ปิดแล้ว แจกเป็นธรรมทาน ประสบการณ์วิญญาณและการอุทิศบุญของ " คนธรรมดา "

ในห้อง 'แจกฟรี' ตั้งกระทู้โดย เอกณัฐยศ, 1 พฤศจิกายน 2013.

  1. เอกณัฐยศ

    เอกณัฐยศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,628
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ส่งให้แล้วครับ รวมแจกแล้ว 84 คน
    ศึกษาแล้วลองทำดู ทำเองรู้เอง

    *********
    ข้อมูลความรู้ที่นำมาแจกเป็นธรรมทานนี้ เป็นความรู้อันเกิดจากประสบการณ์ของ อาจารย์ที่ท่านได้ใช้นามแฝงว่า" คนธรรมดา " มิใช่ของผู้แจก
    แต่ผู้แจกได้นำไปปฏิบัติแล้วเกิดผลดี จึงนำความรู้มาแบ่งปันเป็นธรรมทานแก่ท่านที่สนใจ

    *********************************************

    เนื้อหาบางส่วน

    2. พิสูจน์นรกสวรรค์

    นรกสวรรค์มีจริงหรือ เราพิสูจน์ด้วยตาเนื้อไม่ได้หรอก ต้องพิสูจน์ด้วยตาใน คือดวงตาจากสมาธิ ผมพยายามพิสูจน์ด้วยวิธีการต่างๆ มามาก แต่ไม่สำเร็จ คือไม่เห็น ได้แต่คุยกับวิญญาณด้วยวิธีเข้าทรง, ผีถ้วยแก้ว จนกระทั่งผมได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ท่านสอนเรื่องการฝึกสมาธิเพื่อพิสูจน์โลกวิญญาณ ผมได้ทดลองฝึกกับครูฝึกที่วัดปรากฏว่าครั้งแรกไม่รู้เรื่องเลย นั่งเพ่งจนปวดลูกตาก็ไม่เห็นอะไรเลย กลับบ้านด้วยความผิดหวัง แต่ไม่ยอมท้อถอย ลองศึกษาวิธีการของหลวงพ่อวัดท่าซุง คำอธิบายต่าง ๆ พยายามทำความเข้าใจ และลองไปฝึกที่วัดต่ออีก 6 ครั้ง ปรากฏว่าครั้งสุดท้ายผมเริ่มเข้าใจการวางจิตพุ่งจิต ปรากฏว่าผมเห็นว่าตัวผมได้ขึ้นไปที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้ไปกราบพระอินทร์และแม่ศรี แต่การเห็นยังไม่ค่อยชัดเจนนัก ทันใดนั้นก็มีนางฟ้าท่านหนึ่งวิ่งเข้ามาหาผมด้วยอาการดีใจ พอมาถึงผมก็เปลี่ยนสภาพร่างกายที่นุ่งผ้าถุงมีสไบเฉียง อายุประมาณ 16 – 17 ปี กลายร่างเป็นยายของผมที่ชื่อยายจำปา ซึ่งท่านเสียชีวิตไปประมาณ 5 ปีแล้ว ตอนท่านจะสิ้นใจ ท่านพุทโธจนหมดลมหายใจ ด้วยความดีใจที่ได้พบยาย ทำให้จิตผมหลุดจากสมาธิ ร่วงลงมาที่ร่างที่นั่งอยู่ที่วิหาร 100 เมตร วัดท่าซุง พยายามรวมสมาธิเพื่อขึ้นไปใหม่ แต่ก็ไม่สำเร็จ พอหมดเวลาสอนสมาธิ ผมขออนุญาตครูฝึก ขอถามปัญหาและการวางจิต ตัวต่อตัว ครูฝึกท่านเลยสอนการวางจิตและให้พุ่งมองลงไปที่นรก พอผมทำจิตตามอย่างเต็มที่ปรากฏว่าผมเห็นภาพของกะทะทองแดงด้วยความทรมานและเห็นนายนิรยบาลกำลังกรอกน้ำทองแดงให้สัตว์นรกอยู่ การเห็นเกิดขึ้นชั่วขณะจิตผมก็ตกจากสมาธิด้วยความตื่นเต้นและสังเวช หลังจากกลับจากวัดผมพยายามฝึกเองหลายครั้ง แต่ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ จนจับเคล็ดว่าตอนเราตื่นนอนกลางดึกจิตเรายังอยู่ในภวังค์ แต่มีสติลองใช้เวลานี้ทำสมาธิ เพื่อพิสูจน์โลกวิญญาณดู เห็นท่าจะดี พอทดลองปรากฏว่าได้ผลดี จิตรวมได้ดี สามารถเห็นโลกวิญญาณที่เราต้องการไปดูได้ และไม่ต้องกลัวอะไร เพราะเราอาศัยบารมีพระพุทธเจ้าไปกับเรา

