ตายแล้ว..เกิดใหม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย kitkun, 25 มีนาคม 2013.

  1. kitkun

    kitkun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +579
    ดิฉันมีเรื่องจะเล่า(พิมพ์)ให้อ่านกันค่ะ เป็นเรื่องที่เราเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะแตกต่างกันไปตามตัวบุคคล ดิฉันได้ขออนุญาตน้องจิ๋ว(เจ้าของเรื่อง)ไว้ว่าขอนำมาเผยแพร่ให้ได้ทราบกัน เพื่อเป็นวิทยาทานกับท่านอื่นๆ และขอผลบุญจากการนำเรื่องนี้มาเผยแพร่..ขอให้น้องจิ๋วได้พบพระธรรมอันวิเศษและขอให้มีความสุขในภพนี้ตามอันควรแกบุญที่ทำมา

    เรื่องมีอยู่ว่า น้องจิ๋วเมื่อครั้งเธออายุ 24-25 ปี(ขณะนี้อายุ 27 ปี) เธอป่วยเป็นไข้เลือดออกแม่บุญธรรม(ป้าที่เลี้ยงมา)ได้นำตัวส่งรพ. เธอป่วยรวม 10 วัน นับแต่วันแรกถึงวันที่ 9 เธอไม่รู้สึกตัว,ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เธอรู้ภายหลังว่า 3 วันแรกอาการเป็นดังที่เล่า วันที่ 4 นิ้วมือ,หนังตามีการเต้นมีการเคลื่อนไหว วันที่ 5 ก็เป็นเหมือนอย่าง 3 วันแรกจนถึงวันที่ 9 เธอจึงได้รู้สึกตัว
    เธอเล่าว่าครั้งแรกที่หลับไป(น่าจะอยู่ในช่วงของ 3 วันแรก) มีผู้ชาย 2 คนร่างกายสูงใหญ่นุ่งผ้าเตี่ยวสีแดงมานำตัวเธอไป เดินตามๆกันไปตอนนั้นเธอยังงงๆอยู่ ระหว่างที่เดินไปได้เจอพ่อของเธอซึ่งเสียชีวิตไปแล้วได้ตะโกนถามว่าเธอจะไปไหน..ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ เธอตอบพ่อไปว่าเธอก็ไม่รู้..ผู้ชาย 2 คนมารับและบอกให้เดินตามมา พ่อเธอพูดเสียงดังว่าให้กลับไปเดี๋ยวนี้พร้อมกับเข้ามาจับแขนเธอเพื่อจะดึงเธอกลับ แต่ผู้ชาย 2 คนก็เข้ามายื้อแขนเธออีกข้าง เธอบอกว่าเป็นการยื้อยุดอยู่พักใหญ่ พ่อเธอคงสู้แรงไม่ได้หายไปแป๊บเดียวกลับมามีดาบ(หรือมีด)ตัดเข้าที่แขนเธอข้างที่ผู้ชาย 2 คนจับอยู่ ชั่วขณะนั้นเธอบอกว่าทุกคนหายไปหมดเธอยืนอยู่คนเดียวกำลังคิดว่าจะไปทางไหนดี(น่าจะเป็นวันที่ 4 ที่นิ้วมือเริ่มขยับได้) ชั่วเดี๋ยวเดียวผู้ชาย 2 คนกลับมานำตัวเธอไปต่อ(เธอไม่เห็นพ่อแล้ว) จนถึงสถานที่ๆหนึ่งเธอเล่าว่ามีผู้ชายร่างใหญ่กว่า 2 คนแรก ผิวดำกว่า ในความคิดเธอคิดว่าเป็นหัวหน้า(คงเป็นพญามัจจุราช)นั่งอยู่บนแท่นสูง ตัวเธอนั่งพับเพียบด้านล่าง
