ฤทธิ์ธียายยิปซีเฒ่า

เรื่องนี้เป็นประสบการณ์เกี่ยวกับยิปซีเรื่องที่สองที่เพิ่งเจอมาไม่กี่วันนี้เอง.......
ในเมืองที่ดัชเชสอาศัยอยู่มีคาราวานนักเดินทางยิปซีอยู่ไกลออกไปทางทุ้งในเขตของพวกเขาเอง ซึ่งดัชเชสจะเห็นพวกยิปซีนานๆทีในตัวเมือง เพราะพวกนี้ชอบอยู่เป็นอิสระไม่ชอบเข้าสังคมเมืองเท่าใดและมีวัฒนธรรมโบร่ำโบราณของตัวเอง.......เมื่อสองวันก่อนดิฉันได้ออกจากบ้านในช่วงเช้าเพื่อไปซื้อกับข้าวที่ซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้านอีกเช่นทีทำอยู่เป็นประจำทุกๆสองถึงสามวัน แต่โดยปกติจะเป็นช่วงบ่ายกับเย็น แต่เนื่องจากวันนั้นได้มีคนมาที่บ้านทำให้เราต้องลุกออกไปต้อนรับแต่เช้าตรู่ครั้นพอแขกกลับไปได้ไม่นานดิฉันจึงออกจากบ้านไปจ่ายกับข้าวที่ซุปเปอร์มาเก็ต หลังจากได้หยิบของที่พึงพอใจใส่ตระกร้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเดินไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์ แต่ก็พบว่าทุกแถวมีคนยาวเหยียดเต็มไปหมด ในขณะที่ดิฉันมีอาหารที่จะซื้อเพียงสองสามอย่างเพราะกินคนเดียว ในระหว่างนั้นก็เหลือบไปเห็นแถวริมสุดมีคนต่ออยู่แค่สองคนจึงได้ถือตระกร้าไปต่อที่แถวนั้น





เบื้องหน้าของคนที่มาต่อแถวก่อนดิฉันเป็นหญิงวัยกลางคนค่อนไปทางมีอายุคนหนึ่ง ซึ่งแต่แรกพบและเครื่องแต่งกายก็ทำให้ดิฉันดูออกได้ไม่ยากว่าหล่อนเป็นคนยิปซี เธอแต่งกายด้วยชุดกระโปรงยาวรุ่มร่ามราวกับหลุดออกมาจากยุโรปยุคโบราณ...... มีผ้าคลุมผมคล้ายมุสลิมแต่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่มุสลิมเพราะการพันผ้าจะคนละแบบและผ้าทีหล่อนใช้คลุมผมนั้นเป็นลายดอกไม้สีสันฉูดฉาด ขริบริมผ้าด้วยลูกไม้สีขาว หล่อนใส่น้ำหอมที่มีกลิ่นบอกไม่ถูก.......มันระคนกันระหว่างกลิ่นหอมของดอกไม้ออกเย็นๆไพรๆ กับ กลิ่นเหม็นที่น่าสะอิดสะเอียนราวกลับจะอาเจียรให้เสียได้ เหมือนกับกลิ่นถังใส่ผ้าอนามัยสกปรกๆในห้าง.......จนแทบอยากจะเดินห่างไปให้ไกลเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่หล่อนใส่ ที่เอวของหล่อนมีกระปุกทองเหลืองมีขาสี่ขาเป็นผะอบดูสวยงามแปลกตา ห้อยไว้กับเข็มขัดที่รัดเอว ซึ่งมันดูเหมือนว่าน่าจะไว้ใช้ในพิธีกรรมเพื่อทำอะไรสักอย่าง ส่วนใบหน้าของหล่อนนั้นดิฉันไม่สามารถจะอธิบายได้ว่า ควรจะเรียกหล่อนว่าสวย หรือ น่าเกลียดดี




หล่อนมีหน้ารูปเรียว จมูกโด่งสวยพอดีๆ ตาสวย ขนตางอน คล้ายๆรูปหน้าชาวพัคตุนในอัฟกานีสถาน แต่กลับมีสีผิวคล้ําแบบคนอินเดียใต้ แต่ไม่ดำขนาดคนนิโกร..... ผมของแกออกน้ำตาลแดงๆหน่อย.....ในขณะที่บนผิวหน้าและมือของหล่อนนั้นตะปุ่มตะปั่มมีเม็ดหูดนูนๆ กระจัดกระจายอยู่ตามผิวหนังของหล่อนราวกับนางแม่มดในนิทานก็ไม่ปาน
แรกๆดิฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ชินกับการเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาแปลกๆทุกชนชาติที่เดินสวนทางกันไปมาอยู่ที่เมืองนี้ แต่แล้วก็ต้องมาเอ๊ใจเล็กน้อยกับพฤติกรรมของหญิงยิปซีผู้นี้ที่แสดงออกมา......


ปกติที่ซุปเปอร์มาเกตทีต่างประเทศ จะเคร่งมากเวลาเรานำของของเราไปวางบนสายพานเลื่อนเพื่อจ่ายเงินทีเคาเตอร์ ครั้นพอมีลูกค้าอีกคนมาต่อที่สายพานเลื่อน เรา(คนก่อน)ต้องนำไม้ขั้นพาสติกไปกันระหว่างของของเรากับของของคนอื่นที่มาต่อจากเรา เพื่อไม่ให้ของปนกันเวลาพนักงานเช็คบิลของคนแรกเสร็จ...... ซึ่งในกรณีของยายยิปซีที่มาต่อแถวก่อนหน้าของดิฉัน ดิฉันเห็นอยู่ถนัดตาว่าแกมีพริกหยวก, ผลไม้ และ อะไรอีกมากมายออกจากตระกร้ามาวางไว้บนสายพานเลื่อน แต่แกกลับเอาไม้ขั้นพลาสติกมาวางไว้ตรงกลางระหว่างของของแก ในระหว่างทีผลไม้และพริกหยวกที่เหลืออยู่เลยไม้ขั้นพลาสติกเข้ามาในฝั่งของของดัชเชสบนสายพาน...... แรกๆเราก็ไม่ได้คิดไปในแง่ร้ายแต่นึกในง่ดีว่า ช่างเหอะคนแก่คงไม่ค่อยรู้เรื่อง เดี๋ยวพอนั้นเขาคงหยิบไปเช็คเอง


ครันพอพนักงานจะเช็คบิลยายยิปซี ดัชเชสก็รู้ในทันทีว่ายายแก่นี้ขี้โกง แกรีบกระโดดไปยืนในฝั่งเช็คบิลจ่ายเงิน และเอาของใส่ถุงเรียบร้อยในขณะที พริกหยวกและผลไม้ของแกอยู่ในฝั่งสายพานของดัชเชส แกยังยืนรอจะให้พนักงานเข้าเอาที่ขั้นพลาสติกออกและเช็คบิลผลไม้กับพริกหยวกของแกรวมในส่วนของดัชเชส......ก่อนที่จะโยนไปที่ร่องที่เช็คบิลแล้วและลูกค้าสามารถเก็บของที่ซื้อใส่ถุงกลับบ้านได้ แผนของยายยิปซีคือ ทำให้พนักงานเช็คบิลเข้าใจผิดว่าของนั้นเป็นของลุกค้าคนถัดไป (คือดิฉัน) ซึ่งถ้าลูกค้าคนถัดไปไม่ทันสังเกต พนักงานเอาที่ขั้นออกปุ้บก็จะเช็ค ผลไม้และพริกหยวกของยายยิปซี ซึ่งเอามาโปะไว้ในหลังที่ขั้นของคนอื่น (ในที่นี้คือดิฉัน)และปล่อยให้ดัชเชสต้องจ่ายค่าอาหารของแกในขณะที่แกสามารถหยิบของ จากช่องที่เช็คบิลเสร็จ และสามารถชิ้งหนีออกจากซุปเปอร์ไปได้...... แต่ดิฉันไม่โง่คะ เมื่อพนักงานเอาที่ขั้นพลาสติกออก.......จะหยิบพริกหยวกและผลไม้ไปเช็คบิล ดัชเชสก็พูดออกมาว่า

