เตือนเรื่อง โรคระบาด !!!!!!!!!!!! - โรคที่อาจมาหลังน้ำท่วม

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 12 มกราคม 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877


    * พบโรคเขตร้อนหลายโรคแพร่กระจายและดื้อยามากขึ้น จากเหตุอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น


    โดย สำนักข่าวไทย [ 29-11-2550 | 12:23:50 น. ]




    กรุงเทพ 29 พ.ย.- นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยนานาชาติ เสนอข้อมูลใหม่ เพื่อนำไปสู่การป้องกันแก้ไขโรคเขตร้อนหลายโรค ที่เป็นปัญหามากขึ้นจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น

    นายสมิทธิ์ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนมีผลกระทบต่อทั่วโลก ส่วนของไทยที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนคือ การแพร่ระบาดของหลายโรค เช่น มาลาเรีย ไข้หวัดนก และยังมีพืชผลการเกษตรเสียหาย แมลงศัตรูพืชระบาด และหลายเมืองจะจมน้ำ หน่วยราชการต้องวางแนวทางป้องกันแก้ไขให้ทันการณ์

    วันนี้มีการประชุมวิชาการนานาชาติเวชศาสตร์เขตร้อน หรือ Joint International Tropical Medicine ผู้ร่วมงานเป็นนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ 1 พันคน จาก 26 ประเทศเขตร้อนทั่วโลก รศ.ประตาป สิงหศิวานนท์ คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อนมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในการประชุม นักวิจัยจะเสนอข้อมูลใหม่ของโลก และการระบาดใหม่ที่แพร่กระจายกว้างขวาง และยาวนานขึ้น จากโลกร้อน เช่น การพัฒนาโรค พัฒนาวัคซีนโรคตับอักเสบ มาลาเรีย ท้องเสียต่าง ๆ โรคติดเชื้อต่าง ๆ รวมทั้งงานวิจัยของไทยที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง คือ การพัฒนาเครื่องกรองเพื่อหาเชื้อวัณโรคในอากาศที่มีประสิทธิภาพมาก
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    สธ.เตือนนักเดินป่ากางเต็นท์ท้าลมหนาวระวัง “ไข้รากสาดใหญ่” <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">2 ธันวาคม 2550 11:30 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> ปลัด สธ.เตือนนักท่องเที่ยว เที่ยวป่ากางเต็นท์ท้าลมหนาวภาคเหนือ ระวังตัวไรอ่อนกัดในร่มผ้า ต้นเหตุโรคสครับไทฟัส หรือ “ไข้รากสาดใหญ่” หากกลับจากเที่ยวป่าภายใน 2 สัปดาห์ หากมีอาการเหล่านี้ต้องพบแพทย์รักษาทันที

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สภาพอากาศในประเทศไทยเริ่มหนาวเย็นลง ประชาชนมักเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น สูดอากาศและชมความงามธรรมชาติกันมากขึ้น เรื่องที่จะต้องเตือนกันแต่เนิ่นๆ ก็คือ การระมัดระวังตัวไรอ่อน (chigger) กัด ซึ่งมักเกิดขึ้นโดยบังเอิญ และทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่ หรือสครับไทฟัส (Scrub typhus) ไรอ่อนนี้ จะอาศัยอยู่ในสัตว์รังโรคคือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู กระแต กระจ้อน เมื่อกัดคนจะปล่อยเชื้อที่เรียกว่า ริกเก็ตเซีย (Rickettsia) โรคสครับไทฟัส มีระยะฟักตัวประมาณ 6-21 วัน แต่โดยทั่วไปประมาณ 10-12 วัน โดยไร่อ่อนมักจะเข้าไปกัดบริเวณร่มผ้า เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ ขาหนีบ เอว ลำตัวบริเวณใต้ราวนม รักแร้ และบริเวณคอ

    โรคนี้จะพบมากในช่วงฤดูฝนและต้นฤดูหนาว อาการที่สำคัญ ได้แก่ ปวดศีรษะอย่างรุนแรงบริเวณขมับและหน้าผาก ตัวร้อนจัด มีไข้สูง 40-40.5 องศาเซลเซียส หนาวสั่น เพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา มีอาการไอแห้งๆ ไต ตับ ม้ามโต และผู้ป่วยร้อยละ 30-40 จะพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ (eschar) ที่บริเวณที่ถูกไรอ่อนกัด มีสีแดงคล้ำเป็นรอยบุ๋ม ไม่คัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ โดยผู้ป่วยประมาณร้อยละ 20-50 อาจจะมีอาการแทรกซ้อน ได้แก่ การอักเสบที่ปอด สมอง ในรายที่อาการรุนแรง อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วมาก ความดันโลหิตต่ำ อาจถึงขั้นช็อก เสียชีวิตได้

    นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า พื้นที่ที่พบผู้ป่วยโรคสครับไทฟัสมากที่สุดได้แก่ ภาคเหนือ รองลงมาคือภาคตะวันอกเฉียงเหนือ บริเวณที่มีตัวไรชุกชุมได้แก่ บริเวณป่าโปร่ง ป่าละเมาะ บริเวณที่มีการปลูกป่าใหม่ หรือตั้งรกรากใหม่ หรือพื้นที่ทุ่งหญ้าชายป่า หรือบริเวณมีต้นไม้ใหญ่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่มียารักษาให้หายได้ ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนที่จะไปท่องเที่ยว ตั้งแค้มป์ไฟ กางเต๊นท์นอนในป่า ควรทำบริเวณค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนบนพื้นหญ้า บริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ หรือหญ้าขึ้นรก ควรใส่รองเท้า ถุงเท้า ที่หุ้มปลายขากางเกงไว้ และเหน็บชายเสื้อเข้าในกางเกง ใส่เสื้อแขนยาวปิดคอ ใช้ยาทากันแมลงกัด ตามแขนขา แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในรายที่ผิวหนังมีรอยถลอกหรือมีแผล และไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ เพราะเด็กอาจเผลอขยี้ตาหรือหยิบจับอาหารและสิ่งของใส่ปาก ทำให้รับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย เป็นอันตรายได้ การทาครั้งหนึ่งจะออกฤทธิ์นาน 4 ชั่วโมง หลังออกจากป่า ให้อาบน้ำให้สะอาด พร้อมนำเสื้อผ้าที่สวมใส่มาซักให้สะอาดทันที เพราะตัวไรอาจติดมากับเสื้อผ้าได้

    ทางด้าน นายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตัวไรอ่อนมีขนาดเท่าปลายเข็มหมุด มีสีส้มอมแดง มองเห็นด้วยตาเปล่า อาศัยอยู่ตามพื้นดิน บริเวณที่ชุ่มชื้น มีใบไม้ ใบหญ้า ปกคลุม ไรอ่อนจะต้องกินน้ำเลี้ยงเซลล์ของสัตว์หรือคน จึงจะเจริญเติบโตเป็นไรแก่ ในปี 2550 นี้ ตั้งเดือนมกราคม จนถึงสิ้นเดือนกันยายน ทั่วประเทศมีรายงานผู้ป่วยโรคสครับไทฟัส จำนวน 2,449 ราย ไม่มีเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำประชาชนหลังกลับออกจากเที่ยวป่า หรือกางเต๊นท์นอนตามพื้นหญ้าในช่วงฤดูหนาว หากป่วย มีไข้ขึ้นสูง มีอาการปวดศีรษะภายใน 2 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเข้าไปในป่าให้แพทย์ทราบทันทีด้วย เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว เพราะหากรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้

    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> [​IMG]
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="45" width="100%"><tbody><tr><td width="10">
    </td> <td height="24" valign="bottom" width="500"> <!-- Show Head --> หวัดนกมาแล้ว!ระบาดเข้าบังกลาเทศจนท.ฆ่าไก่6พัน <!-- End Show Head --> </td> <td width="10"> </td> </tr> <tr> <td>[​IMG]</td> <td bgcolor="#d7d4d2">[​IMG]</td> <td>[​IMG]</td> </tr> <tr> <td width="10"> </td> <td height="20">โดยทีมข่าว INN News <!-- Show Date --> 02 12 2550 05:02:41 น. [​IMG] <!-- End Show Date --> </td> <td width="10"> </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="664"> <tbody><tr> <td>[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="10">
    </td> <td width="644">
    [​IMG]
    </td> <td width="10">
    </td> </tr> </tbody></table> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="300" width="100%"><tbody><tr><td width="20"> </td> <td bgcolor="#dae4ea" width="584"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="300" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="522"> <tbody><tr> <td width="10">
    </td> <td bgcolor="#d3d4d4" width="500">[​IMG]</td> <td align="left" width="10">
    </td> </tr> </tbody></table> <!-- ถึงนี่แล้ว--> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="300" width="664"> <tbody><tr> <td width="10">
    </td> <td bgcolor="#d3d4d4" width="1">[​IMG]</td> <td valign="top">
    <!-- [​IMG] -->
    <!-- Show Detail -->
    เชื้อไข้หวัดนกแพร่ระบาดเข้าไปในพื้นที่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของบังกลาเทศ


    บังกลาเทศพบการระบาดของไข้หวัดนกในพื้นที่ใหม่ เจ้าหน้าที่กระทรวง ปศุสัตว์และประมงเปิดเผยว่า พื้นที่ระบาดอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เขตปับนา ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือห่างจากกรุงทากา 160 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ฆ่าไก่ทิ้งแล้วประมาณ 6,000 ตัว ทำลายไข่อีก 2,500 ฟอง และจนถึงขณะนี้ บังกลาเทศ มีรายงานการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก 20 เขตจากทั้งหมด 64 เขต
    และตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกใกล้กรุงทากาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ฆ่าทำลายไก่แล้ว 256,000 ตัว และไข่อีกเกือบ 3 ล้านฟอง
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  4. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    วันที่ 06 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6216 ข่าวสดรายวัน


    อีโบลาสายพันธุ์ใหม่ ระบาดที่"ยูกันดา"




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>อีโบลาระบาดอีกแล้ว คราวนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ นายแพทย์แซม ซารัมบา เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขยูกันดา เปิดเผยว่า อีโบลาสายพันธุ์ใหม่หรือสายพันธุ์ที่ 5 ทำให้ชาวยูกันดาที่อยู่เขตบันดิบักโย ใกล้กับพรมแดนคองโกติดเชื้อ 51 ราย เสียชีวิต 16 ราย ด้านนายแพทย์ทอม คเซียเซก จากกรมป้องกันและควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ มีความเห็นว่า อีโบลาที่กำลังระบาดอยู่นี้ไม่ได้มีรูปแบบการระบาดเหมือนกับสายพันธุ์เดิมๆ จึงเป็นไปได้ว่า อาจเป็นสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยูกันดาระบุว่า เป็นการระบาดที่ไม่รุนแรงนัก ผู้ติดเชื้อไม่ค่อยมีเลือดออก แต่เสียชีวิตจากการเป็นไข้ อย่างไรก็ตาม ทางยูกันดาจะต้องตรวจสอบว่า มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษากี่คนยังมีชีวิตอยู่

