คิดอย่างไร??ตัดโอกาสความเศร้าหมองสิ้นเชิง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 23 สิงหาคม 2013.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ความคิดเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น
    ต้องระงับยับยั้ง แต่เพื่อไม่ให้
    ความคิดเหล่านั้นกลายเป็นเครื่อง
    เศร้าหมองแก่จิตของอริยชน
    ตามหลักอริยมรรคมีองค์๘

    จะปฏิบัติได้โดยปราศจากความรู้
    ความเข้าใจเข้าใจเรื่อง"กุศลกับอกุศล"
    ได้หรือไม่???
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..............ความเข้าใจ กุศล อกุศล นั้นแหละ ทำให้รู้เท่าทันความคิด..รู้ว่าเป็นความคิด...เป็นทุกขือริยสัจจ์ ที่ ควรกำหนดรู้...ตัณหา อภิชฌา โทมนัส ยินดี ยินร้ายที่เกิดนั้นต่างหากคือทุกข์สมุทัย ที่ควรละ ....ความเข้าใจกุศล อกุศล จึงเป็น สัมมาทิฎฐิเบื้องต้น(ที่เรียกว่าการปฎิบัติ ในกระทู้นี้)
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ผู้ปรารถนารู้แจ้งในทุกขอริยสัจจ์ที่ยัง
    ครองเรือน และมีกิจการงานด้านเศรษฐกิจ
    ที่ต้องดำเนินอยู่ จะให้หยุดคิดไม่ได้แน่

    ความคิดน่ะมีได้ แต่คิดอย่างไรไม่เป็น
    การพอกพูนกิเลสห่อหุ้มจิตให้หม่นมัว
    จนมองไม่เห็น
    พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
    เห็นแต่วัด พระพุทธรูป พระสงฆ์เหลืองๆ
    แต่ไม่เห็น พระอริสัจจ์ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
    และทรงเมตตานำออกเผยเพื่อแก้ทุกข์ถาวร
    ให้กับพุทธชนว่าควรทำให้แจ้ง
    เพื่อจะได้ชิ่งหนีซะ

    ในพระธรรมคำสอนเจตนามีไว้ให้ปฏิบัติตาม
    เพื่อดีดตัวเองให้พ้นจากวงจรทุกข์
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย นี้

    แต่ก็มีพุทธชนจำนวนน้อยที่ปราถนาจะพ้น
    ภัยอันนี้เพราะยังไม่รู้จักความทุกข์จริงๆ
    เอาล่ะทุกข์เป็นวัฏสงสารเห็นยากออกยาก
    แต่การดำเนินชีวิตไปตามแนวทางอริยมรรคเนืองๆ
    ทุกข์ก็จะค่อยๆจางลง จนสัมผัสได้ด้วยจิตตัวเอง

    โดยผ่านทางความคิด ซึ่งทุกคนมีความคิดแต่
    บางคนคิดเเล้วเบิกบาน บางคนเเล้วหดหู่เศร้าหมอง
    หรือบางคนคิดแล้วเบิกบาน อิ่มเอิบตลอดเขาทำกันได้ยังไง
    ขอเชิญผู้ที่ปฏิบัติอยู่จริงมาเผยแผ่ด้วยครับ อนุโมทนาครับ!!!
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    การคิดจะกระทำหรือคิดที่จะไม่กระทำ
    สิ่งที่เป็นกุศลและอกุศล
    เป็นอย่างไรบ้างคับ!!!
    มีน้ำหนักคุณและโทษ
    แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
     
  5. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    กระทู้นี้ไม่ต้องเชิญผมมาแล้วนะครับ กระทู้ที่แล้วเชิญผมมา ผมก็มาให้แล้วยังว่าไม่ดี
     
  6. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984

    น่าสนใจมากครับ ตรงนี้..
    ทำจิตให้สงบ มีกำลังก่อน แล้วค่อยคิด วิปัสสนาก็จะเกิดจากกำลังจิตนี่แหละครับ
    เพราะการคิดแบบโลก คิดแบบไม่มีสมาธิรองรับจิต การคิดเรียนรู้เรื่องทางโลก ไม่จบสิ้น ไม่มีทางจบสิ้น..ฆ่ากิเลสไมได้คิดวนเวียนจนตาย
    การฝึกสมถะจึงไม่ควรใช้ความคิด ความคิดในศาสนาพุทธน่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดในขั้นตอน..จิตมีกำลัง คือผ่านสมถะก่อนเข้าสู่ สมาธิจิต
    ..ที่เราเรียกว่าวิปัสสนา เพื่อให้จิตเป็นอิสระ เข้าใจ-เข้าถึง เพิกจากสมมุติบัญญัติ ให้รู้แจ้งถึงขั้น ปรมัตเท่านั้น เราจึงจะพ้นทุกข์ได้คัรบ (ความเห็นส่วนตัว)
     
  7. โทรศัพท์

    โทรศัพท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +114
    ความรู้ยังอยู่ระหว่างอนุบาล กับชั้นประถม ตอนแรกยังนึกว่าจะตอบดีมั้ย กลัวพลาดไปแล้วว่ากันยาวเลย.

