วัตถุมงคลหลากหลายเพื่องานบุญสร้างแหวนถวายหลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม

รายการที่ 10 เหรียญเสมานั่งเต็มองค์ ไตรมาส ปี 2554 นวโลหะ
พระครูวิมุติยาภรณ์ (เกิด ปริมุตโต) วัดโพธิ์แทน นครนายก

บูชา 800-



หลวงพ่อเกิด วัดโพธิ์แทน คือ ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้เข้มขลังด้วยพุทธาคมและเมตตาบารมีแห่งเมืองนครนายก
มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธาด้วยศีลาจารวัตรอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของท่าน
วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์มาก เช่น ตำรวจยิงโจรกระสุนโดนที่หัวจนล้มคว่ำพร้อมรถจักรยานยนต์ แต่ผู้ถูกยิงไม่เป็นไรแค่หัวโน
หรือลูกศิษย์แถววัดโพธิ์แทนไปถูกรุมตีรุมฟันในงานวัดต่างถิ่น ประเภท 1 ต่อ 10 ก็ไม่เพลี่ยงพล้ำเสียเลือด

พิธีพุทธาภิเษก ณ วัดโพธิ์แทน นครนายก เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2554 โดย

1. ลพ.เกิด วัดโพธิ์แทน นครนายก
2. ลพ.รวย วัดตะโก พระนครศรีอยุธยา
3. ลพ.อุดม วัดประสิทธิเวช นครนายก
4. ลพ.ใบ วัดเจดีย์ทอง
5. ลป.บุญมี วัดสุดธรรม

เนื่องจากในปี 2554 เกิดน้ำท่วมหนัก ทำให้ออกไปไหนไม่ได้
เหรียญรุ่นนี้จึงได้รับการปลุกเสกเดี่ยวจากท่านนานกว่า 4 เดือน
องค์นี้รับจากมือท่านๆ ประสิทธิ์ให้ด้วยพระคาถาบารมี 30 ทัศน์

 

รายการที่ 13 พระกริ่งนิรันตราย เนื้อสัมฤทธิ์ สนง.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2555

บูชา 1,000-



สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจในพระบรมราชินูปถัมภ์
ได้จัดสร้างพระนิรันตราย (จำลอง) เพื่อบริจาคสมทบทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์
มอบให้แก่อาคารบริการทางการแพทย์ 20 ชั้น โรงพยาบาลตำรวจ

ชนวนโลหะ คณะผู้สร้างได้นำแผ่นทองคำบริสุทธิ์ เงิน ทองแดง ไปให้พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ หัวหน้าพราหมณ์เทวสถานโบสถ์พราหมณ์
จารอักขระเลขมงคลต่างๆ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจิมตั้งสัตยาธิษฐานถวายเป็นพุทธบูชา
อีกทั้งรวบรวมวัตถุมงคล มวลสารศักดิ์สิทธิ์ แผ่นจารโลหะพระเกจิคณาจารย์ต่างๆ มากมาย เป็นประวัติการณ์มาหลอมรวมหล่อพระนิรันตรายรุ่นนี้อีกด้วย

พิธีพระบรมราชานุสาวรีย์รัชการที่ ๔ ในวันศุกร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๔
โดยมี พล.ต.อ.เภา สารสิน ในฐานะประธานมูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจในพระบรมราชินูปถัมภ์
และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี ร่วมขอพรให้การจัดสร้างบรรลุตามวัตถุประสงค์ทุกประการ

พิธีเททอง ในวันพุธที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร กทม.
โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระนิรันตราย (จำลอง)
ในการนี้ได้ทรงเททองหล่อพระนิรันตรายทั้ง ๓ แบบ ได้แก่
พระบูชานิรันตรายหน้าตัก ๑๙ นิ้ว พระบูชานิรันตรายหน้าตัก ๙ นิ้ว และพระกริ่งนิรันตราย (จำลอง) เนื้อโลหะขนาดคล้องคอ (เนื้อทองคำ, นวโลหะ, สัมฤทธิ์)

พิธีมหาพุทธาภิเษก ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. โดยพระคณาจารย์จำนวนมาก

 

รายการที่ 14 พระอุปคุตในหอยสังข์ ขนาดบูชา เนื้อทองแดงรมมันปู ปี 2549
ลป.โทน กันตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน ชลบุรี

บูชา 3,900-



พระบูชาพระอุปคุตในหอยสังข์ ลป.โทน วัดเขาน้อยคีรีวัน ชลบุรี ขนาดประมาณอุ้งมือ (3"x6"x3")
มีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยหลวงพ่อท่านเป็นผู้กำหนดรูปแบบไปจนถึงการวางอักขระยันต์ด้วยตัวเอง

ส่วนรอยจาร อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ ชลบุรี ท่านเมตตาจารยันต์และปลุกเสกให้ด้วย
(จารรอบตัว)

องค์ใหญ่ขนาดกว้าง 3 นิ้ว ยาว 6 นิ้ว สูง 3 นิ้ว วางบูชาในพานกำลังเหมาะเลยครับ
พะรอุปคุตท่านเด่นทั้งทางด้านโชคลาภและกันภัย

ลป.โทน วัดเขาน้อยคีรีวัน ท่านเป็นศิษย์รุ่นน้องของลป.ทิม วัดละหารไร่
เพราะมีอาจารย์องค์เดียวกัน คือ หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม
เมื่อสิ้นหลวงพ่อโด่แล้วท่าน ก็ได้ไปศึกษาวิชาความรู้เพิ่มเติมอยู่ระยะหนึ่ง
และก็ไปอยู่กับหลวงปู่ทิมซึ่งเป็นทั้งศิษย์พี่และอาจารย์ของท่านด้วย
ซึ่งท่านก็ได้รับถ่ายเคล็ดวิชาต่างๆ จนแก่กล้าพอตัวแล้ว หลวงปู่ทิมก็ได้ให้ท่านมาสร้างวัดที่วัดเขาน้อยคีรีวันนี้
จริงๆ แล้วท่านเป็นพระที่เก่งมาก เชี่ยวชาญเรื่องการผูกหุ่นพยนต์ แต่แปลกที่ท่านไม่ดัง
หลวงพี่เอก วัดเขาแร่ เคยพูดถึงควายธนูของท่านว่า เห็นเป็นควายตัวใหญ่มาก มีเขาเป็นสีทอง ถ้าจะขอลาภจากเขาให้ลูบจากหางขึ้นมาทางหัว

พระอุปคุตของท่านมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ท่านสร้างเป็นปริศนาธรรมอย่างหนึ่ง

 

รายการที่ 16 พระสมเด็จผงพรายกุมาร ปี 2539
ลป.โทน กันตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน ชลบุรี

คุณ อนันตภพ บูชาแล้ว EK 136629714 TH



หลวงตาบาง ผู้สร้างพระปิดตาวัดหนองกาน้ำ ท่านเป็นสหธรรมมิกกับ ลป.โทน
และได้มาใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายก่อนมรณภาพที่วัดเขาน้อยคีรีวันหลายปี
ท่านได้ให้ลป.โทนจัดสร้างพระสมเด็จชุดนี้ โดยผสมผงพรายกุมารที่ท่านได้รับมาจาก หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
และผงวิเศษต่างๆ มากมายที่ท่านรวบรวมตลอดอายุขัยของท่าน

พระสมเด็จพรายกุมาร จัดสร้างเมื่อปี 2539 ขนาด 2 x 2.5 ซม.
จำนวนการสร้าง 5,000 องค์ เนื้อจัดคล้ายๆ เนื้อลูกอมบรอนซ์ทองเพราะผสมผงพรายกุมารที่เหลืออยู่ทั้งหมด
เป็นการสร้างทิ้งทวนในวาระสุดท้ายของท่าน

พระสมเด็จผงพรายกุมารนี้ เป็นพระที่ทางวัดทำเอง ไม่ใช่พระโรงงาน ทุกองค์ปิดทองอันเป็นเคล็ดการสร้าง
ถือได้ว่าเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่อยากได้พระที่มีผงพรายกุมารของลป.ทิมที่มีส่วนผสมของผงพรายกุมารเข้มข้น

 

รายการที่ 17 พระพุทธนฤมิตรโชค ย้อนยุค ไตรมาส ปี 2546
พระเทพสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

บูชา 800-



เนื่องจากพระพุทธนฤมิตรโชค รุ่นแรก ปี 2511-13 มีอภินิหารและเป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย
ท่านจึงได้อนุญาตให้ น.อ.ทวีป-อ.ประพันธ์ ดีวิจารณ์ จัดสร้างขึ้นใหม่โดยใช้รูปแบบเดิม
เพิ่อเป็นที่ระลึกฉลองครบ 10 ปี ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ขอนแก่น (สาขาอัมพวัน)

