ขออนุญาตเล่าเมื่อเพื่อนผมค้นพบหนทางแห่งธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Supop, 2 พฤษภาคม 2013.

  1. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ถึงเวลาสนทนาตามกาลของผมต่อ

    ขออนุญาตเล่าเรื่องของเพื่อนผมคนหนึ่ง

    เพื่อนของผมคนนี้มีวันเดือนปีเกิดเดียวกับผม แต่สถานะความเป็นอยู่ต่างกันพอสมควร ผมมีฐานะที่ดีกว่า รูปร่างหน้าตาที่ดีกว่า และผมก็หยุดดื่มเหล้าสูบบุหรี่ไปแล้ว แต่เพื่อนผมยังติดมันอยู่อย่างงอมแงม ด้วยที่ว่าอาจจะเป็นคนที่ไม่มีที่พึ่ง เมื่อมีปัญหาชีวิตไม่รู้ว่าจะปรึกษาใคร หรือจะพึ่งพาใคร เขาจึงหันไปหาการดื่มเที่ยวเล่นไปวันๆ การใช้ชีวิตของเพื่อนผมลำบากมาก ย้ายที่อยู่และที่ทำงานไปเรื่อย และอีกปัญหาที่มีบ่อยคือ มักจะถูกผู้หญิงทิ้ง

    เมื่อเราเจอกัน (เมื่อ 8 ปีก่อน) ก็ค่อยๆสนิทกันมาเรื่อย แต่มา 4 ปีหลังปัญหาชีวิตเขาเยอะื และเมื่อมีปัญหาเขามักจะมาคอยปรึกษาหรือระบายความอัดอั้นตันใจกับผมอยู่เสมอ ผมก็ให้คำแนะนำไปตามความเหมาะสมที่ตัวเองเห็นว่าสมควรพูด และพร้อมกับสอนเรื่องธรรมะให้เพื่อนฟังอยู่เสมอๆ

    จนหลังๆมาเขาเริ่มสนใจที่จะปฏิบัติมากขึ้น และเริ่มที่จะปฏิบัติบ้าง แต่โดยมากจะเน้นแต่สวดมนต์ เพราะยังนั่งสมาธิไม่ค่อยได้ หรือจะเรียกว่ายังไม่มีความพร้อมมากพอก็ได้

    จนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมเริ่มชักชวนเขาให้ลองบวชดู เพราะเขายังไม่เคยบวชทดแทนบุญคุณให้บิดามารดาตัวเองเลย เขาจึงได้ตัดสินใจบวช แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลย

    2 ปีผ่านไป ผมกับเขาก็ได้เจอกันอีกครั้ง
     
  2. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ท่านมาที่บ้านของผม แต่ไม่เจอ ท่านจึงบอกสถานที่ที่ท่านมาพำนักอยู่ แล้วเมื่อผมเลิกงานกลับถึงบ้าน พอทราบข่าวก็ตรงดิ่งไปหาทันที เวลาประมาณ 3 ทุ่มแล้ว ผมใช้เวลาเดินหาอยู่อีก 1 ชม. จึงได้พบ ท่านปักกลดอยู่ในสวนของชาวบ้านที่นิมนต์ท่านมา

    เมื่อพบเจอกันเราก็เริ่มบทสนทนากันในทันที

    ผม : นมัสการท่านเป็นอย่างไรบ้าง

    พระเพื่อน : เราสบายดี แล้วโยมหล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง

    ผม : ก็เรื่อยๆครับ ท่านหายไปเลย ผมจะติดต่อก็ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านจำวัดอยู่ที่ไหนถาวร มีโอกาสจะได้ไปเยี่ยมเยียนท่านบ้าง

    พระเพื่อน : เราไม่มีที่อยู่แน่นอนหรอก เราธุดงค์ไปเรื่อยๆ มีที่ไหนให้พักก็พัก ไม่มีก็ไปเรื่อยๆ ตามป่าตามถ้ำตามเขา หรือวัดร้างๆหน่ะ เราไปมาหมดแล้ว