    สรุปแล้วผลการพิสูจน์โลกวิญญาณ ส่วนหนึ่งที่ผมประสพมานี้ ทำให้ผมเชื่อโดยสนิทใจว่าวิญญาณ, นรก, สวรรค์, นิพพานมีจริง แต่จะพิสูจน์ด้วยตาเนื้อไม่ได้ ต้องใช้สมาธิปรับคลื่นจิตของเราให้ละเอียด จนสามารถสื่อสารตรงกับโลกวิญญาณได้ ก็จะสามารถพิสูจน์โลกวิญญาณได้เอง ผมเองการเห็นการรู้ยังไม่ชัดเจนมากนัก เนื่องจากกิเลสยังมีมาก แต่ผู้หนึ่งที่ไปฝึกด้วยกัน เขาเห็นชัดเท่าลืมตาและพูดคุยสื่อสารกันได้เลย ทั้งๆ ที่ไปฝึกเพียงครั้งแรก และเมื่อกลับมาอยู่บ้าน บุคคลผู้นี้ทดลองดูก็สามารถติดต่อโลกวิญญาณได้ภายใน 10 วินาที ซึ่งเป็นผลบุญปฏิบัติในอดีตชาติของเขาเองที่ส่งผลต่อเนื่องมาในปัจจุบัน เรื่องอย่างนี้แข่งกันไม่ได้ เพราะผลบุญแต่อดีตทำมาไม่เท่ากัน ท่านใดอยากพิสูจน์โลกวิญญาณต้องลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง จะพิสูจน์ได้เอง เมื่อพบเห็นแล้วจะไม่กล้าทำบาปเลย จะมุ่งแต่ทำบุญสร้างบารมี เพื่อหนีนรกไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นจนถึงพระนิพพาน และเมื่อทำจนพร้อมแล้วจะไม่กลัวความตาย ไม่กลัวผี เพราะรู้เรื่องดีแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2013
  2. neaven

    neaven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +387
    ได้รับแล้วทั้งสองเมลล์เลย น่าสนใจมาก
    ขอบคุณค่ะ
     
  3. Kunanop

    Kunanop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +218
    ได้รับแล้ว ขอบคุณมากครับ อ่านคร่าว ๆ แล้ว เป็นแนวทางเดียวกับที่ผมคิดจะเดินตามพอดี
    อย่างไรต้องขออ่านให้ละเอียดก่อน
     
  4. เอกณัฐยศ

    เอกณัฐยศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,628
    ค่าพลัง:
    +9,666
    มีประสบการณ์อย่างไร เมล์มาแลกเปลี่ยนด้วยนะครับ
     
  5. supapat15

    supapat15 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอรับด้วยครับ. Kai2510@gmail.com
    ขอบคุณครับ
     
  6. thitarat

    thitarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +203
    ขอรับด้วยค่ะ sthitarat@gmail.com ค่ะ ขอบคุณมากๆ และขออนุโมทนาบุญค่ะ
     
  7. ชธิษา

    ชธิษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +248
  8. เอกณัฐยศ

    เอกณัฐยศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,628
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ส่งให้แล้วครับ
    ศึกษาแล้วลองทำดู ได้ผลดีทำต่อไป ไม่ได้ผลก็เลิกทำ

    ************************************
    ข้อมูลความรู้ที่นำมาแจกเป็นธรรมทานนี้ เป็นความรู้อันเกิดจากประสบการณ์ของ อาจารย์ที่ท่านได้ใช้นามแฝงว่า" คนธรรมดา " มิใช่ของผู้แจก
    แต่ผู้แจกได้นำไปปฏิบัติแล้วเกิดผลดี จึงนำความรู้มาแบ่งปันเป็นธรรมทานแก่ท่านที่สนใจ

