ตะกรุดหัวใจนอโม ตาหลวงทองวัดหลักห้าอายุ 108 ปี บุญบารมีคุ้มชีวิต

ของดีจากตาหลวงทอง วัดหลักห้า ยะลาเมตตาแคล้วคลาดกล้าท้าให้สัมผัสพุทธคุณทางใน..คุ้มชีวิตได้ในสามจังหวัดชายแดนใต้

ด้วยเครือญาติตลอดจนคณะศิษยานุศิษย์ของพระครูมงคลวรสิทธิหรือตาหลวงทอง ถิรจิตโต อดีตเจ้าอาวาสวัดหลักห้า หมู่ที่2 ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา มีความประสงค์จะจัดสร้างมณฑปเพื่อประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่ทองบรรจุอัฐิเพื่อให้เป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน ณ บริเวณพื้นที่ว่างส่วนด้านหน้าของวัดหลักห้า

บัดนี้ได้ร่างรูปแบบของมณฑปเรียบร้อยแล้วคงเหลือแบบโครงสร้างหลักที่จะดำเนินการให้เสร็จภายในเร็ววันนี้

ผู้บริจาคตามศรัทธาจะได้รับไหมห้าสีคล้องคอทุกท่านท่านละหนึ่งเส้น และบริจาค1200บาทจะได้รับตะกรุดโทนหัวใจนอโม ตาหลวงทองจำนวน1ดอก(ยาว6.5ซม.)ซึ่งสร้างและเสกทันท่านมีจำนวน56ดอกเท่านั้น
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างมณฑปดังกล่าว ณ วัดหลักห้า หมู่ที่2 ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา

จึงขอบอกบุญและเรียนมาด้วยความเคารพ

นาง นิสา เพชรยังคง

ตัวแทนเครือญาติและบุตรหลาน



ตะกรุดโทนหัวใจนอโม ตาหลวงทองวัดหลักห้า สร้าง56ดอก ให้ร่วมบุญสร้างมณฑปถวายตาหลวงทอง1200บาท



รูปแบบโครงสร้างของมณฑป

ร่วมบุญสร้างมณฑปถวายตาหลวงทองเป็นอาจาริยบูชา พระอริยเจ้าแดนใต้ถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กระทู้นี้....

ท่านพระครูมงคลวรสิทธิ(ตาหลวงทอง ถิรจิตโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดหลักห้า ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ท่านสิ้นแล้ว เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2551 เวลา 8.19 น. ด้วยอาการอันสงบ สิริอายุ 108 ปี พรรษา 25 (ท่านอุปสมบทเมื่อบั้นปลายชีวิตเพื่อดูแลและพัฒนาวัดที่ท่านสร้างบนผืนดินของท่าน)
ท่านจากไปนานปีแล้วแต่ก็ขอเชิญท่านผู้เคารพ ร่วมรำลึกถึงท่านด้วยจิตบริสุทธิ์เพื่อไว้อาลัยท่านครับ

หลวงตาทองหรือตาหลวงทองของผมและลูกศิษย์ชาวยะลาที่มีธรรมในใจจริงๆ ท่านมีอายุถึง 108 ปี อดีตสมภารวัดหลักห้า จ.ยะลา ท่านเคยเล่าให้สื่อมวลชนฟัง...ถึง..ความหลังอันแสนสุข ครั้งเป็น "ผู้ใหญ่บ้าน" ระดมชาวบ้านทั้งพุทธ-มุสลิม สร้างวัด-มัสยิดพร้อมๆ กัน ท่านพ้ออยากเห็นสันติสุข...ก่อนตาย


ภาพนี้ตาหลวงทองยังแข็งแรงข้างๆนั้นคือ พระครูสมุห์สุนันท์วัดกือลอง ยะลา

..รอบๆ อาณาบริเวณของวัดหลักห้า อ.สะเตงนอก จ.ยะลา อาจดูแปลกตาจากวัดทั่วไปในภูมิภาคอื่นๆ เพราะรอบรั้ววัดอันกว้างขวางถูกกั้นด้วยลวดหนามอย่างแน่นหนา ส่วนภายในลานวัดก็ดูแปลกแปร่งไปใหญ่ เพราะมีทั้งรถฮัมวีติดปืนกล และทหารพร้อมอาวุธครบมือยืนอารักขาอย่างแข็งขันตลอด 24 ชั่วโมง

แต่สำหรับคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว...ภาพเหล่านี้กลายเป็นเรื่องจำเป็น และสุดแสนจะธรรมดาไปแล้วกับภาวะเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ที่เรื้อรังมานานหลายปี!!!