มวลสาร สร้างจากดินสังเวชนียสถาน จากประเทศอินเดีย และของศักดิ์สิทธิ์กว่าอีก 30 ชนิด

การปลุกเสกและอธิษฐานจิต ในพระอุโบสถวัดอัมพวัน สิงห์บุรี ตลอดไตรมาส โดย ลพ.จรัญ ฐิตธัมโม และคณะสงฆ์วัดอัมพวัน

หมายเหตุ พระรุ่นนี้มีบันทึกอยู่ในหนังสือรวบรวมวัตถุมงคลของทางวัดด้วย

 

จองรายการที่ 15 ครับ
เห็นมานานแล้ว ไม่ได้จองซะที

 

จอง เหรีียญพระพรหมพิมพ์ใหญ่

 

รายการที่ 19 ล็อกเก็ตเสด็จปู่มหาพรหมเทพจอปกาสิต รุ่น 2 (ธรรมดา) หลังแผ่นดีบุก ปี 2551 (1 ใน 20 อัน หายากมากๆ)
อ.ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ (ท่านย่าเฒ่า) ชลบุรี

บูชา 5,000-



เสด็จปู่มหาพรหมเทพจอปกาศิต บรมครูใหญ่ของสำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ
ท่านเป็นอริยะพรหมชั้นสูงฝ่ายปราบปราม (บู๊) เช่นเดียวกับ “ ท่านท้าวมหาพรหมชินปัญชะระ ”
ที่ทำหน้าที่คอยพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนา และปกปักรักษาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีนามว่า " หลวงพ่อขาว " วัดประสาท พระนครศรีอยุธยา
ด้วยเหตุนี้เสด็จปู่ฯ ท่านจึงดุเหลือใจ แต่ถึงคราวสงเคราะห์ศิษย์ท่านก็ทำให้แบบที่ว่าไม่สำเร็จไม่มีทางเลิก

ล็อกเก็ตรุ่นนี้สร้างขึ้นด้วยความประสงค์ของอาจารย์ธรรมนูญเอง เพื่อมอบให้กับศิษย์ที่ได้รับการครอบครูไปเพื่อที่จะได้มีเครื่องระลึกยึดเหนี่ยวจิตใจ

จำนวนการสร้าง ล็อกเกตรุ่นนี้มี 2 ขนาด โดยทำเป็นล็อกเก็ตรูปไข่แบบเดียวกัน คือ
1. แบบจัมโบ้พิเศษ 10 องค์
2. แบบธรรมดา 20 องค์

ด้านหลังบรรจุผงพุทธคุณและสิ่งวิเศษมากมายหลายประการ โดยองค์ใหญ่จัมโบ้ฝังลูกสะกดทองผสมด้านหลังและไม่ปิดแผ่นดีบุก
ส่วนพิมพ์เล็กจะปิดด้วยแผ่นดีบุกที่จารเต็มแผ่นโดยอาจารย์ธรรมนูญ
และมีเพียงขนาดใหญ่เท่านั้นที่อาจารย์ประสงค์จะมอบให้ศิษย์ทั้ง 9 คนได้ไว้ ส่วนอันที่สิบนั้นเป็นของอาจารย์ธรรมนูญเอง

พิธีเทวาภิเษก เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551 ต่อหน้าองค์หลวงพ่อขาว พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในวัดปราสาท จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเสด็จปู่ฯ ท่านสถิตพิทักษ์องค์หลวงพ่อขาวอยู่ที่นั่น

 

รายการที่ 20 เหรียญองค์บรมครูเสด็จปู่มหาพรหมเทพจอปกาศิต (ครูใหญ่ของสำนักฯ) รุ่นแรก เนื้อทองแดงปี 2553
อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ (ท่านย่าเฒ่า) ชลบุรี

ngasye บูชาแล้ว EK 047879026 TH



เสด็จปู่พรหมเทพจอปกาศิตท่านเป็นอริยพรหมชั้นสูงที่คอยดูแลรักษาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ชื่อ " หลวงพ่อขาว "
ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดประสาท อ.รัตนชัย พระนครศรีอยุธยา
ท่านเป็นพรหมฝ่ายปราบ เช่นเดียวกับท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ
และยังเป็นอาจารย์อีกท่านหนึ่งของท่านย่าเฒ่าอีกด้วย

จำนวนการจัดสร้างมีดังนี้
1. เหรียญเนื้อเงินบริสุทธิ์
- หลังพรหม สร้างจำนวน 50 เหรียญ
- หลังเรียบ สร้างจำนวน 5 เหรียญ
(ให้บูชาเฉพาะเหรียญเนื้อเงินหลังพรหม )
2. เหรียญเนื้อตะกั่วหลังเรียบ (ไม่ออกให้บูชา) สร้างจำนวน 50 เหรียญ
3. เหรียญเนื้อทองเหลือง สร้างจำนวน 290 เหรียญ
4. เหรียญเนื้อทองแดง สร้างจำนวน 1,790 เหรียญ

การจัดทำเหรียญครั้งนี้ถือเป็นเหรียญเสด็จปู่มหาพรหมเทพจอปกาศิตรุ่นแรก เพราะไม่เคยมีใครจัดสร้างมาก่อน
อีกทั้งยังมีเหตุการณ์แปลกประหลาดที่น่าเชื่อถือว่าองค์เสด็จปู่มีประสงค์ให้สร้างอย่างเต็มใจ

กล่าวคือ มีศิษย์ของอาจารย์ธรรมนูญคนหนึ่ง ได้ฝันไปว่าเสด็จปู่ฯ มาพบ
แล้วบอกให้สร้างเหรียญรูปเหมือนให้สักรุ่น โดยให้ทำเป็นรูปท่านในภาคของ "ฤๅษี" ดังที่เห็น ๆ กันอยู่
แต่ต้องทำเป็นเหรียญรูปไข่เท่านั้นนะ แล้วใส่ชื่อท่านว่า เสด็จปู่มหาพรหมเทพจอปกาศิต
ด้านหลังใส่ยันต์อะไรก็ได้แต่ให้เป็นยันต์ของสำนัก
ศิษย์คนนั้นก็เรียนแย้งท่านในฝันว่า คงทำถวายไม่ได้หรอก เพราะอาจารย์ธรรมนูญไม่ให้ใครทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า
อาจารย์เองแม้จะสร้างอะไรก็ตาม ทุกครั้งก็ต้องบวงสรวงบอกกล่าว หรือต้องมีนิมิตให้ทำ ไม่อย่างนั้นทำไม่ได้
ตัวเขาไม่กล้าไปบอกอาจารย์ธรรมนูญและไม่กล้าสร้างเองหรอก เมื่อกราบเรียนเสด็จปู่ฯ ไปดังนั้นท่านก็ไม่ว่าอะไร แล้วท่านก็จากไป

ต่อมาในวันที่สอง เขาก็ฝันเห็นท่านมาหาอีก ครั้งนี้ท่านบอกว่าให้สร้างเหรียญเป็นรูปท่านในภาคของ "พระพรหม" ดังที่เห็นกันทั่วไป
ให้ทำเป็นเหรียญรูปไข่ ใส่พระนามท่านเหมือนเดิมว่า "มหาพรหมเทพจอปกาศิต" แล้วใส่ยันต์อะไรก็ได้ของสำนัก
ครั้งนี้ศิษย์คนนั้นยิ่งตกใจใหญ่ กราบเรียนไปว่า ยิ่งทำให้ไม่ได้เลยสำหรับรูปที่เป็นพระพรหมเช่นนี้ เพราะมันขัดกันกับรูปแบบเดิม
เนื่องจากอาจารย์ธรรมนูญเคร่งครัดในรูปแบบของสำนักมาก อะไรที่อาจารย์ทองหล่อไม่ได้สั่ง ไม่ได้พาทำ อาจารย์ธรรมนูญจะไม่ทำเด็ดขาด
โต้แย้งท่านไปดังนี้ท่านก็ไม่ว่าอะไร เดินจากไปเงียบ ๆ