    *********************************************

    เนื้อหาบางส่วน

    3. วิญญาณพ่อตาผม

    มาวันหนึ่งได้รับข่าว พ่อตาของผมชื่อชุมพล อยู่ที่อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เสียชีวิต ผมได้ไปร่วมงานศพ ศพจะตั้งที่บ้านมีการสวดศพและมีการทำบุญเลี้ยงพระตามประเพณี กลางคืนตอนดึกมีการตั้งวงเล่นการพนัน มีสุราอาหาร ซึ่งผมดูแล้วบุญคงจะมีถึงผู้ตายน้อยมาก เพราะเขาทำตามประเพณี ไม่ได้มีจิตในทางกุศล จึงเกิดความคิดจะชวนวิญญาณพ่อตากลับมาภาคกลางด้วย แต่จะใช้วิธีใดดี อยากนำวิญญาณมาแล้วทำบุญให้ใหม่ เพื่อให้วิญญาณได้รับบุญมากๆ ในวันที่นำศพไปทำการฌาปนกิจที่วัดป่าของหมู่บ้าน ที่เผาศพเป็นกองฟอนแบบสมัยก่อน เอาฟืนทับศพแล้วเผากันเห็น ๆ ว่าศพไหม้ไปถึงไหนเห็นหมดเลย ซึ่งให้อารมณ์ในการปลงสังขารได้ดีมาก เย็นวันนั้นมีการนิมนต์พระมาสวดที่บ้านเพื่อเป็นศิริมงคล พอค่ำลงประมาณ 2 ทุ่ม ผมก็รับหน้าที่ขับรถนำพระกลับไปส่งวัด เมื่อถึงวัดซึ่งมืดมากแล้วเพราะเป็นวัดป่า พระท่านลงมาจากรถไปหมดแล้ว ผมเกิดความคิดกะทันหันว่า เราเข้าไปชวนพ่อตาที่กองฟอน ให้ตามไปภาคกลางกับผมดีกว่า เลยขับรถไปจอดริมป่าช้าส่องไฟรถเข้าไปพอเห็นทาง ผมเดินเข้าไปในป่าช้าไปที่กองฟอน เห็นศพพ่อตาไหม้เกือบหมดแล้ว หัวกระโหลกตกลงที่พื้นดินส่วนซี่โครงกำลังไหม้ไฟอยู่ ผมไปยืนพูดกับพ่อตาที่ตรงกองฟอน จนคิดว่าพ่อตาคงได้ยินและเข้าใจ ก็ออกจากป่าช้าขับรถกลับบ้าน ท่านอย่าคิดว่าผมบ้านะ เพียงแต่ผมคุ้นเคยกับวิญญาณต่างๆ มาพอสมควรแล้ว ความรู้สึกนึกคิดของเขาก็เหมือนเช่นเรานี่เอง จะไปกลัวกันทำไม
    เมื่อผมเดินทางกลับบ้านที่ชัยนาท ระหว่างขับรถภรรยาผมเห็นพ่อนั่งมาในกระบะหลังรถ เป็นการเห็นแบบชั่วขณะ แว๊บๆ ก็บอกผมให้รู้ว่าพ่อมาด้วย ผมก็เลยอธิบายให้ภรรยาผมฟังว่าผมชวนท่านมาเองจะทำบุญให้ใหม่ พอถึงบ้านของผมแล้ว คืนนั้นเมื่อผมและภรรยาเข้านอนไปได้พักเดียว ภรรยาผมก็พรวดพราดลุกขึ้นอย่างตกใจ บอกว่าพ่อเข้ามากอดเธอ ผมบอกไม่ต้องตกใจหรอกพ่อเราเอง ท่านบอกให้รู้ว่าท่านตามมา ภรรยาก็ลงนอนต่อ อีกพักเดียวผมเริ่มมีความรู้สึกมีเงาดำ ๆ เข้ามาที่ปลายเท้าผม แทรกเข้ามาจากปลายเท้าขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงอก ผมมีสติและรู้ว่าคือพ่อตา พยายามบอกว่าท่านมาด้วย ผมปล่อยให้ท่านเข้ามาถึงอก แต่จะไม่ยอมให้ขึ้นถึงหัว เพราะวิญญาณอาจเข้าควบคุมจิตเราได้ ผมรวมพลังจิต ผลักวิญญาณพ่อตาที่ทับอยู่จนหลุดออกจากปลายเท้า และบอกกับท่านว่า พรุ่งนี้จะไปทำสังฆทานให้ที่วัดท่าซุง ขอให้เตรียมรับบุญนะ