    เธอเล่าว่าสถานที่นั้นท้องฟ้าแดงเหมือนเปลวเพลิง รอบๆกายมีเสียงดังเซ็งแซ่ไปหมดแต่จับใจความไม่ได้ เธอเล่าต่อ..มีการซักถามชื่อ-นามสกุลของเธอ และท่านได้พูดว่า "รู้หรือไม่ว่าตายไปแล้ว..หมดเวลาของเจ้าแล้ว" เธอได้ยินอย่างนั้นก็ร้องไห้บอกอย่างเดียวว่าจะกลับบ้านจะกลับไปหาพ่อ,แม่,คิดถึงบ้าน ท่านพูดว่าพ่อเธออยู่ที่นี่แล้วจะกลับไปหาใคร เธอก็เอาแต่ร้องไห้..ท่านพญามัจจุราชหยุดไปขณะหนึ่งแล้วกล่าวกับเธอว่า "เอาล่ะ..ตอนนี้มีคนขอชีวิตเจ้าไว้ เราให้แต่มีข้อแม้เจ้าต้องรับปากกับเราข้อหนึ่ง" เธอก็ตอบไปว่าจะให้รับปากเรื่องอะไร ท่านบอกว่าให้เธอกลับไปมีชีวิตใหม่แต่ต้องแลกชีวิตกับแม่บุญธรรม(ป้าที่เลี้ยงเธอมา พ่อกับแม่เลิกกันเมื่อเธอและพี่ชายยังเล็กพี่สาวพ่อเป็นคนเลี้ยงดู)ของเธอ ตอนนั้นเธอไม่รับปากและไม่ให้สัญญาใดๆทั้งสิ้นร้องไห้อย่างเดียว ท่านนิ่งไปอีกและบอกเธอว่าอีกประเดี๋ยวเขาจะมารับตัวไปให้นั่งรอตรงนี้แหละ เธอบอกว่าคำว่าประเดี๋ยวนั้นรู้สึกนานมาก เมื่อถึงเวลามีแสงเป็นลำเหมือนปล่องไฟทอดยาวจากข้างบนและมีพรมสีแดงด้วย ท่านพญามัจจุราชบอกเธอว่าไปได้แล้วเขามารับแล้ว เธอก็ลุกเดินไปตามลำแสงนั้นแล้วได้พบกับเทพองค์หนึ่ง(เธอบอกไม่รู้จัก) ท่านให้เรียกว่า "พ่อพรหม" (เธออธิบายว่าไม่ใช่พระพรหมสี่หน้าที่ดิฉันถามเธอ) ท่านผูกข้อมือให้และทำบางอย่างที่เธอจำไม่ได้ แต่จำคำพูดท่านได้ว่าเธอเกิดใหม่แล้วและเป็นลูกของท่าน จากนั้นเธอก็รู้สึกตัวนับเป็นวันที่ 9 ของการอยู่รพ. วันที่ 10 ก็ออกจากรพ.ได้และแม่บุญธรรมได้นำตัวเธอไปยังบ้านหลังหนึ่งทันที ที่นั่นมีการเชิญเทพลงประทับซึ่งเขาเรียกกันว่า "พ่อพรหม" มีการทำพิธีแบบเกิดใหม่ของที่ใช้คือเสื้อผ้าใหม่ฯลฯ อะไรที่เกี่ยวกับตัวเธอเป็นของใหม่หมดของเก่าทิ้งไป ทำพิธีเป็นลูกท่าน

    นั่นคือเรื่องราวที่เธอเล่าให้ฟัง ในเรื่องนี้ทำให้ดิฉันคิดได้หลายอย่างซึ่งบางอย่างก็อาจคิดตรงกับเพื่อนสมาชิกที่ได้เข้ามาอ่านกันหรืออาจจะคิดแตกต่างกันไปตามจิตของแต่ละท่านก็ได้
    ที่น่าแปลกอีกอย่าง..หลังจากนั้นมาเธอจะเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่ไม่บ่อย(คงเป็นจังหวะที่คลื่นพลังงานตรงกันหรือถึงเวลาที่ต้องรับรู้เรื่องนั้น) ส่วนใหญ่ผู้ที่ผ่านการตายหรือไปนรกมาแล้วเมื่อฟื้นกลับมามักจะมีดวงตาที่สามเสมอ
    อนุโมทนาค่ะ
     