วัดหลักห้าตั้งอยู่บนเนื้อที่ 10 ไร่ ตอนที่ตาหลวงท่านเล่าให้นักข่าวฟังนั้น..มีพระจำวัดอยู่ 4 รูป ทุกๆ เช้าจะมีพระหนุ่ม 2 รูป สลับกันออกบิณฑบาต ท่ามกลางการอารักขาของทหารจากค่ายอิงคยุทธบริหารเกือบ 10 นาย ที่จัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่มากินนอน และอารักขาพระที่วัดแห่งนี้เพื่อรักษาความปลอดภัย


โบสถ์วัดหลักห้าตาหลวงสร้าง


กุฏิพระในวัดหลักห้า ยะลา

ด้วยความที่ "หัวอกเดียวกัน" กับพระในวัดอื่นๆ ทั่วสามจังหวัดชายแดนใต้ พระครูมงคลวรสิทธิหรือ ตาหลวงทอง แม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเนิ่นนานถึง 108 ปี แต่ก็อดสะทกสะท้อนในหัวอกไม่ได้ เมื่อเห็นข่าว "โจรใจทมิฬ" กดระเบิดฆ่าพระ และทหารชุดคุ้มครองบาดเจ็บล้มตายอย่างน่าเวทนา

ภาพความโหดร้าย ไร้มนุษยธรรมของผู้คนในยุคนี้ยิ่งทำให้หลวงตาทองรู้สึกสลดสังเวชใจเป็นทวีคูณ เพราะท่านหวนนึกถึงเมื่อครั้งอดีต ซึ่งผู้คนในดินแดนแห่งนี้ล้วนมีน้ำมิตรไมตรี ถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน และไม่มีภาพแห่งความแบ่งแยก-แตกต่างทางศาสนามากีดกั้นแม้แต่น้อย...

ตาหลวงทอง เล่าถึงความเป็นไปเมื่อครั้งอดีตว่า เมื่อตอนที่บวชเป็นพระใหม่ๆ คนมุสลิมยังเอาข้าวสาร เอาของมาให้วัด แต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมา ไม่ให้ ไม่เข้าวัดเลย ผิดจากแต่ก่อนที่คนมุสลิมยังเข้าวัด ไปมาหาสู่กัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน ร่วมงานทุกอย่าง แต่เดี๋ยวนี้ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างกลัวไปแล้ว

"อาตมาอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนก่อน"ตาหลวงทอง กล่าวพลางทอดสายตามองไปอย่างไร้จุดหมาย

จากนั้น ตาหลวงทองอดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองยะลา จึงเริ่มเล่าถึงภาพความประทับใจเมื่อครั้งยังหนุ่ม และมีตำแหน่งเป็น "ผู้ใหญ่บ้านหลักห้า" ว่า สมัยนั้นผู้ใหญ่ทองสามารถรวมจิตใจของคนทั้งสองศาสนาเข้าด้วยกันอย่างแน่นแฟ้น

"กุศโลบาย" ของผู้ใหญ่ทอง คือ การระดมคนทั้งพุทธ และมุสลิมช่วยกันสร้างวัดและมัสยิดขึ้นพร้อมๆ กัน ซึ่งคนทั้งสองศาสนาต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะไม่อยากไปประกอบศาสนกิจไกลหมู่บ้าน

ผู้ใหญ่ทอง เริ่มระดมแรงชาวบ้านเพื่อก่อสร้างมัสยิดขึ้นก่อน พอเสร็จแล้วก็มาช่วยกันสร้างวัดทีหลัง ซึ่งที่ดินที่สร้างวัดนี้เป็น "ที่ดินส่วนตัว" ของผู้ใหญ่ทอง...

"วัดนี้สร้างบนที่ดิน 4 ไร่ของอาตมา ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกฯ จะต้องให้ได้ที่ 6 ไร่ จึงจะสร้างวัดได้ อาตมาต้องซื้อเพิ่มอีก 2 ไร่ จึงสร้างวัดขึ้นเมื่อปี 2501 และเพิ่มเป็น 10 ไร่ในปัจจุบัน" ตาหลวงทอง กล่าวอย่างภาคภูมิใจ เมื่อรำลึกถึงการเสียสละเพื่อพระศาสนาในอดีต

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ใหญ่ทองก็ลาทางโลก และออกบวชตามคำสอนขององค์พระศาสดา ต่อมาก็ขึ้นเป็น "เจ้าอาวาส" วัดหลักห้า และครองสมณเพศมานานกว่า 25 พรรษานับจนถึงวันที่ละสังขาร

ด้วยวิถีชีวิตทั้งทางโลก และทางธรรมที่เห็นความเป็นไปของบ้านเมืองอันสงบสุขมามากกว่าใคร พระทอง จึงไม่หวังอะไรมากไปกว่าการได้มีโอกาสเห็น "สันติสุข" กลับคืนสู่ถิ่นฐานบ้านเกิดอีกครั้ง...

