ติดตามสถานการณ์ "ซีเรีย" สงครามจะขยายขอบเขตหรือไม่???

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย จริง?หรือ?, 28 สิงหาคม 2013.

  1. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    รัสเซียไม่เชื่อซีเรียใช้แก๊สพิษ

    นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียยังไม่ปักใจเชื่้อหลักฐานที่สหรัฐและพันธมิตร อ้างว่า เป็นการใช้แก๊สพิษโจมตีชานกรุงดามัสกัสของซีเรีย และระบุว่า เป็นฝีมือของรัฐบาลซีเรีย

    รัสเซียได้ต่อต้านแผนการใช้ปฏิบัติการทางทหารภายใต้การนำของสหรัฐ เพื่อเล่นงานรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซ้าด แม้ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเลื่อนเวลาการโจมตีออกไป เนื่องจากต้องการเสนอให้สภาคองเกรสส์พิจารณาก่อน

    นายลาฟรอฟ กล่าวที่มหาวิทยาลัยในมอสโคว์ว่า สิ่งที่สหรัฐ อังกฤษและฝรั่งเศส นำมาแสดงให้เห็นนั้น ไม่สามารถทำให้รัสเซียคล้อยตามได้ และยังมีข้อสงสัยอีกมากเกี่ยวกับภาพถ่ายที่ถูกระบุว่า เป็นเหตุการณ์โจมตีด้วยแก๊สพิษถูกโพสต์ในอินเตอร์เน็ต

    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ว่า เป็นเรื่องที่ไร้สาระอย่างยิ่งที่รัฐบาลซีเรียจะโจมตีในขณะที่มีอำนาจเหนือกว่า ซึ่งนายลาฟรอฟ บอกว่า ตะวันตกไม่ยอมรับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ที่ตั้งข้อสงสัยอย่างจริงจังต่อภาพในวิดีโอของเหยื่อแก๊สพิษที่ปรากฏในอินเตอร์เน็ต ซึ่งหาข้อเท็จจริงไม่ได้ และเมื่อสอบถามข้อมูลหรือหลักฐานเพิ่มเติม ก็กลับได้รับคำตอบว่า เป็นความลับและไม่อาจให้ดูได้

    ความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียในประเด็นซีเรีย ได้รับคาดหมายว่า จะเป็นศูนย์กลางการประชุมสุดยอด จี 20 ที่ประธานาธิบดีปูตินเป็นเจ้าภาพในสัปดาห์นี้ ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก..

    http://www.bangkokbiznews.com/home/...2/527012/รัสเซียไม่เชื่อซีเรียใช้แก๊สพิษ.html
     
  2. mazda626

    mazda626 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +221
    สหรัฐนั้นแหละตัวการ จากเหตุการต่างๆที่ผ่านมา บางที อาจจะวางแผนการบางอย่างโดยที่เราคาดไม่ถึงก็ได้
     
  3. white sky

    white sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +118
    เกล็ดข้อมูลน่ารู้อีกเรื่องหนึ่ง

    ประธานาธิบดี อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย เกิดวันที่ 11 กันยายน
     
  4. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    อเมริกาคิดโจมตีซีเรีย จุดเปลี่ยนนโยบายโอบามา
    1 กันยายน 2013
    ชาญชัย คุ้มปัญญา
    (ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 17 ฉบับที่ 6145 วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ.2556)
    เมื่อหนึ่งปีก่อนคุณวิตอเรีย นูแลนด์ (Victoria Nuland) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า นโยบายของรัฐบาลโอบามาต่อซีเรียคือร่วมมือกับนานาชาติคว่ำบาตรรัฐบาลอัสซาด รัฐบาลเชื่อว่าการแทรกแซงทางทหารจากภายนอกเป็นการเติมเชื้อไฟ มีแต่ทำให้คนตายเพิ่มขึ้น
    ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมามีข่าวการใช้อาวุธเคมีในซีเรียหลายครั้ง เฉพาะที่สหประชาชาติได้รับรายงานอย่างเป็นทางการมีจำนวนถึง 13 ครั้ง (ไม่รวมเหตุการณ์ล่าสุด) และตลอดหนึ่งปีดังกล่าวประธานาธิบดีบารัก โอบามาแสดงท่าทีลังเลใจ ไม่ยอมสรุปว่ามีการใช้อาวุธเคมีหรือไม่ แม้ประกาศว่าจะลงมือจัดการอย่างเด็ดขาดถ้าพบว่ามีการใช้อาวุธเคมีจริง
    การใช้อาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ชานกรุงดามัสกัส กลายเป็นตัวจุดชนวนให้รัฐบาลโอบามาประกาศว่าต้องการโจมตีซีเรีย ล่าสุดนายจอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสรุปว่ารัฐบาลอัสซาดใช้อาวุธเคมีมาแล้วหลายครั้ง มีการพูดกันว่าอาจโจมตีซีเรียแม้จะต้องกระทำโดยลำพัง แม้สหประชาชาติ หลายประเทศไม่เห็นด้วย
    เหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของนโยบายรัฐบาลโอบามาต่อซีเรีย

    สิ่งที่รัฐบาลโอบามาพยายามแสดงออกและชักนำให้คนทั่วโลกคิดตามคือ แยกประเด็นความขัดแย้งในซีเรียกับประเด็นการใช้อาวุธเคมีออกจากกัน ชี้ว่าเรื่องความขัดแย้งในซีเรียต้องแก้ไขด้วยกระบวนการทางการเมือง ซึ่งอาจไม่บรรลุผลในระยะสั้น (อย่างน้อยไม่บรรลุผลมาสองปีครึ่งแล้วนับตั้งแต่เริ่มเกิดความขัดแย้ง) ที่รัฐบาลโอบามากำลังคิดทำขณะนี้คือโจมตีกองทัพรัฐบาลอัสซาด เพื่อลงโทษเป็นตัวอย่างแก่ผู้ที่คิดจะใช้อาวุธเคมีในอนาคต เนื่องจากการใช้อาวุธดังกล่าวผิดกฎหมายระหว่างประเทศ มีผลทำให้พลเรือนเสียชีวิต

    จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้วิพากษ์วิจารณ์มากมาย หลายแง่หลายมุม มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
    ประการแรก หากรัฐบาลอัสซาดเป็นผู้อาวุธเคมีจริง รัฐบาลโอบามายึดถือกฎเกณฑ์ใดในการลงโทษด้วยการโจมตีทางทหาร
    การโจมตีมีรายละเอียดอย่างไร เช่น เป้าหมายโจมตีคืออะไร มากน้อยเพียงใด ทำไมต้องโจมตีเป้าหมายเหล่านั้น ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ กฎเกณฑ์ดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกหรือไม่
    ราวปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พลเอกมาร์ติน เดมพ์ซี่ย์ (Martin Dempsey) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเสนอแนวทางช่วยเหลือฝ่ายต่อต้าน 5 แนวทาง เพื่อให้ฝ่ายบริหารประกอบการตัดสินใจ หนึ่งในนั้นคือโจมตีเป้าหมายทางทหารที่สำคัญ และชี้ว่าอาจทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งต้องเสียชีวิต

    หากสหรัฐลงมือโจมตี ผู้ที่เสียชีวิตคือทหารกับพลเรือนที่ได้รับลูกหลง ถามว่าคนเหล่านี้สมควรต้องจบชีวิตหรือไม่ หรือควรลงโทษผู้สั่งการใช้อาวุธเคมีมากกว่า การโจมตีจะทำให้จำนวนยอดผู้เสียชีวิตที่มีถึงแสนรายแล้วให้เพิ่มมากขึ้นอีก และได้ชื่อว่าเป็นอีกประเทศที่ทำให้ชาวซีเรียเสียชีวิตโดยตรง
    ประธานาธิบดีบารัก โอบามาเพิ่งกล่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า (28 สิงหาคม) “ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ (โจมตีซีเรีย-ผู้เขียน) แต่คิดว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องสะท้อนให้รู้ว่ามีการใช้อาวุธเคมี” ในขณะที่รัฐบาลอัสซาดพยายามปิดบังมาโดยตลอด ... การใช้อาวุธเคมีไม่ช่วยแก้ปัญหาภายในของซีเรีย มีแต่ทำให้ “พลเรือนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต” แต่การโจมตีย่อมมีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่ถูกลูกหลง ต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รัฐบาลโอบามาได้คำนึงสิทธิของพวกเขาตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลที่ชาติตะวันตกยึดถือมากน้อยเพียงไร ขัดแย้งกับจุดยืนที่ประกาศไว้หรือไม่

    ประการที่สอง สหประชาชาติไม่มีข้อสรุปว่าใครเป็นผู้ใช้อาวุธเคมี
    ดังที่เคยวิเคราะห์ในบทความครั้งก่อนว่า ภารกิจดั้งเดิมของเจ้าหน้าสหประชาชาติที่เข้าไปตรวจสอบคือค้นหาความจริงว่ามีการใช้อาวุธเคมีในซีเรียหรือไม่เท่านั้น ภารกิจไม่ครอบคลุมถึงการสรุปว่าใครหรือฝ่ายใดเป็นผู้ใช้ กรอบภารกิจดังกล่าวมาจากการตกลงของชาติมหาอำนาจในคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ และการยินยอมของรัฐบาลซีเรีย หากประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ยินยอมการตรวจสอบจะไม่เกิดขึ้น
    จากหลักฐานที่ปรากฏ เหตุการณ์ที่ชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม น่าจะเป็นการใช้อาวุธเคมี ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่รายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคงอย่างมากได้เพียงข้อสรุปว่ามีการใช้อาวุธเคมีจริงในวันนั้น แต่จะไม่มีคำตอบว่าใครหรือฝ่ายใดเป็นผู้ใช้
    ผลคือคณะมนตรีความมั่นคงจะไม่มีข้อสรุปว่าใครเป็นผู้ใช้อาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม และยังไม่มีคำตอบของการใช้อาวุธเคมีตามที่เคยรับรายงานก่อนหน้านี้รวมทั้งหมด 13 ครั้งด้วย ในจำนวนนี้มีทั้งที่ชี้ว่ารัฐบาลอัสซาดเป็นผู้ใช้กับที่ชี้ว่าฝ่ายต่อต้านเป็นผู้ใช้ กลายเป็นว่าขึ้นกับรัฐบาลของแต่ละประเทศว่าจะสรุปหรือไม่สรุปอย่างไร