    "อยู่กับอารมณ์คิด แต่ไม่ไปติดมัน"
     
  8. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..เป็นคำถามที่ น่าสงสัย ไม่ใช่น้อยครับ
    การกระทำดีเมื่อไม่รู้ ไม่มีเจตนาจะเป็นบุญไหม..ตามหลักศานาพุทธเรา
    แล้วการกระทำดีครั้งนั้นนั้น อะไรผลักดันให้ทำ-หรือทำไปตามสัญชาตญาณ จขกท.คุณตอบตรงนี้ได้ไหม เพราะสงสัยในคำถามคุณผมจึงต้องย้อนมาถามคุณ
     
  9. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984

    เป็นไปไม่ได้ครับ..
    เพราะความคิด สร้างความรู้สึกหรืออารมณ์แล้ว ถึงขั้นเกิดอารมณ์แล้วนั่นคือคิดปรุงแต่งเสร็จแล้วครับ ..การไม่ติดอารมณ์ ควรไม่ติดคิดก่อนจึงจะสมเหตุผลครับ.. มีแต่อริยะเท่านั้นครับจะทำได้
     
  10. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    rabbit_run_awayrabbit_run_away มีแต่อริยะเท่านั้นที่ทำได้
     
  11. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    แมงโม้..บินว่อนเลย อิอิ
     
  12. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ไม่ใช่ผม ผมเห็นคุุณเขียน
    เป็นไปไม่ได้ครับ..
    เพราะความคิด สร้างความรู้สึกหรืออารมณ์แล้ว ถึงขั้นเกิดอารมณ์แล้วนั่นคือคิดปรุงแต่งเสร็จแล้วครับ ..การไม่ติดอารมณ์ ควรไม่ติดคิดก่อนจึงจะสมเหตุผลครับ.. มีแต่อริยะเท่านั้นครับจะทำได้
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..........ก้คงต้องเข้าใจ คำว่า กุศล และอกุศลก่อนแหละครับ ซึ่งมีตั้งแต่ ที่เรียกว่า ทำดี ทำชั่ว จนถึง....เจริญกุศล ละอกุศล...ในสติปัฎฐานในจิตตานุปัสนาสติปัฎฐาน เมื่อจิตมีโทสะก็รู้ว่ามีโทสะ จิตมีราคะก็รู้ว่ามีราคะ เมื่อมีสติรู้ อกุศล ก็เป็นการละ "อกุศล "ในเบื้องต้น(ส่วนละได้ไม่ได้นั้นก็แล้วแต่บุคคล) การกระทำนั้น ย่อมเรียกว่าเป็นการเจริญ "กุศล"...........ส่วนทางกาย นั้น คนที่สนใจการภาวนาขนาดนี้ คงไม่ต้องบอกว่า ควร ไม่ควรทำอะไร.(แล้วแต่จะทำได้)...แต่ที่สำคัญคือเรา ต้องเข้าใจก่อนแหละว่า เราทำไปทำไม เจริญกุศลละอกุสลไปทำไม?...ก็ในเมื่อ รู้แล้วว่าขันธิ์นั้นไม่เที่ยง เป็นทุกขัง เป็นอนัตตา สิ่งนั้นย่อมไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา การมีตัณหาความพอใจในขันธิ์5 นั้นคือ ตัวอุปาทาน(ก้คือการยึดมั่นจนเกิด ภพ ชาติ ชรา มรณะ ซึ่งก็คือ การเกิดตัวตนนั้นเอง) การเจริญกุศล ละอกุศล ก็เพื่อ ศึกษาหรือเรียนรู้ทำความเข้าใจหรือเดินตามอริยมรรค เพื่อ ความเข้าใจที่ยิ่งขึ้นไป ว่าสิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้น เป็นทุกขื ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราไม่ใช่ตัวตนของเรา และ ในการพ้นไปจากทุกข์ ในที่สุดนั้นเอง..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2013
  14. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    ปฎิบัติธรรมไปสักพัก เริ่มเคร่งในศิล เริมระแวดระวังกลัวผิดไปหมดเพราะเราเริ่มติดในดี
    พอทำดีได้หมดจดก็กระยิ่มยื้มย่องในใจแต่พอทำอะไรที่คิดว่าจะผิดก้เกิดความเศร้าหมองในใจวิตกกังวล และพอทำไปนานจนไม่ระวังเรื่อรักษาศิลหรือผิดทางกายแล้วใจก้ปั่นป่วนกลัวว่าเราจะคิดอกุศลพอคิดเรื่องอกุศลขึ้นมาเราก้ไปแก้มันทันทีแก้เรื่องนี้เรื่องนั้นก็ขึ้นมาผุดมาเรื่อยๆใจเกิดความเศร้าหมองจิตตกเป็นทุกข์พอทุกข์ก้เิดอาการไม่อยากทำความดีเพราะทำไปยิ่งทุกข์ใจเกิดอาการท้อแท้ (ตัวผมเป็นแบบนี้ไม่รู้จะเหมือนกันป่าว) เมื่อก่อนทุกกข์ใจมากกับอาการนี้ แต่พอมาวันนี้มันก้เกิดอยู่ แต่ไม่ได้สนใจมัน ถ้ามีเรื่องทุข์ใจหรือจิตมันคิดอกุศลก็ปล่อยให้มันทุกข์ดูมันทุกข์เลยไม่ทุกข์กับมัน พอมันคิดดีก็รูว่ามันคิดดีก็ไม่ไปดีกับมันใจมันก็เลยไม่ติดดี พอไม่ติดดีและชั่ว ใจมันก็เลยไม่ไปเกาะดีเกาะชั่ว
    ง่ายๆเลยคือ มันคิดดีหรือชั่ว ช่างมันไม่ต้องไปวิตกวิจารย์กับมัน ให้เป็นเรื่องของความคิดไป ใจเราอยู่กับปัจุบัน พอ อดีดอนาคตช่างมัน ถ้ามันเผลอคิดตามพอรู้ก็ไม่ต้องไปเสียใจว่าทำไมเราไปคิดตามแค่รู้ว่าเราคิดตามมันก้พอไม่ต้องไปวิตกวิจารย์ ใจนี้เป็นสุขไม่ได้หรอกถ้ายังติดอยู่ในดีและชั่ว
     