    สำหรับอีโบลานั้น นักวิทยาศาสตร์จัดว่ามีอยู่ 4 สายพันธุ์ 2 สายพันธุ์แรกมีความรุนแรงมาก คือสายพันธุ์ซาอีร์และสายพันธุ์ซูดาน ซึ่งตั้งชื่อตามประเทศที่พบการระบาดมาก สายพันธุ์ที่ 3 คือ "เรสตัน" พบการระบาดในลิงในรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐ สายพันธุ์ที่ 4 คือ Cote d"Ivoire พบในไอวอรีโคสต์ โดยสายพันธุ์ซาอีร์นั้นผู้ติดเชื้อจะเสียชีวิตถึง 80% ส่วนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ซูดานเสียชีวิต 50% การระบาดของอีโบลาครั้งก่อนหน้านี้ในยูกันดาคือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว มีผู้ติดเชื้อ 425 ราย เสียชีวิตครึ่งหนึ่ง ส่วนคองโกปีนี้มีผู้ติดเชื้อ 264 ราย เสียชีวิต 187 ราย
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ส่อเค้าเกิดการระบาดไข้หวัดนกเป็นครั้งแรกในเบนิน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">8 ธันวาคม 2550 13:19 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> กระทรวงเกษตรของเบนิน รายงานว่า ได้ทำการบันทึกเกี่ยวกับข้อสงสัยว่าเกิดการระบาดของไข้หวัดนกเป็นครั้งแรก และได้ทำลายสัตว์ปีกไปหลายร้อยตัวในบริเวณที่เกิดการติดเชื้อของโรคนี้ใน 2 พื้นที่ และสำนักงานสัตวแพทย์ได้ปิดล้อมพื้นที่ที่เกิดการระบาดของโรคนี้ในเขตเมืองโคโตนู และที่เมืองอัดจาร์รา และได้มีการส่งเชื้อไปให้ห้องทดลองระหว่างประเทศตรวจสอบว่าได้เกิดการระบาดของเชื้อเอช 5 เอ็น 1 ที่เบนินหรือไม่
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <table id="table2" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="990"><tbody><tr><td valign="top" width="7">
    </td> <td valign="top" width="983"> องค์การอนามัยโลกจับตาหวัดนกจีน อาจแพร่จากคนสู่คนได้

    สำนักข่าวต่างประเทศระบุ นางโจแอนนา เบรนท์ โฆษกประจำสำนักงานองค์การอนามัยโลกสาขาปักกิ่ง ประเทศจีน เปิดเผยว่า ทางองค์การอนามัยโลกจำเป็นต้องติดตามกรณีการล้มป่วยด้วยเชื้อไวรัสไข้หวัดนก เอช 5 เอ็น 1 ของพ่อลูกคู่หนึ่งในจีนอย่างใกล้ชิด เพราะมีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นการแพร่ระบาดของเชื้อจากคนสู่คน ซึ่งเป็นรูปแบบการแพร่ระบาดที่แม้จะหายาก แต่อันตรายอย่างยิ่งของเชื้อไวรัสอันตรายนี้ ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วในหลายประเทศกว่า 200 คน นับตั้งแต่ปี 2003 ที่ผ่านมา


    โฆษกองค์การอนามัยโลกผู้นี้ยอมรับว่ายังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่านายลู่ วัย 52 ปี ชาวเมืองหนานจิง มณฑลเจียงสู ของจีน ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกมาจากลูกชายวัย 24 ที่ล้มป่วยและเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ โดยนายลู่มีอาการไข้สูงและแสดงอาการปอดบวมออกมาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม และต่อมาทางการจีนแถลงยืนยันในวันที่ 6 ธันวาคม ว่านายลู่ติดเชื้อหวัดนกจริง ทั้งนี้ ความเป็นไปได้ของการได้รับเชื้อของนายลู่นั้นมีอยู่ 3 ทาง คือ ได้รับโดยการระบาดจากคนสู่คนจากลูกชายที่ล้มป่วย หรือได้รับจากการสัมผัสสัตว์เลี้ยงป่วยตัวเดียวกัน และสุดท้ายคือได้รับจากการสัมผัสสัตว์เลี้ยงป่วยคนละตัวกัน ซึ่งยังคงเป็นไปได้ทั้ง 3 ทาง

    ด้านนายจอห์น เรนฟอร์ด โฆษกองค์การอนามัยโลกระบุว่า การแพร่ระบาดจากคนสู่คนหายากมากแต่มีความเป็นไปได้ โดยที่ผ่านมาเกิดการระบาดจากคนสู่คนแล้ว 3 ครั้ง ในเวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม นายคริสเตียน แม็คแน็บ เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกประจำกรุงปักกิ่งชี้ว่า นายลู่ได้สัมผัสกับบุคคลอื่นๆ อีก 69 คน แต่ไม่มีใครในจำนวนดังกล่าวได้รับเชื้อและล้มป่วยด้วยโรคไข้หวัดนก ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ถ้าหากมีการแพร่จากคนสู่คนจริง ก็น่าจะเกิดจากการแพร่ของเชื้อไวรัสหวัดนกที่ยังไม่ได้กลายพันธุ์ ไม่เช่นนั้นผู้ที่ติดต่อสัมผัสกับนายลู่ทั้งหมดน่าจะได้รับเชื้อและล้มป่วยลงตามไปด้วย

