จงอย่าประมาท จงรีบสร้างบุญกุศล

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย water_, 9 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. water_

    water_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +278
    สรุปพระพุทธเจ้า
    ที่พระโพธิสัตว์อดิตชาติของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    ทรงพบและได้สร้างบารมี โดยละเอียดตั้งแต่ก่อนได้รับพุทธพยากรณ์
    และหลังได้รับพุทธพยากรณ์

    สรุปจากหนังสือ สัมภาระบารมี ของท่าน นาคะประทีป และ ศาสตร์ว่าด้วยการเป็นพุทธเจ้า ของ พระเทพมุนี (วิลาศ ญาณวโร)

    อสงไขย พระพุทธเจ้าอุบัติ (ชื่อพระโพธิสัตว์ในอดิตของพุทธเจ้าปัจจุบัน)

    *** บารมีตอนต้น ตั้งความปารถนาเป็นพระพุทธเจ้าไว้ในใจ 7 อสงไขย
    องค์หญิงสุมิตตาเทวี(หรือ พระนางวิสุทธาเทวี ในหนังสือ พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็นผู้หญิง " ของ อ. บารมี) ชาติก่อนเริ่มต้นสร้างบารมีอย่างแท้จริง 100,000 มหากัป

    เริ่มต้น 0 พระปุราณทีปังกรพุทธเจ้า (องค์หญิงสุมิตตาเทวี)(หรือ พระนางวิสุทธาเทวี)

    เริ่ม พระพรหมเทวพุทธเจ้า (พระราชาอรตีเทวราช)
    นันทะอสงไขย 1 พระพุทธเจ้า 5,000 พระองค์
    สุนันทะอสงไขย 2 พระพุทธเจ้า 9,000 พระองค์
    ปัฐวีอสงไขย 3 พระพุทธเจ้า 10,000 พระองค์
    มัณทะอสงไขย 4 พระพุทธเจ้า 11,000 พระองค์
    ธรณีอสงไขย 5 พระพุทธเจ้า 20,000 พระองค์
    สาคระอสงไขย 6 พระพุทธเจ้า 30,000 พระองค์
    ปุณทริกะอสงไขย 7 พระพุทธเจ้า 40,000 พระองค์
    รวมได้พบกับพระพุทธเจ้าใน 7 อสงไขย 125,000 พระองค์

    *** บารมีตอนกลาง กล่าววาจาปารถนาเป็นพระพุทธเจ้า 9 อสงไขย
    เริ่มต้น พระปุราณศรีศากยมุนีชินสีห์พุทธเจ้า(พระเจ้าสาครจักรพรรดิ์)
    สัพพถัททะอสงไขย 8 พระพุทธเจ้า 50,000 พระองค์
    สัพพผุลละอสงไขย 9 พระพุทธเจ้า 60,000 พระองค์
    สัพพรตนะอสงไขย 10 พระพุทธเจ้า 70,000 พระองค์
    อสุภขันธะอสงไขย 11 พระพุทธเจ้า 80,000 พระองค์
    มานีภัททะอสงไขย 12 พระพุทธเจ้า 90,000 พระองค์
    ปทุมะอสงไขย 13 พระพุทธเจ้า 20,000 พระองค์
    อุสภะอสงไขย 14 พระพุทธเจ้า 10,000 พระองค์
    ขันธคมะอสงไขย 15 พระพุทธเจ้า 5,000 พระองค์
    สัพพผาละอสงไขย 16 พระพุทธเจ้า 2,000 พระองค์
    รวมได้พบพระพุทธเจ้าใน 9 อสงไขย 387,000 พระองค์

    *** บารมีตอนปลาย ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า 4 อสงไขย 100,000 มหากัปล์
    กัปแรก - พระตัณหังกรพุทธเจ้า ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์
    สารมัณฑกัป - พระเมธังกรพุทธเจ้า ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์
    พุทธเจ้า 4 องค์ - พระสรนังกรพุทธเจ้า ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์

    ** ได้รับพยากรณ์ - พระทีปังกรพุทธเจ้า (สุเมธดาบส) พุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก
    อายุขัยสมัยนั้นประมาน 100,000 ปี ศาสนาอยู่ในโลก ได้นานปี
    รวมเวลาจาก พระนางสุมิตตาถึงสุเมธดาบส 16 อสงไขย 1 แสนกัป

    เสละอสงไขย - เป็นสูญกัปไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น 1 อสงไขย
    สารกัปมี 1องค์ - พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า (วิชิตาวีจักรพรรดิ ออกบวชมีอภิญญา)
    อายุขัย 100,000 พรรษา
    ภาสะอสงไขย - ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น 1 อสงไขย
    ครบ 2 อสงไขย - พระสุมังคละพุทธเจ้า ( เป็นสุรุจิพราหมณ์โพธิสัตว์บวชมีอภิญ)
    อายุขัย 90,000 พรรษา
    สารมัณฑกับ - พระสุมนะพุทธเจ้า (เป็นพญานาคอดุลยวาสุกรีโพธิสัตว์)
    อายุขัย 90,000 พรรษา
    พุทธเจ้า 4 องค์ - พระเรวตะพุทธเจ้า (เป็นพราหมณ์ อติเทวมาณพโพธิสัตว์)
    อายุขัย 60,000 พรรษา (อาจเป็นปัญญาพุทธเจ้า)
    - พระโสภิตะพุทธเจ้า (เป็นพราหมณ์ อชิตมาณพโพธิสัตว์)
    อายุขัย 90,000 พรรษา
    ชยอสงไขย - ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น 1 อสงไขย
    วรกัป - พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า (เป็นพญายักขเสนาบดีโพธิสัตว์)
    อายุไขย 100,000 พรรษา
    พุทธเจ้า 3 องค์ - พระปทุมะพุทธเจ้า (เป็นพญาไกรสรราชสี)
    อายุไขย 100,000 พรรษา
    - พระนารทะพุทธเจ้า (เป็นมหาฤาษีโพธิสัตว์)
    อายุไขย 90,000 รุจิรอสงไขย - ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น 1 อสงไขย