  2. LovePig

    LovePig เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +283
    สวรรค์ - นรก มีจริง
     
  3. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    ขออนุโมทนาค่ะ กับเรื่องที่เล่าให้ฟัง คหสต. คิดว่ามีแน่ๆ ค่ะที่เหมือนคุณ kitkun เล่า แต่ไม่คิดว่าจะมีตาที่สามทุกคนนะคะ อันนี้ก็เคยเจอมาเหมือนกัน ที่กลับมาแต่ปกติธรรมดา กับที่กลับมาแล้วมีความพิเศษกลับมาด้วยหนะค่ะ..ขอแจมด้วยนะคะ
     
  4. kitkun

    kitkun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +579
    ใช่ค่ะ..ดิฉันอยู่ที่จ.หนึ่งทางใต้อำเภอที่อยู่นี่ได้เจอกับคนที่ตายไปแล้วกลับฟื้นขึ้นมาใหม่อีก 3 คน แต่ละคนก็เรื่องราวแตกต่างกันไป หนึ่งคนพ่อที่เสียไปแล้วพากลับมา,อีกสองมีความเกี่ยวพันกับพระแม่กวนอิม ว่างๆและถ้าท่านอื่นๆอยากอ่านก็จะเล่า(พิมพ์)ให้อ่านกันค่ะ
    ยินดีที่คุณสีลสิกขาเข้ามาแจมค่ะ(ติดตามมานานแล้วค่ะ..เรื่องสู้กับภัยร้ายจากหมอดูน่ะค่ะ อนุโมทนาค่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2013
  5. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    ชอบฟัง/อ่านค่ะ แบบว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แปลกแต่จริง ถ้าว่างมาเขียนกะรออ่านได้ค่ะ (ส่วนเรื่องสู้กับภัยร้ายนั้นเรื่องจริงค่ะ กัดไม่อยากจะปล่อย เพราะคนพวกนี้ชอบสร้างกรรม มันอดไม่ได้เลยเพราะ คนที่โดนหนักสุดเป็นเพื่อนสนิทของดิฉันเองหนะค่ะ) บางทีก็เกรงใจสมาชิกท่านอื่นเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นเราเป็นพวกชอบโจมตีผู้อื่นรึปล่าว และอวยพวกเดียวกันเอง แค่ไม่อยากให้คนที่มีความทุกข์มากอยู่แล้วตกเป็นเหยื่อของพวก 108 มงกฏหนะค่ะ...ยอมไม่ด้ายยยย
     
  6. โกวิทยมุนี

    โกวิทยมุนี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +56
    ผู้ที่ผ่านความตายมาแล้ว หรือตายแล้วฟื้น ชีวิตหลังจากนั้นจะเปลี่ยนไป บ้างก็มองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นบ้าง บ้างก็ต้องถือศีลตลอดชีวิตบ้าง ต่างๆกันไป
    สิ่งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนกับการมีชีวิตต่อในโลกมนุษย์ เพื่อมีโอกาสสร้างบุญให้กับตัวเราเอง และสร้างบุญให้กับผู้ที่ได้ช่วยเหลือให้เรากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
     