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=13037&catid=28
    </td></tr></tbody></table>
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">
    • พบแหล่งระบาดของโรคไข้หวัดนกเป็นแห่งที่ 4 ในโปแลนด์ [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ [ 09-12-2550 | 09:36 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> พบแหล่งระบาดของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 เป็นแห่งที่ 4 ในภาคกลาง ของโปแลนด์ ห่างจากแหล่งระบาด 3 แห่งที่พบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วประมาณ 50 กิโลเมตร ส่งผลให้หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินประกาศให้บริเวณดังกล่าว เป็นเขต เฝ้าระวัง ในรัศมี 3 กิโลเมตร การระบาดในปีนี้ ถือเป็นครั้งแรกในฝูงสัตว์ปีก ที่อยู่ในฟาร์ม ต่างจากการระบาดเมื่อปีที่แล้ว ที่พบในนกป่า ซึ่งพบหงส์หลายตัวติดเชื้อ ทางการโปแลนด์ต้องฆ่าสัตว์ปีกที่ติดเชื้อถึง 11,000 ตัวภายหลังการระบาดครั้งล่าสุด ขณะที่สหภาพยุโรป และประเทศที่มีพรมแดนติดกับโปแลนด์ เช่น ยูเครน และเบลารุส มีคำสั่งตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีก จากประเทศที่ มีการระบาดของโรคไข้หวัดนก ส่วนกระทรวงเกษตรของโปแลนด์ จะเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในเย็นวันนี้
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  8. ขิก

    ขิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,338
    ค่าพลัง:
    +18,756
    (^) VANCO

    (deejai) มันมีโรระบาดอยู่โรคที่เราโดนรุมอยู่ แต่ไม่ค่อยจะรู้ตัวกัน

    (smile) แล้วไม่ค่อยยอมรับโรคนี้ด้วย ซิ บางทีเป็นคนเดียวไม่พอ ต้องชวนคนอื่นให้เป็นด้วย

    (one-eye) โรค ตัณหา ภาวะตัณหา วิภาวะตัณหา

    (one-eye) เป็นเสียจนชิน เลยเกิดความเพลิดเพลินในโรค กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็ โน่น อบายภูมิ
     
  9. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    คุยเรื่องวัคซีนให้ฟังหน่อยคะ
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    อุตุฯ เตือนโรคฝีดาษในสัตว์ปีก มาพร้อมความหนาว <table align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr bgcolor="#cccccc"><td valign="center"> </td></tr> <tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top"> <table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top"> กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งการคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงระหว่างวันที่ 14 -16 ธันวาคม ว่า

    บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนระลอกใหม่จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลง ภาคเหนือจะมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศา
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศา โดยในช่วงวันที่ 14-16 ธันวาคม อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา จึงแจ้งเตือนไปยังประชาชนให้ระวังด้านสุขภาพ โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งต้องระมัดระวังการใช้รถใช้ถนนในช่วงที่มีหมอกหนา อาจจะเกิดอุบัติเหตุง่าย

    ทางด้านนายสัตวแพทย์บุญจันทร์ ทูลมณี หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จ.พะเยา ได้ออกมาระบุว่า ในช่วงฤดูหนาวซึ่งมีสภาพอากาศแห้งและหนาวเย็น จึงทำให้อาจสามารถเกิดโรคระบาดในสัตว์ปีกโดยทั่วไป ได้แก่ ได้แก่ โรคนิวคาสเซิล หรือโรคห่า โรคฝีดาษและ โรคหลอดลมอักเสบ แต่โรคที่มักจะพบมีการแพร่ระบาดในช่วงหน้าหนาวมากและต้องมีการระมัดระวัง ได้แก่ โรคฝีดาษในสัตว์ปีก ซึ่งการป้องกันโรคฝีดาษในสัตว์ปีก เกษตรกรต้องให้วัคซีนแก่สัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้ โดยเฉพาะไก่พื้นเมือ

    </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr><td><center>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</center></td></tr></tbody></table>
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    แบคทีเรียจากนรก

    มีการค้นพบแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในพุน้ำร้อนที่ร้อนที่สุดบนผิวโลก มันกินก๊าซมีเทนเป็นอาหาร นักวิจัยคาด พวกมันอาจช่วยลดปัญหาการเกิดภาวะโลกร้อน (Global warming) ผลการค้นพบของทีมงานนักชีววิทยาของมหาวิทยาลัยแห่งคาลการี (University of Calgary) ประเทศแคนาดา ที่เผยแพร่ในวารสาร Nature วันที่ 6 เดือนนี้

    เราทราบกันดีว่าก๊าซมีเทนนั้นเป็นตัวการที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนได้ร้ายกาจกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 20 เท่า ก๊าซมีเทนนั้นเกิดขึ้นและมีอยู่ในธรรมชาติ มันเกิดจาดการย่อยสลายของอินทรียวัตถุทั่วๆไปในธรรมชาติ ในหลุมขยะทั้งจากชุมชน และขยะอุตสาหกรรม ในเหมืองแร่ หรือแม้กระทั่งจากการเรอของ “เจ้ามอ” ที่เคยถูกตราหน้าว่าเป็นตัวดีที่ปล่อยก๊าซร้าย

    ทีมงานนักชีววิทยานำโดย โปรเฟสเซอร์ Peter Dunfield มหาวิทยาลัยแห่งคาลการี (University of Calgary) ประเทศแคนาดา ได้ค้นพบแบคทีเรียสปีชีส์ใหม่ในบริเวณแหล่งพลังงานความร้อนใต้ภิภพที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปของชาวเมืองกีวีว่า Hell’s Gate (หรือ ประตูสู่นรก) ใกล้เมืองโรโทรัว (Rotorua) ในประเทศนิว ซีแลนด์

