ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรชุดโชติตันตรัตนะและดวงแก้วชุดโมกขสุทธิรักษ์ ตอน ๔ สร้างโรงทาน ๔ แห่ง

    แก้วโมกขสุทธิรักษ์-มนตรามณีโชติ2.jpg


    เวลาผ่านไป ๗ ปี เจ้าชายโมกขสุทธิ์เติบโตเป็นเด็กมีร่างกายแข็งแรง เฉลียวฉลาด และมีรูปงาม จึงเป็นที่รักแก่ผู้พบเห็น วันหนึ่งก็ปรากฏพระดาบสหนุ่มรูปหนึ่งในท้องพระโรง พระเจ้าวาหมังคลโชติทรงทราบว่า ถึงวาระจะมอบพระโอรสให้ พระดาบสกล่าวว่า ..

    “มหาบพิตร เรามีนามว่า “สักกดาบส” มีพระอาจารย์นามว่า “โสรัจนะดาบส” อาศัยอยู่ในป่า ห่างจากเมืองนี้ร้อยโยชน์ วันนี้เรามาขอรับโอรส ขอพระองค์โปรดวางพระทัย วันหนึ่งพระโอรสจะกลับมา”

    พระเจ้าวาหมังคลโชตินั้น แม้จะรักพระโอรสดุจแก้วตาดวงใจ จำต้องมอบให้พระดาบสที่ไม่ทราบที่มาที่ไปด้วยเชื่อนุญบารมี ฝ่ายพระนางมิณฑิกานั้น ทรงมีความอาลัยอาวรณ์ถึงกับร่ำไห้ ดุจดังพระโอรสจะไม่กลับมา

    เป็นเรื่องน่าแปลกว่า เมื่อเจ้าชายโมกขสุทธิ์ ไม่อยู่ ดวงแก้วมณีก็หายไป พระนางมิณฑิกานั้น ได้มีนิมิต เทวดาประจำเมืองมาบอกให้พระนางตั้งโรงทาน ๔ มุมเมือง ในอนาคตกาล อาจจะเกิดเภทภัยแก่เมืองนี้ ให้พระนางถืออุโบสถศีลเป็นเวลา ๓ เดือน เพื่ออธิษฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข ช่วยผ่อนหนักเป็นเบา


    รุ่งเช้า พระนางได้กราบทูลพระเจ้าวาหมังคลโชติเกี่ยวกับนิมิตที่เห็น และพระนางขออนุญาตในการรักษาอุโบสถศีล ขออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าวาหมังคลโชติจึงให้สร้างโรงทาน ๔ แห่งสร้างประจำประตูเมืองทั้ง ๔ โดยแต่ละแห่งมี ๓ โรง สำหรับคนอนาถา สำหรับพ่อค้า-นักเดินทาง และนักบวช โดยมีผู้คอยดูแลโรงทานนั้นตลอดเวลา
    เมื่อพระราชาดำริจะสร้างโรงทาน เหล่าเศรษฐีทั้ง ๓ ตระกูล นำโดยท่านชลธิกะเศรษฐี ต่างก็นำทรัพย์ของตน เพื่อสร้างทั้ง ๔ โดยพระเจ้าวาหมังคลโชติตั้งชื่อโรงทาน เพื่อเป็นเกียรติคุณแก่มหาเศรษฐีทั้ง ๓ ดังนี้


    ประตูทิศเหนือ มีชื่อว่า ชลธิกจาคศาลา เพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลของท่านชลธิกะเศรษฐี

    ทิศใต้ มีชื่อว่า โบรจาคศาลา เพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลของท่านโบรปุตตเศรษฐี

    ทิศตะวันออก มีชื่อว่า มิณฑิกะจาคศาลา เพื่อเป็นเกียรติแก่พระมเหสีของพระองค์ เป็นผู้ดำริสร้างโรงทานทั้ง ๔

    และประตูทิศตะวันตก มีชื่อว่า วัลลาจาคศาลา เพื่อเป็นเกียรติแก่นางวัลลาเศรษฐีนี ผู้บริจาคทรัพย์


