ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. rescuelp

    rescuelp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +420
    ลาออกจากงานแล้วเอาเงินไหนใช้ กันครับ พี่ (สงสัย)
     
  2. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    เป็นคำถามที่ดีมากเลยครับ เชื่อว่าทุกท่านก็สงสัย ผู้ที่มาฝึกนั้นไม่มีใครมีฐานะมาเป็นสปอนเซอร์เลย แต่จะใช้เงินที่แต่ละคนมีเก็บอยู่หรือเหลืออยู่มาใช้ โดยบริจาคเข้ากองกลางไว้ใช้ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่คือค่าอาหาร ที่ต้องจ่ายทุกวัน และก็ต้องมีค่าน้ำมันรถที่ใช้ขนน้ำ ยิ่งช่วงหลังมีการเดินทางออกฝึกนอกสถานที่ด้วย และจะต้องมีค่าไฟฟ้าที่ใช้บนเขา แถมเพื่อนที่เข้าร่วมฝึกออกจากงานมามีหนี้สินค้างส่งไว้ทางกลุ่มก็ยังใช้เงินกองกลางนี่แหละจ่ายรายเดือนให้จนหมดหนี้ และที่นึกไม่ออกก็อีกเยอะแยะโดยทั้งหมดนี้ผู้ที่รับผิดชอบโครงการคือท่านผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโตเป็นผู้สั่งให้ดำเนินการ โดยท่านบอกว่าผู้ที่มาฝึกคนหนึ่งสามารถจะช่วยชีวิตคนในอนาคตได้ไม่รู้เท่าไร เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่
    <O:p
    การที่ผู้ที่กล้าออกจากงานไปฝึกนั้นทุกคนคือปุถุชนที่เล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าเรื่องเงินเรื่องภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวของแต่ละคนต้องมีปัญหาแน่ แต่จากการที่ได้รู้ได้เห็นมามันเป็นเรื่องใหญ่ มันเป็นเรื่องจริง ซึมซับมานานพอสมควรกว่าจนถึงช่วงที่จะต้องตัดสินใจในโลกธรรม 8 คือระหว่าง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข กับการไปฝึกที่เขาบอกแล้วว่า จะต้องเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ แต่มีภพชาติที่สั้นลงเป็นรางวัล ไม่ง่ายครับ ไม่ง่ายเลยที่จะตัดสินใจเมื่อถึง ณ จุดนี้ ผู้ที่มีหมายเลขหลายท่านขอสละสิทธิ เหลืออยู่ฝึกจริงไม่ถึงครึ่งก็เอาเป็นว่าผู้ที่ได้อยู่ฝึกได้เลือกหัวหรือก้อยเหมือนกันเท่านั้นเองครับ

    ยินดีมากนะครับที่สนใจ นึกว่าผมจะแอบฝอยอยู่คนเดียวซะแล้ว(deejai) <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ตุลาคม 2007
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอกราบอนุโมทนาสาธุการด้วยอย่างสูงครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ

    [b-wai] [b-wai] [b-wai]

    ติดตามอ่านมาตลอดครับ
    และจะติดตามต่อไปครับ
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อวานได้โทรคุยกับพี่สุดใจเรื่อง เรียนเชิญพี่สุดใจและกลุ่มเขากะลา ไปร่วมงานมหาสันนิบาตสโมสรพุทธภูมิ ในวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2550 นี้ ที่ปรียนันท์ธรมสถาน อ. พายุหะคิรี จ. นครสวรรค์ครับ

    ทางพี่สุดใจตอบรับเรียบร้อยแล้วและจะมาร่วมงานด้วยทั้งส่วนของการบรรยาย และการจัดนิทรรศการ ครับ

    จึงขอเชิญพวกเราไปร่วมงาน ร่วมกิจกรรมกันได้ครับ ทุกๆท่านที่สนใจ
     
  5. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    ต่อครับ

    เรื่องที่อยู่อาศัยจะแยกกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย อยู่คนละหลังกัน พอดีตอนนั้นมีผู้สร้างบ้านบริจาคให้ไว้เป็นที่พักสำหรับผู้ที่มาปฏิธรรมตั้งอยู่บริเวณริมทางขึ้นด้านบนหลังองค์พระประธาน ผู้หญิงจะพักอยู่บ้านนี้ ปัจจุบันรื้อทิ้งไปแล้ว หรือใครจะนอนเต๊นท์ก็ได้
    <O:p</O:p

    การประชุมเพื่อฟังการสอน รับวาระการฝึกหรือข้อมูลต่างๆ จากครู(ตามที่กล่าวแล้วคือจากร่างคุณวาสนา) จะเป็นการนั่งล้อมวงกันเป็นวงกลม หันหน้าเข้าหากันจะมีการประชุมกันแทบทุกวันบางวันหลายรอบ และรอบละหลายชั่วโมงส่วนใหญ่จะเป็นการสอนและอธิบายข้อธรรมะ ข้อธรรมะในที่นี้ไม่ได้มีศัพท์แสงที่เป็นภาษาที่ฟังยากเลยเป็นพุทธศาสนาเทียบเคียงได้จากในพระไตรปิฎกหรือหนังสือธรรมะทั่วไป คือครูเคยยกตัวอย่างไว้ก่อนหน้าที่จะเริ่มการฝึกนานพอสมควรว่าเปรียบเสมือนคนขับรถไถ(พอดีตอนนั้นได้ยินเสียงรถไถที่วิ่งอยู่ไกลๆ) ที่บางทีอาจจะไม่รู้ว่าส่วนประกอบของรถไถนั้นเขาเรียกว่าอะไรบ้างไม่เหมือนกับคนที่เป็นช่างที่เรียกชื่อถูก แต่ถ้ารถมันเสียคนขับก็สามารถซ่อมให้มันวิ่งได้ ดังนั้นผู้เข้ารับการฝึกจึงฟังง่ายๆ เข้าใจทุกเรื่อง ยกเว้นชื่อที่ต้องทับศัพท์ เช่น ขันธ์5 เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเอาเข้าห้องเรียน