    “แบคทีเรียสปีชีส์ใหม่ที่ค้นพบนี้ เป็นชนิดที่กินก๊าซมีเทนเป็นอาหาร (Methanotrophic bacteria) แถมทนความร้อนได้อึดที่สุด (hardiest "methanotrophic" bacterium) เท่าที่มีการค้นพบมา (อึดกว่ากลุ่มที่อยู่ในพุน้ำร้อนของอุทยานแห่งชาติเยลโลสโตน ในสหรัฐฯ ที่นำเสนอไปเมื่อต้นเดือนค่ะ) โปรเฟสเซอร์ Peter Dunfield กล่าวว่า “เจ้าแบคทีเรียนี้อยู่ในครอบครัว Verrucomicrobia ซึ่งพบได้ทั่วไป แต่เมื่อนำมาเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการกลับทำได้ยาก”

    เรื่องแปลกแต่จริงก็คือ เจ้าแบคทีเรียมีแทนโนโทรฟิคนี้ ไม่กินอะไรเป็นอาหารเลยนอกจาก “ก๊าซมีเทน” เท่านั้นเป็นอาหารจานเดียว และจานโปรด ซึ่งต้องขอบคุณพวกมัน ที่ทำตัวเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อการลดปริมาณก๊าซมีเทนที่จะขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งมีเทนส่วนหนึ่งก็เราๆ ท่านๆ นี่แหละร่วมกันผลิต

    “กลุ่มนักวิจัยยังสนใจที่จะหาความกระจ่างต่อไปอีกว่า จะมีเงื่อนไขอะไรบ้างในสิ่งแวดล้อม ที่จะทำไปชะงัก และ/หรือกระตุ้นการบริโภคมีเทนของมัน น่าเสียดายที่มีแบคทีเรียจำนวนมากมายมหาศาลอยู่ในสิ่งแวด้อม แต่มีเพียงไม่กี่ชนิดนั้นที่ถูกนำมาศึกษาอย่างใกล้ชิด” โปรเฟสเซอร์ Peter Dunfield กล่าว

    ทีมงานได้ตั้งชื่อแบคทีเรียชนิดนี้ว่า Methylokorus infernorum เพื่อเป็นการบ่งบอกบ้านเกิดเมืองนอนว่ามันมาจากนรก (inferno n. แปลว่า นรก) ตามชื่อของแหล่งที่ค้นพบที่เรียก Hell’s Gate (ประตูสู่นรก) ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ที่มีสภาพเลวร้ายมาก คือน้ำในนั้นเดือดปุดๆและเต็มไปด้วยสารเคมี และเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่

    ข้อมูลทางด้านพันธุกรรมของเจ้าแบคทีเรียนรกนี้ ถูกส่งไปเพื่อการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยฮาวาย ประเทศสหรัฐฯและมหาวิทยาลัยนานไก ในประเทศจีน เพื่อที่จะพัฒนาเทคนิควิธีในการนำเอาพวกมันมาใช้ประโยชน์ในอนาคต

    โปรเฟสเซอร์ Peter Dunfield ยังวางแผนที่จะรวบรวมแบคทีเรียชนิดอื่นๆที่อาศัยอยู่ในแหล่งอื่นๆ ที่มีเงื่อนไขหรือสภาพความเป็นอยู่ใกล้เคียงกัน เช่น หลุมความร้อนใต่ภิภพ (peatland) ทางตอนเหนือของอัลเบอร์ต้า และพุน้ำร้อน (hot spring) ทางตะวันตกของประเทศแคนาดา ซึ่งคาดว่าจะพบแบคทีเรียหน้าตาใหม่ๆจำนวนมาก เขาคิดว่า 95% ของแบคทีเรียทั้งหมดยังไม่เคยมีการนำศึกษาอย่างละเอียดในห้องปฏิบัติการเลย ฉะนั้น การค้นคว้าที่จะเกิดต่อไปก็ยังเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น

    น่ารู้เกี่ยวกับไวรัสร้อนๆ เรื่อง “ไวรัสในพุน้ำร้อน อช. เยลโลสโตน เดินทางไกล” ที่ http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=129752


    อ้างอิง
    Science Daily. “'Hellish' Hot Springs Yield Greenhouse Gas-eating Bug”. Accessed from: http://www.sciencedaily.com/releases/2007/12/071206110822.htm

    Dated: Dec 10, 2007.

    ภาพ Hell’s Gate (ประตูสู่นรก) จาก Peter Dunfield University of Calgary (2007, December 7).
    [​IMG]
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ไข้หวัดม้าระบาด ในมองโกเลีย

    <big>2008-01-07 08:10:11 - Biological Hazard - Mongolia</big>

    <code> GLIDE CODE: BH-20080107-14821-MNG
    Date & Time: 2008-01-07 08:10:11 [UTC]
    Area: Mongolia, , 11 provinces,

    </code><fieldset style="border: 1px solid Maroon; background-color: Red; font-family: Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: 10px; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bolder; color: White; text-align: center; text-decoration: blink; vertical-align: middle;">!!! WARNING !!!</fieldset>

    Description:

    Horse flu continues to spread in Mongolia and more than 60,000 horses in 11 provinces in southern Mongolia have been infected since October, 2007. Mongolian General Authority for Emergency Management said on Monday that 21 horses had gone down with the equine influenza virus through Mongolia. The government had taken measures to control the epidemic situation and more than 30,000 horses had been charmed away. Mongolia is a country of stock raising and has more than 2 million horses throughout the country. The horse flu does not infect human beings.

