คิดอย่างไร??ตัดโอกาสความเศร้าหมองสิ้นเชิง

จะใช้อนุสสติ ก็ได้ ไม่มีปัญหา ก็เลือกเอาตามความเหมาะสมก็ได้ โดยเฉพาะ มรณสติ พระพุทธเจ้าท่านแนะนำให้ทำบ่อยๆๆ

 

เจตสิกเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ต้อง
การเดินตามอริยมรรคของพระพุทธเจ้าถูกต้องไหมครับ??

 

ไม่แน่ใจว่าอนุสสติ ๑๐ ที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำเนี่ย
อาจเป็นไฮไลท์ สำหรับผู้ที่ปรารถนาเป็นอริยนชนหรือไม่???

ไม่แน่นะครับ อนุสสติ๑๐อาจเป็นไฮไลท์ประกอบกับ
อริยมรรคมีองค์๘ ก็ได้โปรดพิจารณาด้วยครับ!!!

 

ไม่ได้หมายความว่ายังงั้นครับ

ผมหมายถึงเรื่อง จิต กุศล อกุศล ครับ

เบื้องต้นผมศึกษาจาก เจตสิก ครับ

ส่วนตัวผม ก็แค่พยายามรู้ว่าจิต ตอนนี้เป็น กุศล หรือ อกุศล ครับ

นอกเหนือกว่านี้ยังยากเกินไปสำหรับผม แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วครับ

 

อนุสสติ ก็เป็นส่วนหนึ่งเสี้ยวเล็กๆๆของการปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์๘ นั้นแหละครับอย่างมรณานุสสติ เราระลึกความตายเนื่องๆๆ
เราก็อาจจะรู้ว่าชีวิตนี้ไม่เที่ยงหนอ
ก็หันเข้ามาปฏิบัติธรรม หันมาทำกุศลกรรม อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่มรรคก็ได้ครับ

หรือเราทำ พุทธานุสสติ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ก็เป็นการน้อมนำตัวเองเข้าสู่พระรัตนตรัยด้วย อีกอย่าง พระพุทธเจ้า ยังเป็นสิ่งที่สร้างศรัทธา
พระองค์เป็นตัวแทนคนธรรมดาที่พ้นทุกข์ได้จริง ซึ่งเราก็สามารถเดินตามพระองค์ได้ เป็นสิ่งสร้างแรงบัลดาลใจนั้นแหละครับ
นอนจากนี้เวลาคนจะตาย เขาก็มักให้ทำพุทธานุสสติ(รวมถึงสังฆนุสสติ ธัมมานุสสติ ด้วยแต่เหมือนพุทธานุสสติจะนิยมกว่า) ถือว่าเป็นอาสันนกรรมที่เป็นกุศล ก็จะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีๆๆ

 

เเม้เริ่มเเต่เริ่มถูกทางก็ย่นเวลาในการไปถึงเป้าหมายคับ

เจตสิก ทำให้รู้ว่าจิตเป็นกุศล อกุศล ได้เเบบไหนคับ ในพวะอภิธรรมกล่าวถึงเจตสิก
ไว้อย่างไร?เเละวิธีนำมาพิจารณาในโอกาสไหนได้ประโยชน์ครับ!?!

 

ขอเเค่มีสติในการคิดเเล้วไม่เศร้าหมองก็หรูเเล้วครับ!?!!

 

ปกติสติตามความคิดไม่ทันนะ เพราะเราหลงๆๆลืมๆๆกันมาทังชีวิต คิดแล้วมารู้ นี่มันไม่ทันแล้วมันปรุงไปไกลเลย ......

 

ได้คับ!!!เเต่ท่านต้องทำMOUกับผมก่อนว่าจะไม่เบรคผมหัวทิ่ม!?!
กล้าทำไหมอ่ะ!?!

 

ถึงว่าจะต้องใช้เครื่องมือหรือตัวช่วยอะไรสักอย่าง
ถ้าพระพุทธเจ้ากล่าวอนุสสติก็ต้องอนุสสติตามท่าน
ท่านต้องกล่าวของจริงเสมอ!?!ถูกไหมคับ

 

อนุสสติ ก็คล้ายเราระลึกเตือนตัวเองไว้เสมอๆๆนะครับ ยังไม่ใช่สติแบบที่ตามความคิดเห็นความคิดทัน ก็เลยใช้คำว่าอนุ

ก็คล้ายๆๆว่าหมั่นระลึกถึงสิ่งที่ดีความคิดที่ดี นี่ก็เป็นอนุสสติแล้ว อานิสงค์ก็จะทำให้จิตใจเราอ่อนโยนขึ้น ความคิดที่เป็นกุศลเกิดบ่อยขึ้นเทือกนี้

