ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    เจ้าของกระทู้ไม่อยู่อีกแล้ว ผมก็เลยต้องรีบมาคุยให้กันฟังต่อนะครับเรื่องประวัติความเป็นมาของทางกลุ่ม
    <O:p
    หลังจากที่ผมแยกจากกลุ่มกลับมาแล้ว ก็มาทราบภายหลังว่าจากตอนที่ผมกลับมาได้เดือนเศษก็เสร็จสิ้นการฝึก มีการประกาศจบกันแล้ว จากนั้นอีกนานพอสมควร ก็ทราบข่าวจากพี่สุดใจว่าได้พบกับคุณโสภา วรรณอนันต์ ซึ่งเป็นผู้ที่ร่วมฝึกกันมาตั้งแต่ต้น แต่ว่าขอกลับไปก่อนในช่วงที่กลุ่มเขากะลาเดินทางกลับจากการฝึกที่เขาเจ้าแม่ทับทิม พี่สุดใจได้พบกับคุณโสภาที่กรุงเทพฯ โดยบังเอิญ พี่สุดใจเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นคุณโสภา ดูเครียดมาก บ่นๆๆ บอกว่าจะทานอะไรก็มีแต่รสขมตลอดเลย ทั้งข้าวปลาอาหารและขนมทุกอย่าง แล้วยังรวมถึงน้ำก็ขมไปหมด ไม่ได้ลิ้มรสชาติอร่อยในโลกนี้มาพักใหญ่แล้ว พี่สุดใจจึงชวนไปอยู่ที่บ้านที่นครสวรรค์ด้วยกัน พอไปถึงบ้านพี่สุดใจทีนี้จะทานอะไรก็อร่อยแล้วครับ รสชาติที่ขมๆ ก็ไม่เจออีกเลย ซึ่งผมก็ยังไม่ได้ไปสัมภาษณ์ว่าลองเคี้ยวบรเพ็ดดูมั่งรึยัง

    พอคุณโสภา มาอยู่กับพี่สุดใจที่นครสวรรค์ปุ๊บ ครูซึ่งเป็นผู้ที่สื่อสารมายังคุณวาสนาตั้งแต่ต้น(คุณวาสนาอยู่บ้านเดียวกันกับพี่สุดใจ) ก็สั่งให้คุณโสภาฝึกต่อเลย มีทั้งการรับวาระการฝึกอยู่คนเดียว เพื่อเก็บตกในช่วงที่กลับไปก่อน และการฝึกร่วมกันรวม 4 คน มีคุณวาสนา พี่สมจิตร พี่สุดใจ และคุณโสภา ในช่วงนี้ไม่มีกลุ่มเขากะลาแล้วนะครับ ครูไม่ให้ยึดถือว่าเป็นกลุ่มอะไรแล้ว รวมถึงไม่มีครูอีกแล้วด้วย ที่ผ่านๆ มาครูบอกว่าได้ทิ้งแต่รอยเท้าไว้ในอากาศ ตอนนี้ให้เรียกใหม่ว่า “ระบบ”<O:p
    <O:p
    ในการทำงานจริงในช่วงภัยพิบัติจะไม่มีใครมาสั่งใคร โดยแต่ละคนจะขึ้นตรงกับระบบโดยตรง ไม่ได้กลายเป็นหุ่นยนต์นะครับ คนเป็นๆ คนเดิมนี่แหละ แต่จะรู้ว่าจะต้องทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร หรือกับใคร โดยมีเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาวที่พี่สุดใจพูดถึงนั้นเอามาติดตั้งให้<O:p

    <O:p
    การฝึกช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว เช่น การเคลื่อนย้ายมวลสาร การพรางหรือการเข้า-ออกมิติ เป็นต้น(ไม่ใช่ผู้ถูกฝึกทำได้กันนะครับ ระบบของต่างดาวเขาทำให้ดู ดังที่พี่สุดใจได้กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนต้น) <O:p
    <O:p
    คุณโสภาได้ฝึกต่อที่นครสวรรค์อยู่นานเกือบ 6 ปี จนในวันที่ 18 กันยายน 2548 ระบบได้เรียกให้ผม และผู้ที่เคยไปฝึกร่วมกันในครั้งแรกอีกรวม 6 คน เดินทางไปประชุมเพื่อรับระบบการฝึกฯเพิ่มเติม ที่บ้านพี่สุดใจ และเมื่อไปถึง ก็พบกับผู้รับผิดชอบแผนกที่รออยู่ที่นั่นอีก 4 คน รวมเป็น 10 คน

    ในการประชุมวันนั้น ได้มีการขยายระบบให้กับผู้เข้ารับการฝึกฯเพิ่มเติมทั้ง 6 ท่าน และระบบยังได้แจ้งให้ทราบ ในเรื่องของการแบ่งแผนกการทำงาน พร้อมผู้รับผิดชอบแผนกรวม 4 แผนก ได้แก่
    <O:p
    1. แผนกขับเคลื่อนระบบ และMaintenanceระบบ <O:p
    ผู้รับผิดชอบแผนก คุณวาสนา ชื่นสำนวน (รูปแรกคนที่ 1)
    <O:p
    2. แผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต<O:p
    ผู้รับผิดชอบแผนก คุณสุดใจ ชื่นสำนวน (รูปแรกคนที่ 2)
    <O:p
    3. แผนกพื้นที่<O:p
    ผู้รับผิดชอบแผนก คุณสมจิตร แร่เพชร (รูปแรกคนที่ 3)
    <O:p
    4. แผนกประชาสัมพันธ์ 60 บุคคล<O:p
    ผู้รับผิดชอบแผนก คุณโสภา วรรณอนันต์ (รูปแรกคนที่ 4)

    <O:pส่วนตัวผมอยู่แผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิตครับ<O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.6 KB
      เปิดดู:
      130
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.5 KB
      เปิดดู:
      127
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.9 KB
      เปิดดู:
      149
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มิถุนายน 2009
  2. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041


    เอาไว้ผมจะหาเวลาลองมาตอบคำถามตัวแดงๆ ข้างบนดูนะครับ
     
  3. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ข้อมูลของเวป www.UFOatKAOKALA.com นั้นที่พอจะหามาได้ก็ได้มาประมาณนี้ http://web.archive.org/web/*/http://www.ufoatkaokala.com/

    แต่อันนี้ก็ดูได้แค่หน้าของเวป กับเนื้อหาที่เป็นตัวอักษร รูปดูไม่ได้ ข้อมูลในกระทู้ก็ดูไม่ได้

    ข้อมูลในเวปจริงๆ จะอยู่ในเครื่องคอมที่ใช้เป็น server ที่ตอนนั้นทำเป็นเวปไซต์ เวปที่ให้มาให้ดูนั้นก็แค่เก็บหน้าเวปมาเก็บไว้เท่านั้น
     
  4. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    อ้างถึงคำที่กล่าวว่า

    ไม่สมเหตุสมผลเลยที่มนุษย์ต่างดาวเดินทางมายังโลกของเราเป็นระยะทางหลาย ล้านปีแสงเพื่อมาหลบๆ ซ่อนๆ มิสู้เปิดเผยตัวตน แสดงเจตนารมณ์ และติดต่อกันอย่างเป็นทางการดีกว่าหรือ" ดร.นำชัย แสดงความเห็นทิ้งท้าย

    จากการที่ผมได้สัมผัส และรับรู้ข้อมูลจากทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มานานพอสมควร จึงทำให้ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของการที่มนุษย์ต่างดาวทำไมถึงต้องเดินทางมายังดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้
    <O:p
    มนุษย์ต่างดาวที่สื่อสารมายังกลุ่มนั้น ได้บอกวัตถุประสงค์ไว้ชัดเจนว่าต้องการที่จะมาช่วยเหลือมนุษย์ในช่วงที่จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นในโลกใบนี้ ซึ่งตรงนี้ก็บังเอิญมาตรงกันกับพุทธทำนาย คำภีร์ไบเบิ้ล พระเกจิอาจารย์ที่ทรงอภิญญาหลายรูป หลายองค์ ว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง อย่างน้อยก็เพื่อนๆ ในเว็ปพลังจิตนี้ ที่มีการรวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติกันขึ้น และมีการทำงาน มีการวางแผน รวมถึงการแจ้งเตือนด้านภัยพิบัติควบคู่กับธรรมะมาโดยต่อเนื่อง และเป็นรูปธรรมด้วย ในขณะที่แนวโน้มความหนักหน่วงของภัยธรรมชาติก็มีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น แล้วยังขยายวงกว้างออกไปในเขตพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดภัยพิบัติเช่นว่านั้นมาก่อนด้วย<O:p
    <O:p
    อาจมีคำถามแทรกขึ้นมาก่อนว่า มนุษย์ต่างดาวรู้ว่าจะเกิดอะไรกับโลกใบนี้แล้วทำไมไม่ใช้เทคโนโลยีทำไม่ให้มันเกิดล่ะ ก็มันเป็นกฎธรรมชาติ การแปรปรวนของธรรมชาติมันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วมันก็ใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์ต่างดาวซึ่งก็ต้องอยู่ในกฎธรรมชาตินี้ด้วยจะไปทัดทานได้ ดาวของเขาเองก็ต้องมีเรื่องภัยธรรมชาติหรือการแปรปรวนของกฎธรรมชาติ แต่เขามีเทคโนโลยีที่จะเอาตัวรอดได้ เช่น อาศัยอยู่ในยานบิน แล้วบินหนีไปหลบให้ห่างหน่อย พอสงบดีแล้วก็กลับมาจอดมาอาศัยต่อไปใหม่ได้<O:p
    <O:p
    ในโลกเราเอง ณ เวลานี้ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกกำลังละลายในอัตราที่สูงกว่าอัตราการละลายในอดีตเป็นทวีคูณจนนักวิทยาศาสตร์ต่างลงความเห็นว่า ในอีกไม่กี่ปี หมีขั้วโลกจะต้องจมน้ำตายกันหมดเพราะอาศัยอยู่บนก้อนน้ำแข็ง สมมุติว่ามนุษย์เรามีการวางโครงการณ์ที่จะไปอพยพบรรดาหมีที่อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกตามจุดต่างๆ ซึ่งก็ถือว่ากว้างขวางมากในสายตาของมนุษย์เรา ตามหลักมนุษยธรรมเราอยากจะช่วยให้ได้ทุกชีวิต เพื่อที่จะนำพามาสู่ในที่ที่หมีขั้วโลกสามารถดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ แต่ในความเป็นจริงเราคงช่วยไม่ได้หมด<O:p
    <O:p
    มนุษย์เราก็ย่อมทราบดีว่าหมีขั้วโลกนั้นดุร้าย ถ้าเข้าใกล้ก็คงต้องถูกทำร้ายอย่างแน่นอน แต่เราก็ยังยืนยันกันว่าต้องช่วย และอยากจะช่วยให้ได้มากที่สุดด้วย ซึ่งในขณะที่ดำเนินการช่วยเหลืออยู่นั้น อาจมีใครถูกทำร้ายบ้าง เราก็ยังจะช่วยอยู่ดี เพราะเราเข้าใจธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้ดีว่าดุร้าย ก็มันเป็นสัญชาติญาณของมันเอง นี่เรื่องสมมุตินะครับ<O:p
    <O:p
    ทีนี้มนุษย์ต่างดาวมาตั้งไกล แล้วทำไมมาทำลับๆ ล่อๆ ไม่มาปรากฏตัวหรือติดต่อกันอย่างเป็นทางการไปซะเลย ก็เพราะเขาทราบดีว่ามนุษย์เรามีอุปนิสัยเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าเขาเห็นเราเลวร้ายหรือเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมาเองนะครับ เป็นเพราะเขาเคารพเหตุปัจจัย เห็นความเป็นเช่นนั้นเองของมนุษย์ การที่เขาจะมาเพื่อช่วยเหลือในช่วงที่เกิดภัยพิบัติก็ต้องมีการเตรียมการ การวางแผน วางโครงข่ายต่างๆ ทั้งทางด้านสถานที่ที่ต้องคำนวนให้ดีว่าที่ไหนจะปลอดภัย ด้านอาหารการดำรงค์ชีพ ด้านการติดต่อสื่อสารที่เปรียบเสมือนล่ามที่ได้รับความไว้วางใจจากมนุษย์ด้วยกัน ด้านสถานที่ที่จะลงมาติดต่อสื่อสารด้วย และที่สำคัญคือระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะมาแสดงตัว<O:p
    <O:p
    ถ้าสมมุติว่าวันนี้พรุ่งนี้เขามาลงจอดเลย เอาแถวๆ สนามหลวงก็ได้ ถามว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผู้คนต้องแตกตื่นเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ของการมาในครั้งนี้ แน่นอนมนุษย์ก็มีสัญชาติญาณระแวงภัยเหมือนกัน ออกจะมากกว่าสปีชี่อื่นด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็คงจะมีแต่กองกำลังมาห้อมล้อมแทนฝูงชน ชาติมหาอำนาจต่างๆ ก็อ้างสิทธิปกป้องความมั่นคงของโลก แล้วถือวิสาสะมาล้อมสนามหลวงด้วย และแน่นอนว่าต้องติดอาวุธที่แรงที่สุดที่ตัวเองมีอยู่มาด้วย แล้วมีคำถามอีกว่ามนุษย์ต่างดาวเขาจะคุยกับใคร ด้วยภาษาอะไรได้หรือครับ ถ้าเป็นภาษามือก็อาจจะไม่เข้าใจกันเพราะเขาอาจจะไม่มีมือข้างละห้านิ้วเหมือนเราก็ได้ ก็อุปมาอุปมัยเหมือนเจตนาจะไปขนย้ายหมีขั้วโลก แต่เดินไปตัวเปล่าในวงล้อมของหมีขั้วโลกนั่นแหละครับ เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลนี้มนุษย์ต่างดาวจึงยังไม่มาปรากฎตัวอย่างเปิดเผยให้มนุษย์เดินดินอย่างเราๆ ได้เห็นกันจะจะยังไงล่ะครับ<O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 ตุลาคม 2007
  5. bisco

    bisco เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2006
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +150
    อยากติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวบ้างจัง
     
  6. chanoknon

    chanoknon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +776
    เยี่ยมมากครับ
     
  7. chanoknon

    chanoknon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +776
    เยี่ยมมากครับ
     
  8. ๋Zeus@

    ๋Zeus@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,960
    รำลึก จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน

    [​IMG]

    [​IMG]

    ...จิตวิญญาณ.com ขอร่วมไว้อาลัย แด่การจากไปของ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน...