    ทีนี้การฝึกปฏิบัตินี่คือเวลาที่เหลือจากการล้อมวงเรียนในห้องแล้วซึ่งก็ไม่น้อยเลย การสั่งให้ปฏิบัติครูก็จะเรียกมาประชุมเพื่อรับวาระการฝึกว่าจะต้องทำอะไรบ้าง กี่ชั่วโมง แล้วก็จะแยกกัน หรือร่วมกันปฏิบัติตามนั้น และหลายครั้งที่สั่งให้ทำแล้ว แล้วมาเฉลยทีหลัง เช่น ให้นั่งสมาธิฟังเทปธรรมะเป็นเทปของสำนักสันติอโศก ชื่อม้วนว่า “เสียงปลุก 1” (อย่าเพิ่งให้ความสำคัญกับเทปนี้นะครับ เป็นอุปกรณ์การฝึกเฉยๆ) ให้นั่งฟัง 1 ชั่วโมง เราก็ฟังกันเพลินไปเพราะเป็นเทปธรรมะมีเพลงไทยเดิมประกอบ ฟังแล้วน่าชื่นใจ พอฟังจบม้วน ครูก็สั่งให้นั่งฟังอีก 2 ชั่งโมง ชักเอาละซิ เริ่มนั่งทำหน้ากันตุ่ยๆ แล้วและหลังจากนั้นอีกวัน ผมก็จำไม่ได้ว่าฟังไปอีกกี่รอบทุกคนจะเซ็งกันมาก และหลังจากนั้นก็มีการเรียกประชุม ครูก็จะเป็นผู้ถามคนนั้นที คนนี้ที ว่าจำอะไรได้มั่ง ต่างคนต่างก็จำกันไม่ค่อยได้ ครูก็เลยเฉลยว่า “เป็นยังไงล่ะการเกิดบ่อยๆ น่ะเป็นทุกข์มั๊ย ผู้ที่ไม่รู้จำไม่ได้ว่าเคยเกิดมากี่ครั้งก็จะไม่รู้สึกว่ามันเป็นทุกข์ แต่ผู้รู้ท่านเห็นการเกิดบ่อยๆ จึงรู้ว่ามันเป็นทุกข์”ทุกคนก็เลยถึงบางอ้อยิ้มได้หลังจากหน้าตูมมานาน เมื่อยก้นเมื่อยหลังกันมาก เพื่อนๆอย่าคิดว่ามีแต่วัยอย่างผมนะครับ ตอนนั้นยังมีคุณลุงที่อายุ 65 และคุณแม่ของพี่สุดใจเองเข้าฝึกด้วย(ในช่วงแรกๆ)
    <O:p</O:p
    <O:p</O:pในการสอนนั้นครูจะสอนเอาเรื่องจริงๆ ให้เห็นภาพกันเลย เช่น วันหนึ่งให้แบกเก้าอี้ไปนั่งกันที่หลังเขากะลา ถามหาว่าใครมือโตที่สุด ก็จะเป็นพี่คนหนึ่งที่เคยเป็นอาจารย์สอนศิลปากรมาก่อนเป็นคนที่มือโตที่สุด ครูก็จะให้หยิบใบไม้มากำไว้ในมือให้มากที่สุด พี่แกก็พยายามนะ ครูก็บอกว่าที่พระพุทธองค์ตรัสรู้น่ะความรู้มากมายเหมือนใบไม้ในป่า แต่ที่นำมาตรัสสอนเนี่ยแค่ใบไม้ในกำมือเท่านั้นเอง แต่การปฏิบัติธรรมเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติในครั้งนี้ ครูจะเอาใบไม้นอกกำมือมาสอน<O:p</O:p

    (ขอต่อคราวหน้าครับ)<O:p</O:p <!-- / message --><!-- edit note -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  6. kingkaewmath

    kingkaewmath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +773
    โมทนาสาธุ ค่ะ เป็นการสอนที่ดีมาก
    อาจนำไปประยุกต์ใช้กับเด็กนักเรียนได้
     
  7. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    โอ...สอนกันแบบจริงจังมากๆ
     
  8. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    การปฏิบัติในเบื้องต้นส่วนใหญ่จะแฝงไว้ด้วยการเสริมสร้างความเพียร ความอดทนอดกลั้น การเจริญสติ การทำให้ได้ตามที่ตั้งใจหรือสัจจะ การฝึกสมาธิซึ่งจะไม่ใช่ให้เข้าฌานหรือให้เกิดอะไรจากสมาธิ เอาเพียงแค่ฟังอะไรได้รู้เรื่องอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ครูบอกว่าใครมีฌานจะตีฌานให้แตก และจะไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในรูปแบบที่ตายตัว ไม่รู้ล่วงหน้าทั้งนั้นว่าจะต้องทำอะไรต่อไป แม้แต่คุณวาสนาเองจากการที่ได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา(พูดยังกะนักข่าวรอยเตอร์-ก็ตอนนั้นไม่มีใครกล้าไปคุยด้วยเท่าไรนี่นา)คุณวาสนาก็ไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะให้ทำอะไร ถ้าข้อมูลจากครูสั่งมาปุ๊บก็จะพูดออกมาเลย แต่ในเวลาปกติที่ไม่ได้ถ่ายทอดข้อมูลจะมีแต่ข้อมูลทั้งจริงและหลอกเข้ามาในความคิดอยู่ตลอดเวลา ก็ต้องปล่อยวางความคิดให้ได้ คือดูเฉยๆ ไม่งั้นก็จะทุกข์แย่ เช่น มีครั้งหนึ่งตอนออกนอกสถานที่ มีความคิดเข้ามาว่าจะให้ผู้ฝึกถ่ายทุกข์ในถุงดำแทนการไปหาห้องน้ำ เป็นต้น จึงต้องไม่เชี่อข้อมูลจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องพูดจริงในการถ่ายทอดข้อมูล ก็จะเป็นข้อมูลจริง ส่วนใหญ่ครูจะสั่งให้ปฏิบัติโดยกำหนดระยะเวลาให้ หรือสั่งให้ปฏิบัติแล้วไม่บอกระยะเวลาก็ต้องทำกันต่อไป จนกว่าจะมาบอกยกเลิก
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    วาระที่ครูสั่งให้ปฏิบัติในช่วงแรก ตอนที่อยู่บนเขากะลา เท่าที่ผมนึกออกและไม่ได้เรียงลำดับ ได้แก่
    <O:p</O:p
    - ให้นั่งสมาธิตามกำหนดระยะเวลา อาจจะภายใน 1 หรือ 2 ชั่วโมง หรือกว่านั้นแล้วนับลมหายใจเข้า-ออกของตัวเองว่าได้กี่ครั้ง
    <O:p</O:p
    - ให้นั่งสมาธิ หรืออยู่ในอริยบทอื่นตามกำหนดระยะเวลา แล้วให้นับว่ากระพริบตาไปกี่ครั้ง
    <O:p</O:p
    นั่งสมาธิกลางแดด ในช่วงเวลาประมาณ 3 – 4 โมงเย็น เป็นเวลา 1 หรือ 2 ชั่วโมง อนุญาตให้กลับข้างได้ (หมายถึงปิ้งกับแดดน่ะครับ ถ้ากลัวดำข้างเดียวก็สลับให้มันดำอีกข้างหนึ่งได้) อันนี้นานครับคือทุกวันเลย ต่อเนื่องเกือบเดือนซะละมั๊ง
    <O:p</O:p
    - นั่งสมาธิฟังเทป ก็เทปม้วนที่ผมเล่าก่อนหน้านี้ละครับ เทปม้วนนี้ฟังกันเป็นร้อยๆ ครั้งครับไม่ได้เว่อร์เลย ตั้งแต่ต้นปี 2542 ถึงต้นปี 2543 แต่ผมเองตอนนี้ก็ยังจำเนื้อหาในเทปไม่ได้อยู่ดี

    <O:p</O:p
    - นั่งสมาธิธรรมดาตามลานหินที่หลังเขากะลา ตามเวลาที่กำหนด แต่มีครั้งหนึ่งนั่งได้หน่อยเดียวฝนตก ก็อย่างว่าแหละครับต้องให้ได้ตามเวลาที่กำหนด
    <O:p</O:p
    - ฝึกสติจากอริยบถ 4 คือ ยืน เดิน นั่ง นอนสลับกันไป
    <O:p</O:p
    - ถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่า อยู่ช่วงหนึ่ง อันนี้ก็เหมือนธรรมดาครับแต่ถนนบนเขาหินคมชมัด เดินกันกระย่องกระแย่ง ร้อนอีกต่างหาก แถมยังมีพวกหนามจากต้นไม้แห้งปนอยู่ตามพื้นให้ต้องนั่งแงะกันบ้าง