    ส่วนข้อสรุปที่รัฐบาลโอบามาประกาศว่ารัฐบาลอัสซาดใช้อาวุธเคมีมาแล้วหลายครั้ง เป็นเพียงข้อสรุปที่อีกหลายประเทศไม่เห็นด้วย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียไม่ยอมรับข้อสรุปของอเมริกา กล่าวอย่างชัดเจนว่าหลายประเทศที่สรุปว่ารัฐบาลอัสซาดเป็นผู้ใช้นั้นปราศจากหลักฐานที่มีน้ำหนัก
    ความจริงเรื่องใครเป็นผู้ใช้อาวุธเคมีจึงเป็นข้อสรุปจากรัฐบาลของแต่ละประเทศ แต่ไม่ใช่ข้อสรุปจากสหประชาชาติ ทั้งยังไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่เจ้าหน้าที่สหประชาชาติจะมีโอกาสเข้าไปตรวจสอบอีก

    ประการที่สาม ทำไมรัฐบาลโอบามารวบรัดอยากแทรกแซงทางทหาร
    ดังที่ได้เกริ่นแล้วว่าตลอดหนึ่งปีตั้งแต่ที่รัฐบาลโอบามาประกาศว่าจะลงมือจัดการอย่างเด็ดขาดถ้าพบว่ามีการใช้อาวุธเคมีจริง แต่ในทางปฏิบัติรัฐบาลโอบามาลังเลใจที่จะตัดสินใจว่ามีการใช้อาวุธเคมีหรือไม่ ได้แต่กล่าวว่าต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่จู่ๆ เมื่อเกิดเหตุวันที่ 21 สิงหาคม รัฐบาลโอบามารวบรัดตัดสินใจต้องการแทรกแซงทางทหารแบบปัจจุบันทันด่วน ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานอันเป็นที่ยอมรับ เป็นพฤติกรรมที่แตกต่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเทียบกับตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

    คำถามนี้อาจมีได้หลายคำตอบ คำตอบหนึ่งที่สำคัญได้จากการตอบคำถามว่าใครได้ประโยชน์จากเหตุการณ์วันที่ 21 สิงหาคม หลายคนให้ความเห็นว่าเหตุที่รัฐบาลโอบามาตัดสินใจคิดโจมตีซีเรียเพราะหวังช่วยเหลือฝ่ายต่อต้าน เนื่องจากกำลังเพลี่ยงพล้ำในหลายเมือง
    นาย Walid Muallem รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศซีเรียกล่าวว่าการโจมตีจะเป็นประโยชน์ต่ออิสราเอลกับอัลกออิดะห์เท่านั้น ทุกวันนี้กลุ่มฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่อิงกับอัลกออิดะห์คือกลุ่มที่มีการจัดตั้งดีที่สุด มีอาวุธทันสมัยและเข้มแข็งที่สุด
    นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ (Sergey Lavrov) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเห็นว่าการโจมตี “เป็นไปตามคำขอ” จากฝ่ายต่อต้านรัฐบาล
    นายฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน เชื่อว่ามีคนบางกลุ่มต้องการ “ใช้การโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองผ่านสื่อต่างๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากสถานการณ์การสู้รบที่แท้จริงในซีเรีย เพื่อจะได้ประโยชน์จากการใช้อาวุธเคมี แสดงมุมมองอย่างคนสายตาสั้นและเต็มไปด้วยอันตราย”

    การโจมตีทำลายกองทัพอัสซาดไม่ว่าจะเป็นศูนย์บัญชาการ ฐานทัพ คลังอาวุธ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ย่อมบั่นทอนขีดความสามารถในการรบของกองทัพรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการจงใจหรือไม่ ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจะได้ประโยชน์โดยตรง ทำให้สองฝ่ายมีอำนาจการรบทัดเทียมมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลโอบามาลังเลใจที่จะช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านด้วยอาวุธ (อาจมีการช่วยเหลือแบบลับๆ แต่ไม่มาก)
    การที่สหรัฐโจมตีด้วยตนเองนอกจากแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลโอบามากังวลมาตลอดว่าหากให้อาวุธชั้นเลิศแก่ฝ่ายต่อต้าน อาวุธอาจตกอยู่ในมือของกลุ่มก่อการร้าย อีกเหตุผลหนึ่งคือการใช้อาวุธหนักไม่ว่าจะเป็นรถถัง ปืนใหญ่ เครื่องบินรบ อาวุธเหล่านี้เป็นเทคโนโลยีชั้นสูง ผู้ใช้หรือบังคับอาวุธเหล่านี้จำต้องมาจาการคัดสรร ผ่านการฝึกอบรมตามขั้นตอนยาวนาน ไม่ใช่พลเรือนทุกคนจะมีความเหมาะสม นอกจากนี้อาวุธเหล่านี้จำต้องมีระบบสนับสนุน ลองจินตนาการว่าเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ต้องมีช่างเครื่อง ช่างซ่อมบำรุง ต้องเติมน้ำมัน กระสุน ต้องมีศูนย์ซ่อมบำรุงพร้อมอุปการณ์เครื่องมือจำนวนมาก ฯลฯ จึงเป็นเรื่องยากหากจะให้ฝ่ายต่อต้านมีและใช้ด้วยอาวุธเหล่านี้ด้วยตนเอง ทั้งยังไม่มีหลักประกันว่าหากฝ่ายต่อต้านมีและใช้อาวุธเหล่านี้จะรบชนะกองทัพอัสซาด
    การโจมตีลดทอนอำนาจการรบจึงเปรียบเหมือนการที่สหรัฐเป็นมือเป็นไม้ช่วยเหลือฝ่ายต่อต้าน ใช้กองทัพชั้นเลิศของตนจัดการกองทัพอัสซาด โดยที่ฝ่ายต่อต้านไม่ต้องเปลืองแรงเลย

    หากเหตุผลเบื้องหลังของการโจมตีคือเพื่อช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียดังกล่าว นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของนโยบายโอบามาต่อซีเรีย จากที่มุ่งสนับสนุนทางการเมือง ให้สนับสนุนทางการทหารเล็กน้อยอย่างลับๆ มาเป็นการพาตัวเองสู่สมรภูมิ

    การอ้างเหตุผลเรื่องสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมีความเป็นไปได้สูง เพราะตลอดสองปีครึ่งที่ผ่านมาฝ่ายต่อต้านเรียกร้องขอต่างชาติแทรกแซงด้วยกำลังทหารอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งดังกล่าวที่เคยวิเคราะห์แล้วว่าการใช้อาวุธเคมีไม่ช่วยให้ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายต่อต้านมีชัยในสมรภูมิ แต่ฝ่ายต่อต้านจะได้รับประโยชน์หากสามารถดึงความช่วยเหลือเพิ่มเติม
    กระแสการโจมตีซีเรียเพราะเหตุการใช้อาวุธเคมีกลายเป็นข่าวเด่นของโลก มีการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาทั้งด้านบวกด้านลบ หากจะพูดถึงด้านบวก การที่รัฐบาลโอบามาตัดสินใจคิดใช้กำลังโจมตีเท่ากับได้วางบรรทัดฐานว่าต่อไปนี้หากประเทศใดหรือฝ่ายใดใช้อาวุธดังกล่าวจะได้รับการลงโทษ ในอนาคตไม่ว่าประเทศใดหรือฝ่ายใดคิดจะใช้อาวุธเคมีจึงต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
    ในอีกมุมหนึ่งหากรัฐบาลโอบามาโจมตีจริงจะเป็นการพาประเทศถลำลึกสู่ความขัดแย้งในซีเรีย ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นนอกจากส่งผลต่อภูมิภาคตะวันออกกลางที่ปั่นป่วนต่อเนื่องมาหลายปี อาจส่งผลต่อการเมืองภายในประเทศด้วยก็เป็นไปได้ นี่อาจเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ สำคัญอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน
     
  5. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    แม็คเคนหนุนข้อเสนอโอบามาโจมตีซีเรีย
    วันอังคารที่ 3 กันยายน 2556 เวลา 06:59 น.

    [​IMG]
    จอห์น แม็คเคน วุฒิสมาชิกคนดัง ชี้ จะเกิด “หายนะ” หากรัฐสภาสหรัฐปฏิเสธข้อเสนอโจมตีซีเรียของประธานาธิบดีโอบามา หลังประชุมกับโอบามาที่ทำเนียบขาว


    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ว่า หลังจากประชุมร่วมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐที่ทำเนียบขาวแล้ว นายจอห์น แม็คเคน ส.ว.คนดังพรรครีพับลิกัน ออกมาเตือนว่า มันจะ เกิด“หายนะ” สำหรับรัฐสภา หากปฏิเสธข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโอบามา ในการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย ซึ่งเขาเห็นด้วยอย่างระมัดระวังต่อแผนการของโอบามา อดีตคู่แข่งในการเลือกตั้ง ในการโจมตีซีเรียอย่างจำกัด

    นายแม็คเคน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาจะไม่สนับสนุนการโจมตีตามลำพัง ที่ไม่มีส่วนร่วมของยุทธศาสตร์ในวงกว้าง เพื่อเอาชนะรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แต่หลังการออกจากทำเนียบขาววันนี้ เขาพร้อมสนับสนุนข้อเสนอของโอบามา

    นายแม็คเคน กล่าวว่า หากรัฐสภาปฏิเสธมตินี้ หลังจากประธานาธิบดีโอบามาเสนอแล้ว จะเกิดผลลัพธ์เลวร้ายต่อความน่าเชื่อถือของสหรัฐในสายตาของมิตรประเทศ และปรปักษ์ โอบามาให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนกบฏซีเรียมากขึ้น และวุฒิสมาชิกลินด์เซย์ เกรแฮม ซึ่งเข้าร่วมประชุมด้วย ก็กล่าวว่า ดูเหมือนว่าแผนการของโอบามามีน้ำหนักที่จะทำให้ฝ่ายคัดค้านหันมาสนับสนุน

    นายแม็คเคน เคยวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโอบามาเกี่ยวกับปัญหาซีเรียเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และว่า การลังเลของโอบามาในการเข้าแทรกแซง เป็นนโยบายเพิกเฉยที่นำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชน 100,000 คน, อพยพลี้ภัยสงครามกว่า 1 ล้านคน และความขัดแย้งลุกลามไปทั่วภูมิภาค


    แม็คเคนหนุนข้อเสนอโอบามาโจมตีซีเรีย | เดลินิวส์
     
  6. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    รัสเซียเตือนภัยพลเมืองเลี่ยงเดินทางเข้าประเทศที่ "เกี่ยวข้อง" กับสหรัฐ
    วันอังคารที่ 3 กันยายน 2556 เวลา 07:34 น.