    ...จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เป็นผู้ที่ได้รับการสื่อสารทางจิต จากสิ่งลึกลับ ที่อยู่นอกโลก...
    ...จึงได้ทำการพิสูจน์ และเผยแพร่ข่าวสารมาโดยตลอด จนก่อให้เกิด กลุ่มเขากะลา...
    ...และเกิดจิตวิญญาณ.com บัดนี้ท่านได้จากไปแล้ว คงเหลือไว้แต่ผลงานอันทรงคุณค่า...
    ...ซึ่งเป็นรากฐานแห่งการบุกเบิก ศาสตร์ทางด้านยูเอฟโอ...
    ...ชื่อของท่านจะถูกจารึกเอาไว้ ในวงการยูเอฟโอเมืองไทย ตลอดไป...


    <table border="1" bordercolor="#000000" cellpadding="2" cellspacing="2" width="600"> <tbody><tr bgcolor="#990033"> <td>ขอนำเสนอภาพถ่าย รวมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ ของท่าน</td> </tr> <tr> <td>งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพฯ วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2540

    [​IMG]
    บูธถ่ายภาพด้วยกล้อง AURA ภายในงาน มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตฯ ครั้งที่ 2 ณ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
    <hr> [​IMG]
    จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ขณะทำสมาธิสัมผัสคลื่นจิตของมนุษย์ต่างดาว เพื่อถ่ายภาพด้วยกล้อง AURA
    <hr> [​IMG]
    ภาพถ่ายแสง AURA ขณะสัมผัสกับคลื่นจิตของมนุษย์ต่างดาวนั้น ปรากฎว่าแสงที่ออกมาเป็นระเบียบ เป็นขอบ เป็นวง ชัดเจน พลังแสงออร่าที่ออกมาแบ่งเป็น 3 ชั้น 3 สี ซึ่งโดยปกติทั่วไป แสงสีต่าง ๆ ที่ถ่ายภาพออร่าจะออกมาปะปนกัน ไม่เป็นระเบียบ
    <hr> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td> ณ งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตฯ ครั้งที่ 2 วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2540

    [​IMG]
    ดร.สมบูรณ์ แสงทอง จากรายการเวที..วาไรตี้ ช่อง 9 ขณะสัมภาษณ์ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน และ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงษ์ เรื่องการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว
    <hr> [​IMG]
    ประชาชนจำนวนมากในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิต ฯ ครั้งที่ 2 ให้ความสนใจสอบถามเรื่องการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว
    <hr> [​IMG] [​IMG]
    ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน และ จ.ส.อ. เชิด ชื่นสำนวน ขณะร่วมกันส่งโทรจิตถึงมนุษย์ต่างดาว เพื่อให้นำยานอวกาศมาปรากฏให้ประชาชนได้รับชมอีกครั้งในวันนี้ ซึ่งได้รับการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวว่า จะนำยานฯ มาให้ชมในต้นปีหน้า วันที่ 3 มกราคม 2541 ที่จังหวัดสิงห์บุรี

    นัดพบจานบินที่จังหวัดสิงห์บุรี วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2541

    [​IMG]
    จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ขณะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงการนัดพบยานอวกาศในวันนี้ ที่มีการนัดล่วงหน้าต่อเนื่องมาจากงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตฯครั้งที่ 2
    <hr> [​IMG]
    ทำพิธีสักการะบูชาพระรัตนตรัย ก่อนทำสมาธิจิตติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว
    เพื่อขอให้นำยานอวกาศมาปรากฏตามนัดหมาย
    <hr> [​IMG]
    กล่าวถึงวัตถุประสงค์ให้ประชาชนได้รับทราบในการมาเยือนโลกมนุษย์ ของมนุษย์ต่างดาว จากจักรวาลโลกุกะตาปากะดิกอง และนำข้อมูลความเป็นอยู่ของมนุษย์ต่างดาวบนโลกของเขาที่ได้รับการสื่อสารบอกมา ให้ประชาชนรับทราบด้วย
    <hr> [​IMG]
    ก่อน 18.00 นาฬิกาเล็กน้อย มีวัตถุบินมาปรากฏให้ประชาชนที่รอชมอยู่นั้นได้เห็นเป็นส่วนมาก แต่ด้วยความเร็วของยานอวกาศ
    ลำที่ 1 - 3 ไม่สามารถบันทึกได้ทัน จนกระทั่งลำที่ 4 ช่างภาพสมัครเล่นจากกรุงเทพฯ 2 ท่าน สามารถบันทึกภาพไว้ได้ เป็นยานอวกาศรูปสามเหลี่ยม สีเงิน วิถีการบินทิ้งดิ่งลงมาตรง ๆ และหมุนตัว 1 รอบ ก่อนที่จะหายออกไปจากจอภาพอย่างรวดเร็ว
    (บันทึกได้ด้วยกล้องวีดีโอโซนี่)
    <hr> [​IMG]
    ภาพวาดแสดงทิศทางการบินจากภาพจริง จานบินรูปสามเหลี่ยมสีเงินทิ้งตัวลงมาตรง ๆ จากด้านบน และหมุนตัว 1 รอบ ก่อนบินหายไปทางขวาของจอภาพ <hr> [​IMG]
    ภาพจานบินรูปสามเหลี่ยมสีเงิน ที่บันทึกได้จริงที่จังหวัดสิงห์บุรี มีการนำออกอากาศในรายการมายาคอม ช่อง 7
    สกู๊ปข่าวพิเศษ ช่อง 7, สรุปข่าว ITV, และ รายการเวที วาไรตี้ ช่อง 9 ข้อมูลส่วนหนึ่งจากการสื่อสาร ของ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน กับมนุษย์ต่างดาวจากจักรวาลโลกุกะตาปากะดิกอง ที่นำยานอวกาศมาปรากฏให้ชมที่สิงห์บุรี ได้ให้ข้อมูลความเป็นอยู่ของโลกจักรวาล ซึ่งมีความเจริญทั้งทางด้านวัตถุ และจิตใจไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ได้นำมาเผยแพร่ให้ผู้สนใจได้รับทราบ ในวันนัดพบจานบิน วันที่ 3 มกราคม 2541 ที่สิงห์บุรีด้วย

    จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน รับการสื่อสารข้อมูลนี้ในวันที่ 17 ธันวาคม 2540
    ซึ่งเป็นข้อมูลพิเศษ เกี่ยวกับยานอวกาศของต่างดาว

    [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ข้อมูลพิเศษ เกี่ยวกับยานอวกาศของต่างดาว


    1.) มีโรงงานผลิตยานอวกาศ 400 โรงงาน
    2.) ผลิตได้ประมาณวันละ 1,000 ลำ
    3.) ยาน ฯ ที่ใหญ่ที่สุด เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,000 เมตร
    4.) ยาน ฯ ที่บรรทุกได้ 50 ลำ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 200 เมตร
    5.) ยาน ฯ ที่บรรทุกได้ 4 ลำ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 50 เมตร
    6.) ยานลำลูก ที่บินอยู่นี้ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร
    7.) ยาน ฯ ที่ประชาชนใช้ บรรทุกได้ไม่เกิน 2 ตัน วัดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร
    8.) มียาน ฯ เล็ก ขนาดติดตัวเดินทางได้ 1 คน
    9.) ยาน ฯ บรรทุกขนาด 50 ลำ มีอยู่ 100,000 ลำ
    10.) ยาน ฯ บรรทุกขนาด 4 ลำ มีอยู่ 400,000 ลำ
    11.) ยาน ฯ ลูก มีจำนวน 1,000,000 ลำ
    12.) ยาน ฯ ลูก มีลูกเรือ 5 คน ต่อ 1 ลำ
    13.) ยาน ฯ ที่ประชาชนใช้ จะเป็นยานธรรมดา ไม่มีอาวุธ
    14.) ยาน ฯ ที่ใช้ออกรบ จะมีอาวุธ
    15.) การสู้รบนั้น มนุษย์ไม่มีทางที่จะต่อสู้ได้เลย
    16.) การรบใช้ยิงด้วยแสงเลเซอร์ เป็นอาวุธทำลาย
    17.) ยาน ฯ แม่มีขนาดบรรทุก 50 ลำ จะลอยตัวอยู่ได้ 5 ปี
    18.) ยาน ฯ ขนาดบรรทุกได้ 4 ลำ จะลอยตัวอยู่ได้ครั้งละ 100 วัน
    19.) การขับเคลื่อน ขับเคลื่อนด้วยพลังแม่เหล็ก และแร่ธาตุบางชนิด
    20.) ยาน ฯ นั้น ประชาชนไม่ต้องซื้อ เพราะเป็นของรัฐ รัฐบาลเป็นผู้จ่ายให้
    21.) เครื่องบินที่ถูกคลื่นโดยมิได้เจตนา ประมาณ 30 ลำ ขอแสดงความเสียใจด้วย
    22.) สถานที่ทำงาน หรือกองบัญชาการ อยู่ภายในยาน
    23.) ยานอวกาศของมนุษย์ทั่วโลก ที่ส่งขึ้นไปทั้งที่เปิดเผย และไม่เปิดเผยนั้น ส่งคลื่นไปรบกวนประมาณ 200 ลำ
    24.) ยานที่ส่งไปเพื่อสำรวจบนดวงจันทร์นั้น มีคลื่นรบกวน
    25.) ยานที่ส่งไปเพื่อใช้สื่อสารนั้น คลื่นไม่รบกวน
    26.) ยานไทยคม ไม่มีคลื่นรบกวน

    ลักษณะและความเป็นอยู่ของมนุษย์ต่างดาว

    1.) มีลักษณะศรีษะโต ตัวเล็กกว่ามนุษย์โลก
    2.) ลักษณะท้องจะใหญ่ เนื่องจากมีพลังงานอยู่ที่บริเวณท้อง
    3.) ศรีษะมีเรดาห์ ยื่นขึ้นไปในอากาศ เป็นที่รับคลื่น เพราะการสื่อสารของมนุษย์ต่างดาวนั้น สื่อสารกันด้วยคลื่น
    ดังนั้น คลื่นที่มนุษย์ส่งขึ้นไป จึงรบกวนมนุษย์ต่างดาว
    4.) การติดต่อกัน ติดต่อทางโทรจิต ทางคลื่น
    5.) ประชากรมีประมาณ 200 ล้านคน
    6.) เป็นชนชาติเผ่าเดียวกันทั้งหมด
    7.) การปกครองเป็นประชาธิปไตย ทุกคนต้องรักษาศีล ผู้ใดละเมิดศีล จะต้องถูกลงโทษ
    8.) การนับถือศาสนา มีพระเจ้าผู้วิเศษของมนุษย์ต่างดาว คล้ายกับศาสนาพุทธ จึงสื่อสารกันได้
    9.) ศาสนาของมนุศย์ต่างดาวรุ่งเรืองกว่าของมนุษย์มากมาย เพราะทุกคนจะรักษาศีลกัน โดยไม่มีกฏหมาย
    10.) มีนรก สวรรค์ และ "กฏแห่งกรรม" เป็นของจักรวาลนั้น
    11.) มีพระเจ้าองค์เดียว เทียบกับพระพุทธเจ้า
    12.) มีผู้วิเศษ 1 คน เทียบกับพระเจ้าแผ่นดิน
    13.) มีผู้ช่วยผู้วิเศษ เทียบกับ ราชฑูต 10 คน
    14.) รองผู้ช่วยผู้วิเศษ เทียบกับผู้ว่าราชการจังหวัด 1,000 คน
    15.) มีแคว้น 1,000 แคว้น
    16.) โรงงานผลิตอาหาร ประมาณ 2,000 โรงงาน
    17.) อาหารเป็นแคปซูล ทำด้วยผลไม้ยืนต้น คือต้นเคริบ
    18.) อาหารกิน 1 ครั้ง อยู่ได้ 1 วัน
    19.) โรงพยาบาล ประมาณ 1,000 แห่ง
    20.) การรักษา ไม่ใช้ยาฉีด ใช้ยาต้ม และใช้พลังจิตรักษา
    21.) คนป่วยไม่ต้องมานอนรักษาที่โรงพยาบาล ให้มารับยาต้ม แล้วใช้พลังจิตรักษาคนป่วย ซึ่งคนป่วยก็อยู่ในยานนั้น
    22.) มนุษย์ต่างดาวอยู่บนยาน ซึ่งเปรียบเสมือนบ้าน
    23.) มนุษย์ต่างดาวมีอายุ 300 ปี
    24.) เวลา 1 วัน จะเท่ากับ 60 ชั่วโมง
    25.) อากาศเย็นประมาณ 0 องศา ส่วนมากจึงอยู่ในยาน
    26.) ไม่มีฤดูหนาว เนื่องจากอากาศเย็น 0 องศา มีแต่หน้าร้อน กับหน้าฝน
    27.) มีแม่น้ำ มีทะเล มีภูเขา ไม่มีภูเขาไฟ
    28.) ในทะเลไม่มีเรือ ใช้ยานที่ลอยน้ำได้ ขับเคลื่อนในน้ำได้
    29.) ไม่มีรถไฟ รถยนต์ มีแต่ยาน
    30.) มีโรงเรียน มีทหาร แต่ไม่มีตำรวจ โดยใช้ทหารแทนตำรวจ ทำโทษผู้ประพฤติผิดศีล