"ก่อนตาย...อาตมาอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขอีกครั้ง" ตาหลวงทอง กล่าวด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย

ขณะที่ พระสุนัน ถาวโร วัย 52 ปี พระลูกวัดหลักห้า(พระครูสมุห์สุนันท์ ภายหลังไปเป็นเจ้าอาวาสวัดกือลอง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา) กล่าวยกย่องวัตรปฏิบัติของตาหลวงทองด้วยว่า ตอนที่ยังเป็นฆราวาส ผู้ใหญ่ทองจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือทุกคน ไม่ว่าคนคนนั้นจะนับถือศาสนาอะไร ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกบ้านทุกคน แต่ด้วยสังขารอันร่วงโรยวันนี้ ตาหลวงทองจึงไม่สามารถรับกิจนิมนต์นอกวัดได้แล้ว และจะปฏิบัติได้ก็เพียงกิจของสงฆ์ภายในวัดเท่านั้น

ทว่า แม้ตาหลวงทองจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนทั้งหมด แต่ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบที่รุนแรงขึ้นทุกวัน ขณะนั้นจึงเหลือพระอยู่เพียง 4 รูป คือ ตาหลวงทอง พระสุนัน และพระหนุ่มอีก 2 รูป

"ผมไม่รู้สึกรังเกียจหรอกที่ต้องทำงานให้วัด แต่กลับยิ่งรู้สึกดีที่ได้ทำตัวเป็นประโยชน์มากที่สุด และอยากให้ตาหลวงทองอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ชาวบ้านสะเตงนอกต่อไปอีกนานๆ"

ส.อ.ประยูร นายทหารผู้พิทักษ์วัดหลักห้านายหนึ่ง กล่าวถึงตาหลวงทองด้วยจิตเคารพ และบอกด้วยว่า ขนาดตาหลวงทองอายุมาก แต่ท่านก็ยังแข็งแรง และเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านละแวกนี้ไม่เสื่อมคลายเลย แต่ถึงอย่างไร ด้วยไฟใต้ที่ยังลุกโชนก็ส่งผลให้คนเข้าวัดน้อยลง จึงอยากเห็นสันติสุขกลับคืนสู่ดินแดนปลายด้ามขวานแห่งนี้โดยเร็ว

อย่างน้อยก็ทำให้พระผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบอย่างตาหลวงทอง "ตายตาหลับ" อย่างแท้จริง...

....กองบุญธารบุญธารธรรมช่วยงานพระศาสนาได้เต็มที่ นี่งานล่าสุดก็เข้ามาแล้วคือสร้างมณฑปประดิษฐานรูปเหมือนตาหลวงทองบรรจุอัฐิที่วัดหลักห้าซึ่งออกแบบและเขียนแบบโดยผมเองอีกเช่นกัน...(รวมทั้งหาปัจจัยด้วย...ปัจจัยส่วนตัวตาหลวงทองท่านไม่มีเลยเพราะตอนละสังขารมีปัจจัยติดย่ามแค่1000บาทเท่านั้น คือ เรื่องจริงไม่บิดเบือน...)

ผู้ร่วมสร้างบุญนั้นหากมีศรัทธาสร้างบุญบริสุทธิ์ติดต่อได้ที่ 081-9213208 ท่านจะได้รับไหมห้าสีที่ท่านเสกอยู่ถึง10ปีบนหัวนอนที่ท่านพักผ่อนและรับแขกไปพร้อมๆกันเบื้องต้นนั้น คุณกฤช จันทร์กระจ่าง ลูกศิษย์ใกล้ชิดของตาหลวงทองท่านได้บริจาคไว้แล้วห้าหมื่นบาทถ้วน....