  7. kitkun

    kitkun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +579
    ดิฉันจะเล่า(พิมพ์)ให้อ่านเรื่องที่ 2 ค่ะ
    คนที่ตายแล้วฟื้นคนนี้เป็นผู้ชาย น้องชายเป็นคนเล่าให้ฟังว่า 2 ปีก่อน(2554) พี่ชายอายุ 50 กว่าขับขี่มอเตอร์ไซด์มีเพื่อนซ้อนท้าย ชนกันกับรถยนต์ เพื่อนเสียชีวิต ส่วนพี่ชายนั้นกระโหลกร้าวต้องได้รับการผ่าตัดด่วน หลังจากผ่าตัดแล้วนอนไม่รู้สึกตัว 7 วันเต็มหมอบอกให้ญาติๆทำใจโอกาสรอดน้อยมากซึ่งเกิดจากการผ่าตัดนั่นเอง ประมาณว่าผลข้างเคียงและการทนต่อพิษบาดแผลไม่ไหว ที่บ้านก็มีการสวดอ้อนวอนกับรูปถ่ายพ่อที่เสียชีวิตไปนานแล้ว(เขาตั้งรูปและจุดธูปไหว้ตามประเพณีจีน)ให้ช่วยพี่ชายด้วย ตลอด 7 วันไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ญาติจะใจชื้นขึ้นได้ มีแต่ความกังวลและคิดว่าคงต้องเตรียมจัดงานศพแล้วล่ะ
    แต่เมื่อครบ 7 วันพี่ชายกลับฟื้นขึ้นมาและได้กลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน ก่อนนั้นทางผู้เล่าซึ่งเป็นน้องชายได้ถามว่าเป็นยังไง..พี่ชายเล่าให้ฟังว่า เดินไปที่ไหนไม่รู้เห็นคนเดินไปข้างหน้าเยอะแยะไปหมดแต่ไม่มีการพูดคุยกัน สักครู่ก็ไปเจอพ่อที่เสียชีวิตแล้วมาจับมือและบอกว่ากลับไปบ้านเถอะเดี๋ยวพ่อจะพาไปส่ง หลังจากนั้นพี่ชายก็ฟื้นรอดชีวิตกลับมาแต่ตั้งแต่นั้นมานั่งได้,เดินไม่ได้,ทานข้าวเองไม่ได้,พูดได้แต่ช้าเหมือนคนเป็นอัมพฤษน่ะ เวลาก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว (ตรงนี้ต้องขอออกตัวก่อนค่ะว่า..ผู้เล่าก็เป็นน้องชายและเป็นผู้ใหญ่กว่าดิฉันแถมตัวดิฉันพูดภาษาท้องถิ่นได้แต่ศัพย์หรือคำเฉพาะของทางใต้บางคำดิฉันฟังไม่ทันและไม่เข้าใจเท่าที่ควร..ไม่กล้าซักมากก็สรุปๆได้ประมาณนี้) ญาติพี่น้องที่อยู่ด้วยกันก็ดูแลกันต่อไป

