จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    สติ ปัญญา เราใช้ปัญญาอยู่เสมอก็จริง

    แต่สตินั้นแท้จริงแล้ว เรานำออกมาใช้น้อยนัก

    ทั้งที่สตินั้นมีคุณค่ากว่าชีวิต

    และจำเป็นแก่ชีวิตประจำวัน

    สตินี้มีคุณค่าเหลือที่จะประมาณได้

    ขาดสติเมื่อไหร่จงจำไว้ปัญหามี

    ท่องจำไว้สติดี ไม่มีปัญหาเกิด.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2013
  2. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    (k) ม่ะเป็นไรค่ะ ครูนก..พี่พอใจไม่ซีเรียส ทราบใจครูนกค่ะว่า จะกดอนุโมทนา .. สาธุค่ะ
     
  3. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ภูทยานฌาน2
    สวัสดีครับ คุณพี่พอใจ
    คนน่ารักเสมอๆ สำหรับพวกเรา
    หมู่นี้อารมณ์จิตดีแล้วนี่ครับ
    ป่านนี้ผมยังไม่ได้โทรหาเลย ฮ่าๆ
    ยังไม่ลืมๆ เดี๋ยวโทรทีเผลอ


    ถึง อ.ใหญ่ภูไม่โทร. ก็ไม่เป็นไรคะ(แต่ก็รออยู่นิ..) แค่อยากฟังให้ชื่นใจ..เห็นครูเพ็ญบอกว่าเสียงหล่อมาก ขอบพระคุณในเมตตาที่ท่านมีต่อพี่พอใจนะคะ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พี่พอใจได้มาในชีวิตก่อนจะสิ้นลมหายใจ ได้กราบพระบาทองค์สมเด็จพ่อ..ก็สุดยอดแล้วค่ะ รักพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนนะคะ

    เรามี อ.ใหญ่ภู ครูใหญ่เพ็ญ เป็นหลัก ยังอีกทั้ง ครูวิทย์ ครูนิวเวป ครูน้องหนู ครูเมิล ครูสุภาทร ..และอีกหลาย ๆ ครู และทั้งจิตบุญ จิตบำเพ็ญ จิตเกาะพระ ทุกครั้งที่พี่พอใจระลึกถึง อ.ใหญ่ภู จะเห็นภาพโคมไฟระย้าลอยเป็นสายขึ้นเบื้องสูง เหล่าจิตบุญทั้งหลาย เราจะจูงมือกันลอยต่อเนื่องอย่างไม่ขาดสาย..เพื่อหาสมเด็จพ่อของพวกเรา ที่เราทุกคนยึดเหนี่ยว องค์สมเด็จพ่อท่านทรงสร้างและดลจิตให้พวกเรา..เหล่าชาวจิตเกาะพระ มาร่วมแรงร่วมใจกัน นำพาลูกหลานท่านกลับบ้านค่ะ...
     
  4. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    (k) คิดถึงน้องครูเกษอยู่เสมอ ๆ เช่นกันค่ะ ไม่ได้โพสแต่ก็อ่านธรรมะที่พี่ ๆ น้อง ๆ ส่งบ่อย ๆ ค่ะ เห็นพี่ ๆ น้อง ๆ ร่วมแรง ร่วมใจ คนละไม้คนละมือ ช่วยเหลือจิตบุญที่อินทรีย์ยังอ่อน ก็ดีใจ เราไม่มีใครทิ้งใคร จูงมือกันไปน่ารักดีค่ะ ...

    (k)ธรรมะของพระพุทธเจ้ายิ่งสัมผัส ยิ่งทำให้สมองแตกฉาน ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างที่พระพุทธองค์ตรัส อย่างไม่มีข้อโต้แย้งได้เลยค่ะบางสิ่ง บางอย่างที่เราเคยไม่เข้าใจ ตอนนี้ เข้าใจ ยอมรับ เพราะประสบด้วยตนเอง พระท่านทรงทดสอบจิตเราครั้งแล้ว ครั้งเล่า..เราผ่านหรือไม่ผ่าน สติ ๆ ๆ

    สติหลุด ญาณตกกระป๋อง กลายเป็นมนุษย์ติ๊งต๊องงงงงง ..ไปเลย

    คิดถึงคุณลินดา ปายพายเรืออยู่ไหนน๊อ...
     
