ทำไมในนี้มีแต่คนบ้า

เว็บเด็กดีมีแต่เด็กๆ เว็บพันทิปมีแต่คนโลกสวย ส่วนเว็บพลังจิตมีแต่คนบ้า
อย่าบอกนะว่าไม่ได้บ้า เพราะคนบ้าก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น 5555555555 ถ้าพูดแทงใจดำลบกระทู้ได้เลย

 

นั่นสิ คนบ้าเข้าคุยกันอยู่
หรือ จะให้ยืมคำ น้องพลอยมาบอกว่า

เป็นไรมากๆ ไหมเนี๊ย
แม่ไม่รักหรือ

 

ยินดีต้อนรับน่ะครับคุณ จาจาจิงจา ที่สมัครเข้ามาร่วมบ้ากะพวกเราสมาชิกเว็บพลังจิต มันก็ธรรมดาแหละครับ คนเราน่ะชอบและบ้าไม่เหมือนกันชอบเด็กก็ไปบ้ากะเด็ก ชอบสังคมเทคโนโลยีก็ไปบ้าที่พันทิพย์ ชอบธรรมมะก็มาบ้ากะพลังจิตนี่แหละครับ บ้าแล้วได้สติได้ข้อคิด ได้ธรรมมะ อันไหนบ้ามาก บ้าน้อยก็ว่ากันไป อันไหนดีเก็บไว้ อันไหนไม่ดีก็มาแชร์ความคิดเห็น ติเตียนบอกกันได้ :z2

 

ก็เวปอื่นเขาบ้าดี บ้าภาพพจน์ที่ดี บ้าโลกสวยที่ทำได้จริงไม่ได้ ก็เท่านั้นครับ
เวปพลังจิตนี่ เขาไม่ได้เรียกว่าบ้านะครับท่าน เขาเรียกว่า เอาความบ้า ออกมา ระบายครับ
เพื่อเอาออก เพื่อแสดงออก เพื่อระบายครับท่าน

ส่วนพวกเวปอื่น ก็ สตอเบอรี่ ของเขาไปครับ ใครว่าเล่าว่า บ้าดีไม่บ้า บ้าดีนี่ ร้ายกว่า ทุกความบ้านะครับ
เพราะ บ้าดี แล้ว เกิดจิตพิฆาต ทำร้าย ทำลาย พวกที่ตนเองคิดว่า เขาไม่ดีเท่าตนเอง นั่นเอง เห็นมาเยอะครับ บ้าดี แล้วคิดว่าตนเอง ดีกว่า คนอื่น มีมากมายครับ กดข่ม อยากอยู่เหนือ ต้องมีคนมากราบ มายกย่อง มาเรียกอาจารย์ แบบนี้ มีลูกศิษย์ มีลาภ สักการระ แบบนี้ครับ

 

ใช่ครับ เห็นด้วยครับ เพราะส่วนมากเค้าจะบ้าดี บ้าอยากไปนิพพาน บ้าอยากหลุดพ้นครับ

 

สรุปว่า บ้ากันทุกจำพวกน่ะครับ ขึ้นอยู่กับว่า จะสนองความบ้าของตนเองอย่างไร หรือ เอาความบ้า ที่ตนเองบ้า ออก ทิ้งได้อย่างไร จะรักษา โรคของความคิด นี้ได้อย่างไร หรือยังไง

 

ไม่งั้นมันธรรมดาไป สำหรับคนมีพลังจิต พูดกับคนนอกบางคนไม่ได้เขาไม่เข้าใจ แต่พลังจิตพิสูจน์ได้ ต้องพิสูจน์เอง จะได้ไม่หาว่าโกหก

 

บ้าอยากดี
บ้าอยากมีดี
บ้าอยากให้คนอื่นเห้นว่าตนเองดี
บ้าเงินทอง
บ้ารวย
บ้าอำนาจ ยศ ถา บรรดาศักดิ์
บ้างาน
บ้าผู้หญิง
บ้าความเท่ห์
บ้าสิ่งที่คนอื่นไม่บ้า
บ้าแปลก แตกต่าง
บ้ามากมาย นะครับ ยุคนี้ บ้ารถ บ้าส่วนบุคคล

 

บ้าธรรมะ ดีกว่าบ้ากามะ

ธรรมะ คือศาสตร์หรือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งยอมรับพิธีกรรมและการบวงสรวง พิธีกรรมเหล่านี้มักจะถูกปล่อยปละละเลยเนื่องจากมีผู้มองไม่เห็นความสำคัญ และผลที่เกิดขึ้นก็มองเห็นได้ยาก เนื่องมาจากความซับซ้อนและมีผู้อธิบายถ่ายทอดมาหลายขั้นหลายตอน