    ผม : หา เพิ่งสองพรรษา ท่านไปได้ขนาดนั้นแล้วเหรอ ท่านไม่กลัวหรือไง

    พระเพื่อน : มันมีที่มา จริงๆแล้วเราก็ออกไปธุดงค์กับหมู่คณะนั่นแหละ เพราะใจเราคิดว่าไหนๆก็ได้บวชแล้วก็อยากได้ประสบการณ์ตามฐานะที่ตัวเองเป็นอยู่บ้าง แต่เมื่อไปด้วยกันเราก็ถูกหมู่คณะทิ้ง เนื่องด้วยความเห็นของเราไม่ค่อยจะตรงกับผู้อื่นสักเท่าไหร่ เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงตั้งใจใหม่ ไปคนเดียวซะเลยไม่ต้องพึงพาใครก็ได้

    ผม : อืม

    พระเพื่อน : แล้วเราก็ชอบไปอาศัยตามที่วัดร้าง หรือป่าเขา เพราะว่ามันสงบดี แต่แรกๆเราก็กลัวนะ บอกตามตรงว่ากลัวมาก แต่เราตั้งใจไว้แล้ว ถ้ากลัวเราก็จะอยู่กับความกลัวมันให้ถึงที่สุด มีครั้งหนึ่ง เราได้ไปจำวัดที่วัดร้างแห่งหนึ่ง ชาวบ้านเขาเล่าลือกันว่าผีดุมาก พระมากี่รูปก็อยู่ไม่ได้ เราจึงตัดสินใจที่จะจำวัดที่วัดร้างนั้นเพื่อสู้กับความกลัวของตัวเอง จนเมื่อถึงช่วงกลางคืน มีอะไรที่เราสัมผัสได้มากมาย และเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เรากลัวมาก มากที่สุด แต่เราก็ยังกำหนดจิตไว้ที่ภายในกายไม่วอกแวก จนกระทั่งเรารู้สึกได้ถึงการระเบิดที่ภายในกายตรงจุดที่เรากำหนดนั้น มันระเบิดปุ้งเลยนะ หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยกลัวอะไรอีกเลย มันตัดขาดจากความรู้สึกนั้นไปเลย

    ผม : สาธุ แล้วอะไรทำให้ท่านต้องพยายามถึงเพียงนั้น

    พระเพื่อน : ก็เพราะว่าเราต้องอยู่ตัวคนเดียว เราจึงต้องขจัดความกลัวออกไปให้ได้เสียก่อน
     
  3. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผม : ดูเหมือนว่าท่านจะได้ฝึกปฏิบัติมาอยู่บ้างแล้วสิ

    พระเพื่อน : ใช่ วัดที่เราบวชอยู่ก็มีสอนปฏิบัติเช่นกัน แล้วเราก็เป็นพวกที่ปฏิบัติแล้วไม่เหมือนคนอื่น คือทั้งมีอะไรแปลกๆ และก็ไปได้เร็วกว่าคนอื่นอีก พระอาจารย์ท่านก็ยังชม และเราก็รู้สึกว่าเวลาที่ทางวัดจัดให้ปฏิบัติอยู่มันไม่พอ เราจึงเอาไปปฏิบัติเองในเวลาอื่นๆด้วย เรียกว่าแทบจะทั้งวัน

    ผม : แล้วท่านปฏิบัติถึงไหนแล้วหล่ะท่าน

    พระเพื่อน : เราไม่รู้หรอกว่าเราถึงไหนแล้ว เรารู้แต่ว่าเราไม่เหมือนเดิม มีสิ่งต่างๆที่เรารู้เราเห็นขึ้นมา ซึ่งมันออกมาจากใจ ไม่ใช่ความคิดฟุ้งซ่าน เราเห็นได้ชัดเจน

    ผม : แล้วท่านได้อ่านพระไตรปิฎกเทียบเคียงบ้างไหม ว่าที่ท่านปฏิบัติได้เป็นอย่างไร ถึงช่วงไหนแล้ว

    พระเพื่อน : เราก็เคยศึกษาอยู่เมื่อตอนที่ยังจำพรรษาอยู่วัด แต่ตั้งแต่เราออกเดินทาง เราก็ทิ้งตำราไปหมดแล้ว จะให้เราแบกตำราไปอย่างไรเล่า ก็เราเดินทางไปเรื่อยๆหน่ะ

    ผม : ครับ (พร้อมกับสำรวจดูสัมภาระของท่านในกลด มีเพียงแค่บาตร ขาบาตรกับผ้าไตรจีวรเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นเอง และกลดก็ใช้แบบรุ่นเก่าเลย คือมีแค่ร่มกลดกับผ้ามุ้งและเสื่อผืนแล็กๆแค่นั้นเอง)