" พวกนี้ไม่ใช่ของฉัน" พนักงานก็ทำหน้างงๆและโยนของไปเก็บยังอีกฝั่ง ในขณะที่ดิฉันจ้องไปยังยายยิปซีขี้โกงนั้น ในขณะทีพนักงานก็มองไปเช่นกัน

ยายป้านั้นก็ทำหน้าจ๋อยๆ กึ่งกลัวๆอายๆ นางเลยชวดผักผลไม้และพริกหยวกทีอุตส่าห์มายืนรอว่าใช้ทริกค์ฉกของไปโดยให้คนอื่นจ่ายเงินให้ตัวเองเปล่าๆ พนักงานมองหน้าแกอย่างงงๆว่า ของพวกนี้ตกลงเป็นของใครกันแน่ แต่ดิฉันก็ไม่สนใจก็ใช้บัตรจ่ายเงินของในส่วนตัวเอง ในขณะที่ลูกค้าคนอื่นๆแถวหลังต่างมองไปยังยายป้ายิปซีขี้โกงนั่น คงจะสร้างความอับอายขายขี้หน้าต่อแกเป็นอย่างยิ่ง

ดัชเชสได้แต่มองหน้าแกแบบไม่ติดใจเอาโทษอะไร
พลางในใจก็นึกขึ้นมาว่า เพราะยายยิปซีนางนี้หล่อนมีใจสกปรกอย่างนีนี้เองจึงทำให้ผิวพรรณมีเม็ดหูดขึ้น และยังมีตัวเหม็นแม้ว่าจะฉีดน้ำหอมอย่างดีทับไปแล้ก็ตาม

หลังจากดิฉันเดินหอบของออกจากซุปเปอร์มาเกตไป ครั้นพอเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง ดิฉันก็พบว่าแกเดินตามมาข้างๆและพูดกับดิฉันด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยอย่างโมโห พร้อมทั้งชี้นิ้วมาทีดิฉันและพูดว่า

"เธอทำให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้า ต้องมาขอโทษชัันเดี๋ยวนี้นะ......ฉันรู้นะว่าในใจเธอ เธอกำลังเยาะเย้ยที่ว่าฉันเป็นหูด แต่ชีวิตเธอมันก็ไม่ได้ดีเท่าไรหรอก ขนาดอายุน้อยแค่นี้ก็มีแต่ความทุกข์" ดูเหมือนยายป้านี้จะมีมโณยิทธิรู้เรื่องของคนอื่นด้วยแหะ ขนาดผิดศีลหน้าตาเฉยแบบนี้

ดิฉันจึงตอบไปว่า




"ทำไมต้องขอโทษด้วย......ก็ยายนั้นแหละที่จงใจขี้โกงก่อน ส่วนฉันจะมีความทุกข์หรือไม่ก็เป็นเรื่องของฉัน"


หญิงชรายิปซีได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก แกเดินตามด่าดิฉันต่อ

"เธอขอโทษฉันเดียวนี่นะ.....ทีเธอทำให้ฉันอับอายในซุปเปอร์มาเกต"

แต่ดิฉันก็ยังยืนกรานคำเดิมคือ ไม่ขอโทษ เพราะยายป้ายิปซีเริ่มการโกงบิลในซุปเปอร์มาเกตก่อน

ดิฉันทำเฉยๆไม่สนใจ...... แกจึงงัดอะไรบางอย่างออกมาจากกะปุกผะอบที่ข้างเอวและเขวี่ยงใส่ดิฉัน ในขณะที่ปากก็คะมุบคะมิบร่ายด่าเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้ให้หลังเรา......แล้วก็พูดว่า แกคอยดูแกดูถูกหาว่าฉันเป็นหูด เดี๋ยวแกก็จะเป็นบ้าง
หลังจากดัชเชสกลับไปถึงบ้านในวันนั้นดูเหมือนคำด่าของยายป้าแกจะออกฤทธิ์ คือจู่ๆดัชเชสก็รู้สึกตัวร้อนมากมาจากข้างในเหมือนเป็นไข้แต่ว่าไม่ได้เป็น........ ซ้ำเวลานอนหลับยังรู้สึกคันที่ใบหน้า แขนและขาช่วงล่างติดๆไปทางข้อเท้า ยิบๆ ซ้ำยังมีอาการเหนื่อยและง่วงตลอดเวลาไม่ว่าจะนอนหลับและตื่นขึ้นมาอย่างเพียงพอก็ยังมีอาการเหนื่อยไม่เลิก.......
แต่ก็มีธุระต้องไปสอบที่อีกเมืองซึ่งไม่เคยไปมาก่อนในวันถัดมา

ดัชเชสก็นั่งรถไฟต่อสองทอดเพื่อจะไปสอบ แต่ทุกครั้งก็พบว่านั่งผิดข้างตลอดทำให้เสียเวลามากเพราะรถไฟวิ่งเข้าป่าไปเมืองอื่น จึงต้องนั่งย้อนกลับ แต่ก็ด้วยการกะเวลาไว้ล่วงหน้านาน ทำให้ไปถึงสถานที่สอบทันเวลาอย่างทุลักทุเล




หลังจากกลับมาถึงบ้าน ก็มีอาการแสบแดงๆทั่วขาช่วงล่างไปถึงเท้า และพอเรายิ่งเกาก็มีรอยเป็นวงๆสีแดงแต่เรียบไม่มีตุ่ม และก็เป็นแบบเดียวกันที่บริเวณแขนช่วล่างไปใกล้กับข้อมือ จึงไปซื้อยามาทาผลปรากฏว่ารอยสีแดงวงๆเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มเหมือนรอยยุงกัดเต็มไปหมดบริเวณขาช่วงล่างจึงมานึกได้ว่าคงเป็นเพราะคำสาปแช่งของยายยิปซีในซุปเปอร์มาเกต หลังจากไปหาหมอ หมอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไร แต่ก็ได้ยามาทาและหลังจากนั้นดัชเชสก็จะเอาสครัปขัดแรงๆให้รอยแผลม่วงๆมันหาย ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ จุดวงๆเต็มขาไปหมด ยังกับรอยอีสุกอีใสแห้งขึ้นตามขาช่วงล่างไปยังเท้า.....ดิฉันได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ทนายความหญิงซึ่งรู้จักกันและพีสาวของดัชเชสซึ่งเคยไปรูเมเนียมาก่อนและมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องยิปซีทั้งสองต่างเล่าว่ายิปซีนั้นมีเวทมนตร์อาคม และชอบสาปแช่งคนอยู่เป็นนิจ คนแถบหลายประเทศทางยุโรปรังเกียจพฤติกรรมของยิปซีมากเพราะชอบทำอะไรแบบง่ายๆชุ่ยๆและขีโกงขี้ขโมย แต่กระนั้นยิปซีก็มีฉายาเรื่องชื่อด้านผู้หญิงสวย และเรื่องเวทมนตร์คาถา เรื่องนี้อยากจะเอามาเล่าสู่กันฟังว่าอาถรรพณ์คำสาปยิปซีนั้นมีจริงแต่ก่อนดัชเชสดูในภาพยนตร์เรื่อง The thinner บ้าง เรื่อง Drag me to hell บ้างกระทั้งมาเจอกะตัวเองถึงรู้ว่ามีจริง

