมกัน น้องสาวไปไหน น้องสาวไปอเวจีมหานรก ถาม พระพี่ชายของเธอล่ะ พระพี่ชายของเธอไปนิพพาน

    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าบรรดาพระทั้งหลายเห็นว่า เธอสอนชาวบ้าน สอนพระเปลี่ยนแปลงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคนที่จบพระไตรปิฏก ไม่ได้จบองค์เดียว ที่จบพระไตรปิฏกตามธรรมดาก็มี เป็นพระอรหันต์ก็มี แม้แต่พระอรหันต์เข้ามาเตือน เธอก็ไม่เชื่อ กลับด่าพระ ด่าพระธรรมดา ด่าพระทรงฌาน ด่าพระอรหันต์ทั้งหลายเหล่านั้นเห็นว่าไม่เป็นเรื่อง ก็ไปบอกพระพี่ชายให้มาเตือน พระพี่ชายมาเตือน เธอก็ด่าพระพี่ชายไปเสียอีก หาว่าพระพี่ชายไม่เคยเรียนอะไร เธอจบพระไตรปิฏก คนโง่เง่าเต่าตุ่นอย่างนี้อย่าเสือกมาสอนกัน พระพี่ชายก็ต้องกลับเข้าป่าไป

    ต่อไปสภาพของเธอก็จะเป็นอย่างนั้น แต่ฉันจะไม่พยากรณ์ว่า เขาทั้งหลายเหล่านั้นจะไปอเวจีมหานรก แต่เธอก็จะพบกับคนที่เขาถือว่า เขามีความรู้ดี แต่เขาก็จะไม่เชื่อในวาทะที่เธอกล่าวที่เธอสอน เธอจะต้องเป็นคนมีลูกศิษย์มาก เธอจะต้องเป็นคนมีงานหนัก หนักทั้งทางโลก และหนักทั้งทางธรรม คือหนักทั้งชาวโลก และหนักทั้งชาวพุทธ และพระ การปกครองพระก็หนัก การสร้างวัดก็หนัก การสงเคราะห์ในการศึกษาเล่าเรียนก็หนัก การสงเคราะห์คนยากจนเข็ญใจก็หนัก หนักทุกอย่างชีวิตของเธอจะไม่เป็นชีวิตที่มีความสุขเหมือนชาวบ้านเขา เพราะร่างกายจะต้องหนัก ใจจะต้องคิด เมื่อจิตต้องคิด การต้องหนักในการงานแล้วกายก็ต้องป่วย เพราะกฎของกรรม

    พอนั่งฟังท่านก็นึกเศร้าใจ คิดว่า เอ..เรานี่ตายเสียเร็ว ๆ จะดีกว่ากระมัง ก็ถามท่านว่าผมอีกกี่ปีจะตายขอรับ ท่านก็บอกว่า ถ้าเป็นอายุขัยของเธอก็ต้องอายุ 27 ปี แต่ว่าเธอจะตายตามนั้นไม่ได้ เธอต้องใช้หนี้เขาก่อน ถามว่า ต้องใช้หนี้ไปกี่ปีขอรับ ท่านก็บอกว่า สุดแล้วแต่พระจะสั่ง เธอต้องเป็นพระที่อยู่ในอำนาจของพระ ปฏิบัติตามพระสั่งทุกอย่าง พระสั่งทำแบบไหน ทำแบบนั้น พระท่านจะช่วยทุกอย่างให้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่เธอป่วย ก็ต้องลากสังขารไปดูงานก่อสร้าง ต้องลากสังขารไปสงเคราะห์ในธรรมะของเขา ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะคนทั้งหลายเหล่านั้นเขาเป็นเจ้าหนี้ เธอเป็นหนี้เขามาตั้งแต่ชาติก่อน ต้องไปชำระหนี้เขา