    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE --><script language="JavaScript" src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc.js"></script><script language="JavaScript" src="http://geocities.com/js_source/geov2.js"></script><script language="javascript">geovisit();</script>[​IMG] <noscript>[​IMG]</noscript> [​IMG]
     
  9. ๋Zeus@

    ๋Zeus@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,960
    รำลึก จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน (ต่อ)

    [​IMG] [​IMG]

    จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน และคณะ ได้เดินทางไปยังบริษัทการบินไทย จำกัด ที่ดอนเมือง เพื่อขอทราบรายละเอียดความแตกต่างระหว่างเครื่องบิน กับวัตถุบินที่มาปรากฏ
    เพราะในช่วงกลางคืน เวลา 21.00 -22.00 นาฬิกา มีการนัดหมายนำยานอวกาศมาปรากฏให้ชมอีกครั้งจำนวน 4 ลำ ซึ่งมีประชาชนหลายร้อยคนรอชมอยู่ด้วย

    ซึ่งวัตถุบินที่มาปรากฏทั้ง 4 ลำนั้น บินในระยะต่ำ ไม่มีเสียง
    และมีการเปิดไฟหลายสี หลายแบบ และมีไฟหมุนแบบดิสโก้ให้ชมด้วย ซึ่งมีผู้บริหาร และช่างจากการบินไทย 2 ท่าน ที่ร่วมรับชมอยู่ด้วย ท่านยืนยันว่าวัตถุดังกล่าว ไม่ใช่เครื่องบินอย่างแน่นอน คุณบัญชา บุญนูน ช่างเครื่องบินที่ยืนยันในคืนนั้น ให้การต้อนรับด้วยความยินดี และอธิบายรายละเอียดความแตกต่างให้ทราบ
    <hr> [​IMG] [​IMG]
    รายการมายาคอม ช่อง 7 สี ได้เชิญ จ.ส.อ.เชิด และครอบครัว พร้อมทั้งคุณสถิตธรรม เพ็ญสุข จากสถาบันค้นคว้าด้านพลังจิต และจักรวาล ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ไปร่วมรับชมยานอวกาศที่สิงห์บุรี และยืนยันว่า วัตถุบินนั้น เป็นยานอวกาศอย่างแน่นอน <hr> [​IMG]
    มีการนำข้อมูล และภาพจานบินมาแสดงในงาน เพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้รับทราบข้อมูลของมนุษย์ต่างดาว

    [​IMG]
    ในระหว่างจัดงานนิทรรศการมนุษย์ต่างดาวบริเวณหาดทรายต้นแม่น้าเจ้าพระยานั้น มีวัตถุบินหลายลำมาบินอยู่เหนือบริเวณงาน ซึ่งมาหลายรูปแบบให้ผู้ชมงานได้รับชมด้วย

    [​IMG]
    จ.ส.อ. เชิด ชื่นสำนวน ท่านได้กล่าวถึงการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว และความเป็นอยู่ของโลกจักรวาล ให้ผุ้สนใจได้รับทราบข้อมูลด้วย

    [​IMG]
    ในขณะที่วัตถุบินลำที่ 5 ลอยอยู่เหนือบริเวณงานนั้น ได้มีคลื่นจิตจากมนุษย์ต่างดาว ส่งมาสัมผัสกับท่านผู้หนึ่งที่อยู่ภายในงาน และกล่าวด้วยภาษาที่ไม่เข้าใจ จ.ส.อ.เชิด จึงได้สื่อสารทางจิตกับท่านผู้นั้น และได้รับทราบว่า เป็นคลื่นจิตมนุษย์ต่างดาวจากดาวพลูโต จะมาร่วมสื่อสารกับมนุษย์โลกด้วย

    [​IMG] [​IMG]

    จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เดินทางเข้าพบ ดร.ถาวร นิโรจน์ นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์ ในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2541 เพื่อรายงานผลการจัดนิทรรศการมนุษย์ต่างดาวให้ท่านได้รับทราบ
    <hr> [​IMG] [​IMG]
    และได้พบกับ อาจารย์ยุพา ขจรกล่ำ ผู้สัมผัสกับคลื่นจิตของมนุษย์ต่างดาวจากดาวพลูโตในคืนที่ผ่านมา ซึ่งท่านได้เดินทางเข้าพบ ดร.ถาวร นิโรจน์ ด้วย ท่านได้เล่าถึงประสบการณ์ขณะสัมผัสกับคลื่นจิตมนุษย์ต่างดาวให้รับทราบด้วย ซึ่งท่านกล่าวว่า เป็นคลื่นพลังความร้อนที่ส่งมาที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง และที่ศรีษะ เป็นพลังที่มีความแรงมาก และเข้าใจข้อมูลสื่อสารของมนุษย์ต่างดาวที่ผ่านสมองของท่าน และได้รับทราบว่า ท่านปฏิบัติสมาธิอย่างต่อเนื่องมานานแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นผู้มีสมาธิสูงท่านหนึ่ง
    <hr> [​IMG] [​IMG]
    วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2541 ณ เขากะลา จังหวัดนครสวรรค์
    จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ให้การต้อนรับ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน และคณะ ที่เดินทางมาเยือนกลุ่มเขากะลา จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมทั้งมีผู้สนใจจากจังหวัดต่าง ๆ ประมาณ 60 ท่าน ได้เดินทางมาสมทบกับคณะของ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน และสวดมนต์ทำวัตรเย็นร่วมกัน
    <hr> [​IMG] [​IMG]
    ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน และ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ขณะสนทนาถึงความคืบหน้าของการติดต่อสื่อสาร และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีการสื่อสารมาจากมนุษย์ต่างดาว พร้อมทั้งท่านยังได้บรรยายถึงการติดต่อสื่อสาร
    กับมนุษย์จากดาวอังคาร " ท่านพาราซิลทัล" ให้ผู้สนใจได้รับทราบ หลังจากนั้น มียานอวกาศมาปรากฏหลายลำ
    ทั้งบนท้องฟ้า และ ลงจอดบนพื้นดินด้านล่างของเขากะลา ซึ่ง ศ. ดร.เทพนม เมืองแมน ท่านได้บันทึกภาพไว้ด้วย

    [​IMG] [​IMG]

    วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2541
    กลุ่มเขากะลา ได้จัดทำบุญครบรอบ 1 ปีขึ้น ณ เขากะลา จังหวัดนครสวรรค์
    ซึ่งมีประชาชนหลายร้อยท่านเดินทางมาร่วมงาน
    และ ศ.ดร.เทพนม เมืองแมน พร้อมคณะฯให้เกียรติเดินทางมาร่วมงานด้วย มีการทำบุญเลี้ยงพระ และสวดมนต์เย็นตามประเพณีทางพระพุทธศาสนา
    <hr> [​IMG] [​IMG]

    หลังเสร็จพิธีสวดมนต์เย็นแล้ว ได้มีการนั่งสมาธิร่วมกัน และหลังจากนั้น ได้มีวัตถุบินจำนวนหลายลำ
    ได้บินวนไปมารอบเขากะลา มีการเล่นไฟหลายรูปแบบ ไม่มีเสียง ศ.ดร.เทพนม เมืองแมน และคณะได้นำกล้องมาบันทึกภาพวัตถุบินดังกล่าว
    และประชาชนต่างที่มาร่วมงานต่างลุกขึ้นดูวัตถุบินหลายรูปแบบที่มาปรากฏ อย่างตื่นเต้น และช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า ได้มียานลงจอดที่เนินเขาด้านหลังเขากะลา ประมาณ 5 ทุ่มกว่า ๆ มีร่าง 3 ร่างเดินออกมา และมีคณะอาจารย์จากศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา จากกรุงเทพฯ
    เป็นคณะผู้สนใจ ufo ได้ติดตามลงไปเพื่อพิสูจน์ว่า ร่าง 3 ร่างที่ลงมาเิดินนั้น ใช่มนุษย์ต่างดาวหรือไม่ ?
    และหลังจากลงไปพิสูจน์แล้ว ได้รายงาน ดร.เทพนม เมืองแมน ว่าไม่ใช่มนุษย์บนโลกนี้่แน่นอน
    ( รายละเอียดบทสัมภาษณ์การติดตามมนุษย์ต่างดาว มีอยู่ใน vdo ม้วน 2)

    <hr> [​IMG] [​IMG]

    วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 11.1 - 11.2 จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ได้นำกลุ่มเขากะลาเข้าพบ ศ.ดร.เทพนม เมืองแมน ณ บ้านพักของท่านที่กรุงเทพฯ ซึ่ง ศ.ดร.เทพนม เมืองแมน ท่านได้ให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง พร้อมทั้งท่านได้นำภาพยานอวกาศรูปแบบต่าง ๆ ที่จัดแสดงไว้ในบูธมนุษย์ต่างดาวของท่านในงาน มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 3 ที่มหาวิทยาลัยรัชภาคย์ มาให้กลุ่มเขากะลาได้รับชม ซึ่งมีภาพบางส่วน เช่น ภาพยานลงจอด ภาพมนุษย์ต่างดาวออกมาจากยาน ภาพเปิดมิติกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว บันทึกภาพได้ที่เขากะลา <hr> [​IMG] [​IMG]

    ภาพส่วนหนึ่งที่บันทึกได้ที่เขากะลา มีการนำมาแสดงในบูธมนุษย์ต่างดาว ของ ศ.ดร.เทพนม เมืองแมน ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นภาพยานลงจอดบนพื้นราบด้านล่้างของเขากะลา ภาพคนเรืองแสงออกมาจากยาน และภาพการเปิดมิติให้เห็นกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวที่ปรากฏขึ้นบนยอดเขาลูกหนึ่ง แล้วเลือนหายไป

    [​IMG] [​IMG]

    จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ท่านได้ปฏิบัติสมาธิจิต และได้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องของการสื่อสารด้วยจิตอยู่บนเขากะลามาโดยตลอด ไ้ด้มีผู้สนใจจากกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ เดินทางมาเยือนเขากะลาเป็นประจำในวันเสาร์ - อาทิตย์ ซึ่งท่านได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติสมาธิจิต ให้กับผู้สนใจได้รับทราบ และปฏิบัติร่วมกัน
    <hr> [​IMG] [​IMG]

    ผู้ที่เดินทางมา ณ เขากะลา จะร่วมกันปฏิบัติสมาธิ ฟังธรรม และ มีการสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งในแต่ละครั้งที่มีการนัดหมายเพื่อปฏิบัติธรรมร่วมกันนั้น จะมียานอวกาศหลายลำบินมาปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ และบนพื้นราบก็จะมีมาปรากฏให้เห็นเช่นกัน ซึ่ง มิสเตอร์จอห์น ฮอร์เน็ตต์ ชาวอังกฤษ ได้พาครอบครัวจากจังหวัดฉะเชิงเทรา มาบันทึกภาพที่เขากะลาอยู่เสมอร่วม 20 ครั้ง ที่ท่านเดินทางมา และบันทึกภาพได้เป็นจำนวนมาก บางส่วนท่านได้ส่งให้กับ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ด้วย
    <hr> [​IMG] [​IMG]

    กลุ่มผู้สนใจฝึกจิต จำนวน 39 บุคคล ได้ร่วมปฏิบัติสมาธิจิต ณ เขากะลา
    ซึ่งมีการฝึกปฏิบัติทางจิตต่อเนื่องในทุก ๆ วัน โดยมี จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เป็นประธานของกลุ่มเขากะลา ซึ่งการปฏิบัติจะมีการฝึกสมาธิจิต พิจารณาธรรม และปฏิบัติกิจกรรรมอื่น ๆ ร่วมกัน
    <hr> ผู้ฝึกปฏิบัติทางจิตจำนวนหนึ่งที่ผ่านการฝึกจิตขั้นพื้นฐานแล้ว ได้สนใจการฝึกติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ดังนั้นจึงขอเข้ารับการฝึกต่อ โดยมีการฝึกสัมผัสคลื่นจากต่างดาว ใช้ระยะเวลาในการฝึกทั้งสิ้น 1 ปี
    ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2542 - 19 เมษายน 2543 มีผู้ผ่านการฝึกทั้งสิ้นรวม 9 บุคคล


    [​IMG]

    สัญญลักษณ์ของจักรวาลโลกุกะตาปากะดิกอง
    เมื่อฝึกสื่อสารกับคลื่นจิตจากจักรวาลโลกุกะตาปากะดิกอง จะใช้สัญญลักษณ์นี้ ในการฝึกฯ


    [​IMG]

    สัญญลักษณ์ของดาวพลูโต ซึ่งเป็นผู้นำในการสื่อสารกับมนุษย์โลก
    และเป็นผู้รับหน้าที่ทำการฝึกด้วยคลื่นจิต ให้กับผู้ฝึกทุกท่าน จะใช้สัญญลักษณ์นี้ในการฝึกทุกครั้ง
     
  10. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    แหมได้คุณ Zeus@ ที่มีข้อมูลแน่นๆ มาช่วยPost รอพี่สุดใจนี่ดีจริงๆ ครับ ผมเองก็สงสัยจะหมดมุกซะแล้ว...ขอบคุณนะครับ

    มีรูปเหลือ...เขากะลาก็มีลานธรรมที่ร่มรื่นเหมือนกันนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.9 KB
      เปิดดู:
      83
    • .jpg
      .jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.5 KB
      เปิดดู:
      82
  11. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ขออนุญาตเรียนเชิญร่วมงานสัมมนา