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด
    และกำลังมาหาทางออกด้วยกัน
    แบบผู้ที่ครองเรือน ที่มีจริตคล้ายๆกัน

    ที่ออกกระทู้นี้หวังรับคำแนะนำ
    ที่ตรงกับจริตตัวเองและปฏิบัติได้

    สำหรับความเห็นว่า"ยังติดดีติดชั่ว
    มีความสุขไม่ได้"
    เป็นความคิดแบบผู้หมดกิเลส
    ทั้งหลายกล่าวไว้พบได้บ่อยๆ

    ผมเกรงว่าคนยังไม่หมดกิเลส
    ไปยึดคติแแบบนี้ จะกลายเป็น
    เหยื่อของกิเลสโดยไม่ไม่รู้ตัว

    Ok สุขก็เป็นเวทนา
    ทุกขก็เวทนา
    และมันก็ไปไปมามา
    ควรมองให้เห็นเเล้ววางเฉย
    พอเข้าใจได้คับ

    แต่การจะทรงความคิดให้
    เป็นกุศลอย่างเดียว
    หรือละความคิดอกุศล
    เป็นอารมณ์ที่เนื่องกันไป
    24 ชม.โดยไม่ได้มุ่งไปที่สุขหรือทุกข์
    นะครับ
    เพราะทั้ง ๒ อย่างมันก็เกิดดับ
    ไม่เสถียรเช่นเดียวกับดี-ชั่วเช่นกัน

    จึงต้องการคำตอบจากอริยชน
    ที่ใช้อริยมรรคมาควบคุมได้เป็นนิสสัย
    มาบอกกล่าวว่านำธรรมหมวดไหนมาใช้

    เพื่อประโยชน์สำหรับคนทั้ง
    หลายที่ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เรื่องผิดศีลไม่ทำให้กังวลมาก
    เพราะอยู่ที่เจตนาจะทำผิดหรือเปล่า
    ถ้าไม่เจตนาก็ไม่ต้องถูกปรับผิด

    แต่ก็ต้องศึกษาว่าศีลแต่ละข้อนั้น
    ห้ามทำอะไรบ้าง
    ถ้ารู้ไม่รู้แล้วไปทำผิดก็ถูกปรับแน่นอน
    เช่น ลงทุนด้วยเงินของตัวเองล้วน