ต้องเรียนว่าขณะนี้ผมมีเพียงแค่ไหมห้าสีที่ตาหลวงทองเสกให้บนหัวนอนท่าน ชนิดสวมคอมอบให้เท่านั้นที่จะมอบให้ผู้ร่วมบุญตามศรัทธาไม่มีการกำหนดอะไรทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับหัวใจท่านอย่างเดียว ส่วนตะกรุดโทนหัวใจนอโมสร้างเพียง56ดอก ท่านพินธุแผ่นจารเองและกำหนดยันต์ให้เขียนและท่านเสก108คาบทุกวันเป็นเวลา1ไตรมาสเต็มๆ ร่วมบุญดอกละ 1200บาทเท่านั้น......ด่วนที่สุดนะครับ


ตะกรุดโทนหัวใจนอโม ตำรานี้ตาหลวงทองได้เรียนจากพ่อท่านหมุนวัดเขาแดงเสกด้วยนะนอโมที่เรียนมาจากหลวงพ่อแดงวัดหลักห้า อดีตเจ้าอาวาสวัดหลักห้าองค์ที่สาม

 

...ปิดข้างหลังพระต่อไปเถอะ ปิดมากๆแล้วทองจะล้นออกมาข้างหน้าเอง... เป็นสิ่งที่ตาหลวงทองท่านปฏิบัติมาตลอดชีวิต....

ตาหลวงทอง...เออนั่นแหละพระศักดิ์สิทธิ์.(พระธรรมสิทธิมงคล..พ่อท่านฉิ้นวัดเมืองยะลา)
ท่านทอง..ลูกศิษย์ท่านเยอะท่านมีบุญอายุยืนเทวดามาช่วยทุกอย่าง..
อาจารย์นอง วัดทรายขาว ปัตตานีพ่อหลวงทองวัดหลักห้าพระดีนะองค์นี้..ท่านบรรลุธรรมแล้ว..ดีลูกดี
พ่อท่านทอง วัดป่ากอ สงขลา
เอ..นี่รูปใคร แสงบารมีใสมาก..เอ้อ นี่ตาหลวงที่ยะลานี่เราเคยเห็นท่านในสมาธินะท่านมีบารมีมาก..
อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ปัตตานี
งานองค์นี้เราต้องมาท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆแขกนับถือพระดีแบบท่านแหละ..
ท่านเจ้าคุณหย่วน วัดช้างให้ ปัตตานี
...เธอรู้ม่าย..ตาหลวงเธอสำเร็จแล้ว...
พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปัตตานี
...ท่านทองแกมาบวชตอนหลังแกมีบารมีมาก สูงวาสนา ท่านขลังด้วยเทวดามาคุ้มครองท่านทั้งหมดใครคิดร้ายกับท่านจะพินาศเอง...
พ่อท่านสาเมาะ วัดรังสิตาวาส รามัน ยะลา
]..พรหมทองที่แกสร้างวัดใช่ไหม..แกบวชแล้วคนรักแกมากนะ เรานับถือแกมากเหมือนกัน...
พ่อท่านดำ วัดนภาราม นราธิวาส
นี่คือ คำการันตี รับรองบารมีธรรมแห่งพระอริยะเจ้ารูปนี้ ท่านสำเร็จขั้นใดมิมีใครอาจทราบแต่ความเมตตาหาได้มีเหมือน คนยะลารักท่านที่สุด..เพราะท่านน่ารักน่าศรัทธา ท่านไม่ต้องการอะไร...นอกจาก..บุญ

 

นานาสารพันคำยกย่องที่เชื่อได้ นับถือในใจได้ พระแท้เพชรดีพระขลัง..มีปืนเอาของท่านไปลองได้หากใจถึงแล้วไม่กลัวนรก...แคล้วคลาดเป็นหนึ่งยิงไม่ออกหรอกยิงออกก็ไม่โดน ถึงโดนก็ไม่ตาย.......

 

ของท่านนอกหลายๆอย่างที่หายากโคตรที่จะหายากมากคือ..นางพญาทิพย์สุวรรณรุ่น2 เป็นของ..ตาหลวงทอง วัดหลักห้า ยะลา มีอยู่2พิมพ์ไม่ต้องสงสัยครับรุ่น1หรือรุ่น2 ก้อครือกัน มวลสารผงสาริกาแบบเดียวกันประวัติของนางพญาทิพย์สุวรรณรุ่นสอง

มวลสารคล้ายๆ กันกับรุ่นแรกแต่เพิ่มผงของลพ.ทอง วัดสามปลื้ม และผงเกษรดอกบัวบานกับว่าน"ดอกทอง" กับขนนกสาลิกา จำนวนสร้างไม่เกิน 2,500 องค์ การสร้างทุกครั้งจะมีการเชิญแม่ทิพย์สุวรรณกับบริวาร กาละเทสะ-กาละสัทธาทุกครั้งที่ผสมเนื้อเพื่อกดพิมพ์ ผู้กดพิมพ์ต้องทำสมาธิเตรียมตัวสวดมนต์ทุกครั้ง ต้องสร้างรูป ให้อาการสามสิบสองเชิญญาณของแม่ทิพย์สุวรรณในพระทุกองค์ที่กดพิมพ์เพื่อที่ท่านจะได้คุ้มครองอยู่ในพระทุกองค์

ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อทอง วัดลำกะดาน เสกพร้อมกับพระหลวงปู่เมฆ สจฺจาสโภ รุ่นสมปรารถนา, หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน, และตาหลวงทอง วัดหลักห้า จ.ยะลา

อาจารย์กฤปาจารย์ (ผู้พบผงสาลิกาทิพย์สุวรรณ และสร้างพระนางพญาสาลิกาทิพย์สุวรรณทั้งสองรุ่น) ได้แบ่งถวายพ่อท่านทอง ถิรจิตโต วัดหลักห้า จ.ยะลาไว้ 1,000 องค์ ปรากฎว่าท่านไม่ยอมแจกให้ผู้ชายจะให้แต่ผู้หญิงเท่านั้น ท่านบอกว่า "พระเจ้าชู้"

 

ตะกรุดโทนหัวใจนอโมลงจารยันต์โดยพ่อหลวงพรวัดหลักห้าปัจจุบันมรณภาพแล้วท่านทำของให้ตาหลวงทองเสกทุกรุ่นอีกท่านหนึ่งเป็นศิษย์ฆราวาสปัจจุบันทำบริษัทโฆษณาและอีกท่านหนึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดที่ท่านรักมากคือคุณกฤช จันทร์กระจ่าง ลูกศิษย์ท่านมีมากส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ...วัดหลักห้าเป็นวัดเล็กที่พระสมัยใหม่ไม่อยากเป็นเจ้าอาวาสเพราะกลัวมาเจี๊ยะหน่อไม้...แต่จนแล้วจนรอดทุกสิ่งสรรค์ก็สำเร็จในยุคขิงแก่นาม พ่อท่านทอง หรือตาหลวงทองของผม ที่เก่งทางเครื่องรางของขลัง ในยะลานอกจากหลวงปู่สุระวัดสวนใหม่แล้วก็คือตาหลวงทองวัดหลักห้ากับพ่อท่านสาเมาะวัดรังสิตาวาสที่เสกพระแบบแรง แบบขลังคุ้มชีวิตได้..

 

เป็นพระมหาเถราจารย์ร่วมสมัยที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนตามหลักพระธรรมวินัย จึงเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสในหมู่ชุมชนชาวไทยพุทธที่ตั้งบ้านเรือนอยู่โดยรอบๆบริเวณวัดประมาณสิบกว่าหลังคาเรือนเท่านั้น และเป็นที่รักในหมู่ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่โดยรอบห่างออกไป

 

ตะกรุดโทนหัวใจนอโม..ยาวหกเซน จารมือโดยพ่อหลวงพรเสกดี คงหน้าคงหลังแคล้วคลาดเป็นหนึ่งเป็นตำราเขาอ้อ....

 

ตะกรุดโทนนี้ทำจากแผ่นที่ท่านพินทุก่อนแล้วแล้วเสกร้อยแปดด้วยจิตเป็นหนึ่งขลังมาก...ขอท้าให้ทดสอบได้ทางกระแสจิตได้..คนมีตาในย่อมรู้ได้..

 

ท่านเชื่อหรือไม่ว่า...
พระครูศรีธรรมธัช ตอนมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหลักห้าต่อจากตาหลวงทองเก็บเหรียญท่านไว้เยอะมาก...ท่านศรัทธาตาหลวงทองตะกรุดโทนนี้ท่านยังเก็บไว้เลยครับขอบอกเล่าให้ฟัง..ผมได้ตะกรุดโทนหัวใจนอโม..ตะกรุดโทนเกราะเพชร..ตะกรุดโทนนะพระฉิมพลี..ตะกรุดพระพุทธพักตร์หน้าทองใหญ่...มาแล้วในวันนี้จะทะยอยลงรูปให้ดู...รวมทั้งลูกอมผงนะปัดตลอดด้วยผงนะปัดตลอดนี้ขนาดอาจารย์ขมังเวทย์ศิษย์พ่อท่านเขียววัดห้วยเงาะยังมาเอามาผสมทำพระเลยเชียวครับ...แท้พันเปอร์เซ็นต์ครับ...จะจำแนกให้ติดตามชมนะครับเพื่องานบุญนี้...เพราะวันที่15ตุลาคมนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดท่านครับ....จะเร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จครับ.......ทำบุญกันได้ติดต่อตรงกระทู้และเบอร์ทีลงไว้ได้เลยครับ อนุโมทนาบุญครับ..