    [​IMG]
    รัฐบาลรัสเซียมาแปลก ออกประกาศ "เตือนภัย" ประชาชนของตัวเอง ให้ระวังตัวหรือเลี่ยงการเดินทางเข้าประเทศ ที่ลงนามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนร่วมกับสหรัฐ


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ว่าโดยปกติแล้ว การที่ประเทศหนึ่งจะออกประกาศเตือนภัยการเดินทางไปยังอีกประเทศหนึ่ง มักมีสาเหตุจากการก่อการร้าย หรือเหตุการณ์รุนแรง แต่รัสเซียออกประกาศเตือนภัยพลเมืองของตัวเอง ให้หลีกเลี่ยงการเดินเข้าประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนร่วมกับสหรัฐ

    กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ เตือนประชาชนของตัวเองให้ระมัดระวัง หรือหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปยังประเทศที่มีการลงนามทวิภาคีด้านกฎหมาย ที่รวมถึงสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับรัฐบาลวอชิงตัน เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า สหรัฐกลับมาแสดงการแผ่ขยาย "อิทธิพล" และ "บารมี" ทางกฎหมายอีกครั้ง

    เนื้อหาในถ้อยแถลงยังระบุถึงกรณีของนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน บุคคลที่สหรัฐกำลังต้องการตัวในข้อหาจารกรรมข้อมูลลับของรัฐบาล ซึ่งได้รับการอนุมัติจากมอสโกให้ลี้ภัยในประเทศได้ 1 ปี ว่าแม้จะไม่มีข้อตกลงเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน แต่จนถึงปัจจุบัน สหรัฐเองก็ปฏิเสธคำร้องของรัสเซียในเรื่องเดียวกันนี้หลายครั้ง

    อาทิ กรณีของนายวิคเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธชื่อกระฉ่อนชาวรัสเซีย ซึ่งถูกจับกุมได้ที่ประเทศไทย เมื่อปลายปี 2551 ก่อนที่รัฐบาลไทยจะส่งตัวบูทให้ไปดำเนินคดีที่สหรัฐในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนในอีก 3 ปีต่อมา โดยวอชิงตันยืนยันว่า ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศในการขอตัวบูทมาดำเนินคดีที่สหรัฐ

    ในตอนท้ายของแถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลรัสเซียมีความเป็นห่วงในสวัสดิภาพของประชาชนว่า อาจไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมในสหรัฐ แต่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลรัสเซียทุกแห่งพร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ แม้อาจจะ "ไม่ได้ผล" ก็ตาม

    รัสเซียเตือนภัยพลเมืองเลี่ยงเดินทางเข้าประเทศที่ "เกี่ยวข้อง" กับสหรัฐ | เดลินิวส์



    ความเห็นส่วนตัว
    นี่เป็นการทำสงครามจิตวิทยาชัดๆ ทำให้อเมริกาต้องคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากตัวเองโจมตีซีเรียจริงๆ มีไม่มีไม่รู้แต่ที่รู้ๆ คือทำให้ต้องหยุดคิด หยุดวิเคราะห์ และที่แน่ๆเกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ และผลกระทบต่อสุขภาพจิตของชาวอเมริกาแน่ๆไม่มากก็น้อย
     
  7. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    สหรัฐเริ่มได้เสียงหนุนบุกซีเรียจากแกนนำส.ว.รีพับลิกัน
    วันอังคารที่ 3 กันยายน 2556 เวลา 09:50 น.

    [​IMG]
    กลุ่มนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลในพรรครีพับลิกัน เริ่มมีท่าทีคล้อยตามประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ซึ่งกำลังต้องการเสียงสนับสนุนจากสภาคองเกรส เพื่อนำไปสู่การเปิดฉากโจมตีทางทหารต่อซีเรีย


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ก.ย. นายลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกรัฐเซาท์แคโรไลนา จากพรรครีพับลิกัน แถลงภายหลังเข้าพบผู้นำสหรัฐเป็นการส่วนตัวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับนายจอห์น แม็คเคน วุฒิสมาชิกพรรคเดียวกันจากรัฐเทกซัส ว่าจริงอยู่ที่เขาไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยดังเช่นสงครามในอัฟกานิสถานและอิรัก แต่หากสหรัฐเพิกเฉยต่อวิกฤตการณ์ในซีเรีย อาจเป็นการเปิดช่องโหว่ให้อิหร่านกระทำการบางอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์

    เกรแฮมเผยด้วยว่า ทำเนียบขาวได้ชี้แจงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารในซีเรียให้เขาและแม็เคนรับทราบ "อย่างละเอียด" ว่ารัฐบาลสหรัฐต้องการให้ปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้เป็นการ "เสริมกำลัง" ให้แก่กลุ่มกบฏ ซึ่งเป็นเนื้อหามากกว่าที่โอบามาแถลงเมื่อวันเสาร์ว่า หากมีการโจมตีเกิดขึ้น จะเป็นการโจมตีใน "วงแคบ"

    ขณะที่แม็คแคนกล่าวเป็นนัยว่า "หายนะ" จะเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย หากสภาคองเกรสลงมติคัดค้าน และการที่กองทัพสหรัฐทยอยส่งเรือพิฆาต เรือบรรทุกเครื่องบิน และเรือยกพลขึ้นบกเข้าไปประจำการบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดงไม่ใช่ "เรื่องบังเอิญ" แน่นอน


    สหรัฐเริ่มได้เสียงหนุนบุกซีเรียจากแกนนำส.ว.รีพับลิกัน | เดลินิวส์
     
  8. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ผู้นำซีเรียเตือนสหรัฐกำลังจะก่อ "สงครามตะวันออกกลาง"
    วันอังคารที่ 3 กันยายน 2556 เวลา 11:23 น.

    [​IMG]
    ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย เตือนว่า ปฏิบัติการทางทหารของตะวันตกเสี่ยงที่จะเป็นชนวนให้เกิด "สงครามระดับภูมิภาค" ไม่ใช่แค่เฉพาะในซีเรีย


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ว่าหนังสือพิมพ์ "เลอ ฟิกาโร" ของฝรั่งเศส ฉบับวันจันทร์ ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ซึ่งถือเป็นการให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตกครั้งแรกในรอบหลายเดือนว่า สถานการณ์ในซีเรียรวมถึงประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงตอนนี้ เปรียบเสมือน "ถังบรรจุดินระเบิด" ที่กำลังจะสร้างความเสียหายรุนแรงเป็นวงกว้างในอนาคตอันใกล้นี้

    ดังนั้น ประชาคมโลกจึงไม่ควรพุ่งเป้าตั้งข้อสงสัยมายังแนวทางการตอบโต้ของซีเรียเพียงอย่างเดียว ซึ่งแน่นอนว่าดามัสกัสพร้อมสู้จนถึงที่สุด แต่ควรคำนึงถึงผลที่จะตามมา ทันทีที่ยิงระเบิดลูกแรกให้มาตกลงใจกลางเมืองหลวงของซีเรียด้วยว่า จะเกิด "อะไร" ขึ้นต่อไป ซึ่งคงหนีไม่พ้นความวุ่นวายที่จะลุกลามไปทั่วทั้งตะวันออกกลาง กลุ่มก่อการร้ายจะฉวยโอกาสนี้ออกมาก่อเหตุรุนแรง เพื่อเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

    นอกจากนี้ อัสซาดยังกล่าวถึงฝรั่งเศส ซึ่งประกาศตัวเป็นพันธมิตรทางทหารของสหรัฐในการโจมตีซีเรียว่า ชาวซีเรียไม่เคยมองว่าพลเมืองของฝรั่งเศสเป็นศัตรู แต่นโยบายของรัฐบาลปารีสต่างหากที่กำลังเป็นปรปักษ์ต่อดามัสกัส ดังนั้น หากฝรั่งเศสจับมือวอชิงตันเข้ามารุกรานซีเรียในอนาคต ฝรั่งเศสจะกลายหนึ่งในศัตรูของซีเรียโดยปริยาย และจะต้อง "ชดใช้" ในสิ่งที่ทำลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย

    บทสัมภาษณ์ของผู้นำซีเรียได้รับการเผยแพร่ในเวลาเดียวกับที่ทางการฝรั่งเศสเผยรายงานจากหน่วยข่าวกรองของตัวเอง ว่ารัฐบาลของอัสซาดคือผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมี แต่ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตเอาไว้ที่ราว 280 ศพ น้อยกว่ารายงานของสหรัฐซึ่งระบุจำนวนผู้เสียชีวิตเอาไว้มากถึง 1,429 ศพ


    ผู้นำซีเรียเตือนสหรัฐกำลังจะก่อ "สงครามตะวันออกกลาง" | เดลินิวส์


    ความคิดเห็นส่วนตัว

    ผมอยากให้จับตาประโยคนี้ไว้ครับ

    "อัสซาดยังกล่าวถึงฝรั่งเศส ซึ่งประกาศตัวเป็นพันธมิตรทางทหารของสหรัฐในการโจมตีซีเรียว่า ชาวซีเรียไม่เคยมองว่าพลเมืองของฝรั่งเศสเป็นศัตรู แต่นโยบายของรัฐบาลปารีสต่างหากที่กำลังเป็นปรปักษ์ต่อดามัสกัส ดังนั้น หากฝรั่งเศสจับมือวอชิงตันเข้ามารุกรานซีเรียในอนาคต ฝรั่งเศสจะกลายหนึ่งในศัตรูของซีเรียโดยปริยาย และจะต้อง "ชดใช้" ในสิ่งที่ทำลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย"


    เป็นสิ่งที่ไม่เกินความคาดหมายเลย ในสิ่งที่ซีเรียจะกระทำและตอบโต้ผู้รุกรานและผู้ร่วมสนับสนุน

    ผมถึงบอกว่ากระทรวงการต่างประเทศเราด่วนใจเร็วเกินไปที่แถลงการสนับสนุนอเมริกาและประนามซีเรีย อยู่เฉยๆนิ่งๆสงวนท่าทีไว้ก่อนดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 กันยายน 2013
  9. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    แฮกเกอร์ซีเรียเจาะเข้าเว็บนาวิกโยธินสหรัฐ
    วันอังคารที่ 3 กันยายน 2556 เวลา 12:59 น.