    พระเพื่อน : แล้วเราก็รู้สึกว่าอารมณ์ต่างๆของเรามันเริ่มจะหายไป ไม่ว่าจะโกรธ ดีใจ ทุกข์หรือสุข มันไม่ได้หายไปเลย ยังมีอยู่ แต่มันไม่มีผลอะไรกับเรา บอกตามตรงว่า แม้แต่ตอนนี้ ต่อให้แม่ของเราตายต่อหน้าเรา ความเสียใจก็จะไม่เกิดแก่เรา เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ มันคือธรรมชาติ เราจึงออกจากป่ามาหาเพื่อนเก่า หาความเจริญ เพื่อพิสูจน์ใจตัวเอง เมื่อเสร็จสิ้นแล้วเราก็จะกลับไปสู่เส้นทางของเราตามเดิม

    ผม : แล้วผมจะไปหาท่านได้ที่ไหน จะติดต่อได้อย่างไร เผื่อผมอยากพบเจอท่านบ้าง

    พระเพื่อน : เราบอกไม่ได้หรอก ว่าเราจะอยู่ที่ไหน แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม เพราะเราไปเรื่อยๆ ตามแต่จะสะดวกไป

    ผม : แล้วผมจะปฏิบัติอย่างไรให้ได้อย่างท่านบ้างหล่ะครับ

    พระเพื่อน : โยมก็ลองเข้าป่าดูสิ เข้ามาอยู่อย่างสงบกับธรรมชาติหน่ะ เอ้อ...เราอยู่ในป่าเขา เรามีเพื่อนด้วยนะ

    ผม : ท่านมีเพื่อนร่วมเดินทางด้วยหรือ เป็นพระหรือโยมครับท่าน

    พระเพื่อน : ไม่ใช่คนหรอก เป็นสัตว์หน่ะ พวกกระรอกกระแต ลิง หรือพวกสัตว์ป่าอื่นๆหน่ะ เราไปปักกลดที่ไหนอยู่ได้ซักพัก เจ้าพวกนี้ก็จะมาหากัน ขึ้นมาปีนป่ายเล่นบนตัวเลยก็มี

    ผม : ผมว่าพวกมันคงจะสัมผัสได้ว่าท่านไม่มีอันตรายกับพวกมัน

    พระเพื่อน : อีกอย่างนะ เรารู้สึกว่าเหมือนเส้นทางนี้มันจะเป็นชะตาของเราอยู่แล้วหน่ะ

    ผม : สาธุ ครับ

    ผมกำลังคิดจะกลับแล้วเพราะดึกมากแล้ว เลยจะถามท่านครั้งสุดท้ายก่อนกลับว่า

    ผม : แล้วท่านจะสึกหรือไม่ ท่านคิดว่าจะสึกไหม ถ้าสึกแล้วมาหาผมได้ตลอดเวลาถ้าท่านไม่มีที่ไป

    พระเพื่อน : เรายังไม่ได้คิดเลย ว่าเราจะสึกหรือไม่ จะอยู่ไปถึงเมื่อไหร่ มีคำสอนอยู่คำหนึ่ง ที่เราจำได้มาตลอดไม่เคยลืมนั่นคือ พระธรรมเป็นสิ่งที่ซาบซึ้งมาก และครั้งหนึ่งในขณะที่เรากำลังปฏิบัติอยู่ เราก็ได้พบกับความซาบซึ้งนั้นด้วยตนเอง ตั้งแต่นั้นเราก็รู้ตัวเองว่า "เราถอยไม่ได้อีกแล้ว"

    เมื่อผมได้ยินคำสุดท้ายนั้นเอง ผมก็ก้มลงกราบท่านโดยทันที ผมกราบท่านได้อย่างสนิทใจ พร้อมกับใจที่เป็นสุขอย่างมาก แม้ว่าเมื่อก่อนท่านจะมีธรรมน้อยกว่าผม และชีวิตที่ติดอยู่ในวังวนแห่งทุกข์และอบายมุขมากมาย และผมเป็นผู้ที่คอยให้คำแนะนำมาโดยตลอด แต่ 2 ปีที่ผ่านมา ท่านก้าวเกินผมไปหลายก้าวทีเดียว แล้วผมก็ลาท่านกลับบ้าน