    ** บารมีช่วง เศษแสนมหากัปที่เหลือ **
    มัณฑกัป แต่มี - พระปทุมมุตระพุทธเจ้า (เป็นนายบ้านชื่อ ชฏิลบวชเป็นดาบส)
    (พระพุทธเจ้า 1 พระองค์) พระอสิติสมัยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ได้รับพยากรณ์จากพระปทุม มุตระมากที่สุด ดังมีในพระไตรปิฏก อายุขัย
    100,000 พรรษา

    30000 มหากัป - เป็นสูญกัป ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น
    มัณฑกัป - พระสุเมธพุทธเจ้า (เป็น อุตตรมานพ ได้ออกบวชเป็นภิกษุ)
    อายุขัย 90,000 พรรษา
    พุทธเจ้า 2 องค์ - พระสุชาตะพุทธเจ้า (เป็น บรมจักรพรรดิ ได้ออกบวช)
    อายุขัย 90,000 พรรษา
    60000 มหากัป - เป็นสูญกัป ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น
    วรกัป - พระปิยทัสสีพุทธเจ้า ( เป็นกัสสปะมานพ)
    อายุขัย 90,000 พรรษา
    พุทธเจ้า 3 องต์ - พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า (เป็นสุสิมะดาบส)
    อายุไขย 100,000 พรรษา
    - พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า (เป็นพระอินทร์)
    อายุไขย 100,000 พรรษา
    9904 มหากัป - เป็นสูญกัป
    สารกัปมี 1องค์ - พระสิทธัตถะพุทธเจ้า (เป็นมังคะฤาษี)
    อายุไขย 100,000 พรรษา
    2 มหากัป - เป็นสูญกัป
    มัณฑกัป - พระดิสสะพุทธเจ้า (เป็นพระเจ้าสุชาตะมหาราชดาบส)
    อายุไขย 100,000 พรรษา
    พุทธเจ้า 2 องค์ - พระมหาปุสสะพุทธเจ้า (เป็นพระเจ้าวิชิตกษัตริย์ได้ออกบวช)
    อายุไขย 90,000 พรรษา
    สารกัปมี 1องค์ - พระวัปัสสีพุทธเจ้า (เป็นภุชงคนาคราช)
    อายุไขย 80,000 พรรษา
    60 มหากัป - เป็นสูญกัป
    มัณฑกัป - พระสิขีพุทธเจ้า (เป็นพระเจ้าอรินทมะราชาธิราช)
    อายุไขย 70,000 พรรษา
    พุทธเจ้า 2 องค์ - พระเวสสภูพุทธเจ้า (เป็นพระเจ้าสุทัสสนะมหาราชได้ออกบวช)
    อายุไขย 60,000 พรรษา (เป็นศรัทธาพุทธเจ้า)
    31 มาหากัป - เป็นสูญกัป ภัทรกัป(ปัจจุบัน) - พระกกุสันธะพุทธเจ้า(เป็นพระเจ้าเขมะนราธิราชได้ออกบวช)
    อายุไขยมนุษย์สมัยนั้น 40,000 ปี ศรัทธาพุทธเจ้า
    พุทธเจ้า 5 องค์ - พระโกนาคมมะพุทธเจ้า(เป็นพระเจ้าบรรพตบรมขัตติยาภิกษุ)
    อายุไขยมนุษย์สมัยนั้น 30,000 ปี ศรัทธาพุทธเจ้า
    - พระกัสสปะพุทธเจ้า (เป็นโซติปาลมาณพได้ออกบรรพชา)
    อายุไขยมนุษย์สมัยนั้น 20,000 ปี ศรัทธาพุทธเจ้า
    - พระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า (เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
    อายุไขยมนุษย์ 100 ปี ศาสนาตั้งอยู่ในโลก 5,000 ปี
    - พระศรีอริยเมตไตรพุทธเจ้า(เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตในกัปนี้)
    อายุไขยมนุษย์สมัยนั้น 80,000 ปี วิริยะพุทธเจ้า
    ถ้ากล่าวถึงบารมีตอนปลาย 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัปนั้นพระโพธิสัตว์พบพระพุทธเจ้าเพียง 27 พระองค์เท่านั้น น้อยกว่าบารมีตอนต้นและตอนกลางมาก ที่พระโพธิสัตว์พบพระพุทธเจ้าถึง ห้าแสนหนึ่งหมื่นสองพันพระองค์ (512,003) สามารถแยกบารมีตอนปลายได้ 2 ช่วงที่ได้พบพระพุทธเจ้า
    1 ในระยะเวลา 4 อสงไขย เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์ ได้ทรงพบพระพุทธเจ้า 12 พระองค์
    2. ในระยะเวลาหนึ่งแสนมหากัปนั้น ได้ทรงพบพระพุทธเจ้า 15 พระองค์
    หมายเหตุ หลังสิ้นสมัยของพระศรีอริยเมตไตรพุทธเจ้าไปแล้ว อาจจะว่างจากพระพุทธเจ้าอีกนานเพราะเมื่อได้มีพระพุทธเจ้า บังเกิดขึ้น ติดต่อกัน หลังจากนั้นไปอีกก็จะว่างจากการบังเกิดพระพุทธเจ้าไปอีกนานแสนนาน อ้างอิงได้จากช่วง 4 อสงไขยกับ เศษแสนมหากับที่ผ่านมา เมื่อมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในกัปใดติดต่อกัน 3 หรือ 4 พระองค์ หลังจากนั้นจะเป็นสูญกัปไปอีกนานแสนนาน ซึ่งในกัปนี้มีพระพุทธเจ้าถึง 5 พระองค์ และในช่วง 100 มหากัปที่ผ่านมาถึงกัปปัจจุบัน มีพระพูทธเจ้า ถึง 11 พระองค์ ร่วมทั้งพระศรี อริยะเมตตรัยพุทธเจ้า ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นช่วงที่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นมากที่สุด ของระยะเวลา 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัปที่ผ่านมา และจากการวิเคราะห์ หลังจากสิ้นสมัยพระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า(ปัจจุบัน)ไปแล้ว ซึ่งเป็นประเภทปัญญาพุทธเจ้า แล้วจะบังเกิดปัญญา พุทธะอีกสักพระองค์ในอนาคตเบื่องหน้า ต้องรอเวลาอย่างน้อยที่สุดหนึ่งอสงขัยกัป และต้องเป็นพระโพธิสัตว์ประเภทปัญญาที่ได้รับ พุทธพยากรณ์ครังแรก ในสมัยพระโกณฑัญญะพุทธเจ้าเท่านั้น ดังนั้นหลังจากปัจจุบันนี้จนถึงหนึ่งอสงขัยกัปเบื้องหน้า ก็จะมีแต่พระพุทธเจ้าประเภทศรัทธาและวิริยะพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นเท่านั้น ในอสงขัยนี้เพิ่งเริ่มต้นแสนมหากัปก็บังเกิดมีพระพุทธเจ้า เกิดขึ้น 16 พระองค์แล้ว ดังนั้นในอสงขัยนี้อาจจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นเป็นร้อยเป็นพันพระองค์ก็คงเป็นไปได้ เพราะช่วง 4 อสงขัยที่ผ่านมามีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นน้อยมากเพียง 15 (รวม พระ ตัณหังกร เมธังกร สรนังกร พุทธเจ้า) พระองค์เท่านั้น ซึ่งจะเห็นว่าเมื่อเทียบระยะเวลาแล้วหนึ่ง อสงขัยเท่ากับจำนวนกัป ที่มากมายจนนับไม่ได้ แต่บังเกิดมีพระพุทธเจ้าเพียงหนึ่งหรือเป็นหมื่นพระองค์เท่านั้น ดังนั้นการที่จะบังเกิดมีพระพุทธเจ้าสักพระองค์นั้น เป็นสิ่งที่ยากแสนยากเป็นหนักหนา แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีพุทธเจ้าอีกเลย เพราะในเมื่อธรรมชาตินั้นมีวัฏฏสงสารอันเป็นทุกข์ ก็ย่อมมีผู้ที่เพียร ที่จะหลุดพ้นจากทุกข์นั้นจนได้ ก็คือพระอริยะเจ้าทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน

    ข้อมูลจาก : http://palungjit.org/threads/พระอดีตวงศ์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้มาตรัสรู้ในอดีตกาล.76066/
     
  2. water_

    water_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +278
    ปฎิบัติเพื่อให้เกิดทันยุค พระศรีอาริยเมตไตร โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศรีอาริยเมตเตยยโพธิสัตตานุสรณ์



    เมื่อได้เห็นหัวข้อเรื่องนี้ ท่านผู้อ่านที่ติดตามหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม" มานานแล้ว คงจะทราบได้ดีว่า "คณะผู้จัดทำ" มีความประสงค์อย่างไร เพราะคงเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พระเดชพระคุณ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ที่ท่านได้วางแผนงานครั้งนี้ไว้ตั้งแต่ก่อนมรณภาพ นั่นก็คือ ... งานพิธีหล่อรูปพระศรีอาริย์ ซึ่งกำหนดมีขึ้นใน วันอาทิตย์ ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๓๗

    สำหรับรายละเอียดที่ท่านกล่าวไว้ใน "บันทึกความจำ" มีใจความตามที่ สมเด็จองค์ปฐม ท่านตรัสไว้ ขอนำมาโดยย่อดังนี้

    "...ที่ตรงนั้น ฉันดลใจเธอไม่ให้ปลูกต้นไม้ ฉันต้องการให้สร้าง วิหารพระศรีอาริยเมตไตร เพราะคนจำนวนมากที่มีบารมียังไม่เข้มข้น และคนจำนวนแสน ที่ติดตามพระศรีอาริย์ฯ ทั้งพระศรีอาริย์ฯ ก็ฝากเธอไว้ว่า ให้ช่วยแนะนำให้เข้าใจตามเกณฑ์ ที่เขาเหล่านั้นจะเกิดทันท่าน..." หลวงพ่อเล่าต่อไปว่า

    "...ในขณะนั้น ท่านเรียก พระศรีอาริย์ฯ มา พระศรีอาริย์ฯ ท่านมีความต้องการให้คนที่มีความต้องการจะเกิดในสมัยท่าน ได้ฟังเทศน์จบเดียวก็เป็น พระอรหันต์ พระศรีอาริย์ฯ ท่านตรัสว่าคนที่ต้องการไปเกิดในสมัยผม ขอให้ปฎิบัติตามดังนี้ คือ