    เมื่อโรงทานสร้างเสร็จแล้ว พระนางมิณฑิกะได้นำทรัพย์ส่วนพระองค์มาแจกจ่ายแก่ประชาชนในวันเปิดโรงทาน ส่วนท่านเศรษฐีทั้ง ๓ ตระกูล ต่างนำทรัพย์ของตนมาแจกจ่ายเช่นกัน มนุษย์และเทวดาต่างโมทนาสาธุการในการสร้างกุศลครั้งนี้

    พระเจ้าวาหมังคลโชตินั้น รู้สึกปิติยินดียิ่งนัก ตั้งแต่ทรงอภิเษกสมรสมาพระองค์ ดุจสวรรค์ส่งนางแก้วมาโปรด พระนางมิณฑิกะนั้น นอกจากจะเป็นผู้มีเมตตาแล้ว ยังเปี่ยมด้วยปัญญา ทรงช่วยแก้ไขปัญหาให้แก่พระองค์หลายครั้ง


    การที่ดวงแก้วมณีหายไป ทำให้ประชาชนต่างวิตกกังวล เมื่อพระเจ้าวาหมังคลโชติมีดำริจะสร้างโรงทานทั้ง ๔ แห่ง โดยให้เศรษฐีทั้ง ๔ ตระกูลเป็นผู้นำบุญ และประชาชนทั้งหลายร่วมแรงร่วมใจกันสร้างจนสำเร็จ
     
  2. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรชุดโชติตันตรัตนะและดวงแก้วชุดโมกขสุทธิรักษ์ ตอน ๕ จักรแก้วสีชมพูปรากฏ

    พระนางมิณฑิกะนั้น หลังจากได้ถืออุโบสศีลผ่านไปเพียง ๑ เดือนก็เกิดเหตุอัศจรรย์ในคืนวันเพ็ญ มีแสงสว่างปรากฏในห้องนั่งสมาธิของพระนาง

    หลังจากแสงดับไป ปรากฏมีจักรแก้วสีชมพู วางอยู่ตรงโต๊ะบูชานั้น เมื่อพระนางได้สัมผัสจักรแก้วนั้น ก็แสงสว่างปรากฏขึ้นในห้องนั้น พร้อมปรากฏกายของเทพบุตรองค์หนึ่ง มีกายเป็นแก้ว สวมชฎาแหลม มีลักษณะน่าเลื่อมใส เป็นเทพบุตรองค์เดียวกันที่เข้ามาในนิมิตของพระนาง เทพบุตรองค์นั้นกล่าวว่า..

    “มหาเทวี เราคือ “ปทมปรมินทร์เทวบุตร” ได้รับคำบัญชาจากท้าวเทวราช ผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์ทั้งปวง ให้มาป้องกันเหตุเภทภัย อันจะเกิดแก่มนุษย์ทั้งหลาย ก่อนสมัยพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล

    ขอให้พระนางตั้งใจสดับให้ดี เหตุเภทภัยนี้เกิดจากธรรมชาติ อันมีอุทกภัยใหญ่บังเกิดขึ้นก่อน จากนั้นจะมีโรคระบาดติดตามมา

    จากนี้จะเกิดภัยแล้ง ภัยทุกอย่างจะเกิดขึ้นในกาลข้างหน้าเป็นเวลา ๓ ปี ทุกอย่างจะดีขึ้น”


    พระนางมิณฑิกาจึงได้ถามเทวดาผู้นั้นว่า “ข้าฯแต่เทพผู้เจริญ มนุษย์จะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไรจึงพ้นภัยได้”
    ปทมปรมินทร์เทวบุตรได้ตอบว่า...