 

ผมเข้าใจว่าเคยเจอที่ฝรั่งเศส มากันเป็นกลุ่มรถบ้านอยู่ในพื้นที่ว่างของเขตมหาวิทยาลัย เข้าใจว่ามีหลายคนมาทำงานแม่บ้านทำความสะอาดหอพัก สมัยผมเรียนครับ

แล้วก็ที่อิตาลี ตอนเจอที่นครวาติกันเป็นกลุ่มเด็กๆเอากระดาษเขียนข้อความภาษาอังกฤษมายื่นขอความเมตตาทำท่าทางน่าสงสารขอเงินทำส่งเสียงดังแย่งกันพูดดึงความสนใจ พอกระดาษบังกระเป๋ากางเกงผมก็เอามือเล็กๆมาล้วงเงินในกระเป๋า ผมรู้สึกตัวได้โชคดีจัง แล้วก็ดึงมือเขาออกเบาๆ(เอาเงินคืนด้วยนะตอนนั้นยังเป็นนักเรียนอยู่ แหะๆ) ในใจแผ่เมตตาออกไป แล้วผมก็สอนเขาทำนองศีล5 ว่าการขโมยไม่ดีนะ ทำท่ายิ้มๆ เขาทำท่าทางบ๊องแบ๊ว ยิ้มๆ แล้วผู้ใหญ่ที่น่าจะคุมเชิงอยู่ไกลๆ ก็รีบเข้ามาแก้สถานการณ์พาพวกเขาออกไป ถึงตอนนี้ท่าืทางพวกเขานอกจากไม่แสดงความไม่เป็นมิตรแล้วยังท่าทางเกรงใจ และพอรับไมตรีจากผมได้ ไม่มากก็น้อยครับ พากันถอยออกไป

เพื่อนๆผมที่ไปโดนล้วงกระเป๋ากันมาหลายคน ตอนนี้เป็นด็อกเตอร์กันไปหลายท่านแล้วครับ ผมเข้าใจว่าคงมีวิชาทางด้านนี้กันอยู่?

เมื่อเจอผมจะ พยายามรักษาสติ ไม่ทำใจให้เกิดอกุศล ความขัดเคือง มักพยายามแผ่เมตตา ลดมานะทิฐิอุปกิเลส ที่จะเป็นช่องทางเปิดอายตนะหรือใจให้เล่ห์วิชาหรือไสยศาสตร์นี้เข้าสู่ขันธ์5 ผมเข้าใจเดาเอาเองว่า เจ้าของวิชาที่รักษาพวกเขาอยู่คงรับเมตตาได้บ้างไม่มากก็น้อย หรือไม่ก็มีเทวดา(ประจำถิ่น?)มาคุ้มครองรักษา ผมไปในที่ถิ่นต่างแถวยุโรป มักไม่เจอปัญหา หรือหากมี ก็มีคนไม่รู้จักมาช่วยมากแก้ปัญหาได้พอสมควรครับ

องค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้าท่านเคยกล่าวในทำนองที่ว่า เมื่อมีผู้แช่ง แต่เราไม่รับ คำแช่งนั้นย่อมย้อนกลับไปสู่ผู้แช่งเองครับ

ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาด้วยครับ

 

แล้วตอนนี้ อาการแบบนั้นเป็นวงๆ ที่ผิวหนังหายหรือยังค่ะ

 

คุณ DuchessFidgette เข้าใจไปหารูปภาพมาประกอบเรื่อง สงสัยจังไปหารูปแบบนี้มาจากที่ไหน สวยงามมากแล้ว ดูลึกลับ มาก

 

ตอนนี้หายแล้วคะระดมทายาเข้าไป แต่ยังมีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด คิดว่าเดี๋ยวจะไปหาซื้อครีมรักษาแผลเป็นอย่างสมูทอีมาทา

 

หลายเวปคะ หลักๆมี pinterest & diviantart แต่บางกระทู้อย่างกระทู้ประตูผี, ประสบกาณ์ตุ๊กตาผี, บ้านผีสิงค์.....บางรูปของดัชเชสถ่ายเองก็มี น่าเสียดายกระทู้ก่อนๆ ที่โพสต์ภาพไป พอเวปเปลี่ยนเป็น ด็อท โออาร์จี รูปที่ลงไว้เลยมองไม่เห็นหมดคงต้องรอ เวปมาสเตอร์มาแก้ เพราะถ้าจะไปนั่งใส่เองใหม่อีกคงไม่ไหวเพราะเยอะมากคะ เดี๋ยวว่างๆจะมาเล่าเรื่องที่มาที่ไปของยิปซีให้ฟังrat_wting

 

ขอบคุณจขกท.ที่หาภาพประกอบได้ดีครับ

 

บ้านที่ดิฉันอยู่เคยโดนคุณไสย์แขกขาวตุรกี....... ตายกันยกบ้านมาแล้ว ดัชเชสเป็นคนเดียวที่รอด ไม่เป็นอะไรและยังอยู่มาถึงทุกวันนี้คะ เคยเล่าไว้ในหลายกระทู้ว่าเคยเจอขั้นหนักแบบ มีหนอนกับตะขาบออกมาจากเท้า เคยแบบจะตาย มาแล้วก็มี ปีที่แล้วโดนปีชงด้วย ชีวิตแย่มาก มาปีนี้เริ่มดีขึ้ตามลำดับ

 

คุณดัสเชส ดิฉันแนะนำให้คุณซื้อครีมทาแผล ชื่อ Contractubex เนื้อเจล ทาแล้วแผลหายไว และช่วยทำให้ไม่เป็นแผลเป็น ดิฉันใช้อยู่ ร้านขายยาน่าจะมีขาย

 

ขอบคุณที่แนะนำนะคะ เดี๋ยวจะไปซื้อคะ ขนาดตอนอยู่เมืองไทยยุงกัดยังไม่เป็นขนาดนี้เลยคะ :z12

 

อยากเล่าคะเดี๋ยวจะมาเล่าต่อเรื่องที่มาที่ไปของยิปซีอย่างละเอียดยิบพรุ่งนี้ ดิฉันก็รู้สึกว่าตัวเองมีกรรมสัมพันธ์กับยิปซีนะคะ เพระได้เข้าไปมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวข้องกันสองครั้งแล้ว ไม่แน่ถ้าเรียนและสอบผ่านอาจจะลองไปใช้ชีวิตแบบยิปซีดู


:z9

 

เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ คุณดัชเชสหาภาพประกอบสวยมากเลย นั่งดูเพลินทุกที ยังไงคุณดัชเชสระวังรักษาตัวด้วยนะคะ ขอให้หายเร็ว ๆ ค่ะ คาถา"สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ" ของหลวงปู่ขาวท่านช่วยปัดเป่าเรื่องพวกคุณไสยได้นะคะ ขอให้หายไว ๆ ค่ะ

 

เข้าเว็บไม่ได้นึกว่าจะไม่ได้อ่านเรื่องของคุณDuchessFidgette ซะแล้ว สมัครใหม่ชื่อใหม่ในที่สุดก็เข้าได้ค่ะ อ่านเรื่องแล้วป้ายิปซีแกแสบมากเลยนะคะ เคยอ่านวิธีแก้คุณไสย์โดยการอาบน้ำในคืนพระจันทร์เต็มดวงนี่ละค่ะ แต่เคยเห็นในเว็บพลังจิตโพสไว้เมื่อนานมาแล้วค่ะ

 