    ไม่ได้โกงใครมาทุกบาทสตังค์
    ทำก๊อปปี้แผ่นซีดีที่ได้รับความนิยม
    และขายดี แล้วทำซะเหมือนทุกอย่างเป๊ะ
    ทั้งหน้าตาและคุณภาพ
    มาขายแข่งของแท้รับเงินเป็นกอบเป็นกำ

    ถึงไม่ทราบว่านี้คือเจตนาลักทรัพย์สินทางปัญญา
    ก็โดนปรับผิดศีลอทินนาทาน เต็มเต็มอย่างนี้เป็นต้นใช่ไหมล่ะ!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2013
  17. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    อย่าพยายามไปทรงทรงความคิดให้
    เป็นกุศลอย่างเดียว
    หรือละความคิดอกุศล
    เป็นอารมณ์ที่เนื่องกันไป
    24 ชม.

    มันเป็นไปไม่ได้ครับ เหนื่อยเปล่าด้วย ตึงเกินไปด้วยครับ
    แต่เราทำให้ความคิดที่เป็นกุศล มีกำลังแข้งกว่าความคิดที่เป็นอกุศลได้ คือเกิดบ่อยกว่าได้
    เช่นทำสิ่งที่เป็นกุศลมากๆๆ พยายามเลี่ยงที่จะทำสิ่งที่เป็นอกุศล
    มันก็เหมือนพืชที่ได้รดน้ำกับไม่ได้รดน้ำ นั้นแหละครับ ถ้าเรารดน้ำมากๆๆพรวดดินในสิ่งที่เป็นกุศลมากๆๆ
    ความคิดที่เป็นกุศลมันก็มีกำลังมากมันก็เกิดบ่อยเอง

    แต่อันที่จริง ความคิดก็สักแต่ความคิดไม่มีดีไม่มีเลว มันทำร้ายใครไม่ได้
    แต่มันก็มีอำนาจมากถ้ารู้ไม่ทัน อย่างเราคิดปุ๊บบางทีเราทำปั๊บไม่รู้ตัวเลย
    ถ้าความคิดอกุศลเกิดก็แค่รู้ อย่าไปให้พลังมัน
    คืออย่าไปให้มันอยู่ในจิตสำนึกเรานาน มันก็จะค่อยๆๆอ่อนกำลังไปเอง
    จริงๆๆถ้าเรารู้ทันมันนั้นก็คือการเปลี่ยนมันให้เป็นกุศลแล้ว
    ครับ

    รักษาใจให้เป็นปกติ นั้นแหละดีที่สุด......ไม่ว่าคิดดีหรือคิดชั่วก็เถอะ
    อันนี้แม้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากครับ เพราะปกติใจเรามันก็ปกติอยู่แล้ว
    มันไม่ปกติเพราะ เวลาเรารับรู้อะไรทางอายตนะที่เข้ามา
    เราไปปรุงมัน คือคิดต่อๆๆกันไปเรื่อย.....เราไม่มีสติเราก็ต่อยาวทีเดียว

    อุปมา จิตปกติคือกระจกใส ความคิดก็คือฝุ่น
    ทั้งคิดดีคิดชั่วนะครับ
    เราก็อย่าให้ฝุ่นมันเกาะกระจกนาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2013
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ตกลงมี ๒ สิ่งที่ต้องทราบคือ

    ๑.สิ่งที่ควรกำหนดรู้ เช่นความคิด สุขเวทนา ทุกขเวทนาคือรู้ว่ามันไม่เที่ยง
    กับ
    ๒.สิ่งที่ควรละ เช่น ตัณหา อภิชฌา โทมนัส ยินดี ยินร้าย ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ คือต้องละ ถูกต้องไหมคับ??

    เรียนถามเกี่ยวกับ"สิ่งที่ควรละ"ว่าละอย่างไร โดยวิธีใด??
    กับการศึกษาให้เรื่อง"กุศลกับอกุศล"ศึกษาอย่างไรจึงจะชัดเจนแจ่มแจ้ง??
     
  19. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    เบื้องต้น ผมศึกษาเรื่อง เจตสิก ครับ
     
  20. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    หากเราพิจารณาดีดี
    อนุสสติ มีตั้ง๑๐ ประการ

    น่าจะเป็นประโยชน์และนำมาสนับสนุน
    ให้คิดแบบสัมมาตามอริยมรรคได้บ้างนะคับ
    ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณด้วยครับ!!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...