    ผมกลับบ้านพร้อมปิติสุขไปอีกเป็นอาทิตย์ และนึกถึงเมื่อไหร่ก็สุขใจเมื่อนั้น แม้แต่ตอนนี้ขณะที่ผมเล่าก็ยังสุขอยู่ตลอดเวลา

    ไม้รู้ว่าท่านจะครองสมณเพศไปได้ถึงเมื่อไหร่ ท่านจะปฏิบัติไปได้ถึงไหน ท่านจะเป็นสัมมาหรือมิจฉา ท่านจะเป็นครูบาอาจารย์ชื่อดังในอนาคต หรืออาจจะหายสาปสูญไปในป่า หรืออาจจะสึกออกมาในวันข้างหน้า ณ.ตอนนี้ผมไม่รู้ และไม่อยากจะคิดให้ท่านไปเอง เพราะแม้แต่เพื่อนผมคนนี้ท่านยังไม่คิดไปถึงขนาดนั้น แล้วผมจะคิดแทนท่านไปทำไม อยู่กับปัจจุบันดีกว่า และตอนนี้ผมก็รู้แต่เพียงว่า

    ผมได้มีโอกาสพบพระธุดงค์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกรูปหนึ่งแล้ว และไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสเจอท่านอีกหรือไม่

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2013
  4. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ผมเคยรู้จักพระรูปหนึ่ง ท่านเล่าให้ผมฟังว่าท่านเป้นคนปรกติเหมือนเราๆนี่แหล่ะครับทำงานโรงงานมีดีมีเลวในตัวเหมือนทุกๆคนค่อนข้างจะเลวมากกว่าดี อยู่ๆท่านก็ได้บวชด้วยประเพณีที่พ่อแม่อยากให้บวช พอท่านบวชในวัดนั้นก็มีหนังสือเรื่องอานาปานสติท่านอ่านแลวท่านก็ทำตามแต่ถูกหลักขนาดไหนผมไม่รู้ท่านบอกว่าท่านได้อะไีดีๆกับสิ่งนั้นมาก ท่านปฎิบัติแบบไม่กลัวอะไรเหมือนกันเข้าไปในป่า ไปอยู่ในป่าแล้วก็เดินธุดงค์ไปคนเดียวทั่วประเทศ ที่ใดใครว่าเฮี้ยนที่สุด น่ากลัวที่สุดท่านไปหมดเดินไปถึงใต้สุดที่มีผู้ก่อการร้ายท่านก็ไม่กลัวตายเลย และผมเองได้มีโอกาสตามท่านไปถึงบ้านเกิดท่านและได้ถามเรื่องราวของท่านกับชาวบ้าน ชาวบ้านบอกว่าท่านได้ญาณวิเศษเพราะท่านได้ใหเลขกับชาวบ้านตรงๆติดต่อกันเปนสิบๆงวดอันนี้ถามชาวบ้านดู และผมได้เห็นสิ่งหนึ่งคือความกลัวท่านไม่มีจริงๆเพราะท่านพาผมเดินไปในป่าแบบไม่มีการกลัวงูหรืออะไรเลย ขนาดผมเห็นงูแล้วผมบอกว่าท่านงู งูอยู่ข้างๆเท้าท่านจริงท่านไม่มีอาการตกใจแล้วหนีเลยส่วนผมนี่กลัวมากไม่ชอบงูเลย เป็นอะไรที่แปลกดี แต่ก็มีหลายอย่างที่ท่านดูแปลกๆที่ไม่น่าจะเป็นท่านกับตัดสิ่งเหล่านีไม่ได้เช่น ชอบพระเครื่อง ชอบเครื่องเสียง ผมงงจังเลยซึ่งสิ่งเหล่านั้นผมไม่สนใจเลย ผมสงสัยขนาดเดินธุดงค์ทั่วประเทศจากเหนือสุดถึงใต้สุดไม่มีความกลัวเรื่องผีเลยขนาดงูอยู่ข้างๆเท้าไม่ตกใจแต่ในที่สุดท่านก็สึกออกมามีครอบครัว สรุปแล้วว่าการไม่กลัวนี่นั้นก็ยังสู้ โคเขาอ่อนไม่ได้จริงๆครับ อย่างไรแล้วผมก็ขอภาวนาให้พระเพื่อนของท่านได้ผ่านอุปสรรคต่างๆไปให้ไำด้เถอะ มันยากมากต้องใช้ทั้งสุตตะ จินตะ ภาวนามยปัญญาถึงจะผ่านไปได้ สาธุๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2013
  5. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..แค่ได้อ่านเรื่อง..จิตใจผมพรุ่งพล่านมาก ไม่อยากให้จบเลยท่านsupop.. มันต้องอย่างนี้ซิครับ ถวายชีวิต ถวายชีวิต จึงจะเห็นของจริงครับ
    ..ผมแค่นึกถึงสติสมาธิ ที่เคยเกิด มันยังจำรสชาติที่ตื่นอยู่ตลอด สดชื่นมีพละกำลัง สุข มหาศาลไม่มีถอยไม่ลืมเลย สาธุ อยากกลับไปค้นหาให้เจออีกครับ สาธุ:cool:
     