  5. phiung_ay

    phiung_ay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +895
    เฉยลค่ะ

    ตัวเลขเขียนแค่ครั้งเดียว แค่มองคนละมุม
    หันมามองมุมเดียวกันสิคะ ของบางอย่างก้อมีเป้าหมายอันเดียวกัน
    แต่มองกันคนละมุม ก้อเห็นต่าง คิดต่าง ทำไมม่รวมกันเป็นหนึ่ง
    แล้วค่อยๆพากันเดินไป....(จะได้ไม่ตกบ่อ) อิอิ แบร่ๆ>.<​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    สติ
    ตอนที่ท่านโพธิธรรมเดินทางไปเผยแผ่ธรรมะที่ประเทศจีน การสอนของท่านก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงแก่ลัทธินิกายต่างๆในจีนขณะนั้น มีการท้าทายการต่อสู้ขึ้น พระจักรพรรดิราชวงศ์หวู ทราบข่าว ว่าท่านพูดถึงเรื่องการทำบุญมาแล้วไม่ได้บุญของพระจักรพรรดิ์ จึงเป็นที่ขัดเคืองพระทัย เพราะพระองค์ได้เป็นองค์อัครสาศานูปถัมภกที่สำคัญ พระภิกษุไม่ว่ามาจากไหนท่านรับอุปถัมภ์หมด สมัยนั้นมีพระสงฆ์เป็นล้านๆรูป เพราะใครบวชจะได้รับการยกเว้นให้เป็นทหาร ใครไม่มีที่อยู่ ไม่มีข้าวกินก็มาบวชกันหมด ที่นี้เขาก็ใช้ประเพณีนี้เป็นโอกาสเข้ามาบวชโดยไม่ต้องมีศรัทธาแต่ประการใด
    ท่านตั๊กม้อ อาจเฝ้าดูเหตุการณ์นี้อยู่จึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงกล่าวไปว่า ทำบุญแบบนี้ไม่ได้บุญ เพราะไปสนับสนุนคนเข้ามาบวชด้วยเงื่อนไขอื่น ไม่ใช่ด้วยความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา จักรพรรดิ จึงสั่งคนไปเชิญท่านมาถึงสามครั้ง ครั้งที่สามเป็นการบังคับท่านจึงมา แล้วจักรพรรดิก็ถามเชิงต่อว่า
    ทำไมท่านถึงไปสอนอย่างนั้น พระองค์ทำทุกอย่างเพื่อพระศาสนา ด้วยความศรัทธา สร้างทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งบวชพระภิกษุจำนวนมาก แล้วทำไมท่านจึงบอกว่าไม่ได้บุญ

    ตรงนี้ท่านโพธิธรรมสังเกตเห็นจักรพรรดิมีอารมณ์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ท่านจึงชี้หน้าพระจักรพรรดิแบบไม่เกรงใจเลย ไม่เกรงกลัวเลยว่า

    พระองค์ทำบุญมาเยอะก็จริง แต่บุญไม่ได้ช่วยอะไรท่านเลย จงสังเกตใจของท่านในขณะที่สนทนากับอาตมานี้ดูสิ ว่า ท่านยอมรับความจริงไหมว่า จิตใจของท่านกำลังขุ่นมัวเศร้าหมองอย่างรุนแรง ไม่พอใจถึงกับขนาดจะสั่งฆ่าพระอย่างอาตมาได้ แล้วบุญที่ท่านว่าทำมาเยอะๆมันหายไปไหนหมด ทำไมมันไม่มาช่วยท่านแม้แต่น้อย ถ้าบุญที่ท่านทำมีผลจริงมันต้องมาช่วยให้ใจท่านไม่โกรธสิ..............

