เรื่องเหล้าเช้านี้..กาแฟอยู่ทางขวา.สู.รา..อยูทางซ้าย..คุยได้ทุกเรื่องไม่เสียตังค์...

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย crodile, 14 มกราคม 2013.

  1. crodile

    crodile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    4,475
    ค่าพลัง:
    +7,765
    เนื้อหาแบบนีไม่ใช่เป็นของเล่น....พระไม่เน้นล้อพิมพ์...มีเอกลักษณ์ของตัวเองเก่าได้มวลสารได้...ทายว่าลูกศิษย์สร้าง..เป็นแน่แท้.....5555555555
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wAhBmMpPnsOQ7gDs" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/g02/owUsat.JPG" /></a>
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wAhBtw0MLwORU2pO" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/af5/Hi8Rke.JPG" /></a>
    แล้วก็ทายต่อไปว่าท่านธณต.ต้องรู้แน่นอนโดยเซ้นท์อะนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มกราคม 2013
  2. crodile

    crodile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    4,475
    ค่าพลัง:
    +7,765
    ไม่มีเก๊หรอกท่านพี..เพียงแต่ออกยุคหลังเท่านั้นครับ..ทันท่านเสกแน่นอนครับท่านพี่...ผิวไฟยังแจ่มอยู่เลยท่าน.......:cool::cool:
     
  3. พี ชลบุรี

    พี ชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    1,775
    ค่าพลัง:
    +15,052
    ถ้างั้นต้องเลี่ยมขึ้นคอซักกะหน่อยแล้วครับท่านพี่ เห็นท่านพี่ทั้งหลายลงเหรียญมามากแล้วขอลงรูปถ่ายบ้างนะครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1270474.JPG
      P1270474.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      79
    • P1270475.JPG
      P1270475.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      74
  4. crodile

    crodile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    4,475
    ค่าพลัง:
    +7,765
    แวะไปพิจิตรเอาของดีมาฝาก..ข่วยได้หรือช่วยไม่ได้..ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน...ดูกันเอาเองท่าน..555555555555555
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wxS2vGFPEkpy79ez" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/f50/P47VOH.JPG" /></a>
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wxS2Ecacsh8HTjMS" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/092/KrgJVF.JPG" /></a>
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wAhIiqEp3xyutWnY" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/984/YFFNte.JPG" /></a>
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wAhIri7s8Rn3x5HE" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/ff2/6kECSx.JPG" /></a>
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wAhIAvzbwasyWnz9" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/9b3/2s7qxb.JPG" /></a>
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/wAhIJn2eBzziyGvj" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/ecf/8ZfsZO.JPG" /></a>
     
  5. akkhawee

    akkhawee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,908
    ค่าพลัง:
    +5,260
    ชอบมากนิยม ขาวเนียน ได้ซักที เอ้ยได้ซักคนมาข้างกาย รับรองแจ้ง5555
     
  6. พีร

    พีร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2012
    โพสต์:
    2,423
    ค่าพลัง:
    +7,409
    นี้ที่เขานิยมกันหรือเป่ลาครับ แต่ดูเนื้อ และพิมพ์แล้ว ผิด ครับ ผิดจาก คนที่บ้านมาก แล้วเล่นหากันเท่าไรแ ล้วครับรุ้นนี้:cool:
     
  7. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,269
    รักยมไปบอก มีคนนินทา

    มาทำมาหากินอยู่นอกบ้าน ครับท่านเม้งจู้ พิมพ์ tablet มันยากน่ะ แก่เลี้ยว

    กลับบ้านค่อยไปหาพระน่ะ อาจจะอยู่ก้นกรุเพราะหวงมาก...แหะๆ
     
  8. akkhawee

    akkhawee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,908
    ค่าพลัง:
    +5,260
    น่าจะหลายตังค์อยู่นาาา อิๆๆ
     
  9. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,269
    เพิ่งเคยเห็น กระทู้หนึ่งมีคนพร่ำรำพันได้คนเดียว น้ำลายต้องเหนียวหนึ้บแน่ๆ คุยกับตัวเองได้ทั้งวัน...แหะๆ
     
  10. crodile

    crodile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    4,475
    ค่าพลัง:
    +7,765
    หลวงปู่จันทร์ ขันติโก วัดโฉลกหลำเกาะพะงั้น
    หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก

    ต้นตำนานพระสมเด็จ พระผงมวลสาร แห่งแดนใต้
    ที่เป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใคร!

    ประวัติหลวงพ่อจันทร์ ขันติโก

    หลวงพ่อมีนามเดิมว่า จันทร์ นามสกุล จันทร์อินทร์ เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน 10 ปีชวด ประมาณ 2443
    โยมบิดาของท่านชื่อ นายครบ โยมมารดาชื่อ นางทองดี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 6 คน คือ หลวงพ่อจันทร์, นางจอน, นายเกลื้อม, นางเคล้า, นางนวล, นางพัฒน์ จันทร์อินทร์ และน้องสาวต่างมารดา 1 คน คือ นางกระจ่าง พรหมรักษ์
    หลวงพ่อจันทร์เกิด ณ. บ้านมะเดื่อหวาน ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