กามะ คือความบันเทิงสุขในตอนกลางของชีวิต โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งได้แก่ โสต กาย จักษุ ชิวหา และนาสิก คำจำกัดความเบื้องต้นของกามะ ก็คือ การเชื่อมโยงระหว่างอวัยวะที่มีความรู้สึกกับสิ่งที่ไปสัมผัส ผลจากความสุขนี้เรียกว่า “กามะ” ซึ่งบัญญัติโดย “กามสูตร” และจากประสบการณ์ทั่วไป

ธรรมะเกี่ยวเนื่องกับสรรพสิ่งนอกโลก หลักการต่าง ๆ มีไว้แต่ในตำรา
แต่กามะนั้นเป็นธรรมชาติ

ธรรมะเรียนรู้ได้จากการค้นคว้า ฝึกฝน ปฏิบัติให้พบกับธรรม ซึ่งนำมาแห่งความหลุดพ้น
แต่กามะเรียนรู้จากธรรมชาติซึ่งมีอยู่ใต้จิตสำนึกโดยไม่อยากหลุดพ้น ลุ่มหลงอยู่กับกิเลส

แล้วท่านอยากเรียนรู้ธรรมะ หรืออยากเรียนรู้กามะมากกว่ากัน ก็สุดแท้แต่ใจของท่าน

 

ผมอยากรู้ว่า กามคุณ5 มีจริงหรือไม่ ครับ ใครกันที่ ยกย่องว่า กาม ก็ยังมีคุณ อยู่ ถึง 5 อย่าง กามคุณ5 ถือว่า ลุ่มหลงกิเลสมั้ยครับ
รบกวน อธิบาย แจกแจง คุณ ให้คนอื่น ได้ รับรู้ ได้บ้างมั้ยครับ

หรือ กามคุณ5 ไม่เป็นจริงหรือครับ ที่มีคนพูดมา

 

แต่ต้องระวังคนบ้า ธรรมะบางคนนะ ..
เห็นบ้าธรรมะ ไม่ใช่จะเป็นคนดี เอาใว้ข่มคนอื่น
เอาใว้คิดว่า ตัวเองดีกว่าชาวบ้านนก้อมีนะ ...ใครไม่เข้าใจสิ่งที่เค้าพูด โดนว่า ว่า โง่ ไม่มีปัญญาบ้างแหละ บาปหนาบ้าง บัวใต้ตมบ้างงง

ผมไปเจอข้างนอก เจอคนบ้าธรรมะ แบบไม่ใช้ปัญญา ..แบบว่าคุยด้วยแล้วปวดหัว

(ย้ำนะ ว่าบางคน)

 

อันนี้ จิตปรุงแต่ง ออออออออออออออออออออออก ไปไกลแล่ว อิอิ

 

ผมก้อบ้านะ เป็นจิตเวชมา 15 ปี เล่าเรือ่งที่เห็นไม่มีใครเชื่อ กว่าจะหลุดพ้นจากยาหมอได้เนี่ยก้อนานมากมายถึง 15 ปี ปัจจุบันเลิกกิน ปฏิบัติธรรมะอย่างเดียวแล้วก้อเห็นสิ่งมหัศจรรรย์มากมาย

เหอๆๆ บ้า ก่อน จะเจอดีไงครับ

 

กามคุณ ก็คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

การที่กามคุณทั้ง ๕ นั้นจะมีอิทธิพลต่อจิตใจของบุคคลได้ก็ต่อเมื่อ บุคคลไปยอมรับ ไปกำหนด ไปสร้างเงื่อนไขว่ารูปนั้นน่าใคร่ น่ารัก น่าพอใจ คือกำหนดว่ารูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย โผฏฐัพพะนั้นน่าจับต้องกิเลสก็เกิดขึ้น แต่ถ้าไม่กำหนด คือเฉย ๆ สิ่งเหล่านี้ก็อยู่ของมันเฉย ๆ เพราะว่าเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้น มีอยู่เป็นอยู่ เป็นธรรมดา
พระอริยเจ้ากับมนุษย์ปุถุชนก็เห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส เช่นเดียวกัน ถูกต้องเย็นร้อนอ่อนแข็งเช่นเดียวกัน แต่เพราะว่าภายในจิตใจของพระอริยเจ้าไม่มีกิเลส เป็นเหตุให้กำหนดหมายว่ารูปสวย เสียงไพเราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสนั้นน่าจับต้อง ความเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของท่านจึงไม่มี แต่ว่าสามัญชนนั้นจะต้องกำหนดว่าสวยหรือไม่สวย ไพเราะหรือไม่ไพเราะ จิตใจของบุคคลจึงมักจะขึ้นลงด้วยความปรารถนา ด้วยความชอบและความชัง หรือความยินดีกับความไม่ยินดี

เรื่องของกามคุณทั้ง ๕ ประการนี้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้โดยอเนกปริยาย เช่น ทรงเรียกว่าเป็นบ่วงของมารบ้าง เป็นพวงดอกไม้ของมารบ้าง ในกรณีที่เป็นบ่วงของมารก็เป็นเครื่องผูกพันบุคคล เหนี่ยวรั้งบุคคลเอาไว้ ถ้าหากติดในบ่วงใดบ่วงหนึ่งก็ไปไม่ได้ ผูกติดอยู่อย่างนั้น