 

ท่านทราบไหมว่าทำไมยาเม็ดบางชนิดถึงต้องเคลือบด้วยน้ำตาลให้มีสีสันสวยงาม? เหตุสองสถานครับ ตัวยาบางชนิดนั้นมีคุณสมบัติดูดซึมความชื้นสูง ทำให้เม็ดยาละลาย และตัวยาบางชนิดรสขมมากกินยาก ตัวยาทั้งสองชนิดจึงต้องเคลือบน้ำตาลไว้ครับ ก็เหมือนกับคนที่พยายามปิดบัง ตัวตนที่แท้จริงไว้
ในโลกของความจริง อันเป็น “สัจจะธรรม” ในชีวิตของผู้คน ไม่ใช่หนัง ไม่ใช่ละคร จึงไม่มีบท ไม่มีผู้กำกับ มีแต่ “กรรม” เท่านั้นเป็นเครื่องกำหนด เป็นเครื่องชักพา ไม่มีกล้องถ่าย มีแต่สายตาของคนรอบข้างจับดูอยู่ ในภาพมุมกว้างบางคนอาจเป็น ตัวเลว นางร้าย ของคนหลายๆคน แต่ในชีวิตจริงของเขาหรือเธอเหล่านั้นต่างเป็นพระเอก นางเอก ในชีวิตของตัวเองในภาพมุมแคบ

ศาสนาทุกศาสนา คำสอนคือหลักปรัชญาการดำเนินชีวิต ทุกศาสนามี ศีล คือ การสำรวมกาย วาจา หรือความประพฤติดีทางกาย วาจา เป็นข้อบังคับ จากพระดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ผมเคยอัญเชิญมาเป็นข้อคิด พระองค์เปรียบ “ศีล” เสมือน “กรง” เมื่อเราลงไปในทะเลที่มีปลาฉลาม เราไม่สามารถจับปลาฉลามมาใส่กรงได้ เราก็ต้องอยู่ในกรงนั้นเสียเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาฉลามมาทำร้ายเรา ระหว่างซี่กรงนั้น มีช่องว่าง บางครั้งเรา อาจจะยื่นแขน ยื่นขาออกมาบ้าง แต่ตัวเราก็ยังอยู่ในกรงนั้น ซึ่งบางครั้งเราอาจจะละเมิด “ศีล” ไปบ้าง แต่เราก็ยังรักษาศีลส่วนใหญ่นั้นอยู่ได้ เหมือนเรายื่นแขนยื่นขาออกจากกรง แต่ตัวเราส่วนใหญ่ยังอยู่ในกรง ก็พอที่จะกล่าวได้ว่า เราพอที่จะเป็นคนดีได้ จะเป็น “ดี” หรือไม่เขาดูที่ “ศีล” และ “ธรรม” กันครับ

 

ในชีวิตของเราจะต้องพบผู้คนมากมาย ผ่านเข้ามาในชีวิต บางคนผ่านมาแล้วผ่านไป เราจึงเหมือนช่างปูน ด้วยวิสัยช่างปูนย่อมคัดสรร ทรายที่จะมาสร้างบ้าน ทรายขี้เป็ดนั้นเป็นทรายที่มีโคลนผสมอยู่ จึงมีค่าแค่ใช้ถมที่ ส่วนทรายหยาบเอาไว้ผสมปูนเทพื้น ทรายที่ดีที่เหมาะกับงานฉาบ ซึ่งเป็นส่วนที่สวยงามของบ้านที่สุดคือ ทรายละเอียด ช่างต้องนำทรายละเอียดมาใส่ตะแกรงร่อนคัดอีกครั้ง เพื่อเอา กรวด ทรายหยาบออกไป ถ้ามีทรายหยาบปนเข้ามา ถ้านำไปฉาบก็จะทำให้พื้นผนังบ้านไม่สวยงาม ดูไร้ค่าไป นั่นเป็นแค่ทรายที่เลือกแหล่งกำเนิดของตัวเองไม่ได้ แต่ชีวิตของคนแม้จะเลือกที่เกิดไม่ได้ แต่การดำเนินชีวิตสามารถเลือกได้ จะให้มีค่ามีราคาแค่ไหน จะเป็นทรายขี้เป็ดที่ไร้ค่า หรือจะให้มีราคาขึ้นมาอีกนิดเป็นทรายหยาบ หรือจะให้มีค่าขึ้นไปอีกเป็นทรายละเอียด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความคิด และพฤติกรรมของคนๆนั้นเป็นผู้กระทำ จะไปโทษกรรมหรือโทษผู้อื่นคงไม่ได้ แล้วคุณละ คิดว่าตัวเองเป็นทรายประเภทไหน?