    รุ่งขึ้นผมกับภรรยาได้ไปทำสังฆทานที่วิหาร 100 เมตร โดยทำอย่างที่คนทั่วไปเขาทำกัน คือ นำพานสังฆทานที่มีพระพุทธรูปด้วย มาคุกเข่า อธิษฐาน ขออุทิศผลบุญนี้ให้กับพ่อตา แล้วลุกขึ้นนำไปถวายพระ เป็นอันเสร็จสิ้นการทำบุญ ผมจึงบอกพ่อตาให้กลับไปอยู่บ้านที่กาฬสินธุ์
    เมื่อผมมีเวลาว่างผมกับภรรยาได้กลับไปเยี่ยมแม่ยายที่กาฬสินธุ์ ตกกลางคืนผมนอนคนเดียว พอเริ่มจิตตกภวังค์ใกล้หลับ เงาดำก็ปรากฏที่ปลายเท้า ไม่ใช่เห็นด้วยตาเนื้อแต่เป็นความรู้สึก และเริ่มแทรกเข้าจากปลายเท้าขึ้นมาอีกแล้ว ผมก็คอยกำหนดจิตดันออก ก็เป็นการฝึกจิตได้สนุกวิธีหนึ่ง ถ้าเราไม่กลัว ปรากฏว่าดันกันไปกันมาจนไก่ขัน ผมยอมแพ้เพราะง่วงมากแล้วบอกพ่อพอแล้วผมง่วงจะนอน ท่านจึงละไปในเวลากลางวันผมช่วยเดินสายไฟภายในบ้าน ปรากฏกลิ่นเหม็นเหมือนตัวอะไรเน่า มองหาเท่าไรก็ไม่พบ พอพูดว่าสงสัยพ่อเท่านั้นกลิ่นหายเลย
    ผมชักสงสัยแล้วว่าผมทำบุญสังฆทานซึ่งเป็นบุญใหญ่ ทำไมวิญญาณจึงแสดงกลิ่นเหม็นซึ่งแสดงว่าอยู่ในภูมิที่ลำบาก แต่ยังไม่ได้พิสูจน์ดู หลังจากพ่อตาตายไป ปรากฏว่าวิญญาณท่านวนเวียนอยู่ที่บ้านท่านประมาณ 2 ปี แล้วหายเงียบไปเลย ตอนนี้ผมเริ่มค้นหาความจริงจากวิญญาณพ่อตาแล้ว จึงให้ท่านผู้ได้มโนมยิทธิเต็มกำลัง (ตัวผมเองได้เพียงครึ่งกำลัง) ทำการติดต่อดู ปรากฏว่าพ่อตาผมตายก่อนอายุขัย เพราะนายเวรมาเล่นงาน จนป่วยเป็นมะเร็งกระดูกตาย เพราะอายุยังไม่หมด จึงเป็นสัมภเวสีอยู่พักหนึ่ง เมื่อหมดอายุ ยมฑูตจึงนำตัวไปสอบสวนที่ยมโลกและถูกตัดสินลงโทษข้อเสพสุรา ถูกกรอกน้ำทองแดงอยู่ ปรากฏว่าบุญที่ผมทำสังฆทานให้ท่านได้เพียงเล็กน้อยจากการอนุโมทนา แต่ไม่ได้ผลบุญตรงจากการอุทิศ ซึ่งผมก็ยังงงอยู่ว่าเราทำถูกแล้วทำไมไม่ได้รับ
    ในตอนนั้นความรู้จากการศึกษาด้านโลกวิญญาณยังไม่มาก จึงไม่เข้าใจวิธีการที่จะช่วยพ่อตาผมไม้พ้นจากการลงโทษได้อย่างไร ก็ยังพยายามทำบุญให้ด้วยวิธีเดิมเป็นประจำ หลังจากนั้นผ่านมา 1 ปี ลูกชายอีกคนหนึ่งของพ่อตา เรียนจบมาก็ได้ทำการบวช พร้อมทั้งตั้งใจปฏิบัติธรรมพอใช้ได้ เพื่ออุทิศบุญให้พ่อ พวกผมลองติดต่อดูวิญญาณพ่อตาอีกครั้ง ปรากฏว่าท่านไปอยู่ที่สวรรค์ชั้น 1 จาตุมหาราชิกา เลยสอบถามพ่อตาว่ามาอยู่สวรรค์ได้อย่างไร ท่านบอกไม่รู้เหมือนกัน ระหว่างถูกลงโทษอยู่ที่นรก อยู่ๆ มีลำแสงบุญสีขาวพุ่งลงมาที่ตัวท่าน แล้วท่านก็หลุดลอยขึ้นมาอยู่ที่สวรรค์ที่ชั้นนี้ ผมจึงรู้ว่านี่เอง บุญบวชของลูกที่ตั้งใจบวชปฏิบัติตามพระวินัย ผลบุญไปปรากฏถึงบิดามารดาทันที โดยไม่ต้องอุทิศบุญ ดังนั้นท่านจึงได้รับบุญเต็มที่ โทษถูกระงับไว้ก่อนให้ขึ้นไปรับบุญก่อน แต่ปัญหาคือ ผมทำบุญอุทิศให้ตั้งหลายครั้ง ทำไมส่งไม่ถึงท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2013
  9. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ได้รับแล้วครับ
     