    [​IMG]
    แฮกเกอร์ซีเรียเจาะเข้าเว็บไซต์ของนาวิกโยธินสหรัฐ แล้วโพสต์รูปกล่าวหาประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ว่าเป็นผู้ทรยศ สั่งทหารไปตายเพื่อปกป้องกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ว่า เหล่าแฮกเกอร์ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลซีเรียได้เจาะระบบเว็บไซต์ของนาวิกโยธินสหรัฐ โพสต์ข้อความยุยงให้ทหารต่อต้านคำสั่งของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ


    แฮกเกอร์สังกัด “กองทัพอิเล็กทรอนิคซีเรีย” (เอสอีเอ) ออกมายอมรับว่า เป็นผู้ลักลอบเจาะระบบเว็บไซด์รับสมัครทหารของนาวิกโยธินสหรัฐเมื่อวันจันทร์ แล้วเข้าไปโพสต์รูปทหารอเมริกัน ถือป้ายข้อความว่า ทหารอเมริกันไม่ได้สมัครเข้าร่วมกองทัพ สำหรับต่อสู้เพื่อกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์ ในสงครามกลางเมืองซีเรีย และนายโอบามาเป็นผู้ทรยศ ที่จะส่งทหารไปเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าว

    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางนาวิกโยธินได้ออกมาเผยว่า เว็บไซต์สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว และทางทีมงานฝ่ายคอมพิวเตอร์ยังได้เตรียมตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก


    ก่อนหน้านี้ เอสอีเอเคยเจาะเข้าระบบเว็บไซด์ของสื่อสหรัฐหลายสำนัก เช่น เว็บไซต์และทวิตเตอร์ของหนังสือพิมพ์ “เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส” หนังสือพิมพ์ “เดอะ วอชิงตัน โพสต์” และสำนักข่าวเอพี จนทำให้บัญชีเครือข่ายสังคมออนไลน์ของสื่อเหล่านี้ล่มมาแล้ว


    แฮกเกอร์ซีเรียเจาะเข้าเว็บนาวิกโยธินสหรัฐ | เดลินิวส์
     
  10. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    แฉ‘กบฏ’พลาด! อาวุธเคมี..


    ซีเรียยังหวั่นโดนถล่ม อ้อนยูเอ็นป้องกันการรุกราน สหรัฐ-ฝรั่งเศส-นาโตนอนยัน "บาชาร์ อัลอัสซาด" ใช้แก๊สพิษเข่นฆ่าประชาชน แต่สื่อฝั่งตรงข้ามแฉกบฏยอมรับพลาดเอง ทำอาวุธเคมีที่ได้จากซาอุดีอาระเบียระเบิดสังหารพวกเดียวกัน

    รัฐบาลซีเรียยังคงไม่วางใจ แม้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะชะลอการเปิดปฏิบัติการทางทหารโจมตีไว้ จนกว่าสภาคองเกรสจะลงมติอนุมัติอย่างเร็วภายในสัปดาห์หน้า โดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของซีเรียกกล่าวกับเอเอฟพีเมื่อวันจันทร์ว่า กองทัพยังคงอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมต่อไป จนกว่าจะกำจัดผู้ก่อการร้ายได้อย่างราบคาบ สำนักข่าวซานาของทางการซีเรีย รายงานในวันเดียวกันด้วยว่า บาชาร์ อัลจาฟารี ผู้แทนรัฐบาลซีเรียประจำสหประชาชาติ ได้ยื่นหนังสือถึงนายบัน กีมูน เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้ยูเอ็นช่วย "หาทางออกทางการเมืองของวิกฤติซีเรียอย่างสันติ" และพยายามป้องกันการรุกรานใดๆ ต่อประเทศตน

    สหรัฐและชาติพันธมิตรกำลังหาหนทางตอบโต้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ของซีเรีย เพื่อปรามและลงโทษต่อการใช้อาวุธเคมีโจมตีพื้นที่ของฝ่ายกบฏชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ซึ่งสหรัฐ, อังกฤษ และฝรั่งเศส เชื่อมั่นว่าเป็นฝีมือของกองทัพอัสซาด ทำให้ผู้คนล้มตายทั้งสิ้น 1,429 ราย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    แหล่งข่าวในฝรั่งเศสเผยว่า ข่าวกรองฝรั่งเศสรวบรวมข้อมูลที่ยืนยันว่า อัสซาดมีอาวุธเคมีมากกว่า 1,000 ตัน รวมถึงแก๊สซาริน, แก๊ซมัสตาร์ด และแก๊สทำลายระบบประสาทที่อานุภาพรุนแรง

    นอกจากนี้ แอนเดอร์ส โฟกห์ ราสมุสเซ็น เลขาธิการกองกำลังนาโต แสดงความเชื่อมั่นเป็นการส่วนตัวว่า ไม่เพียงมีการใช้อาวุธเคมีโจมตีเมื่อเดือนที่แล้ว แต่เขายังมั่นใจว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลอัสซาด

    ขณะเดียวกัน สื่อฝั่งสนับสนุนรัฐบาลซีเรียและกลุ่มต่อต้านสงคราม ได้นำเสนอรายงานข่าวอีกมุมมองหนึ่งว่า แท้จริงแล้วผู้รับผิดชอบตัวจริงต่อเหตุการณ์ระเบิดของอาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม คือฝ่ายกบฏต่อต้านอัสซาดเอง โดยรายงานข่าวของเว็บไซต์จากอิหร่านและรัสเซียกล่าวอ้างถึงบทความข่าวของเดล กัฟลัก และยาห์ยา อาบับเนห์ ผู้สื่อข่าวอิสระประจำตะวันออกกลาง ที่รายแรกเขียนรายงานข่าวให้แก่สำนักข่าวหลายแห่งของอเมริกามานานนับสิบปี อาทิ เอพี, เอ็นพีอาร์ และข่าวบีบีซีของอังกฤษ

    ส่วนรายหลังเป็นนักข่าวอิสระชาวจอร์แดน ที่ทำงานให้สำนักข่าวอาหรับหลายแห่ง ทั้งคู่อ้างถึงการค้นคว้าข้อมูลและการสอบถามจากกบฏหลายคนในย่านกูตา ชานกรุงดามัสกัส ที่ยอมรับว่าระเบิดเคมีนั้นเกิดจากฝ่ายกบฏเอง หาใช่ฝีมือของกองทัพตามที่ชาติมหาอำนาจตะวันตกกล่าวโทษ

    ตามรายงานซึ่งเผยแพร่เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา พวกกบฏยอมรับว่าระเบิดเกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ จากความพลาดพลั้งระหว่างที่พวกกบฏกำลังจัดการกับอาวุธเคมีที่ได้รับมาจากซาอุดีอาระเบีย

    "จากการสัมภาษณ์แพทย์, ชาวบ้านในเขตกูตา, นักรบฝ่ายกบฏ และครอบครัวของพวกเขา หลายคนเชื่อว่าพวกกบฏได้รับอาวุธเคมีเหล่านี้มาผ่านทางเจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของซาอุดีฯ และพวกเขาคือผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีด้วยแก๊สพิษ" กัฟลักเขียนไว้ในรายงาน

    กบฏหลายคนกล่าวว่า พวกตนไม่ได้รับการฝึกฝนด้านการจัดการอาวุธเคมี บางรายก็เผยว่า พวกตนไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้าว่าระเบิดพวกนี้เป็นอาวุธเคมี หรือบอกวิธีการใช้ เดิมนั้นระเบิดตั้งใจส่งมอบให้กลุ่มญับฮัตอัลนุสเราะห์ ที่เป็นกลุ่มย่อยของอัลกออิดะห์
    อะบู อัลเดล-โมนาอิม ที่รายงานอ้างว่าเป็นพ่อของกบฏรายหนึ่ง บอกว่า ลูกชายนำอาวุธลักษณะทรงกระบอกและขวดแก๊สขนาดใหญ่มาให้ดู แล้วถามว่าเขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร อาวุธดังกล่าวได้รับมอบจากชาวซาอุดีฯ ชื่อ อะบู อาเยชา อาวุธเหล่านี้เกิดระเบิดขึ้นภายในอุโมงค์แห่งหนึ่ง สังหารชีวิตกบฏไป 12 คน กัฟลักเขียนไว้ด้วยว่า จากคำสัมภาษณ์กบฏมากกว่า 10 ราย บอกว่าพวกตนได้รับเงินเดือนจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย

    เป็นที่น่าสังเกตว่า สำนักข่าวต่างประเทศรายใหญ่ที่เป็นสื่อกระแสหลักไม่ได้รายงานข่าวนี้ ซึ่งหากเป็นข้อเท็จจริงจะเป็นการลบล้างความชอบธรรมของสหรัฐและชาติแนวร่วม ที่ต้องการเร่งรีบโจมตีสั่งสอนอัสซาด เพราะมีเหตุผลที่ "ปฏิเสธไม่ได้" ว่าอัสซาดโจมตีประชาชนของตนด้วยอาวุธเคมี

    สำนักข่าวเอบีซีนิวส์รายงานว่า เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสนิมิตซ์ กองเรือจู่โจมที่รวมถึงเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถีและเรือพิฆาต 4 ลำของสหรัฐ กำลังเดินทางจากมหาสมุทรอินเดียมุ่งหน้าทิศตะวันตกสู่ทะเลแดง เพื่ออยู่ในภาวะเตรียมพร้อมรอรับคำสั่ง แม้จะยังไม่ได้รับคำสั่งให้สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียก็ตาม ทั้งนี้ สหรัฐมีเรือพิฆาต 5 ลำประจำอยู่ในฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว เพิ่มจากภาวะปรกติที่มีเพียง 3 ลำประจำการ เพื่อป้องกันขีปนาวุธของอิหร่านคุกคามทวีปยุโรป

    อีกด้านหนึ่ง เอเอฟพีรายงานว่า รัสเซียได้ส่งเรือลาดตระเวนสอดแนมลำหนึ่งจากกองเรือทะเลดำ ไปยังทะเลนอกชายฝั่งซีเรียแล้ว เรือเปรียซอฟยี เอสเอสวี-201 ลำนี้ เริ่มออกเดินทางจากท่าเซวัสโตปอลในยูเครน ตั้งแต่ค่ำวันอาทิตย์ เพื่อไปยังฝั่งตะวันออกของเมดิเตอร์เรเนียน โดยลูกเรือได้รับภารกิจให้รวบรวมข้อมูลปฏิบัติการในภูมิภาค..

    http://www.thaipost.net/news/030913/78748
     
  11. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของประชาคมโลกต่อวิกฤตการณ์ในซีเรีย
    วันอังคารที่ 3 กันยายน 2556 เวลา 14:15 น.