อ่านแล้วอย่างแรกก็สันนิฐานว่าคุณD.F.(ขออนุญาตใช้อักษรย่อ) คงต้องเป็นคนหน้าตาดี ดูไม่มีภัย และออกจะมีฐานะ ยายฯนั่นจึงทำเช่นนี้ เราว่าพวกเขาเป็นผู้มีปมด้อยและใช้ชีวิตอย่างน่าสมเพชเวทนา อาจจะโดยวัฒนธรรมเป็นพื้นฐานด้วยน่ะ

จากสารรูปที่บรรยายถึงก็เรียกว่าโดยสังขารเป็นโรคหูด บางคนว่โรคเท้าแสนปม ซึ่งบ้างก็เกิดจากDNAกันเลย แต่ที่เกิดจากไวรัสก็มี คาดว่าเวลาที่ยายฯแกซัดอะไรใส่คุณ D.F. ตอนนั้นเนี่ย คงจะมีบางส่วนที่สูดเข้าไปกับลมหายใจด้วย จึงมีอาการแปลกๆตามมา ก็คงประสาคนติดเชื้อโรคที่ระบบทางเดินหายใจนั่นล่ะ ถึงไม่ใช่เชื้อโรค แต่เป็นเชื้อทั่วไปในอากาศมีมากก็ไม่ดีอยู่แล้ว อาการแปลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะอ่อนเพลีย อยากนอน ..คงเป็นลักษณะของร่างกายที่ต้องสร้างภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าอาการมึนศีรษะก็มีได้ อย่างคนเป็นหวัดไง คนเราเดินทางไปในที่ๆไม่เคยไปก็มักจะนั่งรถต่อรถผิดพลาดได้ง่ายอยู่แล้วนับประสาอะไรกับสภาวะร่างกายที่ไม่อยู่ในสภาวะเต็มร้อย สิ่งสกปรกที่หมักหมมจากผู้อื่นก็เป็นเหตุของการติดสนเชื้อทางผิวหนังได้ ปกติมาก คนแต่ละคนทนความสกปรกได้ไม่เท่ากันไง อย่างไรก็ตามเชื้อไวรัสส่วนมากไม่มียารักษาต้องใช้ภูมิต้านทานนของร่างกายเท่านั้น และก็สามารถแสดงอาการออกทางผิวหนังได้่ง่าย ตามชนิดของเชื้อ คุณD.F.ก็จะรู้สึกเพลียมาก

หมายเหตุ: เพื่อให้หายอ่อนเพลียเร็วขึ้น อยากจะแนะนำสมุนไพร ประเภทมะนาวชนิดหนึ่ง เคยรู้มาว่าเขาแจกฟรี ที่ nonga2008@gmail.com

 

รออ่านคร้าบ.................ทำกันไม่กลัวบาปกรรมน่อ

 

ติดตามคุณDutchessมานานแล้ว ครั้งนี้รู้สึกว่าคุณน่าจะมีอะไรป้องกันตัวจากของพวกนี้บ้าง พวกเครื่องรางต่างๆ หรือมีน้ำมนต์ทั้งพระพุทธ พระคริสต์ติดบ้านไว้ตลอด ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ยายแม่มดไม่ได้เล่นอะไรรุนแรง คิดว่าคุณคงจะต้องเจอเรื่องลึกลับไปอีกทั้งชีวิต ที่คุณมีชีวิตอยู่ เพราะความดีในตัวคุณและข้าพเจ้าเชื่อว่ามีหน้าที่หรือสิ่งสำคัญรอคุณอยู่ข้างหน้า จะคอยติดตามและเป็นกำลังใจให้นะครับ

 

ชอบอ่านกระทู้ของคุณ DuchessFidgette มากๆเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับบทความนะคะ
และขอให้รอยแผลของคุณ DuchessFidgette หายไวๆนะคะ

 

กำเนิดยิปซี



เดิมทีนั้นผู้คนมักจะเข้าใจผิดนึกว่ายิปซีนั้นมาจากคำว่าอียิป หรือเข้าใจกันว่า
ยิปซีมีถิ่นกำเนิดเดินทางมาจากประเทศอียิปจนเอาไปผูกกัน
กับเรื่องราวชาวอียิปกลุ่มหนึ่งที่โดนเนรเทศจนซัดเซพ
เนจรออกไปนอกประเทศอียิป ไปยัง คาบสมุทรบอล
ข่านในยุโรปตะวันออก เพราะถูกกล่าวหาว่าให้ที่ซ่อน
แก่ทารกน้อยเยซู.......ซึ่งความเป็นจริงแล้วหาเป็น
เช่นนั้นไม่ ยิปซีมีบรรพบุรุษ และ เรื่องราวที่มาที่ไป
อันลึกลับน่าสนใจกว่านั้นมาก ยิปซีและคนที่รู้จักพวก
เขาดีจะเรียกตัวเองว่าชาว โรม ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวค่อง
อะไรกับอาณาจักรโรมัน แต่คำว่าโรม หรือ รอม Rom นี้เอง
ที่ยิปซีใช้เรียกชนชาติพวกเขาเอง โดย โรม หรือ รอม
นั้นอยู่ในภาษาของพวกเขาแปลว่า มนุษย์ ในขณะที่
ถ้าเป็นพหูพจน์จะเรียกว่า โรมา Roma ในขณะที่ ถ้าหมายถึง
ผู้หญิงยิปซี ที่เป็นคำ จะเรียก โรมานี Romani ถ้าเป็นผู้ชายก็
จะเป็น โรมาโน Romano ซึ่งเห็นได้ชัดว่าภาษาของยิปซีนั้นมี
ไวยกรณ์ จัดอยู่ในตระกูล ภาษา ชาว คอร์เคเซี่ยน
Indo-European เช่นเดียวกับ ภาษา ยุโรปอื่นๆ
ภาษาแขกตะวันออกกลาง และภาษาสันสฤติของ
อินเดีย ซึ่ง จะมีไวยกรณ์ คล้ายกัน......





ยกตัวอย่างคำว่า ช้าง ในภาษาอังกฤษ คือ แอริเฟ่น
ช้างในภษาดัตช์ คือโอริฟอน ในขณะทีช้างในภาษาสันสฤต
ของอินเดีย คือ เอราวัณ คล้ายกันมาก สำหรับภาษาของ
ชาวยิปซีนั้นเราเรียก่าภาษา โรมานซ์ ณ ปัจจุบันได้มีการ
สืบค้นหาต้นกำเนิดบรรพบุรุษของชาวยิปซีทั้งทาง ดีเอ็นเอ
และการเทียบเคียงทางภาษาและวัฒนธรรมโบราณ
ทำให้มีทฤษฏี แยกออกมาหลายส่วนถึงปีที่มีการเดิน
ทางอพยพเข้าสู่ยุโรปตะวันออกหลายทฤษฏีด้วยกัน
แต่ทฤษฏีหลักๆที่เหมือนกันหมดคือประเด็นที่ว่า
ยิปซีนั้นมีต้นถิ่นกำเนิดมาจาก ดินแดนทางตอนเหนือ
ของอินเดียทฤษฏีแรกกล่าวว่าเมื่อราว 4000 ปี
ก่อนในสมัยที่ราชวงค์อารยันเข้าครอบครองอินเดีย
มีชนเผ่าหนึ่งอาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ
อินเดีย เรียกว่า ชาวเผ่า บันจอร์ร่า Banjara พวกนี้ทำอาชีพ
เลี้ยงสัตว์ และออกเดินทางด้วยเกวียนคาราวานร่อนเร่
เลี้ยงสัตว์ไปตามทุ่งหญ้าต่างๆ เลยไปเรื่อยทาง
ตะวันตกจนไปหยุดอยู่ทีอาณาจักรไบเซนไทต์ หรือ
ตุรกี ในสมัยก่อน ครั้นพอ เซลจุก เติร์ก เผ่า
มองโกลผสมเอเชียกลางจากตะวันออกยกทัพตี
ประเทศทางเมืองแขกต่าๆเช่น อาณาจักรเปอร์เซีย
ลามมาจนถึงอาณาจักรไบเซนไทต์ พวกยิปซีก็
เลยแตกระสานส่านเซนอพยพต่อไปอีกทางยุโรป
จนเข้าเขตยุโรปตะวันออก หลายคนได้แต่งงาน
ข้ามเผ่าพันธ์กับชาวมองโกลจากเอเชียกลางบ้าง
ก็ผสมแต่งงานข้ามเผ่าพันธ์ไปกับฝรั่งทางยุโรป
ตะวันออก เช่น รูเมเนีย ฮังการี่ บัลแกเรีย โบฮีเมีย
จนได้ลูกหลานชาวยิปซีปัจจุบันที่มีหน้าตา
สวยหล่อแบบแปลกๆลี้ลับ