  6. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    คนที่ ปฏิบัติจนธรรมเกิด สติสมาธิ..จะมีกำลังใจมหาศาล อะไรก็ทำได้หมด ไม่มีกลัวแม้เป็นความตาย..ไม่มีวิ่งหนีสิงห์สาราสัตว์.ยืนสู้กับมันน่าจะทำได้(แต่ผมไม่เคยทำครับแต่ใจมันบอก)
    ..อยากจะอยู่คนเดียว ท่องไป ให้ทั่วป่า เขา ภายในใจลึกๆเข้มขลัง มีพลังมันบอกกับตนเองเลยว่า เราไม่เหมือนใครแล้ว..กำลังจิตยิ่งมาก ยิ่งอยากรู้อยากเห็น ตรงไหนใครบอกอันตรายยิ่งอยากเข้าไป..นี่กำลังสติสมาธิครับ
    ..ที่เล่ามาทั้งหมดเกิดจาก..อำนาจแห่งศิลที่บริสุทธิ์ครับ ใคร อะไร มาทำเรา บาป..ทันทีเพราะเราบริสุทธิ์ครับ เห็นไหมครับอำนาจแห่งศิล อบอุ่น เข้มแข็ง กล้าหาญ องอาจ ไม่มีอะไรเกิน ยามประสบภัย ศิลที่บริสุทธิ์ เท่านั้นจะคุ้มครองเราเองครับ ธรรมย่อมคุมครองผู้ประพฤติธรรม..คุณจะสัมผัสอาการแบบนี้ได้ ศิลคุณต้องบริสุทธิ์ บริสุทธิ์จริงรึไม่ครับ สาธุ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2013
  7. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ผมขนลุกเกิดปิติไม่หยุด เมื่อได้อ่านได้แค่สองบรรทัด ผมเชื่ออยู่อย่าง ชาตินี้อาจเป็นชาติสุดท้ายของท่านแล้ว ของเก่าก็หนุน ของใหม่ก็ไ้ด้ ชาตินี้อาจเป็นชาติสุดท้ายของท่านแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ ให้สะเทือนไปสามโลกเลย ผมอยากมีจิตสัมผัสในเรื่องนี้จังเวลาที่มนุษย์ หรือเทวดาอนุโมทนาแล้วสะเทือนไปสามโลกนี่ ผมจะได้ร่วมอนุโมทนาด้วย
     
  8. naithammada

    naithammada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +283
    ขออนุโมทนาบุญครับ
    ปัจจุบันภิกษุปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบหาไม่ค่อยง่ายนัก
    สาธุ ๆ
     
  9. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,670
    อนุโมทนากับท่านเจ้าของเรื่อง ที่ท่านแสวงหาทางปฏิบัติจนได้พบความสุขที่แท้ อนุโมทนากับท่านจขกท. ที่นำเรื่องราวดีๆ มาเผยแพร่เป็นธรรมทานค่ะ
     
  10. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ขออนุโมทนาทุกท่านครับ

    ในช่วงระหว่างที่สนทนากับท่าน ผมก็มีความคิดสงสัยอะไรมากมายในตัวท่าน ว่าท่านจะปฏิบัติได้จริงหรือ ท่านมีศีลที่พร่องหรือเปล่า แต่พอคำตอบสุดท้ายของท่านเท่านั้นเอง มันเหมือนกับใจผมสัมผัสกับใจของท่านได้ ความสุขเอ่อล้นออกมาอย่างมากมาย ความสงสัยต่างๆหยุดหายไปหมด ผมเหลือคงไว้แต่ความสุขอิ่มเอมใจเท่านั้น