    ข้อปฎิบัติเกิดทันสมัยพระศรีอาริย์ ๓ ประการ

    ๑) ตั้งใจรักษาศีล ๕ และ กรรมบถ ๑๐ ให้ครบถ้วนเสมอ

    ถ้ารักษาครบทุกวันไม่ได้ วันอื่นอาจจะบกพร่องบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่ทุกวันพระต้องรักษาให้ครบ ทั้งศีล ๕ และ กรรมบถ ๑๐

    ๒) จงหมั่นให้ทาน

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ สังฆทาน ถ้าจนมาก มีทรัพย์น้อย ก็จัดอาหารหรือผลไม้ ผลสองผล ถวายพระที่มีตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ก็เป็นสังฆทาน มีอานิสงค์มาก

    ๓) จงเจริญภาวนาเสมอๆ

    ถ้าทำไม่ได้มาก เมื่อศรีษะถึงหมอน ก็ให้ภาวนาเล็กน้อยและหลับไป

    เพียงเท่านี้ เขาจะเกิดทันในยุคสมัยผมตรัสเป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน จึงถามท่านว่า จะให้หล่อรูปแบบไหน...เป็นรูปเทวดาหรือพระ ท่านบอกว่า เวลานี้ผมเป็นเทวดา ก็หล่อรูปเทวดา อย่าพึ่งหล่อรูปเป็นพระ ถามท่านว่าให้หล่อแบบไหน ท่านก็ยืนตรง มือขวาถือกงจักร มือซ้ายถือพระขรรค์ ใส่ชฎา



    ปัญหามีอยู่ว่า ผิวท่านขาวมาก เหมือนพ่นด้วยเงิน และเครื่องแต่งกายท่านเป็นแก้วจะให้ทำอย่างไร ถ้าเอาแก้วติดเหมือนกันดูจะไม่ตรงตามความเป็นจริง เพราะเนื้อท่านไม่เป็นแก้ว ท่านบอกว่า ตอนที่เป็นเนื้อให้เอาแผ่นเงินปิด ตอนที่เป็นเครื่องแต่งกายให้ใข้กระจกเงาใส..." ใจความสำคัญคงมีเพียงแค่นี้ บัดนี้จะขอเริ่มเรื่องปัญหาธรรมะกันต่อไป.

    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม เล่ม ๙

    ข้อมูลจาก : http://palungjit.org/threads/ปฎิบัต...ระศรีอาริยเมตไตร-โดย-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ.219349/
     
  3. water_

    water_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +278
    การที่กระผมตั้งกระทู้นี้ก็เพื่อ

    ต้องการจะเตือนเพื่อนชาวโลกทุกคน ให้เร่งรีบ

    สร้างบุญกุศลสะสมติดตัวในชาตินี้

    เพื่อที่จะได้เข้าสู่ มรรค ผล ในชาตินี้

    เพื่อที่จะได้สร้างบุญให้ได้พอ

    ให้ได้เกิดทันยุคพระศรีอาริยเมตไตร

    เพราะถ้าพลาด ยุคพระศรีอาริยเมตไตร

    คุณจะต้องรอไปอีกนานมาก

    กว่าจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้อีก
     
  4. water_

    water_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +278
    เคยมีคนสงสัยและถามไว้ว่า

    อ้างอิง:
    สงสัยเรื่องอายุครับ
    องค์ที่ 1 ถึง 27 ทำไมอายุขนาดนั้นเลยล่ะครับ
    ปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ เป็นหมื่นเป็นแสนทั้งนั้นเลย
    ตกลงองค์ที่ 1 ถึง 27 เป็นมนุษย์หรือเปล่าครับ



    ตอบ

    เป็นมนุษย์ครับ และมนุษย์ในระยะเขตเวลานั้น ก็จะมีอายุเท่ากับพระพุทธเจ้าด้วย

    เพราะมนุษย์แต่ละช่วง จะต่างกัน เขตอายุจะขึ้น และลงไป

    คือ

    ใน 1 มหากัปป์ = 1 รอบ ที่โลก และจักรวาลเกิด จะมีแบ่งออกเป็น

    4 อสงไขยกัปป์ แต่ละ 1 อสงไขยกัปป์คือช่วง จักรวาลแตก 1 อสงไขยกัปป์ จักรวาลก่อตัวใหม่ 1 จักรวาลก่อตัวเสร็จแล้ว 1 จักรวาลกำลังแตก 1 รวมเป็น 4 อสงไขยกัปป์

    ในแต่ละอสงไขยกัปป์ จะประกอบด้วยช่วงเวลา 64 อันตรกัปป์

    1 อันตรกัปป์ คือ นับตังแต่ มนุษย์ อายุ นานมากนับไม่ไหว จนลดลงมาเหลือ 10 ขวบ เพราะความเลว และมาทำความดีอีกรอบอายุจึงขึ้นไปอีก จนนานมากนับไม่ไหว

    ขึ้น ลง ขึ้น 1 ครั้ง เท่ากับ 1 อันตรกัปป์ ครบ 64 อันตรกัปป์ ได้ 1 อสงไขยกัปป์ ครบ 4 อสงไขยกัปป์ ได้ 1 มหากัปป์

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์ จะเกิดในช่วงที่มนุษย์มีอายุขาลง และในเขตอายุเฉลี่ยสูงสุดไม่เกิน 100,000 ปี และต่ำสุด ไม่เกิน 100 ปีเท่านั้น