    คลอดเอาเท้าออก
    เมื่อหลวงพ่อจันทร์คลอดนั้น กล่าวกันว่าท่านเอาเท้าออกก่อน ด้วยผู้คนสมัยนั้นเชื่อสืบต่อกันมาว่า เมื่อใครเกิดก้างปลาติดคอ หากกลืนกล้วย กลืนข้าวปั้นเป็นก้อนแล้ว ก้างปลายังไม่หลุด ก็ให้ไปหาคนที่เวลาคลอดเอาเท้าออกก่อน แล้วให้คนผู้นั้นเอาหัวแม่เท้าจุ่มน้ำ เอาน้ำนั้นให้กิน ก้างปลาจักหลุดแล
    ดังนั้น เมื่อคนละแวกบ้านมะเดื่อหวานมีปัญหา ก้างปลาติดคอ หลังจากหมดทางแก้แล้วก็มักมาหาหลวงพ่อจันทร์ ผู้เป็นดั่งเสมือนที่พึ่งสุดท้าย เพื่อขอให้ท่านเอาหัวแม่เท้าจุ่มน้ำ สำหรับใช้ดื่มแก้ก้างปลาติดคออยู่เสมอ หลวงปู่จันทร์ จึงเป็นผู้ช่วยปลดเปลื้องทุกข์บางประการของชาวบ้านในยุคที่วิทยาการทางแพทย์มีเพียงแค่ระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
    แม้หลวงพ่อจันทร์มรณภาพแล้ว หลายคนยังนิยมเอาเหรียญของท่านมาแช่น้ำทำเป็นน้ำมนต์ดื่มแก้อาการก้างติดคอกันอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ได้เห็นผลกันมาแล้วมากราย
    ศิษย์หลวงพ่อเพชร วชิโร
    ราวปี พ.ศ. 2456 เมื่ออายุประมาณ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดมะเดื่อหวาน โดยมี หลวงพ่อเพชร วชิโร (พระครูวิบูลย์ธรรมสาร) เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชแล้วสามเณรจันทร์ก็ติดตามไปอยู่รับใช้และเล่าเรียนอักขระวิธี กรรมฐานวิปัสสนา กับหลวงพ่อเพชรที่วัดเขาน้อย
    การได้ศึกษาฝึกฝนกับหลวงพ่อเพชรซึ่งเป็นพระที่เคร่งครัดเชี่ยวชาญชำนาญการสอนวิปัสสนากรรมฐาน นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่เสมือนเป็นการช่วยสร้างพื้นฐานอันแน่นหนาในเรื่องเอกัคตาจิต ให้ท่านตั้งแต่วัยเยาว์ รวมตลอดทั้งเคล็ดวิธีอุปเท่ห์ในทางเวทวิทยาคมบางประการด้วย เมื่อมีพื้นฐานที่แน่นหนา มั่นคง เหมาะสม ก็ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้เติบโต เจริญก้าวหน้าได้ดียิ่งในอนาคต
    สามเณรจันทร์ได้อยู่ศึกษาปฏิบัติ ปลูกสร้างพื้นฐานกับหลวงพ่อเพชร สุดยอดพระเถราจารย์ของเกาะพะงันเป็นเวลากว่า 2 พรรษาแล้วก็ลาสิกขาออกไปเผชิญโลกต่อไป
    ครั้นอายุครบอุปสมบทท่านได้บวชเป็นพระภิกษุ ตามประเพณีของลูกผู้ชายชาวไทย ณ วัดใหม่ (วัดศรีทวีป) อดีตเจ้าคณะอำเภอเกาะสมุยรูปที่สาม เป็นพระอุปัชฌาย์บวชอยู่ 2-3 พรรษาก็สละเพศบรรพชิต ลาสิกขา แล้วท่านก็มีครอบครัว ภรรยาของท่านชื่อ นางหีดนุ้ย เป็นชาวใต้ เกาะพะงัน มีบุตรธิดาด้วยกัน 2 คนคือ
    1. นายเจน จันทร์อินทร์
    2. นางเจิม ชำนาญกิจ
    ครอบครัวของท่านตั้งอยู่ที่ บ้านบ่อผุด เกาะสมุย หลังจากภรรยาของท่านถึงแก่กรรม ท่านก็เกิดเบื่อหน่ายฆราวาสวิสัย ตระหนักในไตรลักษณ์ที่ว่า
    “สรรพสิ่งล้วน เปลี่ยนแปร ไม่แท้เที่ยง
    ทุกสิ่งเพียง ของสมมุติ อย่ายึดมั่น
    มิใช่ตัว ใช่ตนจริง ทุกสิ่งนั้น
    ล้วนแปลงผัน ล้วนทุกข์ท้น มิทนทาน”
    ประมาณ พ.ศ.2489 ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งหนึ่งด้วยเจตจำนงแน่วแน่ที่จะยึดถือเป็นตัวตาย ตั้งใจที่จะให้ได้มีผ้าเหลืองห่อหุ้มศพ เป็นการบวชตลอดชีวิตที่จะไม่ลาสิกขาออกมาอีก
    ครั้งนี้หลวงพ่อจันทร์ อุปสมบทที่วัดสำเร็จ เกาะสมุยโดยมี พระครูทีปาจารคุณารักษ์ (มี อินทสุวัณโณ) อดีตเจ้าคณะอำเภอเกาะสมุย รูปที่ 4 เป็นพระอุปัชฌาย์ มีฉายาว่า “ขันติโก”
    เมื่อหลวงพ่อจันทร์บวชแล้ว ได้มาอยู่ปฎิบัติธรรมที่บ้านโฉลกหลำ สถานที่ที่ท่านพำนักเป็นเพียงที่พักสงฆ์ เรียกว่า ที่พักสงฆ์เจริญสุข ซึ่งมีเพียงศาลาหลังเล็กๆ สำหรับที่พระภิกษุพักอาศัย
    ครั้นประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 25 บ้านโฉลกหลำ ได้กลายเป็นท่าเรือประมง ที่บรรดาเรือประมงซึ่งจับปลาอยู่บริเวณใกล้เคียงมักมาขายส่งปลาให้แก่เรือรับซื้อที่เรียกว่า เรือห้องเย็น รวมทั้งอาศัยเป็นที่กำบังลมพักผ่อนและเติมเสบียงในช่วงฤดูที่มิใช่หน้าลมว่าว ครั้นถึงยามฤดูลมว่าวประมาณระหว่างเดือน (จันทรคติ) 12 ถึงเดือน 2 อ่าวโฉลกหลำเป็นจุดรับลมว่าว ภายในอ่าวมีคลื่นลมแรง เหล่าเรือประมงจะต้องใช้อ่าวแห่งอื่น เช่น อ่าวน้ำตกธารเสด็จ เป็นท่าเรือ
    ด้วยความเป็นท่าเรือดังกล่าว ทำให้โฉลกหลำเป็นแหล่งที่มีเงินสะพัด เป็นแหล่งงาน เป็นที่แสวงโชค เป็นแหล่งธุรกิจที่สำคัญของเกาะพะงันในขณะนั้น ก่อนที่เกาะพะงันกลายเป็นแหล่งที่ท่องเที่ยวในปัจจุบันนี้
    เมื่อหลวงพ่อจันทร์ มาพำนักอยู่ยังที่พักสงฆ์เจริญสุขแล้ว ท่านได้ก่อสร้างเสนาสนะต่างๆ รวมทั้งอุโบสถ กระทั่งทำที่พักสงฆ์ได้กลายเป็นวัดตามกฎหมาย โดยมีประกาศตั้งวัดเมื่อ วันที่ 14 กันยายน พ.ศ.2519 เรียกว่า สำนักสงฆ์โฉลกหลำ เมื่อได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2520 จึงเป็นสภาพเป็นวัดโดยบริบูรณ์ และใช้ชื่อว่า ”วัด” ได้ตามกฎหมายแล้วทางวัดก็ได้จัดงานผูกพัทธสีมาในปี พ.ศ. 2522 หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก จึงเป็นพลังสำคัญในการสร้างวัดและเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดโหลกหลำ
    สร้างเมรุ
    หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก ยังได้ชักชวนชาวบ้าน ภายใต้ความสนับสนุนร่วมแรงแข็งขันของท่านกำนันวุฒิ ชมอินทร์ อดีตกำนันดีเด่นของตำบลเกาะพะงัน คนดีที่โลกไม่เคยลืม ได้ช่วยกันสร้างเมรุในวัดโฉลกหลำ
    นับเป็นเมรุเผาศพแบบใหม่เป็นแห่งแรกของอำเภอเกาะพะงัน เพราะขณะนั้นวัดอื่นๆ ยังใช้เมรุแบบเก่าที่ตั้งโลงบนฐานปูน ตะแกรงเหล็ก ไม่มีอะไรปกปิด แล้วสุมเพลิงข้างล่างแบบที่ฝรั่งนักท่องเที่ยวเรียกแบบล้อเลียนว่า ที่กระทำบาบีคิว หรือ ที่ปิ้งบาบีคิว
    ขันติโก
    นายโชติ เมืองทอง เล่าว่าหลวงพ่อจันทร์ เป็นพระที่มีนิสัยใจคอเยือกเย็น ดีก็ไม่พูด ร้ายก็ไม่พูด แม้ใครนินทา ติเตียนก็ไม่พูด ไม่โต้ตอบ ใจคอท่านหนักแน่นมีขันติ มีความอดกลั้นต่อสิ่งที่ไม่ชอบใจ นับว่าหลวงพ่อจันทร์เป็นผู้ที่มีความอดกลั้น อดทนสมกับฉายาของท่าน
    หลงบ้าน
    ในงานวันขึ้นปีใหม่ ครั้งหนึ่งชาวบ้านโฉลกหลำจำนวนมากได้เข้าไปทำบุญปีใหม่ในวัดโฉลกหลำเพื่อความเป็นสิริมงคล จึงมีการนิมนต์หลวงพ่อจันทร์ มาอวยพรปีใหม่พร้อมทั้งประพรมน้ำพระพุทธมนต์
    นายโชติ เมืองทอง ซึ่งขณะนั้นไม่ค่อยเลื่อมใสนัก เมื่อมีผู้มาชวนไปรับการประพรมน้ำพระพุทธมนต์จากหลวงพ่อจันทร์ จึงได้กล่าวเป็นหมิ่นทำนองว่า “ประพรมน้ำ ถ้ายังไม่พอ ที่บ้านยังมีอีกบ่อ” เนื่องจากตามบ้านเรือนในท้องถิ่นไทยภาคใต้นั้นโดยส่วนมากนักขุดบ่อน้ำไว้สำหรับใช้สอยประจำบ้านแทบทุกหลัง
    คำกล่าวเชิงหมิ่นของนายโชติ มีความหมายว่า หากน้ำพุทธมนต์ที่หลวงพ่อจันทร์ใช้ประพรมอยู่ไม่เป็นการเพียงพอก็ให้ไปเอาน้ำในบ่อที่บ้านของตน ซึ่งอยู่ใกล้วัดมาใช้แทนด้วย มีเจตนาที่จะชี้ให้เห็นว่า น้ำพระพุทธมนต์ของหลวงพ่อจันทร์ ก็เหมือนกับน้ำในบ่อที่บ้านนั้นแหละหามีอะไรแตกต่างกันไม่