 

ด้วยความเคารพ...ติดตามเรื่องดีๆเกี่ยวกับตาหลวงทองนะครับ...

ผมจะเล่าเรื่องที่ไม่เคยเปิดที่ใด...นอกจากที่นี่เพื่อ...ตาหลวงทอง..

 

เรื่องต่างๆนั้นไม่มีในหนังสือพระ ไม่มีในเวป ไม่มีให้อ่านทั่วไป..ผมกลั่นความศรัทธามาเขียนให้คนทั้งโลกได้รับรู้ถึงปฏิปทาของพระอริยะเจ้านามว่า....ตาหลวงทอง พระครูมงคลวรสิทธิ ผู้มีจิตพ้นโลกย์สู่แดนนิพพาน...

 

ห้าปีที่ท่านจากไปแต่จิตท่านก็ยังแผ่บารมีช่วยศิษย์เสมอ...ผมเองมีชีวิตได้เพราะท่านให้ท่านเมตตาท่านเป็นพระสงฆ์ที่พ่อท่านฉิ้นวัดเมืองรักและเคารพตาหลวงมาก...

 

พรุ่งนี้ตอนเย็นผมจะเอาภาพเก่าที่พ่อหลวงพรศิษย์ตาหลวงทองเคยเอาแผ่นตะกรุดให้ผมบันทึกภาพให้ท่านดู ท่านจะสัมผัสรู้ว่าไม่ธรรมดาครับ....

 

คุณกฤช จันทร์กระจ่าง เล่าว่า..หลังงานฝังลูกนิมิตรวัดหลักห้า...ตาหลวงท่านได้ฝาก “ถุงแดง” กับอาจารย์บุญส่ง ลอยสุวรรณ์ ศึกษานิเทศก์พื้นที่เขตการศึกษายะลา ซึ่งเป็นบิดาของ เพชร ประพันธ์กุล ที่ท่านอรุณมักจะเรียกว่า “เจ้าตัวเล็ก” ให้ เพชร ประพันธ์กุล นำมาให้ถึงมือผมให้จงได้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 เมษายน “เจ้าตัวเล็ก” มัวแต่โอ้เอ้เพราะติดงาน จนเช้าเมื่อวันที่ 13 เมษายน “เจ้าตัวเล็ก”โทรศัพท์มาหา ผมอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู. ข่าวจึงแพร่กระจายไปถึงยะลา เมื่อท่านอรุณเข้าไปกราบนมัสการตาหลวงทอง ท่านก็บอกว่าท่านรู้แล้ว พร้อมทั้งสั่งให้ท่านอรุณโทร.มาสั่งให้ผมพักผ่อนเยอะๆ ไม่ต้องอดนอนตามท่าน ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว

เพชร ประพันธ์กุล มาสารภาพกับผมภายหลังว่า “ผมเพิ่งเข้าใจว่า ทำไม ตาหลวงทองถึง รีบให้เอา “ถุงแดง” มาให้อาเร็วๆ เพราะท่านรู้ว่าอาจะป่วยหนักนั่นเอง ถ้าผมรีบนำมาให้ อาอาจไม่ป่วยก็ได้” สำหรับผมเองนั้นไม่เคยสงสัยในญาณวิเศษของท่านเลย ครั้งหนึ่งคุณอรุณเข้าไปนมัสการตาหลวง ได้ถามท่านว่า “ท่านขาดเหลืออะไรบ้าง จะได้จัดหาไปถวาย” ท่านก็บอกว่า “ กำไลข้อมือไหม 7 สี หมด แต่ผมกำลังเร่งส่งไปให้” และผมก็ส่งไปถวายท่านจริงๆโดยที่ผมไม่รู้ว่าของที่วัดหมดแล้ว จะไม่ให้ผมนับถือท่านได้อย่างไร!

 

เมื่อได้ “ถุงแดง” มาผมนำไปไว้ที่หัวเตียง วางรวมกับของสิ่งของที่ผมบูชาอยู่เดิมอันมี หนังสือและเหรียญพระมหาชนกในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ เมื่อเวลาอ่อนล้า หรือท้อแท้ สิ่งที่สองคือพระหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ องค์คู่ชีวิต ก่อนนอนผมจึงกราบทั้งสามสิ่งเพื่อให้แผ่บารมีให้แก่ชีวิต นับแต่ได้ “ถุงแดง” มา มารร้ายที่เข้ามากัดกินชีวิตบางส่วนได้มลายหายไปสิ้น มหัศจรรย์จริงๆ