    ปัจจุบัน เรากำลังอยู่ในเขตเวลาอันตรกัปป์ที่ 12 ขาลง
    เมื่อขาขึ้นอีกรอบหนึ่งเมื่อมนุษย์อายุ 8 หมื่นปี จะมีพระเจ้าจักพรรดิอุบัติ

    จากนั้น มนุษย์จะมีอายุสูงมาก จนเริ่มทำผิดอกุศกรรมบทอีกครั้ง และลงอีกรอบหนึงจนอายุเหลือ 80,000 ปีจะเป็นอันตรกัปป์ที่ 13

    พระศรีอริยเมตไตรย์จะทรงอุบัติในอันตรกัปป์ที่ 13 เป็นพระองค์สุดท้าย และจะไม่มีพระพุทธเจ้าในภัททรกัปป์นี้อีก เพราะทรงอุบัติครบแล้ว 5 พระองค์


    -----------------------------------------

    ข้อมูลจาก http://palungjit.org/threads/พระอดี...พุทธเจ้าที่ได้มาตรัสรู้ในอดีตกาล.76066/page-3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2013
  5. water_

    water_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +278
    พระไตรปิฎก และอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่มที่ 15 ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ตั้งแต่หน้า 99 จักกวัตติสูตร
    ----------------------------------------------------------------------------------

    จักกวัตติสูตร

    ว่าด้วยอกุศลกรรมทำให้อายุเสื่อม

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังพรรณามานี้ เมื่อพระมหากษตริย์ ไม่พระราชทานทรัพย์ให้แก่คนที่ไม่มีทรัพย์ ความขัดสน ก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อความขัดสนทรัพย์ถึงความแพร่หลาย อทินนาทานก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่ออทินนาทานถึงความ แพร่หลาย กาเมสุมิจฉาจารก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อกาเมสุมิจฉาจารถึงความแพร่หลาย แม้อายุสัตว์เหล่านั้นก็เสื่อมถอย แม้วรรณะก็เสื่อมถอย เมื่อพวกเขาเสื่อมถอยจากอายุบ้างเสื่อมถอยจากวรรณะบ้าง บุตรของมนุษย์ที่มีอายุหนึ่งหมื่นปี ก็มีอายุถอยลงเหลือห้าพันปี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุห้าพันปี ธรรม ๒ ประการ คือ ผรุสวาจาและสัมผัปลาปะ ก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อธรรม ๒ ประการ ถึงความแพร่หลาย แม้อายุสัตว์เหล่านั้นก็เสื่อมถอย แม้วรรณะก็เสื่อมถอย เมื่อพวกเขาเสื่อมถอยจากอายุบ้างเสื่อมถอยจากวรรณะบ้าง บุตรของมนุษย์ที่มีอายุห้าพันปี ก็มีอายุถอยลงเหลือสองพันห้าร้อยปี บางพวกมีอายุถอยลงสองพันปี

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุสองพันปี อภิชฌาและพยาบาท ก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่ออภิชฌาและ พยาบาทถึงความแพร่หลาย แม้อายุสัตว์เหล่านั้นก็เสื่อมถอย แม้วรรณะก็เสื่อมถอย เมื่อพวกเขาเสื่อมถอยจากอายุบ้างเสื่อม
    ถอยจากวรรณะบ้าง บุตรของมนุษย์ที่มีอายุสองพันห้าร้อยปี ก็มีอายุถอยลงเหลือหนึ่งพันปี

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุหนึ่งพันปี มิจฉาทิฏฐิก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อมิจฉาทิฏฐิถึงความแพร่หลาย
    แม้อายุสัตว์เหล่านั้นก็เสื่อมถอย แม้วรรณะก็เสื่อมถอย เมื่อพวกเขาเสื่อมถอยจากอายุบ้างเสื่อมถอยจากวรรณะบ้าง บุตรของ
    มนุษย์ที่มีอายุหนึ่งพันปี ก็มีอายุถอยลงเหลือ ๕00 ปี

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๕00 ปี ธรรม ๓ ประการคือ อธรรมราคะ ( ความกำหนัดในฐานะอันไม่สมควร เป็นต้น
    ว่า มารดา๑ น้า ๑ บิดา ๒ อาหญิง ๑ ป้า ๑ )วิสมโลภ ( ความโลภที่รุนแรงในฐานะแม้ที่ควรบริโภค ) มิจฉาธรรม ( ความกำหนัดด้วยอำนาจความ
    พอใจระหว่าง ชายกับชาย หญิงกับหญิง ) ก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อธรรม ๓ ประการถึงความแพร่หลาย แม้อายุของสัตว์เหล่านั้น ก็เสื่อมถอย แม้วรรณะก็เสื่อมถอย เมื่อพวกเขาเสื่อมถอยจากอายุบ้างเสื่อมถอยจากวรรณะบ้าง บุตรของมนุษย์ที่มีอายุ ๕00 ปี บางพวกมีอายุถอยลง ๒๕0 ปี บางพวกมีอายุถอยลง ๒00 ปี

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๒๕0 ปี ธรรมเหล่านี้คือ ความไม่ปฏิบัติชอบในมารดา ความไม่ปฏิบัติชอบ ในบิดา ความไม่ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ความไม่อ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล ก็ได้ถึงความแพร่หลาย