พอสว่างขึ้น ศิษย์คนนั้นก็ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์ธรรมนูญสั่งให้มาพบที่สำนักมีเรื่องจะปรึกษา
เมื่อเจอกันอาจารย์ธรรมนูญยังไม่ทันได้พูดเรื่องราวอะไร ศิษย์คนนั้นก็ชิงเล่าถึงความฝันที่แปลกประหลาดดังกล่าว ซึ่งฝันถึงสองคืนติดกัน
เมื่อเล่าจบ อาจารย์นิ่งไปสักครู่ก็ยกตัวขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งพิงอยู่ พลางเอามือตบบ่าศิษย์คนนั้นเบา ๆ แล้วว่า
“เหมือนกัน...เหมือนกัน...”
เพราะแท้แล้วที่อาจารย์ธรรมนูญให้ตามศิษย์คนนี้มา ก็เพื่อจะปรึกษาถึงเรื่องการสร้างเหรียญเสด็จปู่รุ่นแรกนี้นั่นเอง
เพราะอาจารย์มีความคิดที่จะทำเป็นเหรียญสองด้าน ด้านหนึ่งให้เป็นเสด็จปู่ในภาคของฤๅษี อีกด้านหนึ่งให้แกะเป็นรูปเสด็จปู่ในภาคของพรหม
ซึ่งปกติเสด็จปู่มหาพรหมเทพจอปกาศิต เป็น "พรหม" ที่ปกปักพิทักษ์พระพุทธรูปพระนาม "หลวงพ่อขาว"
สถิต ณ วิหารประจำวัดประสาท ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อขาวเป็นพระพุทธรูปศิลปะอยุธยาผสมลาว ฝีมือช่างแบบชาวบ้าน ขนาดหน้าตักประมาณเมตรเศษ
ทาสีขาวมุกทั้งพระองค์จึงเป็นที่มาของพระนาม "หลวงพ่อขาว"



สมัยก่อนไม่มีใครทราบว่าหลวงพ่อขาวท่านศักดิ์สิทธิ์เพราะเหตุใด?
จะบนบานศาลกล่าวหรือขอเมตตาในเรื่องใดก็มักสำเร็จเป็นอัศจรรย์
สร้างความเคารพเลื่อมใสให้แก่ลูกหลานเมืองกรุงเก่าโดยเฉพาะคนแถบตลาดหัวรอยิ่งนัก
ขนาดผู้เฒ่าผู้แก่ที่ไปรักษาอุโบสถศีลในวัดประสาท แต่ยามค่ำคืนหาได้สวดมนต์เจริญภาวนาแต่อย่างใดไม่
กลับเอาแต่จับกลุ่มกินหมากปากแดงล้อมวงคุยกันแต่เรื่องโลก เรื่องลูก เรื่องหลาน สารพัดจะสรรหามาคุย
จู่ ๆ ก็ปรากฏชายชราสวมชุดขาวคล้ายนักบวชหนวดเครายาวขาวเป็นปุยฝ้าย
แต่หน้าตาดูดุดันคล้ายโกรธจัด เดินดุ่ม ๆ ตรงออกมาจากหลังองค์หลวงพ่อขาว
มาถึงก็ตะลุยเข้ากลางวงแล้วเตะโครมเข้าที่เชี่ยนหมากกระจัดจาย
พลางดุด่าว่า วันอุโบสถแทนที่จะมารักษาศีลภาวนากลับเอาแต่คุยเรื่องไร้สาระ
อย่างนี้จะมาอยู่วัดไปทำไมให้หนวกหูคนอื่น…เล่นเอาวงแตก

ในขณะนั้นอ.ทองหล่อ ก็ได้ไปปฏิบัติธรรมถือศีล 8 ในวันพระที่วัดเป็นประจำก็ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
ท่านรู้สึกเคืองตาแก่ชุดขาวคนนั้น พอเกิดความรู้สึกอย่างนั้นขึ้นท่านย่าฯ ก็มาบอกว่าให้ไปขอขมาท่านเสีย ท่านเป็นอาจารย์ของท่านย่าเฒ่าเอง
จึงได้ทราบว่าเป็น "พรหม" ที่รักษาองค์หลวงพ่อขาว และมิใช่พรหมในฝ่ายเมตตามหาลาภอย่างที่ใครๆ นึกฝันจะไปขอโน่น นั่น นี่ กันให้สนุกใจ
แต่เป็น "พรหม" ฝ่ายปราบปรามคล้ายความเชื่อของศิษย์ที่มีต่อ "ท่านท้าวมหาพรหมชินปัญชะระ"
ว่าเป็นพรหมฝ่าย "บู๊" ที่พิทักษ์พระพุทธศาสนา คอยดูแลอารักขาพระภิกษุดีและผู้ปฏิบัติธรรมทั้งปวง

เสด็จปู่ฯ ก็เช่นนั้น ถึงคราวดุท่านก็ดุเหลือใจ
ถึงคราวเมตตาสงเคราะห์ศิษย์ท่านก็ทำให้ ไม่สำเร็จไม่มีคำว่าเลิก แบบนี้เรียกว่าคนจริง

อภินิหารของ "เสด็จปู่มหาพรหมเทพจอปกาสิต" นั้นคนรุ่นเก่าแถบตลาดหัวรอรู้กันดี
เมื่ออาจารย์ทองหล่อ พงษ์แพทย์ ได้นั่งสมาธิติดต่อกับท่านจนทราบว่าท่านสถิตย์อยู่ที่ใด? เป็นใคร?
ยิ่งภายหลังเสด็จปู่ฯ ได้รับอาจารย์ทองหล่อเข้าเป็นศิษย์และถ่ายทอดวิชาประดามีให้
ก็ยิ่งทำให้ความผูกพันใกล้ชิดของทั้งสองท่านแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เป็นที่รู้กันว่าอาจารย์ทองหล่อนั้นให้ความเคารพนับถือ และมีความรักความผูกพันในองค์เสด็จปู่ฯ มากมายราวพ่อกับลูกโดยสายเลือด
ทำให้ความรู้สึกเช่นนี้สืบต่อแบบรุ่นสู่รุ่นไปสู่ศิษย์คนอื่นๆ อีกด้วย
โดยเฉพาะก้นกุฏิของอาจารย์ทองหล่ออย่าง...อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม

อาจารย์ธรรมนูญให้ความเคารพนับถือพอๆ กับความยำเกรงในองค์บรมครูท่านนี้เป็นอย่างมาก
ครั้งที่หล่อพระรูปเหมือนขององค์ท่านเมื่อหลายสิบปีก่อน ท่านก็ปรารภแบบ "ดุ" กับอาจารย์ธรรมนูญว่า
"หล่อครั้งนี้พอแล้วนะ กูไม่เอากับพวกมึงแล้ว"

ประสบการณ์ของเหรียญเสด็จปู่ฯ กับสายพระอาจารย์มั่น

มูลเหตุที่มาของเรื่องนี้เกิดจากพี่ท่านหนึ่งชื่อ คุณชัยพร ซึ่งศรัทธาในพระป่าสายกรรมฐานเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อใดที่มีโอกาสพี่แกก็จะเดินทางไปทำบุญกับวัดแถวภาคอีสานเป็นประจำ
และวัดหนึ่งที่พี่เขาศรัทธามากและไปทำบุญอยู่ประจำ คือ วัดสังโฆญาณวิสุทธิโสภณ หรือที่รู้จักกันดีว่า วัดป่าภูสังโฆ
ซึ่งมี พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต พระอริยเจ้าผู้ซึ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด ได้การันตีถึงภูมิธรรมของท่านไว้ในคำเทศน์ของท่าน ดังนี้

....วัดป่าภูสังโฆ ถวายปัจจัยจำนวน ๓๒๗,๗๐๐ บาท พอใจ ได้เงินมาจากไหนตั้งสามแสนสี่แสน พ่อแก่อยู่นี้สักเท่าไรนานไม่เห็นได้เงินมาเป็นแสนๆ อย่างนี้วะ เก่งกว่าอาจารย์วะท่านวันชัย
เอาเก่งอย่างนี้ให้เก่งไปเถอะเราไม่ว่า ให้เก่งไป ได้เท่าไรขนมาให้ได้ บอกอย่างนั้นนะ
ท่านวันชัยอยู่ที่นั่นก็ดีสงัดดี พระจำนวนเท่าไรเวลานี้ (๒๕ องค์เจ้าค่ะ)
ของเรามากอยู่ แล้วอาหารการฉันทำอย่างไร วัดก็ไกลด้วย จัดกันอย่างไร (พอเป็นไปเจ้าค่ะ)

กรรมฐานเราต้องเขียมเกียมเสมอ เหลือเฟือไม่ได้ ภาวนาไม่ได้ท่า ต้องเขียมเสมอละ เรานี่นักเขียม เขียมมาแล้วนะ
การฝึกทรมานเจ้าของนี่มักจะอดอาหารละมากกว่าเพื่อน ภาวนาดีจนท้องเสีย ๙ ปี จะอดอาหารตลอดเลยถึง ๙ ปี
พอลงเวทีแล้วท้องก็ไม่ลงด้วย มันก็ไปของมันเรื่อยๆ จนจะตาย ได้ยาหมอเติ้งมาฉัน ระงับดับไปเลยนะ
ยาหมอเติ้งดีนะ ไม่อย่างนั้นเราตายแล้วตั้งแต่จนพรรษาที่เท่าไร กำลังจะเริ่มช่วยชาติพอดีโรคนี้ก็กำเริบหนักเข้า
พอดีได้ยาหม้อเติ้งมาฉันเลยหายตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งป่านนี้ ยาดีนะยาหม้อเติ้ง