    เสร็จพิธีแล้วนายโชติ ก็ยังนั่งเสวนาอยู่ในวัด จนเริ่มมืด ตามบ้านเรือนและภายในวัดต่างเปิดไฟฟ้าสว่างไสว เมื่อเห็นว่าค่ำแล้วนายโชติก็เดินกลับบ้านซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ วัด ห่างจากเขตวัดเพียงประมาณ 50 เมตรเท่านั้น
    แต่ปรากฏว่านายโชติเดินวนเวียนรอบวัดอยู่ 2-3 รอบ ก็ยังหาหนทางที่จะเดินจากวัดไปยังบ้านไม่พบ กระทั่งฝ่ายภรรยาเห็นว่าค่ำมืดมากแล้วยังไม่กลับบ้านก็เลยออกมาตามหา นั้นแหละนายโชติจึงสามารถกลับบ้านได้ถูก
    เหตุการณ์หลงบ้านตนเองครั้งนั้นใครๆ ต่างเข้าใจว่านายโชติ เมาจนกลับบ้านไม่ถูก แต่นายโชติปฎิเสธว่ามิได้เมามายขนาดนั้น และบ้านก็ยังอยู่ติดกับวัดมองกันก็เห็นเพราะตั้งอยู่ในที่โล่ง ไม่มีทัศนียภาพอื่นมาบดบัง อีกทั้งบริเวณใกล้วัดก็มิได้มีบ้านเรือนอยู่หนาแน่นแต่ประการใด กับการได้เคยเดินเข้าออกมาแต่ไหนแต่ไรถึงจะเมาสักขนาดไหนก็ย่อมเดินกลับได้ถูกอยู่ดี ส่วนเหตุที่เป็นดังนั้นคงเนื่องมาจากคำพูดที่นายโชติได้พูดเชิงดูหมิ่นบันดาลให้นายโชตหลงทาง เที่ยวเดินวนเวียนรอบวัด หาทางกลับบ้านไม่ถูก
    นายโชติยืนยันว่าที่หาทางกลับบ้านไม่ถูกในครั้งนั้นมิใช่เพราะความเมาอย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างลึกลับเชื่อว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของหลวงพ่อจันทร์ กระทำให้ตนต้องสำนึกว่าสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ มีศีล สมาธิและวิทยาคมย่อมกระทำบางสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ต่างจากสามัญธรรมดา
    ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นเป็นต้นมานายโชติได้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในอิทธิคุณของหลวงพ่อจันทร์เป็นอันมาก
    ไม่ค่อยจำวัด ในยามเวลากลางคืน
    บรรดาศิษย์ที่เคยอยู่รับใช้หลวงพ่อจันทร์ กล่าวพ้องต้องกันว่าในยามกลางคืนท่านไม่ค่อยจะจำวัด มักใช้เวลาในเพลากลางคืนสำหรับการสวดมนต์ภาวนา ทำสมาธิ กรรมฐาน เขียนผงเรียกสูตรนาม ทำพระ หรือปลุกเสกพระ โดยเฉพาะในคืนที่เป็นวันธรรมสวนะ ท่านมักทำพระ ปลุกเสกพระสมเด็จเสมอๆ
    หลวงพ่อจันทร์มักทำพิธีปลุกเสกพระเพียงลำพัง ท่านจะใช้เวลานั่งบริกรรมปลุกเสกพระเกือบตลอดทั้งคืน และทำการปลุกเสกติดต่อกันหลายราตรี กระทั่งประจักษ์แจ้งว่าเป็นการเพียงพอเพียบพร้อมอิทธิสรรพคุณแล้วจึงจักออกแจกจ่าย
    ด้วยความพิถีพิถันในการประสิทธิอิทธิคุณในองค์พระดังกล่าว จึงยังผลให้ผู้มีพระสมเด็จหลวงพ่อจันทร์บูชา ต่างมั่งมีมากมายหลากหลายประสบการณ์
    สติปัฏฐาน
    เพราะเหตุที่หลวงพ่อจันทร์ได้ใช้เวลากลางคืนปฏิบัติกิจต่างๆ ไม่ค่อยได้พักผ่อน ไม่ค่อยได้จำวัดในเวลากลางคืนเลย ท่านจึงต้องใช้เวลาพักผ่อนในตอนกลางวัน ช่วงบ่ายเป็นประจำ
    แต่น่าแปลกนักที่ว่า ขณะที่ท่านกำลังจำวัดอยู่นั้นเมื่อพระบวชใหม่รูปใดซึ่งมักชอบท่องจำบทสวดเสียงดังอยู่ในกุฏิใกล้ๆ กันนั้น เกิดออกเสียงอักขระในบทสวดมนต์ผิดพลาดคลาดเคลื่อนแม้เพียงตัวเดียว หลวงพ่อจันทร์ก็จะร้องทักเสียงที่ผิดอักขระทันที ทั้งๆ ที่ท่านกำลังจำวัดอยู่
    จึงเป็นที่เชื่อกันว่าหลวงพ่อจันทร์ คงปฏิบัติแนวสติปัฏฐานด้วย ดังนั้น แม้ยามนอนหลับขณะกำลังจำวัดอยู่ ก็ยังมีสติกำกับ ยังได้ยิน สามารถรับรู้อยู่ตลอดเวลา
    ศึกษาตำราหลวงพ่อเพชร
    มีตำราเป็นสมุดโบราณเล่มหนึ่งซึ่งบันทึกเรื่องราวเวทวิทยาคม มนตราอักขระเลขยันต์ พิธีอุปเท่ห์ต่างๆ ที่สืบทอดกันมาแต่บรรพกาล เป็นตำราของเก่าที่ หลวงพ่อเพชร วชิโร อดีตเจ้าคณะอำเภอเกาะสมุย รูปที่สอง พระเถราจารย์ที่ชาวประชานับถือกันว่าเป็น พระสงฆ์ระดับเหนือโลก องค์หนึ่งของสุราษฎร์ธานี
    หลวงพ่อจันทร์ได้เคยนำมาศึกษาฝึกฝนทดลองปฏิบัติในครั้งที่หลวงพ่อเพชรยังอยู่ในวัยหนุ่ม ตำราเล่มนี้มีชื่อเรียกขานในหมู่ลูกศิษย์ว่า ” ตำรา ตาขาว ” ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งตามนามของท่านผู้เป็นเจ้าของเดิม ด้วยเหตุที่ ตาขาว
    ผู้เป็นเจ้าของเดิมของตำราพระเวทเล่มนี้ มีศักดิ์ (ตามความเกี่ยวเนื่องทางสายเลือด) เป็นปู่ของหลวงพ่อจันทร์ ดังนั้นหลังจากหลวงพ่อเพชรมรณภาพแล้ว ตำราดังกล่าวจึงตกทอดสู่หลวงพ่อจันทร์ ท่านจึงได้รับตำราศักดิ์สิทธิ์ไว้เป็นคู่มือปฏิบัติ ประกอบกับหลวงพ่อจันทร์เคยมีพื้นฐานที่แน่นหนามั่นคงในทางเอกัคตาจิต ตั้งแต่ที่เคยบวชเป็นสามเณร เคยฝึกฝนปฏิบัติอยู่กับหลวงพ่อเพชร ครั้นมีตำราคู่มือปฏิบัติที่พร้อมสรรพ จึงทำให้ท่านสามารถบรรลุสัมฤทธิ์ผลได้ แม้จะเป็นการศึกษาด้วยตนเอง
    หนังเหนียว
    นายสามารถ เรืองโรจน์ เคยเห็นหลวงพ่อจันทร์ นั่งลับมีดโกนตราตุ๊กตาคู่ ซึ่งเป็นมีดโกนที่ผู้ใช้ต่างเชื่อถือในคุณภาพ ความคมกริบ เพื่อไว้สำหรับปลงเกศาในวันโกน หลวงพ่อจันทร์นั่งลับมีดโกนอยู่ครู่ใหญ่จนคมกริบดีแล้ว ท่านได้ใช้มีดโกนเล่มนั้นกรีดแขนของท่านอย่างแรง นายสามารถเห็นแล้วตกใจ คิดว่าเลือดคงไหลโกรกเป็นแผลเหวอะหวะ และงุนงงว่าอยู่ดี ๆไยท่านถึงได้ทำร้ายตัวเองเช่นนั้น
    แต่ปรากฏว่าคมมีดโกนมิอาจทำอันตรายใดๆ ให้แก่ผิวหนังของท่านได้ แม้ท่านจักได้กรีดซ้ำหลายหนก็ตาม
    อีกครั้งหนึ่ง นายชา ชมจันทร์ อาสาลับมีดโกนให้หลวงพ่อจันทร์ ได้นั่งลับมีดอยู่เป็นเวลานานกระทั่งเห็นว่าคมดีแล้วก็ยื่นมีดถวายท่านพร้อมกับพูดทำนองว่า ”มีดคมขนาดนี้ รับรองปลงผม 2-3 หัว ใช้เวลาไม่กี่นาที”
    หลวงพ่อจันทร์ รับมีดโกนมามองดูแล้วกล่าวว่า ”คมยังไง” พร้อมกับใช้มีดโกนนั้นกรีดแขนของท่านอย่างแรง แทนที่เลือดจะไหลทะลัก ผิวหนังเป็นแผลตามรอยมีดกรีดดั่งสามัญวิสัยตามปกติกลับไม่ เป็นว่าไม่ระคายผิวท่านเลย
    นายชาเห็นดังนั้นแล้วถึงร้องไห้โฮ บ่นว่า อุตสาห์นั่งลับอยู่ตั้งนานนึกว่าจะคม ที่ไหนได้กลับเชือดเนื้อเถือหนังหลวงพ่อจันทร์ก็ไม่เข้า
    เขียนผง
    เดิมทีเดียวหลวงพ่อจันทร์เขียนผงลบผงเก็บไว้สำหรับผสมแป้งหอมทาตัว เมื่อผู้ใช้หลายคนได้ประจักษ์ถึงสรรพคุณในทางเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม มีประสบการณ์บ่อยๆ เข้า ผู้ศรัทธาเลยขอให้ท่านทำเป็นพระ เมื่อผู้ศรัทธารบเร้าเรียกร้องมากๆ เข้าในที่สุดหลวงพ่อจันทร์ก็ได้ตอบสนองคำร้องขอของผู้ศรัทธา จึงทำพระรูปสี่เหลี่ยมอย่างที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า พระสมเด็จ ออกมา โดยพระรุ่นแรกของท่านสร้างออกมาประมาณหลังจาก พ.ศ. 2510
    อนึ่ง หลวงพ่อจบ เรืองโรจน์ เคยบอกว่า หลวงพ่อจันทร์เป็นผู้มีความสามารถชำนาญใน การทำยันต์เต่าเรือน มาก โดยได้ศึกษาเคล็ดวิธีจากตำราตาขาวฉบับที่หลวงพ่อเพชร วชิโร เคยศึกษา