    จักรพรรดิท่านเป็นคนมีปัญญา ยอมรับความจริง คุกเข่าก้มกราบว่า ใช่ และถามไปว่าทำบุญอย่างไรจะให้ได้บุญ
    พระโพธิธรรม จึงปลอบให้กำลังใจจนท่านรู้สึกสบายในระดับหนึ่ง แล้ว สั่งว่า

    พรุ่งนี้ไปพบอาตมาตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนสว่างประมาณตีห้า ที่วัดองค์เดียวห้ามใครตามแม้แต่คนเดียว แล้ว อาตมาจะช่วยชำระจิตที่ขุ่นมัวให้แก่พระองค์

    การวัดใจครั้งนี้ผ่าน พระองค์เดินทางไปองค์เดียว ตามสัญญา พอไปถึงก็เห็นท่านพระโพธิธรรมถือไม้เท้าเดินรออยู่หน้าวัด ก็เสด็จเข้าไปกราบ ท่านออกคำสั่ง ชี้ให้นั่งตรงที่กลางสนามหญ้าหน้าวัด พร้อมกำชับว่า

    นั่งอยู่ตรงนี้ ห้ามลุกไปไหนจนกว่าอาตมาจะสั่ง และให้ลืมตา ตามรู้ดูกายให้ทั่วถึง ให้เฝ้าดูกายที่เคลื่อนไหว ใจที่นึกคิด ให้ตามทุกๆส่วน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ให้ตามดูมันเรื่อยๆ ให้เฝ้าสังเกตความรู้สึกตัวทั้งที่สบายและไม่สบายไปเรื่อยๆ และสังเกตใจทั้งที่คิดและไม่คิด เวลาคิด จิตเป็นอย่างไร เวลาไม่คิดจิตเป็นอย่างไร

    ท่านนั่งอยู่ตั้งแต่ตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้าตามที่พระโพธิธรรมบอกอย่างเคร่งครัด จิตท่านก็เกิดการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว ท่านรู้สึกถึงสภาวะกายที่โล่งโปร่งสบาย ใจว่างเปล่า เหมือนไม่มีกาย ไม่มีจิตในห้วงสำนึก เหลือเพียงตัวรู้(รู้สึกตัว)ล้วนๆ พระโพธิธรรมหยั่งรู้วาระจิตพระองค์ จนกระทั่งท่านเห็นว่า สภาวะจิตขององค์จักรพรรดิหวู ได้เข้าถึงการสิ้นสุดการต่อสู้กับความคิดตัวเองอย่างราบคาบสิ้นเชิงแล้ว ท่านก็เดินเข้ามาหาแล้วถามว่า

    บัดนี้ท่านบอกอาตมาได้ไหมว่า จิตที่เคยขุ่นมัว เกรี้ยวกราดโกรธของท่าน ยังมีเหลืออยู่หรือไม่........................

    พระองค์จึงตอบว่า

    ไม่ปรากฏเลยขอรับท่าน ที่จริงแล้วมันไม่มีทั้งกายทั้งจิตมาก่อน เพราะมีความคิดปรุงแต่ง ความขุ่นมัวและอารมณ์ต่างๆจึงมี เมื่อไม่มีสังขารจิต ความคิดและอารมณ์มันจะมาจากไหน

    ปรากฏว่า จิตของพระจักรพรรดิหวู ได้เข้าถึงสภาวะที่เรียกว่า
    สุญญตาจิต

    (คัดลอกมาจาก หนังสือ สืมตาเคลื่อนไหว ใจฮู้ซื่อๆ คือ หลวงพ่อเทียน)
     
  7. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  8. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]


    วงอาทิตย์ส่องแสงสว่างเข้าไปในปล้องไม้ไผ่เล็ก ๆ ไม่ได้

    เหมือนมนุษย์หากปิดกั้นตนเองทุก ๆ ด้านด้วยอวิชาแล้วไซร้

    แสงแห่งธรรมจักไม่สามารถส่องเข้าไปถึงใจดวงนั้นได้

    ***

    เราต้องเปิดใจรับแสงแห่งธรรมะนั้นเสียก่อน

    ความสุขสวัสดิ์พิพัฒน์มงคลจึงจะบังเกิดแก่ใจเราตลอดกาลนาน



    (คัดลอกมาจาก oknation)
     
