พระพุทธเจ้าน้อย มาจากไหน

รบกวนสอบถามผู้รู้ค่ะ ว่าที่เห็นมีทำบุญหล่อพระพุทธเจ้าน้อย ที่เป็นรูปเด็ก เปลือยท่อนบน ยืนชี้นิ้วน่ะค่ะ คือไม่เคยได้ยินคำว่า พระพุทธเจ้าน้อย จากที่ไหนมาก่อยเลยค่ะ มีแต่พระพุทธเจ้า และเจ้าชายสิทธัตถะ ค่ะ ส่วนตัวคิดว่า ถ้าใช้คำว่าพระพุทธเจ้าน้อย ก็จะมีพระพุทธเจ้าตอนวัยรุ่น ตอนทารก ตอนอภิเษก ด้วยหรือเปล่าคะ กลัวจะมีใครคิดออกมากลายเป็นการ์ตูนเด็กอีกน่ะค่ะ อย่าหาว่าบาปโน่นนี่เลยนะคะ แต่ไม่มีความรู่และอยากรู้ค่ะว่า พระพุทธเจ้าน้อย มาจากไหน ใครริเริ่มให้ใช้คำนี้ ผิดหรือไม่คะ

 

ใช้คำนี้ผิดแ่น่นอนครับ เพราะพระพุทธเจ้าน้อยที่มีรูปออกมาแบบนี้ยังเป็นปุถุชนอยู่ การใช้คำว่าพระพุทธเจ้านั้นต้องเป็นผู้หมดกิเลสโดยสิ้นเชิงแล้ว ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ใช้คำนี้ (เจตนาดีครับ แต่ไม่เข้าใจความเป็นจริง)

 

พระพุทธเจ้าน้อยมาจากไหน
- มาจากชั้นดุสิต

รบกวนสอบถามผู้รู้ค่ะ ว่าที่เห็นมีทำบุญหล่อพระพุทธเจ้าน้อย ที่เป็นรูปเด็ก เปลือยท่อนบน ยืนชี้นิ้วน่ะค่ะ คือไม่เคยได้ยินคำว่า พระพุทธเจ้าน้อย จากที่ไหนมาก่อยเลยค่ะ มีแต่พระพุทธเจ้า และเจ้าชายสิทธัตถะ ค่ะ ส่วนตัวคิดว่า ถ้าใช้คำว่าพระพุทธเจ้าน้อย ก็จะมีพระพุทธเจ้าตอนวัยรุ่น ตอนทารก ตอนอภิเษก ด้วยหรือเปล่าคะ
- ชุดนี้มี ปางประสูติ ตรัสรู้ นิพพาน

กลัวจะมีใครคิดออกมากลายเป็นการ์ตูนเด็กอีกน่ะค่ะ อย่าหาว่าบาปโน่นนี่เลยนะคะ แต่ไม่มีความรู่และอยากรู้ค่ะว่า พระพุทธเจ้าน้อย มาจากไหน
-การ์ตูนพุทธประวัติมีมาหลายชุดแล้ว ไม่มีความรู้ก็ศึกษาเยอะ ๆ

ใครริเริ่มให้ใช้คำนี้
ไม่ทราบเหมือนกัน

ผิดหรือไม่คะ
แล้วแต่เจตนา แต่พวกช่างค้านนี่ผิดแน่

 

-เห็นด้วยครับ ขณะนั้น ท่านยังเป็นพระโพธิสัตว์เอง

ทำไมจึงใช้คำนี้....

