ตอนนี้กำลังถือศีล 8 อยู่ครับ อยากทราบว่าโดนตัวแม่และนอนกอดหมอนได้ไหม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Sir-Pai, 29 สิงหาคม 2013.

  1. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    คือเผลอจับตัวแม่ไป ผิดศีลไหมครับ

    แต่สมาทานใหม่แล้วนะ

    ผมนอนที่พื้นใช้หมอนหนุนหัวแล้วถ้าเอาหมอนอีกใบกอดไว้ ผิดไหมครับ

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2013
  2. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    แล้วนั่งอ่านหนังสือแต่ตัวพิงหมอนได้ไหมครับ
     
  3. mamanalin

    mamanalin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +146
    ขอตอบเท่าที่รู้นะคะ ถ้าขณะโดนตัวใจไม่มีอารมณ์ของกามฉันทะ ก็โดนตัวได้ แต่หลีกเลี่ยงได้ดีที่สุด เพราะเป็นการสำรวมในศีล เผลอไปไม่เป็นไร ศีลไม่ขาดค่ะ อันนี้ตอบตามที่หลวงพ่อสนอง กตปุญโญเคยตอบไว้ในหนังสือธรรมะนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2013
  4. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825


    ขออนุญาติเสริมนะคะว่าเวลาเราจะทานน้ำหรือทานข้าว อย่าเผลอตัวไปยืนทาน

    นะคะเพราะเป็นการไม่สำรวมคะ ควรหาที่นั่งทานหรือดื่มน้ำให้เรียบร้อย ส่วนเอนหลังพิงหมอนคงพอได้ค่ะ

    ส่วนนอนกอดหมอน.. ตอนดิฉันไปปฏิบัติที่วัดอัมพวันนั้น ทางวัดก็ไม่ได้ห้าม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2013
  5. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    ผมขออนุญาตแนะนำนะครับ ศีลแปดนั้นการอาราธนาปฏิบัติอยู่ที่วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมจะเหมาะสมกว่า เพราะการถืออยู่ที่บ้านหากมีผู้หญิงหรือสัตว์เลี้ยงตัวเมียจะทำให้ศีลพร้อยศีลขาดได้ง่าย

    หากอยากถือจริงๆ ผมแนะนำให้ถือศีลห้า แล้วอาราธนาแปดตอนสวดมนต์หรือภาวนา จากนั้นก็อาราธนาถือศีลห้าเหมือนเดิมหลังจากสวดมนต์หรือภาวนาเรียบร้อยแล้ว
     
  6. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ไว้วันหลังละกันนะครับ วันนี้ไม่สะดวกไปวัดจริงๆครับ
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    การนอนกอดแม่ผมคิดว่าไม่ผิดครับ นอนกอดหมอนก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่ได้นอนกอดหมอนแล้วนอนไม่หลับ
    จะกอดหมอนเพื่อให้นอนหลับก็กอดไปเถอะครับ เราถือศีลเพื่อลดละกิเลส ไม่ได้ถือเพื่อทรมานตัวเองครับ
    ถือศีลแปดอยู่บ้านก็ได้อยู่วัดก็ดีครับ ผมถือศีลแปดทุกวันพระ ท่านแนะนำให้ไปถือศีลแปดที่วัดนุ่งขาวห่มขาวจะสะดวกกว่า
    แต่วันพระใช้ว่าจะตรงกับวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ส่วนมากตรงกับวันธรรดาและผมต้องทำงาน แต่ผมก็ตั้งใจจะถือศีลแปดแม้จะไม่เคร่ง
    เท่ากับอยู่วัด หรือได้แค่ครึ่งเดียวแต่ผมเชื่อว่าก็ยังดีกว่าไม่ตั้งใจถือศีล เมื่อเราตั้งใจก็ต้องทำให้บกพร่องน้อยที่สุด ถ้าพลาดเล็กๆ น้อยๆ
    ก็อย่าถือเป็นสาระเลยครับ คิดว่า ดีกว่าไม่ทำ การถือศีลแปดอยู่ที่บ้านมีโอกาสทำผิดได้ง่าย ยิ่งที่ทำงานนี้ยากต้องใช้สติ ต้องระวังมากๆ
    ปีแรกผมถือศีลแปดผมจะเคร่งครัดมาก หลายคนบอกว่าห้ามขับรถเพราะจะเป็นการนั่งที่นั่งสูงใหญ่ ข้อนี้ผมขอผ่านเพราะ
    ถ้าต้องถือศีลแปดแล้วต้องขาดงานผมทำการงานไม่ได้ผมจะถือไปทำไม อีกข้อหนึ่งบริโภคมื้อเดียว ห้ามบริโภคยามวิกาล
    ข้อนี้ปีแรกผมเคร่งมาก ปกติจะทานข้าวที่บ้าน ถ้าฤดูร้อนพระอาทิตย์ขึ้นเร็วผมไม่มีปัญหา แต่พอฤดูหนาวพระอาทิตย์ดันขึ้นช้า
    ผมก็กลัวไปทำงานสายๆ แรกๆ ก็เอาข้าวไปทานที่ทำงานบ้าง ในรถบ้างเพราะยังไม่ได้อรุณกลัวผิดศีล หลังๆ มาผมก็ไม่เคร่งแล้ว
    เพราะผมต้องออกจากบ้านก่อนเจ็ดโมง รอพระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่อนทานข้าวผมก็สายนะสิ ผมก็ไม่รอแสงอรุณแล้วดูนาฬิกาเอา
    เลยหกโมงเช้าผมก็ถือว่าอรุณแล้ว เราถือศีลไม่ได้ถือเพราะอยากสวย อยากรวย หรืออยากไปสวรรค์ แต่เราถือเพื่อละกิเลสตัณหาต่างหากครับ
     