  9. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ความคิดของมนุษย์นั้น มีความแตกต่างกันมากมาย คือ "ตามภูมิปัญญา" ของคนนั้นๆที่จะมีความนึกคิดของเขาเอง ท่านจึงได้ให้ธรรมเอาไว้ว่า "อย่าพึงเชื่อในสิ่งที่เราได้ยินได้ฟังมา และอย่าพึงเชื่อสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และอย่าพึงเชื่อในสิ่งที่เราได้เห็นมา และอย่าพึงเชื่อแม้เรายังไม่ได้ทําเอง รู้เห็นเอง และปฏิบัติเอง ต้องทําเอง และรู้ผลเองก่อนนั้นแหละจึงจะใช่" และเข้าใจ ในเจตนาของบุคคลนั้นๆ ก็ตามถ้าบุคคลนั้นมีเจตนาที่ดี แล้วยอมนําผลมาสู่ความเจริญงอกงามของสังคมนั้นๆ จึงให้นําธรรมมาใคร่ครวญดูว่า "เจตนา" และความคิดเห็นในสิ่งนั้นๆถูกหรือผิด และท่านก็จะอยู่ได้ในสังคมแบบมีสุขทุกเมื่อค่ะ.
     
  10. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    สิ่งที่ต้องรู้จักโดยแท้จริง ก็คือขันธ์ ๕ มิใช่ตน

    พอเห็นเป็นตนเมื่อไร มันก็กัดเอาเมื่อนั้น มันก็กัดเอาอย่างมากๆ

    ยึดถือเป็นของกูเท่าไร มันก็จะมีทุกข์มากเท่านั้น

    แต่ถ้าว่ามีดมันบาดกูแล้ว มันก็เหมือนขาดใจ

    นี่จงระวังกันให้ดี มันจะได้เป็นทุกข์กันน้อยลง

    โอวาทธรรม.....หลวงปู่พุทธทาสภิกขุ

    คัดจากเรื่อง ขันธ์ ๕ ที่ตั้งแห่งความเห็นแก่ตัว.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2013
  11. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    วิมุติสุข เกิดจากจิตนิ่งสงบเมื่อจิตนิ่งแล้วก็จะเกิดความวางๆทุกอย่างคือสุขก็ไม่เอา ทุกข์ก็ไม่เอา สุขเกิดเดี๋ยวก็ดับ ทุกข์เกิดเดี๋ยวก็ดับ ให้เห็นเป็นอยู่อย่างนั้น มองทุกอย่างให้เป็นกฏของไตรลักษ์ แล้วอนัตตาจะเกิดกับจิต วางทุกอย่างแล้วจะเกิดความว่างแล้วก็จะเลยความว่าง มองเห็นเป็นอากาศ สูญญากาศที่ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณหาขอบเขตไม่ได้นะ. ขอแนะนำการแยกกายแยกจิต ก็คือเมื่อเราเห็นมือจะจับอะไรก็ให้มีสตินึกรู้ว่ามือนี้ไม่ใช่ของเรา เดินอยู่ก็ให้นึกรู้ว่าเท้าและขานี้ไม่ใช่ของเรา เวลาส่องกระจกมองไปที่กระจกก็ให้มีสตินึกรู้ว่าทุกส่วนที่มองนี้ไม่ใช่ของเราเลย แยกทุกส่วนให้ได้ให้หมด เมื่อทำได้แล้วจิตมันจะไม่ยึดติดกับกายและจิตกับสติจะมองดูกายเคลื่อนไหวแบบไม่ยึดติดคือกายมีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป จิตกับสติต้องติดกันตลอดเวลาอย่าให้แยกห่างออกจากกัน สติจะไปสอนจิตและจิตจะกลับมาสอนสติ เมื่อจิตกับสติรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วจะเกิดจะเกิดมหาสติ จะเกิดปัญญา มีญานยั่งรู้ เกิดปัญญาญาน มีธรรมะเกิดขึ้น ธรรมมะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากปัญญาญานที่พุดขึ้นมา ธรรมะจะมาสอนจิตเรา จิตเราจะรับรู้ๆๆๆเมื่อมีปัญญาญานเกิดขึ้นแล้วจิตเราจะมีเกาะป้องกันเวลาทุกข์มาเราก็รู้ มันจะปะทะออกไปทันที สุขมามันก็จะปะทะออกไปทันทีกิเลสมาก็จะปะทะออกไปทันทีคือจิตมันบอกว่าข้ารู้แล้ว ข้าไม่ยึดๆอะไรเลย เมื่อเราไม่ยึดอะไรแล้ว เราก็จะแยกออกว่าทุกสิ่งมันเป็นสิ่งสมมุติ เช่นกิเลสมันเกาะติดมาหลายภพหลายชาติกับตัวเราเพราะฉนั้นก็ต้องใช้เวลาขับไล่มัน ออกไป ทีนี้ก็อยู่ที่กรรมดี และกรรมชั่วของแต่ละดวงจิตที่ได้สั่งสมมาหลายภพหลายชาติ ถ้าสร้างบุญบารมีมาดีกรรมดีก็จะมาช่วยไล่ออกไวขึ้น ถ้าสร้างกรรมชั่วก็ต้องใช้เวลานานหน่อยกว่ากรรมดีจะมาช่วย แต่ละดวงจิตเกิดมาไม่เหมือน เมื่อเรามาสรุปว่าดวงจิตเราไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นเลยต้องฝึกฝนอีกเยอะ เราก็จะไม่มีความท้อที่จะพัฒนาดวงจิตของเรา อย่่าเอาดวงจิตของตนไปเทียบกับดวงจิตของผู้อื่น ทำได้เท่าที่ทำได้ไม่ตอ้งอยาก เพราะจิตต้องปล่อยไปตามธรรมชาติบังคับไม่ได้ ยิ่งฝืนยิ่งไม่สำเร็จ ปล่อยทุกอย่างให้เป็นธรรมดา ธรรมชาติ แล้วจิตจะสงบแล้วจะพบธรรมะในจิต. การทรงฉานก็เหมือนกัน ก็ต้องคิดเหมือนการรักษาศีล เมื่อเรารักษาศีลดีแล้ว ศีลก็จะกลับมารักษาเรา ก็เหมือนการทรงฉานเมื่อเราฝึกมาดีแล้ว เราก็จะเข้าฉานได้โดยอัตโนมัต ตนเองเท่านั้นที่จะรู้ว่าเราปฏิบัติถึงไหนแล้ว โชคดีมากแล้วที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นแบบอย่างนำพาให้พวกเราปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นธรรมะก็เป็นเพียงสิ่งที่่ชี้แนะนำทางเท่านั้น คือตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ทำเองเห็นเอง ปฏิบัติเองรู้เอง ใครทำใครได้ ธรรมะสอนตนให้รู้ตน. ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆๆขึ้นไปด้วยเทอญ
     