    Damage level: Moderate (Level 2)
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ปีนี้มาลาเรียจะระบาดหนักกว่าเดิม เพราะ La Nina

    องค์กรอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) รายงานว่า ปีนี้แอฟริกาใต้มีโอกาสเสี่ยงภัยคุกคามจากมาลาเรียมากยิ่งขึ้นครับ

    โรคมาลาเรีย เป็นโรคติดต่อในประเทศเขตร้อน สำหรับประเทศไทยโรคมาลาเรียพบมากในจังหวัดตาม แนวชายแดนและจังหวัดที่ยังมีป่าทึบ โดยมียุงก้นปล่องเป็นแมลงนำโรคมาลาเรีย ซึ่งในประเทศไทยมี 2 ชนิด ที่เป็นพาหะหลักที่สำคัญ คือ Anopheles dirus และ Anopheles minimus สาเหตุเกิดจากยุงที่กัดกินเลือดของคนที่มีเชื้อมาลาเรียเข้าไป เชื้อจะอยู่ในตัวยุงและจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างก่อนที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็น Sporozoite จำนวนมากอยู่ที่ต่อมน้ำลายของยุง เมื่อยุงไปกัดคนอื่นอีก ก็สามารถแพร่เชื้อให้คนนั้นเป็นมาลาเรียต่อไปได้ครับ

    มาลาเรียเป็นโรคที่ก่อให้เกิดการตายอันดับต้น ๆ ในแอฟริกาใต้ คร่าชีวิตประชากรในแต่ละปีถึง 400,000 รายครับ
    และเหตุใดจึงต้องเป็นประเทศในแอฟริกาที่พบอัตราการตายด้วยมาลาเรียมากที่สุด แอฟริกาถือเป็นประเทศที่เราเลือกไปทำงานด้านการพัฒนามากที่สุดก็ว่าได้นะครับ แอฟริกาเป็นทวีปที่จนที่สุดในโลก และมีคนตายด้วยโรคเอดส์มากที่สุดในโลก ในโลกกลม ๆ ใบนี้ คนที่ตายด้วยโรคมาเลเรียทั้งหมด 90% พบในประเทศแถบทวีปแอฟริกา เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจและการสาธารณสุขที่ยังไม่เจริญก้าวหน้ารวมทั้ง
    ภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นทำให้มาลาเรียระบาดในทวีปนี้เป็นระยะเวลาเนิ่นนานแล้วครับ ที่ว่าจนจนถึงขั้นไม่มีจะกินนั้น เค้าสำรวจมาแล้วครับว่าประชากรในประเทศแถบทวีปแอฟริกา มีรายได้น้อยมาก บางครอบครัวมีไม่ถึง 1$ ต่อวันด้วยซ้ำไป
    และสาเหตุหลักที่ทำให้โดยองค์กรอนามัยโลกต้องออกมาประกาศเตือนในปีนี้ เกิดจากปรากฏการณ์ทางภูมิอากาศอย่างลานีญา (La Nina)ซึ่งทำให้พื้นที่บางส่วนของโลกชื้นขึ้นผิดปกติ ทำให้คนในพื้นที่นั้นมีโอกาสติดเชื้อสูงขึ้นครับ

    ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ที่ตรงข้ามกับเอลนีโญ คือ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทรแปซิฟิกกลางและตะวันออกมีค่าต่ำกว่าปกติ ทั้งนี้เนื่องจากลมค้า (trade wind) ตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดอยู่เป็นประจำในแปซิฟิกเขตร้อนทางซีกโลกใต้ (ละติจูด 0.03 องศาใต้) มีกำลังแรงกว่าปกติ จึงพัดพาผิวน้ำทะเลที่อุ่นจากแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออก (บริเวณฝั่งเอกวาดอร์ เปรู และชิลีตอนเหนือ) ไปสะสมอยู่ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันตก (บริเวณชายฝั่งอินโดนีเซียและออสเตรเลีย) มากยิ่งขึ้น จึงทำให้ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันตกซึ่งแต่เดิมมีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลและ
    ระดับน้ำทะเลสูงกว่าทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกอยู่แล้ว กลับยิ่งมีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลและระดับน้ำทะเลสูงกว่าทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกมากยิ่งขึ้นไปอีก มีผลทำให้ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันตกมีปริมาณฝนมากขึ้น ขณะที่ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกจะมีความแห้งแล้งรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ปรากฏการณ์ลานีญาจะเกิดโดยเฉลี่ย 5 - 6 ปี ต่อครั้ง และแต่ละครั้งกินเวลานานประมาณ 1 ปี

    บริเวณที่มีผลกระทบทำให้มีปริมาณฝนมากกว่าปกติได้แก่ประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลียตอนเหนือ ฟิลิปปินส์ อินเดียตอนเหนือ ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา และด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ ส่วนบริเวณที่มีผลกระทบแต่ทำให้มีปริมาณฝนน้อยกว่าปกติ ได้แก่ ประเทศชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา บราซิลตอนใต้ ถึงตอนกลางของประเทศอาร์เจนตินา

    (โดย ดร.สมบัติ เจริญวงศ์ จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ 8 ฉบับที่ 86 ก.ค. 2541)


    ทางองค์กรอนามัยโลกจึงได้ออกมาเร่งเร้า ให้นานาประเทศระวังภัยและได้แจกจ่ายยาต้านมาลาเรียและตาข่ายกันแมลงไว้ป้องกันภัยกันครับ