    พี่สุดใจ ได้รับโทรศัพท์แจ้งข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหว ของข้อความในเวปไซด์นี้ จาก คุณ no.9 ซึ่งได้โทรศัพท์แจ้งให้ทราบเป็นระยะ ๆ ในช่วงที่พี่สุดใจยังต้องรับการฝึกเพิ่มเติมนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในวันนี้ ได้รับโทรศัพท์แจ้งให้ทราบความเคลื่อนไหวของข้อมูลเมื่อเวลา 23.49 นาฬิกา ที่ผ่านมา ซึ่งพี่สุดใจ จึงขออนุญาต โพสต์ข้อความนี้ ณ เวลานี้ค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เนื่องจากมีข้อมูลเร่งด่วน จากระบบของต่างดาว ที่กำลังทำการฝึกเพิ่มเติมอยู่ในขณะนี้ ได้ส่งข้อความเข้ามาว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2007
  12. rescuelp

    rescuelp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +420
     
  13. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    <!-- this is not the last post shown on the page --><TABLE class=tborder id=post764536 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 10:12 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #66 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>lights<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_764536", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:23 AM
    วันที่สมัคร: Nov 2006
    ข้อความ: 11 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 46 ครั้ง ใน 11 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_764536 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุดใจเขากะลา [​IMG]
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><O:p</O:p<O:p</O:p
    พี่สุดใจ จึงได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่แจ้งข่าวสารนี้กับทุกท่าน ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ในการเผยแพร่ข้อมูล ในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา และในปัจจุบัน เพื่อเป็นแขกรับเชิญมาร่วมฟังการสัมมนาในครั้งนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ขอเรียนเชิญ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    webmaster.jitwinyan.com คุณอภิรักษ์ เพียรทอง <O:p</O:p
    webmaster.palungjit.org(เวอร์ชั่นเก่า) และเป็น webmaster.UFOatKAOKALA.com <O:p</O:p
    คุณสุชนพนธ์ มณีเลิศ จากเชียงใหม่<O:p</O:p
    webmaster.palungjit.org (ปัจจุบัน) คุณวีระชัย (websnow) <O:p</O:p
    คุณวัชรพล สุวรรณรักษ์ (คุณ mead) ผู้บันทึกภาพจานบินที่สิงห์บุรี และที่เขากะลา<O:p</O:p
    คุณอลงกรณ์ มุขธระโกษา มัณฑนากร ผู้บันทึกภาพจานบินที่สิงห์บุรี และที่เขากะลา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งทุกท่านได้ให้ความอนุเคราะห์ในการเผยแพร่ข้อมูลของกลุ่มเขากะลา(เดิม) มาโดยตลอด ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการอุทิศแรงกาย แรงใจ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างเต็มความสามารถ โดยมิได้หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ จากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เลย ซึ่งหากมิได้รับความอนุเคราะห์จากท่านแล้ว การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารก็คงมิอาจแพร่หลายให้บุคคลทั่วไปได้รับทราบจนถึงปัจจุบันนี้ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในครั้งนี้ ขอให้กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้มีโอกาสขอบคุณทุกท่านบ้าง แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยก็ตาม<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พี่สุดใจ จึงได้รับมอบหมาย ให้เป็นตัวแทนในการเรียนเชิญทุกท่านเป็นแขกรับเชิญของ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เข้าร่วมฟังการสัมมนาในครั้งนี้ โดยเราได้จัดเตรียมบัตร V.I.P. ไว้ให้กับทุกท่านแล้วค่ะ ขอเชิญท่านแจ้งชื่อของท่าน และรับบัตรเชิญ ดังกล่าว ที่หน้างานสัมมนาในครั้งนี้ และหวังอย่างยิ่งว่า คงมีโอกาสได้พบกับทุกท่าน และได้มีโอกาสขอบคุณด้วยตัวเองสักครั้ง ภายในงานนี้นะคะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับท่านเจ้าของเวปไซด์นี้ คุณ websnow หากท่านไม่อาจเดินทางมาร่วมงานได้ ก็ขอเรียนเชิญ ตัวแทนของท่าน ที่อยู่ในประเทศไทย เข้าร่วมงานแทนท่านด้วยค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พี่สุดใจ ได้แจ้งรายชื่อของทุกท่านที่กล่าวถึง ไปยังคุณ Astro Neemo ผู้จัดงานเรียบร้อยแล้ว ในนามแขกรับเชิญของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ท่านไม่ต้องแจ้งสำรองที่นะคะ โปรดแจ้งรายชื่อของท่านที่หน้างานได้เลย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับท่านที่แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ พี่สุดใจจะประสานงานกับผู้จัดงานฯ ให้เองค่ะ ขอขอบคุณ และหวังอย่างยิ่งว่าคงได้มีโอกาสพบกับทุกท่านในวันนั้นนะคะ สวัสดีค่ะ<O:p</O:p



    <!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แล้วพี่ Falkman ของป๋มละครับ ไม่ได้รับเชิญเหร๋อ(b-green)
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    เรื่องธรรมะจริง ๆ มันก็มิใช่จริง มิใช่ปลอม มันกลายเป็นเรื่องอะไร ๆ ก็ได้ ที่ท่านรับสัมผัสได้เองในแต่ละขณะจิต
    <!-- / sig --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย lights : วันนี้ เมื่อ 10:23 AM.
    <!-- / edit note --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("764536")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack -->[​IMG] <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ยินดีครับ ยินดีมากๆ เลย ผมถือโอกาสเรียนเชิญคุณKananun และคุณFalkman รับบัตรที่หน้างานได้เลยครับ ผมต้องขออภัยแทนพี่สุดใจด้วยเป็นอย่างสูง เนื่องจากพี่เขางานเยอะอาจจะตกหล่นไปบ้าง

    ใจจริงตัวผมเองอยากเรียนเชิญเพื่อนๆ ที่ทำงานเรื่องภัยพิบัติด้วยกันมาหลายๆ ปีอย่างต่อเนื่องแบบนี้ได้ไปฟัง ได้ไปอภิปรายแสดงความคิดเห็นกันเยอะๆ ครับ เพราะเหตุการณ์ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันข้างหน้านี้ ไม่ใช่เรื่องของใครหรือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะเลย เป็นเรื่องของมนุษยชาติโดยรวมที่จะต้องช่วยกัน

    เท่าที่ทราบมา มนุษย์ต่างดาวที่แต่ละกลุ่มแต่ละท่านสื่อสารได้นั้น จะพยายามแจ้งเตือนเหมือนๆกันคือเรื่องภัยพิบัติ ในส่วนของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัยเขากะลา ผู้ที่อยู่ในกลุ่มทุกคนได้รับการเร่งเร้าจากผู้ที่สื่อมาให้การสอน ให้การฝึกอย่างเข้มข้น และยืนยันเรื่องที่จะเกิดภัยพิบัติ การมาโพสต์ออกสู่สาธารณะในเวปนี้อาจประชาสัมพันธ์ได้เพียงเล็กน้อยเป็นบางส่วนที่เหมาะสม เพียงพอที่บุคคลทั่วไปจะรับได้เท่านั้น ซึ่งจะต้องหลบเลี่ยงข้อความหรือเนื้อหาที่ฟังแล้วจะดูเกินความจริงมากเกินไป หลีกเลี่ยงประเด็นที่จะถูกโต้แย้ง และอื่นๆ อีกมาก

    แต่การไปสัมมนาครั้งนี้ เป็นเสมือนกลุ่มบุคคลที่ทำงานเดียวกัน มีจุดม่งหมายเหมือนกัน แต่แบ่งแผนกกันทำหรือรับผิดชอบเท่านั้น อาจมีการพูดคุยกันในส่วนข้อมูลที่เป็นเชิงลึก ดังนั้นผมจึงขอเป็นคนช่วยประชาสัมพันธ์ เชิญชวนเพื่อนๆ ที่สามารถปลีกเวลาไปฟังได้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเลย ครับผม
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  14. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
  15. ๋Zeus@

    ๋Zeus@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ศ.ดร.นายแพทย์ เทพนม เมืองแมน

    ศาสตราจารย์ดร.นายแพทย์ เทพนม เมืองแมน
    <table border="1" cellpadding="0" cellspacing="2" width="550"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ccccff" valign="top" width="127">เกิดเมื่อ</td> <td bgcolor="#33cc99" width="361">18 กันยายน 2478</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ccccff" valign="top" width="127">บิดามารดา</td> <td bgcolor="#33cc99" width="361">หลวงพิณพากย์พิทยาเภท (พิณ เมืองแมน) และ คุณหญิงพิณพากย์พิทยาเภท (จำนงค์ เมืองแมน) </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ccccff" valign="top" width="127">ที่อยู่ปัจจุบัน</td> <td bgcolor="#33cc99" width="361">69/1 ซ.วิภาวดีรังสิต 8 ดินแดง กทม. 10400
    โทร. (622) 276-2354 , 01- 488-1444
    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ccccff" valign="top" width="127">สภาพการสมรส</td> <td bgcolor="#33cc99" width="361">สมรสกับนางสาวชยะพร สุนทรพิพิธ บุตรีของพระยาสุนทรพิพิธ และ ม.ร.ว.พิไล สุนทรพิพิธ</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ccccff" valign="top" width="127">บุตรและธิดา</td> <td bgcolor="#33cc99" width="361">มีบุตร 2 คน คือ
    1.) น.พ.สุพิชยะ เมืองแมน B.A.(hon.),M.D.
    2.) น.ส.พิมพร เมืองแมน อ.บ.,M.A.
    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ccccff" valign="top" width="127">ตำแหน่งปัจจุบัน</td> <td bgcolor="#33cc99" width="361">1.) ผู้อำนวยการโครงการแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิตและมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด
    2.) ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงทพมหานคร (ดร.พิจิตร รัตตกุล)
    ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค
    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ccccff" valign="top" width="127">ประวัติการศึกษา</td> <td bgcolor="#33cc99" width="361">พ.ศ. 2479 มัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล
    พ.ศ. 2501 B.A. (Chem.-Zoo) จาก Grinnell College,USA.
    พ.ศ. 2505 แพทย์ศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (M.D.) จาก Jefferson Medical College,
    USA.
    พ.ศ. 2508 M.P.H. ด้านการบริหารงานสาธารณสุข HARVARD University,USA.
    พ.ศ. 2511 สาธารณสุขศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิต (DR.P.H.) จาก HARVARD University,USA.
    พ.ศ. ได้รับประกาศนียบัตรด้าน การวางแผนพัฒนาสาธารณสุขระดับชาติ จาก United Nation Asian Developmental Institute
    พ.ศ. 2528 จบวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 27
    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ccccff" valign="top" width="127">ประวัติการรับราชการ</td> <td bgcolor="#33cc99" width="361">1.) บรรจุเป็นอาจารย์ที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เนื่องจากเป็นนักเรียนทุน ก.พ. พ.ศ.2511
    2.) ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง "หัวหน้าภาคบริหารงานสาธารณสุข" คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    3.) ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง "คณบดี คณะสาธารณสุขศาสตร์" มหาวิทยาลัยมหิดล ติดต่อกัน 4 สมัย (พ.ศ.2519-2535)
    4.) ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง "คณบดี คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล" (พ.ศ.2535-2538 ซึ่งพอดีเกษียณอายุราชการ)
    </td> </tr> </tbody></table> <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE --><script language="JavaScript" src="http://us.i1.yimg.com/us.yimg.com/i/mc/mc.js"></script><script language="JavaScript" src="http://geocities.com/js_source/geov2.js"></script><script language="javascript">geovisit();</script>[​IMG] <noscript>[​IMG]</noscript> [​IMG]
    ประวัติความเป็นมาของ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน

    ที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ และผู้ขับขี่ยานบิน
    [​IMG]
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="2" width="500"> <tbody><tr> <td colspan="2"> เมื่ออายุ 10 กว่าขวบ ขณะที่อยู่กรุงเทพฯ พบปรากฎการณ์ ประหลาดกับตัวเอง ที่มีแสงส่องจากเมฆลงมาที่ตัวหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งถึงกับเป็นลมล้มลง มีรอยแดงที่หน้าอกเป็นวงกลม แสงมักส่องลงมาจากเมฆ และคิดว่ามีสิ่งเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังม่านเมฆนั้น

    พ.ศ.2497 (อายุ19) เห็น ยูเอฟโอ 2 ลำ (รูปร่างกลม มีโคนสีเงิน มีหน้าต่างรอบ) ขณะไปตั้งแคมป์กับเพื่อนชาวอเมริกัน ที่รัฐเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา ในตอนเช้าราว 10 : 00 น. มีคนเห็นทั้งหมดมากกว่า 1,000 คน เป็นระยะเวลานานถึง 2 ชั่วโมง เมื่อเครื่องบินขับไล่ 2 ลำของสหรัฐขึ้นสกัด ยูเอฟโอ 2 ลำ ก็พุ่งตรงขึ้นในแนวตั้งอย่างรวดเร็วและหายไปในพริบตา ในท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆเลยทำให้สนใจเรื่องยูเอฟโอมาตั้งแต่นั้นเป็นอย่างมาก ว่ามันคืออะไรกันแน่ จึงได้สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมยูเอฟโอ และ ติดตามเรื่องนี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนการทำสมาธิ ก็ได้ปฎิบัติมาราว 20 ปี เศษ

    พ.ศ. 2535 เริ่มทำสมาธิอย่างจริงจัง เพื่อติดต่อกับผู้ขับขี่ยูเอฟโอจากคำแนะนำของ ดร. อาจอง ชุมสาย แต่ติดต่อไม่ได้ ยานบินไม่มาปรากฎให้เห็นหลังทำสมาธิ