    - กลับเวลาเร็วไปอีก 6 ชั่วโมง หมายถึงชาวบ้านเขาตื่นกัน 6 โมงเช้า แต่เราสองยามครับถือเป็น 6 โมงเช้า ต้องไขนาฬิกากันใหม่ให้เร็วขึ้น 6 ชั่วโมง สองยามต้องตื่นกันแล้วทำวัตรสวดมนต์เช้าเสร็จก็เริ่มทำงานกันแม่ครัวก็ทำกับข้าวไป แผนกเครื่องนุ่งห่มก็ซักผ้าตากผ้ากันไป เสร็จแล้วก็ซักตีหนึ่ง อาหารเช้าครับ แล้วก็มีการประชุมปฏิบัติตามวาระตามปกติ พอซัก 6 โมงเช้าของชาวบ้านแม่ครัวก็ต้องทำอาหารเที่ยงอีกแล้ว พอเที่ยงก็จะเป็นมือเย็น ไม่งงนะครับ ตอนเริ่มปรับใหม่ๆ นี่จะรีบนอนกันแต่หัวค่ำเลย คือซักบ่าย 3 โมงเย็นของชาวบ้านแต่เป็น 3 ทุ่มของเรา กลับเวลาอยู่นานครับร่วมครึ่งเดือนกว่า พออยู่ตัวก็กลับเวลาเป็นปกติ ต่อมาอีกพักใหญ่กลับเวลาอีกแล้วเป็น 12 ชั่วโมง ลองนึกภาพครับ 6 โมงเย็นถือเป็น 6 โมงเช้า ชาวบ้านเขาเปิดไฟเข้าบ้านตอนเย็นกัน แต่เรากลับลุกกูลีกูจอมาทำวัตรสวดมนต์เช้า ทุ่มนึงก็ได้เวลากินข้าวเช้า ทำกิจวัตรกันกลางคืน พอรุ่งอรุณไก่ขันก็ทำวัตรสวดมนต์เย็น (เอ๊ะชาวบ้านเค้ามาว่าเราบ้าได้ไงก็ยังงงอยู่)

    <O:p</O:p- พูดภาษาอังกฤษห้ามพูดภาษาไทย อันนี้ก็สนุกครับคือมีไนยะว่าถ้าคิดอะไรแล้วจะพูดโพล่งออกมาเลยไม่ได้ ต้องมีสติหาคำที่เป็นภาษาอังกฤษก่อน คนที่เก่งอังกฤษก็มีอยู่คน 2 คน ก็ไม่รู้จะคุยกับใคร ส่วนผมตอนนั้นก็ไม่ค่อยได้(รวมถึงตอนนี้) แล้วยิ่งแผนกอาหารแม่ครัวทั้งหลายนี่ต้องพูดให้ได้อย่างน้อยคำว่า “EAT” ซึ่งแปลว่า อาหารเสร็จแล้วมารับประทานอาหารกันได้แล้ว(ความหมายลึกซึ้งนะครับ)พร้อมกับตีระฆังไปด้วย ยิ่งผู้สูงอายุตามที่ผมได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้นี่น้ำลายบูดอยู่หลายวัน แต่เก่งภาษามือขึ้นเยอะ ต้องขอเสริมเรื่องเคาะระฆังครับเพราะบนเขาพื้นที่ไม่กว้างมากนัก แต่เมื่อเวลาที่ไม่มีวาระให้ฝึกต่างคนต่างก็หามุมสงบกระจายกันไปตามไหล่เขา ถ้าตะโกนเรียกอย่างเดียวจะไม่ได้ยิน
    <O:p</O:p
    - การไหว้พระทำวัตรเช้า-เย็นสวดมนต์จะสวดกันเต็มรูปแบบเหมือนพระสงฆ์อยู่แล้ว และทุกคนจะจำได้โดยไม่ต้องเปิดตำรา แต่วาระที่ให้ปฏิบัตินี่คือจะต้องนึกให้เห็นเป็นคำคล้ายกับที่พิมพ์อยู่ในหนังสือที่เราอ่าน เสร็จแล้วให้ตัวหนังสือเหล่านั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าผาก เป็นตัววิ่งเหมือนตามโทรทัศน์ที่มีข่าวสั้นๆ วิ่งเป็นแถบข้างล่างนั่นแหละ ถ้ายังนึกไม่ได้ ไม่ต้องสวดออกมา อันนี้ต้องแยกกันสวดแล้วครับ กระจายกันตามลานหน้าองค์พระนั่นแหละ

    <O:p</O:p- ประมวลพลัง เป็นคำใหม่ครับ อาจจะเคยอ่านของพี่สุดใจแล้ว แต่ไม่น่าจะเข้าใจ หรือนึกภาพไม่ออก เป็นการนั่งสมาธินี่แหละครับ แต่บอกว่าเป็นชั่วโมงประมวลพลัง และแทนที่จะเอามือประสานกันเหมือนที่เราเห็นการนั่งสมาธิทั่วไป แต่ให้เอามือซ้ายหงายและยกขึ้นจากหน้าตักเล็กน้อยประมาณระดับท้อง ส่วนมือขวาตั้งฉากให้ข้อศอกขวาอยู่ในระดับปลายนิ้วมือซ้าย และอีกท่าหนึ่งคือทำมือเป็นรูปดอกบัวบาน แต่มักใช้ท่าแรกมากกว่า ส่วนใหญ่จะนั่งกลางลานพระตอนกลางคืน ยังไม่ดึกมากนัก

    <O:p</O:pต้องอธิบายเยอะหน่อยสำหรับการประมวลพลัง เป็นการฝึกเพื่อรับคลื่นหรือเวฟ(WAVE) จากมนุษย์ต่างดาวที่ส่งมาให้แต่ละคน และเป็นการเฉพาะตนในแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ผมเองและอีกหลายคนไม่มีเวฟ แต่อีกหลายคนจะได้รับเวฟหลังจากที่เริ่มนั่งกันได้แป๊บเดียวรวมถึงภรรยาผมที่ไปฝึกด้วย เวฟนี้จะควบคุมบังคับร่างกายของผู้รับคลื่นให้ออกท่าทางอาการต่างๆได้ (รวมถึงความคิด อารมณ์ คำพูด ซึ่งจะมีเด่นชัดภายหลัง) โดยที่เจ้าตัวก็ยังรู้สึกตัวเป็นปกติ ไม่มีผิดไม่มีถูกนะครับสำหรับทั้งคนที่มีเวฟและคนที่ไม่มีเวฟ เพราะครูได้เปรยๆ ว่าบางคนรู้เรื่องธรรมะน้อยก็ต้องใช้เครื่องมือช่วย
    <O:p</O:p
    จะขอยกตัวอย่างคนใกล้ตัวผมที่ไปด้วยกันครับ คือพอเขานั่งสักพักนึงก็จะเอนนอนหงายลงกับพื้นแล้วก็ยกแขนขึ้นทีละข้างแกว่งวนแบบ ฮ.จะบินขึ้นอย่างนั้นแหละครับ แล้วซักพักก็เปลี่ยนข้าง อีกเดี๋ยวนึงกลายเป็นยกเท้าครับชี้ฟ้าทีละข้างแล้วก็หมุน ผมเองยังสงสัยว่ามนุษย์ต่างดาวเขาจับบริหารร่างกายให้รึเปล่า ส่วนของพี่สุดใจตอนนั้นก็เห็นเดี๋ยวนั่งเดี๋ยวนอน หกคะเมนตีลังกา อะไรประมาณนี้แหละครับ แต่จากการให้สัมภาษณ์เลยทราบว่าพี่สุดใจเป็นนักกีฬาเก่า แชมป์แบดมินตันชนะเลิศ 9 ปีซ้อน ทีมกระทรวงคมนาคมนะครับ ไม่ใช่กระจิบๆ และในช่วงเวลานี้เองก็จะมีUFO(ผมแปลให้แล้วนะในโพสต์ก่อนๆ) บินไปบินมาค่อนข้างถี่ แต่พวกเราที่ฝึกอย่างดีก็แค่ชำเรืองมอง