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 3 ก.ย. สรุปความเคลื่อนไหวล่าสุดที่น่าสนใจของประชาคมโลกเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในซีเรีย หลังรัฐบาลสหรัฐวิ่งเต้นหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาคองเกรส เพื่อขอการอนุมัติให้ใช้ภารกิจทางทหาร "ลงโทษ" การใช้อาวุธเคมีของรัฐบาลดามัสกัส

    องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต )
    นายแอนเดอร์ส โฟกห์ ราสมุสเซ่น เลขาธิการนาโต กล่าวว่า ควรใช้มาตรการ "เด็ดขาด" ต่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีสังหารชาวซีเรีย เมื่อวันที่ 21 ส.ค. แต่ยืนยันว่า นาโตจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะมีการแทรกแซงทางทหารเกิดขึ้นหรือไม่

    แต่กระนั้นนาโตถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อวิกฤตการณ์ในซีเรียทางอ้อม จากการให้ความช่วยเหลือตุรกีในการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธตามแนวชายแดนที่ติดกับซีเรีย เมื่อถูกซักถามว่า นาโตจะแสดงท่าทีอย่างไร หากตุรกีซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกนาโตถูกโจมตี ราสมุสเซ่นตอบว่า หากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริง นาโตก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือตุรกี

    ซีเรีย
    หนังสือพิมพ์ "เลอ ฟิกาโร" ของฝรั่งเศส ฉบับวันจันทร์ ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์พิเศษประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ซึ่งกล่าวว่า การโจมตีทางทหารของสหรัฐไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะในซีเรีย แต่ยังจะสั่นคลอนเสถียรภาพของประเทศเพื่อนบ้านด้วย และสถานการณ์จะบานปลายกลายเป็น "สงครามตะวันออกกลาง"

    กองทัพอิเล็กทรอนิคซีเรีย ( เอสอีเอ ) ซึ่งเป็นแฮกเกอร์สังกัดรัฐบาลดามัสกัส เจาะเข้าระบบเว็บไซต์ของนาวิกโยธินสหรัฐ แล้วเข้าไปโพสต์ข้อความและภาพเรียกร้องให้เหล่านาวิกโยธินแสดงการต่อต้าน หากได้รับคำสั่งให้โจมตีซีเรีย พร้อมกับประณามโอบามาว่าเป็น "ทรราช" หลอกลวงให้ทหารอเมริกันไปเสียชีวิตในสนามรบเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

    จีน
    นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่าได้รับการติดต่อจากรัฐบาลสหรัฐ เพื่อขอชี้แจงเรื่องหลักฐานการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย ซึ่งทางการปักกิ่ง "รับทราบ" แล้ว แต่การดำเนินการขั้นต่อไปควรเป็นไปตามกฎระเบียบของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น )

    รัสเซีย
    สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสภาดูมา หรือสภาผู้แทนราษฎรรัสเซียมีกำหนดเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน เพื่อพบกับสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐ และหารือกันในเรื่องซีเรีย

    ซาอุดิอาระเบีย
    เจ้าชายซาอุด บิน ไฟซาล รมว.กระทรวงการต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย ทรงมีรับสั่งว่า ซีเรียหมดสิ้น "สถานภาพ" ของความเป็นอาหรับแล้ว พร้อมกับทรงเรียกร้องให้ประชาคมโลกแสดงท่าทีที่ "หนักแน่นและจริงจัง" ต่อวิกฤตการณ์ในซีเรีย

    อิหร่าน
    ประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานี ผู้นำอิหร่าน และนายจาวาด ซารีฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์มีเนื้อหาใกล้เคียงกันว่า ซีเรียกำลังตกเป็น "เหยื่อ" ของ "มหาอำนาจ" สำหรับการสร้าง "ผลประโยชน์" ระหว่างตัวเองกับอิสราเอล

    สหรัฐ
    2 วุฒิสมาชิกชื่อดังจากพรรครีพับลิกัน คือนายจอห์น แม็คเคน จากรัฐแอริโซนา และนายลินด์ซีย์ เกรแฮม จากรัฐเซาท์แคโรไลนา เริ่มแสดงท่าทีเอนไปทางฝ่ายหลักการโจมตีซีเรียของฝ่ายรัฐบาล หลังได้รับเชิญจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้เข้าพบเป็นการส่วนตัวที่ทำเนียบขาว

    ขณะที่แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเผยว่า ได้รับการติดต่อจากทางการซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และตุรกี เกี่ยวกับการมอบความช่วยเหลือด้านสรรพาวุธ

    นายแฮร์รี ไรด์ วุฒิสมาชิกรัฐเนวาดาจากพรรคเดโมแครต และนายโรเบิร์ต เมนเดซ วุฒิสมาชิกพรรคเดียวกันจากรัฐนิวเจอร์ซีย์ เผยว่ากำลังพยายามหาทางช่วยกำหนดกรอบแผนการโจมตีทางทหารของโอบามาอยู่ เนื่องจากร่างหลักการที่ส่งมาให้ยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน

    อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวั่นเกรงว่า แม้สภาคองเกรสจะอนุมัติ แต่กฎของยูเอ็นระบุเอาไว้ชัดเจน ห้ามมิให้ประเทศใดส่งกำลังทหารเข้าไปรุกรานประเทศอื่นโดยพละการ หากไม่ได้เป็นฝ่ายถูกโจมตีก่อน หรือไม่ได้เป็นไปตามคำสั่งของยูเอ็น ซึ่งกรณีของซีเรียไม่ได้เข้าข่ายใดเลย


    ที่มา ความเคลื่อนไหวล่าสุดของประชาคมโลกต่อวิกฤตการณ์ในซีเรีย | เดลินิวส์
     
  12. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    “ยูเอ็น” เผยตัวเลขผู้อพยพชาวซีเรียทะลุ 2 ล้านคน
    วันอังคารที่ 3 กันยายน 2556 เวลา 14:53 น.

    [​IMG]
    สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เผยตัวเลขชาวซีเรียซึ่งกลายสภาพเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัย จากวิกฤตสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานาน 29 เดือน ว่าอยู่ที่กว่า 2 ล้านคนแล้ว ขณะที่สหรัฐยังคงวุ่นอยู่กับการ “ล็อบบี้” สมาชิกสภาคองเกรสให้สนับสนุนการโจมตีทางทหารต่อซีเรีย


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ก.ย. นายปีเตอร์ เคสเลอร์ โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอชซีอาร์ ) แถลงว่า นับตั้งแต่สงครามกลางเมือซีเรียปะทุขึ้นเมื่อเดือนมี.ค. 2554 มีประชาชนมาขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้อพยพภายใต้ความดูแลของยูเอ็นเอชซีอาร์แล้วกว่า 2 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า จากเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 230,761 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากรวมกับผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียน หรือยังคบหลบซ่อนตัวอยู่ในใจกลางสมรภูมิรบ ตัวเลขอาจสูงถึงราว 6.2 ล้านคน

    ทั้งนี้ เมื่ออ้างอิงจากสถิติของธนาคารโลกเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งระบุจำนวนพลเมืองซีเรียเอาไว้ที่เกือบ 21 ล้านคน เท่ากับว่า ปัจจุบันเกือบ 1 ใน 3 ของชาวซีเรียมีสถานะเป็นผู้อพยพ ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าใจอย่างมาก ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามกลางเมืองครั้งนี้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 110,000 ศพ

    เคสเลอร์กล่าวขอความช่วยเหลือไปยังประชาคมโลก เพื่อระดมทุนเข้าโครงการช่วยเหลือผู้อพยพชาวซีเรีย ซึ่งยูเอ็นเอชซีอาร์ตั้งเป้าเอาไว้ที่ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1.6 แสนล้านบาท ) แต่ได้รับความอุปการะจากผู้มีจิตศรัทธาเพียง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ( ราว 48,000 ล้านบาท )

    การเปิดเผยสถิติดังกล่าวของยูเอ็นเอชซีอาร์เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่ทีมงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ กำลังวิ่งเต้นกันอย่างหนัก เพื่อหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาคองเกรส ที่ยังคงไม่แสดงท่าทีแน่ชัดต่อว่าจะเห็นด้วย หรือคัดค้านปฏิบัติการโจมตีทางทหารของวอชิงตันต่อรัฐบาลซีเรีย ซึ่งวอชิงตันต้องการให้เป็น “บทลงโทษ” สำหรับการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน 1,429 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 426 ศพ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ตามรายงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐ




    ที่มา “ยูเอ็น” เผยตัวเลขผู้อพยพชาวซีเรียทะลุ 2 ล้านคน | เดลินิวส์
     
  13. puvadon777

    puvadon777 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +5,890
    Obama: 'I'm Confident' of Getting Syria Resolution

    WASHINGTON September 3, 2013 (AP)

    By NEDRA PICKLER Associated Press

    President Barack Obama says he's confident he'll be able to work with Congress to pass a resolution authorizing military intervention in Syria.