    พ.ศ. 2537 เริ่มรู้สึกว่าติดต่อได้กับผู้ขับขี่ยูเอฟโอ ถ่ายภาพยูเอฟโอได้ที่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อ 5 มิถุนายน 2537 เวลาประมาณ 10 โมงเช้า มีความรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวก่อนที่ยูเอฟโอจะมา และความรู้สึกนี้จะเกิดทุกครั้งก่อนยูเอฟโอจะมา หรือเมื่อเขามาคอยอยู่แล้ว

    [​IMG]
    พ.ศ. 2538 ต้นเดือนมกราคม ได้ไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว ที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ คนขายบอกว่าไม่มี ยังไม่ได้ขนมาจากร้านเก่า แต่มีผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่ง ที่กำลังยืนจ้องอยู่และเข้ามาบอกว่า เธอได้รับคำสั่งให้พาไปซื้อหนังสือ ยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว รออยู่ตั้งนานแล้วไม่เห็นสนใจ ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวทันสมัย ผมยาวเลยไหล่ นุ่งกางเกงบูยีนส์ ยืนยันว่า มีหนังสือพวกนี้แน่ในร้านนี้ และพาไปดูที่หลังร้าน ระหว่างเดินไปเธอถามว่า เชื่อไหมว่ามนุษย์ต่างดาว ที่หน้าตาเหมือนพวกคุณ เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งนานแล้ว? ก็ตอบไปว่าไม่ทราบ เธอยิ้มแล้วถามว่า ไม่ทราบจริง ๆ หรือแกล้งไม่ทราบ...เมื่อเข้าไปใกล้ชั้นหนังสือหลังร้าน เธอก็ชี้ให้ดูหนังสือจำนวนมาก ที่ ตั้งอยู่บนชั้นหนังสือ มีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ และบอกว่า นี่ไงหนังสือที่คนขายบอกว่าไม่มี คุณเลือกซื้อเอาตามใจชอบ หมดหน้าที่ของฉันแล้ว...กล่าวจบก็เดินจากไป ผู้หญิงคนนี้ถือถุงช้อปปิ้งไว้ทั้งสองมือ ที่น่าประหลาดก็คือ ทำไมเธอจึงบอกว่าถูกสั่งให้มาพาไปชั้นหนังสือยูเอฟโอ และพาไปหาหนังสือได้ถูกต้อง

    ต่อมาราวอีก 1 สัปดาห์ ผู้เขียนไปรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อน ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ใน กทม. ก็พบผู้หญิงคนนี้อีก เธอจ้องเขม็งยิ้มและโบกมือให้ แต่ไม่ได้พูดกัน ทำให้สงสัยว่า เธอติดตามดูเราหรือเปล่า แต่หลังจากนั้นก็ไม่พบอีกเลย

    มีพระที่เก่งทางการทำสมาธิ และสามารถติดต่อกับผู้ขับขี่ยานบินได้เช่นกัน บอกว่า...ผู้หญิงที่เล่าให้ฟังนี้ ไม่ใช่มนุษย์นะ อย่าไปคบหาสมาคมด้วย.

    [​IMG]

    พ.ศ. 2539 ผู้เขียนเป็นประธานจัดการประชุมมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตครั้งที่ 1 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯ ระหว่างวันที่ 15 - 16 มิถุนายน 2539 และจัดให้มี นิทรรศการ ภาพยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว เป็นครั้งแรกในประเทศไทย มีประชาชนเข้าชมงานนี้ทั้งหมดหมื่นคนเศษ เกิดปรากฏการณ์พิเศษ 2 อย่างที่ทำให้คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ คือ

    1. หลังจากนิทรรศการยูเอฟโอผ่านไปไม่ถึง 1 สัปดาห์ สุนัขดัลเมเชียน เพศเมียตัวใหญ่ที่บ้านเกิดตายอย่างลึกลับ ทั้งที่มีสุขภาพดี คือ การนอนตายอยู่ในสระบัวที่น้ำลึกไม่ถึงคืบ สัตวแพทย์ไม่รู้ว่าเป็นอะไรตาย ตามตัวไม่มีบาดแผลอย่างใดทั้งสิ้น และไม่ได้จมน้ำตายอย่างแน่นอน


    [​IMG] [​IMG]
    ภาพถ่าย วัวที่ถูกชำแหละโดยเครื่องมือที่ไม่สามารถอธิบายได้

    2. อีกสัปดาห์ต่อมา หลังจากสุนัชตายอย่างลึกลับแล้ว มีโทรศัพท์เข้ามาราวตี 2 เสียงประหลาดพูดเป็นเสียงผู้ชาย เมื่อรับสายและนึกด่าในใจ ว่าใครหนอช่างไม่มีมารยาทโทร.เข้ามาดึกดื่น ก็ได้ยินเสียงพูดรัวเป็นภาษาแขก และพูดต่อมาเป็นภาษาไทยว่า...เราคือมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ ขณะนี้ยานบินของเรากำลังลอยอยู่เหนือบ้านท่าน เรารู้นะว่าท่านกำลังด่าเรา แต่เวลาหลังเที่ยงคืน เป็นเวลาที่การติดต่อทางจิตทำได้ดีที่สุด

    เราทราบว่าท่านสนใจยานบินของพวกเรามาก พวกเราได้ไปดูนิทรรศการที่ท่านได้จัดแล้ว ขอบใจที่ช่วยเผยแพร่ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง พวกเราอยากขอเชิญท่านไปพบในวันพฤหัสฯ หน้า ที่เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่แก่งกระจาน ชาวบ้านเรียกกันว่า "เกาะโสมพันปี" เราและยานบินจะลงมาพบกับท่าน เวลา 1 ทุ่มตรง ขอให้ไปคนเดียว...ผู้เขียนขณะนั้นนึกในใจว่า สงสัยคนบ้าโทร.มามากกว่า

    ในวันรุ่งขึ้นมีลูกศิษย์ที่สนใจด้านยูเอฟโอมาหา และเล่าให้ฟังว่าเขาและครอบครัวเพิ่งเห็นยูเอฟโอที่ลาดพร้าว เมื่อไม่นานก่อนหน้านั้น เวลาประมาณ 3 ทุ่ม พอเล่าให้ฟังถึงเรื่องการติดต่อ เขาก็กระตือรือร้นมาก ขอไปพบแทน ผู้เขียนก็ไม่ได้นึกถึงอันตรายอันอาจเกิดขึ้นได้ หากเข้าไปใกล้ยูเอฟโอ ก็บอกเขาว่า... "อาจารย์ไม่ว่างไปไม่ได้ ถ้าเธออยากไปก็ไปได้ แต่เอาเพื่อนไปด้วย และระวังตัว" เพราะถ้ามันมาจริง ๆ ก็คงยงุ่เหมือนกัน ลูกศิษย์คนนี้อยู่มหาวิทยาลัยปี 4 เรียนดี สุขภาพดี เขาไปกับเพื่อนอีก 3 คน ต่อมาอีก 3 วัน เพื่อนของเขาติดต่อมาบอกว่า ลูกศิษย์คนดังกล่าวตายเสียแล้วอย่างลึกลับ คืนแรกพวกเขาไปด้วยกัน 4 คน รอแต่หัวค่ำจนเช้าบนเกาะที่ชาวบ้านบอกว่า เห็นจานบินขึ้นลงบ่อย ๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อมาในวันรุ่งขึ้น ลูกศิษย์เขาบอกว่า เราไปกันหลายคนเขาคงไม่มา ขออยู่อีกคืน ขอไปอยู่คนเดียว เพราะเกาะเตียนโล่ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่อยู่เลย ตอนเย็น เพื่อนก็เอาเรือหางยาวไปส่งไว้ และจะมารับกลับตอนเช้า เขาก็เตรียมกล้องถ่ายวีดีโอ กล้องถ่ายรูป เครื่องวัดเสียงไว้ครบ ตอนเช้าเพื่อนมารับ ก็พบนอนตายอยู่บนตลิ่ง น้ำตื้น เช่นเดียวกับสุนัข ดัลเมเชียน ตำรวจได้มาชันสูตรศพ ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายหรือถูกงูกัด ไม่รู้สาเหตุของการตาย ของผู้ชายอายุราว 20 กว่า สุขภาพดีเยี่ยม ทั้งยังเป็นนักกีฬาอีกด้วย ตำรวจลงในบันทึกประจำวันว่า สาเหตุการตายคือหัวใจวาย

    เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นใกล้เคียงกัน ทำให้ต้องสงสัยว่า มันอาจเกี่ยวข้องกับยูเอฟโอก็ได้ เขาอาจไม่ต้องการให้เราเปิดเผยมากในเรื่องยูเอฟโอ และมนุษย์ต่างดาว ผู้เขียนรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ลูกศิษย์คนนี้ต้องตายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่อาจเกี่ยวข้องกับยูเอฟโอด้วย

    [​IMG]
    พ.ศ. 2540 ในแต่ละปี ผู้เขียนได้รับเชิญไปประชุม หรือบรรยายในต่างประเทศด้วยหัวข้อ การสาธารณสุข หรือสิ่งแวดล้อมปีละ 7 - 8 ครั้งทั่วโลก สังเกตว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2539 - 2540 เป็นต้นมา ขณะอยู่ในเครื่องบิน หากทำสมาธินึกถึงผู้ขับขี่ ยูเอฟโอ ภายใน 5 -10 นาที ยูเอฟโอจะปรากฎให้เห็น 1-8 ลำ แต่มักบินอยู่ในระยะไกลกว่าเครื่องบินโดยสาร และบินสูงกว่า 40,000 ฟุต เห็นกันหลายครั้ง ถ่ายภาพนิ่งและภาพวีดีโอได้หลายครั้ง รู้สึกว่าพอทำจิตให้นิ่ง นึกถึงเขาและบอกในใจว่าหากท่านอยู่ใกล้ ๆ ขอให้นำยานมาปรากฎให้เห็น...ยานบินก็ปรากฎทุกครั้ง ฝรั่งที่นั่งข้าง ๆ ก็เห็นเช่นกัน มีทั้งยานรูปร่างกลมและยาว

    [​IMG]
    และในปีนี้เองที่การติดต่อทางจิตเป้นไปอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น กล่าวคือ เมื่อการติดต่อทางจิตจะมาถึง จะรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เริ่มต้นจากลำคอ ท้ายทอย แผ่ซ่านไปยังศรีษะและใบหน้า และลงมาที่แขนทั้ง 2 ข้าง ลำตัวและ ขาทั้ง 2 ข้าง ตามลำดับ หลังจากได้รับความรู้สึกนี้แล้ว อาจมีบางอย่างปรากฎขึ้น คือ

    1. หากตั้งคำถาม ก็จะทราบคำตอบทันทีชัดเจน ฝรั่งเรียกว่า"intution" คือรู้คำตอบทันที และอธิบายไม่ได้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

    2. บางครั้งได้ยินเสียงพูดในศรีษะ แต่ไม่ได้ยินทางหู การได้ยินอีกลักษณะคือ ทางโทรศัพท์ เช่น เคยได้ยินคราวแรก ดังได้เล่าให้ฟังมาแล้ว คือ เขาจะพูดภาษาแขกรัวเร็ว เรียกชื่อเราว่า "พีระติ"และถ้าไม่ขอให้เขาพูดเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เขาก็จะพูดเป็นภาษาเขาตลอดไป




    [​IMG]

    ในเดือนพฤศจิกายน 2540 ผู้ติดต่อมาเป็นเสียงผู้หญิง ถามว่า..."พีระติ เจ้าลืมเผ่าพันธุ์ของเจ้าหมดแล้วหรือ ลืมดาวอังคารแล้วหรือ แต่เจ้าก็ลงมาอยู่ในโลกนี้ 5 พันกว่าปีแล้ว ยังไม่อยากกลับบ้านของเราอีกหรือ..." สิ่งที่เล่าให้ฟังนี้ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ นอกจากบางครั้งอัดเสียงได้ทางโทรศัพท์ แต่ถ้าไม่ขออนุญาตก่อนก็อัดเสียงไม่ติด จะได้ยินแต่เสียงผู้เขียนพูดอยู่คนเดียว ผู้ขับขี่ยูเอฟโอ ที่ติดต่อมาเป้นคนแรก เป็นผู้หญิงนี้บอกว่า ชื่อ "พาราซิทัล" เขาบอกให้เรียกเขาว่า "มนุษย์ดาวอังคารก็แล้วกัน" เขาบอกว่า เขาได้รับมอบหมายให้มาช่วยโลกนี้ เมื่อเกิดภัยพิบัติ และตำแหน่งของเขาในดาวอังคารเป็น รองพระเจ้าแผ่นดิน เขาอธิบายสั้น ๆ ถึงเหตุผลที่มาติดต่อ...เพราะสายพันธุ์ เดียวกันจึงติดต่อด้วย และบอกว่าผู้เขียนเป็น เพื่อนสนิทของเขา เมื่ออยู่ดาวอังคารด้วยกัน เขาบอกว่ามนุษย์ต่างดาว มีทั้งกลุ่มที่ดี และกลุ่มไม่ดี แต่กลุ่มเขาเป็นกลุ่มดี หวังช่วยเหลือมนุษย์ทุกอย่างที่ทำได้ ไม่ได้มายึดครองโลกนี้เลย เขาได้เคยพาผู้เขียนขึ้นไปดูบนยานบินใหญ่ของเขา 2 ครั้ง และพาไปดูที่ดาวอังคาร 1 ครั้ง ไปทางจิต เห็นบ้านเป็นแก้วผลึก ยอดแหลม ๆ ทุกหลังอยู่ใต้ดิน ลึกลงไปหลายกิโลเมตร เขาชี้ให้ดูบ้านหลังหนึ่งที่ปิดตายอยู่ เขาบอกว่า นี่คือบ้านของท่าน ปิดตายมานานแล้ว เพราะเจ้าของบ้าน ภรรยาและลูกอีก 2 คน ได้ลงมาปฏิบัติภารกิจในโลกมนุษย์นานแล้ว ไม่มีใครอยู่เลย