 

" ดูกรพระราชสมภาร นับแต่ตถาคตได้บรรลุพระสัมโพธิญาณแล้ว ก็สิ้นสุดสมมติขัตติวงศ์ เริ่มประดิษฐานพุทธวงศ์ตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้ ดังนั้น การเที่ยวบิณฑบาตจึงเป็นประเพณีของพระพุทธเจ้า ตลอดพระภิกษุสงฆ์ที่สืบสายพุทธวงศ์ชั่วนิรันดร "

สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าประกาศว่าเป็นพระพุทธเจ้าก็หลังตรัสรู้ ก่อนหน้าตรัสรู้ท่านใช้ว่าสมมติขัตติวงศ์ คือท่านไม่ยอมรับกว่าก่อนหน้านั้นท่านเป็นพระพุทธเจ้า ดังนั้นการใช้คำว่า พระพุทธเจ้าน้อย พระพุทธเจ้าเองไม่ได้ยอมรับ

ที่มา โปรดพระพุทธบิดาจนสำเร็จมรรคผลชั้นใด-วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล

 

เป็นการใช้ชื่อสมมุติบัญญัติเท่านั้นแหละครับ เค้าก็แค่ตั้งชื่อพระพุทธเจ้าตอนที่ทรง
ถือกำเนิดมาในโลกนี้ครั้งแรกแม้นว่าขณะนั้นจะเป็นแค่ทารก ยังมิทรงได้ตรัสรู้ก็ตามแต่
ผมว่าต้องดูที่เจตนาคนตั้งชื่อครับ คิดว่าคนตั้งเค้าไม่ได้มีจิตอกุศลลบหลู่แต่ประการใด
ผมว่าไม่ควรจะอคติเพราะสาเหตุแค่การตั้งชื่อสมมุติน๊ะครับ เราควรร่วมกันอนุโมทนายินดี
จึงจะถูก ส่วนใครที่มีจิตคิิดอกุศล ช่างตำหนิก็ควรปล่อยเค้าไป....

 

ก็นี่ไง มือขวาชี้บนฟ้า ฟ้าเป็นพยาน มือซ้ายชี้ลงดิน ดินเป็นพยาน "ฟ้าดินเป็นพยาน" ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา" เขาสร้างไว้เพื่อระลึกถึง พระพุทธเจ้าที่ท่านทรงเป็นแบบอย่าง ในการดำเนินบำเพ็ญบารมี มาจนถึงพระชาติสุดท้าย ที่จะได้บรรลุอภิเษกอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วท่านที่ตำหนิคนสร้าง ขอให้คิดก่อนนะ เผลอๆพระท่านเป็นคนริเริ่มสร้างเอง เพื่อเป็นที่ระลึกถึงหรือเป็นกำลังใจให้แก่ศิษย์ แต่อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจผมละครับ "ฟ้าดินเป็นพยาน ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา" เป็นคำที่ท่านตรัสไว้ หลังจากประสูติและดำเนินไปได้เจ็ดเก้า

 

@phataravudh สับสนมือซ้ายขวาป่าวครับ

Link นี้ฝากให้เจ้าของกระทู้ครับ
ภาพยนตร์

 

เรื่องศาสนา มาใช้สิ่งสมมุติไม่ได้ครับ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และทำให้ผู้ที่ไม่เข้าใจในศาสนาพุทธพากันคิดว่า ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าตั้งแต่ประสูติ
ผมก็เชื่อเช่นเดียวกับคุณ ว่าคนตั้งไม่ได้มีจิตอกุศล แต่ตั้งไม่ถูกต้องครับ เผอิญผู้ริเริ่มมีตำแหน่งใหญ่ในทางการเมือง เลยทำให้ผู้ร่วมดำเนินการเกรงใจมั้งครับ(วิสัยชาวไทยขี้เกรงใจ,เออออห่อหมก)

ผมอนุโมทนากับสิ่งที่ทำเพื่อพุทธศาสนาครับ แต่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งชื่อแบบนี้
คิดจะเป็นชาวพุทธ ควรแยกแยะให้ออกครับ

 