ส่วนภาพนี้เป็นภาพสาวยิปซีที่มีลักษณะรูปหน้าเรียว
จมูกแหลมแบบ แขกขาวทาง เลบานอน ยิปซีนั้นผสมเชื้อชาติ
มากมายจนมีรูปลักษณะออกมา Exotic, Photogenic.






เช่นภาพนี้เป็นภาพของเด็กผู้หญิงชาวยิปซี ที่มีผม
สีอ่อนแบบฝรั่ง แต่มีใบหน้ากลม และจมูก
โด่งใหญ่แบบแขกแต่ปลายจมูกกลมและกว้างแบบคนเอเชีย
ก็น่ารักดีไปอีกแบบ




ยิปซีนิยมถักเปียมากเช่นเดียวกับ
ชาว กาลาชช่า kalasha, โบรูโช Borucho
ใน ปากีสถานทางเหนือ และอัฟกานีสถาน ที่จัดเป็นชาว
อารยันและขาวกว่า อินเดียและปากีร์ ที่เป็นชาวปาทานธรรมดา
ในขณะที่เราสามารถเจอ ชาวอินเดียเผ่าทบันจอร์ร่า และ
ลัมพานีส ซึ่งชอบถักเปียสองข้างเช่นกัน พวกนี้อาศยอยู่ทาง
ทิศตะวันตกของอินเดีย แต่ทั้งหมดทั้งมวล ยิปซีแท้ๆที่ยังไม่ผสม
คนขาวจะดูคล้ายคนเอเชียใต้หรือชมพูทวีปผสมเอเชียกลาง มากกว่าพวก
กาลาชช่า, โบรูโช, และ นูรีสตานี่ ทาง เหนือ ปากีสถานและอัฟกานีสถาน
ซึ่งพวกนั้น ดิฉันเคยเห็นแล้วบางคนคล้ายฝรั่งมาก หน้าค่อนข้างเล็ก
จมูกแบบาง อ่อนโยน ตาไม่โตเท่า คนอินเดีย และ โดยรวมหน้า
จะดูอ่อนหวานกว่า ยิปซี และคนอินเดียทั่วไป
ซึ่งเรื่องชาว กาลาชช่านี้ ได้ขึ้นชื่อว่า แคว้นลูกสาวสวยของปากีสถาน
อันนี้จะเอามาลงแยกกระทู้อื่นแล้วกัน เพราะมันไม่เกี่ยวกับเรื่องยิปซี
ส่วน อะไรทำให้ชนเผ่ากาลาชช่าพิเศษจนคนในชมพูทวีปและปากีสถาน
ขนานนามคนที่นี้เช่นนั้น ก็จะมาล่าวันหลัง เพราะหมู่บ้านที่พวก
กาลาชช่าและนูรีสถาน มีตำนานลึกลับบางอย่างที่ทำให้คนใน
ชมพูทวีปทั้งหลายเห่อกัน





























ส่วนภาพนี้คือเด็กผู้หญิงยิปซี ผิวคล้ำ แบบคนอินเดีย





ส่วนอีกทฤษฏีหนึ่งเล่าว่า ยิปซีนั้น เดินทางมาจากแคว้น
ราชาสถานทางทิศตะวันตกของประเทศอินเดีย เมื่อหลาย
ร้อยปีก่อนนี้เอง ซึ่ง ชื่อ โรม หรือ รอม นั้น น่าจะมาจาก
คำว่า ḍomba ซึ่งแปลว่าชนชั้นวนิพก ที่อาศัยอยู่ทาง
ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ต่อไปยังปากีสถาน
ไม่ขึ้นกับวรรณะทั้งสี่ที่กำหนดไว้ในชมพูทวีป......มีการ
บันทึกเป็นภาษาประกิตว่าคนเหล่านี้เลี้ยงชีพด้วยการ
เต้นรำ ร้องรำทำเพลงตามถนน ในสมัยของ
สุรต่าน เมเหม็ด กานซินี่ บันทึกถึงความเป็นมาชนเผ่า
บันจอร์ร่า และ ลัมพาลี......บางครั้ง พวก Dom ก็ถูกจัดอยู่
ในกลุ่มจัณฑาล Chandala อันเนื่องมาจากการขี้โกง ลักเล็ก
ขโมยน้อย เล่นคุณไสย์




แต่มิใช่จัณฑาลโดยกำเนิดจากการแต่งงานข้าม
วรรณะเช่นในสังคมอินเดีย พวก Domba นั้นเป็น
ชาวชมพูทวีปทางตะวันตกเฉียงเหนือ กินอาณาเขต
เข้าไปถึงปากีสถาน และ มีเชื้อสายใกล้ชิดชาวแขกผิวขาว
มากกว่าคนอินเดียในวรรณะทั้งสี่ทั่วๆไป ด้วยเหตุนี้เอง
พวก Domba ทัมพา หรือ ลัมพา จึงมีรูปร่างหน้าตาขึ้น
กล้อง และเข้าตาช่างภาพสารคดีตะวันตกอยู่เสมอ
เนื่องด้วยมีผิวพรรณสีน้ำตาล
อมแดง ตัดกับนัยตาสีประหลาดดุจอัญมณี และผมสี
ออกแดงๆ กับรูปหน้าทีก่ำกึ่งกันระหว่าง ชาวพื้นเมือง
อินเดียชมพูทวีป ผิวดำ กับชาวอารยันผิวขาว และ
มองโกลจากเอเชียกลาง .......ในยุคหลังที่
อาณาจักรซาซาไนต์ของเปอร์เซียแผ่อำนาจสู่ภาค
ตะวันตกของอินเดีย ทำให้มีพวกเปอร์เซียที่เล็งเห็น
ความสามารถทางการขับร้องและดลตรี และเต้นรำ
ของพวกนี้จึงเกนตัว พวก Domba ไปเป็นนักดลตรี
ให้ความบันเทิงในอาณาจักรเปอร์เซีย ครันพอ
มองโกลบุกถล่มประเทศทางตะวันตก รวมทั้ง
อาณาจักรซา ซาซาไนต์ของเปอร์เชีย พวก
ก็หนีกระเจิงกระจัดกระจายกันเป็นวนิพก
ร่อนเร่ไปตามคาราวาน เข้าสู่ยุโรป จนกลายเป็น
บรรพบุรุษของยิปซีในปัจจุบัน