  10. suwat.su

    suwat.su เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    7,642
    ค่าพลัง:
    +55,533
  11. chaiwatcboy

    chaiwatcboy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +33
  12. chain1977

    chain1977 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +330
    ได้รับแล้วขอบคุณครับ
     
  13. poohmark

    poohmark Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +69
    ขอรับด้วยครับ
    poohmark@gmail.com
    ขอบคุณครับ
     
  14. dara1

    dara1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +212
    ได้รับแล้วค่ะ พิมออกมากระดาษเกือบหมดรีม ห้าร้อยหน้า ขอบคุณและโมทนาบุญในธรรมทานนี้ค่ะ สาธุ
     
  15. helium

    helium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    848
    ค่าพลัง:
    +2,124
  16. Little Dragon

    Little Dragon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    3,186
    ค่าพลัง:
    +5,362
    ขอรับไปอ่านด้วยครับ ขอบคุณครับ
    karuneekachai@gmail.com
     
  17. ปารดา27

    ปารดา27 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +75
  18. dryad23

    dryad23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +122
  19. praprut

    praprut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +252
  20. เอกณัฐยศ

    เอกณัฐยศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,628
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ส่งให้แล้วครับ
    ศึกษาแล้วลองทำดู ทำเองรู้เอง

    *********
    ข้อมูลความรู้ที่นำมาแจกเป็นธรรมทานนี้ เป็นความรู้อันเกิดจากประสบการณ์ของ อาจารย์ที่ท่านได้ใช้นามแฝงว่า" คนธรรมดา " มิใช่ของผู้แจก
    แต่ผู้แจกได้นำไปปฏิบัติแล้วเกิดผลดี จึงนำความรู้มาแบ่งปันเป็นธรรมทานแก่ท่านที่สนใจ