พุทธวัชรยานที่พุทธไทยไม่ค่อยรู้

ภาพพระพุทธรูปที่มีหญิงสาวนั่งคร่อมบนตัก อยู่ในอาการกำลังเสพสังวาส นั้น อ.ราม วัชรประดิษฐ์ นักประวัติศาสตร์ด้านพุทธศิลป์ และสุดยอดแฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง บอกว่า ในความรับรู้ของคนทั่วไปนั้น "ลัทธิตันตระ" หรือ "ตันตริก" เป็นนิกายหนึ่งของพุทธศาสนาแบบมหายานที่เผยแพร่อยู่ทั่วไปในทิเบต ภูฏาน และจีน ซึ่งจะมีการสร้างรูปเคารพในลักษณะแปลกประหลาดกว่าทางหินยานหรือเถรวาท เช่น มักผนวกเอาเรื่องราวของความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ให้ปรากฏในการสร้างพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ พระนางตาราอันเป็นชายาของพระโพธิสัตว์ จนบางกลุ่มถูกเรียกว่า "นิกายมนตรยาน" ก็มี

นี่ก็เป็นสิ่งสมมุติเหมือนกัน ในนิกายพุทธวัชรยานถือว่าเป็นปางปางหนื่ง

แต่ในเมืองไทยเป็นนิกายเถรวาท มองว่าไม่เหมาะสม ถือเป็นการลบหลู่ดูหมิ่น

ในสายตาคนที่ไม่เข้าใจพุทธ หรือไม่ศึกษาพุทธ เขามองเป็นพุทธเหมือนกัน

พระพุทธเจ้าน้อยก็เช่นเดียวกัน ชื่อทำให้คนไม่เข้าใจพุทธหรือไม่รู้จักพุทธ...เข้าใจว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้ตั้งแต่ประสูติ

น่าจะเป็นเจ้าชายน้อยสิทธัตถะมากกว่าครับ

 

การใช้คำไม่เหมาะสม

 

1 ที่เป็นการ์ตูนเคยดูอยู่ค่ะ แต่ที่บอกว่ากลัวจะนำมาเป็นการ์ตูนหมายถึงว่า ใช้คำว่าพระพุทธเจ้าน้อย แทนเจ้าชายสิทธัตถะ วัยเด็ก เอ่อ คล้ายๆ กับ การ์ตูนพระพิศเนศ น่ะค่ะ ซึ่งคงดูแปลกๆ และอาจสื่อให้เยาวชนเข้าใจผิดว่าประสูติมาก็เป็นพระพุทธเจ้าเลย ประมาณนั้น (คิดมากไปเองคงไม่มีใครทำ)
2. ก็ การทำบุญก็ดีทั้งนั้นค่ะ ได้ร่วมทำไปด้วยนานแล้ว แต่มีความสงสัยน่ะค่ะ มีคนตั้งประเด็นในเฟสบุคด้วย จึงนำมาถาม
3. โดยปกติจะคิดไว้อยู่แล้วว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าทิ้งไว้ให้คือ พระธรรม เท่านั้น ค่ะ อื่นๆ เป็นสิ่งสมมติที่มีภายหลัง แต่ หลังๆ วัตถุมันเยอะเกินไปมาก พอมีอะไรที่ไม่เคยได้ยินก็เกิดความสงสัยน่ะค่ะ แต่ไม่ได้ไปยึดอะไร แต่ก็ไม่นิ่งพอที่จะปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่แก้ความสงสัยค่ะ (ส่วนตัวคิดว่าตอนประสูติยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า นั่นคือสาเหตุที่ทำให้สงสัยค่ะ)

 

ที่ผมไปหามาได้ก็ประมาณนี้แหละครับ ใช้ปัญญาในการไตร่ตรองเอาเองครับ
คุณหญิงสุดารัตน์ขยายความด้วยว่า ที่สำคัญที่สุดของการเดินทางมาครั้งนี้คือพิธีวางศิลาฤกษ์ฐานพระโพธิสัตว์ สิทธัตถะราชกุมาร (พระพุทธเจ้าน้อย) ที่หล่อด้วยสำริด ซึ่งจะมีความคงทนนานนับพันปี

 

ผมคิดว่าไม่ควรใช้ว่าพระพุทธเจ้าน้อย มันดูไม่เคารพ พระพุทธเจ้ามีเล็กมีน้อยงั้นรึ ?