 

อ่อนโยนเเต่ไม่เฉื่อยเนือ
นั่นเเหละใช่ เพราะจะหยิบ
มหาสติมาใช้เลย ก็สมาธิก็ไม่ถึง
เอาเเค่มีสติรู้กุศล ใช่ไม่ใช่ก็พอใจเเล้ว

 

จะว่างี้ก็ได้ มหาสติ มันต้องฝึกหน่อยเพราะเราหลงๆๆลืมๆๆมาเยอะ และความคิดเราก็ซับซ้อนมากๆๆ สติเราก็เลยไม่ค่อยตื่นเท่าไหร่
ไม่เหมือนสัตว์ สติมันตื่นกว่าเราเยอะ ไม่งั้นมันก็โดนจับกิน แต่มันคิดลึกแบบเราไม่เป็น
และมันก็พัฒนาสติไปจนเป็นอุปการะในทางให้เกิดปัญญาแบบคนำไม่ได้

ขั้นแบบเรา2คน ก็เอาแค่ว่ารู้ว่าการกระทำนี้ไม่ดีนะ ไม่ทำอีกแบบนี้ดีควรทำ อย่างงี้ก่อนก็ได้ ก็เป็นเรื่องของการรักษาศีลไปไว้เซียนกว่านี้ค่อยไตร่ไป

 

อ้อ...มีเซียนด้วยออกไปทางวัชรยาน!?!!ปรมาจารย์
ตั๊กม้อ (ยังไม่ได้หลุดนะคับ)

 

ตรงนี้ต้องรอเพื่อนสมาชิกผู้รู้เข้ามายืนยันให้ความเห็นด้วยคับ!?!

 

พูดเก่งนะเอ็งนี่ จะมาขอลูกข้าทำเมียซะแล้ว 55++

 

ขออนุญาตออกความคิดเห็นโดยถ้าผิดหรือถูกประการใด ขอทุกท่านฯ โปรดชี้แนะด้วยครับ

อนุสติ คือ อารมณ์ดีงามที่ควรระลึกถึงเนืองๆ เช่น อุปสมานุสติกรรมฐาน ฯลฯ เพื่อให้ดวงจิตชินกับอารมณ์ที่เป็นกุศล แม้นมีความชั่วเจริญงอกงามอยู่แล้วก็จะเจริญต่อไปไม่ได้

สิ่งทั้งหลายเมื่อพิจารณา หาเหตุผลแยกแยะออกพิเคราะห์ดูด้วยสภาวะตามความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย ซึ่งจิตของคนเรา จะเสวยกุศลหรืออกุศลได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าจิตเป็นกุศล อกุศลก็จะแทรกไม่ได้ หรือถ้าจิตเป็นอกุศลอยู่ ความเป็นกุศลมันก็เข้าไม่ถึงเช่นกัน.-

 

อนุสสติคือ อารมณ์กรรมฐานที่มีอยู่
๑๐ กอง สำหรับ
ใช้ระลึกได้ตลอดเวลา
โดยไม่ต้องนั่งภาวนา
ช่วยทำให้สติมั่นคง
ดูความเป็นไปของความคิดได้ทัน

เข้าใจอย่างนี้ถูกต้องไหมคับ????

 

รอผู้มาสนับสนุนความเห็นนี้หรือมีความเห็นเพิ่มเติมคับ

 

ปัญจุปาทานักขันธิ์หรือขันธิ์5 นั้นเป็นตัวทุกข์...มหาสติปัฎฐานสี่ ก็เป็นการกำหนดรู้ทุกข์(กาย เวทนา จิต ธรรม)และ ละทุกขสมุทัยไปพร้อมกัน....ถามว่า อย่างไรจึงจะชัดเจนแจ่มแจ้งในอกุสล กุศล ความเห็นส่วนตัว เมื่อ ทำสมถะและวิปัสนา(สติปัฎฐาน) กำหนดรู้ทุกข์และละสมุทัย .(ส่วนของนิโรธ(ความดับทุกข์)ผมอาจจะยังกล่าวไม่ได้ แต่มันจะมี รสของอุเบกขาที่ปราศจากอามิส(ปิติ สุข อุเบกขา)จะกล่าวว่ามันเป็นความสงบ ดี ก็ว่าได้ แต่ยังเกิด เกิด ดับดับอยู่แหละ).....สัมมาทิฎฐิอันเป็นมรรคจะเกิดขึ้นมาให้เห็นได้บ้างแม้ไม่บริบูรณ์..แต่จะเริ่มรู้ได้บ้างว่า ควรทำอย่างไรครับ..