ผังการแต่งงานข้ามวรรณะในอินเดียโบราณ

การแต่งงานโดยที่สามีภรรยาอยู่วรรณะเดียวกัน เมื่อมีลูก ลูกก็จะอยู่ในวรรณะเดียวกับพ่อแม่
แต่หากบุคคลทั้ง 4 วรรณะนี้มีการแต่งงานข้ามวรรณะกัน จะมีวรรณะต่างกันเรียกว่าวรรณะสังกร และมีการแต่งงานประเภทต่าง ๆ ดังนี้
การแต่งงานที่ดี คือสามีอยู่ในวรรณะที่สูงกว่าภรรยาสามีวรรณะพราหมณ์ ภรรยาวรรณะกษัตริย์ จะมีลูกเป็นวรรณะมูรธาวสิกตะ
สามีวรรณะพราหมณ์ ภรรยาวรรณะแพศย์ จะมีลูกเป็นวรรณะอัมพัษฐะ
สามีวรรณะพราหมณ์ ภรรยาวรรณะศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะนิษาทะ
สามีวรรณะกษัตริย์ ภรรยาวรรณะแพศย์หรือศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะมาหิษยะ
สามีวรรณะแพศย์ ภรรยาวรรณะศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะกรณะ
การแต่งงานที่เลว คือภรรยาอยู่ในวรรณะที่สูงกว่าสามีภรรยาวรรณะพราหมณ์ สามีวรรณะกษัตริย์ จะมีลูกเป็นวรรณะสูตะ
ภรรยาวรรณะพราหมณ์ สามีวรรณะแพศย์ จะมีลูกเป็นวรรณะไวเทหถะ
ภรรยาวรรณะพราหมณ์ สามีวรรณะศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะจัณฑาล กลุ่มนี้จะถูกเหยียดหยามจากสังคม แตะต้องไม่ได้ แม้แต่เงา
ภรรยาวรรณะกษัตริย์ สามีวรรณะแพศย์ จะมีลูกเป็นวรรณะมาคระ
ภรรยาวรรณะกษัตริย์ สามีวรรณะศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะกษัตตฤ
ภรรยาวรรณะแพศย์ สามีวรรณะศูทร จะมีลูกเป็นวรรณะยาโยควะ

นอกจากนี้ยังมีวรรณะอื่นๆ อีก 3,000 วรรณะเกิดจากการแต่งงานของลูกของสามีภรรยาในข้อ
2 และ 3 และยังขึ้นกับการทำอาชีพของคนนั้นๆด้วย เช่น คนวรรณะพราหมณ์
ถ้าทำอาชีพแบบศูทร 7 ชั่วคน ก็จะเป็นวรรณะศูทร เป็นต้น และวรรณะสังกรยกเว้นจัณฑาล
ก็สามารถเข้าสู่ 4 วรรณะแรกได้ เช่น ตระกูลพราหมณ์ชายที่แต่งงานกับหญิงวรรณะนิษาทะ
มาแล้ว 7 ชั่วคน ลูกที่เกิดมาในรุ่นต่อมาจะมีวรรณะพราหมณ์


ภาพชาวยิปซีแบบต่างๆ





มาดูภาพ ยิปซีทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ซึ่งเป็นญาติห่างๆของยิปซีในยุโรปตะวันออกบ้าง......
เดี๋ยวจะใส่รูปเพิ่มอีกนะคะต้องทยอยลงรูปเพราะเวป
นี้เวลาค้างพิมพ์กระทู้นานเกิน มันชอบหายเวลากดส่ง














ชาว บันจอร์ร่า และ ลัมพานีส ใน ภาคตะวันตกของอินเดีย
ได้รับการขนานนามว่า ยิปซี แห่ง อินเดีย หรือ ยิปซีเอเชีย



ยิปซีในยุโรปตะวันออก อาศัยอยู่ในบ้านแบบใด




ยิปซีในยุโรปตะวันออก อาศัยอยู่ในบ้านแบบใด แน่นอนรถบ้าน หรือ คาราวานนักเดินทางที่เคยเห็กันในหนังแนวแฟนตาซีบ่อยๆก็คือบ้านของยิปซีนี้เอง นอกจากนี้ยิปซีสมัยใหม่ยังมีบ้านเป็นหลักเป็นแหล่งเหมือนกันทางยุโรปตะวันออก แต่บ้านเกวียนหรือบ้านอยู่บนรถนั้นเป็นสิ่งที่ยิปซีชอบมากกว่า ภาพด้านล่างนี้คือการตกแต่งภายในของรถบ้านของยิปซี ซึ่งหรูหราอลังกาลมาก จะประกอบไปด้วยห้องรับแขก และห้อนอน ในพวกยิปซีที่รวยๆบางคนรถบ้านของพวกเขาจะมีถึงสองชั้น และอาจมีห้องน้ำด้วยก็ได้และเดินทางไปตามที่ต่างๆและมีละครโชว์ข้างๆรถบ้าน หรือแผงหมอดู ทำคุณไสย์






ภายในรถบ้านของยิปซี






ยิปซีแบบที่อาศัยอยู่ในบ้านแล้ว




















เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องที่มาที่ไปของคุณไสย์ของยิปซีและก็
อย่างอื่นเกี่ยวกับยิปซีต่อ ขอโทษ หลายรูปมันไม่โชว์
เพราะเวปมันมีปัญหานะคะ



.....

 

ตำนานยิปซี จากฤษี สู่ จัณฑาล ต่อจากหน้าที่แล้ว




ชื่อ "ยิปซี" ผู้คนมักจะสร้างเป็นภาพของ วนิพก พรานสัญจร วงดนตรีที่
ตระเวนเร่ร่อนและดูหมอ ทำพิธีคุณไสย์ เดินทางไปมา
โดยรถพ่วงที่มีสีสัน แต่นี้ก็ไม่เสมอไป นอกจากในยุโรปแล้ว
ยิปซียังมีญาติห่างๆที่เป็นนักเดินทางเร่ร่อนกระจัดกระจาย
ตั้งรกรากอยู่ในประเทศอินเดียและตะวันออกกลางอีกด้วยเช่นกัน




ทีนี้เรามาพูดถึงยิปซีในอินเดียกันบ้าง กลุ่มที่ใหญ่ที่สุด
ของพวกยิปซีในประเทศอินเดียคือพวก ลัมพาดี
Lambadi (หรือ Gormati) ยิปซี ที่อาศัยอยู่กลุ่มอื่น ๆ
ที่มี รวมพวก Nomads, ทมิฬ, ยิปซีอินเดีย, Kanjari และ
Baiga แม้ว่ากลุ่มยิปซีเหล่านี้จะกระจายไปทั่วอินเดีย
ส่วนใหญ่ของพวกเขามีความเข้มข้นในพื้นที่ ทางภาคตะวัน
ตกเฉียงเหนือ ของประเทศ เช่น ปัญจาบ, มัธยประเทศ,
Utter , โอริสสาและ รัฐอานธรประเทศ ยิปซี Arhagar
ยังอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านปากีสถาน




กลุ่มเหล่านี้เช่นเดียวกับที่อื่น ๆ ยิปซีทั่วโลกมีการเชื่อม
โยงทางภาษา ทุกภาษายิปซีเป็นครอบครัวตระกูลอินโด
อารยัน เมื่อยิปซีเริ่มเดินทางจากทางตะวันตกเฉียง
เหนืออินเดีย -ปากีสถาน ต่อไปยังอิหร่าน
ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ของยุโรป หลายร้อยปีที่ผ่านมา
ภาษาที่แตกต่างกันของภาษาของพวกเขา (ยิปซี)
ที่โผล่ออกมา ภาษาถิ่นแต่ละกลุมของยิปซีกลายเป็น
จำแนกตามภูมิภาคเฉพาะกลุ่มที่ตั้งถิ่นฐาน

พวกเขานับถือศาสนาอะไร?