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังพรรณามานี้ เมื่อพระมหากษัตริย์ ไม่พระราชทานทรัพย์ให้แก่คนที่ไม่มีทรัพย์ ความขัดสนก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อความขัดสนถึงความแพร่หลาย อทินนทานก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่ออทินนาทานได้ ถึงความแพร่หลาย ศัสตราก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อศัสตราถึงความแพร่หลาย ปาณาติบาตก็ถึงความแพร่หลาย เมื่อ
    ปาณาติบาตถึงความแพร่หลาย มุสาวาทก็ถึงความแพร่หลาย เมื่อมุสาวาทถึงความแพร่หลาย ปิสุณาวาทก็ถึงความแพร่หลาย
    เมื่อปิสุณาวาทถึงความแพร่หลาย กาเมสุมิจฉาจารก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อกาเมสุมิจฉาจารถึงความแพร่หลาย ธรรม ๒ ประการ คือ ผรุสวาจาและสัมผัปปลาปะก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อธรรม ๒ ประการถึงความแพร่หลาย อภิชฌาและพยาบาท
    ก็ได้ถึงความแพร่หลาย มิจฉาทิฏฐิก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อมิจฉาทิฏฐิถึงความแพร่หลาย ธรรม ๓ ประการ คือ อธรรมราคะ วิสมโลภ มิจฉาธรรม ก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อธรรม ๓ ประการถึงความแพร่หลาย ธรรมเหล่านี้คือ ความไม่ปฏิบัติชอบใน มารดา ความไม่ปฏิบัติชอบในบิดา ความไม่ปฏิบัติชอบในสมณะ ความไม่ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ความไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ในตระกูล ก็ได้ถึงความแพร่หลาย เมื่อธรรมเหล่านี้ถึงความแพร่หลาย แม้อายุของสัตว์เหล่านั้น ก็เสื่อมถอย แม้วรรณะก็เสื่อม
    ถอย เมื่อพวกเขาเสื่อมถอยจากอายุบ้างเสื่อมถอยจากวรรณะบ้าง บุตรของมนุษย์ที่มีอายุ ๒๕0 ปี ก็มีอายุถอยลงเหลือ ๑00 ปี

    ว่าด้วยความเสื่อมของกุศล อกุศล

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักมีสมัยที่มนุษย์เหล่านี้ มีบุตร อายุ ๑0 ปี ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี เด็กหญิงมีอายุ ๕ ปี จักสม ควรมีสามีได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี หญ้ากับแก้ จักเป็นอาหารอย่างดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้าวสาลี
    เนื้อ ข้าวสุก จักเป็นอาหารอย่างดี ในบัดนี้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี หญ้ากับแก้ ก็จักเป็นอาหาร
    อย่างดี ฉันนั้นเหมือนกัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี กุศลกรรมบถ ๑0 จักอันตรธานหายไปหมดสิ้น
    อกุศลกรรมบถ ๑0 จักเจริญรุ่งเรืองเหลือเกิน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี แม้แต่ชื่อว่ากุศลก็จักไม่มี และคน ทำกุศลจักมีแต่ที่ไหน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี คนทั้งหลายจักไม่ปฏิบัติชอบในมารดา จักไม่ปฏิบัติชอบ
    ในบิดา จักไม่ปฏิบัติชอบในสมณะ จักไม่ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ จักไม่ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล เขาเหล่านั้น
    จักได้รับการบูชา และได้รับการสรรเสริญ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนปฏิบัติชอบในมารดา ปฏิบัติชอบในบิดา ปฏิบัติชอบในสมณะ ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล เขาเหล่านั้นจักได้รับการบูชาและได้รับการสรรเสริญฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี เขาจักไม่ปฏิบัติชอบในมารดา บิดา สมณพราหมณ์ ไม่ประพฤติอ่อนน้อมต่อ
    ท่านผู้ใหญ่ในตระกูล เขาเหล่านั้น จักได้รับการบูชาและได้รับการสรรเสริญฉันนั้นเหมือนกัน ในบัดนี้

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี เขาจักไม่คิดเคารพยำเกรงว่า นี่แม่ นี่น้า นี่พ่อ นี่อา นี่ป้า นี่ภรรยา ของอาจารย์ หรือว่านี่คือภรรยาของท่านที่เคารพทั้งหลาย สัตว์โลกจักถึงความสมสู่ปะปนกันหมด เปรียบเหมือนแพะ ไก่ สุกร สุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอก ฉะนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี สัตว์เหล่านั้นต่างก็จักเกิดความอาฆาต ความ พยาบาท ความคิดร้าย ความคิดจะฆ่า อย่างแรงกล้าในกันและกัน มารดากับบุตรก็ดี บุตรกับมารดาก็ดี บิดากับบุตรก็ดี บุตร กับบิดาก็ดี พี่ชายกับน้องหญิงก็ดี น้องหญิงกับพี่ชายก็ดี จัดเกิดความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดจะฆ่ากัน อย่างแรงกล้า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นายพรานเนื้อเห็นเนื้อเข้า เกิดความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดจะฆ่า อย่างแรงกล้า ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี สัตว์เหล่านั้นจักมีความอาฆาต...ความคิดจะฆ่าอย่างแรง
    กล้าในกันและกัน ฉันนั้นเหมือนกัน