    ต้องขอออกนอกเรื่องนิดนึงครับคือภรรยาผมเขาเป็นคนไม่แข็งแรงเท่าไร มีโรคประจำตัวคือหอบหืด เป็นหวัดก็ง่าย แต่ตั้งแต่ไปฟังเทศน์สมัยพระอินทร์มานั่นไม่เคยเป็นอะไรเลย อยู่ยันเช้าแทบจะทุกเสาร์ อาจเป็นเพราะอากาศดีรึเปล่า แถมยังมีพลังจักรวาลหรืออะไรเนี่ยละครับที่เวลาเอามือหันเข้าหากันก็รู้สึกว่ามันดันกัน มีกันทุกคนครับไม่รู้อะไร เอาไว้หมุนลูกตุ้มเล่น จนตอนหลังครูดุห้ามเล่น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:pมีครั้งหนึ่งจำได้ว่าสั่งให้ไปนั่งสมาธิตั้งแต่ตี 4 ที่หน้าถ้ำด้านข้างเขากะลา พอเสร็จครบตามเวลาก็สว่างพอดี ก็เดินขึ้นมาด้านบนกันเพื่อที่จะขึ้นไปลานพระเพื่อทำวัตรสวดมนต์เช้า ก็ต้องผ่านทางที่แผนกอาหารเขาเพิ่งทำเสร็จ หอมหวนชวนกินซะเหลือเกิน ก็เลยแวะกันซะคนละอิ่ม แต่จำไม่ได้ว่าอิ่มรึเปล่าครูไปเรียกประชุมอยู่ที่หน้าลานพระด้านบน โดนไม่ใช่น้อยครับ ครูด่าซะ กิจสำคัญที่ต้องทำยังไม่ได้ทำเลยทำวัตรสวดมนต์เช้าไปกินกันซะแล้ว ให้นั่งฟังเทป 2 ชั่วโมงหน้าองค์พระ(ม้วนเดิมอีกน่ะแหละครับ) ตอนนั้นก็แดดออกแล้วครับจำได้ว่าแรงซะด้วย แล้วต้องนึกภาพตามนะครับว่าคุณวาสนาเป็นน้องของพี่สุดใจ พี่สมจิตร และเป็นลูกของแม่เล็ก และยังมีผู้อาวุโสที่ผมกล่าวแล้วร่วมฝึกอยู่ ต้องโดนด่าโดนทำโทษด้วย ผมก็โดนทำโทษนั่งอยู่หลังแม่เล็กคอยชำเลืองมองดูแกนั่งตากแดดอยู่น่าสงสาร ซึ่งคุณวาสนาเองก็ต้องถูกฝึกการปล่อยวางไปด้วยเพราะไม่ใช่เจตนาของตนเอง<O:p</O:p
    (ต่อคราวหน้าครับ)<O:p</O:p <!-- / message --><!-- attachments -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  9. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    คุณนีโม่อยู่ไหนก๊ะ บอกจะมาโพสต์เรื่องอาจารย์ใหญ่ให้ฟัง รออยู่หลายคนนะเนี่ย

    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 ตุลาคม 2007
  10. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    387
    ค่าพลัง:
    +847
    ขอชื่นชมความเสียสละของกลุ่มเขากะลาครับ
    อ่านดูแล้วเหมือนค่ายทหารเลย
    ขอร่วมอนุโมทนาบุณด้วยครับ

    ทีนี้ผมก็ตั้งตารอว่าหากวันนั้นเกิดอะไรขึ้น กลุ่มเขากะลาจะมี
    บทบาทอย่างไรในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น (งงใหมครับผมยังงงเลย)
     
  11. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    คุณสมิทธ ธรรมสโรช ตอนนี้ท่านเป็นคนที่ถูกคิดถึงก่อนเสมอเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขั้นรุนแรงมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดสึนามิ แต่ก่อนหน้าที่ท่านจะได้รับความเชื่อถือตอนนี้ เราจะไม่พูดถึงนะครับไม่มีใครเชื่อว่าสึนามิจะเกิดที่เมืองไทยได้ยังไง

    ทีนี้ถ้าหากวันนั้นเกิดอะไรขึ้นจริง อย่างน้อยต้องมีUFOมาให้เห็นกันจะจะหรือลงจอดนะครับ คงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นอกจากกลุ่มที่อ้างว่าสนิทกับมนุษย์ต่างดาว และถ้าคนกลุ่มนี้ไม่ถูกทำร้าย แสดงให้เห็นว่าสื่อสารกันได้จริงๆ ด้วยมิตรภาพ ตอนนั้นบทบาทของกลุ่มเขากะลาก็คือ "ประสานงานเพื่อการเตือนภัย"ครับ

    ขอบคุณที่มาอ่านนะครับ ไม่ค่อยมีใครมาแซวผมมั่งเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2007
  12. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    <TABLE id=post742162 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead><!-- status icon and date -->[​IMG] 06-10-2007, 01:57 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#342 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>O.A.T<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_742162", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2007
    ข้อความ: 249
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 248 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_742162 class=alt1><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ no.9 [​IMG]
    คุณสมิทธ ธรรมสโรช ตอนนี้ท่านเป็นคนที่ถูกคิดถึงก่อนเสมอเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขั้นรุนแรงมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดสึนามิ แต่ก่อนหน้าที่ท่านจะได้รับความเชื่อถือตอนนี้ เราจะไม่พูดถึงนะครับไม่มีใครเชื่อว่าสึนามิจะเกิดที่เมืองไทยได้ยังไง

    ทีนี้ถ้าหากวันนั้นเกิดอะไรขึ้นจริง อย่างน้อยต้องมีUFOมาให้เห็นกันจะจะหรือลงจอดนะครับ คงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นอกจากกลุ่มที่อ้างว่าสนิทกับมนุษย์ต่างดาว และถ้าคนกลุ่มนี้ไม่ถูกทำร้าย แสดงให้เห็นว่าสื่อสารกันได้จริงๆ ด้วยมิตรภาพ ตอนนั้นบทบาทของกลุ่มเขากะลาก็คือ "ประสานงานเพื่อการเตือนภัย"ครับ

    ขอบคุณที่มาอ่านนะครับ ไม่ค่อยมีใครมาแซวผมมั่งเลย


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แหมจะให้เค้าแซวพี่เรื่องอะไรกันล่ะครับพี่อภิชาติ..เหอๆ

    อยากให้พี่เล่าประสบการณ์แปลกๆส่วนตัว หรือความเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ได้รับการฝึก ธรรมะ อีกเยอะๆ ผมรู้สึกว่าพี่ยังมีอีกยังไม่หมดแม็กนะ..ฮิฮิ
    (deejai)