พระพุทธเจ้ามิได้ทรงเพ่งแต่จะสอนให้ละเลิกความเกี่ยวข้องกับกามคุณไปถ่ายเดียว แต่ทรงสอนให้รู้จักปฏิบัติต่อกามคุณอย่างถูกต้อง โดยที่ยังคงความเป็นอิสระอยู่ได้ไม่ตกไปเป็นทาสของกามคุณ และมิให้กามคุณกลายเป็นสิ่งก่อโทษทุกข์ภัย

 

เป็นประสบการที่ ยอดมากครับ เพื่อนผม ผู้หญิงหลายคนที่ เห็นสิ่งต่างๆ แล้ว พ่อแม่ก็จับส่งโรงบาลบ้า ตอนนี้ เป็นครู อยู่ พ่อแม่ก้อยัง ไม่ไว้วางใจ หาว่าเธอ บ้า เพ่อเจ้อ ก็ต้องทำใจล่ะครับ

เพราะ ไม่เรียนรู้ที่จะหาคำตอบและ แสดงความจริงได้ ในสิ่งที่ตนเอง พบเจอ

แต่ความจริงนั้น มัน สามารถ ทำให้คนอื่นรู้ หรือ พิสูจน์ตัวเองได้ครับ แต่ต้องเรียนรู้ ด้วย เลือดเนื้อและน้ำตาของตนเองครับ

เรียกง่ายๆว่า เป็นการพิสูจน์ตนเองต่อผู้อื่นน่ะครับ ทั้งโลก ก็เป็นแบบนี้เหมือนกันครับ ทุกคนพ่ายแพ้ ต่อการพิสูจน์ ในสิ่งที่ตนเอง พบเจอ เหมือนกัน

ต้องอดทน ครับ ขันติ เอามาใช้เพื่อสิ่งนี้เองครับ

 

ทุกคนยังเข้าใจถูกบ้างไม่ถูกบ้างตามอัตภาพของแต่ละท่าน ธรรม คือความจริง และอื่น ๆ ที่เป็นวิชชา นะครับ อีกอย่างกิเลสคือตัวขัดขวางไม่ให้หลงไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ขัดขวางไม่ให้เข้าสู่นิพพาน กิเลสจึงต้องดับให้สิ้น ในส่วนกามคุณ นะหมายถึงปุถุชนที่ยังวนเวียนในภพทั้งหลาย ดีบ้างไม่ดีบ้าง ไม่ได้หมายถึง ราคะอย่างเดียว บางทีเราก็ต้องแยก ราคะออกมาจากกามคุณ เช่น ทำความดีไปสวรรค์ ทำชั่วตกนรก จัดเป็นกามคุณอย่างหนึ่งครับ ซึ่งเป็นความจริงในชีวิตมนุษย์ ครับ

 

พระพุทธเจ้ามิได้ทรงเพ่งแต่จะสอนให้ละเลิกความเกี่ยวข้องกับกามคุณไปถ่ายเดียว แต่ทรงสอนให้รู้จักปฏิบัติต่อกามคุณอย่างถูกต้อง โดยที่ยังคงความเป็นอิสระอยู่ได้ไม่ตกไปเป็นทาสของกามคุณ และมิให้กามคุณกลายเป็นสิ่งก่อโทษทุกข์ภัย
........................
มันเหมือนกัน กับ มรรคแปด หรือ ทางสายกลาง หรือ การสมควรของมนุษย์ผู้ประเสริฐ หรือไม่ อย่างไรครับ

ขอบคุณที่ร่วมคุยด้วยนะครับ

 

เห็นด้วยกับคุณเช่นกันครับ

 

ผมนึกว่า กามคุณ คือ กามที่ให้คุณ เหมือน ไฟ ที่ให้โทษก็ได้ ให้คุณก็ได้ อยู่ที่ ตัวคน บุคคล ที่นำมาเอามาใช้น่ะครับ
เหมือนกัน อาหารที่อร่อย เต็มโต๊ะ ก็ กลายเป็นกามไม่ให้คุณแก่ชูชกได้ เช่นกัน
น่าจะขึ้นอยู่กับ ตัวบุคคล หรือ ปัญญา ความคิด ของแต่ละบุคคลนะครับ

 

มรรคอันมีองค์แปด คือ ทางแห่งการหลุดพ้น 8 ประการ ทางสายกลาง คือ ทางที่พอดี พอเพียง พอประมาณ ทั้ง 2 ประการย่อมเป็นทางอันสมควรของมนุษย์ผู้ประเสร็ฐทั้งหลาย ครับ รายละเอียดจะเจาะลึกลงมาก บางทีอธิบายคุณไป ถ้าคุณไม่เข้าใจก็ไม่เกิดผล แต่ถ้าคุณเข้าใจก็อนุโมทนาสาธุด้วยคนนะครับ