ขอคำแนะนำวิธีหยุด การร้อนใจ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย babyapollo, 6 กันยายน 2013.

  1. babyapollo

    babyapollo สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +13
    ในตอนนี้จิตใจผมวุ้ยวายมากนั่งสมาธิไม่ได้เลย มีแต่ความร้อนจิตร้อนใจในเรื่องต่างๆ ใครทราบวิธีดับความวุ้ยวายในจิตใจบ้าง ช่วยบอกผมที
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    วุ่นวายมันมีสองอย่างนะ คือสถานการณ์ภายนอกมันวุ่นวายจริงๆ อันนี้เราสามารถทำให้ประสบการณ์ภายในสงบได้ กับอีกแบบคือภายนอกมันไม่ได้วุ่นวายอะไร แต่คุณร้อนใจไปเอง กังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น กลัวว่าจะไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้ กลัวว่าจะสูญเสียในสิ่งที่มีอยู่ กลัวว่าถ้าไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้แล้วจะไม่มีความสุข ถ้าแบบนี้ต้องลองมองว่าเรามีกรรมเป็นของตน เราทำกรรมอย่างไรไว้ก็ย่อมได้รับผลอย่างนั้น ถ้ามองแบบนั่นไม่ได้ก็ให้ออกจากความคิดไปเลยอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับสัมผัสที่มันกระทบจริงๆ อยู่กับลมหายใจก็ได้ เพราะถ้าอยู่กับปัจจุบันได้ เราจะรู้ว่าสิ่งที่เราเผชิญอยู่มันไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เอาความพยายามของเราไปเปลี่ยนมันให้ไปในทางที่ต้องการดีกว่า หรือจะนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติก็ได้ เพราะเมื่อนึกถึงพระพุทธเจ้า ความกลัวทั้งหลายของเราจะหายไปเลยทันที
     
  3. tanatep

    tanatep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +118
    ขออนุญาติตอบนะครับ
    จะถูกผิดประการใดขออภัยด้วยครับ ตอบตามปัญญาที่พอจะพิจารณาได้ครับ

    ถ้าจะรู้ว่าตัวเองร้อนใจได้ แล้วรู้สึกหนัก ไม่สบาย แสดงว่า เราเคยเบามาก่อนใช่ไหมครับ เคยสบายมาก่อน เคยจัดการกับมันได้ เคยเจอของเย็นมาก่อน เป็นธรรมดาครับ ผมก็เคยเป็นครับ ขออนุญาติเรียกว่าช่วงจิตตกครับ เป็นช่วงที่อกุศลกรรมส่งผลครับ ตัวนี้ขัดขวางการทำกรรมฐานครับ ทำไม่ได้แน่นอนครับ เพราะมันร้อนคับ

    ขออนุญาติแนะนำตามประสบการณ์ของผมนะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างครับ

    เวลาจิตขุ่นมัว วุ่นวาย ร้อนใจ เราจะรู้สึกได้ถึงความว้าวุ่นในจิตใจใช่ไหมครับ
    อย่างนี้แนะนำให้ใช้วิปัสนาครับ พิจารณาไปเลยครับ เจอนั่นก็พิจารณา พอใจนึกเรื่องนั้นขึ้นมาก็จับมาพิจารณาเลยครับ ว่าทำไม เพราะอะไร เราจะไปร้อนทำไม จะค่อยๆเบาลงไปได้ครับ ถ้าจะทำสมถะภาวนา จะเป็นการไปกดจิตคับ มันจะยิ่งฟุ้ง ถ้ามันฟุ้งก็ปล่อยมันไปก่อนครับ ฟุ้งไปก้พิจารณาไป แต่คิดไว้ว่าถ้าจิตมันเหนื่อยเมื่อไหร่ เราจะภาวนาจนมันสงบ

    อย่างนี้ครับ ลองดูครับ ^^
     
  4. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถ้าจะดับความวุ่นวายอย่างถาวร ก็ให้ฝึกสติปัฏฐานไปเรื่อยๆ
     
  5. mamanalin

    mamanalin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2012
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +146
    หลวงพ่อสนอง กตปุญโญท่านเคยสอนว่าถ้าหากฟุ้งซ่านรำคาญใจจนนั่งสมาธิไม่ได้ ให้เดินจงกลมแทนจนกว่าจิตจะสงบ พอสงบแล้วค่อยเปลี่ยนอิริยาบถมานั่งแทนค่ะ วิธีนี้ดิฉันก็เคยใช้บ่อย ๆ รับรองว่าได้ผลค่ะ
     
  6. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154
    จิตรก็ไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขา

    ช่างมันครับ..มันอยากทุกข์ร้อนก็ปล่อยมัน

    อย่าไปยึดมั่นมัน..เราก็ทำหน้าที่ปฎิบัติไปเรื่อยๆ

    เดี๋ยวความทุกข์ร้อนมันก็จะค่อยดับไปเอง

    อยู่ในกฎของไตรลักษณ์..มันตั้งอยู่ได้ไม่นานหลอกครับ.
     