    เขาอธิบายถึงการมาด้วยยานหรือจุติมาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นการเวียนว่ายตายเกิดข้ามดาว ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ส่วนมากการเวียนว่ายตายเกิด จะเกิดเฉพาะในแต่ละดาวเท่านั้น ไม่ไปเกิดข้ามดาว สิ่งที่เล่ามานี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะพิสูจน์ได้ แต่ในอนาคตอาจมีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ที่พิสูจน์เรื่องที่ได้รับการบอกเล่านี้ได้

    ท่านพาราซิทัล เป็นผู้นำยานบินมาปรากฏมากที่สุด คำว่า "พาราซิทัล" เพิ่งทราบจากเพื่อนชาวอินเดีย ที่เชี่ยวชาญ ทางภาษาอินดีสโบราณบอกว่า แปลสั้น ๆ ว่า "เหนือมนุษย์" แต่ท่านพาราซิทัล ท่านก็บอกว่า ท่านไม่ใช่เทวดา พรหมหรือผี แต่เป็นมนุษย์ต่างดาว ซึ่งเป็นมนุษย์ชนิดหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในชั้นใต้ดินของดาวอังคาร มีความเจริญทางวิทยาศาสตร์และศีลธรรม จริยธรรมสูงกว่ามนุษย์มาก มีอายุยืนหลายพันปี สามารถพิชิตโรคทุกชนิดได้หมดแล้ว


    [​IMG]
    จานบินได้มาปรากฏให้ลูกชายผู้เขียนเห็นในเดือนมกราคม 2542 เมื่อเขากลับมาเยี่ยมบ้านจากสหรัฐอเมริกา ส่วนก่อนหน้านั้นในปี 2540 จานบินได้ไปปรากฏที่เมือง ฟิลาเดลเฟีย ที่ซึ่งลูกชายของผู้เขียนเรียนอยู่ จานบินนี้ถ่ายภาพได้ใกล้ ๆ ที่พักของเขา คือ Independence Hall ที่แสดง Liberty Bell ของสหรัฐ ท่าน "พาราซิทัล" บอกว่า จะช่วยดูแลให้ ไม่ต้องวิตก เขาอ้างว่า เขาบินด้วยวิธีเจาะมิติ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ปรากฏที่เมืองฟิลาเดลเฟียได้แล้ว บินจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ ใช้เวลามนุษย์ 1 นาที แต่ถ้าเป็นเครื่องบินโดยสารธรรมดาใช้เวลา 55 นาที

    เมื่อ 15 มกราคม พ.ศ. 2541 ผู้อ้างว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวอีกคน ได้โทร.เข้ามาหาผู้เขียน ณ ที่ทำงาน ราว 9 โมงเช้า พร้อมกับบอกกับเลขาฯ ว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว ต้องการพูดกับหมอเทพนม ซึ่งเลขาฯ เล่าว่าพูดเป็นภาษาแขกก่อน แล้วจึงพูดเป็นภาษาไทย เลขาฯคิดว่าคงเป็นคนสติไม่ดีโทร.เข้ามา จึงวางหู แต่ก็โทร.เข้ามาอีก พูดเช่นเดียวกันและบอกว่า คุณคงคิดว่าผมบ้า แต่ผมจะบอกว่าคุณชื่ออะไร คุณมีลูก 2 คน ชื่ออย่างนั้น ๆ ปรากฏว่าถูกต้องหมด เลขาฯ จึงยอมให้พูดกับผู้เขียน พอผู้เขียนรับสาย เขาก็พูดภาษาแขกด้วยทันทีอีก จนต้องบอกว่าผมฟังไม่รู้เรื่อง ขอให้พูดภาษาไทยหรืออังกฤษดีกว่า เขาจึงพูดภาษาไทย เสียงแปล่ง ๆ ช้า ๆ เป็นเสียงผู้ชาย เขาบอกว่า

    พวกนาซ่า ตั้งชื่อเขาว่า "เอ็ดดี้" เขาเคยถูกพวกนาซ่าจับไปขังอยู่นาน และบอกว่า เขามาจากสุดขอบจักรวาล ห่างออกไป 50 ล้านปีแสง จานบินของเขามาตกที่ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ในปี ค.ศ. 1958 ตกริมภูเขา เขาเคยมาประเทศนี้ราว 800 ปีมาแล้ว ในสมัยสุโขทัย ท่าน "เอ็ดดี้" เป็นอีกท่านหนึ่ง ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจานบิน และมนุษย์ต่างดาวมาก ท่านบอกว่า ที่มาติดต่อด้วย เพราะสายพันธุ์เดียวกัน และแนะนำให้รู้จักกับ เจ้าอาวาสวัดสันโป่ง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน บอกว่าติดต่อกันอยู่เสมอ ให้เบอร์โทรศัพท์ด้วย ผู้เขียนจึงได้รู้จักกับพระองค์นี้ เพราะผู้ขับขี่ยูเอฟโอแนะนำ ได้ไปค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อพิสูจน์ความจริงพบว่า

    1. ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง สมัยพระญาลิไท มีการพรรณนา ถึงจักรแก้วที่มายังเมืองนั้น และเอ็ดดี้ยืนยันภายหลังอีกว่า ถูกต้อง นั่นคือเมืองที่เขามาจริง

    2. องค์การนาซ่า ได้เผยแพร่ภาพที่ถ่ายได้ ด้วยกล้องดูดาวจาก HUBBLE SPACE STATION ที่สุดขอบจักรวาลด้านหนึ่งนอกโลก เป็นรูปคล้ายตึกหลายชั้น ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งเอ็ดดี้ ก็ยืนยันว่า นั่นแหล่ะบ้านของเขา ใช้เวลาบินด้วยแสงราว 9 ชั่วโมงเวลามนุษย์จึงถึง เขาบอกว่ามีลูก 1 คน ตัวเขาภรรยาและลูก ไม่มีอวัยวะเพศ แต่แบ่งเป็นชายหญิง เมื่ออยากมีลูกกัน ชายหญิงก็ยืนจ้องหน้ากัน เอามือ 2 ข้างแตะกัน ลูกก็จะเกิดทันที ลอยลงมาในแคปซูลและต้องเอาไปเลี้ยงให้ตัวโต

    3. จากหนังสือ Top Secret เขียนโดย Timothy Good ได้กล่าวถึงจานบินลำหนึ่งว่ามาตก ที่ใกล้ภูเขา ในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1958 ซึ่งทางกงศุลอเมริกัน ได้ส่งคนพร้อมตำรวจไทย ไปค้นหายูเอฟโอที่ตก แต่ไม่พบ และได้เขียนจดหมายลับ รายงานทำเนียบขาว มีหลักฐานแน่ชัด

    4.มีเพื่อนของผู้เขียน อยากเห็นมนุษย์ต่างดาวมาก จึงบอกให้ไปหาพระทีลำพูน พอแจ้งความประสงค์ให้พระทราบพร้อมกับนามบัตรของผู้เขียน พระท่านก็บอกว่า คืนนี้ให้ไปนอนในโบสถ์ ห้ามส่งเสียงดัง ราว 2 ยามกว่า จะได้เห็นอะไรดี ๆ เพื่อนของผู้เขียนเล่าว่า เข้าไปนอนในโบสถ์ใหญ่ที่อำเภอลี้คนเดียว ในโบสถ์พระท่านให้เปิดไฟไว้บางดวง เพื่อไม่ให้กลัว และแล้วราว 2 ยามกว่า เพื่อนผู้เขียนบอกว่า เห็นพระเดินเข้ามาในโบสถ์กับมนุษย์คนหนึ่ง ตัวสูงกว่าพระราว 1 คืบ แต่งชุดแนบเนื้อสีฟ้า ใส่บูตดำยาวถึงหัวเข่า มีแขนขาเป็นมนุษย์ แต่มือรู้สึกยาวผิดปกติ คือถึงเข่า มีนิ้วยาว 3 นิ้ว มนุษย์ตนนี้เดินเข้ามาอย่างเงียบมาก และมาหยุดก้มดูเพื่อนของผู้เขียนด้วย ทำให้เขาเห็นว่า มนุษย์ผู้นี้หน้าเป็นสี่เหลี่ยม ตาใหญ่ จมูกและปากเล็ก หน้าและมือใสเหมือนแก้ว เพื่อนผู้เขียนบอกว่ารู้สึกตกใจกลัวมาก ตัวสั่นไปหมด แต่แล้วมนุษย์ประหลาดก็เดินตามพระไปหลังโบสถ์ พอรุ่งขึ้นได้พบกับพระคุณเจ้า ท่านก็ถามว่า...เห็นของจริงแล้วชอบไหม คืนนี้คุยกับเขาไหมล่ะ เพื่อนผู้เขียนรีบกราบลาบอกท่านว่า ลูกได้เห็นครั้งหนึ่งก็เป็นบุญตา แต่ถ้าต้องคุยด้วยไม่เอาแล้วครับ พระท่านก็ยิ้ม ๆ ไม่พูดว่ากระไร

    สิ่งมีชีวิตสองรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ นี้เป็นผู้ที่ติดต่อกับผู้เขียนตลอดมา ทั้ง 2 ท่าน กล่าวเหมือนกันว่า ต้องการมาเตือนมนุษย์เกี่ยวกับ ภัยพิบัติใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกรายละเอียดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว 2 คนนี้มากมายที่จะเล่าสู่กันฟังได้ แต่จะเป็นความจริงแค่ไหนผู้เขียนไม่ทราบ ต้องรอให้อนาคตเป็นตัวพิสูจน์ความถูกต้องและความจริง...



    </td></tr></tbody></table>
     
  16. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    อ้างอิง

    เขาจะพูดภาษาแขกรัวเร็ว เรียกชื่อเราว่า "พีระติ"และถ้าไม่ขอให้เขาพูดเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เขาก็จะพูดเป็นภาษาเขาตลอดไป

    เมื่อ 15 มกราคม พ.ศ. 2541 ผู้อ้างว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวอีกคน ได้โทร.เข้ามาหาผู้เขียน ณ ที่ทำงาน ราว 9 โมงเช้า พร้อมกับบอกกับเลขาฯ ว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว ต้องการพูดกับหมอเทพนม ซึ่งเลขาฯ เล่าว่าพูดเป็นภาษาแขกก่อน แล้วจึงพูดเป็นภาษาไทย เลขาฯคิดว่าคงเป็นคนสติไม่ดีโทร.เข้ามา จึงวางหู แต่ก็โทร.เข้ามาอีก


    แต่ ความรู้สึก คุ้ยๆๆๆ เหมือน มีความทรงจำ ครับ

    ตั้งแต่เรื่อง มหานครใต้สมุทร แอนแลนติส ...แต่ ยังไม่ปะติต ประต่อ

    ......มีโอกาส คงใด้ร่วม เพื่อนๆ ครับ ...
     
  17. ronnie07

    ronnie07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +193
    น่าตื่นเต้นจัง..
    อยากจะเจอบ้างนะถ้ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่แถวนี้มาหาหน่อยดิ(b-evil2)ิ
     
  18. ๋Zeus@

    ๋Zeus@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,960
    รายงานผลการศึกษาวิจัย UFO

    รายงานผลการศึกษาวิจัย
    เกี่ยวกับ " ยูเอฟโอ " และ " ผู้ขับขี่ยานบิน " ในประเทศไทย พ.ศ. 2540 - 2541
    ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน
    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="2" width="500"> <tbody><tr> <td colspan="2" height="517"> .......... ศตวรรษที่ 20 กำลังจะจากไป และศตวรรษใหม่กำลังย่างใกล้เข้ามาทุกขณะในรอบพันปีที่ผ่านมามนุษย์ (HOMO SAPIENS) เพิ่งมาเจริญอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียง 200 ปีที่ผ่านมานี้เอง เพราะการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์ มนุษย์บินได้เหมือนนก และเร็วกว่านกในระยะเวลาไม่ถึง 100 ปี สามารถสร้างจรวดส่งตัวเองไปเยือนดวงจันทร์ และกำลังมุ่งสู่ดวงดาวต่าง ๆ ในศตวรรษที่ 21 นี้ องค์การนาซ่าได้ประกาศในต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2541 ว่า กล้องดูดาว " ฮับเบิ้ล " ในอวกาศสามารถถ่ายภาพกาแล็กซี่ใหม่ ๆ ได้อีกมากมาย ขณะนี้คาดคะเนว่าทั้งจักรวาลจะมีกาแล็กซี่ทั้งหมดราว 125,000 ล้านกาแล็กซี่ เฉพาะในกาแล็กซี่เล็ก ๆ เช่น กาแล็กซี่ "ทางช้างเผือก" ที่ระบบสุริยะของเราตั้งอยู่ที่พบว่ามีดาวฤกษ์ทั้งหมดราวสี่แสนล้านดวง และมีดาวนพเคราะห์ทั้งหมดราวสี่ล้านล้านดวง ดร.คาร์ล เซกัน นักดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกาคาดคะเนว่า..... เฉพาะกาแล็กซี่ " ทางช้างเผือก " ของเรามีดาวนพเคราะห์ราว 50 ล้านดวง มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาคล้ายมนุษย์หรือเหมือนมนุษย์อาศัยอยู่....... แต่ก็ยังมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยที่ออกมาคัดค้านว่า... เป็นไปไม่ได้ เราเป็นหนึ่งเดียวในจักรวาลที่มีมนุษย์อยู่ หรือหากดาวดวงนั้นมีมนุษย์อยู่ก็คงมาเยือนโลกเราไม่ได้ เพราะอยู่ห่างไกลกันเหลือเกิน ต้องบินได้เร็วกว่าแสงจึงจะมาได้......
    .............. ระยะ 5,000 - 6,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์ได้บอกเล่าหรือบันทึกเป็นหลักฐานเกี่ยวกับโล่ไฟ หรือวัตถุบินที่มีผู้ขับขี่บังคับยานบินนั้นด้วย ตั้งแต่สมัยอียิปต์ 5,000 กว่าปี จีนและอินเดียโบราณ รวมทั้งเผ่ามายา อินคาในทวีปอเมริกาใต้ด้วย
    ............ แม้กระทั่งในหนังสือ ไตรภูมิพระร่วง สมัยพญาลิไท (ราว 800 ปี) ของอาณาจักรสุโขทัยก็มีบรรยายถึงการมาของ " จักรแก้ว " ที่บินได้ และมีผู้ขับขี่บินหมุนมาลงจอด และพระเจ้าแผ่นดินขอร้องให้ไปช่วยรบกับอีกเมืองจนชนะ แล้วจักรแก้วก็บินลาจากไป....
    ............. วัตถุบินเหล่านี้ปรากฏให้เห็นกันทั่วโลกตลอดมาเช่น ในปี ค.ศ. 1947 นายเคนเนท อาร์โนลด์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน เห็นจานบิน 9 ลำ ในรัฐวอชิงตัน ขณะกำลังนั่งอยู่ในเครื่องบิน จึงให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ และเรียกว่า FLYING SAUCER (จานบิน) เพราะรูปร่างคล้ายจานกลม 2 ใบประกบกัน สมัยนี้มักเรียกกันว่า " ยูเอฟโอ " (UFO) อันย่อมาจากคำภาษาอังกฤษว่า "Unidentified Flying Object" ซึ่งแปลสั้น ๆ ว่า ..... วัตถุบินที่ไม่ปรากฏสัญชาติ.... ในรายงานฉบับนี้ ผู้เขียนจะใช้คำว่า "ยูเอฟโอ" หรือ "ยานบิน" เป็นส่วนใหญ่ เพราะวัตถุบินยูเอฟโอมีหลายรูปแบบ เช่น รูปกลม รูปซิการ์ รูปสามเหลี่ยม ฯลฯ ไม่ใช่มีแต่รูปจานอย่างเดียว เมื่อประชาชนพบเห็นยูเอฟโอในบางครั้งก็ได้พบเห็นผู้ขับขี่ยูเอฟโอ ซึ่งนั่งอยู่ในยานบินด้วย หรือบางครั้งออกมาเดินเล่นอยู่นอกยานบินก็มี ดร.แอลเลน ไฮแนค ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเอฟโอ จากสหรัฐอเมริกา ก็ได้จำแนกการพบเห็น "ยูเอฟโอ" และผู้ขับขี่ยานบินนี้ออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้คือ