อันนี้ภาพรถ กล่องดลตรีในเมืองที่ดิฉันอยู่เป็นของชาวดัตช์ อย่าพึงเอาไปปนกับรถบ้านของยิปซี
แต่ความสวยงาม ไม่แพ้กัน เขาจะเอาออกมาเดินโชว์ มีเพลงและตุ๊กตาออกมาเต้น
เวลามีงานเฉลิมฉลองพระราชินี หรือ โอกาสสำคัญๆ....


หลายคนเชื่อว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของ ชาวราชบุตร
ที่สืบทอดเชื้อสายมาจากวรรณะกษัตริย์ของราชวงค์
ทางตะวันตกเฉียเหนือของอินเดีย.....ครันพอยุคกลาง
อินเดีย พวกเขาเหล่านี้ถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดของ
ตัวเองโดยชาวมุสลิมรุกราน พวกเขาถูกนำมาใช้เป็นผู้
ให้บริการ-ข้าวและอาวุธที่ให้ทหารมุสลิมราชบุตร
เดินไปทั่วประเทศอินเดียและไกลออกไปในขณะที่
คนส่วนใหญ่เข้าใจคนพกนี้ผิดๆ ของมีค่าของพวกเขา
คือความสามารถด้านต่างๆที่ เท่านั้นเป็นเครื่องมือที่
ใช้ในวิชาชีพเฉพาะของพวกเขา วันนี้ลูกหลานของ
พวกยิปซีเป็นที่แพร่หลายทั่วประเทศอินเดีย พวกเขา
ยังคงมีวิถีชีวิตที่ลึกลับที่ทำให้พวกเขาค่อนข้างแยกตัว
ออกจากสังคมชุมชนโดยรอบ




ยิปซีอินเดียไม่เพียง แต่มักจะมีมากกว่าหนึ่งอาชีพ
แต่พวกเขายังใช้ทักษะเพิ่มเติมเพื่อเสริมรายได้ของ
พวกเขา บางเชี่ยวชาญการหารายได้โดยการทำไม้กวาด
เครื่องมือเหล็ก และ เข็ม นอกจากนี้ยังอาจซ่อมแซม
เครื่องมือหรือทำงานกับหิน อื่น ๆ จริงๆแล้วยิปซีเชื่อว่า
ไม่จำเป็นต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่อาจ
ได้รับรายได้ด้วย "ขอทานศาสนา." พวกเขาร้องเพลง
และสวมใส่ชุดแปลกๆสีสันสดใสขอเงินตามถนนในขณะที่ขอทานในชื่อของ
เทพเจ้าบ้าง, เล่นกายกรรม, นักมายากล, ปราชญ์,
เรื่องราวนิทาน, นิทานโชคลาภ, ร้องเพลง, สวดมนต์,
อวยพร ไปจนถึงสาปแช่ง......ยิปซีทำได้หมดและ
นอกจากนี้ ยังอาจขัดวัวควายหรือทำงานเป็นช่างตี
เหล็ก บางกลุ่มได้มีการพัฒนาแม้กระทั่งศิลปะการสัก
อย่างไรก็ตามเหล่านี้ประกอบอาชีพต่างๆจะใช้เฉพาะ
เมื่อมีคนของภูมิภาคนี้มีความต้องการ หรือบังคับให้
พวกเขาทำ....... เพราะวัฒนธรรมของยิปซีนั้นไม่ได้
สนับสนุนให้คนทำงาน แต่พวกเขานิยมจินตนาการแบบ
เด็กๆ เช่นการท่องเที่ยว เดินทางอย่างอิสระ
ไม่ขึ้นกับใคร ทำอะไรก็ได้ที่ตนชอบ ซึงความเชื่อทาง
การดำเนินชีวิตพวกเขาเป็นเช่นนั้น ว่าเกิดมา
ต้องหาความสุขสบายไปแต่ละวัน ทำทุกนาทีให้มี
ความสุข...... ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้รัฐบาลในแต่ละ
ประเทศที่มียิปซีอพยพเข้ามาอาศัยอยู่......
รู้สึกเอือมระอากับวัฒนธรรม
แปกแยกของพวกยิปซี สำหรับพวกเขา
ยิปซีจะเปลี่ยนอาชีพและกิจกรรมการปรับตัวเข้ากับ
ความต้องการของสังคมที่เปลี่ยนแปลงเพราะพวกเขา
ขึ้นอยู่กับผู้คนในสังคมที่ยิปซีเข้าทำมาหากิน ยิปซีจะ
ยุติการทำงานลงเมื่อเขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการ
ของภูมิภาค.....เช่น การทำงานตามรัฐบังคับ หากกดดันพวก
เขามากเกินไปเช่น บังคับให้เด็กยิปซีไปโรงเรียน
บังคับให้ให้มีบัตรประชาชน หรือ ทำงาน หรือ
ทำตามกระบวนการของคนต่างด้าวประทศอื่นๆ





ในขณะที่ยิปซีบางกลุ่มเดินทางตลอดทั้งปีท่องเที่ยว
ไปที่ อื่น ๆ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปีที่จะกลับไปที่ค่าย
บ้านของพวกเขาเป็นระยะ ๆ บางคนอาศัยอยู่ในบ้าน
เช่นคนธรรมดา แต่หลายคนใช้รถบรรทุกหรือรถลาก
วัวของพวกเขาเป็นสถานที่ที่อยู่อาศัยและบางคนอาศัย
อยู่ในบ้านเคลื่อนที่ ไม่กี่การเดินทางโดยการเดินเท้า
หรือบนหลังม้าเนื่องจากพวกเขาไม่มีเงินเพื่อขึ้นยาน
พาหนะของหลวงได้ เพราะไม่ยอมทำงานกล่าว



ภาพรถบ้านยิปซีสมัยใหม่ ถ้าอยาดูแบบเป็นคาราวานสองชั้นสวยงามครบเซตแบบโบราณให้ไปดูหน้าแรก




โดยปกติพวกยิปซีมีนิสัยที่อาศัยอยู่สกปรกมาก
ไม่ค่อยได้รับการอบรมเรื่อง การสุขาภิบาลและสุข
อนามัยที่ดี ยิปซีจะเชื่อว่าทารกที่จะเกิดมา
"จะต้องได้รับการแนบชิดในตักของพระแม่ธรณี"
ด้วยเหตุนี้เอง การที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกขึ้นมาเธอ
จะวางเด็กทารกลงนอนบนพรมเช็ดเท้าในรถบ้าน
หรือ บนพื้นนอกคาราวานของเธอ เด็กมักจะได้รับ
การดูแลที่ไม่ค่อยสะอาดหรือดีนัก.... .
.พอโตขึ้นมาพอเดินได้ก็คลานไปตามพื้น ไม่สวม
รองเท้า และผมยาวลากพื้น ครั้นพอโตขึ้นมาในวัย
ที่พอดูแลตัวเองได้จงจะถักเปีย และแต่งกายสวยงาม
ผู้หญินิยมสวมชุดที่มีสีฟ้าผสมกับสีแดง