    นายสามารถ เรืองโรจน์ สมัยเมื่อเป็นนักเรียนชั้นประถมและเป็นเด็กวัดด้วย เคยแอบดูหลวงพ่อจันทร์ทำผงพระในกุฏิเวลากลางคืน เห็นท่านขึงผ้าขาวไว้ผืนหนึ่งที่หน้าโต๊ะบูชา ความสูงของผ้าอยู่ระดับศีรษะ (เวลานั่ง) แล้วท่านก็ก้มลงเขียนอักขระในกระดานชนวนที่วางอยู่ด้านล่างของผ้าขาว
    แท่งดินสอที่ใช้เขียนในอักขระเป็นแท่งผงปั้นที่ท่านได้จัดทำขึ้นเอง เขียนไปบริกรรมไปจนหมดแท่งผง แล้วท่านก็ลุกขึ้นทำการกวาดผงจากข้างบนผ้าขาวที่ขึงไว้ด้านบน
    นายสามารถยืนยันว่า ไม่เคยเห็นท่านกวาดผงจากกระดานชนวน เพราะผงได้ลอยขึ้นไปอยู่ทางด้านบนของผ้าขาวที่ขึงไว้ข้างบนซึ่งไม่ทราบว่าลอยขึ้นไปได้อย่างไรกัน
    นับว่าหลวงพ่อจันทร์มีกรรมวิธีทำผงที่แปลกกว่าใคร เพราะโดยส่วนมากพระคณาจารย์ต่างๆ มักใช้ผงพระจากกระดานชนวน หรือที่ทะลุลงใต้กระดานชนวน แต่หลวงพ่อจันทร์กลับใช้ผงที่ลอยทะลุผ้าขึ้นไปอยู่บนด้านบนของผ้าที่ขึงไว้เหนือศีรษะอีกทีหนึ่ง เป็นเรื่องอัศจรรย์มาก
    พระสมเด็จ
    พระสมเด็จหลวงพ่อจันทร์ได้สร้างออกมาเป็นระยะตลอดชีวิตของท่าน การจำแนกระหว่างรุ่นแรกกับรุ่นหลังๆ มักดูกันที่เนื้อหา ความอ่อน-แก่ของปูน คือพระรุ่นหลังๆ จะมีความแก่ปูนมากกว่ารุ่นแรกๆ วรรณะของพระยุคแรกมักมีสีน้ำตาลหรือเหลืองอ่อน หนึกนุ่มกว่า กับทั้งมีร่องรอยของผงถ้วยนรสิงห์บดผสมอยู่ด้วย
    แต่โดยส่วนมากแล้ว นักเล่นหามักไม่ค่อยจำแนกรุ่น เพราะถือว่าเจตนาในการสร้างของหลวงพ่อ ก็มิได้ตั้งเกณฑ์กำหนดรุ่นไว้ และถือว่าพระยุคแรกหรือยุคหลังมีความแตกต่างกันนิดหน่อยของเนื้อหาขององค์พระเท่านั้น ส่วนสรรพคุณอิทธิคุณนั้นมิได้แตกต่างกันแต่อย่างใด
    พระสมเด็จของหลวงพ่อจันทร์มีอยู่ด้วยกันหลายพิมพ์ทรง อาทิเช่น
    1. พระสมเด็จฐานสามชั้น จำแนกออกได้เป็นสามแบบ กล่าวคือ
    1.1 พิมพ์ใหญ่ มีขนาดประมาณ 2.6 x 3.9 ซม. ส่วนหนาประมาณ 0.5 ซม. เส้นซุ้มคู่และที่ระหว่างเส้นซุ้มกับขอบองค์พระมีลวดลายเป็นเส้นนูน
    1.2 พิมพ์กลาง องค์พระจะอยู่ภายในครอบแก้ว หรือเส้นซุ้มเดี่ยว
    1.3 พิมพ์เล็ก องค์พระจะอยู่ภายในเส้นซุ้มเดี่ยว เช่น เดียวกับพิมพ์กลาง
    2. พระสมเด็จฐานเจ็ดชั้น เป็นพระที่มีน้อย ไม่ค่อยจะได้พบเห็น
    3. พระสมเด็จฐานเก้าชั้น องค์พระอยู่ภายในเส้นซุ้มเดี่ยว
    4. พระสมเด็จพิมพ์แหวกม่าน
    ในแต่ละพิมพ์ มีขนาดแตกต่างกันอยู่บ้าง และมีรูปแบบศิลปะย่อยๆ แตกต่างกันออกไปอีก สรุปรวมจำแนกอย่างละเอียดแล้ว พระสมเด็จของหลวงพ่อจันทร์มีจำนวนประมาณ 30 กว่าพิมพ์ พระของท่านส่วนมากเป็นพระเนื้อผง มีเนื้อว่านอยู่เพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
    วิธีการสร้างพระผงของหลวงพ่อจันทร์
    ท่านจะทำออกมาเรื่อยๆ คือเมื่อท่านเขียน ผงนอโม ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ฯลฯ ได้จำนวนพอสมควรแล้วก็เอามาผสมกับมวลสารอื่นๆ เช่น เกสรดอกไม้ ผงถ้วยนรสิงห์บดละเอียด แร่เหล็กไหลเกาะพะงัน ที่ตกทอดมาจากหลวงพ่อเพชร (เฉพาะยุคแรกเท่านั้น) ข้าวก้นบาตร กล้วยหอม ฯลฯ แล้วตำให้อยู่ในตัวครกเล็กโดยส่วนมาก
    โดยเฉพาะในยุดแรกๆ หลวงพ่อจะเป็นผู้ดำเนินการด้วยตัวท่านเองหมดทุกขั้นตอน ทั้งการผสม การตำ การกดพิมพ์ ภายหลังมีพระเณรมาช่วยตำ ช่วยกดพิมพ์บ้าง แต่ก็อยู่ภายใต้การดูแลควบคุมอย่างใกล้ชิดของท่าน
    แม่พิมพ์ที่ใช้สร้างพระสมเด็จของหลวงพ่อจันทร์ โดยส่วนมากมักเป็นแม่พิมพ์ที่แกะจากหินลับมีดโกน ซึ่งมีความเปราะ แตกหักง่าย ใช้ได้ไม่นานก็มักชำรุดต้องเปลี่ยนแม่พิมพ์ใหม่ เป็นเหตุให้ พระของท่านมีรูปแบบศิลปะพิมพ์ทรงแยกย่อยได้ประมาณกว่า 30 พิมพ์ โดยมีรูปลักษณ์หลักอยู่ 4 แบบ คือ สมเด็จสามชั้น เจ็ดชั้น เก้าชั้น และพิมพ์แหวกม่าน ดังกล่าวแล้ว
    ครั้นพิมพ์พระสมเด็จแล้ว ท่านก็เลือกฤกษ์ยามตามพิธี เริ่มทำการปลุกเสกโดยลำพัง ติดต่อกันไปเรื่อยๆ ตามอุปเท่ห์กลวิธีที่เล่าเรียนมา กระทั่งถูกต้องครบถ้วนตามกระบวนการตำราพิธี มั่นใจในอิทธิคุณ อันสัมฤทธิ์แล้ว ก็จักนำมาออกแจกจ่ายให้ญาติโยม
    ด้วยเหตุนี้ ยุคสมัยอ่าวโหลกหลำมีสถานภาพเป็นท่าเรือประมงสำคัญแห่งหนึ่งในภาคใต้ฝั่งตะวันออก เรียกประมงจากจังหวัดต่างๆ ได้แวะเวียนอาศัยพักหลบลม จำหน่ายปลา พักผ่อนและเติมเสบียงอยู่เสมอ พวกเรือประมง (ยุคนั้น) โดยมากเป็นคนในแถบที่ชาวเกาะเรียกว่า “พวกเมืองใน” คือพวกชาวไทยที่พูดสำเนียงภาคกลางในจังหวัดชายทะเลละแวกปริมณฑลของกรุงเทพ ฯ เช่น สมุทรปราการ สมุทรสาคร และ ”พวกวันอ๋อ” หรือ พวกตะวันออก เช่น ระยอง จันทบุรี รวมทั้งที่มาจากเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กับปากน้ำหลังสวนชุมพร จึงทำให้พระสมเด็จหลวงพ่อจันทร์จำนวนมากได้รับการแจกจ่ายไปอยู่ตามจังหวัดชายทะเลเหล่านั้น
    พระสมเด็จของหลวงพ่อจันทร์ ปรากฏอิทธิคุณในด้านต่างๆ ทั้ง คงกระพัน มหาอุตม์ เมตตา มหาเสน่ห์ ฯลฯ แต่ที่โด่งดังเป็นอันมากก็คือ เรื่องมหาเสน่ห์ แต่ ณ ที่นี้ จะของดเว้นกล่าวถึงในส่วนรายละเอียด เพราะเกรงว่าอาจมีผลข้างเคียงในทางที่กลายเป็นการชี้โพรงให้กระรอก เพราะการบันทึกเรื่องราวไว้เป็นลายลักษณ์อักษรสิ่งตีพิมพ์นั้น เป็นสิ่งที่ควรอยู่ถาวร ทั้งสามารถแพร่หลายไปได้โดยกว้าง มิอาจจำกัด ควบคุม จำแนกรับรู้ข่าวสารได้ ไม่ได้มีข้อจำกัดเหมือนการเล่าด้วยวาจา ที่อาจเลือกเฟ้นผู้รับมีวงจำกัดในการเผยแพร่ และคงอยู่แต่ในเพียงความทรงจำ
    อีกทั้งการนำอิทธิคุณ ความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ของวัตถุบูชาแทนพระรัตนตรัย ไปใช้ในการเสริมสนองขุนเลี้ยงตัณหา โลภะ โทสะ โมหะ และการกระทำข่มเหงกดขี่ บีบบังคับ เอารัดเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ ย่อมมิใช่เจตนารมณ์ของการเกิดแห่งวัตถุบูชา และมิใช่วัตถุประสงค์ของท่านผู้สร้าง ผู้เสกวัตถุบูชา เหล่านั้น อิทธิคุณความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ของวัตถุบูชาแทนพระรัตนตรัยควรมีไว้สำหรับเพื่อการป้องกัน ปกป้องให้รอดปลอดพ้นจากทุจริตมิจฉากรรม จำกัดกรรมที่มิควรประสงค์มิให้บังเกิดหรือเสริมสนองเอื้ออำนวยกิจอันควรแก่การณ์เท่านั้น
    ด้วยข้อจำกัดของการสื่อสารที่มิอาจเฟ้นผู้รับการสื่อสารได้ เพื่อมิให้เกิดผลข้างเคียงในทางลบ แม้พระสมเด็จของหลวงพ่อจันทร์จักมีประสบการณ์มากมายในทางนี้ ก็ต้องกราบขออภัยที่จำเป็นต้องงดเว้นการกล่าวถึงวิธีการรายละเอียดแห่งการปรากฏผลด้านมหาเสน่ห์ของสมเด็จหลวงพ่อจันทร์ไว้ ณ ที่นี้
    อนึ่ง หลวงพ่อจันทร์ ได้มีข้อห้ามประการสำคัญข้อหนึ่ง สำหรับผู้ใช้บูชาพระสมเด็จของท่านนั่นคือ
    ห้ามอมพระ (ห้ามเอาพระใส่ปากอม) โดยเด็ดขาด
    เพราะจะทำให้เกิดเสน่ห์ธิคุณจนไม่อาจประมาณได้

    หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก
    ต้นตำนานพระสมเด็จ สุดยอดขุนแผนมหาเสน่ห์แดนทักษิณ
    ที่เป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใคร!
    (2)
    สวัสดีครับสมาชิกบ้านพุทธามหาเวท จากฉบับที่แล้วที่มีการเขียนถึง หลวงปู่จันทร์ ขันติโก วัดโฉลกหลำ เกาะพะงัน มีความตั้งใจจะให้รู้จักประวัติหลวงปู่จันทร์ ขันติโก ผู้ได้ฉายาว่า สุดยอดขุนแผนมหาเสน่ห์แดนทักษิณ แบบรู้จริงกันไปเลย
    เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีสื่อนิตยสาร หนังสือพิมพ์และสื่ออันใดออกมาให้ประวัติของหลวงปู่จันทร์ ขันติโก วัดโฉลกหลำ เกาะพะงัน แบบ “รู้ลึก รู้จริง” กันมาก่อน เนื่องจากชีวประวัติของท่านนั้นไม่มีผู้ใดจดบันทึกไว้อย่างเป็นหลักฐานแน่นอน มีเพียงแต่คำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ทันท่านยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น จะมีก็แต่บันทึกอันเล็กๆน้อยๆ ของทางวัดเท่านั้นที่พอมีข้อมูลอยู่บ้างแบบน้อยนิด อันนี้นับเป็นอุปสรรค ในการหาข้อมูลชีวประวัติของท่าน จึงยังไม่มีสื่อใดๆ เขียนประวัติท่านแบบรู้ลึกและรู้จริงมาก่อน
    จากหนังสือพุทธามหาเวทฉบับที่ผ่านมานั้น มีสื่อหลายสื่อจับตามองข้อเขียนและสื่อหลายสื่อติดต่อขอประวัติที่มีจากผู้เขียนเพื่อนำไปเผยแผ่ ทั้งยังมีที่จะนำไปสร้างเป็นหนังสือชีวประวัติของหลวงปู่จันทร์ ผู้ที่ได้ชื่อว่า สร้างพระขุนแผน มหาเสน่ห์ที่สุดยอดที่สุดในเมืองใต้
    นับต่อจากนี้ไปถ้าเราจะขนานนามท่านว่า หลวงปู่จันทร์ ขันติโก เทพแห่งสุดยอดขุนแผนมหาเสน่ห์แดนทักษิณ คงไม่เกินเลยไป เพราะพระเครื่องพิมพ์ขุนแผนที่ท่านสร้างรวมถึงพระสมเด็จหลากหลายพิมพ์ที่ท่านสร้าง ประสบการณ์จากวัตถุมงคลเหล่านั้นล้วนมากด้วยประสบการณ์ ด้านเสน่ห์ เมตตามหานิยม จนเป็นที่ยอมรับจากอดีตสู่ปัจจุบัน จนถึงวันนี้และวันต่อๆ ไปอีกนานเท่านานอย่างแน่นอน
    จากการที่มีการเขียนถึงการจำแนกพิมพ์พระต่างๆ ของหลวงปู่จันทร์ ในฉบับที่แล้วนั้น เป็นข้อสังเกตว่ามีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เพราะปัจจุบันนั้นไม่มีใครสามารถแยกพิมพ์พระหลวงปู่จันทร์ถูกทั้งหมด และไม่มีใครออกมาชี้ว่าพระพิมพ์ต่างๆ ที่กำลังเล่นหาในวงการพระเหล่านั้น “ถูก” หรือ “ผิด” กันแน่
    แต่จาการที่ลงพื้นที่เกาะพะงันด้วยตนเองและจากประสบการณ์ที่คลุกคีกับการสร้างพระมาทั้งชีวิต (อาศัยประสบการณ์ส่วนตัว) ในการดูความเก่าและการผสมมวลสารในการสร้างพระพิมพ์ในแต่ละภาค แต่ละเขตและแต่ละภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่ละที่จะมีการสร้างพระและการผสมมวลสารที่ไม่เหมือนกัน
    ในการหาประวัติรวมถึงการสร้างพระของหลวงปู่จันทร์ครั้งนี้นั้น ได้สืบเสาะจากผู้ที่มีการรู้เห็นการสร้างพระพิมพ์และแกะพระพิมพ์ต่างๆ รวมถึงผู้ที่มีส่วนในการสร้างพระ เช่น ผู้ที่ช่วยหลวงปู่จันทร์ ผสมมวลสาร และผู้ที่ช่วยหลวงปู่กดพระพิมพ์ต่างๆ และผู้ที่รู้เห็นการเขียนผง เคี่ยวน้ำมันเมตตา ที่หลวงปู่เป็นผู้สร้างพระพิมพ์ต่างๆ
    ฉะนั้นกล้าพูดว่า ไม่มีใครรวบรวมชีวประวัติและการสร้างพระพิมพ์ของหลวงปู่จันทร์ ขันติโก ได้ละเอียดและครอบคลุมได้เท่านี้มาก่อนแน่นอน
    การแยกพิมพ์พระต่างๆ และมวลสารหลักๆ ที่หลวงปู่จันทร์ใช้ในการสร้างพระเครื่องนั้น ได้อาศัยคำบอกเล่าของผู้ที่มีส่วนรู้เห็นในการสร้างพระพิมพ์ และพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ที่ชาวบ้านหรือพระในเกาะพะงันที่ได้รับจากมือของหลวงปู่จันทร์ และได้รับคำยืนยันถึงพิมพ์ทรงต่างๆ จากผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างพระพิมพ์ต่างๆ ของหลวงปู่จันทร์ และอาศัยประสบการณ์ในการดูพระเครื่อง (ส่วนตัว) ในการจำแนกแยกมวลสาร จากประสบการณ์ในการผสมมวลสารสร้างพระในภาคใต้และการแยกมวลสารและสิ่งที่ผสมต่างๆ ในพระเครื่องจากคำบอกเล่าของผู้ที่มีส่วนในการสร้างพระพิมพ์ต่างๆ ของหลวงปู่จันทร์ ขันติโก วัดโฉลกหลำ เกาะพะงัน จนแน่ใจและมีการตรวจทานกันหลายรอบ รวมถึงได้นำพระพิมพ์ในยุคต่างๆ ของวัดโฉลกหลำ มาเปรียบเทียบมวลสาร พิมพ์ทรง และ ความเก่าของพระเครื่อง จนสามารถแบ่งพระเครื่องวัดโฉลกหลำเป็นสามยุค ได้ดังนี้
    1. พระเครื่องที่หลวงปู่จันทร์ ขันติโก เป็นผู้สร้าง
    2. พระเครื่องที่หลวงปู่บุญ ขันติโก เป็นผู้สร้าง
    3. พระเครื่องที่สร้างขึ้นมาในยุคปัจจุบันที่สร้างโดยเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
    จากการจำแนกพระในแต่ละยุคนั้น ทำให้มีผู้ที่ไม่ทราบประวัติและพระพิมพ์ที่แท้จริงของวัดโฉลกหลำ จึงทำให้เกิดการสับสนในการจำแนกว่าพระเครื่องที่มีนั้นใครเป็นผู้สร้างกันแน่ เราจะมาทำความเข้าใจในการจำแนกพระพิมพ์ต่างๆ พร้อมกัน เพื่อความเข้าใจที่แท้จริงถึงความเป็นมาของพระเครื่องหลวงปู่จันทร์ ขันติโก วัดโฉลกหลำ เกาะพะงัน
    การสร้างพระเครื่องของหลวงปู่จันทร์ ขันติโก นั้น พระเครื่องจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะการแกะพิมพ์พระนั้นท่านจะแกะจากหินสบู่ และการนำพระออกจากพิมพ์นั้นจะต้องทำการงัดพระออกมาจากพิมพ์ เพราะฉะนั้นพระส่วนมากจะงอหรือโค้งตามการงัดพระออกจากพิมพ์ แต่ก็จะมีอีกส่วนที่มีการเคาะพระบนกระดานไม้เพื่อให้พระออกจากพิมพ์ (จากการบอกเล่าของหลวงตาลบ) ผู้ที่มีส่วนในการกดพิมพ์พระพระยุคแรกๆ ของหลวงปู่จันทร์นั้น จะมีขนาดใหญ่และแก่ปูน เพราะการสร้างนั้นมวลสารต่างๆ จะเน้นไปที่ผงพุทธคุณและปูนเปลือกหอย และที่สำคัญจะมีแร่ชนิดหนึ่งในองค์พระทุกองค์ไม่มากก็น้อย เพราะท่านจะใส่แร่ที่ว่านี้ทุกครั้งที่มีการผสมมวลสารเพื่อกดพิมพ์พระ(เดี๋ยวจะเขียนถึงแร่ว่าแร่อะไร)
    จากมูลเหตุนี้ พระพิมพ์ของท่านยุคนี้จะมีขนาดใหญ่และส่วนมากจะเป็นพระสมเด็จทั้งสามชั้น และห้าชั้น เจ็ดชั้นและเก้าชั้น แต่ขนาดจะใหญ่มาก
    และจากประสบการณ์ต่างๆ ของผู้ที่บูชาพระเครื่องไป จึงมีการขอให้ท่านสร้างพระที่มีขนาดเล็กเพื่อสะดวกในการแขวนบูชา ขอเรียกพระยุคนี้ว่า พระเนื้อผงผสมน้ำมัน หรือ(ผงน้ำมัน) ตามภาษาใต้
    พระในยุคนี้มีการสร้างออกมาหลายพิมพ์ ทั้งพระพิมพ์สมเด็จ, พิมพ์นางพญา, พิมพ์ขุนแผน, พิมพ์เล็บมือ, พิมพ์เมล็ดขนุน, พิมพ์พระประจำวันต่างๆ จะมีหลายขนาดทั้งใหญ่และเล็ก การสร้างพระยุคนี้จะมีการทำพิมพ์ทั้ง หินสบู่ และปูนขาว (เหมือนปูนพาสเตอร์) แต่วิธีดูพระยุคนี้ให้ดูที่การผสมมวลสารที่มีน้ำมันเป็นตัวประสานและแร่ ที่สำคัญพระยุคนี้จะมีการผสมว่านและเกสรดอกไม้ไหว้พระ(มวลสารจะมากกว่าพระยุคแรก) ที่สร้างจากผงผสมปูน แต่พระชุดนี้จะยังคงความหนาและใหญ่ไว้ ส่วนพระพิมพ์เล็กๆมี แต่เป็นส่วนน้อยและพระพิมพ์เล็กนั้นจะเป็นพิมพ์ที่มีการสร้างขึ้นโดยเฉพาะกิจ เพื่อการสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น
    พระพิมพ์นางพญาฝังแร่ที่หน้าท้อง พระจะเป็นพระขนาดเล็ก ที่ท่านตั้งใจสร้างเพื่อถวายแก่ผู้ที่มีบุญใหญ่ เพื่อประโยชน์สุขในกาลหน้า สร้างแค่ 56 องค์เท่านั้น ส่วนสมเด็จองค์เล็กๆ ที่สร้างในยุคนี้นั้น ท่านได้บอกขณะที่สร้างเอาไว้ว่า จะแจกให้ผู้ที่ติดตามผู้ที่มีบุญใหญ่ที่จะมาที่เกาะพะงัน (จากคำบอกเล่าของอดีตผู้ใหญ่บ้านเกาะพะงันที่ร่วมสร้างพระ)
    และหลังจากนั้นไม่นานเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินได้เสด็จประพาสเกาะพะงัน ตามคำทำนายของหลวงปู่จันทร์ และหลวงปู่ได้ถวายพระพิมพ์ต่างๆ และพระพิมพ์สมเด็จนางพญาฝังแร่แก่เจ้านายฝ่ายหญิง ไปจำนวนหนึ่งและหลวงปู่ได้เก็บไว้จำนวนหนึ่ง
    จากตรงนี้จะเห็นถึงญาณหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าของหลวงปู่จันทร์ ว่าเป็นข้อยืนยันถึงวาระจิตของท่านได้เป็นอย่างดี
    และพระยุคสุดท้ายแห่งชีวิตของหลวงปู่นั้นจะมีขนาดเล็กและบาง มีประมาณยี่สิบเอ็ดพิมพ์ ที่ท่านสร้างเอาไว้ และได้นำส่วนหนึ่งบรรจุลงกรุใต้ฐานพระประธาน พระยุคนี้จะมีมวลสารที่แตกต่างออกไปจากสองยุคแรกคือ จะมีเนื้อที่หยาบและเห็นมวลสารลอยอยู่บนเนื้อพระเต็มไปหมด และจะไม่มีแร่ เพราะแร่ได้หมดไปจากการสร้างพระยุคแรกแล้ว แต่จะมีส่วนผสมของทรายท้องทะเลใต้สมุทร จะมีแร่สีทองเล็กในเนื้อของพระเครื่องยุคนี้เกือบทุกองค์