  7. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    การทำสมาธิมีผลโดยตรงต่อการดับความร้อนใจ เมื่อใดร้อนใจเวลาทำสมาธิ ให้ทราบว่า เป็นเพราะอยากสงบ..เป็นตัณหา เป็นอกุศลควรละ.. ยิ่งอยากสงบจิตจะยิ่งร้อนรุ่มมากขึ้นเพราะตัณหาคอยผลักดันด้วยความอยากให้จิตสงบโดยเร็ว..

    อีกอย่างหนึ่ง ความห่วงใยกังวลในเรื่องต่างๆนั้นเรียกว่าปลิโพธิ....เครื่องผูกพันหรือหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ใจพะวักพะวนห่วงกังวล, เหตุกังวล, ข้อติดข้อง;
    ปลิโพธที่ผู้จะเจริญกรรมฐานพึงตัดเสียให้ได้ เพื่อให้เกิดความปลอดโปร่งพร้อมที่จะเจริญกรรมฐานให้ก้าวหน้าไปได้ดี มี ๑๐ อย่าง คือ


    ๑. อาวาสปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับวัดหรือที่อยู่
    ๒. กุลปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับตระกูลญาติหรืออุปัฏฐาก
    ๓. ลาภปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับลาภ
    ๔. คณปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับคณะศิษย์หรือหมู่ชนที่ตนต้องรับผิดชอบ
    ๕. กรรมปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการงาน เช่น การก่อสร้าง
    ๖. อัทธานปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการเดินทางไกลเนื่องด้วยกิจธุระ
    ๗. ญาติปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับญาติหรือคนใกล้ชิดที่จะต้องเป็นห่วงซึ่งกำลังเจ็บป่วยเป็นต้น
    ๘. อาพาธปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บไข้ของตนเอง
    ๙. คันถปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการศึกษาเล่าเรียน
    ๑๐. อิทธิปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับฤทธิ์ของปุถุชนที่จะต้องคอยรักษาไม่ให้เสื่อม
    (ข้อท้ายนี้เป็นปลิโพธสำหรับผู้จะเจริญวิปัสสนาเท่านั้น)


    จึงควรตัดความห่วงใยด้วยการชำระสะสางงานที่ค้างรออยู่ หรือเตือนตนเองว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลากังวลอะไรๆ...เวลานี้เป็นเวลาแห่งการเจริญสมาธิ สิ่งกังวลใดเข้ามาก็ให้รู้ทันพิจารณาว่าความกังวลมีที่มาจากใหน ตั้งอยู่ เพราะตนส่งใจไปคิดใช่หรือไม่ ..เขาอยู่ตลอดไปใหม มีบางช่วงเขาหายไปหรือเปล่า .. อย่าได้คาดหวังไรๆว่าเวลานั่งปุ๊บสมาธิต้องเกิด ใจต้องสงบปั๊บเพราะยิ่งเพ่งเล็งอยากสงบก็ยิ่งฟุ้ง ..

    ให้ยอมรับในชั้นต้นว่า แม้ไม่สงบก็ไม่เป็นไร พิจารณาความไม่สงบนั่นแหละว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับหรือเปล่า....การยอมรับได้ไม่รังเกียจความไม่สงบ จิตจะเบาขึ้นเพราะไม่ไปคาดหมายอะไรๆที่ไม่เป็นปรกติ....

    ถ้ามีเวลา ควรไปปฏิบัติที่วัดที่จัดให้มีกรรมฐาน สถานที่และสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้สงบได้ นี้จะเป็นกำลังใจให้สามารถปฏิบัติได้ดีแม้ไม่ต้องอยู่ที่วัด..

    ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจริญธรรมทั้งหลายโดยราบรื่นครับ
     
  8. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    ที่ เจ้าของกระทู้ประสบพบเจอนั้นแล เรียกว่า ทุกข์
    สภาพทุกข์อันนี้ เกิดขึ้นที่จิตใจให้ร้อนรน อยู่ไม่เป็นสุข ทำอะไรไม่เป็นสุข
    สภาพทุกข์นี้เป็น กองอริยสัจ กองแรก ที่เราจะต้องทำความรู้จัก
    และคำถามที่ว่า ใครทราบวิธีดับช่วยบอกหน่อย ช่วยบอกทีนั้น จึงเป็นคำถามที่ถูกต้อง
    เพราะ สิ่งที่พระศาสดาตรัสรู้นั้น ก็คือ วิธีการที่เจ้าของกระทู้ถามหา

    การดับทุกข์ในใจนั้น ถ้าปุถุชนคนทั่วไป จะดับก็มักจะต้องอาศัยกาลเวลา ให้เวลามันละลายความทรงจำ พฤติกรรม ความเคยชิน ให้จางคลายไป แต่บางคนก็ไม่จางคลายไปเพราะไม่รู้จักหนทางดับทุกข์ที่ถูกต้อง

    การดับทุกข์ จะต้องรู้จักทุกข์ ซึ่งในกรณีของจขกท คือ จะต้องรู้ว่า ทุกข์เมื่อไร หนักเบา ตอนไหน ผุดขึ้นเมื่อมีสิ่งใดมากระทบจิตใจ บางคนเจอสิ่งรบกวนใจหลายๆอย่างก็กลายเป็นความกลุ้มรุมสุมใจ หาเหตุไม่เจอ การหาเหตุให้เจอนี้ เป็นอริยสัจกองที่ 2 เรียกว่า สมุทัย

    อย่างไรก็ตาม ปัญญาของบุคคลทั่วไปที่จะแยกแยะเหตุ ปัจจัย อันเกิดทุกข์นี้ ทำได้ยาก จะต้องอาศัย การเจริญ ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อที่จะทำความสงบให้เกิด แล้วค่อยๆสะสางความวุ่นวายร้อนรนไปทีละเปราะ จนค้นเจอเหตุอย่างแท้จริง จึงจะดับทุกข์ได้ อันเรียกว่านิโรธ อันเป็นกองอริยสัจกองที่ 3 จากนั้นก็อบรมเจริญ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ยิ่งขึ้นไป อันเป็นกองอริยสัจกองที่ 4

    ก็เกริ่นนำให้ฟังว่า วิธีที่ถูกต้องจะต้องทำดังที่กล่่าวมานั้น คือ ศึกษา และปฏิบัติ เพื่อให้ รู้จัก อริยสัจได้แจ่มแจ้ง จนดับสภาวจิตที่เป็นทุกข์ได้ทั้งปวง

    แต่ในกรณีของเจ้าของกระทู้นั้น จะตัองเริ่มจากง่ายที่สุดคือ อยู่ในศีล ในวินัย
    ให้ศีล ให้วินัย คุ้มครอง คือ อย่าไปพูดอะไรให้มันเกิดเรื่อง อย่าไปคิดอะไรไม่ดีให้มันวุ่นวาย
    อย่าไปกินเหล้าเมายา ถ้ายังกังวลก็เตรียมความพร้อมรักษาวินัยของตน จะได้ไม่กังวลในเรื่องต่างๆ อย่าไปผิดผัวผิดเมีย อย่าไปเบียดเบียนสัตว์ ผูกพยาบาท เป็นต้น

    ลำดับที่สองคือ หมั่นทำความสงบ ผ่อนคลาย

    ลำดับสุดท้ายคือ ใช้ปัญญาเตือนตนให้ หมั่นปล่อยวางบ้าง คิดเสียว่าเราไปคาดหวังอะไรมากตนเองก็ทุกข์ อย่าไปดองอารมณ์เอาไว้
     
  9. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    "นิดจัง ปัดชะลิเต สะติ..เมื่อถึงคราวทุกข์ ก็ควรมีสติ"

    เรียกสติกลับมาก่อนค่ะ เพราะบางครั้งเราหลงลืมที่จะเรียกสติกลับมา ด้วยไม่รู้ว่าตอนนี้เวลานี้ เรากำลังคิดอะไร ทำอะไร หรือรุ้ไม่เท่าทันว่าใจเราเตลิดไปทางไหน วิธีการอีกอย่างที่จะรู้ได้คือ การมองดูอารมณ์ในชั่วเวลาเดี๋ยวนั้น หากเรารู้สึกตัวว่าอารมณ์เริ่มเหงาและมัวซัว สับสนและร้อนรน ก็เป็นไปได้ว่าจิตเริ่มคิดไปในทางที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ เมื่อรู้ดังนี้ก็ให้เรียกสติกลับมา พึงรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าหากกำลังนั่งทำงาน ก็ต้องเรียกสติให้มีสมาธิจดจ่อกับงาน ไม่หลงวนคิดเรื่องอื่นๆ การจับอารมณ์จึงเป็นหนทางหนึ่งของการรู้เท่าทันความคิด เมื่อรู้ความคิด การดึงสติกลับมากลับมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก

    การเจริญสติอยู่เนือง ๆ จะทำให้ทุกข์ทั้งหลายที่บีบคั้นหัวใจเราค่อย ๆ คลายไปในที่สุด
     
  10. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    พิจารณาเหตุไปทีละเรื่องสิ
     
  11. ทรงกลด999

    ทรงกลด999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,284
    ค่าพลัง:
    +1,510
    คิดถึงเหตุที่ทำให้ร้อนครับ และคิดถึงผลที่ได้ ร้อนก็เผาทั้งใจเรา ใจเขา ตัวเราตัวเขา บางทีกลายเป็นตัวเราใจเราอย่างเดียว ทุกข์ที่ไหนดับที่นั่น ร้อนที่ไหนดับที่นั่นครับ
     
  12. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,608
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,017
    ผมขอฝากหนังสือชีวิตเป็นอย่างนี้ ที่อยู่ใต้ comment ของผมให้คุณ babyapollo ลอง download ไปอ่านดูครับ หนังสือเล่มนี้ดีมาก ๆ ผมอยากให้คุณ babyapollo ตั้งใจอ่านให้จบดูครับ ใน link มีหนังสืออยู่ 2 เล่มคือ หนังสือชีวิตเป็นอย่างนี้ กับ หนังสือทําบ้านให้เป็นสุข ยังไงลองอ่านให้จบดูครับ อ่านจบแล้ว เราจะได้คิดอะไรได้อีกหลาย ๆ อย่างครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้คุณ babyapollo เก็บหนังสือ 2 เล่มนี้ไว้ใน computer ของคุณเลย คือถ้าวันไหนคุณ babyapollo จิตตกอีก ก็เปิดอ่านหนังสือ 2 เล่มนี้ได้ครับ เวลาผมจิตตกเหมือนจะไม่ไหว ผมจะชอบเปิดหนังสือชึวิตเป็นอย่างนี้อ่านครับ อ่านทีไรผมก็จะกลับมามีสติได้เหมือนเดิมทุกครั้ง ยังไงก็ download ไปอ่านดูนะครับ อ้อ ถ้ากดที่ link แล้วเข้าไม่ได้ ก็ไป google แล้วพิมพ์ว่า download หนังสือชีวิตเป็นอย่างนี้ แล้วเดี๋ยวจะขึ้นมาเองครับ อนุโมทนาครับ ขอให้โชคดีครับ
     
  13. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    ลองฝึก หายใจยาวๆดูครับ พักเรื่องราวอื่นไว้สักครู่

    อ.เล็ก คณานันท์ เคยบอกว่า เวลา หายใจเข้าให้ค่อยๆหายใจแล้วภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ

    ถ้าภาวนาไม่สะดวกก็ให้คิดในใจ ค่อยๆทำไป จะหายใจยาวขึ้น ผ่อนคลายลง ใจเย็นขึ้น

    มีสติมากขึ้น
     
  14. ช่อทิพย์123

    ช่อทิพย์123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +120
    สาธุ อนุโมทนาในคำตอบค่ะ
     
  15. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    มีหลายวิธีครับ อาจหากิจกรรมอื่นที่ท่านชอบทำซึ่งจะช่วยให้ใจสงบขึ้นได้
    การกำหนดจิตมองดูความคิดของตน กำหนดรู้แล้วปล่อยวาง อย่าคิดไปมันครับ
    การเดินจงกรม หากนั่งแล้วใจไม่เป็นสมาธิ ก็อาจเดินจงกรม หรือ วิ่งออกกำลังกาย
    ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่สำคัญคืออย่าหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่วุ่นวายร้อนใจนั้นครับ
    พยายามหากิจกรรมอื่นทำครับ...
     
  16. hitec-art

    hitec-art เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +953
    ลองตั้งเหรียญบาทดูครับ -> เมื่อตั้งได้แล้วจะเข้าใจ

    หากเราจะทำอะไรสักอย่างให้ดี ขอให้ตัดเรื่องอื่นๆออกไปก่อน หมื่นพันเรื่องราวในชีวิตจะทำพร้อมๆกันนั้นเป็นเรื่องยาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...