  8. kosit25

    kosit25 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +438
    ไม่รู้ซิครับผมก็ถือศีล8 ทุกวันพระ ไปทำงานทานข้าวเลยเที่ยงก็ประจำ(แต่จะไม่ให้เกินบ่าย 2 โมง) ดูโทรทัศน์ก็พยายามฝึกให้ดูเป็นทางธรรม โดนตัวแม่มั่ง หลานสาวตัวเล็กมั่ง เพื่อนมาเยี่ยมจากต่าง จว. บางที่ บางที่ลูกค้านัดทานข้าว บางที่กลุ่มที่ทำงานไปเลี้ยงส่ง เลี้ยงฉลอง ก็ต้องพาไปทานข้าวเย็น(แต่ผมไม่ทานนะครับ ) แค่นี้เขาก็ว่าเราแปลกแล้ว ก็พยายามไม่ให้เสียโลกไม่ให้เสียธรรม ก็พยายามเต็มที่ครับ ก็ปฏิบัติอย่างนี้มานานพอสมควร แต่ถ้าเข้าวัดเมื่อไรก็จะไม่ให้มีบกพร่องครับ
     
  9. rattanaphan

    rattanaphan คุณเข้ม สหายแห่งธนนม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +386
    ศีลอยู่ที่เจตนาครับ จับแล้วมีเจตนาอะไร เช่น เรารักษาศีล 8 แม่เกิดป่วยเราประคองแม่ อย่างนี้ก็ทำได้เพราะเจตนาคือช่วยแม่ นั้นเอง

    เรารักษาศีล 8 หรือศีลอุโบสถ ข้อ 3 อะพรหมะจะริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ คือการรักษาพรมจรรย์ อย่างละเอียดมากกว่าศีล 5 การปฏิบัติศีล 8 เพื่อลดละกิเลศอย่างกลางซึ่งจะเข้มข้นกว่าศีล 5 มาก ต้องสำรวมในศีลอย่างดี แม้จะเป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูกก็นอนกอดไม่ได้ ส่วนการกอดหมอนหรือหมอนข้างก็ไม่ได้ครับ เพราะเป็นเหตุซึ่งก่อให้เกิดกามราคะขึ้นมาได้ ท่านจึงห้ามไว้

    การรักษาศีล 8 หรือ ศีลอุโบสถ(วันพระ) ต้องรักษาให้ดี อย่าให้ด่างพร้อย อย่าให้ขาดทะลุ เพราะหากรักษาไว้ไม่ดี ด่วงพร้อยบ้าง ขาดบ้าง บ่อยๆ เมื่อตายไปจะเป็นเวมานิกเปรต ตอนกลางวันทำงานในนรก เช่น นายนิรยบาล เป็นต้น กลางคืนก็ไปเสวยทิพยสมบัติ อันมี วิมานและบริวาร เป็นต้น