ถ้าจะเอาจริงๆ ก็คือ ตอนเจ้าชายสิทธัตถะ ตอนเป็นเด็กทารก ไม่ใช่พระพุทธเจ้า(เพราะยังไม่ตรัสรู้)

แต่มันก็ขึ้นอยู่กับคน ถ้าคิดกุศลก็ดี ก็จะได้เคารพพระรัตนตรัย

 

ถ้าพระเป็นผู้ตั้งชื่อ"พระพุทธเจ้าน้อย" ไม่เหมาะ ไม่สมควรอย่างยิ่ง (ไม่ใช่ว่าจะตั้งไม่ได้)
ถ้าคนเป็นผู้ตั้งชื่อ "พระพุทธเจ้าน้อย" ยิ่งไม่เหมาะ ยิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง (ไม่ใช่ว่าจะตั้งไม่ได้) เมื่อตั้งขึ้นมา แล้วประกาศเผยแพร่ออกไปให้สังคมรับรู้ ก็ย่อมมีผู้รู้ผู้เห็น ว่าควรไม่ควร ตามที่ศรัทธาและศึกษามาด้วยเหตุและผลอันมีอยู่ และเป็นอยู่

 

ติเพื่อก่อ ติงเพื่อความถูกต้อง

การเอ่ยอ้างพระพุทธสรรพนามแบบมั่วๆ นั้นไม่สมควรอย่างยิ่ง
องค์พระโพธิสัตว์เมื่อแรกประสูตินั้น
แม้พระนามก็ยังมิทันได้กำหนดตั้งใดๆ
นี่ยังไม่นับเรื่องที่ไหนอีกต่างหาก
กล่าวขานพระองค์ท่าน ณ ขณะนั้น
น่าจะประมาณว่า พระทารกโพธิสัตว์ หรือ พระโพธิสัตว์ ฯ

 

พระพุทธเจ้าน้อย ก็คงมาจากการแปลภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทย คือเรียกตามฝรั่ง ก็ึคือคำว่า Little Buddha

มีปางตรัสรู้ ปางปรินิพาน ก็ควรต้องมีปางประสูตร

 

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า
ดูกรอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ก็ข้อนี้
พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ
ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๐ หน้าที่ ๙๕/๒๖๑ ข้อที่ ๑๔๑

 

"สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา"

 

"ผู้ใดไม่เห็นธรรม ผู้นั้นไม่เห็นตถาคต, ทั้งที่แม้ว่าเขาจะจับมุมจีวรของเรา เที่ยวไปไหนไปด้วยกันทุกวันก็ตาม" นี่เป็นพระพุทธภาษิต ที่ตรัสแก่พระวักกลิ อันแสดงเนื้อความว่า ผู้ที่เห็นเปลือก (คือร่างกาย) ของพระองค์นั้น หาชื่อว่าเห็นพระองค์ไม่ ผู้ใดเห็นธรรม (คือสิ่งที่ทำพระสิทธารถให้กลายเป็นพระพุทธเจ้า) ผู้นั้นจึงจะชื่อว่าเห็นพระพุทธเจ้า, โดยนัยนี้ เราจะเห็นได้ชัดทีเดียวว่า การที่จะเห็นธรรมนั้น มันมีทั้งเห็นเปลือกและเห็นเนื้อแท้จริงๆ แม้การเห็นพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นส่วนที่ได้กระจายออกไปจากตัวพระธรรม ก็เช่นนั้นดุจกัน. การที่พระองค์ตรัสว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต, ผู้ใดเห็นตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม" ดังนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า พระพุทธเจ้ากับพระธรรมเป็นอันเดียวกัน ส่วนรูปกายนั้น ไม่ใช่ทั้งธรรม และตถาคต, เป็นเพียงเปลือกของธรรมหรือของตถาคต การเห็นเปลือก และเห็นเนื้อแท้ จึงไม่ใช่อันเดียวกัน และแยกกันได้อย่างเด็ดขาด.

ท่านพุทธทาสภิกขุ