  12. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    sawadee ka khun pee porjai,I 'm around here ka..
     
  13. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ขันติ หมายถึง ความอดทน. อด เป็นอาการที่อยากจะได้ แต่ไม่ได้.

    ทนเป็นอาการที่ไม่อยากได้ แต่ต้องได้

    ขันติ ความอดทน อดกลั้น ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน คือ อดทนในสิ่งที่

    ควรอดทน ด้วยความเต็มใจและพอใจ อดทนในการละ หลีกเลี่ยงจากความชั่ว.

    อดทนทำความดีต่อไป ในทุกสถานการณ์. อดทน รักษาใจให้ผ่องใส ไม่ให้เศร้าหมอง

    ลักษณะสำคัญของขันติ คือ ตลอดเวลาที่อดทนอยู่นั้น

    จะต้องรักษาความเป็นปกติของตนไว้ได้ ใจผ่องใส ไม่เศร้าหมอง.


    โอวาทธรรม พรอาจารย์มิตชูโอะ คเวสโก.

    คัดจากเรื่อง มีขันติ คือให้พรแก่ตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2013
  14. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    นั่นอ่ะจิ..หนูผึ้งน้อยพเนจรเอ๊ย...แล้วสองมุมเนี่ย..พวกเราควรจะยืนอยู่มุมไหนกันล่ะจ๊ะ..เพื่อให้เห็นตัวเลขเป็นตัวเดียวก๊านน...นี้ซิคือ..ปัญญา..เอ๊ย..ปัญหา(เชาว์)...ที่พวกเราควรจะคิด...:boo:
     
  15. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ก็ยืนตรงกลางไงคร้าบบบบบบบบบบบ พี่สาว:cool::cool:
     
  16. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    เชื่อได้ว่าคนทำฌานได้ จะไม่กลัว