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑0 ปี จักมีสัตถันตรกัป สิ้น ๗ วัน มนุษย์เหล่านั้นจักสำคัญกันและกันว่าเป็น เนื้อ ศัสตราทั้งหลายอันคม จักปรากฏมีในมือของพวกเขา พวกเขาจะฆ่ากันเองด้วยศัสตราอันคมนั้นโดยสำคัญว่า นี้เนื้อ
    ( มิคสัญญี ) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นสัตว์เหล่านั้น บางพวกมีความคิดอย่างนี้ว่า พวกเราอย่าฆ่าใครๆ และใครๆ ก็อย่าฆ่า
    เรา อย่ากระนั้นเลย เราควรเข้าไปตามป่าหญ้า สุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะ หรือซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหาร เลี้ยงชีวิตอยู่ซัก ๗ วัน เขาพากันเข้าไปตามป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะหรือซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหาร เลี้ยงชีวิตอยู่ตลอด ๗ วัน เขาพากันออกจากสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะซอกเขา แล้วต่างสวมกอดกันและกัน จักขับร้องปลอบใจ กันในที่ประชุมว่า สัตว์ผู้เจริญ เราพบเห็นกันแล้ว ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือๆ

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น สัตว์เหล่านั้นจักมีความคิดอย่างนี้ว่า พวกเราเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง เพราะเหตุที่สมาทานกุศลธรรม อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรทำกุศลยิ่งๆ ขึ้นไป ควรทำกุศลอะไร พวกเราควรงดเว้นจาก อทินนาทาน ควรงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร ควรงดเว้นจากปิสุณาวาจา ควรงดเว้นจากผรุสวาจา ควรงดเว้นจาก
    สัมผัปปลาปะ ควรละอภิชฌา ควรละพยาบาท ควรละมิจฉาทิฏฐิ ควรละธรรม ๓ ประการ คือ อธรรมราคะ วิสมโลภ มิจฉา
    ธรรม อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรปฏิบัติชอบในมารดา ควรปฏิบัติชอบในบิดา ควรปฏิบัติชอบในสมณะ ควรปฏิบัติชอบใน
    พราหมณ์ ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล ควรสมาทานกุศลนี้แล้วประพฤติ เขาเหล่านั้นจักปฏิบัติชอบในมารดา ปฏิบัติชอบในบิดา ปฏิบัติชอบในสมณะ ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล จักสมาทานกุศล ธรรมนี้แล้วประพฤติ เพราะเหตุที่สมาทานกุศลธรรมเหล่านั้น เขาเหล่านั้นจักเจริญด้วยอายุบ้าง จักเจริญด้วยวรรณะบ้าง เมื่อ เขาเหล่านั้นเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง บุตรของคนผู้มีอายุ ๒0 ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๔0 ปี บุตรของคนผู้มี
    อายุ ๔0 ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๘0 ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๘0 ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๑๖0 ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๑๖0 ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๓๒0 ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๓๒0 ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๖๔0 ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๖๔0 ปี จักมีอายุ
    เจริญขึ้นถึงสองพันปี บุตรของคนผู้มีอายุสองพันปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึงสี่พันปี บุตรของคนผู้มีอายุสี่พันปี จักมีอายุเจริญ
    ขึ้นถึงแปดพันปี บุตรของคนผู้มีอายุแปดพันปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึงสองหมื่นปี บุตรของคนผู้มีอายุสองหมื่นปี จักมีอายุเจริญ
    ขึ้นถึงสี่หมื่นปี บุตรของคนผู้มีอายุสี่หมื่นปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึงแปดหมื่นปี

    ว่าด้วยการงดเว้นอกุศลกรรมบถ ๑0 อายุยืน

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี เด็กหญิงที่มีอายุ ๕00 ปี จึงจักควรมีสามีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี จักมีอาพาธ ๓ อย่าง คือ ความอยากกิน ๑ ความไม่อยากกิน ๑ ความแก่ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี ชมพูทวีปนี้ จักมั่งคั่งและรุ่งเรือง มีบ้านนิคมและราชธานีพอชั่วไก่บินตก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี ชมพูทวีปนี้ประหนึ่งอเวจีนรก จักยัดเยียดไปด้วยผู้คนทั้งหลาย เปรียบเหมือนป่าไม้อ้อ หรือป่า
    ไม้แก่น ฉะนั้น

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี เมืองพาราณสีนี้ จักเป็นราชธานีมีนามว่าเกตุมดี เป็นเมืองที่มีมั่งคั่ง
    และรุ่งเรืองมีพลเมืองมาก มีผู้คนคับคั่ง และมีอาหารสมบูรณ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี ในชมพูทวีปนี้ จักมีเมืองแปดหมื่นสี่พันเมือง มีเกตุมดีราชธานีเป็นประมุข

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี จักมีพระเจ้าจักรพรรดิ์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าสังขะ ทรงอุบัติขึ้น
    ณ เมือง เกตุมดีราชธานี เป็นผู้ทรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ทรงชนะ
    แล้ว มีราชอาณาจักรมั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คหบดีแก้ว ปริณายกแก้วเป็นที่ ๗ พระราชบุตรของพระองค์มีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์สามารถย่ำยีเสนาของ
    ข้าศึกได้ พระองค์ทรงชำนะโดยธรรม มิต้องใช้อาชญา มิต้องใช้ศัตรา ครอบครองแผ่นดินมีสาครเป็นขอบเขต

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าเมตไตรย์ จักเสด็จอุบัติขึ้นใน
    โลก พระองค์เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงความพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลกเป็นสารถีฝึก
    บุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม เหมือน
    ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกบัดนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระ
    ธรรม พระผู้มีพระภาคพระนามว่า เมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงทำโลกนี้ พร้อมเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัด ด้วย
    พระปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม เหมือนตถาคตในบัดนี้ ทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตถาคตเองแล้วสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณะ
    พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตามอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิงพระผู้มีพระภาค
    เจ้าพระนาม ว่าพระเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงบริหารภิกษุสงฆ์ หลายพัน เหมือนตถาคต บริหารภิกษุสงฆ์หลายร้อย ในบัด
    นี้ ฉันนั้น