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    แหมอ่านปุ๊บอยากตอบปั๊บเลยครับ ระยะเวลาที่ฝึกน่ะค่อนข้างจะยาวนาน แล้วตัวผมเองก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเป็นผู้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเพราะทุกคนที่ไปฝึกนี่ขัดใจแม่ทั้งนั้น ก็เลยไม่ได้จดเป็นDailyเอาไว้ไม่งั้นยาว ที่เล่ามานี่เพิ่งเริ่มฝึก การเปลี่ยนแปลงกับตัวเองและทุกคนย่อมมีแน่นอน แต่เป็นเครื่องรู้เฉพาะตนจริงๆ ว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เช่น เรื่องที่เคยโกรธทุกที ก็จะโกรธน้อยลงหรือเห็นมันเป็นธรรมดาเลยเฉยๆ ที่เคยเพ่งโทษคนโน้นคนนี้ก็จะเลิกไป ที่เคยโลภอยากมีทรัพย์สินเงินทองข้าวของต่างๆ ก็จะอยู่อย่างพอเพียง คือพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่และอยู่อย่างสบายใจ จนไปถึงว่าถ้ายังทุกข์เรื่องอะไรได้อีก แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติกับตัวเราแล้ว ยังต้องแก้ไขให้ทุกข์กินเราไม่ได้

    ที่เล่ามาทั้งหมดนี่เพิ่งเริ่มได้เล็กน้อยเองครับ ยังไม่ถึงขั้นตอนที่ทุกข์เพราะถูกWAVEของมนุษย์ต่างดาวเข้ามากดจิต และสถานะการที่ครูสร้างขึ้นมาเพื่อหาทุกข์มาให้เลย ถ้าผมเขียนถึงจุดนั้นผู้อ่านที่ติดตามอยู่ตั้งแต่ต้นอาจจะอนุมานได้เองว่าถ้าตนเองเป็นผู้ไปฝึกตามนี้ จิตใจจะเปลี่ยนแปลงไปในแนวไหน(ก็คงไม่นานต้องรอจนแก่หรอกครับ เพราะจะเร่งให้เสร็จก่อนเจ้าของกระทู้จะมาทวงคืน)

    จะต้องเล่าเป็นขั้นเป็นตอนไปตามที่ครูมาฝึกเหมือนกันครับ ที่เขียนมายากตรงที่ผมจะมาใส่สีใส่ไข่ไม่ได้ ต้องนั่งนึกย้อนอดีตอีก ถามคนที่บ้านก็จำอะไรไม่ได้ซักอย่าง เพราะตอนที่ไปฝึกเขาคงยังอายุน้อยอยู่(ตอนนี้เขาเพิ่ง41 ..อิอิ)(deejai)

    จะรีบครับใจเย็นๆ ขอบคุณมากๆ ที่ติดตามนะครับ...เดี๋ยวปั่นต่อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3_3_106[1].gif
      3_3_106[1].gif
      ขนาดไฟล์:
      33.2 KB
      เปิดดู:
      1,478
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  13. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    จะขอเล่าประสบการณ์การพบเห็น ให้ฟังบ้างซักเล็กน้อยครับ

    <O:p</O:pแรกๆ เลย ช่วงก่อนที่ผมรู้จักเขากะลานิดเดียว วันนั้นประมาณ 19.00 น.ผมก็ยืนอยู่หน้าตึกเป็นอาคารพาณิชย์ที่อยุธยาหันหลังให้ตึกก็เห็นเครื่องบินลำใหญ่ มีเสียงดัง บินต่ำๆ ทำท่าเหมือนกับจะแวะปั๊มเติมน้ำมันก่อนไปลงที่ดอนเมืองหรือไงไม่ทราบ บินผ่านตรงมาจะข้ามศรีษะผม ผมก็มองดูเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรเพราะไม่เคยสนใจเรื่องUFO พอมายิ่งใกล้ก็ยิ่งแหงนหน้าดูจนคอตั้งบ่าข้ามศรีษะลับหลังคาตึกไป ปรากฏว่ามีอีกลำนึง ลำใหญ่พอกันแต่เงียบกริบเลยครับ บินสวนมาจากหลังคาตึกในตำแหน่งที่ลำเมื่อกี้เพิ่งพ้นไป บินย้อนกลับไปทางที่ลำแรกบินมา คือแหงนหน้าขึ้นดูลำแรกพ้นไปลำใหม่มายังไม่ได้ก้มหน้ากลับก็ดูต่อเลย ก็งงซิครับ ปกติเครื่องบินเขาต้องรักษาระยะห่างกันเพื่อความปลอดภัย แต่นี่ทำไมมาสวนกันระดับต่ำขนาดนี้

    และมีการพบเห็นที่เขากะลาอีกหลายครั้งซึ่งก็พร้อมๆ กับคนอื่นที่ได้มาเล่ามาโพสต์เป็นVIDEOกันไปแล้ว แต่มีครั้งนึงที่ได้เห็นชัดที่สุดว่าไม่ใช่เครื่องบินก็คือวันเสาร์ที่ 2 มกราคม 2542 พอดีวันนั้นมีสมาชิกใหม่ 2 คนเพิ่งเดินทางมาถึงเขากะลาช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็นพอดี ผมกับพี่สุดใจก็ให้การต้อนรับ แต่พอเวลาประมาณ 6โมง 10 นาที อันนี้ผมดูนาฬิกาข้อมือตั้งใจจำเลยครับ มีคนบอกว่านั่นๆทางนู้นๆ ผมกับพี่สุดใจก็ทิ้งสมาชิกใหม่น่ะสิครับวิ่งกันไปดู ตอนนั้นท้องฟ้ายังไม่มืด มีดวงไฟสีส้มเหมือนดวงอาทิตย์ย่อส่วน สว่างจ้าขึ้นที่กลางบึงบรเพ็ด คนที่บนเขากะลาก็พากันวิ่งมาดู ดวงไฟอยู่ต่ำระดับพื้นจริงๆ ครับ แล้วก็ค่อยๆ ลอยขึ้นๆ ช้ามากแต่พอลอยขึ้นสูงแล้วกลับเปลี่ยนไฟเป็นเหมือนเครื่องบินซะงั้น คือเป็นสีขาวแถมมีไฟแฟลตอีกต่างหาก แล้วบินข้ามศรีษะผ่านเขากะลาไปทางกรุงเทพฯ ปลอมตัวเป็นเครื่องบินไปซะแล้วไม่แน่ใจว่าวันนั้นมีใครถ่ายVIDEOไว้รึเปล่า

    <O:p</O:pสวนอื่นๆก็มียิบย่อยครับ เช่นวันที่ผมจะไปลาออกจากงาน วันนั้นไม่ได้นอน กลับจากเขากะลาประมาณตี 4 ขับรถกลับอยุธยาเพื่อแต่งตัวไปลาออกจากงาน ตอนขับรถออกจากเขากะลามานิดเดียวก็เห็นดวงไฟที่เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวหรี่อยู่ที่ทุ่งนาข้างทางก่อเรียงกันเป็นสามเหลี่ยมรูปคล้ายปิรามิด เห็นหลายจุดมากครับตามทางที่ผ่านมาก่อนออกถึงถนนใหญ่

    <O:p</O:pหรืออีกครั้งนึงก็เห็นดวงไฟที่เรียงกันวิ่งไปมาเหมือนไฟหลังคารถตำรวจเมืองนอกที่มันวิ่งซ้ายวิ่งขวานั่นละครับ แต่วิ่งช้ากว่า ถ้าจะให้พูดชัดๆ ก็คือเหมือนยานที่จอดอยู่บนเขาพนมเศรฐ ที่มองจากเขากะลาไปที่บึงบรเพ็ดจะเห็นเขาเป็นรูปกะละมังคว่ำอยู่กลางบึงนั่นแหละครับ แต่ที่เอามาเล่าก็เพราะดูจากระยะแล้ว ลำใหญ่มากเต็มพื้นที่บนยอดเขาเลย เห็นกัน 2 คนกับเพื่อนที่เป็นนักบินทหารที่แอบมาร่วมฝึกด้วยอยู่พักใหญ่<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • เขา1.JPG
      เขา1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      21 KB
      เปิดดู:
      325
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2007
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    รออ่านต่ออยู่นะครับ..
    อยากทราบเรื่องฝึกต่อครับ

    ....
     