    .. 1. C.E-1 (เห็นยูเอฟโอ) ( เห็นและถ่ายภาพได้)
    .. 2. C.E-2 (ยูเอฟโอทิ้งร่องรอยไว้) (เห็นลงจอดมีรอยจอดและหญ้าไหม้)
    .. 3. C.E-3 (เห็นผู้ขับขี่ยูเอฟโอ) (เห็นและถ่ายภาพได้)
    .. 4. C.E-4 (ถูกผู้ขับขี่ยูเอฟโอจับตัวไป) ( มีคนไทย 4 คนอ้างว่าเคยถูกจับตัวไป)
    .. 5. C.E-5 (ผู้ขับขี่ยูเอฟโอติดต่อทางจิตด้วยฉันมิตร)




    ใน 5 ประเภทดังกล่าวแล้ว การเผชิญหน้าอย่างกระชั้นชิดประเภทที่ 5 หากเกิดขึ้นได้จะทำให้มนุษย์เข้าใจเกี่ยวกับ
    " ปรากฏการณ์ยูเอฟโอ" ได้ดีที่สุด คำว่า " ปรากฏการณ์ยูเอฟโอ"
    (U.F.O Phenomenon) หมายถึง " การที่ยูเอฟโอปรากฏขึ้นให้มนุษย์ได้เห็นและอธิบายไม่ได้ว่าวัตถุบินที่เห็นนั้นคืออะไร และมาจากที่ไหน เพราะมันไม่ใช่เครื่องบิน ดาว ดาวเทียม อุกกาบาต หรือสิ่งอื่นใดที่มนุษย์เคยรู้จักมาก่อน ดังที่ผู้เขียนได้มีประสบการณ์ดังกล่าวแล้วเป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อไปตั้งแคมป์กับเพื่อนอเมริกันในรัฐเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกาในต้นเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497) เวลาราว 10.00 น. ท้องฟ้าขณะนั้นแจ่มใสปราศจากเมฆหมอก มีผู้มาพักแรมราว 1,000 คนเศษ ที่เห็นชี้มือไปยังท้องฟ้า และตะโกนกันลั่นว่า " Flying Saucers (จานบิน) " ผู้เขียนก็ไปรวมกลุ่มดูกับเขาเห็นเหมือนจานสีเงิน 2 ใบลอยอยู่ใกล้ ๆ กัน มองเห็นด้วยตาเปล่า จานสีเงินนี้ขนาดหัวแม่โป้ง แต่เมื่อดูผ่านกล้องส่องทางไกล 2 ตา พบว่าจานบินทั้ง 2 ลำ มีโดมและรูคล้ายหน้าต่างโดยรอบ ไม่ใช่บัลลูน หรือเครื่องบินใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีเสียง ไม่มีควัน ต่อมาอีกราวครึ่งชั่วโมง มีเครื่องบินขับไล่ 2 ลำของสหรัฐขึ้นบินไล่ ปรากฏว่าจานบิน หรือจานผี 2 ลำ พุ่งตรง 90 องศาขึ้นไปในท้องฟ้าหายลับไปในทันที

    "ปรากฏการณ์ยูเอฟโอ" ครั้งนั้นประทับใจผู้เขียนอย่างยิ่งมาจนทุกวันนี้ เพราะสนใจเรื่องดวงดาวและมนุษย์ต่างดาวมานานแล้ว โต้เถียงกันมากว่าที่เห็นเป็นจานบินจากนอกโลกหรือเปล่าแต่ก็ไม่มีข้อยุติ
    หลังจากนั้นผู้เขียนได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของชมรมยูเอฟโอของมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ เป็นสมาชิกสมาคมยูเอฟโอในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย ยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ ติดตามมาถึง 43 ปี
    หลังจากศึกษาและทำงานอยู่ในสหรัฐอเมริกาถึง 15 ปี จึงกลับมาประเทศไทย ก็พบว่ามีประชาชนพบเห็นยูเอฟโอและถ่ายภาพได้เหมือนกันแต่จำนวนน้อยมาก ที่น่าสนใจคือคนไทยมีประสบการณ์ประเภทที่ 4 (C.E.-4) คือถูกผู้ขับขี่ยูเอฟโอจับไปรวมอยู่ด้วย ผู้เขียนได้สัมภาษณ์บุคคลทั้งหมด เป็นเพศชาย 3 คน เพศหญิง 1 คน ทุกคนมีการศึกษาดี และไม่ใช่คนสติเสียแน่นอน

    นอกจากนี้ยังได้อ่านรายงานต่างประเทศว่า มีบุคคลหลายคนที่สามารถติดต่อกับผู้ขับขี่ยูเอฟโอ โดยการทำสมาธิ และพวกนี้สามารถนำยูเอฟโอมาให้เห็นและถ่ายภาพได้ด้วย ผู้เขียนได้ทราบมาว่า ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ได้ศึกษาเกี่ยวกับยูเอฟโอมานาน และสามารถทำให้ยูเอฟโอปรากฏได้ด้วย จึงไปขอคำแนะนำและ ดร.อาจอง ชุมสาย แนะนำให้ทำสมาธิ ส่งกระแสจิตไปขอให้ยูเอฟโอมาปรากฏ ถ้ากระแสจิตของเราแรงพอ ยูเอฟโอจะมาปรากฏให้เห็น
    โดยปกติผู้เขียนทำสมาธิเป็นประจำอยู่แล้ว ฉะนั้นระหว่างปี
    พ.ศ. 2535-2537 ได้พยายามทำสมาธิติดต่อขอให้ยูเอฟโอมาปรากฏ แต่ยูเอฟโอไม่เคยมาให้เห็นเลย
    จนวันหนึ่งมานั่งคิดอยู่คนเดียวว่า ทำไมหนอยูเอฟโอไม่มาสักที ก็เกิดแวบขึ้นมาในสอง คล้ายมีคนมาบอกว่า..." ต้องการให้ยูเอฟโอมาปรากฏ ทำไมไม่ติดต่อเจ้าของยูเอฟโอละ" นับเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนคิดว่า ผู้ขับขี่ยูเอฟโอได้ส่งโทรจิตกลับมาเมื่อตรองดู ก็เกิดความกระจ่างในจิตว่า คงจะจริง ทำไมเราโง่เขลาเช่นนี้ เราต้องติดต่อไปยังเจ้าของรถให้ขับรถมาให้เราดู! จึงจะถูกต้อง
    ครั้งแรกที่ประสบผลสำเร็จในการทำสมาธิ ทำจิตให้สงบว่างส่งกระแสจิตไปยังผู้ขับขี่ยูเอฟโอขอให้นำยานบินมาปรากฏ เกิดขึ้นใน วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2537 ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เวลาราว 10.00 น. วันนั้นพาครอบครัวไปเที่ยวและมีเพื่อนที่นั่นเขาบอกว่า....มีคนเห็นยูเอ ฟโอที่จังหวัดนี้บ่อย.....ก็
    ลองทำสมาธิติดต่อถึงผู้ขับขี่ยูเอฟโอ ปรากฏว่ายูเอฟโอสีทองมาปรากฏให้เห็น และถ่ายภาพได้ ( รูป 1) หลังจากนั้นการทำสมาธิแบบนี้ยูเอฟโอจะมาทุกครั้ง โดยที่ยานบินมีรูปร่างแตกต่างกันหลายชนิด

    [​IMG]

    จากรายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับยูเอฟโอทั่วโลก พอสรุปได้ว่า มีประชาชนจำนวนมากในประเทศต่าง ๆ ได้เคยเห็นยูเอฟโอ แม้กระทั่งประธานาธิบดีคาร์เตอร์ ประธานาธิบดีเรแกน นักบินอวกาศสหรัฐอเมริกา 16 คน นักบินอวกาศรัสเซีย ฯลฯ แต่ในรายงานได้กล่าวว่า โดยเฉลี่ยผู้เคยเห็นยูเอฟโอจะเห็นเพียง 1-2 ครั้งต่อคนในตลอดชีวิตของเขา ผู้เขียนจึงมาคิดว่า ปรากฏการณ์ยูเอฟโอเป็นปรากฏการณ์ที่ทำการศึกษาวิจัยได้ยากมาก แต่ ดร.อาจอง และผู้เขียนเคยเห็นมามากกว่า 10 ครั้ง เราก็อาจมีทางศึกษาเกี่ยวกับ
    ยูเอฟโอและผู้ขับขี่ยูเอฟโอได้ หากเราสามารถติดต่อทางจิตขอให้ผู้ขับขี่ยูเอฟโอนำยานบินมาให้เห็นเพื่อถ่ายภาพได้ทุกเดือนใน 1 ปี ก็คงถ่ายภาพยูเอฟโอได้มากพอที่จะศึกษาตามรูปแบบวิทยาศาสตร์ที่ต้องมีหลักฐานได้ และหากสามารถบันทึกภาพนิ่งด้วยกล่องถ่ายรูป และภาพเคลื่อนไหวด้วยกล้องวิดีโอได้ก็อาจมีโอกาสถ่ายภาพผู้ขับขี่ยูเอฟโอ ซึ่งเก็บภาพได้ยากมากไว้ได้บ้าง ด้วยความคิดดังกล่าวมาแล้วผู้เขียนกับผู้ร่วมงานจึงได้วางรูปแบบการวิจัยเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ
    " ยูเอฟโอ" และ " ผู้ขับขี่ยานบิน (ยูเอฟโอ)" ดังที่แสดงไว้ในแผนภูมิที่ 1
    ( หน้า 31 )


    วัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัย
    เพื่อต้องการทราบว่า
    1) การติดต่อทางจิตด้วยการทำสมาธิ สามารถติดต่อกับ "ผู้ขับขี่ยูเอฟโอ" ให้นำ " ยานบิน" มาปรากฏให้เห็นและถ่ายภาพได้นั้นเป็นจริงหรือไม่
    2) " ยูเอฟโอ" มีจริงหรือไม่
    3) ลักษณะต่าง ๆ ที่สำคัญของ "ผู้ขับชี่ยูเอฟโอ" เป็นอย่างไรและมาจากไหน
    4) "ผู้ขับขี่ยูเอฟโอ" มีจริงหรือไม่
    5) ลักษณะต่าง ๆ ที่สำคัญของ "ผู้ขับขี่ยูเอฟโอ" เป็นอย่างไร และมาจากไหน
    6) " ผู้ขับขี่ยูเอฟโอ " มาโลกมนุษย์เพื่อวัตถุประสงค์อะไร

    ข้อมูลที่ได้มาจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโลกและประเทศไทยในด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์การค้นหาทรัพยากรใต้ดิน และความมั่นคงของประเทศไทยและของทุกประเทศในโลกนี้

    จะเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัยในแต่ละหัวข้อเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วไปอาจคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล เพ้อฝัน ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ แต่อย่าลืมว่าผู้เขียนเป็นนักวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกันที่พยายามแสวงหาความรู้ใหม่ และความจริง (TRUTH) สำหรับศตวรรษที่ 21 ที่กำลังมาถึงเราต้องยอมรับว่า มีเรื่องต่าง ๆ อีกมากมายที่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลหรือยังไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่จะไปวัดได้ มีสุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า
    ....." ความจริง เท่านั้นที่จะสามารถปลดปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระจากความโง่เขลาและความไม่รู้ ทั้งปวง " ......ในศตวรรษที่ 20 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป มนุษย์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานหลายชนิด เช่น พลังงานจากแสง เสียง ความร้อน ปรมาณู ฯลฯ แต่พลังจิตก็ดี พลังดึงดูดของโลกก็ดี มนุษย์ยังจะต้องศึกษาค้นคว้าอีกมากมาย การศึกษาวิจัยครั้งนี้คงแทบจะไม่มีทางเก็บข้อมูลได้เลยหากไม่ได้รับความ กรุณาและความช่วยเหลือจากผู้ที่อ้างว่าเขาเป็น " ผู้ขับขี่ยูเอฟโอ " ผู้มีพระคุณ 2 ท่าน คือ