ทางนั้นก็มีวัดภูสังโฆกับวัดผาแดง ธรรมลีอยู่ที่นั่น มีแต่พระมากๆ ทั้งนั้นละอยู่ที่นั่น
เราไม่ค่อยได้ไปไหนละเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยไปไหน ไปตามจุดที่จำเป็นๆ เท่านั้นละ
ที่จะไปเยี่ยมวัดนั้นวัดนี้ไม่ค่อยได้ไป ธุระของเรามีมากต่อมาก วันหนึ่งๆ ไม่ว่างนะ
ท่านวันชัยก็ดี มีหลักใจเรียบร้อยแล้ว ท่านพูดเรื่องจิตตภาวนาให้ฟังทุกอย่างๆ
เราก็เพียงคอยเพียงคอยแนะๆ เท่านั้น ก็ผ่านไปได้ล่ะ เรียกว่าผ่าน
ผ่านได้แล้วท่านวันชัย ผ่านโดยสมบูรณ์ ไม่มีอะไรล่ะกิเลสตัณหาตัวไหนไม่มี เรียกว่าขาดสะบั้นไปเลยละ
ครองแต่ธรรมเต็มหัวใจ ถ้าธรรมครองใจแล้วสบายมาก ถ้ากิเลสครองใจเป็นไฟไปเลย มันต่างกัน

บางส่วนจากคำเทศน์บรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๑

ซึ่งปกติพี่เขาก็ได้ไปทำบุญที่วัดนี้เป็นประจำกับพระอาจารย์วันชัย วิจิตโต
ร้อยวันพันปีที่ไปท่านก็ไม่เคยทักหรือพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องของวัตถุมงคลเพราะไม่ใช่จริตของท่าน
จนมาเมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา พี่เขาก็ได้ไปทำบุญกับท่านที่วัดเช่นเคย
แต่คราวนี้ไม่เหมือนคราวไหนที่ท่านกลับสนใจในพระเครื่ององค์หนึ่งที่คุณชัยพรห้อยอยู่
ซึ่งพระเครื่ององค์นี้รุ่นน้องคนหนึ่งที่รู้จักกันได้เพิ่งให้มา แกเห็นว่าสวยดีและชอบรูปแบบจึงได้เลี่ยมห้อยติดตัวไว้
เมื่อไปถึงวัดได้ก้มกราบท่านเสร็จ ปรากฏว่าท่านพระอาจารย์วันชัยได้มองจ้องมาที่พระเครื่องที่เขาห้อยอยู่อย่างผิดสังเกต
อาจจะเป็นเพราะขนาดที่ค่อนข้างใหญ่กว่าจะปกติก็เหลือที่จะเดา
ท่านได้เอ่ยปากถามคุณชัยพรว่า วันนี้ห้อยอะไรมา
คุณชัยพรได้กราบเรียนท่านไปว่า เป็นเหรียญเสด็จปู่มหาพรหมเทพจอปกาศิต ของสำนักท่านย่าเฒ่าครับ ท่านรับฟังแล้วก็นิ่งโดยดุษณี

หลายคนอาจจะคิดว่าแล้วมันมีไรน่าตื่นเต้นตรงไหน ?

ก็ต้องขอบอกให้ทราบก่อนว่า ปกติวิสัยของพระป่าสายหลวงปู่มั่นแล้ว ท่านไม่ค่อยที่จะสนใจเรื่องภายนอกมากกว่าการดูจิตภายในตัว
ยิ่งพระอาจารย์วันชัยด้วยแล้ว ท่านได้รับการอบรมจากองค์ท่านหลวงตามหาบัวจนแทบจะถอดแบบการปฏิบัติของท่านมาทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นจริตนิสัยและการปฏิบัติ ยิ่งเรื่องวัตถุมงคลด้วยแล้วท่านไม่ส่งเสริม อันการที่จะมาพูดโอ้อวดเรื่องปาฏิหาริย์ยิ่งมิใช่วิสัยของท่าน
ดังนั้นความแปลกมันอยู่ที่ในวันนั้นทำไมท่านถึงได้ทักเหรียญเสด็จปู่ฯ ขึ้นมา
เพราะทุกทีที่ไปกราบท่านห้อยพระเครื่องต่างๆ ไปท่านก็ไม่เคยทัก
แต่ครั้งนี้ท่านกลับมองด้วยความสนใจอย่างพินิจพิจารณาก่อนจะเอ่ยปากถาม
ข้อคิดสันนิษฐาน (เอาเอง) จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะมีกระแสอะไรไปกระทบจิตท่านเข้า
ท่านก็เลยทักขึ้นมา แต่เนื่องจากท่านไม่อยากให้ติดในเรื่องของอิทธิปาฏิหาริย์ท่านเลยนิ่งเฉยเสีย คือไม่ส่งเสริมแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

เหตุการณ์ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น

เพราะในวันเดียวกันนั้นทางคุณชัยพรได้แวะไปกราบ หลวงปู่อุดม ญาณรโต วัดป่าสถิตธรรมวนาราม อ.พรเจริญ จ.หนองคาย
เพื่อนำล๊อกเก็ตรูปเหมือนท่านที่ทางคณะของคุณชัยพรเป็นผู้สร้างไปถวายท่าน ซึ่งท่านก็ได้ทำพิธีอธิษฐานจิตให้ในเดี๋ยวนั้น
ทางคุณชัยพรเห็นเป็นโอกาสอันดีก็เลยถอดสร้อยคอที่ห้อยเหรียญเสด็จปู่ฯ ไว้เพียงเหรียญเดียววางไว้บนกองวัตถุมงคลด้วย
ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ได้เมตตาอัญเชิญเทวดาและเปิดโลกธาตุเสกให้พักใหญ่เลยทีเดียว
เมื่อท่านลืมตาปุ๊บท่านก็หยิบเหรียญเสด็จปู่ฯ ขึ้นมาดูด้วยความสนใจ พร้อมถามว่า เหรียญอะไร
ทางคุณชัยพรก็กราบเรียนท่านไปและก็เลยถือโอกาสขอให้ท่านเสกเหรียญให้ใหม่อีกรอบแบบว่าขอให้หลวงปู่ช่วยทำพิเศษให้หน่อย
แต่หลวงปู่บอกว่า

โอ๊ย...ไม่ต้องแล้ว ของเขาทำมาแรงดีแล้ว

ว่าแล้วหลวงปู่ก็ยกเหรียญขึ้นเหนือศีรษะท่านเลย

ผ่านไป 2 เหตุการณ์ คงจะพอเป็นเครื่องการันตีถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญนี้ได้ดีทีเดียว
แต่ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเมื่อพี่เขาได้ไปกราบ ลป.บุญพิณ วัดผาเทพนิมิต สกลนคร
ก็ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านก็ออกปากทักเรื่องเหรียญนี้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นตัวพี่เขาเองก้ได้ประสบกับอภินิหารของเสด็จปู่ฯ ด้วยตนเองถึง 2 ครั้ง ในการอธิษฐานขอห้ามฝน
ซึ่งก็น่าแปลกที่ฝนกลับหยุดตกแบบฉับพลันให้ปรากฏถึง 2 ครั้ง 2 ครา
ทุกวันนี้เหรียญนั้นกลายเป็นพระเครื่องประจำใจแกไปเสียแล้ว แถมยังฝากบูชาไปให้แกอีกหลายเหรียญ

 

รายการที่ 21 รูปหล่อท่านย่าเฒ่านันทมาตา เนื้อทองแดง ปี 2550
อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ (ท่านย่าเฒ่า) ชลบุรี

มะขามป้อม บูชาแล้ว EK 095509119 TH




ท่านย่าเฒ่าท่านเป็นพระภิกษุณีในสมัยพุทธกาล มีพระนามว่า นันทมาตาเถรี
แม้กายสังขารของท่านจะเสื่อมสูญสลายไปแล้ว แต่ดวงจิตวิญญาณของท่านยังคงคอยดูแลลูกหลานอยู่
เพราะท่านตั้งจิตปรารถนาในพุทธภูมิ

อ.ทองหล่อ พงษ์แพทย์ บุตรชายของปู่พ่วง พงษ์แพทย์ ฆราวาสผู้เรืองอาคม
ได้รับถ่ายทอดวิชาต่างๆ จากบิดาท่าน ซึ่งทำได้ประจักษ์เห็นผลจริง
ท่านจึงไม่เชื่อเรื่องการทรงเจ้าเข้าทรง ท่านเชื่อมั่นแต่วิชาของบิดาท่าน
เมื่อคุณแม่ (ภรรยาใหญ่ของอ.ทองหล่อ) มาบอกว่า
ท่านย่าเฒ่าฝากบอกว่าเรียนแต่คาถาอาคม วิปัสสนาไม่เอามันจะดีอะไร
จึงเกิดการท้าประลองกันขึ้น