    Joaquim Da Silva เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคระบาดขององค์กรอนามัยโลก กล่าวว่า มาลาเรียเป็นโรคที่ไวต่อสภาพภูมิอากาศ และสำหรับปีนี้ทางองค์กรได้สำรวจพบพื้นที่ที่ฝนตกชุกและมีน้ำท่วมขังผิดปกติหลายแห่งในแอฟริกาใต้ และพยากรณ์อากาศคาดว่าฝนจะตกหนักไปจนเดือนกุมภาพันธ์

    ลานีญา ถือกำเนิดขึ้นในทะเลแปซิฟิกตะวันออกแต่ส่งผลกระทบกระเทือนไปทั่วทั้งโลก ทำให้พื้นที่ที่เปียกชื้นชื้นขึ้นกว่าเก่า ส่วนพื้นที่ที่แห้งแล้งก็แล้งหนักกว่าเดิมครับ

    ทั้งนี้ นาย Da Silva กล่าวว่าปรากฏการณ์นี้อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมในแม่น้ำ แองโกลา, แซมเบีย, ซิมบับเว, โมซัมบิก, นามิเบีย, บอสวาน่า และสาธารณรัฐอัฟริกาใต้ อีกด้วยครับ

    ที่มา http://news.bbc.co.uk/2/hi/africa/7169421.stm?TB_iframe=true&height=500&width=750


    อ้างอิง: http://203.157.15.12/boe/Annual47/part1/05-Malaria.pdf
    http://blog.trekkingthai.com/iamabackpacker/he/why-africa/
    http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet4/june22/la_nina.htm




    องค์การอนามัยโลก กระตุ้นประเทศต่าง ๆ ให้มีการแจกจ่ายตาข่ายกันยุ่ง
    [​IMG]
     
  14. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    หวัดนกคร่า"อิเหนา" "ฝน"ขวางอินเดียฆ่าไก่

    หวัดนกคร่า"อิเหนา" "ฝน"ขวางอินเดียฆ่าไก่


    เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 24 ม.ค. กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตเพราะไข้หวัดนกมรณะอีกเป็นรายที่ 98 ของประเทศ และผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 120 ราย ผู้ตายรายล่าสุดเป็นชายวัย 30 ปีจากเมืองตังเกรัง พบว่ามีอาการไข้หวัดนกในวันที่ 14 ม.ค. และจากนั้นเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงจาการ์ตา จนเสียชีวิตในเวลา 06.30 น. วันที่ 24 ม.ค. ประวัติผู้ตายเคยสัมผัสสัตว์ปีก โดยมีฟาร์มไก่อยู่ใกล้บ้าน

    วันเดียวกันที่อินเดีย มีรายงานว่า ภาวะฝนตกหนักขัดขวางการฆ่าทิ้งไก่เป็ด ในเขตเบงกอลตะวันตก เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไข้หวัดนกที่เลวร้ายที่สุดในอินเดียตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า หากฝนซาลงเมื่อไหร่ จึงจะเริ่มงานได้อีกครั้ง ขณะที่แพทย์และสัตวแพทย์จากรัฐใกล้เคียงเดินทางมาถึงเมืองแล้ว สำหรับพื้นที่ดังกล่าว ประสบปัญหากับการควบคุมเชื้ออยู่แล้ว เนื่องจากชาวบ้านจำนวนมากไม่ให้ความร่วมมือ


    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd05nPT0=&day=TWpBd09DMHdNUzB5TlE9PQ==
     
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    นครสวรรค์ เริ่มฆ่าไก่ 5 หมื่นตัว
    เนื่องจากมีเชื้อหวัดนกระบาด
    คนงาน 14 คน ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว

    น่ากลัวครับ ต้องระวังกันไว้
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    เตือนอย่าห่วงแต่ H5 ให้เฝ้าระวังหวัดนกทุกสายพันธุ์อาจพัฒนาสู่คนได้ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">25 มกราคม 2551 15:05 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ศ.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล</td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เชื้อไข้หวัดนกไม่ได้มีแค่สายพันธุ์ H5N1 เท่านั้นที่แพร่สู่คนได้ ยังมีสายพันธุ์อื่นอีกแต่อาจไม่รุนแรงเท่า นายกสมาคมไวรัสเตือนอย่าประมาท ต้องเฝ้าระวังทุกสายพันธุ์ที่แพร่สู่คน เพราะเชื้ออาจกลายพันธุ์และระบาดเงียบโดยไม่ทันรู้ตัว ขณะที่วัคซีนป้องกันโรคสามารถทำได้แค่ระดับปฏิบัติการ เทคนิคไม่ใช่ปัญหา ทว่าขาดงบลงทุน

    ศ.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และนายกสมาคมไวรัสวิทยา เปิดเผยระหว่างการประชุมวิชาการนานาชาติด้านไข้หวัดนกที่โรงแรมดุสิตธานี เมื่อวันที่ 24 ม.ค.51 ว่าเชื้อไข้หวัดในนกมีหลายสายพันธุ์ ขณะที่มีบางสายพันธุ์สามารถแพร่สู่คนได้ แต่ที่ตื่นตัวกันก็คือเชื้อเอช5เอ็น1 (H5N1) เพราะทำให้เกิดโรครุนแรงในคน