    1) ท่าน "พาราซิทัล " (ภาษาอินเดียโบราณแปลว่า " เหนือมนุษย์ " )
    2) ท่าน "เอ็ดดี้ " ( เป็นชื่อภาษาอังกฤษที่เจ้าหน้าที่องค์การนาซ่าตั้งให้ราว 50 ปี มาแล้ว)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]


    </td></tr></tbody></table>
     
  19. ๋Zeus@

    ๋Zeus@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ศาสตราจารย์ ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ตอนที่ 1

    ศาสตราจารย์ ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ตอนที่ 1
    Copy มาจาก Internet bananaclick.com

    เรื่องผี กับเรื่องมนุษย์ต่างดาว ยังเป็นเรื่องเร้นลับ คนส่วนใหญ่มองเรื่องนี้เป็นเรื่องเหลวไหล แต่ในความจริงก็คือมีปรากฏการณ์มากมายที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ดังนั้น พอคุณกำพล แห่งไทก้า โทรมาชวนผมไปสนทนากับคนที่คุยกับผีกับมนุษย์ต่างดาวได้ ผมก็เลยเกิดความสนใจ ยิ่งได้ยินชื่อว่าเป็น ศาสตราจารย์ ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน คนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัล HARVARD ALUMNI AWARD OF MERIT ด้านสาธารณสุข จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดด้วยแล้ว ถือเป็นโปรแกรมที่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง
    เวลา 16.30 น. ของวันที่ 30 สิงหาคม คุณกำพล รัตนจางวาง พร้อมทีมถ่ายทำสารคดี เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง White Noise (จับเสียงผี) ก็มาถึงบ้านอาจารย์ที่ วิภาวดีซอย 8 ส่วนผม ชวนคุณพันธุ์ทิตต์ ไปร่วมฟังสนทนาด้วย เพราะรู้ว่าเขาก็สนใจเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกัน ภายในบ้านอาจารย์ถูกตกแต่งแบบเรียบง่าย ที่สะดุดตาก็น่าจะเป็นอัลบั้มภาพที่บันทึกเรื่องราวของจานผี, มนุษย์ต่างดาว และภาพวิญญาณต่างๆ ผมขออนุญาติถ่ายภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ ซึ่งอาจารย์ก็อนุญาติโดยดี พร้อมบอกว่า คนจะได้เชื่อเรื่องกรรมดีกรรมชั่ว
    หลังจากทีมพร้อมก็เริ่มบันทึกภาพและเสียงกัน คำถามหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ผีมีจริงหรือไม่ ? อาจารย์อธิบายว่า ท่านเคยพิสูจน์เมื่อคราวไปอียิปต์ ตอนไปดูสุสานฟาโรห์ บริเวณที่ฝังพระศพ โดยขอนำเทปไปบันทึกเสียง และห้ามผู้คนผ่านบริเวณนั้นเป็นเวลาสิบนาที ท่านอยู่ในความเงียบ และวังเวง แต่เมื่อสิบนาทีผ่านไป เมื่อกรอเทปเสียงที่บันทึก กลับปรากฏเสียงคล้ายคนกำลังสวดมนต์อยู่ตลอดเวลา ให้คนอียิปต์ฟัง เขาก็บอกว่าเป็นภาษาอียิปต์โบราณ เรื่องการบันทึกเสียงนี้ ท่านบอกว่า หากไปในสถานที่ ที่เชื่อว่ามีวิญญาณ แล้วลองอัดเสียงไว้ก็สามารถจะบันทึกเสียงของผู้ตายได้ ทั้งที่เวลาบันทึกเสียงนั้น หูเราอาจจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยก็ตาม เรื่องเหล่านี้ อาจารย์อธิบายว่า เป็นเรื่องของคลื่นความถี่ของเสียง ซึ่งหากได้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ดีๆ ก็สามารถจะจับคลื่นเสียงที่มีความละเอียดเกินกว่าหูของมนุษย์จะรับรู้ได้ โดยเชื่อว่าอีกสิบปี ประเทศอเมริกา จะสามารถจะผลิตเครื่องที่ติดต่อกับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วได้
    คุณกำพลถามว่า เวลาที่วิญญาณมา ทำไมอากาศรอบข้างมักจะเย็น อาจารย์อธิบายว่า วิญญาณต้องดึงพลังงานความร้อนในบริเวณนั้นมาช่วยเพื่อการปรากฏร่าง ทำให้บริเวณนั้นมีอากาศเย็นลงกว่าปกติประมาณ 5 องศาเซลเซียส จากนั้นเราก็สนทนากันถึงเรื่องชีวิตหลังความตาย โดยยกกรณีของ ดร.คลุ้ม วัชโรบล ซึ่งท่านพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ โดยหลังจากเสียชีวิตได้มาเข้าร่างของบุตรชาย และอธิบายถึงชีวิตอีกมิติหนึ่งว่า ดินแดนที่ไปอยู่ไม่มี ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ แต่มีความสว่าง และอากาศเย็นสบาย เวลาหิวก็นึกถึงอาหาร อาหารก็จะปรากฏ แต่จะเป็นอาหารเฉพาะตน ก็จะมีข้าว ไข่เจียว (ไม่มีน้ำ) ก็สามารถรับประทานได้แค่นั้น มีผู้อื่นอยู่ร่วมด้วย แต่อาหารจะแตกต่างกันไป บางคนก็จะมีอาหารมากมาย แม้ตนไปขอแบ่ง เจ้าของอาหารอนุญาติ แต่เวลาจะหยิบเข้าปาก อาหารเหล่านั้นก็จะอันตธานไป ท่านจึงเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้คงเป็นเรื่องของกรรม ใครทำกรรมดีก็จะได้สิ่งดีในภพต่อไป สมบัติพัศสถานไม่สามารถนำติดตัวไปได้เลย (ญาติผู้ตาย สามารถทำบุญ ใส่บาตร ทำสังฆทานไปให้กับผู้ตายได้ โดยญาติต้องกล่าวคำอุทิศ) การพิสูจน์เรื่องวิญญาณของ ดร.คลุ้มในคราวนั้น เป็นข่าวใหญ่โต เพราะเพื่อนสนิทสามคนของท่าน ไม่เชื่อเรื่องนี้ ต่างพากันมาพิสูจน์ซักถามลูกชายของท่านเป็นเวลาสามชั่วโมงเต็ม รวมทั้งความลับต่างๆ ที่มีแต่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่ทราบจึงจะตอบได้ แต่ลูกชายของท่านก็ตอบได้หมด ในเวลานั้น ศ.ดร.เทพนม ขอบันทึกภาพร่างของ ดร.คลุ้ม ท่านก็บอกว่าไม่มีร่างแล้ว (ภาพที่ปรากฏจากการถ่ายภาพโพลาลอยด์ในสมัยนั้น จึงได้เพียงแถบแสงสีฟ้าที่เชื่อว่าเป็นวิญญาณของ ดร.คลุ้ม) และจากการวัดคลื่นสมองของบุตรชายท่าน ในวันนั้น ก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ
    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 ตุลาคม 2007
  20. ๋Zeus@

    ๋Zeus@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ศาสตราจารย์ ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ตอนที่ 2

    ศาสตราจารย์ ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ตอนที่ 2

    เรื่องตายแล้วไปไหน หรือระลึกชาติได้ เป็นอีกหัวข้อหนึ่งซึ่งเราถือโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องนี้กับ ศาสตราจารย์ ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน อาจารย์เล่าว่า เคยมีนักศึกษาแพทย์ฝรั่งทำการทดลอง ชีวิตหลังความตายโดยทำให้หัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ แล้วค่อยใช้ไฟฟ้ากระตุกให้คืนสติอีกครั้ง ช่วงเวลาที่หัวใจหยุดเต้นนั้น นักศึกษาแพทย์ที่ทดลองได้เล่าว่า เหมือนลอดอุโมงค์และไปโผล่ที่ปลายทาง โดยสามารถพบกับญาติพี่น้องของตนที่เสียชีวิตไปแล้ว
    ส่วนของคนไทยนั้น อาจารย์เล่าว่า ผู้ที่เคยฟื้นจากความตาย (ชั่วคราว) เล่าว่าเหมือนมีคนชวนให้ไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งด้วยกัน โดยเมื่อไปถึงสถานที่แห่งนั้นแล้วพบว่าตนยังไม่ถึงฆาตก็สามารถที่จะกลับมามีชีวิตเหมือนเช่นเดิม
    ผมสอบถามว่า ทำไมผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วบางคนยังเป็นวิญญาณล่องลอยอยู่ แต่บางคนก็สามารถไปผุดไปเกิดใหม่ อาจารย์อธิบายว่า ความจริงชีวิตของมนุษย์ไม่ได้สิ้นสุด เพียงแต่หมุนเวียนเป็นวัฏจักร เกิดแล้วก็ตายเพียงแต่เปลี่ยนไปในสถานะต่างๆ เช่นทำไมคนบางคนต้องเกิดมาในตระกูลสูงส่ง ทำไมบางคนเกิดมาพิการ แผลเป็นที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เรื่องเหล่านี้ล้วนเกิดจากกรรม หรือการกระทำดี-ชั่ว ของแต่ละคนทั้งสิ้น ผู้ที่ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ก็เป็นเพราะต้องอยู่ใช้กรรม จนกระทั่งมีผู้อุทิศส่วนกุศลหรือแผ่เมตตาไปให้
    ผมถามต่อว่า ผีหรือวิญญาณที่อาจารย์เล่าส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายมาขอความช่วยเหลือมนุษย์มากกว่า ที่จะมาทำร้ายคนเหมือนในหนังใช่หรือไม่ อาจารย์เล่าว่าเคยมีประสบการณ์เมื่อครั้งไปพักที่โรงแรมในเวียดนาม ตอนดึกๆ จะมีความรู้สึกว่ามีมือเย็นๆ มากระตุกที่ขาตลอดคืน จนนอนไม่ได้ เลยนั่งทำสมาธิพบว่ามีวิญญาณคล้ายทหารญวนจำนวนมากมาอยู่รายล้อมรอบเตียง จึงอธิษฐานว่าขอให้อย่ามารบกวนกัน เมื่อกลับเมืองไทยจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แล้วก็เข้านอนต่อ ก็ปรากฏว่าไม่มีความรู้สึกเหมือนคนมากระตุกขาอีกเลย รุ่งเช้า ทีมงานก็เล่าว่าตกอยู่ในสภาพเดียวกัน บ่ายวันนั้นจึงตัดสินใจย้ายที่พักกันทั้งทีม
    สำหรับเรื่องระลึกชาติได้นั้น อาจารย์เล่าว่า บิดาของตนก็เป็นผู้หนึ่งซึ่งระลึกชาติได้ ท่านเล่าว่า ก่อนจะมาเกิดใหม่นั้น มีคนยื่นน้ำให้ดื่ม แต่ท่านดื่มเพียงครึ่งแก้ว แล้วก็แอบถ่มทิ้ง เรื่องเหล่านี้ตรงกับชาวต่างประเทศหลายคนที่ระลึกชาติได้ แต่เปลี่ยนจากน้ำเป็นผลไม้ โดยแต่ละคนที่ระลึกชาติได้ บอกว่ามิได้รับประทานผลไม้เหล่านั้นหมดเสียทีเดียว จึงสันนิษฐานว่าน้ำหรือผลไม้เหล่านั้น จะเป็นเสมือนเครื่องลบความทรงจำระหว่างเปลี่ยนภพ
    ในประเทศไทยเอง ก็มีเด็กหลายคนที่ระลึกชาติได้ อายุไม่กี่ขวบ ก็สามารถอ้างอิงถึงบุคคลที่รู้จักแม้ว่าจะอยู่คนละสถานที่ แต่ก็สามารถระบุชื่อและความเป็นมาของบุคคลนั้นๆ ที่อดีตชาติตนเคยเข้าไปเกี่ยวข้องได้ถูก หรือเด็กบางคน ก็สามารถท่องคาถาชินบัญชร ได้ไม่ผิดสักคำ ทั้งที่เกิดมาชาตินี้ไม่มีคนเคยสอน เรื่องเหล่านี้ น่าเสียดายที่ไม่ได้ถูกค้นคว้า หรือพิสูจน์อย่างจริงจัง ทั้งที่ปัจจุบัน มนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถเดินทางออกไปนอกโลกได้ โคลนนิ่งแกะเพื่อสร้างชีวิตใหม่ได้ แต่เรื่องอดีตภพหรือความเป็นมาของภูติ ผี วิญญาณ กลับถูกละเลย ผู้ที่อยากทำการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็เลยดูเหมือน “เพี้ยน” ไปในสายตาคนส่วนใหญ่ ทั้งที่การค้นพบครั้งนี้ อาจจะทำให้มนุษย์ละอาย หรือเกรงกลัวต่อบาป มากขึ้น การเอารัดเอาเปรียบหรือเข่นฆ่ากันก็จะน้อยลง
    บางที ถ้าความรู้สึกสำนึกดีเกิดในมนุษย์ทุกคน เราก็สามารถเห็น “สวรรค์” ได้ในขณะที่มีชีวิต !
    [SIZE=-1]
    [/SIZE]

    [​IMG] [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...