    “การที่จะพ้นภัยได้จะต้องหมั่นทำความดี มีการบริจาคทาน และรักษาศีล ตลอดทั้งการบำเพ็ญตะบะ อุทิศบุญแก่เทวดารักษาเมือง เราเป็นเทวดารักษาเมืองนี้ ได้นำจักรแก้วอันเป็นของศักดิ์สิทธิ์แต่อันดีตอันเนื่องจากพระนาง
    เมื่อกาลนานมาแล้ว ของสิ่งนี้จะช่วยคุ้มภัยชาวเมืองได้ ความจริงแล้วยังมีผู้ที่สามารถอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อีกคือ ท่านชลธิกะเศรษฐี เจ้าชายโชติราช พระอนุชาบุญธรรมของพระเจ้าวาหมังคละโชติ และท่านวัลลาเศรษฐีนี แต่ทั้งหมดจะต้องออกบวช จึงจะอธิษฐานสำเร็จ"


    พระนางมิณฑิกาตรัสว่า “การจะให้ท่านเหล่านั้นออกบวชคงเป็นเรื่องยาก เพราะภัยทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จะเกิดในอนาคต ท่านเทพผู้เจริญ หากเราจะสละออกบวชเสียเองจะช่วยได้หรือไม่”

    ปทมปรมินทร์เทวบุตรกล่าวว่า “การสละเพศฆราวาสนั้น เป็นบุญใหญ่ พระนางจะเสด็จออกผนวชยิ่งเป็นเรื่องยากยิ่ง เพราะพระราชาคงไม่ยอม ”

    พระนางมิณฑิกา ตรัสตอบว่า “หากสามารถทำให้ชาวเมืองพ้นภัยได้ ไม่ว่ายากอย่างไรเราก็จะทำ ขอเพียงให้ชาวเมืองอยู่อย่างเป็นสุขก็พอ เราพอมีวิธีที่จะให้พระองค์ยินยอม ”

    เมื่อกล่าวจบเทวดารักษาเมืองก็หลีกไป
     
  3. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    มาถึงตอนนี้ขอคั่นสักนิด เพื่อเป็นธรรมทาน เรื่องของเทวดาออกมาคุยกับมนุษย์นั้น แม้ในสมัยสมเด็จพระพุทธสมณโคดมก็มีกล่าวถึงในพระสูตรหลายตอนเหมือนกัน เช่นเรื่องราวของท่านอนาถปิณฑิกะเศรษฐี

    หรือเรื่องอดีตชาติของพระอนุรุทธเถระ หรือแม้แต่เรื่องพระสารีบุตรโปรดมารดาก็ตาม ล้วนแต่ได้กล่าวถึงการปรากฏตัวของเทวดาทั้งสิ้น

    ซึ่งเรื่องทิพยจักขุญาณของคนในสมัยพุทธกาลนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แม้ในปัจจุบันเราจะเห็นว่า เริ่มมีการยอมรับเรื่องการเห็นผี เห็นเทวดากันมากขึ้น

    อีกไม่นานจะเข้าสู่ยุคอภิญญา รอดูกันต่อไปค่ะ.

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  4. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรชุดโชติตันตรัตนะและดวงแก้วชุดโมกขสุทธิรักษ์ ตอน ๖ พระนางมิณฑิกาออกผนวช

    พระนางมิณฑิกาได้นั่งสมาธิระลึกถึงการสร้างความดีที่กระทำในอดีต จนกระทั่งจิตสงบเข้าสู่ฌานตามลำดับ ทำให้พระนางสามารถระลึกชาติได้แต่กาลก่อนว่า ..

    IMAG2503.jpg

    “จักรแก้วนี้เราเคยอธิษฐานมาตั้งแต่สมัยนานมามากแล้ว จักรนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อเข้าสู่กลียุค เพื่อป้องกันภัยให้กับผู้เป็นเจ้าของ มีผู้เคยอธิษฐานจักรร่วมกันมาหลายคน ตามที่ท่านปทมปรมินทร์บอกทุกประการ”

    จากนั้นพระนางได้ระลึกถึงความดีที่เคยกระทำมา อธิษฐานว่า..

    “ขอให้คุณความดีที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตลอดทั้งความดีของท่านผู้มีจิตอันบริสุทธิ์มาแต่กาลก่อน ผู้ที่เคยสงเคราะห์ เป็นพ่อก็ดี เป็นแม่ก็ดี เป็นครูอาจารย์ หรือผู้รู้ ผู้มีคุณก็ดี ขอได้โปรดอนุโมทนาในการรักษาศีล และคุณความดีของข้าพเจ้า

    ขอให้ได้โปรดสงเคราะห์ข้าพเจ้า และชาวเมืองทั้งหลายให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ขอให้มีจักรแก้วคุ้มครองปัดสิ่งอัปมงคลทั้งหลายให้ห่างออกไป และให้มีกำแพงแก้ว ๗ ชั้นกั้นภัยทั้งหลายไม่ได้เข้าถึงมหานครแห่งนี้ ขอได้โปรดฟังคำวิงวอนของข้าพเจ้า และจงเป็นผลสำเร็จ ๆ ๆ ด้วยเถิด..”