    The president indicated to reporters during a meeting with lawmakers at the White House Tuesday that he's open to changes to his request for congressional authorization for strikes. He said he's serious about consulting with Congress, as long as the resolution sends a clear message to Syrian President Bashar Assad and hampers his ability to use chemical weapons.

    Obama said he wants the American people to know, quote, "This is not Iraq, and this is not Afghanistan." He said action in Syria will be limited and proportional.

    The meeting in the White House Cabinet room was attended by congressional leaders from both parties in the House and Senate.

    Obama: 'I'm Confident' of Getting Syria Resolution - ABC News

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=MOo2J-e2kqA]WATCH: President Obama Confident Congress will Vote to Strike Syria: I AM - This Is Not Iraq, Afghan - YouTube[/ame]
     
  14. mazda626

    mazda626 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +221
    เฮ้อ......ชั่งน่าสงสารประเทศทุกประเทศที่โดยสหรัฐรังแกเสียนี่กระไร
     
  15. puvadon777

    puvadon777 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +5,890
    โอบามาได้รับเสียงสนับสนุนให้โจมตีซีเรียจากสมาชิกสภาทั้งสองพรรค

    Obama Has Bipartisan Support for Syria Strike

    WASHINGTON September 3, 2013 (AP)

    President Barack Obama's call for a military strike in Syria won significant momentum Tuesday, with leaders of both parties in Congress announcing they are convinced that Syrian President Bashar Assad used chemical weapons against his own people and that the United States should respond.

    Republican House Speaker John Boehner emerged from a White House meeting and told reporters: "This is something that the United States, as a country, needs to do. I'm going to support the president's call for action. I believe that my colleagues should support this call for action."

    House Majority Leader Eric Cantor and House Democratic Leader Nancy Pelosi also said they will support Obama because the U.S. has a compelling national security interest to prevent the use of weapons of mass destruction.

    But their endorsements still don't resolve the deep ambivalence and even opposition toward action in both parties, and Boehner's spokesman followed up the speaker's announcement by describing the resolution's passage as "an uphill battle." Dozens of conservative Republicans and several liberal Democrats have come out against intervention, and may be prepared to ignore the positions of their leaders and the president.

    Pelosi stressed that Americans need to hear more of the intelligence to be convinced that a strike is necessary. "I'm hopeful that the American people are persuaded," she said.

    "This is behavior outside the circle of civilized human behavior and we must respond," she argued as she left the West Wing.

    Obama met with more than a dozen lawmakers in the White House Cabinet Room to press the case for what he said would be limited strikes aimed at dismantling Assad's chemical weapons capabilities. The president said he's confident Congress will authorize the strike and tried to assure the public that involvement in Syria will be a "limited, proportional step."

    "This is not Iraq, and this is not Afghanistan," Obama said.

    Two congressional aides said Senate Majority Leader Harry Reid, D-Nev., and Foreign Relations Committee Chairman Bob Menendez, D-N.J., would craft a resolution narrower than the broad measure the administration proposed on Saturday. Sen. Bob Corker, R-Tenn., top Republican on the panel, told reporters he was working on the language with Menendez.

    The measure would specifically limit the duration of the military operation and expressly state that no U.S. ground forces would be involved, according to the aides, who spoke on condition of anonymity because they were not authorized to discuss the yet-to-be-unveiled resolution on the record.

    Obama indicated he is open to changing the language to address lawmakers' concerns and called for a prompt vote.

    "So long as we are accomplishing what needs to be accomplished, which is to send a clear message to Assad, to degrade his capabilities to use chemical weapons, not just now but also in the future, as long as the authorization allows us to do that, I'm confident that we're going to be able to come up with something that hits that mark," Obama said.

    Sen. Rand Paul said he would probably vote against any resolution. But he said it also wouldn't be helpful to amend the resolution in a way that constrains the president too much to execute military action, if authorized.

    Obama Has Bipartisan Support for Syria Strike - ABC News

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Rt0kyHJYbYY]Obama Wins Support From Leaders in Congress For Syria Action - YouTube[/ame]

    "เดินหน้าต่อ"

    โอบามาเตรียมบุกกล่อมจี20-ต่อสายตรงผู้นำญี่ปุ่นขอเสียงหนุนถล่มซีเรีย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กันยายน 2556 23:46 น.

    เอพี/เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา วางแผนเกลี้ยกล่อมเหล่าผู้นำโลกที่ยังอึกอักให้หนุนหลังแผนโจมตีทางทหารต่อซีเรียของสหรัฐฯ ระหว่างที่มีกำหนดเข้าร่วมประชุมจี20ที่รัสเซียและเดินทางต่อไปยังสวีเดนในสัปดาห์นี้ หลังจากได้ต่อสายตรงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เพื่อขอเสียงสนับสนุนขณะที่รัฐบาลของเขาแสวงหาความเห็นชอบจากสภาคองเกรสต่อการใช้กำลังทหารตอบโต้การใช้อาวุธเคมีของกองกำลังของนายอัสซาด

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000110830
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2013
  16. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    คกก.วุฒิสภาสหรัฐฯผุด “ร่างมติโจมตีซีเรีย” ตั้งเงื่อนไขปฏิบัติการ “ไม่เกิน 90 วัน-ห้ามส่งทหารภาคพื้นดิน”

    [​IMG]
    ติน อี. เดมป์ซีย์ ประธานเสนาธิการทหารร่วม นำเสนอความจำเป็นในการใช้ปฏิบัติการทางทหารกับซีเรียต่อคณะกรรมการวุฒิสภาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (วานนี้(3)

    รอยเตอร์ – ผู้นำคณะกรรมการวุฒิสภาสหรัฐฯด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างมติอนุญาตให้วอชิงตันใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีซีเรีย โดยได้กำหนดกรอบที่รัดกุมยิ่งกว่าที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้เสนอมา และจะมีการลงมติในวันนี้(4)

    ร่างมติดังกล่าวกำหนดให้สหรัฐฯใช้ปฏิบัติการทางทหารกับซีเรียได้ไม่เกิน 60 วัน และสามารถขอยืดเวลาได้เพียงครั้งเดียวอีกไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เหมาะสม

    โอบามา ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะโน้มน้าวให้สภาคองเกรสหนุนโจมตีซีเรียอย่างจำกัด เพื่อลงโทษรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งตะวันตกเชื่อว่านำอาวุธเคมีออกมาสังหารพลเรือนตายกว่าพันศพเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่สงครามกลางเมืองซีเรียซึ่งยืดเยื้อมานานถึง 2 ปีครึ่งก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 100,000 คน

    ร่างมติซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก โรเบิร์ต เมเนนเดซ ประธานคณะกรรมการวุฒิสภาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากพรรคเดโมแครต และ ส.ว.รีพับลิกัน บ็อบ คอร์เกอร์ ยังห้ามมิให้สหรัฐฯ ส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปในซีเรีย

    ประธานาธิบดี โอบามา จะต้องปรึกษากับสภาคองเกรส และส่งร่างยุทธศาสตร์เพื่อการเจรจายุติความขัดแย้งทางการเมืองในซีเรียให้คณะกรรมการวุฒิสภาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศพิจารณา รวมถึงการทบทวนความช่วยเหลือทุกรูปแบบที่วอชิงตันให้แก่กบฏซีเรียด้วย

    ทั้งนี้ หาก โอบามา ต้องการยืดเวลาใช้ปฏิบัติการทางทหารต่ออีก 30 วัน จะต้องเสนอคำร้องและชี้แจงความจำเป็นต่อสภาคองเกรสไม่ต่ำกว่า 5 วันก่อนที่มติโจมตี 60 วันจะหมดอายุลง

    “เราได้บรรลุร่างมติซึ่งจะช่วยให้ท่านประธานาธิบดีได้รับอำนาจที่จำเป็นต่อการใช้ปฏิบัติการทางทหาร เพื่อตอบโต้รัฐบาล อัสซาด ที่ใช้อาวุธเคมีกับประชาชน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นร่างมติที่มีขอบเขตและเป้าประสงค์ที่แน่นอน, มีระยะเวลาที่จำกัด และรับรองว่ากองทัพสหรัฐฯจะไม่ส่งทหารแนวหน้าเข้าไปปฏิบัติการสู้รบในซีเรีย” เมเนนเดซ ระบุในถ้อยแถลง

    คณะกรรมการวุฒิสภาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะโหวตร่างมติดังกล่าวในวันนี้(4) จากนั้นจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาและลงคะแนนโหวตหลังวันที่ 9 กันยายน

    ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ก็จะต้องออกร่างมติโจมตีซีเรียเช่นกัน จากนั้นจะมีการนำมติจากทั้ง 2 สภามาพิจารณาและทบทวนเงื่อนไขต่างๆจนเป็นที่พอใจทุกฝ่าย ก่อนส่งให้ประธานาธิบดี โอบามา ลงนามรับรองในขั้นสุดท้าย




    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
     
  17. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    โอบามา “ผลักดัน” ให้ “ลงโทษ” ซีเรีย ขณะสมาชิกรัฐสภากลัว “มะกัน” ถลำจมปลัก

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – ความพยายามของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่จะโน้มน้าวให้รัฐสภาอเมริกันสนับสนุนแผนการโจมตีซีเรียของเขา กำลังเป็นที่กังขาของสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเดโมแครตของเขาเองเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) โดยพวกเขาแสดงความกังวลว่าสหรัฐฯ จะถูกลากเข้าไปในสมรภูมิการสู้รบอีกแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง

    “พวกสมาชิกมีความสงสัยข้องใจกันมาก” ส.ส.จิม มอร์แกน กล่าวภายหลังที่เขาเข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปทางโทรศัพท์แก่สมาชิกรัฐสภาพรรคเดโมแครต โดยทีมผู้ช่วยด้านความมั่นคงแห่งชาติของโอบามา เกี่ยวกับการตอบโต้ต่อการใช้อาวุธเคมี ซึ่งทางการสหรัฐฯ ระบุว่าทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,429 รายในแถบชานเมืองดามัสกัส

    อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าโอบามาจะทำงานมีความคืบหน้าอยู่เหมือนกัน โดยที่จอห์น แมคเคน และลินด์ซีย์ เกรแฮม 2 สมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกัน ผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งกลับจากการประชุมที่ทำเนียบขาวได้เน้นย้ำว่า โอบามาไม่เพียงแต่วางแผนใช้การโจมตีทางอากาศเพื่อทำลายศักยภาพอาวุธเคมีของซีเรียเท่านั้น แต่เขาตั้งใจจะสนับสนุนกลุ่มกบฏอีกด้วย

    แมคเคน ผู้ที่เรียกร้องให้สหรัฐฯ ใช้ปฏิบัติการโจมตีซีเรียแบบเด็ดขาดจริงจังมานานแล้วกล่าวว่า หากรัฐสภาออกเสียงคัดค้านไม่ยอมให้โจมตีกองทัพของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแล้ว ก็จะทำให้เกิด “มหันตภัยร้ายแรง”

    การที่โอบามาตัดสินใจอย่างปุบปับให้ระงับแผนโจมตีกองทัพของอัสซาดเอาไว้ เพื่อรอความเห็นชอบจากรัฐสภาเสียก่อน ได้ก่อให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ในขณะที่ประธานาธิบดีเตรียมตัวที่จะเดินทางในวันนี้ (3) ไปสวีเดนและรัสเซียเป็นเวลา 3 วัน

    อุปสรรคใหญ่หลวงที่สุดที่เขากำลังเผชิญก็คือ เขาจะทำอย่างไรให้ได้รับเสียงสนับสนุนจากพวกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งสังกัดพรรคของเขาเอง และพรรครีพับลิกันหัวอนุรักษนิยม ผู้ที่เห็นว่าสหรัฐฯ แทบจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองในดินแดนอันห่างไกล

    จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในที่คณะที่ปรึกษาของโอบามา ซึ่งเรียกร้องให้พรรคเดโมแครตสนับสนุนโอบามาในร่างมติส่งทหารเข้าโจมตีระบอบการปกครองของอัสซาด โดยระบุว่ากรณีซีเรียนั้นได้มาถึง “ช่วงเวลาแห่งมิวนิค” แล้ว ทั้งนี้ตามข้อมูลของผู้ที่เข้าร่วมการประชุม

    คำกล่าวนี้เป็นการอ้างอิงถึงสนธิสัญญามิวนิคปี 1938 ที่อังกฤษกับฝรั่งเศสทำกับเยอรมนียุคนาซี ซึ่งถูกมองว่าเป็นการที่อังกฤษและฝรั่งเศสยอมอ่อนข้อให้อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วเป็นการทำให้ผู้นำนาซีผู้นี้ได้ใจ และลงมือรุกคืบต่อไปอีก จนในที่สุดอังกฤษกับฝรั่งเศสก็ประกาศสงครามกับเยอรมนีจนได้

    [​IMG]
    สว.จอห์น แมคเคน และสว.ลินด์ซีย์ เกรแฮม

    เหตุผลที่ทำเนียบขาวให้ไว้ก็คือ ซีเรียจะต้องถูกลงโทษที่ใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชน และกล่าวว่าเป็นการฝ่าฝืนการที่นานาชาติร่วมกันห้ามใช้อาวุธประเภทนี้ และจำเป็นที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรอย่างอิสราเอล จอร์แดน และตุรกี

    อย่างไรก็ตาม ฝ่ายซีเรียกล่าวโทษกลุ่มกบฏว่าเป็นผู้ใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชน

    หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ซึ่งคณะผู้ตรวจสอบขององค์การสหประชาชาติรวบรวมจากสถานที่เกิดเหตุนั้น ถูกส่งไปที่ห้องทดลองในยุโรปวันนี้ (3) และมีกำหนดที่จะไปถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า คำแถลงของยูเอ็นระบุ

    คริส แวน โฮลเลน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาวุโส สังกัดพรรคเดโมแครต ผู้ซึ่งเป็นพันธมิตรของโอบามาในประเด็นปัญหาต่างๆ จำนวนมาก ในคราวนี้ได้ออกมาบ่นว่าร่างมติที่ทำเนียบขาวส่งให้รัฐสภาเพื่อขออำนาจในการใช้กำลังทหารนั้น มีลักษณะเป็นปลายเปิดมากเกินไป และอาจทำให้สหรัฐฯ ต้องถลำลึกลงไปในปัญหาซีเรีย ประเทศที่ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 100,000 รายจากเหตุนองเลือดที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปี

    “ไม่มีการตั้งข้อจำกัดในเรื่องการส่งกำลังทหารอเมริกันภาคพื้นดินเข้าไป ไม่มีการระบุระยะเวลาสิ้นสุดของการให้อำนาจ” ในมติ เขากล่าว “ร่างมติที่เสนอโดยรัฐบาลนี้หละหลวมเกินไป เป็นการมอบอำนาจให้รัฐบาลมากเกินไป”

    ด้านเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า พวกเขายินดีที่จะเปลี่ยนแปลงร่างมติที่มอบอำนาจให้ใช้กำลังทหารฉบับดังกล่าว เพื่อที่จะขจัดข้อกังขาที่ทำให้สมาชิกรัฐสภารู้สึกกังวล

    เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่ครอบงำการโต้เถียงครั้งนี้คือ ภาพหลอนของสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นการสู้รบที่ยืดเยื้อยาวนานและสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงกว่าที่ได้คาดการณ์เอาไว้ การที่รัฐสภาอเมริกันรู้สึกลังเลนั้นสะท้อนให้เห็นความเข็ดขยาดสงครามของชาวอเมริกัน ผู้ที่ส่วนข้างมากคัดค้านไม่ให้สหรัฐฯ ยุ่งเกี่ยวกับซีเรีย

    “สิ่งที่ผมคาดไว้ก็คือ ถ้ามีการลงมติกันในวันพรุ่งนี้ ประธานาธิบดีจะแพ้หรือชนะแบบฉิวเฉียดจนเขาดูแย่” โมแรน จากพรรคเดโมแครตกล่าว

    โอบามาจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนมากขึ้นจากสมาชิกรัฐสภาหัวเสรีนิยม โดยเฉพาะในสภาล่าง ซึ่งทั้งพวกเสรีนิยมของพรรคเดโมแครต และพวก “ทีปาร์ตี้” ของพรรครีพับลิกันซึ่งหัวอนุรักษนิยมสุดขั้ว ต่างก็คัดค้านไม่ให้สหรัฐฯ มีการปฏิบัติทางทหารในตะวันออกกลางมากไปกว่านี้

    [​IMG]
    ทหารของกองทัพเสรีซีเรียกำลังดูประธานาธิบดีโอบามาแถลง พร้อมกับครอบครัวของเขาในเมืองกูตา

    แมคเคนและเกรแฮม นั้นเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน ฝ่ายที่ยึดถือธรรมเนียมดั้งเดิมมากกว่า ซึ่งสนับสนุนให้สหรัฐฯ เข้าแทรกแซงต่างชาติเมื่อเห็นว่าจำเป็น ทั้งนี้พวกเขาต้องการยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมกว้างขวางซึ่งนอกจากจะมุ่งลงโทษอัสซาดที่ใช้อาวุธเคมีแล้ว ยังต้องการให้ช่วยเหลือกลุ่มกบฏซีเรียด้วย

    ขณะที่ให้สัมภาษณ์นักข่าว แมคเคนและเกรแฮมได้กล่าวเตือนถึงผลกระทบอันร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น หากรัฐสภาอเมริกันไม่สนับสนุนโอบามา ทั้งสองได้กล่าวโทษโอบามาที่ไม่นำประเด็นการเข้าแทรกแซงซีเรียมาถกในรัฐสภาให้เร็วกว่านี้

    “ถ้ารัฐสภาคัดค้านมติเช่นนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯได้สั่งให้ดำเนินปฏิบัติการไปแล้ว จะก่อให้เกิดมหันตภัยร้ายแรงตามมา” แมคเคนระบุ

    เขายังมีความเห็นว่าโอบามาน่าจะกำลังวางแผนที่มีเนื้อหามากกว่าเป็นเพียงการแก้เผ็ด

    “เราได้รับฟังเหตุผลบางประการที่ทำให้เชื่อได้ว่า จะมีการจู่โจมทางอากาศอย่างจริงจังมากกว่าทำแบบขู่ๆ” แมคเคนตั้งข้อสังเกต ขณะที่เกรแฮมเสริมว่า “เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ หลังจากที่สับสนมาช่วงหนึ่ง”

    วันนี้รัฐบาลจะนำหัวเรือใหญ่ 2 คนออกโรงเพื่อพยายามโน้มน้าวใจรัฐสภาอเมริกันในเรื่องซีเรีย โดยทั้งสองคนนี้ คือ เคร์รี และชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งมีกำหนดที่จะเข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของวุฒิสภา

    คาดหมายกันว่า วุฒิสภาที่เดโมแครตมีเสียงข้างมากจะรับรองร่างมติใช้กำลังทหารเข้าโจมตีซีเรีย ทว่าสำหรับสภาผู้แทนราษฎรนั้นยังไม่เป็นที่ชัดเจน เพราะมีแรงคัดค้านหนักหน่วงกว่าในสภาสูง

    เจมส์ แมคโกเวิร์น ส.ส.หัวเสรีนิยม สังกัดพรรคเดโมแครต ระบุว่า เขารู้สึกข้องใจว่าแผนการใช้กำลังทหารโจมตีซีเรียของโอบามานั้นจะสามารถช่วยยุติสงครามซีเรียได้จริงหรือ และถ้าวันนี้จะมีการลงมติ เขาจะออกเสียงคัดค้าน

    “ผู้คนต่างรู้สึกหวาดกลัวกับภาพของประชาชนที่ทุกข์ทรมาน และพวกเขาต้องการที่จะช่วยเหลือคนเหล่านั้นจริงๆ แต่สิ่งที่พวกเขาเริ่มรู้สึกยิ่งกว่าอาการขยาดสงคราม ก็คือพวกเขาเริ่มที่จะสงสัยไม่แน่ใจในประสิทธิภาพของวิธีการใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซง” เขาระบุ