    *********************************************

    เนื้อหาบางส่วน

    5. พิสูจน์วิธีการอุทิศบุญ และการเบิกบุญ
    ผมเรียกกุมารทองมานั่งลงตรงหน้า แล้วลองใช้เงิน 1 บาท หยอดใส่บาตรพลาสติกที่เตรียมไว้ทำบุญประจำ เมื่อเหรียญบาทหลุดมือผมคิดทันทีว่าบุญนี้ให้กุมารทองที่นั่งอยู่ตรงหน้า ปรากฏว่าแสงบุญสีขาวจ้าขึ้นที่มือผมตอนเหรียญหลุดมือ แล้วพุ่งไปหากุมารทองนั้นทันที รูปร่างเด็กมีความอิ่มสว่างขึ้นกว่าเดิมทันที อ้อ! เป็นเช่นนี้เอง คิดออกแล้วว่าผมทำไมช่วยพ่อตาไม่ได้ เพราะผมใช้วิธีตามที่ทำกันมาแต่ปู่ย่า พ่อแม่ เราทำให้เราเห็นมา คือ ยกของขึ้นมาจบอธิษฐานขอให้บุญนี้ส่งถึงผู้นั้นผู้นี้ ตอนนั้นบุญยังไม่เกิดเพราะเรายังไม่ได้สละหรือถวายของ เราดันไปคิดส่งบุญ พอเราสละหรือถวายของหลุดจากมือแสงบุญเกิดตอนนี้ เรากลับไม่ได้คิดอุทิศ เพราะว่าเราคิดว่าเราอธิษฐานแล้ว เมื่อบุญเกิดไม่ได้รีบอุทิศให้ใคร บุญนั้นก็ลอยแว๊บขึ้นไปรอเราอยู่เบื้องบน ผู้รอรับบุญก็เลยรอเก้อ ไม่ได้รับบุญเลย หรือได้รับจากการยกมือแอบอนุโมทนาบุญนั้นเมื่อตอนเขาเห็นแสงบุญ จะเกิดบุญกับเขานิดหน่อยพอได้อิ่มหรือสมบูรณ์ขึ้นเล็กน้อย แต่บุญอุทิศส่งตรงถึงไม่มี และที่พบเห็นกันมากจนเป็นประเพณี คือ การกรวดน้ำตอนพระท่านสวดยะถา……….ได้สอบถามมาหลายวิญญาณแล้ว ไม่ได้รับเลยหรือได้เพียงเล็กน้อย
    ที่ไม่ได้รับบุญเลยเพราะแสงบุญสว่างขึ้นตอนผู้ทำบุญถวาย สละสิ่งของอาหารนั้นเขามิได้คิดอุทิศ บุญที่เกิดจึงลอยไปรอเขาที่สวรรค์ พอพระสวดยะถา จิตเขามิได้ยึดติดยินดี อิ่มใจในบุญที่ทำ จึงไม่มีบุญหลงเหลือในดวงจิต แถมบางรายว่าคำบาลีกรวดน้ำ อิทัง โย…….เป็นพิธีการอีกต่างหาก ผลคือบุญไปหมดแล้ว มาคิดอุทิศเท่าไรมันก็ไม่มีบุญออกไปให้ใครได้เลย
    ส่วนที่ได้รับบุญเพียงเล็กน้อย เพราะผู้ทำบุญเขายังคิดอิ่มใจ ยินดีในการทำบุญของเขาทำให้เหลือแสงบุญจ้าในดวงจิตเขาบางส่วน แต่ส่วนใหญ่บุญได้ลอยแว๊บไปรอเขาเบื้องบนแล้วมิได้หายไปไหน เมื่อเขากรวดน้ำจึงเหลือพลังบุญส่งออกไปถึงผู้รับได้ส่วนหนึ่ง
    ทีนี้มาทดลองเบิกบุญดูบ้าง เจ้าเด็กกุมารยังนั่งอยู่ต่อหน้าเหมือนเดิมพอผมอธิษฐาน “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์โปรดดลบันดาลให้บุญขอข้าพเจ้าลงมาส่งให้กับกุมารทองที่นั่งอยู่ตรงหน้า” ปรากฏลำแสงสีขาวของพลังบุญของผมที่ถูกเก็บไว้บนสวรรค์ พุ่งลงมาจากฟ้าลงมาที่ตัวกุมารทอง ผลปรากฏว่าร่างของกุมารทองใสสว่างอิ่มสมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิมทันที ผลจากการพิสูจน์ของผม ทำให้ผมเข้าใจวิธีการอุทิศบุญและเบิกบุญได้สมบูรณ์ สามารถให้บุญใครก็ได้ที่อยู่ในโลกวิญญาณโดยไม่ต้องมีพิธีการ คำสวดใดๆ เลยใช้เพียงจิตคิดอธิษฐานเท่านั้น ซึ่งคนทุกคนสามารถทำได้ ถึงแม้เขาเหล่านั้นจะไม่สามารถติดต่อกับโลกวิญญาณได้ก็ตาม