    อาจจะสับสนหลายคำตอบหลายคน แต่ยึดพระไตรปิฎกฉบับหลวงของไทย นี่แหละครับสำคัญที่สุดแน่นอนที่สุด เพราะมาจากพระพุทธเจ้าโดยตรงนั้นเอง อนุโมทนาสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2013
  10. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
    ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้วพระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการอันบุคคลเข้าอยู่แล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
    มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
    อันบุคคลเข้าอยู่แล้วอย่างไร จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก
    อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ตระหนักชัดดังนี้ว่า พระอรหันต์ทั้งหลาย
    ละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต วางท่อนไม้ วางศาตรา มีความละอายเอื้อเอ็นดู
    อนุเคราะห์เกื้อกูลสรรพสัตว์อยู่ตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็ละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต
    วางท่อนไม้ วางศาตรา มีความละอายเอื้อเอ็นดู อนุเคราะห์เกื้อกูลสรรพสัตว์อยู่ ตลอดคืนและวันนี้
    เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์แม้ด้วยองค์นี้ และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
    อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๑ นี้ ฯ

    ฯลฯ พระอรหันต์ทั้งหลายละอทินนาทาน งดเว้นจากอทินนาทาน ถือเอาแต่สิ่งของที่
    เขาให้ หวังแต่สิ่งของที่เขาให้ มีตนไม่เป็นขโมย สะอาดอยู่ตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็ละ
    อทินนาทาน งดเว้นจากอทินนาทาน ถือเอาแต่สิ่งของที่เขาให้ หวังแต่สิ่งของที่เขาให้ มีตนไม่
    เป็นขโมย สะอาดอยู่ตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์แม้ด้วยองค์นี้ และ
    อุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๒ นี้ ฯ

    ฯลฯ พระอรหันต์ทั้งหลายละอพรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์ประพฤติห่างไกล เว้นจาก
    เมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้านตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็ละอพรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์
    ประพฤติห่างไกล เว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้านอยู่ ตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำ
    ตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้ และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
    อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๓ นี้ ฯ

    ฯลฯ พระอรหันต์ทั้งหลายละมุสาวาท งดเว้นจากมุสาวาท พูดแต่คำสัตย์ ส่งเสริม
    คำจริง มั่นคง ควรเชื่อถือได้ ไม่กล่าวให้คลาดจากความจริงแก่โลกตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เรา
    ก็ละมุสาวาท งดเว้นจากมุสาวาท พูดแต่คำสัตย์ส่งเสริมคำจริง มั่นคง ควรเชื่อถือได้ ไม่
    แกล้งกล่าวให้คลาดจากความจริงแก่โลกตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่าทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย
    แม้ด้วยองค์นี้ และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๔ นี้ ฯ

    ฯลฯ พระอรหันต์ทั้งหลาย ละการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
    งดเว้นการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เรา
    ก็ละการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ
    สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์
    ทั้งหลายแม้แม้ด้วยองค์นี้ และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๕ นี้ ฯ

    ฯลฯ พระอรหันต์ทั้งหลายเป็นผู้บริโภคอาหารครั้งเดียว งดบริโภคอาหารในกลางคืน
    เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาลอยู่ตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็บริโภคอาหารครั้งเดียว
    งดการบริโภคอาหารในกลางคืน เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล ตลอดคืนและวันนี้
    เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้ และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว
    อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๖ นี้ ฯ

    ฯลฯ พระอรหันต์ทั้งหลายงดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง การประโคม ดูการเล่นอัน
    เป็นข้าศึก และการทัดทรง ประดับตบแต่งด้วยดอกไม้ ของหอมและเครื่องลูบไล้อันเป็นฐาน
    แห่งการแต่งตัวตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง การประโคม
    ดูการเล่นอันเป็นข้าศึก และงดเว้นการทัดทรงประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ ของหอม และ
    เครื่องลูบไล้ อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว ตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์
    ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว อุโบสถประกอบด้วย
    องค์ที่ ๗ นี้ ฯ