  15. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    เข้าเรื่องฝึกต่อครับ (วันนี้ไม่ค่อยว่างเลย ขออภัยที่ช้าครับ)

    พอดีมีอัลบั้มรูปของพี่สุดใจระบุวันที่ไว้ให้ผมได้นั่งTime Machineไป ค่อยยังชั่วหน่อย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อย่างที่ผมเล่าให้ฟังแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีใครที่จะทราบล่วงหน้า จู่ๆครูได้สั่งให้รับวาระเร่งด่วนโดยให้เก็บสัมภาระข้าวของให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงในวันที่ 4 มิถุนายน 2542 เพื่อเดินทางออกฝึกนอกสถานที่เป็นครั้งแรก ก็โกลาหลละสิครับ การเก็บของส่วนตัวของแต่ละคนก็มีเสื้อผ้า และเครื่องใช้ส่วนตัวที่จำเป็นใส่ถุงดำเขียนชื่อติดไว้ ของอื่นไม่จำเป็นก็ไม่เอาไปด้วย เสร็จแล้วยังจะของส่วนรวมที่จำเป็น เช่นพวกหม้อ ชาม เตาแก๊สปิคนิก ข้าวสาร กับข้าวสดที่ซื้อไว้ แล้วยังจะเก้าอี้พับอีกตามจำนวนคนที่มีอยู่ คือ 17 คน (ผมเอาจำนวนจากที่พี่สุดใจพิมพ์ไว้ในอัลบั้มรูป) ตอนนั้นมีรถของครอบครัวพี่สุดใจ 1 คัน คือคันที่ใช้ขนน้ำประจำ เป็นปิคอัพสีเขียวแวนสี่ประตู รถคันนี้ผมเป็นสารถีเองครับขับขนน้ำขึ้นเขาอยู่ทุกวัน ตอนผมมาใหม่ๆถ้าวิ่งถึง 60 ละก็จะเริ่มสั่นแล้วกลายร่างเป็นงูคือเลื้อยครับ เลยเอาไปทำช่วงล่างมาก็เหาะได้ถึง120 แล้วมีรถส่วนตัวของผู้ร่วมฝึกอีก 2 คัน เป็นCOLOLA ค่อนข้างใหม่คันนึง กับCOLONAอายุอ่อนกว่าผมไม่มากอีกคันนึง รวม 3 คันทั้งบรรทุกของและบรรทุกคนพอดีครับ จากนั้นก็ออกเดินทางไปพักที่สิงบุรีคืนนึงเป็นบ้านพี่บุญช่วย (พี่สาวคนโตของพี่สุดใจ แต่ไม่ได้ร่วมฝึกด้วย) พอเช้ามืดเราก็ออกเดินทางไปทางเพชรบุรี ก็เหมือนเดิมนะครับคือไม่ทราบว่าจะไปไหน พอถึงค่ายพระราม 6 ซึ่งเป็นค่ายทหารครูก็สั่งให้เลี้ยวเข้าไปแล้วไปจองห้องพักที่ริมทะเลจำไม่ได้ว่า 1หรือ 2 ห้องเอาไว้เป็นห้องน้ำกับเก็บข้าวของและก็ทำกับข้าว เตาแก๊สปิคนิคอันนิดเดียวนี่ละครับช่วยชีวิตพวกเราไว้ ผมเล่าพอให้เห็นบรรยากาศนะครับเท่าที่จำได้และมีหลักฐานอ้างอิงเป็นรูป เราไปที่ค่ายพระราม 6 กัน 2 ครั้งอีกครั้งนึงวันที่ 13 มิถุนายน 2542

    วาระที่ฝึกที่ริมทะเลค่ายพระราม 6 จะเป็นการประชุมเพื่อฟังครูสอนธรรมะ จริงๆแล้วก็ทุกวันที่ผ่านมาก็ประชุมแบบนี้ละครับ หลายรอบ รอบนึงไม่ต่ำกว่าชั่วโมงถึงหลายชั่วโมง เว้นแต่บางทีสั่งวาระการฝึกที่เคยอธิบายไว้แล้วก็จะไม่นาน แล้วก็จะเป็นการประมวลพลังทั้งบนบก ชายหาดริมทะเล และนั่งในทะเล ตอนนี้หลายคนมีWAVEเข้ามามากขึ้นแล้วครับ พี่สุดใจพิมพ์ในอัลบั้มรูปว่า 17 คน รับคลื่นได้ 11 คน

    <O:p</O:pช่วงนี้ค่อนข้างเน้นเรื่องประมวลพลังเป็นพิเศษครับ แล้วมันเป็นรูปธรรมด้วยคือต่างคนต่างรับคลื่นได้จริงออกอาการต่างๆ กันไปแล้วก็รุนแรงมากขึ้นกว่าบนเขากะลา โดยเฉพาะท่านนึงขอเอ่ยนามสมมุติ(ทางโลก)ว่าคุณเปิ้ล เป็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง จะส่งเสียงพูดเสียงร้องดังลั่นชายหาดเลยครับ ชาวบ้านเขาก็คงสงสัยว่าไอ้พวกนี้มาทำอะไรกัน ส่วนผมเองก็ยังไม่มีเหมือนเดิม

    <O:p</O:pผมต้องขอเล่าเก็บตกกฎกติกามารยาทของการฝึกกับครูซักเล็กน้อยครับ คือการอยู่ฝึกเนี่ยถ้าไม่อนุญาตจะกลับบ้านไม่ได้ ถ้ามีธุระจริงต้องขออนุญาตครูก่อน จะให้กลับหรือไม่ให้กลับเป็นอีกเรื่องนึง ถ้าใครได้รับอนุญาตให้กลับแต่กลับช้ากว่ากำหนดจะถูกซ่อม แต่ถ้าใครหนีกลับก็จะกลับมาฝึกไม่ได้อีก ตอนอยู่บนเขามีหลายคนที่ทนไม่ไหวขอกลับ หนีกลับ ญาติมาลาก ที่ทำงานมารับ (ผมเองก็โดนทั้งพ่อ แม่ พี่สาว หัวหน้างานที่ทำงาน และเพื่อนที่ที่ทำงานมาทั้งปลอบทั้งขู่เหมือนกัน) ครูบอกว่าถ้ากายอยู่ครูก็จะสอน