    ความรู้และวิธีการนี้เป็นรากฐานสำคัญที่ชาวพุทธทุกคนควรรู้และทำได้ เปรียบเหมือนความรู้ระดับประถมของชาวพุทธ เพื่อใช้แก้กรรม ช่วยเหลือญาติพี่น้องทีสิ้นชีวิตไปแล้ว แก้การเจ็บป่วยที่เกิดจากนายเวรเล่นงาน ให้กับวิญญาณที่อยู่กับคนและภายในบ้านให้เขามีบุญฤทธิ์มากขึ้น เขาเหล่านั้นเมื่อได้รับบุญทำให้เขารักและดูแลเราได้มากขึ้น
    คำสอนของพระอริยสงฆ์ส่วนใหญ่มักจะสอนให้ถือศีล ภาวนา ซึ่งชาวพุทธที่นับถือพระพุทธศาสนามีความเคารพนับถือพระพุทธองค์ พระอรหันต์ และพระอริยสงฆ์ แต่ไม่ทำตาม คำสอนของศาสนามีจำนวนมหาศาล คือนับถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ศีลก็ไม่เอา ภาวนาก็ไม่เอา ไม่มีเวลาทำ ทำบุญทำทานก็มีทั้งตั้งใจทำ ทำเอาหน้า ทำตามประเพณี ทำอย่างเสียไม่ได้ ก็เกิดบุญเหมือนกันคือบุญชั้นทานซึ่งไปรอเราอยู่สวรรค์ชั้น 1 จาตุมหาราชิกานั่นเอง
    ขอเปรียบเทียบเป็นระดับดังนี้ การทำบุญทำทาน เปรียบเหมือนชั้นประถม การถือศีลเปรียบเหมือนชั้นมัธยม การปฏิบัติสมาธิเหมือนปริญญาตรี วิปัสสนาเหมือนปริญญาโท อรหัตผลเหมือนปริญญาเอก พระสงฆ์ส่วนใหญ่จะสอนภาวนาคือสอนปริญญาให้ญาติโยม ทั้งๆ ที่ญาติโยมทั้งหลายยังไม่จบประถม ฟังกี่ครั้งมันก็ทำไม่ได้ เพราะบุญชั้นทานยังทำมั่งไม่ทำมั่ง อุทิศก็ไม่เป็นใช้หนี้กรรมก็ไม่เป็น ทั้งๆ ที่ทำบุญสะสมไว้มากก็ยังใช้บุญไม่เป็น ชั้นประถมเลยยังไม่ผ่าน ผลการสอนของพระสงฆ์ส่วนใหญ่จึงไม่ประสบความสำเร็จ พุทธศาสนามีคำสอนซึ่งลึกซึ้งละเอียดมาก จึงไม่สามารถเข้าไปอยู่ในใจของชาวพุทธส่วนใหญ่ได้ เขาจึงเห็นศาสนาพุทธเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เครื่องรางของขลัง ไปผู้ที่เข้าถึงพุทธพจน์จึงมีน้อยมาก แม้แต่ผมเองก็สำเร็จแค่ชั้นประถม คือ ทำบุญเป็น แก้กรรมเป็น นำผลบุญมาใช้เป็นเท่านั้น ส่วนศีลและภาวนากำลังอยู่ระหว่างกำลังปฏิบัติแต่ยังไม่ผ่าน อย่าคิดว่าผมเป็นผู้วิเศษหรือผู้ทรงญาณนะครับ ความโชคดีของผมก็คือมีวิธีติดต่อสอบถามชาวโลกทิพย์ทั้งหลายได้ ทำให้มีความรู้ที่มนุษย์ทั่วไปเขาไม่รู้หรือรู้เพียงเล็กน้อย จึงได้คิดเขียนบทความเหล่านี้ขึ้นมา เพราะอยากให้ความรู้นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ให้ชาวพุทธทั่วไปทราบและทดลองปฏิบัติ อย่าเชื่อที่อ่าน ต้องลองพิสูจน์ ส่วนท่านผู้ใดที่มีความสามารถในทางจิตซึ่งสูงกว่าผม ก็โปรดลองใช้จิตของท่านพิสูจน์ดูว่าการอุทิศบุญเป็นอย่างที่ผมเขียนมานี้จริงหรือไม่
     

แชร์หน้านี้

Loading...