    ฯลฯ พระอรหันต์ทั้งหลายละการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่ งดเว้นจากการนั่ง
    การนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่ สำเร็จการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ บนเตียงหรือเครื่อง
    ลาดด้วยหญ้า ตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็ละการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่ งดเว้น
    จากการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่สำเร็จการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ บนเตียง
    หรือเครื่องลาดด้วยหญ้าตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลาย แม้ด้วย
    องค์นี้ และอุโบสถชื่อว่าจักเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๘ นี้

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ บุคคลเข้าอยู่แล้วอย่างนี้แล จึงมีผลมาก
    มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ฯ

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๓ หน้าที่ ๑๙๘/๓๗๙
     
  11. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    อนุโมทนาความตั้งใจในการเจริญศีลให้ยิ่งขึ้นไปด้วยครับน้องไผ่..

    เมื่อคิดจะขัดเกลากิเลสแล้ว ก็ทำให้เต็มที่ ด้วยการสำรวมระวังให้มาก แม้การกอดหมอนที่ตนเคยชิน ก็งดสักระยะหนึ่ง ดูซิว่ามันจะทำให้เราถึงกับนอนไม่หลับจริงหรือ ฝึกเลิกติดข้องหมอนไปในตัวด้วยน่าจะดีมากกว่าเสีย.. นี่ถ้ายังติดข้องด้วยการกอดหมอนอยู่ น้องจะไปอยู่ในที่ไม่มีหมอนให้กอดจะทำอย่างไร ..จะหอบหมอนไปกอดด้วยเหรอ?..โอ..น่าเกลียดนาพี่ว่า..


    ขอให้ประพฤติศีล๘สำเร็จได้ด้วยดีครับ..
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ฆราวาสสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอนาคามีได้

    [๔๑๗] มีอยู่ มหาบพิตร นิคมชื่อเวภฬิคะ ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ อยู่ในนิคมนั้น เขาเป็นอุปัฏฐากของอาตมภาพ นับเป็นอุปัฏฐากชั้นเลิศ
    พระองค์แลทรงเสียพระทัยมีความโทมนัสว่า พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสปอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงรับการอยู่จำพรรษา
    ในเมืองพาราณสีของเราเสียแล้ว ความเสียใจและความโทมนัสนี้นั้น ย่อมไม่มีและจักไม่มีในช่างหม้อฆฏิการะ
    ดูกรมหาบพิตร ช่างหม้อฆฏิการะแล ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ
    เว้นขาดจากปาณาติบาต
    เว้นขาดจากอทินนาทาน
    เว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร
    เว้นขาดจากมุสาวาท
    เว้นขาดจากน้ำเมาคือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
    ดูกรมหาบพิตร ช่างหม้อฆฏิการะ เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่
    ดูกรมหาบพิตร ช่างหม้อฆฏิการะเป็นผู้หมดสงสัยในทุกข์ ในทุกขสมุทัย ในทุกขนิโรธ ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
    บริโภคภัตมื้อเดียว ประพฤติพรหมจรรย์ มีศีล มีกัลยาณธรรม ปล่อยวางแก้วมณีและทองคำ ปราศจากการใช้ทองและเงิน
    ดูกรมหาบพิตร ช่างหม้อฆฏิการะแล ไม่ขุดแผ่นดินด้วยสากและด้วยมือของตน
    นำมาแต่ดินตลิ่งพังหรือขุยหนูซึ่งมีอยู่ด้วยหาบ ทำเป็นภาชนะแล้วกล่าวอย่างนี้ว่าในภาชนะนี้ ผู้ใดต้องการ
    ผู้นั้นจงวางถุงใส่ข้าวสาร ถุงใส่ถั่วเขียว หรือถุงใส่ถั่วดำไว้ แล้วนำภาชนะที่ต้องการนั้นไปเถิด
    ดูกรมหาบพิตร ช่างหม้อฆฏิการะ เลี้ยงมารดาบิดา ผู้ชรา ตาบอด
    ช่างหม้อฆฏิการะ เป็นอุปปาติกะ จะปรินิพพานในภพนั้น มีการไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดาเพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้าประการหมดสิ้นไป.