    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
     
  18. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    รัสเซียส่งสปายเก็บข้อมูล หลัง US สั่งเรือบรรทุกเครื่องบิน ‘นิมิตซ์’ เข้าทะเลแดงเตรียมช่วยถล่มซีเรีย

    รอยเตอร์/เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - อเมริกาสั่งเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือของเรือบรรทุกเครื่องบินขับเคลื่อนด้วยพลังนิวเคลียร์ “ยูเอสเอส นิมิตซ์” พร้อมเรือรบลำอื่นๆ ในหมู่เรือ ให้มุ่งหน้าไปยังทะเลแดงเพื่อเตรียมพร้อมสนับสนุนปฏิบัติการโจมตีซีเรีย ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็มีข่าวว่า รัสเซียส่งเรือ “สปาย” ไปเก็บข้อมูลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก

    เจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ ผู้หนึ่งเปิดเผยกับรอยเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ (1) ว่า หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีนิมิตซ์ ซึ่งนอกจากเรือบรรทุกเครื่องบินระวางขับน้ำ 100,000 ตันลำนี้แล้ว ยังประกอบด้วยเรือพิฆาต 4 ลำและเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถี 1 ลำ ไม่ได้รับคำสั่งพิเศษใดๆ เพื่อให้เคลื่อนย้ายไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออกในขณะนี้ แต่กำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเข้าสู่ทะเลอาระเบีย เพื่อให้สามารถเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียโดยเร็วที่สุดเมื่อได้รับคำสั่ง

    “มันเป็นเรื่องของการยกระดับทรัพย์สินที่เรามีอยู่ เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งแห่งที่ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้สมรรถนะของหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีและการปรากฏตัวของหมู่เรือนี้” เจ้าหน้าที่ผู้นี้บอก

    ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ รายที่ 2 กล่าวว่า “เราพยายามที่จะลดระยะเวลาและระยะทางเพื่อที่เราจะได้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมมากที่สุด ถ้าหากเราจะเกิดเป็นที่ต้องการขึ้นมา” เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ รายที่ส 2 กล่าว พร้อมกับเตือนว่าในเวลานี้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าเรือเหล่านี้จะเข้าไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหรือไม่

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (31 ส.ค.) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ชะลอแผนการโจมตี “สั่งสอน” รัฐบาลซีเรีย จนกว่ารัฐสภาจะลงมติรับรองการดำเนินการนี้ ซึ่งเท่ากับว่าปฏิบัติการโจมตีซีเรียโทษฐานใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนจะล่าช้าออกไปอย่างน้อยอีก 9 วัน เป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่า สหรัฐฯ จะเลือกใช้การปฏิบัติการด้วยการระดมยิงจรวดร่อน “โทมาฮอว์ก” จากเรือพิฆาต 5 ลำ ซึ่งเวลานี้อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก บริเวณนอกชายฝรั่งซีเรียแล้ว

    [​IMG]
    เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส นิมิตซ์ (ภาพจากแฟ้มของกองทัพเรือสหรัฐฯ)

    สำหรับพวกนักวางแผนการทางทหารแล้ว การเลื่อนปฏิบัติการเช่นนี้ ทำให้พวกเขามีเวลามากขึ้นในการทบทวนว่า จะคงเรือและอาวุธอื่นใดไว้ในภูมิภาคดังกล่าว และโยกย้ายเรือหรืออาวุธใดออก ก่อนที่จะเริ่มการโจมตีในซีเรียซึ่งโอบามาระบุว่าจะจำกัดทั้งระยะเวลาและเป้าหมาย

    สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพเรือสหรัฐฯ เพิ่มกำลังในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออกเกือบเท่าตัว โดยเพิ่มเรือพิฆาตอีก 2 ลำจากจำนวน 3 ลำที่มีอยู่

    เรือพิฆาตทั้ง 5 ลำนี้ ซึ่งได้แก่ ยูเอสเอส สเตาท์, มาฮัน, รามาจ, แบร์รี และเกรเวลีย์ รวมกันแล้ว ประมาณการกันว่าจะมีจรวดร่อนโทมาฮอว์กอยู่ทั้งสิ้นราว 200 ลูก ถึงแม้พวกเจ้าหน้าที่ระบุว่าการโจมตีซีเรียแบบจำกัดจะใช้จรวดเพียง 100 ลูกก็น่าจะเพียงพอ

    ก่อนหน้านี้หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีนิมิตซ์ ประจำอยู่ในมหาสมุทรอินเดียเพื่อให้การสนับสนุนปฏิบัติการของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน แต่มีกำหนดจะแล่นไปทางตะวันออกอ้อมรอบเอเชีย เพื่อเดินทางกลับฐานที่ตั้งในเมืองเอเวอเรตต์ มลรัฐวอชิงตัน ภายหลังจากมีเรือบรรทุกเครื่องบินอีกลำหนึ่ง นั่นคือ ยูเอสเอส แฮร์รี เอส ทรูแมน เข้ามารับช่วงภารกิจเมื่อไม่กี่วันก่อน

    แต่จากสถานการณ์ในซีเรีย ทำให้พวกเจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางของนิมิตซ์ และให้เดินทางไปทางตะวันตกมุ่งหน้าสู่ทะเลแดงแทน โดยจุดหมายต่อไปอาจเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    นอกจากนี้ กองทัพเรือสหรัฐฯ ยังส่งเรือยูเอสเอส ซานแอนโตนิโอ ซึ่งเป็นเรือสะเทินน้ำสะเทินบกบรรทุกนาวิกโยธิน 300 คนและอุปกรณ์สื่อสารระยะไกล ไปร่วมกับกลุ่มเรือพิฆาต 5 ลำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย

    [​IMG]
    เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส ซานอันโตนิโอ ที่ถูกส่งเข้าประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก่อนหน้านี้

    เจ้าหน้าที่ทหารรายที่ 2 เผยกับรอยเตอร์ว่า ซานแอนโตนิโอจะทำหน้าที่เป็นฐานส่วนหน้าลอยน้ำ รวมทั้งเป็นฐานชั่วคราวให้แก่กองทหารปฏิบัติการพิเศษหากจำเป็นต้องใช้ทหารเหล่านั้น ตลอดจนคอยให้ความช่วยเหลือในการอพยพพลเรือน

    อย่างไรก็ดี โฆษกของเรือลำนี้รวมถึงโฆษกศูนย์บัญชาการในยุโรปของกองทัพเรือสหรัฐฯ ต่างปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดแผนการเคลื่อนย้ายซานแอนโตนิโอ

    เจ้าหน้าที่อเมริกันหลายรายยังเผยว่า เรือสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกแบบดาดฟ้ากว้าง ยูเอสเอส เคียร์ซาร์จ ก็ได้ถูกเรียกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปร่วมกลุ่มกับเรือซานโตนิโอ โดยขณะนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ทะเลแดงเช่นเดียวกัน

    เรือเคียร์ซาร์จที่บรรทุกเครื่องบินขับไล่ขึ้น-ลงทางดิ่ง เอวี แฮร์ริเออร์ 6 ลำ เครื่องบินลูกผสมเฮลิคอปเตอร์ วี-22 ออสเปรย์ 10-12 ลำ และเฮลิคอปเตอร์อีกหลายลำ เคยมีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการโจมตีที่ลิเบีย โดย วี-22 ออสเปรย์ 2 ลำ เคยช่วยเหลือนักบินเอฟ-5 ที่ถูกสอยร่วงในระหว่างปฏิบัติการดังกล่าว

    ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานเมื่อวันจันทร์ (2 ก.ย.) ว่า รัสเซียกำลังส่งเรือสอดแนม “ปรีอาซอฟเยีย” จากท่าเรือในทะเลดำของยูเครน ไปทางด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อรวบรวมข้อมูลปัจจุบันในบริเวณที่ความขัดแย้งคุกรุ่น ถึงแม้ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียไม่ได้ออกมายืนยันข่าวนี้แต่อย่างใด

    อินเทอร์แฟกซ์แจงว่า เรือสอดแนมดังกล่าวจะปฏิบัติภารกิจแยกต่างหากจากกองเรือของรัสเซียที่ประจำอยู่ถาวรในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของประเทศ



    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
     
  19. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    เลขาธิการยูเอ็นชี้โจมตีซีเรียยิ่งเลวร้าย
    วันพุธที่ 4 กันยายน 2556 เวลา 01:27 น.

    [​IMG]
    นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น) กล่าวว่า การโจมตีทางทหารถล่มซีเรียอันเนื่องมาจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีนั้น ยิ่งทำให้สถานการณ์ในประเทศเลวร้ายไปยิ่งขึ้น


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากองค์การสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ว่า นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติแถลงว่า เราต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดการลงโทษด้วยการโจมตีทางทหารต่อซีเรีย อันเนื่องมาจากซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนของตน นอกกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา แม้เลขาธิการสหประชาชาติจะไม่ได้ต่อต้านตามที่สหรัฐและชาติพันธมิตรบางชาติสนับสนุนการโจมตี แต่เขาก็เตือนให้ระวัง

    นายบัน คี-มูน กล่าวว่า เราต้องพิจารณาถึงผลกระทบไม่ให้เกิดการนองเลือดมากไปกว่านี้และควรจะอาศัยการแก้ปัญหาทางการเมือง สำหรับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในซีเรีย เพราะทุกอย่างควรอยู่ในกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติ การใช้กำลังทางทหาร แม้จะถูกต้อง แต่ก็ควรที่จะเป็นการใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเองมากกว่า ตามกฎบัตรสหประชาชาติข้อที่ 51 หรือผ่านความเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแล้ว

    ในจำนวนสมาชิกถาวร 5 ชาติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีรัสเซียกับจีนที่คัดค้านการใช้กำลังทางทหาร แต่สหรัฐกับชาติพันธมิตร สนับสนุนให้โจมตีซีเรียเพื่อตอบโต้เรื่องการใช้อาวุธเคมี


    เลขาธิการยูเอ็นชี้โจมตีซีเรียยิ่งเลวร้าย | เดลินิวส์
     
  20. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    World War III เห็น ๆ เลยงานนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...