ยังมีเรื่องมหัศจรรย์ของตาหลวงอีก เคยเขียนเล่าสตรีชาวสตูลที่มาเลี้ยงหมูที่ยะลา วันดีคืนดีรถปิ๊คอัพพาหนะคู่ใจที่ใช้หากินหายไป ได้เข้าไปนมัสการถามตาหลวงทอง เรื่องรถที่หายไป แล้วท่านก็บอกว่า “เดี๋ยวก็เจอ” พอออกจากวัดเข้ามาในเมือง ก็พบรถของตัวเองจอดติดไฟแดงรออยู่ พร้อมตำรวจอยู่ใกล้ๆ เลยได้รถคืนมา แม้จะได้รถคู่ชีพกลับคืน แต่สถานการณ์ความไม่สงบยังไม่คลี่คลาย สภาพเศรษฐกิจการค้าของ 3 จังหวัด ยิ่งแย่ลง นักท่องเที่ยวไม่มา คนไทยพุทธที่น้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เพราะบางส่วนย้ายหนี ครั้นจะส่งไปขายยังจังหวัดใกล้เคียง สภาวะการไม่ต่างกันนัก กลับจะต้องเสี่ยงจากการขนส่งเพิ่มขึ้นอีกหมูที่เคยขายได้ดี ก็แย่ลง อิสลามไม่กินหมูนี่ครับ ตามประสาคนไทยเมื่อทุกข์ยากก็เข้าหาพระ วันหนึ่งสตรีผู้นั้น นำภัตราหารไปถวายตาหลวง บ่นเรื่องความฝืดเคืองให้ท่านฟัง ท่านปลอบใจว่า “เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” จากคำปลอบใจของตาหลวง เมื่อกลับถึงบ้านก็เฝ้าคิด “แล้วเมื่อไหร่จะดีขึ้นละ” เธอจึงตั้งใจว่าจะทำบุญให้มากขึ้น ครั้นจะเอาภัตราหารไปถวายตาหลวงทุกวัน ก็เป็นเรื่องลำบาก นอกจากวัดจะอยู่ไกลจากบ้านแล้ว ยังต้องเสี่ยงภัย เพราะทางที่จะไปวัดหลักห้านั้นมีเหตุร้ายอยู่เป็นประจำ เธอจึงตั้งใจว่าจะใส่บาตรพระเป็นประจำเท่าที่จะมีพระออกมาบิณฑบาต

 

ไหมห้าสี ให้บูชาตามศรัทธา ช่วยค่าส่งหกสิบบาท ปัจจัยลงสู่งานตาหลวงทอง

 

วันหนึ่งช่วงก่อนงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต วัดหลักห้า เธอมาใส่บาตรใกล้ๆกับสถานีรถไฟยะลา เหลือบไปเห็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่งานวัดหลักห้า ในป้ายมีภาพตาหลวงทอง ถิรจิตโต พร้อมบรรยายอายุว่า 105 ปี ซึ่งผิดเพราะคนทั่วไปรู้ว่าท่านอายุ 106 จะขึ้น 107 ปลายปีนี้ เหมือนจุดประกายความคิด เธอจึงนำเลข 105 ไปแทงหวย แทงตรงๆไม่มีกลับไป 500 บาท บรรดาลูกหลานแทงเพิ่มไปอีกคนละหลายร้อย “เดี๋ยวก็ดีเอง” เหมือนเป็นพรอันประเสริฐ หวยงวดนั้นออก 105 จริงๆ

ตาหลวงมองท่านไม่ชอบให้คนเล่นหวย เล่นการพนัน แต่มีคนที่ศรัทธาท่านมักจะได้โชคลาภจากหวยเสมอๆ คุณหมอจิมมี่ คงเจริญ ศัลยแพทย์มือดีของโรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา เป็นคุณหมอที่ชอบเรื่อง “ขลัง” อีกผู้หนึ่ง คุณหมอศรัทธาตาหลวงทองมากเป็นพิเศษ จึงตามเก็บพระเครื่องของท่านมาตลอด ที่คอจึงแขวนพระเครื่องของตาหลวงหลายองค์ รวมทั้ง “พระเจ้าห้าพระองค์” หมอจิมมี่เล่าว่า หลายครั้งขณะผ่าตัดคนไข้อาการหนัก บางครั้งคิดว่าจะไม่รอดแน่ คุณหมอก็จะภาวนาในใจ ขอบารมีของตาหลวงให้ช่วยคนไข้ด้วย แล้วก็ผ่านพ้นเหตุการณ์วิกฤติไปด้วยดี นั่นเป็นเหตุการณ์ไกลตัวคุณหมอ