    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ข้อที่ ๔๑๗
     
  13. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [๑๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการบุคคลเข้าอยู่แล้ว
    มีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ก็อุโบสถประกอบด้วย
    องค์ ๘ ประการบุคคลเข้าอยู่แล้วอย่างไร จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก
    มีความแพร่หลายมาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ตระหนักชัดดังนี้ว่า พระ
    อรหันต์ทั้งหลายละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต วางท่อนไม้ วางศาตรา มีความละอาย
    เอื้อเอ็นดู อนุเคราะห์เกื้อกูลต่อสรรพสัตว์อยู่ตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็ละปาณาติบาต งด
    เว้นจากปาณาติบาต วางท่อนไม้ วางศาตรา มีความละอายเอื้อเอ็นดู อนุเคราะห์เกื้อกูลต่อ
    สรรพสัตว์ ตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้ และ
    อุโบสถจักชื่อว่าเป็นอันเราเข้าอยู่แล้วอุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๑ นี้ ฯลฯ
    อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมตระหนักชัดดังนี้ว่า พระอรหันต์ทั้งหลายละการนั่ง
    การนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ งดเว้นจากการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ สำเร็จ
    การนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ บนเตียงหรือเครื่องลาดด้วยหญ้า ตลอดชีวิต ในวันนี้
    แม้เราก็ละการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ สำเร็จการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ
    บนเตียงหรือเครื่องลาดด้วยหญ้า ตลอดคืนและวันนี้ เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายนทิพย์ ฯ
    แม้ด้วยองค์นี้ และอุโบสถจักชื่อว่าเป็นอันเราเข้าอยู่แล้ว อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๘ นี้
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ บุคคลเข้าอยู่อย่างนี้แล จึงมีผลมาก
    มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ฯ
    อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ บุคคลเข้าอยู่แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
    มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก เพียงไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนพระราชา
    เสวยราชย์ดำรงอิสรภาพและอธิปไตยในชนบทใหญ่ๆ ๑๖ รัฐ มีรัตนะ ๗ ประการมากมาย
    เหล่านี้ คือ อังคะ มคธะกาสี โกสละ วัชชี มัลละ เจดีย์ วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ
    สุรเสนะอัสสกะ อวันตี คันธาระ กัมโพชะ การเสวยราชดำรงอิสรภาพและอธิปไตยของ
    พระราชานั้น ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งอุโบสถที่ประกอบด้วยองค์ ๘ประการ ข้อนั้นเพราะ
    เหตุไร เพราะราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้าเมื่อเทียบสุขอันเป็นทิพย์ ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย ๕๐ ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นจาตุมมหาราช ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้น
    เป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง ๕๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของ
    เทวดาชั้นจาตุมมหาราช ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
    เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่ง
    เทวดาชั้นจาตุมมหาราช นี้เป็นฐานะที่จะมีได้
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า
    ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้าเมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๑๐๐ ปี มนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ๓๐ ราตรี
    โดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่งพันปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณ
    อายุของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ดูกรภิกษุทั้งหลายข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชาย
    ก็ตาม เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหาย
    แห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า
    ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๒๐๐ ปีมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นยามา ๓๐ ราตรีโดย
    ราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง ๒,๐๐๐ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณ
    ของอายุเทวดาชั้นยามา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
    เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่ง
    เทวดาชั้นยามานี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า ราชสมบัติ
    มนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๔๐๐ ปีมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นดุสิต ๓๐ ราตรีโดย
    ราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง ๔,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็น
    ประมาณอายุของเทวดาชั้นดุสิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือ
    ชายก็ตาม เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็น
    สหายแห่งเทวดาชั้นดุสิตนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า
    ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๘๐๐ ปีมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นนิมมานรดี ๓๐ ราตรี
    โดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง ๘,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็น
    ประมาณอายุของเทวดาชั้นนิมมานรดี ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิง
    หรือชายก็ตาม เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความ
    เป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดี นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราหมายเอาข้อนี้
    จึงกล่าวว่า ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๑,๖๐๐ ปีมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
    ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง ๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น
    เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้
    จะเป็นหญิงหรือชายก็ตามเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึง
    เข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เราหมายเอาข้อนี้จึงกล่าวว่า ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอันเป็น
    ทิพย์ ฯ
    บุคคลไม่พึงฆ่าสัตว์ ไม่พึงถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้ พึง
    เว้นจากเมถุนธรรม อันมิใช่ความประพฤติของพรหม ไม่พึง
    พูดเท็จ ไม่พึงดื่มน้ำเมา ไม่พึงบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
    ในราตรี ไม่พึงทัดทรงดอกไม้และของหอม พึงนอนบน
    เตียง บนแผ่นดิน หรือบนเครื่องลาดด้วยหญ้า บัณฑิต
    ทั้งหลายกล่าวอุโบสถ ๘ ประการนี้แล ที่พระพุทธเจ้าผู้ถึง
    ที่สุดแห่งทุกข์ทรงประกาศแล้ว พระจันทร์และพระอาทิตย์
    ทั้งสองส่องแสงสว่างไสว ย่อมโคจรไปตามวีถีเพียงไร
    พระจันทร์และพระอาทิตย์นั้นก็ขจัดมืดได้เพียงนั้น ลอยอยู่
    บนอากาศ ส่องแสงสว่างทั่วทุกทิศในท้องฟ้า ทรัพย์ใดอัน
    มีอยู่ในระหว่างนี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์
    อย่างดี หรือทองมีสีสุกใส ที่เรียกกันว่า หตกะ พระจันทร์
    พระอาทิตย์และทรัพย์นั้นๆ ก็ยังไม่ได้แม้เสี้ยวที่ ๑๖ แห่ง
    อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ เปรียบเหมือนรัศมี
    พระจันทร์ ข่มหมู่ดวงดาวทั้งหมด ฉะนั้น เพราะฉะนั้น
    แหละ หญิงหรือชายผู้มีศีล เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วย
    องค์ ๘ ประการแล้ว กระทำบุญทั้งหลายอันมีสุขเป็นกำไร
    ไม่มีใครติเตียน ย่อมเข้าถึงสวรรค์ ฯ