    ประสบการณ์จากวัตถุมงคลในยุคต่างๆ ของหลวงปู่จันทร์ พระยุคแรก ที่เป็นผงพุทธคุณผสมปูนเปลือกหอย ท่านได้ให้พระยุคนี้แก่พระสงฆ์ที่มาศึกษาธรรมะและเรียนวิชากับท่านและชาวบ้านผู้ที่มาขอความช่วยเหลือในด้านทำมาหากิน รวมถึงเจ้าใหญ่นายโตต่างๆ ที่ต้องคดีความและแก้เหตุร้ายต่างๆ จนเป็นที่ยอมรับของผู้ที่บูชาพระเครื่องของท่านในยุคนี้มาก จนเกิดเหตุการณ์ที่ต้องสร้างพระเครื่องในยุคที่สองของท่าน
    พระยุคที่สอง ของท่านเกิดจากประสบการณ์ในยุคแรกๆ ที่มีขึ้นจนเกิดความต้องการพระเครื่องของท่านที่มากขึ้นและส่วนมากจะเป็นพระหนุ่มที่มาบวชและจำพรรษาที่วัดโฉลกหลำ และหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่บนเกาะและรวมถึงพวกชาวประมงที่มาอาศัยบังลมและมาทำการค้าบนเกาะพะงัน ทั้งคณะผู้ติดตามส่วนพระองค์และเจ้านายต่างๆ ที่มาที่เกาะพะงันที่ทราบถึงคุณวิเศษของพระเครื่องของท่าน จากคำบอกเล่าของผู้ที่บูชาพระและประชาชนชาวบ้านเกาะพะงัน
    พระยุคนี้จะเน้นไปทาง เสน่ห์เจ้าชู้ ถึงขนาดที่หลวงปู่จันทร์ ท่านต้องสั่งห้ามนำพระของท่านยุคนี้อมใส่ในปาก และ พระพิมพ์ขุนแผนห้าเหลี่ยมเนื้อผงน้ำมัน ในยุคนี้ นับเป็นพระเครื่องพิมพ์ที่สร้างชื่อให้ท่านจนพระเครื่องพิมพ์นี้ของท่านได้ ฉายาว่า ขุนแผนแดนใต้
    พระพิมพ์ขุนแผนในยุคของท่าน ท่านได้สร้างเอาไว้แค่พิมพ์เดียวเท่านั้น และมีจำนวนน้อยมาก เพราะท่านว่า พระพิมพ์นี้พุทธคุณด้านเสน่ห์มากถึงขนาดแค่พกโดยไม่ต้องอมพระก็นับเมียไม่ถูกแล้ว ท่านจึงสร้างแค่ครั้งเดียวและจำนวนน้อยมาก (เพราะหลวงปู่จันทร์ เป็นผู้กดพระพิมพ์นี้เองทุกองค์) จากผู้ที่รู้เห็นการสร้างพระของหลวงปู่จันทร์ และพระพิมพ์เล็กที่มีการสร้างในยุคนี้ ท่านก็จะกดเองทุกองค์ในเวลาว่างของท่านในแต่ละวันโดยไม่ให้ใครยุ่งกับพระพิมพ์เล็กพวกนี้เลย และท่านได้นำพระพิมพ์พิเศษต่างๆ เหล่านี้มาแจกในการประพาสของเจ้านายในสมัยนั้น
    พระยุคที่สาม ของท่านได้มีการสร้างจำนวนทีละมาก แต่พระส่วนใหญ่จะนำไปบรรจุกรุพระใต้ฐานพระประธานเป็นจำนวนมาก และพระพิมพ์ต่างๆ ของท่านในยุคนี้ได้มีการนำมาสร้างในยุคของ หลวงปู่บุญ ขันติโก เจ้าอาวาสองค์ต่อจากท่าน และหลวงปู่บุญองค์นี้ยังได้สร้างพิมพ์ต่างๆ เอาไว้อีกมากมาย การจะบูชาพระเครื่องหลวงปู่จันทร์ ขันติโก นั้นแนะนำว่าให้ท่านบูชา พระยุคแรก (ผงพุทธคุณผสมปูน) หรือ พระยุคที่สอง (เนื้อผงผสมน้ำมัน) จะดีกว่าเช่าพระในยุคที่สามที่มีส่วนคาบเกี่ยวกับพระเครื่องในยุคของหลวงปู่บุญ ขันติโก เพราะอาจจะทำให้สับสนได้ในความเข้าใจ ในบ้านพุทธามหาเวท ได้นำพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ของหลวงปู่จันทร์ ขันติโก มาให้บูชาสำหรับผู้ที่สนใจแล้ว พระที่นำมาให้บูชานั้นผ่านการคัดจากผู้ที่มีความรู้พระเครื่องของหลวงปู่จันทร์ ขันติโกทุกองค์ และพระเครื่องที่บ้านพุทธามหาเวทนั้นได้เช่าจากชาวบ้านแถววัดโฉลกหลำ หรือชาวบ้านบนเกาะพะงัน และพระเครื่องหลายองค์ที่นำมาให้บูชานั้น ได้เช่ามาจากผู้ที่รับพระเครื่องจากมือหลวงปู่จันทร์ ขันติโก เองเลย เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าทันหลวงปู่จันทร์แน่นอน
    และสำหรับผู้ที่มีทรัพย์น้อย ทางบ้านพุทธามหาเวทได้นำพระเครื่องในยุคหลังสุดของเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันมาให้บูชา เป็นพระที่มีการผสมมวลสารผงพุทธคุณที่หลวงปู่จันทร์เขียนและลบเอาไว้ รวมถึงมีส่วนผสมของน้ำมันเมตตาของหลวงปู่จันทร์ด้วย และได้ผ่านพิธีปลุกเสกโดยเกจิแนวหน้าของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และพระเครื่องชุดนี้ได้หมดจากวัดไปแล้ว โดกยพระเครื่องส่วนที่เหลือได้นำบรรจุกรุหลังบูรณะอุโบสถไปแล้ว
    พระเครื่องชุดนี้ได้ออกเนื่องในโอกาสบูรณะอุโบสถหลังเก่าของทางวัดโฉลกหลำ
    ในฉบับหน้าจะมาเล่าถึงประสบการณ์ต่างๆ ของพระเครื่องหลวงปู่จันทร์ ขันติโก และสุดยอดมวลสารที่หลวงปู่จันทร์ ผสมในพระเครื่องของท่าน
    อย่าช้านะครับสำหรับท่านที่สนใจวัตถุมงคลต่างๆ ของหลวงปู่จันทร์ เพราะพระเครื่องหลวงปู่จันทร์นั้นมีจำนวนน้อยมาก ส่วนพุทธคุณบอกได้คำเดียวครับว่า “สุดยอด” มิเช่นนั้นคงไม่ได้ฉายา ขุนแผนแดนทักษิณ มาครองหรอกครับ
    และอย่างที่รู้ เป็นเรื่องแปลก ผมเขียนถึงอะไร วันเวลาผ่านไปไม่นานหลังจากที่เขียนวัตถุมงคลนั้นๆ ราคาจะแพงมาก อันนี้คงมาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการเขียนและการที่ผมคัดสรรค์วัตถุมงคลและทดสอบก่อน เลยทำให้มีผู้ที่เชื่อใจอยู่ไม่น้อย
    เอาละครับขอบอกอีกครั้ง ถ้าท่านสนใจ...อย่าช้า เพราะหมดแน่ เนื่องจากพระมีจำนวนน้อยมาก ถ้าสนใจก็ติดต่อที่บ้านพุทธามหาเวทครับ ถ้าช้า...มีสิทธิ์อดได้ของดีไว้บูชาแน่นอนครับ

    หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก
    ต้นตำนานพระสมเด็จ สุดยอดขุนแผนมหาเสน่ห์แดนทักษิณ
    ที่เป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใคร!
    (3)
    สวัสดีครับสมาชิกบ้านพุทธามหาเวท เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับพระเครื่องของ หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก วัดโฉลกหลำ เกาะพะงัน นับเป็นพระเครื่องที่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเลยก็ว่าได้ครับ
    จากที่มีการเขียนถึงหลวงพ่อจันทร์ ในการสร้าง พระขุนแผน (มหาเสน่ห์แดนทักษิณ) มีหลายท่านสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อจันทร์ จึงสร้างพระได้ยอดเยี่ยมมากในด้านเสน่ห์ เมตตา ที่ยากจะหาผู้ที่สร้างพระได้พุทธคุณแรงมากมายถึงขนาดนี้
    จากประสบการณ์ส่วนตัวในการคลุกคลีกับการสร้างพระมานะครับ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะสร้างพระเครื่องที่จะให้ผลด้านเสน่ห์ เมตตา มหานิยม ต้องรู้จัก การตั้งกำเนิดมนุษย์ชาย-หญิง เสียก่อน ต้อง ชำนาญการเขียนผง ที่เรียกว่า ปัฐมังกำเนิด อย่างแตกฉาน จนสามารถ เสกผงให้มีชีวิตได้
    จากที่เรารู้กันว่า หลวงพ่อจันทร์สามารถเขียนผงและลบผง จนลอยอยู่บนเพดานได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ท่านสร้างพระที่ได้พุทธคุณ เสน่ห์ เมตตาแบบสุดยอดขนาดนี้ และจากประวัติท่าน ท่านยังสำเร็จ ยันต์เต่าเรือน จนถึงขนาด เสกจนมีชีวิตได้ พุทธคุณของผงยันต์เต่าเรือน สามารถใช้ได้ถึงขนาดทำให้ ผู้คนหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น
    และหลวงพ่อจันทร์ ท่านยังสำเร็จ นะเมตตา ร้อยแปดประการอีกด้วย จากที่เรารู้กันว่าท่านได้รับตำราของ ตาขาว มาเรียน (เป็นตำราเดียวกันกับ หลวงพ่อเพชร เสกจนมีชีวติได้ )
    จากประวัติเกจิอาจารย์ในจังหวัดภาคใต้ต้องยอมรับว่า หลวงพ่อเพชร ท่านเป็นเกจิแนวหน้าอีกท่านหนึ่ง และเป็นที่ยอมรับกันจากคนในภาคใต้ว่าเป็นพระสงฆ์อีกองค์หนึ่งที่ “อยู่เหนือโลก” ในแบบฉบับเดียวกับ พระครูเทพโลกอุดร ทั้งล่องหน หายตัว มีอายุยืน มีอิทธิปาฏิหาริย์มากมาย จนอยากที่จะหาใครทำได้แบบท่านได้ จึงมิแปลกที่หลวงพ่อจันทร์ ที่ศึกษาตำราเล่มเดียวกันถึงทำได้เหมือนกันกับหลวงพ่อเพชร
    จากที่ฉบับที่แล้วที่มีการพูดถึง แร่วิเศษ ที่นำมาเป็นมวลสารในการสร้างพระสมเด็จและพระขุนแผนของหลวงพ่อจันทร์ นั้น แร่ดังกล่าวเป็นแร่ที่เรียกว่า เหล็กไหลเกาะพะงัน เดิมนั้นจากคำบอกเล่าของพลวงพ่อจันทร์ ท่านว่าท่านได้แร่ก้อนนี้มาจากหลวงพ่อเพชร รับตกทอดมาเป็นรุ่นๆ ในครั้งที่ท่านจะสร้างพระท่านจึงนำแร่เหล็กไหลเกาะพะงัน มาเป็นมวลสารในการสร้าง แต่แร่มีจำนวนน้อย การสร้างพระท่านนั้นท่านสร้างเป็นจำนวนมาก แร่จึงไม่เพียงพอต่อการสร้างพระ ท่านจึงได้เข้ากรรมฐาน หาที่มาที่ไปของแร่
    จากการเข้ากรรมฐานของท่าน จิตวิญญาณที่ดูแลรักษาแร่เหล็กไหล จึงได้มาบอกถึงที่อยู่ของแร่ให้ท่านทราบ ท่านจึงได้ดูวันตามฤกษ์ยามที่ดี แล้วท่านจึงได้เดินทางไปอัญเชิญแร่วิเศษนี้มาเป็นมวลสารในการสร้างพระ แต่ท่านได้แร่เหล็กไหลมาแค่เท่าผลส้ม ท่านจึงนำแร่เหล็กไหลมาแบ่งให้มีขนาดเล็กลง (บด) แล้วจึงนำไปเป็นมวลสารในการสร้างพระของท่าน
    จากคำบอกเล่าของผู้ที่ติดตามหลวงพ่อจันทร์ไปอัญเชิญแร่เหล็กไหล แร่เหล็กไหลชนิดนี้อยู่ ที่ ถ้ำในน้ำตกแพง เกาะพะงัน จากคำบอกเล่าหลวงหลวงพ่อจันทร์ท่านว่า เหตุที่เกาะพะงัน ไม่เคยโดนลมพายุ หรือภัยธรรมชาติเลย มาจากคุณวิเศษของแร่เหล็กไหลเกาะพะงัน ที่อยู่ในถ้ำน้ำตกแพง นี้แหละจึงทำให้เกาะพะงันทั้งเกาะรอดพ้นจากภัยต่างๆ
    แต่หลังจากที่หลวงพ่อจันทร์ ได้ มรณภาพไปแล้ว ในยุคของ หลวงพ่อบุญ ได้พยายามไปอัญเชิญแร่เหล็กไหลที่น้ำตกแพงอีกหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จึงทำให้แร่เหล็กไหลเกาะพะงัน ที่นำมาเป็นมวลสารในการสร้างพระหมดไปในยุคของหลวงพ่อจันทร์ ขันติโก
    วิธีดูแร่ชนิดนี้ในวัตถุมงคลของหลวงพ่อจันทร์ จากที่ผมมีโอกาสได้เห็นแร่ชนิดนี้ที่เป็นก้อนขนาดใหญ่กว่าหัวไม้ขีดเล็กน้อยใน พระพิมพ์นางพญา ที่สร้างถวายเจ้านายฝ่ายหญิง ที่หลวงพ่อจันทร์ สร้างไว้เพียงแค่ 56 องค์เท่านั้น และคนบนเกาะพะงันได้รับพระพิมพ์นี้จากหลวงพ่อจันทร์ ไว้จำนวนหนึ่ง จึงทำให้มีโอกาสได้ดูได้เห็นแร่ชนิดนี้เป็นก้อน
    ลักษณะของแร่เป็นก้อนเหมือน เพชรหน้าทั่ง แต่ผิวไม่เรียบ สีนั้นมีหลายสีในก้อนเดียว แต่จะไม่มีประกายแวววาวให้เห็น (ถ้าหยิบพระตั้งตรงๆ) แต่ถ้าค่อย ๆ ตะแคงข้างจะเห็นแร่มีสีแดงเหมือนเลือดนก แต่ถ้าค่อยๆ ตะแคงต่อ จะเห็นแร่เป็นสีน้ำเงิน และถ้าตะแคงกลับมาจะเห็นแร่เป็นสีเงินยวง และถ้าตะแคงอีกจะเห็นเป็นสีส้ม
    อันนี้เป็นวิธีดูแร่ชนิดนี้ที่เป็นก้อน แร่ชนิดนี้มีวิธีดูแบบนี้ และไม่มีในแร่อื่นแน่นอน ส่วนที่เป็นมวลสารในการผสม (บดเป็นผง) ในพระขุนแผนและพระสมเด็จ ถ้าท่านจะดูแร่นี้ให้ท่านนำพระไปที่มีแดดจัดๆ และให้ท่านจับพระพลิกไปมา จะเห็นแร่นี้เป็นสีต่างๆ ในพระ (แล้วแต่แร่จะฝังไปแบบไหน)
    แร่ชนิดนี้พอถูกบดแล้วมีขนาดเล็กนั้นจะใหญ่ประมาณปลายเข็ม (เล็กมาก) ต้องอาศัยแว่นส่องพระที่ตัดแสง
    ท่านจะรู้ได้ไงว่ากล้องส่องพระท่านตัดแสง ?
    มีวิธีง่ายๆให้ท่านนำกล้องส่องพระที่ท่านมีไปหาหลอดไฟฟ้าที่ไหนก็ได้ ให้ท่านเปิดไฟแล้วดูสีของหลอดไฟในกล้องส่องพระ ถ้ามีสีเดียวกับหลอดไฟ แสดงว่าเป็นเลนส์ตัดแสงแน่นอน แต่ถ้าเห็นสีหลอดไฟนีออนเป็นสีส้ม แสดงว่าเลนส์ท่านไม่ตัดแสง แต่ถ้าเป็นเลนส์ตัดแสง ท่านก็จะส่องสีของแร่เหมือนที่ผมบอกไปนั้นแหละแน่นอน
    ถ้าท่านอยากเห็นแร่เป็นก้อนๆ เป็นเช่นไร ให้ท่านไปดูได้จากพระองค์จริงที่ บ้านพุทธามหาเวท เพราะผมได้ขอเช่า พระนางพญา ที่ฝังแร่เหล็กไหลเกาะพะงันเป็นเม็ดมาด้วย แต่ราคาขอบอกแพงมาก เพราะสร้างน้อยและจากความเชื่อชาวบ้านว่า เหล็กไหลราคาแพง จึงทำให้พระพิมพ์นี้ราคาค่อนข้างแพงสักหน่อย และยิ่งพระพิมพ์นี้สร้างมาเพื่อถวายเจ้านายด้วยแล้ว ยิ่งเหมือนไปสร้างความหวงแหนแก่ชาวบ้านเข้าไปอีก
    แต่ก็อย่างว่านะ ผมให้การพูดที่ดีแบบเป็นมิตรเลย ได้มาไม่ยากนัก บวกกับเงินสดๆ เลยคุยง่าย ขึ้นอีกโข อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ
    จากการที่ผมตัดสินใจเช่าพระนางพญาฝังแร่เหล็กไหลกลับมาด้วย คือผมคิดว่า ถ้าไม่ดีจริงหลวงพ่อท่านไม่เจาะจงถวายพระพิมพ์นี้ให้เจ้านายฝ่ายหญิงหรอก (แต่ขอบอกหลวงพ่อจันทร์ท่านเคยบอกไว้ว่าผู้ชายก็ใช้ได้)
    และที่สำคัญ ผมมองอีกมุมหนึ่งถึงคุณค่าของแร่เหล็กไหล ที่ไม่มีใครอัญเชิญได้อีกแล้ว ว่าเป็นของที่มีเงินก็หาไม่ได้ ก็ผมเคยเห็นเขาซื้อขายเหล็กไหลกันราคาเป็นสิบล้าน ขนาดก็เท่าเม็ดถั่วเขียวเอง เหล็กไหลที่ฝังในพระใหญ่กว่าอีก ราคาทั้งแร่ทั้งพระเพียงแค่ครึ่งแสนเอง ผมว่าถูกมาก เลยตัดสินใจเช่ามา เพราะมองว่าคนที่ต้องการของจริงมีมากที่ไม่เกี่ยงราคา
    และที่สำคัญ ผมมองว่าผมยังชอบเลย มันก็ต้องมีคนที่ชอบแบบผมมั่งแหละ ส่วนท่านที่สนใจจะชมบารมีของแร่ชนิดนี้ที่เป็นเม็ด ก็ไปชมได้ที่ บ้านพุทธามหาเวท (ถ้าพระยังอยู่)
    หากท่านสนใจพระนางพญาแล้วอยากได้ไว้ครอบครอง ก็ไปคุยกับบ้านพุทธามหาเวทเอานะครับ ถ้าเป็นสมาชิกคงคุยง่ายอยู่แล้ว บก.ใจดีจะตาย คุยง่าย...
    ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อจันทร์ ขันติโก
    เป็นประสบการณ์จาก คุณนิรัส ซึ่งเป็นพนักงานประจำของบริษัทประกันแห่งหนึ่ง (ขอสงวนไว้หน่อย) มีหน้าที่ไปประนอมหนี้กับผู้เสียหาย จากที่ทำงานมาหลายปี เจอเคสหนักๆ หลายครั้งก็มักผ่านไปได้ด้วยดี เพราะฝีมือที่ทำงานนี้มานาน
    โดยส่วนตัวคุณนิรัส มีความเชื่อพุทธคุณในองค์พระเครื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากการที่ทำงานมานานจึงมีเงินเช่าพระราคาแพงๆ ไว้บูชามากมาย ทั้งสมเด็จในชุดเบญจภาคี มีแล้วทั้งสิ้น และยังมีความชอบและนับถือพระหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เป็นการส่วนตัวอีกด้วย
    โดยปกติก่อนหน้านี้ คุณนิรัส จะบูชาพระหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม เป็นประจำและยังบูชาพระอื่นๆ ขึ้นคอตามโอกาสที่มี จากการที่ทำงานด้านนี้และเจอคดีมามาก จึงมีประสบการณ์กับพระเครื่องพอสมควร (จากคำบอกเล่าของคุณนิรัส) แต่ส่วนมากจะเป็นแบบค่อยๆ ดีขึ้น ไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมมากนัก
    แต่หลังจากที่คุณนิรัส ได้รับคำแนะนำให้ลองบูชา พระสมเด็จของหลวงพ่อจันทร์ ขันติโก ดู ก็ได้พบเจอประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอแบบเป็นรูปธรรม แบบจะๆ หลายครั้ง เช่น
    จากที่เจ้านายมักไม่ค่อยชมเกี่ยวกับเรื่องงาน หลังจากที่บูชาพระสมเด็จของหลวงพ่อจันทร์ ก็ทำให้เจ้านายเมตตามากขึ้นจนเห็นได้ชัด
    และถ้าหากต้อง เคลียร์คดีเกี่ยวกับประกัน ก็มีความรู้สึกว่าอะไรที่ว่ายาก ก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ไปเลย
    และจากที่เงินเคยขาดมือในบางครั้งบางโอกาส แต่หลังจากที่บูชาพระสมเด็จติดตัวไว้ก็ไม่เคยเงินขาดมืออีกเลย
    และที่สำคัญ มักมีโชคลาภเข้ามาเรื่อย ๆ อีก
    นับว่าเป็นพระที่มีพุทธคุณที่มองเห็นเป็นรูปธรรมเลยก็ว่าได้ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์จากคุณนิรัส
    หากคุณบูชาพระเครื่องของหลวงพ่อจันทร์ ขันติโก แล้วมีประสบการณ์ที่จะมาบอกเล่าให้สมาชิกได้อ่านก็เขียนจดหมายมาที่
    คุณ “คนใต้วิชาสายเขาอ้อ”
    58/135 ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
    หากประสบการณ์ของท่านได้ลงในบ้านพุทธามหาเวท ผม (คนใต้วิชาสายเขาอ้อ) จะมีของสมนาคุณให้กับเจ้าของประสบการณ์ที่ได้ลงในบ้านพุทธามหาเวท
    และในฉบับหน้าเราจะมาพูดถึงพระหลวงพ่อจันทร์ ขันติโก พิมพ์ขุนแผน ที่สร้างชื่อให้ท่าน ถ้าสมาชิกท่านใดสนใจพระของหลวงพ่อจันทร์ ขันติโก ให้ติดต่อที่บ้านพุทธามหาเวท เท่านั้น รีบหน่อยนะครับพระมีจำนวนจำกัด