    เชื้อไวรัสสายพันธุ์เอช (H) ที่ทำให้เกิดโรคในสัตว์ปีกมีมากกว่า 10 ชนิด โดยที่ H5, H7 และ H9 เป็นสายพันธุ์ที่รุนแรงในนก แต่มีเพียงสายพันธุ์ H5 เท่านั้นที่ทำให้เกิดโรครุนแรงในคนได้ ซึ่งเชื้อ H5N1 ติดต่อสู่คนและทำให้มีอาการรุนแรงได้เช่นกัน ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ 60% เสียชีวิต จึงทำให้มีการตื่นตัวเรื่องไข้หวัดนก” ศ.นพ.ประเสริฐ เผย

    ทว่าเชื้อไข้หวัดนกที่ติดต่อสู่คนได้ไม่ได้มีเฉพาะ H5N1 เท่านั้น ซึ่งเคยมีรายงานในต่างประเทศมาแล้วว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อ H7N7 และ H9N2 ทว่าไม่มีอาการรุนแรงนัก

    “มีความเป็นไปได้ที่เชื้อไข้หวัดนกทุกชนิดอาจกลายพันธุ์สู่คนได้ แต่ที่กังวลกันอยู่ตอนนี้คือ H5N1 เพราะก่อโรครุนแรงในคน ขณะที่ชนิดอื่นที่ไม่รุนแรงเท่าแต่ติดต่อสู่คนได้เหมือนกันจะเฝ้าระวังยากกว่า ผู้ป่วยมีอาการเพียงเล็กน้อย อาจไม่มีใครรู้ว่าติดเชื้อไข้หวัดนกมาแล้ว และเชื้อก็ค่อยๆ ปรับตัวจนระบาดจากคนสู่คนได้ กรณีนี้ก็อันตรายมากเช่นกันที่อาจเกิดระบาดขึ้นโดยที่เราไม่ทันเฝ้าระวัง” นายกสมาคมไวรัสฯ กล่าว ซึ่งเขาเสนอว่าทางที่ดีเราต้องเฝ้าระวังการกลายพันธุ์และติดตามการระบาดของเชื้อไข้หวัดนกทุกสายพันธุ์ และวัคซีนป้องกันก็น่าจะได้ผลดี

    ทั้งนี้ ศ.นพ.ประเสริฐ บอกว่า มีนักวิจัยทั่วโลกหลายกลุ่มที่กำลังพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดนก แต่ยังไม่มีรายไหนที่ผลิตออกมาใช้กันจริงๆ ส่วนในประเทศไทยก็มีหลายสถาบันที่ศึกษาวิจัยเรื่องนี้อยู่

    ปัญหาของการทำวัคซีนไม่ได้อยู่ที่เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ แต่อยู่ว่าจะผลิตยังไงให้มีพอใช้หรือผลิตได้ทันเวลาก่อนระบาด เพราะเท่าที่มีรายงานการวิจัยก็พบว่าวัคซีนได้ผลดีในระดับทดลอง ส่วนในประเทศไทยก็มีหลายห้องปฏิบัติการที่สามารถสร้างไวรัสและเพาะเลี้ยงสำหรับงานวิจัยได้ หรือจะปรับเปลี่ยนไวรัสให้เป็นสายพันธุ์สำหรับวัคซีนก็ได้ แต่จะมีปัญหาเรื่องกระบวนการผลิตในระดับอุตสาหกรรมที่ต้องให้ได้มาตรฐาน ซึ่งต้องลงทุนสูง และต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าว่าควรจะเตรียมการรับมืออย่างไร” ศ.นพ.ประเสริฐกล่าว

    อย่างไรก็ดี ศ.นพ.ประเสริฐ เสริมว่า เชื้อไวรัสเปลี่ยนแปลงเร็วและอาจกลายพันธุ์จนสามารถแพร่จากคนสู่คนได้ แต่ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในยีนหลายตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนฮีแมกกลูตินิน (hemagglutinin) ที่เคยจำเพาะกับเซลล์ของสัตว์ปีกให้จับกับตัวรับ (receptor) ในเซลล์ของคนได้ ซึ่งต้องอาศัยการติดต่อจากคนสู่คนหลายๆ ครั้ง

    แต่ที่ผ่านมาพบการกลายพันธุ์เพียงครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น ไวรัสจึงยังไม่สามารถแพร่จากคนสู่คนได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันถึงจะกลายพันธุ์ได้สมบูรณ์แบบ ซึ่งเคยพบเชื้อกลายพันธุ์ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อมาจากไก่เพียงกรณีเดียวในประเทศไทย แต่โชคดีที่ไม่มีการติดต่อไปสู่ผู้อื่น แต่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อในคนกลุ่มใหญ่ในอินโดนีเซีย แต่ก็ยังไม่พบว่าเชื้อกลายพันธุ์แต่อย่างใด ทว่าที่น่าเป็นห่วงก็คือหากเชื้อกลายพันธุ์และเกิดการระบาดจากคนสู่คนขึ้นจริงแล้วเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยไม่ทัน
     
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    มีเด็กติดเชื่อ เริม จากลิง ตอนนี้นอนอยู่ รพ นิ่ง พอรู้สึกตัวก็จะชัก อืมม์
     
  18. zetaboo

    zetaboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +503
    ไข้หวัดนกมาในช่วงหน้าหนาวของทุกปี มันสามารถกลายพันธ์ได้ ถ้าสภาวะแวดล้อมเหมาะสม
     
  19. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    กินใบยอ แก้ไข้ที่มาจากไวรัส
     
  20. obniti

    obniti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +305
    กินใบยอแก้ไข้ที่มาจากไข้ไวรัส กินยังไงครับ บ้านผมมีสองต้นเผื่อเอาไปช่วยคนที่ไม่สบายได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...