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๓ หน้าที่ ๑๙๘/๓๗๙
     
  14. MK2508

    MK2508 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2012
    โพสต์:
    2,921
    ค่าพลัง:
    +4,260
    ศีลข้ออพรหมจรรย์ มีองค์ประกอบ ๔ ประการ คือ

    ๑. อชฺฌาจริยวตฺถุ สิ่งที่พึงล่วงละเมิด{แปลได้ความเป็นไทยๆว่า อวัยวะหลักๆที่ถือว่าเกี่ยวข้องในการละเมิดศีลข้ออพรหมจริยา ได้แก่ ทวารเบา(อวัยวะเพศ) ทวารหนัก ปาก }

    ๒. เสวนจิตฺต จิตคิดจะเสพ(กาม)

    ๓. ปโยค สมาปชฺชติ พยายามเข้าถึง(แปลว่า มีความพยายามในการกระทำการเสพกาม)

    ๔. สาทิยติ ยินดี(แปลว่ามีความยินดีในการเสพกาม)
    ทั้งหมดนี้ไม่เฉพาะแค่การห้ามร่วมเพศในทุกรูปแบบ แต่ยังห้ามทั้งการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองอีกด้วย
    จะเห็นได้ว่าด้วยองค์ประกอบจริงๆของศีลอพรหมจริยา ไม่มีข้อห้ามในการสัมผัสถูกต้องเพศตรงข้าม แต่ต้องไม่ใช่สัมผัสในเชิงเกี่ยวข้องกับกามารมณ์ ดังนั้นเพื่อสนับสนุนในการรักษาศีลข้อนี้ จึงนิยมไม่สัมผัสถูกต้องเพศตรงข้ามเสียเลย จะได้ไม่เกิดเรื่อง
    ก็คล้ายๆกับศีลของพระ ไม่ได้ห้ามพระถูกต้องผู้หญิง แต่ระบุไว้ว่า ห้ามภิกษุจับต้องกายหญิงด้วยจิตกำหนัดแต่จิตกำหนัดมันคือความคิด มันเป็นนามธรรม ระบุได้ยาก ยิ่งถ้าไปเจอคนห่มผ้าเหลือง(ไม่ใช่พระที่มีสมณสัญญาจริง)ยิ่งไปกันใหญ่ ยืนกรานคำเดียว"จับจริงจ้ะ แต่ไม่มีจิตกำหนัดนะจ๊ะ"เจออย่างนี้ก็วุ่นวายหนัก พระเถระแต่โบราณจึงสรุปกันว่า เหล่าพระเณรจะไม่ถูกต้องผู้หญิงเสียเลย ถือปฏิบัติให้เหมือนๆกันทั้งหมด จะได้ไม่ต้องมานั่งสอบสวนวินิจฉัยกันว่ากำหนัดจริงหรือไม่ ถ้าไม่ไปแตะต้องเลย โอกาสเกิดความวุ่นวายก็ลดลง
    การประพฤติปฏิบัติใดที่เป็นไปเพื่อส่งเสริมพระธรรมวินัยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญทั้งสิ้น
    มารดาบิดาคือพรหมของบุตร เชื่อว่าคุณไม่มีเจตนาสัมผัสกายมารดาในเชิงกามารมณ์แน่นอน อย่าเป็นกังวลให้จิตเศร้าหมองเลย พระบางรูปเป็นลูกคนเดียว ไม่มีญาติที่ไหนอีก โยมมารดาป่วย พระยังปรนนิบัติได้เลย แต่นั่นหมายถึงว่าต้องไม่มีใครแล้วจริงๆ ไหว้วานใครก็ไม่ได้อีกแล้ว
     