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มกราคม 2013
  11. crodile

    crodile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    4,475
    ค่าพลัง:
    +7,765
    55555555555555ต้องรีบคุยก่อนหมดโอกาสคุยท่านพี่....มันค้างมาตั้งแต่เมื่อคืนคุยไม่ทันพรรคพวก...วันนี้เลยมานั่ง..ถอน..อยู่คนเดียวครับท่านพี่55555
     
  12. พีร

    พีร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2012
    โพสต์:
    2,423
    ค่าพลัง:
    +7,409
    อยากเจ้านาย นิยมชมชอบ เป็นที่รักของเพื่อนๆ ก็ต้อง สมเด็จหลวงปู่จันทร นี้แหล่ครับ สุดยอด:cool:
     
  13. pepsi5510

    pepsi5510 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +1,420
    แวะมาเยี่ยมเยียนครับ...
    เฮีย...ชัยแฟนคลับเพียบเลยนะครับ...
     
  14. EYEOFVENUS

    EYEOFVENUS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2012
    โพสต์:
    944
    ค่าพลัง:
    +1,873
    ขอเข้ามาตามมอ่านครับ

    จำได้ว่าสมัครเว็ปครั้งแรกก็เข้ากระทู้พี่ชัยให้พี่ชัยช่วยตอบสมเด็จให้ 555

    แต่ก่อนดูไม่เป็นเลยครับ ตอนนี้เริ่มตาสว่างก็ได้พี่ๆในนี้ละครับ ทีช่วยตอบ PM

    ขอขอบคุณที่ท่านนะครับที่ตอบผม รู้สึกดีใจที่รู้จักเว็ปนี้

    วันนี้ไปเดินซื้อกล่องเก็บพระ พกหลวงพ่อเงินวัดดอนยาหอมไป

    เลยอยากรู้ว่าแท้ปลอม ไปถามแต่ละร้านเขาบอกไม่เปิดราคาไม่ดูให้

    งั้น ผมขอรบกวนพี่ๆในนี้ดูให้ผมหน่อยแล้วครับกัน



    [​IMG]
     
  15. crodile

    crodile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    4,475
    ค่าพลัง:
    +7,765
    หวัดดีครับป๋า...มีอาไรให้ผม..ใช้รับ...ก็บอกมาได้เลยครับท่าน....ผมพร้อม..รับและใช้ของป๋า..ไปตลอดครับ...เห็นแต่ละองค์...แล้วย้ำยายหยัย...ครับป๋า...เอามาให้ลูกหลาน..ชมเป็นบุญตาเื่รื่อยๆนะครับ...5555555
     
  16. crodile

    crodile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    4,475
    ค่าพลัง:
    +7,765
    หวัดดีน้อง...พวกมันใจแคบอย่าไปสนใจเลยนะ..มาห้องนี้..พี่ๆน้องๆ..ใจกว้างกว่าทะเลอีกท่าน...ไม่ได้เค็มนะ5555555หลวงพ่อเงินดูคร่าวๆ..ผมว่าดีนะ..หัดถ่ายรูปเต็มๆองค์อย่าซูมเฉพาะหน้ามันดูยาก......
     
  17. atomicint

    atomicint เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +121
    ขออนุญาติคารวะพี่ชัย 1 ดอกครับ
    เมื่อก่อนหลงทางเด๋วนี้หลงหนักกว่าเดิม หรือป่าวไม่แน่ใจ
    คราบที่ไม่เคยเห็นจริง ก็โยนหินถามทางไปเรื่อยๆ
    ผมหัวช้าาาาา แต่ขายาว เน้นก้าวกระโดด
    คึกคักมากครับกระทู้นี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02899.JPG
      DSC02899.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.6 MB
      เปิดดู:
      111
    • DSC02900.JPG
      DSC02900.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.6 MB
      เปิดดู:
      85
    • DSC02897.JPG
      DSC02897.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.4 MB
      เปิดดู:
      72
    • DSC02898.JPG
      DSC02898.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.3 MB
      เปิดดู:
      122
  18. pepsi5510

    pepsi5510 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +1,420
    ฮ่าๆๆๆๆมารบกวนให้ดูตูด เฮ้ยย..ไม่ใช่ ให้ดูหลังพระด้วย กร๊ากๆๆๆ

    <img src='http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/17170/17170519ca9a9a26893deccd88c0e5f3996b458a.jpg' /><br /><font size='1'><a href='http://www.xn--12c5cgw1fub.com' target='_blank'>ฝากรูป</a></font>

    เป็น ไงครับผม...
     
  19. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025

    ไอ๋หยา ไม่ทราบหรอกครับ แต่ถามว่าเก่ามั้ย ก็เก่านะครับ แต่ถามว่ามากมั้ย ถ้าจะเิอาความเห็นตรงๆนะครับ น้าลองดูว่าเนื้อกระเทาะระเบิด เป็นหลุมเลยนะครับ ด้านหลังกลางๆ รอยเนื้อกระเทาะ มันเเปลกอยู่นะครับ คล้ายๆเคลือบเอามาอบต่อ ดูแปลกๆตาจัง แต่ก็แบบน้าว่านะครับ พระไม่น่าปลอมเพราะผิดพิมพ์เยอะ แต่ผมก็เชื่อว่าน่าจะมีคนคิดว่าเป็นสมเด็จ นอกพิมพ์ หรือยุคต้น แต่ผมว่าไม่น่าถึงยุคครับ
     
  20. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    หันหลังชน ป๋าเป๊ป ซักองค์ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...