    เก็บเรื่องราวสิ่งที่ดีงามที่ได้อ่านหรือได้สัมผัสไว้ในใจให้เป็นพลังใจให้ตนเองเพื่อที่จะปฏิบัติต่อไปให้ถึงจุดหมาย อนาคตหรือสิ่งที่ไม่จำเป็นอื่นๆจะเป็นอย่างไรอย่าได้ใส่ใจ แค่อยู่กับปัจจุบันก็พอ
    และรักษาไว้ซึ่งพระรัตนตรัยให้คงอยู่กับเราไม่ห่างหาย

    เมื่อยังมีโกรธก็ยังมีเรา เมื่อยังมีสุขก็ยังมีเรา เมื่อยังมีทุกข์ก็ยังมีเรา เมื่อยังมีบุญก็ยังมีเรา เมื่อยังมีบาปก็ยังมีเรา เพราะทุกอย่างนี้คือเรา

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2013
  11. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    เห็นด้วย ไม่ได้หาเจอง่ายๆ จริงๆ เพราะท่านไม่ต้องการคบหากะกิเลสชนอีกแล้ว

    ยังดี ที่มีบางท่านยังคงเมตตากะสัตว์โลก ออกมาคบหาด้วย

    สาธุ สาธุ
     
  12. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    พระเพื่อน :

    "ไม่ว่าจะโกรธ ดีใจ ทุกข์หรือสุข มันไม่ได้หายไปเลย ยังมีอยู่ แต่มันไม่มีผลอะไรกับเรา"

    +++ ขออนุโมทนากับพระเพื่อนของคุณ Supop ด้วยนะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างมี อย่างที่มันมี นี่คืออาการของผู้ที่มีสติอันบริบูรณ์ และเป็นผู้ที่สามารถอยู่กับ "รู้" ได้ดังนั้น สิ่งที่มี จึงไม่มีอิทธิพลอะไรกับ "สติอันบริสุทธิ์" เช่นเดียวกันกับหลวงปู่ดูลย์ ที่ท่านกล่าวว่า โกรธมี แต่ไม่เอา และท่านอยู่กับ "รู้" ไม่ได้อยู่กับสมาบัติอื่น

    +++ วันโกนนี้ ขอแนะนำให้คุณ Supop ไปขอ เก็บเกศา ท่านไว้เป็นที่ระลึกนะครับ ถึงแม้ว่าท่านจะปฏิเสธ ก็ลองใช้ความพยายามดูครับ ได้มาแล้ว (มากหน่อย ดีกว่า น้อยหน่อย) ให้เก็บไว้ในที่อันสมควร เมื่อเวลามาถึง คุณ Supop จะทราบได้เองว่าอะไรเป็นอะไร นะครับ
     
  13. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    เขาว่ากันว่า อารมภ์นั้น ห้ามกันไม่ได้ มันเกิดของมัน มันอยู่ของมัน มันดับของมันเอง

    บางที มันเข้ามา ยังไม่รู้ว่ามันเข้ามาเลย ตอนดับก้อไม่รู้
    บางที่ มันเข้ามา ดักจับทัน แล้ว ก้อ เซ กู๊ดบาย
    บางที รู้ก่อน มันจะเข้ามา ว่าแบบนี้ เดว จะโกรธนะ ดับ ก่อนเกิด ได้ซะอีก

    คิคิ สติ นี้ อยู่เหนือ กาลเวลา จริงๆ
     
  14. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    มันไม่ใช่แค่นั้น นั่นมันแค่การฝึกเพื่อให้รู้จัก "สติธรรม"

    ซึ่งเมื่อรู้จักแล้ว ต้องเห็นว่า สติมันเกิดดับ ด้วย

    บุคคลที่เห็น สติเกิดดับ จะพึงกล่าวชื่นชมอยู่หรือว่า ข้ารอด !!

    ถ้าเข้าใจธรรมผิด คิดว่า เข้าใจสติธรรมคืออะไร ก็ประกาศ
    อาการรู้เห็นธรรม ก็ โง่ เต็มทน จนอาจจะเผลอว่า กูเก่ง อยู่เหนือ
    กรรมที่เหมือนจะมาไม่ถึง !!