คุณแม่จึงนำอาสนะมาปูหนุนหลายชั้น ชั้นล่างสุดเป็นเบาะนุ่นแล้วกล่าวเชิญท่านย่าเฒ่า
ปรากฏมีเสียงเดินลงส้นบนพื้นไม้ในสำนักของอ.ทองหล่อ เสียงนั้นเดินไปจนถึงเบาะ
แล้วก็ปรากฏว่าเพียงครู่เบาะก็ยุบลงไปเป็นรูปคนนั่ง

ถึงตรงนี้ อ.ทองหล่อ ชักลังเล คุณแม่ก็ทำการกราบแล้วยื่นหน้าเข้าไปฟังเสมือนหนึ่งคุยกับใครที่มองไม่เห็นตัว
ครู่หนึ่งก็หันมาหาอ.ทองหล่อแล้วบอกถึงอักขระเลขยันต์ที่สักอยู่บนร่างของอ.ทองหล่อได้อย่างถูกต้อง ทั้งชื่อยันต์ ตัวอักขระ และคาถาที่ใช้เรียกใช้ปลุก
ซึ่งยันต์เหล่านี้ปู่พ่วงเป็นผู้สักให้อ.ทองหล่อกับมือ
นอกจากนี้ท่านยังบอกถึงเรื่องราวต่างๆ ในอดีตที่อ.ทองหล่อรู้เพียงลำพังคนเดียว ซึ่งไม่มีใครร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

เช่น เมื่อตอนเป็นตำรวจผู้น้อยยังนึกแค้นใจผู้บังคับบัญชา คิดว่าน่าจะไปยิงมันเสียให้ตาย
ซึ่งเรื่องนี้ท่านนอนนึกอยู่บนสนามหญ้าหลังบ้านพักโดยมิได้บอกใคร
มิได้ออกเสียง เพียงนึกเอาเฉย ๆ และยังเป็นเรื่องที่ผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว ท่านย่าทราบได้อย่างไร

ถึงตรงนี้อ.ทองหล่อก็กราบท่านย่าเฒ่าและยอมรับอย่างสนิทใจ
ตั้งแต่นั้นท่านนับถือเป็นครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง จะประกอบพิธีสำคัญอะไร เป็นต้องออกชื่ออัญเชิญท่านมาทุกครั้งไป

เคยมีคนสงสัยว่าท่านย่าจะอยู่ดูแลลูกหลานอีกนานเท่าใด
ท่านย่าก็บอกว่า "เอ็งตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายอีกกี่ชาติๆ ย่าก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้แหละ"
และท่านได้มอบพระนามของท่านเอาไว้ ใครมีพระนามของท่านติดตัวจะได้รับความคุ้มครองจากท่าน
จึงเป็นเหตุให้ศิษย์ของสำนักนี้จะต้องสักพระนามของท่านย่าที่ข้อมือไว้เป็นสัญลักษณ์กันทุกคน
สำหรับใครที่กลัวเจ็บ รูปหล่อรุ่นนี้ก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่ง เป็นรูปหล่อรุ่นแรกของท่าน
ที่ใต้ฐาน อ.ธรรมนูญ ได้จารพระนามของท่านย่าไว้ด้วย

รูปหล่อรุ่นนี้ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าท่านย่าเฒ่ามีดวงตาข้างเดียว
ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าท่านมีตาข้างเดียวจริงๆ แต่ท่านมาบอกให้ทำแบบนี้
เป็นเคล็ดว่า ท่านได้มอบของรักของหวงอันเสมือนแก้วตาดวงใจของท่านให้กับลูกหลานท่านไว้ดูแล

คาถาบูชาท่านย่าเฒ่า
นะโม 3 จบ “ วันทามิ สวา สวาหะบูชา มักคะติบูชา บูชาองค์ท่านผู้สำลุล่วง วันทามิ ”


เคยให้ครูบาอาจารย์ท่านพิจารณารูปหล่อท่านย่าเฒ่านี้ ท่านบอกว่า...อยากได้อะไรก็ขอท่านเลย

 

รายการที่ 22 รูปถ่ายประกบ 2 หน้า ท่านย่าเฒ่า-ท่านปู่พ่วง พงษ์แพทย์ (ขนาด 1 นิ้ว)
บรมครูใหญ่ของสำนักบัวแปดกลีบ ชลบุรี

บูชา 900-



รูปท่านย่าเฒ่ารูปนี้เดิมสมัยอาจารย์ทองหล่อ พงษ์แพทย์ (บุตรชายท่านปู่พ่วง) ท่านทำไว้ให้ลูกศิษย์ได้บูชา
มีประสบการณ์มากแต่หาของไม่ได้ และมีราคาแพงมาก
ท่านอาจารย์ธรรมนูญจึงได้นำรูปต้นฉบับเดิมมาทำใหม่เป็นรูปประกบ 2 หน้าของบรมครูใหญ่ของสำนักฯ คือ ท่านย่าเฒ่าและท่านปู่พ่วง
ทำไว้ประมาณ 70 อัน โดยที่ด้านหลังรูปท่านอาจารย์ได้จารยันต์ประจำตัวของบรมครูทั้ง 2 ท่านเอาไว้
ก่อนจะนำมาประกบแล้วเลี่ยมพลาสติกให้เสร็จสรรพ พร้อมแขวนได้ทันที
ที่กรอบมุมล่างซ้ายด้านท่านย่าเฒ่าท่านยังได้จารรันหมายเลขและตอกโค๊ตไว้ที่พลาสติกให้ด้วย

 

รายการที่ 23 เหรียญปู่พ่วง พงษ์แพทย์ หลังหนุมานพญาอนุชิตฯ เนื้อทองแดง ปี 2549 มีจาร(สภาพสวย ไม่ได้ใช้)
อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ (ท่านย่าเฒ่า) ชลบุรี

บูชา 1,500-



ท่านปู่พ่วง พงษ์แพทย์ ท่านได้รับถ่าpทอดวิชาจาก หลวงปู่รอด (เสือ) ปฐมเจ้าอาวาสวัดประดู่ทรงธรรม ตักกศิลาแห่งเมืองกรุงเก่าโดยตรง
จนมีวิทยาคมแก่กล้าสามารถทำอภินิหารต่างๆ ให้ปรากฏได้อย่างน่าทึ่ง
สามารถใช้อาคมเพ่งให้ปรอทแข็งตัวได้โดยไม่ต้องผสมโลหะอื่น
และสามารถฆ่าชาด (ชาดที่ใช้ทา ปกติจะมีพิษแบบรัก) ให้ตายก่อนนำมาสักให้ลูกศิษย์ได้

ปู่พ่วง เดิมท่านชื่อ นายพ่วง พงษ์แพทย์ เป็นคน อ. นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา
ท่านเป็นอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่งของ หลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
ซึ่งในประวัติของหลวงพ่อพรหมก็ยังกล่าวถึงอาจารย์ฆราวาสที่ประสาทธ์วิทยาคุณให้เพียงแต่ไม่ได้บอกนามสกุล
อีกทั้งท่านยังสนิทกับ ก๋งจาบ สุวรรณ ฆราวาสเรืองวิชาสำนักวัดประดู่ทรงธรรม
ผู้รักษาอาการบังฟันให้กับ ลพ.ปาน วัดบางนมโค

ท่านปู่พ่วงมีจริตนิสัยเหมือนกับคนร้อนวิชาทั่วไป คืออยู่ไม่ติดที่
จึงอาศัยเรือประทุนลอย ไปเรื่อย ๆ คล้ายกับอาจารย์เฮง ไพรวัลย์
ไปถึงไหนก็ได้เมียถึงนั่นเพราะท่านไม่ได้ขลังเฉพาะเรื่องอยู่มีดอยู่ปืน

ท่านปู่พ่วงมีลูกชายคนหนึ่งที่รักวิชาอาคมไม่แพ้ท่าน และได้วิชามามากที่สุด ทำได้ขลังที่สุด ในบรรดาลูก ๆ และศิษย์ของท่าน
ลูกคนนั้นชื่อว่า นายทองหล่อ พงษ์แพทย์
ซึ่งภายหลังอาจารย์หล่อได้ตรวจดวงชะตาตนเองแล้วเห็นสวรควรแก้ไขจึงเปลี่ยนชื่อตนเองเป็น สุรพล พงษ์แพทย์