    เพราะจิตนี้ มีความวิเวกสงบระงับ หลบเข้าฌานไปเลย

    อย่างนี้ น่าไปทดสอบจิตตนเอง กับสถานที่อันวิเวกยามค่ำคืน เช่น ป่าช้าใด ป่าช้าหนึ่ง

    เพราะนั่นคือ อนุสัยที่ฝังลึก กับสภาพที่ไม่เคยชิน จะผุดออกมา เริ่มยามพระอาทิตย์ตกดิน แต่อย่าไปเปรียบกับสัปเร่อ

    [​IMG]

    ทำให้นึกถึงหลวงพ่อสององค์ที่ละสังขารไปนานแล้ว ที่อยู่แถวลำปาง และสุพรรรณฯ เป็นจิตที่เข้มข้นทรงอภิญญา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2013
  17. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    แต่หนูว่า การคิดคนละมุมเป็นเรื่องธรรมดา แต่การคิดเพื่อให้ความคิดมาอยู่มุมเดียวกัน คือมองเหมือนกันคิดเหมือนกันเป็นเรื่องไม่ธรรมดา....หากเราอยู่เหนือ(หมายถึงว่า ทำความเข้าใจ และ เปรียบว่าเรายืนมองอยู่บนที่สูงก้มลงมาดูตัวเลขที่เขียนเหมือนกันแต่ต่างกันตรงทิศทาง)ให้เป็นเรื่องภายนอกกายเรา แล้วเราจะมองเห็นว่านั้นมันไม่ใช้ของเรานี่นา มันแค่เกิดอยู่ตรงนั้นแค่นั้นเอง....แล้วเราก็จะเริ่มมาดูตัวเรา กายเรา ...ดูจิตเรา ต่อไปได้ ...(เข้าใจความเป็นจริง ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป)ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไม่ควรยึดเลย (no have).
     
  18. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    ถ้า"จำ"ไม่ผิด โดยมีผู้เล่าให้ฟัง มีหลวงพ่ออีกสององค์ ที่ละสังขารไปแล้วเช่นกัน

    องค์หนึ่งนั่งได้นาน 15 วัน อยู่แถวจันทบุรี

    และอีกองค์หนึ่งอยู่ร้อยเอ็ด นั่งทำสมาธิได้ 30 วัน จนเทวดาต้องลงมากราบ เห็นในความเพียร

    แต่ท่านผู้มีความเพียรแบบนี้ได้ นั่นแสดงให้เห็นในคุณภาพของจิต ที่เหนือธรรมดาสามัญ

    ลองโหลดไปฟังดู เพื่อจะได้กำลังใจในแนวทาง บึ้ด..จ้ำ..ฮึด!!!

    นักปฏิบัติกรรมฐานนั่งนาน 30 วันได้จริงหรือ - Buddhism Audio
     
  19. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201


    โมทนาสาธุค่ะ .....ถ้าอุลตร้า...ไปตอนนี้ขอเป็นป่าช้าป้ายแดงก่อนได้ป่าว...? ว่าจะไม่รบกวนท่าน zero แล้วเชียว แต่บังเอิญเห็นท่าน นำเสนอไอเดียร์ธรรมดีดี น่าสนใจอยู่ค่ะ
    :cool:
     
  20. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    อัดเข้าหู ไปรู้ไว้ในใจ

    ...เรื่องที่อ่านนี่ก็นานหลายปี แต่ก็ดีเพิ่มกันลืม ขี้ลืมกับขี้หลงมันอยู่ด้วยกัน มันทะลุหูซ้ายหูขวาก็หายไปแล้ว มันไม่อยู่ เราเอาอัดเข้าไป จึงว่าตัวอรรถ ตัวธรรม อัดเข้าไปในหู อัดดันเข้าไปใส่ใจ คนไหนอัดไม่ดีก็ไหลหนีหมด โบราณว่าตัวอรรถตัวธรรม คืออัดใส่ใจไว้ใส่หู อัดเข้าหูไปรู้ไว้ในใจ แล้วเอาออกมา ๆ นับดูว่ามันได้กี่ตัวแล้ว มันเหลืออยู่กี่ตัว

    โอวาทธรรม
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
    ที่มา fb วัดป่าหมู่ใหม่ เชียงใหม่
     

แชร์หน้านี้

Loading...