    ฟังแล้วก็เศร้าใจ บรรดาท่านพุทธบริษัท เกิดมากับเขาชาติหนึ่ง จะหาความสุขสักหน่อยก็ไม่ได้แต่ท่านก็พูดให้ดีใจว่า จิตใจของเธอมีความดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเป็นทุกข์มันจะหนักอย่างไรก็ตาม แต่ว่าใจของเธอเป็นสุข เพราะเธอมีความรู้สึกว่า เธอเป็นผู้ชนะแล้ว จากกฎของกรรม และก็ชนะในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายก็ถามท่านบอกว่า ผมปรารถนาพุทธภูมิชาตินี้จะมีบุญวาสนาบารมีเต็มหรือขอรับ ท่านก็นิ่งนิดหนึ่ง สัก 1 วินาที ท่านบอกว่า พระท่านบอกว่า ถ้าเธอมีอายุถึง 60 ปี บุญวาสนาบารมีปรารถนาพุทธภูมิของเธอก็จะเต็มชาตินี้ แต่ว่าเธอมีอายุแค่ 27 ปี จะต้องแบกบุญวาสนาบารมี ต้องบำเพ็ญบารมีไปอีกหลายชาติ ก็หนักใจก็ถามท่านบอกว่า ถ้าอย่างนั้น ผมจะไม่เอาพุทธภูมิดีไหมเคยไปเที่ยวชั้นดุสิต เห็นเทวดาชั้นดุสิตที่มีบารมีเต็ม คอยตรัสเป็นพระพุทธเจ้า มากมายเหลือเกิน ผมไม่ทราบว่า ผมจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่เท่าไร คงจะคอยไม่ไหว

    ท่านบอกว่า ไม่เป็นไร เธอก่อนจะเกิดมาเธอมีสัญญา ถามว่า สัญญาอะไรขอรับท่านก็บอกว่า หลังจากอายุ 40 ปีไปแล้ว เธอต้องลาจากพุทธภูมิ แต่ว่าเวลานี้เธอต้องทำให้เข้ม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่าท้อถอย ทุกอย่าง จะประสบกับทุกข์อะไรก็ตาม จะต้องสู้กับทุกข์ตั้งใจปฏิบัติตามกิจพุทธภูมิทุกอย่าง เมื่อลาจากพุทธภูมิแล้ว สิ่งที่เธอลา เธอขอสัญญากับพระ พระท่านจะให้ แล้วจะได้ตามนั้น แต่ว่าเธอจะต้องทำกิจพุทธภูมิต่อไปจนกว่าจะตาย

    เมื่อท่านพยากรณ์อย่างนี้แล้วก็รู้สึกเศร้าใจว่า เรานี่เป็นคนมีกรรมจริง ๆ ก็เลยอยากจะรู้กรรมของตนให้มันถนัด เราใช้ของเราเองพอได้บ้าง พอสมควร แต่อาศัยบารมีของท่าน ถามว่า หลวงพ่อขอรับ ผมอยากจะดูภาพเก่า ๆ เคยฆ่าฟันกันมามากมายขนาดไหน ชาติไหนบ้าง ท่านก็ทำให้ดูสิบชาติ ก็เห็นว่าตัวเองสร้างทั้งบาป และทั้งบุญ บุญก็สร้างจริง ๆ บาปก็สร้างจริง ๆ คนต้องตายเพราะคำสั่งก็มาก ฆ่าเขาเองก็มาก สัตว์ ช้างม้า วัวควาย วัวควายที่ต้องเป็นอาหาร เป็ดไก่ นับไม่ถ้วน ก็มานั่งนึกดูว่า ถ้าสัตว์ทั้งหลาย หรือคนทั้งหลายเหล่านั้น ต่างคนต่างมาทวงกรรม เราใช้ชาตินี้ไม่หมดแน่

    พอนึกในใจเพียงเท่านี้ ท่านก็บอกว่า คิดอย่างนั้นไม่ถูก ชาตินี้ใช้หมดแน่ เอาแค่เศษของกรรมที่เหลืออยู่ แล้วก็ใช้เขา แต่การใช้ให้หมดมันไม่มีหรอก แต่ว่าสามารถหนีกฎของกรรมได้ ถามว่า หนีไปไหนครับ ท่านก็บอก หนีไปอยู่ในแดนที่มีความสุข ที่ไหนที่เรียกว่าเอกันตบรมสุข เธอจะไปอยู่ที่นั้นได้ นี่เป็นคำพยากรณ์ของหลวงพ่อจง