    ต้องขอทบทวนเป็นบทสรุป ณ ตรงนี้ก่อนที่ข้อมูลในหัวผมจะหายไป คือมนุษย์ต่างดาว ถ้าติดตามกันจริงๆ นี่ทั่วโลกเขาศึกษากันเยอะครับประเทศไหนได้หลักฐานหรือข้อมูลก็จะเก็บงำไว้ถือเป็นความลับสุดยอดระดับความมั่นคง คนที่กุมความลับนั้นอยู่เขาก็จะข้ามเรื่องความเชื่อว่ามี หรือไม่มีไปแล้ว แต่เขากลับศึกษาเพิ่มเติมว่าจะพยายามเอาเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวมาใช้ได้ยังไง เปรียบเสมือนคนที่เคยโดนผีหลอกก็เชื่อว่าผีมีจริง แต่คนที่ไม่เคยเห็นผีเลยก็ไม่เชื่อ เป็นเรื่องที่ถูกต้องครับทั้งสองฝ่ายไม่มีใครผิดเลย ตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน

    คนที่ฝึกจากเขากะลาก็ข้ามจุดเรื่องที่เชื่อว่ามีหรือไม่มีไปแล้ว และยินยอมพร้อมใจที่จะให้ครูสอน อย่างน้อยก็เป็นการปฏิบัติธรรมที่ไม่ขัดกับหลักพุทธศาสนาเลย และยังได้เห็นสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ที่ครูบอกว่ามีแค่รุ่นเดียวไม่มีอีกแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่ารุ่นนี้เรียนไปแล้วจะได้กลับไปอยู่บ้านเฉยๆ ต้องใช้ทุนกันทุกคน คนที่ได้เรียนอยู่ถึงจบก็จะได้ประโยชน์ตนไปเยอะกว่าคนที่หลุดไปก่อนเป็นธรรมดา

    ในส่วนของข้อมูลหรือทฤษฎีที่สอนก็มีมากมายเหลือเกิน อัดทุกวัน แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาหรือไม่ใช่หน้าที่ของผู้ที่ไปฝึกในแต่ละคน ก็จะเอามาพูดมาสอนไม่ได้คือไม่ใช่หวงครับแต่มันนึกไม่ออกจริงๆ พี่สุดใจก็เป็นเหมือนกัน(ตรงนี้เป็นข้อมูลจากปัจจุบันที่พี่สุดใจเคยอธิบายให้ผมฟัง) แต่เท่าที่ผมจำได้ครูจะสอนแต่ธรรมะแบบอธิบายละเอียดในแต่ละเรื่อง

    เช่น ครั้งนึงเคยให้เอาเด็กๆ คือลูกหลานของผู้ที่มาฝึกน่ะครับมานั่งเรียงกันตามอายุ อายุน้อยสุดนั่งทางซ้าย โตขึ้นหน่อยก็นั่งถัดไป ประมาณ 3 คน แล้วอธิบายว่าเมื่อคนเราเห็นอะไรเดิมๆอยู่ทุกวันก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่เห็นเท่าไร แต่สิ่งที่เห็นนั้นก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปเองตามธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดเลยในโลกที่จะไม่เปลี่ยนแปลง อย่างเด็กที่เห็นตัวเล็กๆ นี่ ถ้านานไปก็จะตัวโตขึ้นอีกเท่ากับคนนี้(ชี้ที่เด็กโตขึ้นมาหน่อย) แล้วนานวันเข้าก็จะโตขึ้นอีกเท่ากับเด็กคนนี้(ชี้ไปที่เด็กโตสุด) แล้วก็ยกตัวอย่างจากไม้ที่เอามาทำบ้านนานวันเข้ามันก็ผุกร่อน เหล็กเห็นมันแข็งแต่มันก็ยังต้องเป็นสนิมกร่อนไปเรื่อยจนไม่เหลือ ก้อนเมฆที่เราเห็นว่ามันอยู่เฉยๆ แต่ลองยืนดูมันนานๆ มันก็ลอยไป เปลี่ยนรูปร่างไป ดังนั้นธรรมะที่เขาบอกว่า “อกาลิโก” ก็คือมันไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานั่นเอง

    แล้วอีกเรื่องนึงที่ผมนึกออกคือเรื่อง เหตุปัจจัยครูสอนให้เคารพเหตุปัจจัย อันนี้ผมจำตัวอย่างที่ครูยกขึ้นมาไม่ได้ แต่พอจำConceptได้ ผมยกตัวอย่างเองเช่น คนที่เขาเห็นกลุ่มเขากะลาว่าบ้า ก็ถูกต้องเพราะเหตุปัจจัยเขาที่จะลงความเห็นว่าบ้านั้นมีอยู่ ได้แก่ ตอนฟังธรรมจากพระอินทร์ก็มีการเดินสวนสนามกันแบบทหารมั่งละ พูดเรื่องมนุษย์ต่างดาวมั่งละ หรือต้องถึงกับออกจากงานทิ้งบ้านทิ้งช่องมั่งละ ไอ้พวกนี้ต้องบ้าแน่ๆ นี่ไงครับเพราะเหตุปัจจัยที่จะเห็นว่าเป็นอย่างนั้นมีอยู่ ผู้ไปฝึกพอรู้และเข้าใจอย่างนี้ก็จะไม่โกรธใครเขาง่ายๆ

    ครูบอกว่ารูปแบบการฝึกที่คอยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา การเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย รวมถึงการปรับเวลา ก็ทำให้ไม่ยึดติดในรูปแบบการฝึกหรือในสถานที่ และจะต้องพร้อม ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และเป็นการฝึกเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะต้องเจอะเจอกับความทุกข์ ภาพที่สลดหดหู่ ฯลฯ จึงต้องฝึกเพื่อปล่อยวางให้ได้มากที่สุด และมันก็ยังเป็นสิ่งประเสริฐที่สุดที่มนุษย์ควรได้รับอีกด้วย ดังนั้นครูจึงพูดว่าชอบขัดใจ เพราะขัดทีไร "แวววาวขึ้นทุกที"
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    (สงสัยจะต่อคราวหน้าละครับ)<O:p</O:p <!-- / message --><!-- attachments --><O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  16. aonlin

    aonlin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2006
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +1,608
    กระทู้นี้ นอกจากได้ความรู้ ยังได้เปิดโลกทัศน์ทางความคิด
    ขอบคุณมากค่ะ ( /\ )
     
  17. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    ขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ ครับ องค์นี้ตั้งแต่ผมไปที่บ้านพี่สุดใจครั้งแรกก็เห็นมีอยู่แล้ว ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ (ได้ของดี น่าริษยาจิงๆ นะเนี่ย) แล้วจะรออ่านเรื่องพระอาจารย์ใหญ่ครับ



    วันนี้ขออภัยท่านที่รออ่านเรื่องการฝึกครับ คงโพสต์ไม่ทัน แต่จะทำการบ้านให้พรุ่งนี้ได้อ่านกันครับผม (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 ตุลาคม 2007
  18. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    จากการที่คุณโบ๊ตบอกว่าอ่านดูแล้วเหมือนค่ายทหารเลย ทำให้ผมต้องเล่าที่มาอีกเล็กน้อยเพื่อความเข้าใจครับ