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าสังขะ จักทรงให้ยกขึ้น ซึ่งปราสาทที่พระเจ้ามหาปนาทะทรงสร้างไว้ แล้วประทับอยู่ แลัวจักทรงสละ จักทรงบำเพ็ญทาน แก่สมณพราหมณ์ คนกำพร้า คนเดินทาง วณิพก และยาจกทั้งหลายจักทรงปลงพระเกศา
    และพระมัสสุ ทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์ เสด็จออกจากเรือน ทรงผนวชเป็นบรรพชิตในสำนักของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา
    สัมพุทธเจ้า พระนามว่าเมตไตรย์ ท้าวเธอทรงผนวชอย่างนี้แล้ว ทรงปลีกพระองค์อยู่แต่ผู้เดียวไม่ประมาท มีความเพียรมีตน
    ส่งไปแล้ว ไม่ช้านัก ก็จักทรงทำให้แจ้ง ซึ่งประโยชน์อันยอดเยี่ยมที่กุลบุตรทั้งหลาย พากันออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดย
    ชอบ อันเป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เอง ในทิฏฐธรรมเทียว เข้าถึงอยู่

    ข้อมูลจาก : http://palungjit.org/threads/พระอดี...พุทธเจ้าที่ได้มาตรัสรู้ในอดีตกาล.76066/page-3
     
  6. water_

    water_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +278
    คำสอนของพระศรีอาริย์

    ถามว่า "แนะนำแล้วทุกอย่าง แต่ว่าไม่รู้ข้อเจาะจง ให้เจาะ จงไปว่าทำบุญอย่างไร...จึงจะทันศาสนาพระศรีอาริย์?

    (นี่..สำหรับคนมี "บารมีอ่อน" นะ คนมี "บารมีเข้ม" ให้ตั้งใจไปนิพพานชาตินี้ ถ้าคน "บารมีอ่อน" ตั้งใจไปนิพพานชาติพระ ศรีอาริย์ หรือวางแผนไว้ ๒ อย่างก็ได้ว่า ตั้งใจไปนิพพานชาตินี้ ถ้าพลาดชาตินี้ ขอให้ได้นิพพานสมัยพระศรีอาริย์ก็ได้)

    ท่านบอกว่า "ให้ทุกคนที่ต้องการเกิดทันสมัยผม ให้รักษา ศีล ๕ เป็นปกติ รักษา กรรมบถ ๑๐ เป็นปกติทุกวัน ไม่คลาดเคลื่อนอย่างนี้เป็น อุคฆฏิตัญญู ไปเกิดในสมัยผมฟังเทศน์แค่ หัวข้อเล็ก ๆ สั้น ๆ ก็บรรลุมรรคผลทันที

    ถ้าบางท่านปฏิบัติอ่อนกว่านั้น รักษาได้ กรรมบถ ๑๐ เหมือนกัน ศีล๕ ก็ครบ แต่ว่าบางทีก็มีอาการเผลอเล็กน้อย อย่างนี้เป็น วิปจิตัญญู หมายความไปเกิดสมัยผมเทศน์หัวข้อฟังไม่เข้าใจ ต้องอธิบายเล็กน้อยจึงบรรลุอรหันต์


    บางท่านที่มีบารมีอ่อนกว่านั้น วันธรรมดา ๆ อาจจะบก พร่องบ้างเป็นของธรรมดา แต่สำหรับวันพระต้องรักษาให้ครบ ถ้วนทั้ง ศีล ๕ และ กรรมบถ ๑๐ หมายความตามธรรมดา คน เรามีอาชีพต่างกัน บางคนปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็ต้องฉีดยา ฆ่าเพลี้ยฆ่าสัตว์ที่มารบกวนพืชพันธุ์ธัญญาหารบ้าง บางคนมี อาชีพไปในทางการประมง ต้องทำการประมงฆ่าปลาฆ่าสัตว์บ้าง ถ้าอย่างนี้ถือว่าวันธรรมดาบกพร่องได้ และวันพระต้องครบถ้วนบริบูรณ์ อย่างนี้ถ้าเกิดในสมัยผม เขาเรียกว่า เนยยะ เทศน์ครั้งเดียวสองครั้งยังไม่มีผล ต้องฟังเทศน์หลาย ๆ หน สามารถ เป็นพระอริยะได้
    เอาละ... บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ท่านทั้งหลายมานั่งอยู่กันที่ตรงนี้และฟังเทศน์แล้ว เรื่องของ พระศรีอาริยเมตไตรย ถ้าจะว่ากันไปก็คงไม่แตกต่างกับเรื่องขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าทุกท่านรักษา ศีล ๕ ครบถ้วน กรรมบถ ๑๐ ครบถ้วน ที่มีบารมีเข้มข้นสามารถจะไปนิพพานได้ในชาตินี้
    ถ้าบังเอิญชาตินี้พลาดไปนิพพาน ไปเกิดเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี หรือพรหมก็ตาม อีกไม่นานนักพระศรีอาริย์ก็ตรัส เราก็ฟังเทศน์ จากพระศรีอาริย์ภายในไม่ช้าก็บรรลุอรหันต์สามารถไปนิพพานได้


    ข้อมูลจาก : http://palungjit.org/threads/ปฎิบัต...ระศรีอาริยเมตไตร-โดย-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ.219349/
     
  7. water_

    water_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +278
    ........................
     

แชร์หน้านี้

Loading...