    ความรักของผู้ที่เป็นพ่อ,แม่มากล้นเหลือเกินแม้ล่วงลับไปแล้วก็ยังมาช่วยลูกอีก ดิฉันได้คุยกับหลวงตารูปหนึ่งที่วัดในหมู่บ้านท่านมีพลังจิต(นั่งทางใน)สามารถติดต่อหรือรู้เห็นสิ่งต่างๆที่เราไม่รู้ได้ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่าจากประสบการณ์ท่านที่ได้ช่วยเหลือญาติโยมเรื่องบิณฑบาตรของ(ไสยดำ..ทางใต้สมัยก่อนเล่นกันเยอะทั้งหญิง,ชาย)ออกจากตัวผู้นั้น ถ้าไม่มีผู้รับช่วงก็ยังไม่ตายง่ายๆ เมื่อเขานิมนต์ท่านไปที่บ้านก็จะได้รับการสื่อสารจากบรรพบุรุษที่ตายไปแล้ว วิญญาณหรือดวงจิตยังไม่ไปไหน..ยังอยู่ที่บ้านก็เหมือนมาสื่อกับท่านว่ามาทำไม,มาทำอะไรลูกหลานเขาหรือเปล่า จากเหตุนี้ท่านจึงบอกว่า..รูปถ่ายพ่อ,แม่ที่เสียไปแล้วแขวนได้แต่อย่าจุดเทียนหรือธูปหรือตั้งหิ้งพร้อมทั้งอธิษฐานว่าให้ช่วยคุ้มครองลูกหลานฯลฯ หากดวงจิตท่านเหล่านั้นบุญไม่ถึงที่จะไปสวรรค์และบาปไม่มากพอที่จะลงนรกดวงจิตนั้นก็ล่องลอยเป็นสัมภเวสีและถ้าได้รับการอธิษฐานด้วยก็เหมือนกับเป็นการดึงหรือเหนี่ยวรั้งเอาไว้..นานไปดวงจิตหรือวิญญาณก็ยังไม่ได้ไปสู่ภพภูมิที่ควรจะไป(ไม่มีการทำบุญใหญ่ที่พอจะส่งให้ไปสู่ภพภูมิอื่นด้วย) ความจริงท่านอธิบายไว้มากกว่านี้แต่ดิฉันนำมาถ่ายทอดต่อก็อาจตกหล่นไปบ้าง..ขออภัยด้วยค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2013
  8. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    เขาคงต้องกลับมาใช้กรรมก่อนแน่เลย !! คนที่ตายไปแล้ว ดวงจิตหรือวิญญาณต้องไปชดใช้กรรมใช่ไหมคะ เท่ากับว่าการที่ตายไปแล้วไม่ว่าดวงจิตนั้นจะอยู่ที่ไหนนรกหรือสวรรค์ ก็ยังคงระลึกได้ตอนที่ยังไม่ตายใช่รึปล่าวคะ ต่อเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนภพภูมิใหม่ มาเกิดใหม่กะจะจำไม่ได้ ก็น่าแปลกนะคะที่บางคนระลึกชาติได้

    ส่วนเรื่องบรรพบุรุษ ที่ล่วงลับไปแล้วเนี่ยคงเป็นจริงอย่างที่เล่าหนะค่ะ เพราะคุณย่าทวดของดิฉัน ท่านเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 2518 แต่ทุกวันนี้ท่านยังมาให้คนเห็นอยู่เลย โดยเฉพาะคนแถว ๆบ้านหนะค่ะ แต่คนในบ้านไม่มีใครเคยเห็นท่าน
    ซึ่งจิงๆ แล้วคุณพ่อ หรือพี่น้อง คิดว่าท่านไปไหนต่อไหนแล้วหนะค่ะ เด็กๆ วัยรุ่นแถวบ้านบางทีมานวดให้คุณแม่ แล้วนอนกับท่านเลย ตอนกลางคืนลงมาเข้าห้องน้ำ เห็นท่านยืนใส่ชุดโจงกระเบนเสื้อขาวที่ท่านชอบ ผมขาวหงอกทั้งศีรษะ เพราะท่านเสียตอนอายุ 80 กว่า แต่ตอนที่ท่านอยู่ดิฉันพอจำความได้ ตอนนั้นดิฉันอายุ 7 ขวบ ท่านหวงของหวงบ้านมากห้ามใครเข้าเลย ไม่รู้เพราะท่านยังยึดติดรึปล่าว ทำให้ท่านไม่ไปไหน คงต้องทำบุญและส่งท่านสู่ภพภูมิอื่นเสียทีคงดีต่อวิญญาณท่าน

    ขอบพระคุณคุณ kitkun มากเลยค่ะ ทำให้ดิฉันนึกอะไรหลายอย่างที่จะต้องทำ เพราะที่บ้านดิฉันยังเก็บกระดูกคุณปู่คุณย่า คุณตา ไว้อยู่เลยค่ะ เพราะตั้งใจไว้ว่าจะถามคุณพ่อว่า จะไปลอยอังคารหรือไปไว้ที่วัดดี เพราะเก็บกระดูกท่านไว้ในโกฏ คนสมัยก่อนหนะค่ะ

    หากมีเรื่องตื่นเต้นเรื่องแปลกแต่จิง มาเล่าให้ฟังอีกนะคะ ชอบบบบบบบมากกกกกกกค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...