    แต่ว่าเธอทั้งหลายจงอย่าลืมนะว่า ต้องยึดอริยสัจเป็นสำคัญ อริยสัจที่จะต้องตั้งใจทำให้มั่นก็คือ ทุกขสัจ เข้าใจในทุกขสัจอย่างเดียว ให้ได้จริง ๆ แล้วเธอจะเข้าใจผลในทุกขสัจ แต่ว่ากรรมฐานทั้ง 40 กอง จะต้องซ้อมไว้เป็นปรกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อภิญญา อย่าทำเป็นอันขาด การทำอภิญญาไม่ใช่วิสัยของเธอ เป็นวิสัยของสององค์นี่ ต้องอยู่ป่า ต้องใช้อภิญญา เธอจงเก็บอภิญญาไว้เป็นคู่มือ เป็นคู่ปัญญา เพื่อเข้าใจในการตัดกิเลส ก็กราบเรียนท่านว่า คนที่เขาเอาจริง เขาไม่ถามกัน มันอยู่ที่กำลังใจของคน คนที่ปฏิบัติจะเอาจริงเอาจังเขาไม่ถามว่า ผมจะบรรลุชั้นนั้นชั้นนี้ไหม เขาไม่ถามกัน มันอยู่ที่ใจของเรา เราอยากจะหมดก็หมด เราอยากไม่หมดมันก็ไม่หมด ถ้าเรายังติดในมนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก มันก็ไม่หมด

    เมื่อคุยกันต่อไปถึงเวลาอันสมควร ท่านก็บอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าท่านปานตายแล้วนะ เธอสงสัยอะไรก็ไปหาฉัน ทุกอย่างฉันจะไม่ปกปิด จะเป็นความรู้เพื่อบุคคล หรือความรู้เพื่อส่วนตัว ฉันไม่ปกปิด แต่ว่าฉันคิดว่า ในต่อไปภายเบื้องหน้า เธอจะกลายเป็นคนขี้เกียจ คือความรู้ทุกอย่างที่เธอมีอยู่นี้ เธอสามารถทำได้ทุกอย่าง เวลานี้ก็เริ่มขี้เกียจแล้ว เมื่อทำใหม่ ๆ จริง ๆ ขยัน รู้นั่น รู้นี่ ทำโน่น ทำนี่ พอทำได้จริง ๆ ก็ขี้เกียจ นี่เป็นวิสัยแท้ เป็นกิจที่ต้องทำ แต่ 2 คนนี่เขาขยัน เขาต้องเข้าป่า เธอจงอย่าใช้อภิญญาสมาบัติ ที่สามารถทำได้ ได้หรือไม่ได้ก็ตาม เอาเป็นว่าถ้าทำได้ก็อย่าใช้ ใช้วิชาความรู้ปรกติธรรมดา และต่อไปนี้เบื้องหน้าก็จะได้รับความรู้พิเศษจากพระ จะสามารถสอนให้คนเข้าใจเรื่องสวรรค์ เรื่องนรก ได้อย่างง่าย ๆ

    ก็ถามท่านบอกว่า เวลานี้ที่ฝึกอยู่นี่ มันง่ายหรือมันยากขอรับ ผมก็เห็นว่า ไม่ยาก ท่านบอกว่า เวลานี้สำหรับเธอมันไม่ยาก แต่คนอื่นเขายากมาก และจงอย่าลืมว่า เธอจะต้องประสบกับถ้อยคำที่ต้านทาน ถ้อยคำที่กล่าวหาด่าว่า ถ้าหากว่าบังเอิญจริง ๆ ถ้าเธอรำคาญเข้าจริง ๆ เธอจะกลายเป็นพระเขียว แต่ฉันคิดว่า จะไม่เป็นพระเขียว จะมีพระองค์อื่นช่วย จะมีพระรูปร่างผอม ๆ สูง ๆ เข้มแข็งในพระศาสนา และพระองค์นี้จะได้อภิญญาสมาบัติ แต่ว่าเป็นพระที่มีการปกปิด จะสนับสนุนเธอไห้ทรงตัวเป็นพระเหลืองอยู่ เพราะต่อไปเบื้องหน้า เธอจะเกิดความรำคาญ ถ้าเกิดความรำคาญ ถ้าพระองค์นี้ไม่เข้าช่วย เธอก็จะกลายเป็นพระเขียว (หมายความว่า ถอดสีเหลืองออก และก็ใช้ชุดเขียว ใช้อภิญญาสมาบัติ เป็นการหักล้างพระเหลือง พระเหลืองก็จะพากันผอมไปตาม ๆ กัน)