เมื่อประมาณปี 2549 อ.ธรรมนูญ บุญธรรม ศิษย์เอกที่ได้รับสืบทอดวิชาของสำนักฯ
ได้จัดสร้างเหรียญรูปเหมือนท่านปู่พ่วง บรมครูปรมาจารย์ของสำนักฯ ขึ้น
ด้านหลังเป็นรูปหนุมานที่ชื่อ " พญาอนุชิตจักรกฤษณ์พิพัทธพงศา "
ซึ่งวิชาหนุมานของสำนักฯ นี้ จะมีความแปลกพิเศษกว่าของสำนักอื่น
ทั้งรูปแบบอักขระ การเรียกสูตรเส้นยันต์ ตลอดไปจนถึงการปลุกเสก
ซึ่งถ้าหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหนุมานของที่อื่นๆ ก็มีเพียงสังวาลย์สองเส้นพาดไขว้กันที่อุระเป็นกากบาทอย่างสวยงาม
แต่พญาหนุมานอนุชิตของ "สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ"นั้น บริเวณสังวาลย์ที่ไขว้กันตรงกลางอก
จะมีเครื่องประดับเป็นแผ่นกลมที่เรียกกันว่า "ทับทรวง"ปรากฏอยู่
และในทับทรวงนั่นเอง จะมีเส้นยันต์ตีทับไขว้กันไปมาเป็นรูป "ดวงมหาทักษา"
ซึ่งในดวงนั้นจะมีตัวเลขไทยบรรจุอยู่ ซึ่งนั้นก็คือ...
"ดวงชาตากำเนิดของหนุมาน"

เหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์มากทางแถวอินทร์บุรี ทั้งคงกะพันและปืนแตก
บางคนเห็นแสงออกมาจากเหรียญท่านปู่พ่วงด้วย
(เท็จจริงประการใดก็ไม่ทราบ เพราะได้รับฟังมาอีกที)

 

รายการที่ 24 โพธิ์บังภัย รุ่นแรก หลังเรียบ (จารเต็ม) กะไหล่เงิน ปี 2553
อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ (ท่านย่าเฒ่า) ชลบุรี

คุณ อนันตภพ บูชาแล้ว EK 136629714 TH



โพธิ์บังภัย เป็นวิชาเฉพาะของท่านย่าเฒ่า (นันทมาตาเถรี)
ท่านอาจารย์ทองหล่อ พงษ์แพทย์ ผู้เป็นบูรพาจารย์ในสำนัก ได้เรียนจากท่านทางสมาธิ
มีอานุภาพทางกำบังกาย กำบังภัย แคล้วคลาดสูง
เคยสร้างอภินิหารให้ปรากฏเมื่อครั้งที่ศิษย์ของท่านอาจารย์ทองหล่อถูกประทุษร้าย เมื่อนำความมากราบเรียนขอความเมตตาจากท่าน
ท่านจึงนั่งสมาธิติดต่อท่านย่าเฒ่าผู้เป็นบูรพาจารย์ใหญ่ ก็ได้วิชาวิเศษยิ่งนี้มา
ครั้นอาจารย์ทองหล่อได้ตัดแผ่นโลหะเป็นรูปใบโพธิ์แล้วลงอักขระให้ไปติดตัว
ศัตรูที่มาดักยิงกลับได้เห็นแต่เพียงรถมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านไปและวิ่งผ่านมา
ไม่เคยได้เห็นตัวคนที่พกโพธิ์บังภัยนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์
ทำให้เรื่องนี้เป็นที่เล่าลือกันไปทั่วเมืองชลบุรี เกิดการแสวงหากันมาก
แต่ท่านอาจารย์ทองหล่อก็ไม่ค่อยได้ทำให้ใครนอกจากบุคคลที่จำเป็นต้องใช้อย่างที่สุดเท่านั้น

มาถึงยุค อ.ธรรมนูญ ท่านจึงได้ทำเป็นเหรียญปั๊มขึ้นมา ด้านหลังเรียบ
ด้วยใจหมายจะจารให้จุใจ ท่านจารเป็นยันต์แคล้วคลาดคงกระพัน ล่องหนกำบังตน
เหรียญนี้จริงๆเป็นกะไหล่เงิน แต่ถ่ายมาแล้วสีเพี้ยนออกเป็นสีทองๆ ไป

ตั้งนะโม 3 จบ
“ พุทธังกายะคงคะพันทะนังอะถิถามิ
ธัมมังกายะคงคะพันทะนังอะถิถามิ
สังฆังกายะคงคะพันทะนังอะถิถามิ ฯ
นะปืด ตะโลปิด กายกูมีฤทธิ์ ปิดด้วยโมนะ” (7 จบ)

 

รายการที่ 25 นกสาริกาเมตตามหาลาภ รุ่นแรก เนื้อทองแดงแช่น้ำมนต์ ปี 2554 (ตัวใหญ่ยาว 2 นิ้ว)
อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ (ท่านย่าเฒ่า) ชลบุรี

บูชา 800-



นกสาริกา อ.ธรรมนูญ บุญธรรม ออกแบบได้อย่างวิจิตรบรรจง รายล้อมด้วยอักขระอันวิเศษรอบตัว
แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของผู้สร้างที่เจนจบในวิชาอย่างแท้จริง
ท่านได้จารแผ่นพระยันต์วิเศษอันเป็นเลิศด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ เจรจาค้าขายดี แคล้วคลาดป้องกันภัยเพื่อเป็นชนวน
แผ่นยันต์ดังกล่าวมีจำนวนหลายสิบแผ่น
อาจารย์ธรรมนูญปลุกเสกอยู่นานนับเดือนก่อนจะนำไปหลอมสร้างเป็นนกสาลิกาเนื้อเงินและเนื้อทองแดง

เมื่อได้ตัวนกมาแล้วอาจารย์ทำการแช่ในน้ำมนต์เสียก่อนเพื่อ "ดับพิษไฟ" เป็นเวลา 1 วัน 1 คืน
จากนั้นจึงนำขึ้นมาผึ่งให้แห้งแล้วตั้งธาตุ-เดินธาตุ 4 และเรียกอาการ 32
ก่อนจะเสกบรรจุหัวใจนกสาลิกาเพื่อให้มีจิตมีใจ มีชีวิตและวิญญาณ
โดยปลุกเสกอยู่นานหลายอาทิตย์เพื่อให้เข้มขลังอย่างที่สุด และได้เสกในวันวิสาขบูชาในปีนั้นด้วย

ลูกสาวของอาจารย์กรุณาเล่าให้ฟังว่า....
คืนหนึ่งได้ยินเสียงดังแกรกกรากเหมือนตัวอะไรตะกายแผ่นโลหะมาจากถังสแตนเลสที่บรรจุนกสาลิกาซึ่งตั้งอยู่หน้าโต๊ะบูชา
ด้วยความเกรงว่าจะเป็นหนูหรือตัวอะไรตกลงไปจึงได้เปิดประตูมาดู
เมื่อเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าไม่มีสัตว์อะไรอยู่ในถังเลยนอกจากนกสาลิกาเนื้อโลหะเท่านั้น
ทำให้เกิดขนลุกขนชันรีบกลับเข้าห้องตัวเองไปทันที
และเสียงดังกล่าวนั้นก็ดังให้หลายคนได้ยินอยู่ทุกวันจนกระทั่งแจกจ่ายออกไป

ศิษย์หลายคนที่บูชาไปก็กลับมาเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้
ถึงขนาดทดลองนำใส่กระป๋องไมโลปิดฝาตั้งไว้หัวนอนเลยทีเดียว
ตกดึกก็มีเสียงตะกายแกรกๆ ดังออกมาจากในกระป๋องไมโลที่ตัวเองทำความสะอาดและใส่นกสาลิกาทองแดงลงไปกับมือ
น้องชายที่นอนด้วยกันก็ได้ยินถนัดหู เสียงดังอยู่นานหลายนาที
วันรุ่งขึ้นสองคนพี่น้องจึงพาพรรคพวกมาบูชานกสาลิการุ่นนี้กันเป็นสิบคน

เนื่องจากนกมีขนาดใหญ่พกพาไม่ค่อยสะดวก ได้ถามอาจารย์แล้วท่านว่าไม่จำเป็นต้องพกติดตัว
ให้ใส่พาน มีน้ำเปล่าถวายสักแก้วหนึ่ง น้ำให้เปลี่ยนทุกวัน และให้หมั่นปลุกบูชา
เมื่อจะไปติดต่อการงานใดๆ ก็ให้ภาวนาว่า “จิตตังมะมะ”

คาถาปลุก “ โอมสะกุนากะโตพุทโธมะมะ” (3-7 จบ)