  15. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    อันแรกถ้าใหม่ๆ ไม่ดี มันจะหลุดง่าย สมาทานใหม่ ตั้งใจใหม่ พอเข้าที่ สำรวมจิตให้มั่น อานาปาฯ อย่าให้หลุด ไม่มีจิตกำหนัด ก็ผ่านได้ ไม่งั้นจะกลายเป็นเคร่งกว่าพระ "ถ้าตกอยู่ในอันตรายเข้าช่วย ไม่ตั้งใจ ไม่มีจิตกำหนัด ไม่ต้องด้วยอาบัติข้อนี้"
    อันสอง ไม่ควรอย่างยิ่ง มีบัญญัติใน พระวินัย "ภิกษุ ไม่พึงใช้หมอนยาวกึ่งกาย (ลักษณะของหมอนข้าง) ผู้ใช้ต้องอาบัติทุกกฏ" อยู่ตรงไหนลองหาดูครับ

    อันที่สองต้องมาจากการนอน ที่ต้องนอนอย่างมีสติ เอนกายลง สีหสไสยาสน์ ตั้งใจนอน และลุกขึ้นอย่างมีสติ จึงจะสอดคล้องกับ "อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ" ครับ

    ศีล 8 เป็นข้อกำหนดของ พระอนาคามี ที่อาจารย์สอนไว้ว่าต้องมี "อธิจิต" เป็นพื้นฐาน ถ้าทำได้ดีครับ ถ้าหนักก็สมาทานเท่าที่จะทำได้ตามเวลากำหนด อย่าบีบคั้น เร่งรัด จะจิตตก ตีกลับแรง เอา ศีล 5 กับกรรมบถ 10 ให้รอดเป็น"ปกติ ทุกเวลา"ก่อนจะประเสริฐกว่า

    ขอความเจริญในธรรม จงมีแด่ทุกๆท่านครับ
     
  16. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825




    ขออนุโมทนาสาธุ...ในคำตอบนะคะ ช่วงที่ดิฉันไปปฏิบัติที่วัดก็ไม่เคยเกิด

    เรื่องแบบนี้ขึ้น ร่วมทั้งเรื่องหมอนพิงหลังและกอดนอนด้วย ต้องขอบคุณจขกท ที่มาตั้ง

    กระทู้ถามเรื่องนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และอาจมีอีกหลายคนเข้าใจผิดได้


    แต่มีอยู่กรณีนึงที่ดิฉันได้เห็นคือการไปปฏิบัติธรรม มีแม่ลูกคู่นึงมักจะเดินกอด

    คอกันในวัดไปมา ( ลูกผู้ชายค่ะ ) ซึ่งพระอาจาร์ยได้เคยบอกไว้ในเรื่องเกี่ยวกับศีลใน

    ทั้ง 8 ข้อ แต่ดิฉันเองจำได้บางส่วนค่ะ


    " เมื่อสวมชุดขาว สมาทานศีล 8 แล้วนั้น ถึงจะเป็นแม่ลูกกันโดยสายเลือดก็ตาม

    แต่ไม่ควร แตะเนื้อต้องตัวกันในทุกกรณี เพราะทำให้ศีลข้อนี้พร่อง ไปจนถึงขาดได้ รวมถึง