    ขอย้อนกลับไปสมัยที่องค์พระอินทร์ยังมาแสดงธรรมอยู่ครับ ตอนนั้นมีการจับหมายเลขกันครบ 60 บุคคลตามที่ผลเคยกล่าวไปแล้ว ท่านมีการสั่งให้จัดแบ่งเป็น 4 เหล่าทัพ ได้แก่ ทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ และตำรวจ ใครจะสังกัดทัพไหนท่านเป็นผู้ชี้เองกำหนดเองทั้งหมด รวมทั้งการเลือกหัวหน้าเหล่าทัพหรือแม่ทัพด้วย อันนี้มีเหตุผลนะครับอย่าเพิ่งว่าบ้า(มากไปกว่านี้อีกเลย) คืออย่างที่บอก การปฏิบัติธรรมที่เขากะลาเป็นการปฏิบัติธรรมเฉพาะกิจเพื่อทำงานเกี่ยวกับภัยพิบัติ ตอนนั้นพระอินทร์ท่านบอกไว้ว่า “อีกหน่อยท่านที่มาจากต่างดวงดารา ต่างจักรวาลเขาจะมาสอนพวกเอ็งแบบทหารนะ” ผมเองก็ฟังเฉยๆไม่ได้คิดว่าจะเป็นจริงเป็นจังแต่เห็นว่าเป็นอุบายธรรม ปลูกฝังให้รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มีการเปิดเพลงประจำของแต่ละเหล่าทัพไทย 3 เหล่าทัพและเพลงประจำของเหล่าตำรวจ รวมเป็น 4 เหล่าทัพ มีการร้องเพลงชาติ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และให้มีการเดินสวนสนามที่บนลานพระของเขากะลานั่นแหละ ตอนนั้นผมเองก็ขำๆ (ยิ่งคนนอกมาเห็นนี่ขำกลิ้งตกเขาไปเลย) ทำอยู่หลายครั้งซึ่งจะสังเกตุจากรูปว่ามีทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้มีจิตใจฮึกเหิม เข้มแข็ง ยอมที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อที่จะรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้คงไว้

    ตอนนั้นหลายคนเกิดอารมณ์นั้นขึ้นในจิตใจจริงๆ เกิดปิติขนลุกขนพอง และได้ตั้งสัจจะอธิฐานที่จะมอบกายถวายชีวิตเพื่อการสืบทอดพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไปให้ครบ 5,000 ปีตามพุทธดำรัส

    ซึ่งพอถึงช่วงที่มนุษย์ต่างดาวมาฝึกเข้าจริงๆ ถึงได้เห็นว่าเป็นการฝึกที่ต้องใช้ดวงจิตหรือจิตใจที่ต้องอดทนจริงๆ เหมือนการเข้าค่ายฝึกทหารเลย แต่ทางด้านกำลังกายก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสครับ เพราะผู้ที่อาวุโสก็ยังร่วมฝึกอยู่ได้<O:p</O:p <!-- / message --><!-- attachments -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.3 KB
      เปิดดู:
      130
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.1 KB
      เปิดดู:
      146
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.9 KB
      เปิดดู:
      137
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      47 KB
      เปิดดู:
      124
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      41 KB
      เปิดดู:
      117
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.5 KB
      เปิดดู:
      132
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.3 KB
      เปิดดู:
      121
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.8 KB
      เปิดดู:
      124
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.1 KB
      เปิดดู:
      155
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  19. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    และจากที่หาหลักฐานเรื่องจำนวนผู้ฝึกจากอัลบัมรูปของพี่สุดใจก็ได้มาแล้วครับ

    มีการลงทะเบียนเข้ารับการอบรมหลักสูตรต่างดาวรุ่นที่ 1 เมื่อวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2542 ในเวลา 09.39 น. มีผู้มารายงานตัวเพื่อรับการอบรมรุ่นนี้อยู่จำนวน 39 คนการลงทะเบียนใช้พิมพ์หัวแม่มือครับ

    - คุณชูชาติ ชื่นสำนวน (ผู้รับร่างองค์พระอินทร์)เป็นท่านแรกที่มีรายชื่อในทะเบียนการอบรมหลักสูตรของต่างดาว และได้รับการรับรองว่า ผ่านการฝึกแล้ว เป็นท่านแรก (ในรูปตอนนั้นคุณชูชาติ ได้บวชเป็นสามเณร มีชื่อทางธรรมว่าสามเณรเอก ช่วงนั้นปฏิบัติอยู่ในถ้ำของเขากะลาประมาณ 3 เดือน ผมเป็นคนยกอาหารไปถวาย บางวันก็ฉัน บางวันก็ไม่ฉัน)

    <O:p</O:p- คุณลุงเชิด ชื่นสำนวน (ผู้รับร่างองค์พระพิฆเณศวร์) เป็นบุคคลที่ 2 ในทะเบียนรายชื่อการอบรมหลักสูตรของต่างดาว และได้รับการรับรองว่า ผ่านการฝึกแล้ว เป็นท่านที่ 2 (ตอนนั้นท่านเริ่มป่วยแล้ว)

    <O:p</O:p- คุณวาสนา ชื่นสำนวน (ผู้รับคลื่นความคิดจากท่านผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) เป็นผู้ที่ที่มีรายชื่อในทะเบียนการอบรมหลักสูตรของต่างดาว และได้รับการรับรองว่า ผ่านการฝึกแล้ว เป็นท่านที่ 3

    <O:p</O:pวันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2542 มีการลงทะเบียนเข้ารับการอบรมหลักสูตรต่างดาวรุ่นที่ 2 ไม่ได้รับใหม่นะครับ เป็นคนที่ผ่านการอบรมมารุ่นแรกนั่นแหละ แต่เหลือแค่ 25 คน

    <O:p</O:pวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2542 ลงทะเบียนเข้ารับการอบรมหลักสูตรต่างดาวรุ่นที่ 3 ก็เหมือนกัน คือหน้าเดิมๆที่ยังอยู่ แต่เหลือ แค่ 16 คน ในรูปเขียนบรรยายว่าแต่ละขั้นตอนการฝึกต้องใช้ความอดทน และทนอดอย่างยิ่ง

    <O:pวันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม 2542 ปั๊มหัวแม่มือลงทะเบียนเข้ารับการอบรมหลักสูตรต่างดาวรุ่นที่ 4 แต่ไม่ใช่ที่เขากะลา เป็นที่ถ้ำไก่หล่น อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวนคนยังคงเดิมที่ 16 คนครับ<O:p</O:p <!-- / message --><!-- attachments -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.4 KB
      เปิดดู:
      144
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.5 KB
      เปิดดู:
      152
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.1 KB
      เปิดดู:
      127
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.3 KB
      เปิดดู:
      121
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      70 KB
      เปิดดู:
      132
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.6 KB
      เปิดดู:
      136
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.7 KB
      เปิดดู:
      141
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.1 KB
      เปิดดู:
      128
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2009
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขนาดลำนี้สูง 2.5 ม. ยาว 3 เมตรครึ่งเอง
    ลำเล็กแบบนี้ คนข้างในคงตัวเล็กนิดเดียว
    หรือว่าออกมาแล้วขยายตัวขึ้นอีกทีก็เป็นไปได้นะครับ
    ขอบคุณคุณนีโม่มากครับ มีหลายๆคนรออ่านกันอยู่

    รู้สึกช่วงนี้คุณ No.9 กับคุณนีโม่ไฟแรงดีจริงๆ
    คนอ่านก็สนุก+ตื่นเต้นไปด้วยครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...