    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าคนทุกคนส่วนใหญ่ 99.99 เปอร์เซ็นต์ เขาชอบอภิญญาสมาบัติ เราทำให้เราแก่ได้ เราทำตัวเราให้หนุ่มได้ แค่นี้ก็พอแล้ว ผิวขาวได้ ผิวเหลืองได้แค่นี้ก็พอแล้ว แต่เธออย่าทำมากกว่านั้น แต่ว่าฉันขอพยากรณ์ว่า เธอไม่มีโอกาสทำ เพราะพระจะไม่อนุญาตเธอ พระจะอนุญาตให้เธอเฉพาะให้เขารู้ตามความเป็นจริงว่า นรกมีจริง สวรรค์มีจริง เขาสามารถเห็นนรกได้ สวรรค์ได้ เขาสามารถไปนรกได้ ไปสวรรค์ได้ ด้วยกำลังของจิตที่เรียกกันว่า อทิสมานกาย อภิญญาใหญ่อย่าไปสอน ถ้าขืนสอน เธอจะเหนื่อยเปล่า เพราะวิสัยแบบนี้จะมียากสำหรับบุคคลที่จะพึงทำได้ แต่ว่ามีอยู่ แต่ก็ไม่อยู่ในฐานะที่เธอจะต้องเป็นครู ต้องคนอื่นเขาเป็นครูกัน เธอเอาเท่านั้นก็พอ เป็นแค่ ปัจจัตตัง

    ก็เป็นอันว่า คุยกันไป คุยกันมา ท่านก็บอกว่า เวลานี้ก็เย็นแล้ว ฉันจะขอลากลับวัดนะ ก็เลยบอกว่า หลวงพ่อขอรับ ที่นี่มันจังหวัดกำแพงเพชร ท่านก็เลยบอกว่า อินเดีย เดิน 2-3 นาทีก็ถึง วัดหน้าต่างนอก มันจะเดินสักกี่นาที ก็รวมความว่า พอพูดเท่านี้ ท่านก็หายแว้บไปเลย ไม่ได้เดิน ไม่ได้ไปไหน

    ก็คิดในใจว่า เอ๊ะ..หลวงพ่อจงนี่ คนหรือผี หลวงพ่อปานก็หันกลับมาบอกว่า คุณอย่าอกตัญญครูบาอาจารย์ อย่าไปนึกว่าครูบาอาจารย์เป็นผี หลวงพ่อจงนี่เป็นพระอภิญญาแต่ก็ไม่ใช่อภิญญาอย่างเดียว เป็นพระปฏิสัมภิทาญาณด้วยด้วย มีความฉลาดมาก แต่ว่าพูดน้อย เพราะหน้าที่พูดมันเป็นหน้าที่ของฉัน แต่ว่าถ้าฉันตายไปแล้ว ท่านก็ไม่ค่อยจะพูด มีอะไรบ้าง เธอต้องไปหาท่าน ท่านจะเรียกไปหาท่าน และท่านใช้ให้เธอพูดแทนท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มกราคม 2013
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่www.tangnipparn.com
    ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา
     
  3. tawansongsaeng

    tawansongsaeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +423
    ขออนุโมทนาบุญในการนำเสนอเรื่องนี้ อ่านแล้วได้ศรัทธาเพิ่มขึ้นมากเลย ขันติต่อการปฏิบัติธรรมก็เพิ่มขึ้นอีกมากครับ
     
  4. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  5. chabay

    chabay เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    9,610
    ค่าพลัง:
    +3,373
    สาธุๆๆๆ
     
  6. dejpet

    dejpet Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +49
    สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมธามิ
    ลูกกราบขอขมาในสิ่งที่เคยล่วงเกินหลวงพ่อด้วยกายวาจาใจ
    ขอให้ลูกประสบแต่ความดี ปราศจากความทุกข์เทอญ...
     
  7. หนามเตย007

    หนามเตย007 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +95
    คิดถึงหลวงพ่อทุกวันเลยครับ ไม่รู้ทำไม
     
  8. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    สาธุ ครับ กราบๆๆๆทั้ง สาม หลวงพ่อครับ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อจง หลวงพ่อฤาษี ครับ
     
  9. หลงบุญ

    หลงบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2011
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +101
    สาธุ สาธุ สาธุ ธรรมใดที่องค์หลวงพ่อฤาษีเห็นแล้ว ขอธรรมนั้นจงเกิดแก่ข้าพเจ้าด้วเทอญฯ สาธุ
     
  10. รักโพธิญาณ

    รักโพธิญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +224
    สาธุ สาธุ สาธุ ในความตั้งใจในธรรมที่เจ้าของกระทู้ลงบทความให้เราอ่านนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...