    กรณีที่เดินผ่านกัน แล้วหญิงไปถูกชายหรือชายไปถูกหญิง โดยไม่เจตนาก็ผิดศีลค่ะ



    ส่วนเรื่องหมอนดิฉันเองก็พึ่งจะทราบ ( แต่ถ้าไปปฏิบัติที่วัด ก็ไม่เคยทำใน

    กรณีนี้ เพราะจะมีหมอนให้ ใบเดียว ผ้าห่มหนึ่งผื่น เสื่อปูนอน และแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย

    เพราะต้องปฏิบัติกรรมฐานและเดินจงกรมตลอดเป็นเวลา )



    ในเมื่อรู้แล้วก็จะได้สำรวมระวังในการปฏิบัติครั้งต่อไป
     
  17. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ประจำก็ศีล 5 และกรรมบถ 10 ไม่ขาดครับผม

    วันนี้พึ่งถือศีล 8 ครั้งที่ 2 ครับ พึ่งหัดปฏิบัติน่ะครับผม

    อนุโมทนาบุญกับทุกคำตอบนะครับ
     
  18. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    แต่ผมกอดหมอนไม่เกี่ยวกับราคะแม้แต่นิดเดียวเลยนะ แค่กอดแล้วสบายตัวดี
    ไม่งั้นนอนไม่หลับเลยจริงๆ --"
    ข้อ 3 ก็ไม่ใช่ ข้อ 8 ก็ไม่เข้านะครับ จากที่ดูแล้ว เรื่องนอนกอดหมอนแล้วไม่มีจิตอะไร

    ถือว่าค่อยๆฝึกไปนะครับ เมื่อครั้งที่แล้วไม่ถึง 24 ชม. ครั้งนี้ต้องครบ 24 ชม.ให้ได้ !!

    *ส่วนท่านที่สงสัยทำไมผมเล่นคอมพอดีผมไปอ่านกระทู้เว็บธรรมจักร เขาบอกว่าถือศีล 8 เข้าเว็บไซต์ธรรมะได้และต้องทำใจเป็นกลางครับ*

    ขอบคุณทุกคนนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2013
  19. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เริ่มต้นถือศีล ๘ แค่สองครั้งทำได้นี่ดีมากแล้วครับ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าเอามาใส่ใจ ร้อยคนก็ร้อยอย่างครับ
     
  20. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตน้ำปานะที่ทำจากผลมะม่วง ผลหว้า ผลกล้วย ผลมะทราง ผลจันทน์หรือองุ่น เง่าบัว ผลมะปรางหรือลิ้นจี่ ผลไม้ทุกชนิด น้ำใบไม้ทุกชนิด น้ำดอกไม้ทุกชนิด น้ำอ้อยสด ยกเว้นน้ำเมล็ดข้าวเปลือก เว้นน้ำผักดอง เว้นน้ำดอกมะทราง นอกเหนือจากนี้ก็พิจารณาเป็นอย่างๆ ไป หลักการง่ายๆ อะไรที่ชาวบ้านเขาปรุงเป็นอาหารกินกันก็ควรงดเว้น ถ้าสงสัยหรือไม่แน่ใจก็งดเท่านั้นเอง คนตั้งใจถือศีลแปดกอดแม่ตัวเองไม่ได้กอดหมอนข้างก็ไม่ได้ ฆราวาสยังมีหัวใจของความปุถุชนเป็นลูกเป็นแม่กันทำไมกอดไม่ได้ นอนกอดแม่นะครับ ไม่ได้นอนกอดภรรยา ศีลแปดเป็นศีลของฆราวาส อย่าเอาศีลของพระมาใช้กับฆราวาส พระถือศีล ๒๒๗ ข้อ มีพระธรรมและวินัยบัญญัติไว้ว่า "ภิกษุรูปใดก็ตามรับเงินก็ดี ทองก็ดี หรือสิ่งที่สมมุติให้เป็นเงินก็ดี รับเองก็ดีต้องอาบัติ ให้คนอื่นรับต้องอาบัติ หรือเขารับให้ยินดีก็ต้องอาบัติ" พระรับเงินกันเกือบทั้งประเทศ รับกันเป็นปกติ ไม่เห็นมีใครไปตำหนิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...