    จริงๆแล้ว เขาให้พิจารณาต่อว่า สติ มันเกิดออกมาจากที่ใด

    แล้ว สิ่งอื่นๆ มันออกมาจากที่ใด

    ก็ ไอ้ต้นตอนั่นหนะ ที่มันย้อมให้เข้าใจผิดว่า มีสติ หลงอาการมีสติ
    เหมือนคนตระครุบเงาของจิต รู้ไม่ถึงจิต รู้ไม่ถึงฐาน ก็โดนสติปลิ้น
    ปล้อน ย้อมติดสนิท"เปล่า"ปลี้

    สงสัยอะไรลองไปอ่าน กระทู้โน้น
     
  15. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    อืมมมม เคยได้ยิน หลายท่าน บอกว่า จำต้องมีสติอยู่เสมอ นอกจากสติแล้ว ยังต้อง มี จุดจุดจุด (ต้องรู้เอง ละ ไม่บอก)

    อิอิ

    แต่มี ท่านนึง ปฏิบัติ อรูปฌาน 4 สติเกือบดับ ท่านกำชับนัก กำชับหนา ว่า มือใหม่ อย่าเข้าไปเด็ดขาด
    (ให้ดุ สติดับ แบบนี้ อันตราย หนา)
     
  16. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เนี่ยะ โง่แล้วหละ

    อยู่ดีๆ ไปเข้าใจว่า สติดับ เป็นเรื่องเดียวกับ อรูปฌาณ ไปโน้น อันนี้
    ชี้ได้ทันทีว่า ได้รับธรรมมาแบบมั่วๆ ซั่วๆ

    สติ มันเกิดดับตลอดเวลา อยู่แล้ว

    การ มีสัมมาทิฏฐิเห็นว่า สติ เป็นสภาพธรรมเกิดดับ อันนี้ มันต้องเอา
    รสธรรมปฏิบัติเป็นใหญ่ ไม่ใช่ การทรงจำเรื่อง สติ

    ถ้าไปเอาความจำได้หมายรู้ มาเป็นตัวปัญญา ก็ อีกนาน จะเข้าใจ ปัญญา
    ที่เป็นของศาสนาพุทธ
     
  17. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    น๊านนนนนนนนนั่นๆๆๆนั่น..สติ ตัวปลอม..สติตัวจริง ออกหากินอีกแลย้วววส์ อิอิ:boo:
     
  18. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984

    ..หว่านล้อม..เสร็จแล้วพร้อมเชือด อิอิ:boo:
    ถาม..อรหันต์ มีสติไหม อิอิ
     
  19. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    อันนี้ ไม่รู้เหมือนกัน เราฟังเขา เล่าว่า อีกที

    ฟัง หลวงปู่สรวงบ้าง อ่านหลวงปู่มั่น บ้าง
    ฟัง พระอาจารย์ใหญ่บ้าง อ่านหลวงปู่วีระ บ้าง
    สอบ อารมภ์ กะพระผู้ทรงฌาน บ้าง (ไต่ถาม หาความรู้)

    ดูคน ปฏิบัติ มา ก้อ เยอะ เหมือนกัน
    ทุกคน บอกเหมือนกันหมด เลยว่า มีสติ ตลอดเวลา
    ไม่เคยได้ยิน มีใคร เคยบอกให้ดูสติ เลยแม้สักคนเดียว

    ข้อเขียนไม่ได้พูดถึงสติดับเกี่ยวกับ อรูปฌาน 4
    ข้อเขียนบอกว่า สภาวะสติดับ เป็นสภาวะที่อันตราย
    และ ใน อรูปฌาน 4 มีสภาวะเช่นนั้น อยู่ด้วย
    (จับใจความ ให้ดีๆ มิควรเหมาสรุปเอง ถ้าไม่แน่ใจควรทวนความเข้าใจกะผู้เขียน)

    เคยได้ยิน แต่ขาดสติ การมีสติ มันคนละเรืองการ สติเกิด สติดับ แบบนี้ มัน สติแตก แล้ว จ้า
     
  20. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    เขา คงมี ธรรมะ ที่เจรไน ขึ้นเอง กระมัง
    แบบนี้ ต้องไป สอบ อารมภ์แล้ว หละ
     

แชร์หน้านี้

Loading...