เรื่องการเสกหุ่นพยนต์นี้ อาจารย์เคยเล่าถึงสมัยที่ท่านยังเรียนวิชากับ อาจารย์ทองหล่อ พงษ์แพทย์ ให้ฟังว่า
คราวหนึ่งอาจารย์ใช้ให้ไปเสกรักยมในป่าช้าตอนกลางคืน
กลัวผีก็กลัวแต่ขัดคำสั่งอาจารย์ไม่ได้ ต้องเสกจนเขาเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา
แล้วเวลากลับนี่เราต้องเสกจนได้ยินเสียงเขาวิ่งตามหลังเรามาจึงจะใช้ได้
ดังนั้นวิชาการผูกหุ่นพยนต์ก็เป็นอีกวิชาหนึ่งที่อาจารย์ทำได้
ท่านเคยบอกว่าถ้าให้ท่านทำกุมารทองนะ รับรองดังระเบิด
ไปปลุกเสกที่สุสานป่าช้าเม่งหุย ที่เขาทำพิธีล้างป่าช้ากันเนืองๆ
เพราะเวลาเขาล้างป่าช้าแล้ว กระดูกเขาจะเอามาฝังในหลุมเดียวกันทั้งหมด เรียกได้ว่ามีศพไม่รู้กี่พันศพ
เอาแค่ดินปากหลุมนี่ล่ะเอามาใส่เป็นเชื้อเสียหน่อย ไม่ต้องไปเอากระดูกผีมาใส่หรอก
และมีเคล็ดอยู่ว่าต้องทำพิธีเสกตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืนจึงจะใช้ได้ แต่ท่านไม่ชอบแนวนี้เลยไม่เอาดีกว่า

 

รายการที่ 26 หมูป่าแกะจากเขี้ยวหมูป่า (ไม่ตัน) เต็มเขี้ยว ยาวเกือบ 3 นิ้ว
อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ (ท่านย่าเฒ่า) ชลบุรี

บูชา 4,000-




เป็นของเก่าที่ท่านอาจารย์ทำไว่้เมื่อ 7-8 ปีก่อน
เนื่องจากมีลูกศิษย์ไปได้เขี้ยวหมูป่ากับเขี้ยวหมีมาจำนวนหนึ่ง
ท่านจึงให้เอาเขี้ยวหมูป่าแกะเป็นหมูป่า ด้วยใจหมายให้เป็นพญาหมูป่าปางหนึ่งของนารายณ์อวตาร
ท่านลงด้วยหัวใจหมูทองทองแดง หัวใจหมูเถื่อน และพญาหมูพลิกแผ่นดิน

พญาวราหะ ปางหนึ่งของนารายณ์อวตารเพื่อปราบหิรัญยักษ์ที่ม้วนแผ่นดินหนีไปอยู่บาดาล
พระวิษณุจึงต้องอวตารมาเป็นพญาหมูป่าวราหะ ทำการสัประยุทธ์กันใช้เวลาถึง 2,000 ปี
เมื่อปราบยักษ์แล้ว พญาหมูป่าก็งัดแผ่นดินกลับขึ้นมาอยู่เหนือทะเลดังเดิม

ส่วนเขี้ยวหมีท่านก็ให้แกะเป็นหมี ด้วยใจหมายให้เป็นชมพูพาน 1 ในลิง 18 มงกุฏ
ฝีมือแกะท่านมหาสมยศ ทำไว้อย่างละไม่เกิน 10 ตัว

 

รายการที่ 28 พญาหนุมานอนุชิตเหนือเมฆ เนื้อทองแดง รุ่นไหว้ครู ปี 2554
อ.ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์ บัวแปดกลีบ (ท่านย่าเฒ่า) ชลบุรี

บูชา 600-



หนุมานเหนือเมฆ รูปลักษณ์เป็นพญาหนุมานกำลังเหาะเหินมาเหนือเมฆไม่ได้เหยียบยืนสิ่งใด
เหตุเพราะเหินขึ้นสู่จุดสูงสุดไม่ต้องเหยียบสิ่งใดก็หยัดยืนได้ด้วยตัวเอง
เป็นเคล็ดแก่ผู้บูชาว่า ทำสิ่งใดก็จักเหนือกว่าผู้อื่น สำเร็จยิ่งกว่าใคร
ยากที่คู่แข่งแห่งใดจะเทียมทัน ยากที่จะตามได้ทัน เพราะเรามาเหนือเมฆเสียแล้ว
ส่วนสองกรถือพระขรรค์เพชรและตรีศูล สองอาวุธอันทรงมหิทธิฤทธิ์
ประคองจักรแก้วของพระนารายณ์มหาเทพอยู่ตรงกลาง ปราบศัตรูหมู่มารทุกทิศานุทิศ



จัดสร้าง 2 ขนาด คือ
1. ขนาดจัมโบ้ (ตั้งหน้ารถ) เป็นรูปหนุมานเหยียบเมฆ มีเนื้อสัมฤทธิ์ (ไม่ล้างผิว) เพียงอย่างเดียว สร้าง 99 ตน
2. ขนาดห้อยคอ เป็นรูปหนุมานเหนือเมฆ มี 3 เนื้อ คือ
- เนื้อเงิน
- เนื้อสัตตโลหะ สร้าง 200 องค์
- เนื้อทองแดง สร้าง 800 องค์
สร้างจากแผ่นยันต์และชนวนศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก่าและใหม่หลายประการ

การปลุกเสก อ.ธรรมนูญ บุญธรรมได้ปลุกเสกเดี่ยวเรื่อยมาตลอดนับเดือน และได้จัดพิธีสมโภชใหญ่พร้อมกับพระปิดตามหาเดชอีกครั้งหนึ่ง
โดยได้นิมนต์พระสงฆ์ 9 รูปเจริญพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถวัดชุมแสง ต.ชุมแสง อ.วังจันทน์ จ.ระยอง
โดยมีพระครูวรวงศ์วิวัฒน์ (พระอาจารย์เต้ก โพธิวังโส) เจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลชุมแสง
ผู้เป็นศิษย์มือขวาสายตรงองค์จริงของ หลวงพ่อสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ เป็นประธานนำสวดเจริญพระพุทธมนต์ต่อหน้าพระประธานที่ศักดิ์สิทธิ์
และทำพิธีใหญ่ครั้งสุดท้ายในวันไหว้ครูที่ 12 พฤษภาคม 2554

 

รายการที่ 29 ตะกรุดสาริกา "นะหน้าทอง" (ขนาดประมาณ 1.5 นิ้ว)
อ.ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์ บัวแปดกลีบ (ท่านย่าเฒ่า) ชลบุรี

บูชาดอกละ 650-(มี 3 ดอก)



สร้างจากแผ่นดีบุกขนาดประมาณ 1.5 x 5 นิ้ว ลงด้วยยันต์ทางเมตตามหาเสน่ห์ล้วนๆ
โดยมียันต์นะหน้าทองเป็นยันต์หลัก ซึ่งยันต์นะหน้าทองของท่านปู่พ่วง มีสูตรการเรียกที่เป็นสุตรเฉพาะของสำนักไม่เหมือนที่ไหน
และยันต์นะหน้าทองนี้อาจารย์เคยทำลงเป็นผ้าเช็ดหน้าอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อ 30 ปีก่อน เป็นที่เสาะหาของลูกศิษย์เป็นอย่างมาก
จนเมื่อปี 2550 ท่านจึงได้ทำอีกครั้งหนึ่ง และเป็นครั้งสุดท้ายเพราะอานุภาพของผ้ายันต์นะหน้าทองนั้นมีอานุภาพมาก
จนมีคนนำไปใช้ไม่อยู่กับร่องกับรอย ท่านจึงได้ยุติการทำผ้ายันต์นะหน้าทองตั้งแต่บัดนั้น

ตะกรุดสาริกา " นะหน้าทอง " นี้ ควรที่จะใช้ในเมื่อต้องการความรักความเมตตา ความสงสารเห็นใจจากผู้อื่น
เช่น ลูกจ้างใช้กับนายจ้าง ผู้น้อยใช้กับผู้ใหญ่หรือแม้แต่นักแสดงทั้งหลาย อาทิ ตัวลิเก ตัวละคร ดารา นักร้อง นักแสดง เป็นต้น

คาถาบูชาตะกรุดนะหน้าทอง

นะจิตตัง โมจิตตัง พุทธังมะมะ พุทโธ (3 จบ)

ถ้าไม่ใช้ติดตัวจะเอาตะกรุดแช่ไว้ในน้ำมันหอม แล้วเอาน้ำมันหอมนั้นจุณเจิมร่างกายก็มีอานุภาพดุจเดียวกัน

 

รายการที่ 30 ตะกรุดช้างประสมโขลง เนื้อดีบุก 3 นิ้ว ปี 2556
อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ (ท่านย่าเฒ่า) ชลบุรี

บูชาดอกละ 1,200-(มี 2 ดอก)