ยิปซีนั้นแม้ว่าจะมาอาศัยอยู่ทางตะวันตกกันส่วนใหญ่
แต่ก็เนื่องด้วยมีบรรพบุรุษเป็นชาววนิพกมาจากตะวัน
ตกเฉียงเหนือของอินเดีย จึงมีค่านิยมเรื่องความชอบ
สีสันสดใสฉูดฉาด ร้องรำทำเพลง แบบอินเดีย และ
ได้รับวิชาสืบทอดด้านคาถาอาคมคุณไสย์ เข้าทรง
เรีกผี ฯลฯ มาจากอิทธิพลของ คำภีร์พระเวทย์ และฤษี
โยคี ชีปะขาว ในสมัยโบราณต่างๆของอินเดียที
ถอยตัวเองออกจากสังคมฆารวาส ธรรมดาที่เลี้ยงชีพด้วยการทำงาน
แต่บรรพบุรุษของยิปซีนั้นคือ พวกชาวราชบุตรชน
ชั้นกษัตริย์ มีวิชาพระเวทย์ การร่ายรำและ ไสยศาสตร์
ติดตัว แต่ จับพลัดจับพลู่มาเป็นจัณฑาลเพราะมุสลิม
เข้ามายึดดินแดน เลยออกมาหาเลี้ยงชีพด้วย วิชา
ที่ร่ำเรียนสืบทอดมา ออกมาแสวงหาสัจธรรมทางจิต
วิญญาณด้วยการร่อนเร่ ใช้วิชาอาคม และสมาธิ
ทดลองไปวันๆในฐานะวนิพกพเนจร หนักเข้าๆ
ครั้นพอมีลูกเมียออกมา เป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นก็กลาย
เป็นพวกพ่อมดแม่มดแปกแยกของสังคม
จนบางครั้งมีคนสับสนนึกว่าพวกเขาเหล่านี้เป็น
จัณฑาล แต่จริงๆแล้วพวกเขาไม่ใช่จัณฑาล
หากแต่เป็นพวกแสวงหาสัจธรรมทางวิญญาณ
ที่หลงมากไปหน่อยถ้าเป็นจัณฑาลผิวดำทาง
อินเดียใต้จะเรียกว่า นาริคุรวา Narikurva
ซึ่งก็จัดเป็นวนิพกอย่างหนึ่งแต่อยู่ทางอินเดีย
ใต้และผิวดำ






ประชาชนทั่วไปรู้ว่าสิ่งที่เกี่ยวกับยิปซี
(นอกเหนือจากการ์ตูนโง่น่ารังเกียจและภาพจากสื่อที่เป็นที่นิยม)
มาจากการศึกษาของ Rom, ยิปซีจากเซอร์เบีย,
รัสเซียและออสเตรียฮังการี

วันนี้มีหลายกลุ่มที่ระบุตนเองว่าเป็นชาว "รม" หรือ "โรม่า"
หรือเป็น "ยิปซี." สมาชิกของกลุ่มเหล่านี้มักจะเรียกตัว
เองว่า "ยิปซี" เมื่อพูดภาษาอังกฤษ แต่อีกหลายกลุ่ม
ที่รักษาสืบเนื่องกันมา ระยะห่างทางสังคมจากกันและกัน
พิจารณาโดยภาษาที่มีสามกลุ่มคือ:
Domi ของตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออก
และ Rom (หรือโรม) ใช้เรียกในยุโรปตะวันตก
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านพวกเขาแบ่งออก
เป็นหลายสาขา: สี่เผ่าหลัก
(Kalderash, Machavaya, Lovari และ Churari)
และกลุ่มย่อยรวมทั้ง Romanichal โรมานีจัล(อังกฤษยิปซี)
Gitanos (สเปนริมหน้าผา-ถ้ำที่อยู่อาศัย ยิปซีที่ทำ
ให้โลกดนตรีลาเมงโก), อื่น ๆ Sinti, Rudari,
Manush, Boyash, Ungaritza (ฮังการียิปซี)
Luri, Bashaldé, Romungro และ Xoraxai
หมู่ นอกจากนี้ยังมียิปซีเชื้อสายเลือดผสม, สก็อต,
ชาวไอริช และใช้ ภาษาอังกฤษ ที่มีความสัมพันธ์กับชาติพันธุ์ Rom



รอมมีการใช้หลายภาษา ไม่มีภาษาเดียว
ครอบครัวRomในวงกว้าง
ที่ใช้ภาษาถิ่น (Vlax) มากที่สุด มีความเกี่ยว
ข้องกับภาษาทางภาคเหนือของอินเดียปัญจาบ

เพราะ Rom มาถึงในยุโรปตะวันออกในศตวรรษที่
14 ชาวยุโรปคิดว่าพวกเขาออกเข้าใจใจยาก คลุมเครือ
... เช่นอาจจะ (พิจารณาผิวและผมของพวกเขา)
ว่าเป็นอียิปต์ ... ดังนั้นพวกเขาก็จะคิดว่าเป็น
ชาวอียิปต์ซึ่งเป็นที่ที่คำว่า "ยิปซี" มาจาก
ทั้งที่จริงๆพวกยิปซีหรือชารอมมาจากทางเหนือ
ของชมพูทวีปและผสมเข้ากับผู้คนหลายเชื้อชาติ
จนได้หน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์


ในฐานะที่เป็น "คนแปลกหน้าในดินแดนแปลก"
Rom มีความรู้สึกว่ายึดติดกับตัวตนของกลุ่มของ
พวกเขาและปลอดภัยจากการห่างบุคคลภายนอก
เมื่อวัฒนธรรมชนเผ่าพบว่าตัวเองอยู่ห่างไกลจาก
บ้านความมีเสถียรภาพและการดูดซึมเข้าสู่สังคม
ท้องถิ่น การตอบสนองตามปกติของชาวรอมต่อ
สังคมภายนอกคือ ความโดดเดี่ยว

ตัวอย่างที่คุ้นเคยคือวัฒนธรรมของชาวยิวที่ตั้ง
ถิ่นฐานในทวีปยุโรปกลายเป็นเผ่าพันธุ์
ฉนวนจากส่วนที่เหลือของยุโรปสังคม
ชาวยิวอื่น ๆ ที่หลากหลายมากขึ้นในดินแดนที่เป็น
สากลและใจกว้าง,
(ตัวอย่างเช่น เนเธอร์แลนด์หรือประเทศสหรัฐอเมริกา)
การต้อนรับผู้อพยพทุกชนชาติไม่ว่า ยิปซี,
โรฮิงญา, เซอร์เบีย, เอริทเธรีย ฯลฯ แต่แปลก
ไม่ค่อยต้อนรับคนทางเอเชียอย่างไทย
ได้วีซ่าถาวรนี้เลือดตาแทบกระเด็น ที่หลายคน
พบว่ามันยากที่จะรักษาเอกลักษณ์ชาติพันธุ์ของพวกเขา




ในหลายสังคมที่จัดตั้งขึ้น (แม้ส่วนใหญ่) พวกเขา
ยังยินดีที่จะอยู่ในการรักษาเอกลักษณ์ทาง
วัฒนธรรมของพวกเขาแทนที่จะถูกดูดซึม
ทำให้มีศัตรูพวกเขาเผชิญ มากขึ้น ด้วยเหตุผล
นี้เพียง อย่างเดียวยิปซีเป็นเป้าหมายของกฎหมาย
ที่ไม่เป็นมิตร ในหลายสถานที่ยิปซีได้รับอนุญาต
ให้ซื้อที่ดินหรือเข้าร่วมอย่างจำกัด ในประเทศ
สวิสเซอร์แลนด์เด็กยิปซีอยู่ภายใต้การปกครอง
ของนาซี.....ยิปซีถูก ทำลาย ผู้คนชาวยุโรป
อคติกับพวกยิปซีทำให้ยิปซีเป็นแพะรับบาป
สำหรับนักการเมืองฉวยโอกาสแม้พวกเขาจะ
อยู่ในประเทศที่ได้รับเข้าบ้านไป ประชากรยิปซี
ขนาดใหญ่มานานหลายศตวรรษ ถูกการประหัต
ประหารเพียงตอกย้ำความโดดเดี่ยวของวัฒนธรรม
- ยิปซีไม่เพียงจะจะถูกเรียกด้วยคำว่า
"gadje" carnys คำที่พกความรู้สึกเหยียดหยาม
หรือเป็นที่ เข้าใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าเป็น "เครื่องหมาย
""บ้านนอก", "ท้องนา"







[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2753359/[/MUSIC]