ตะกรุดช้างประสมโขลง นี้ อ.ธรรมนูญท่านจะเลือกลงในเทศาตรีฤกษ์ (ฤกษ์แห่งการค้าขาย ฤกษ์สำหรับหญิงโสเภณี)
อาจารย์ได้พูดถึงฤกษ์นี้ให้ฟังว่า...ตัวท่านแปลกไม่เหมือนใคร บางท่านจะไม่ชอบฤกษ์นี้
เพราะเห็นว่าเป็นฤกษ์ขายตัว เป็นฤกษ์ที่ผู้หญิงหากินเขาใช้กัน
แต่จริงๆ แล้ว ฤกษ์นี้ยังหมายถึงการค้าขาย การขยายกิจการ เป็นฤกษ์ที่ใช้เรียกคนเข้าหา
ดังนั้นถ้าจะทำของขลังทางเมตตาค้าขายแล้วฤกษ์นี้ดีที่สุด

ภายในตะกรุดลงด้วยพระยันต์ที่ให้ผลทางเมตตามหาเสน่ห์ล้วนๆ ลงในแผ่นดีบุกขนาด 3x5 นิ้ว จาร 2 ด้าน
ด้านหนึ่งเป็นยันต์ช้างประสมโขลงและยันต์ทางเมตตาต่างๆ โดยมียันต์ช้างผสมโขลงเป็นยันต์หลัก
นอกนั้นก็มี นะมหาละลวย นะสาลิกา นะองครักษ์ นะหน้าทอง นะหน้าสิงห์
นะเสน่ห์หา นะเมตตา นะจังงัง นะไม่รู้สิ้น นางกวัก-นางรับ ฯลฯ
ส่วนอีกด้านหนึ่งท่านลงยันต์นะหน้าทองประทับหลังไว้เอาไว้ เสร็จแล้วจุณเจิมด้วยน้ำมันหอม

การปลุกเสก อ.ธรรมนูญได้ปลุกเสกเดี่ยวเรื่อยมาจนถึงวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 อันเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา
เป็นเพ็ญวันจันทร์ (จันทร์ซ้อนจันทร์) ซึ่งทางโบราณถือว่าเป็นวันดี เหมาะแก่การปลุกเสกวัตถุมงคลที่ให้ผลทางเมตตามหาเสน่ห์เป็นที่สุด

อาจารย์ได้ให้ทัศนะการเสกของทางเมตตาระหว่างพระกับฆราวาสไว้ว่า...
พระท่านมีศีลเป็นข้อจำกัด การจะไปทำวัตถุมงคลให้เป็นสื่อชักนำชายหญิงมันไม่ดี เป็นอาบัติ
ดังนั้นการเสกของทางเมตตาของพระท่านจึงทำแค่เมตตาพรหม จะก้าวล่วงไปกว่านั้นไม่ได้
แต่ตัวท่านเป็นฆราวาสไม่มีข้อจำกัดในเรื่องนี้ เมื่อทำถึงเมตตาพรหมแล้วก็ทำให้มันทะลุไปเป็นมหานิยม มหาเสน่ห์ มหาหลง มหาละลวย

คาถาเสกตะกรุดช้างประสมโขลง

นะโม 3 จบ
“ นะจิตติจิตตัง นะโมเมหัง ปิยังมะมะ
อิสาวมณี อิสาวมนันท์ อิเพชรกัน
อินันทะโก อิถีโย มาคะมามะมะ ”

 

รายการที่ 31 ตะกรุดเกราะเพชรพระอาทิตย์ เนื้อดีบุก 5 นิ้ว
อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ ชลบุรี

บูชาดอกละ 2,000-(หมดแล้ว)



แผ่นยันต์ประกอบให้เห็นลายยันต์

“ ยันต์เกราะเพชรพระอาทิตย์ ” เป็นยันต์เก่าแก่ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยท่านปู่พ่วง พงษ์แพทย์ ปรมาจารย์ใหญ่ของสำนัก
ซึ่งพระยันต์นี้มีด้วยกันเป็นคู่ คือ " ยันต์เกราะเพชรพระอาทิตย์ " และ " ยันต์เกราะเพชรพระจันทร์ "
การลงพระยันต์ทั้งคู่นี้มีความคล้ายคลึงกันมากจนแทบจะเป็นคู่แฝด ต่างกันที่อักขระบางตัวและการบรรจุ " หัวใจ " ของยันต์

“ ยันต์เกราะเพชรพระอาทิตย์ ” มีอานุภาพทางละลาย ทำลายล้าง ทั้งมีด ปืน คดีความ และคุณไสยมนต์ดำ
เทียบได้กับ ตะกรุดมหาปราบ
" ยันต์เกราะเพชรพระจันทร์ " มีอานุภาพทางสงบ ระงับ กันภัยมืดลี้ลับ กันมีด กันปืน ส่งเสริมราศี หนุนดวงชะตา
เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม เทียบได้กับ ตะกรุดมหาระงับ

พระยันต์ทั้งสองนี้มีอานุภาพมาก ขนาดคนถูกของจนของวิ่งอยู่ในเนื้อนูนเป็นริ้วแล่นจากปลายเท้าขึ้นมา
อาจารย์ทองหล่อท่านเพียงแต่เอานิ้วเขียนยันต์นี้ครอบลงไปก็หยุดกึกแน่นิ่งอยู่กับที่ จากนั้นก็ค่อยขับออกจากตัวคนไข้ได้อย่างไม่ยากเย็น
เพราะไม่ต้องไปนั่งภาวนาหาว่าถูกของที่ไหน? ถูกอะไร? และของไปฝังตัวอยู่ส่วนไหนของร่างกาย?

พระยันต์ทั้งสองนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท่านปู่พ่วงโดยแท้
ไม่มีสำนักใดใช้ ไม่มีสำนักใดเขียนได้ เรียกสูตรได้ ปลุกเสกได้

ตะกรุดเกราะเพชรพระอาทิตย์นี้ มีประสบการณ์ที่เขาพระวิหารมาแล้ว
โดยมีศิษย์ท่านคนหนึ่งคาดตะกรุดเกราะเพชรพระอาทิตย์นี้แล้วโดนยิงไม่เข้า

เคยมีพระจากธิเบตท่านหนึ่งมาที่สำนักฯ และได้เห็นพระยันต์นี้เข้าก็แปลกใจ
เพราะที่ธิเบตก็มีพระยันต์คล้ายๆ แบบนี้ มีอานุภาพขนาดใช้ฆ่าคนได้ถ้ารู้จักวิธีใช้

 

รายการที่ 32 ตะกรุดเกราะเพชรพระจันทร์ เนื้อดีบุก 5 นิ้ว
อาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม สำนักสักยันต์บัวแปดกลีบ ชลบุรี

บูชาดอกละ 2,000-(มี 1 ดอก)



แผ่นยันต์ประกอบให้เห็นลายยันต์

“ ยันต์เกราะเพชรพระจันทร์ ” เป็นยันต์เก่าแก่ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยท่านปู่พ่วง พงษ์แพทย์ ปรมาจารย์ใหญ่ของสำนัก
ซึ่งพระยันต์นี้มีด้วยกันเป็นคู่ คือ " ยันต์เกราะเพชรพระอาทิตย์ " และ " ยันต์เกราะเพชรพระจันทร์ "
การลงพระยันต์ทั้งคู่นี้มีความคล้ายคลึงกันมากจนแทบจะเป็นคู่แฝด ต่างกันที่อักขระบางตัวและการบรรจุ " หัวใจ " ของยันต์

“ ยันต์เกราะเพชรพระอาทิตย์ ” มีอานุภาพทางละลาย ทำลายล้าง ทั้งมีด ปืน คดีความ และคุณไสยมนต์ดำ
เทียบได้กับ ตะกรุดมหาปราบ
" ยันต์เกราะเพชรพระจันทร์ " มีอานุภาพทางสงบ ระงับ กันภัยมืดลี้ลับ กันมีด กันปืน ส่งเสริมราศี หนุนดวงชะตา
เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม เทียบได้กับ ตะกรุดมหาระงับ

พระยันต์ทั้งสองนี้มีอานุภาพมาก ขนาดคนถูกของจนของวิ่งอยู่ในเนื้อนูนเป็นริ้วแล่นจากปลายเท้าขึ้นมา
อาจารย์ทองหล่อท่านเพียงแต่เอานิ้วเขียนยันต์นี้ครอบลงไปก็หยุดกึกแน่นิ่งอยู่กับที่ จากนั้นก็ค่อยขับออกจากตัวคนไข้ได้อย่างไม่ยากเย็น
เพราะไม่ต้องไปนั่งภาวนาหาว่าถูกของที่ไหน? ถูกอะไร? และของไปฝังตัวอยู่ส่วนไหนของร่างกาย?

พระยันต์ทั้งสองนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท่านปู่พ่วงโดยแท้
ไม่มีสำนักใดใช้ ไม่มีสำนักใดเขียนได้ เรียกสูตรได้ ปลุกเสกได้
เป็นยันต์หนึ่งที่อาจารย์ไม่ค่อยเขียนหรือลงให้ใคร นอกจากศิษย์ในสำนักฯ