    เมื่อสิ้นเสียงพระนางมิณฑิกา ปรากฏฟ้าแลบ มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ชาวเมืองต่างประหลาดใจคิดว่า มีเหตุเภทภัยเกิดขึ้น ปรากฏมีแสงขึ้นกลางสระน้ำในพระอุทยานในคืนนั้นเอง

    ครั้นรุ่งขึ้น นายอักษะ ผู้เฝ้าอุทยานได้มาบอกราชบุรุษว่า “มีดวงแก้วมณีปรากฏในสระน้ำนั้นตั้งแต่กลางคืน”

    ราชบุรุษจึงได้ทูลต่อพระเจ้าวาหมังคลโชติ พระองค์จึงได้เชิญพระนางมิณฑิกามา เมื่อพระนางมิณฑิกาได้พบดวงแก้ว ก็ทราบทันที และตรัสว่า..

    “ดวงแก้วนี้มีนามว่า “วิสุทธิเศรษฐ์” เป็นดวงแก้วคู่บารมีของหม่อมฉันมาแต่อดีตกาลนานมาแล้ว ขึ้นมาเพื่อช่วยเมืองของเราให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ขอพระองค์ให้นำดวงแก้วนี้ไปประดิษฐานกลางท้องพระโรง ทำพิธีสักการบูชาเถิด”

    จากนั้นพระนางก็ทรงหลีกไป พระเจ้าวาหมังคลโชติได้ประทานทรัพย์ และตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแก่นายอักษะ ผู้พบดวงแก้ว นายอักษะนั้น มีความปิติใจมาก จึงได้ตั้งใจรักษาอุโบสถศีลเป็นเวลา ๑๕ วัน

    พระนางมิณฑิกาจึงได้ตั้งใจถือศีลจนครบ ๓ เดือนตามที่ได้ตั้งใจแล้ว จากนั้นได้หาหนทางจะออกผนวชว่า..

    “เราควรหาหญิงงามมาอภิเษก เป็นพระมเหสีอีกองค์ เมื่อพระสวามีมีมเหสีอีกพระองค์หนึ่ง ก็คงจะอนุญาตให้เราออกบวช”

    หลังจากพระนางได้ถืออุโบสถศีลเป็นเวลา ๓ เดือน พระนางมีความสำรวมระวังในการวาจา จนพระเจ้าวาหมังคลโชติรู้สึกเกรงพระทัยพระมเหสี พระนางก็ทรงทราบดี จึงกล่าวแก่พระสวามีว่า..

    “ข้าฯแต่พระสวามี หม่อมฉันปรารถนาจะมีเพื่อนที่มีฐานันดรเท่าเทียมกัน เวลาที่คุยกับนางกำนัลในบางเรื่อง ไม่สามารถพูดได้ หากพระองค์อภิเษกกับพระมเหสีอีกพระองค์หนึ่งคงจะดีเพคะ หม่อมฉันจะได้มีเพื่อน และพระองค์เองก็จะได้มีคู่คิดเพิ่มขึ้นอีกองค์หนึ่ง”


    พระเจ้าวาหมังคลโชตินั้น เกิดความประหลาดใจ ธรรมดาแล้ว ไม่มีสตรีใดที่อยากจะให้หญิงอื่นมาทัดเทียมเสมอตน จึงตรัสถามว่า..

    “น้องหญิง เจ้าจงพูดความจริงกับพี่เถิด อย่าได้ชักแม่น้ำทั้ง ๕ มาพูดเลย เจ้าประสงค์สิ่งใด จึงต้องการให้พี่มีมเหสีอีกองค์หนึ่ง”


    พระนางมิณฑิกาจึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่พระเจ้าวาหมังคลโชติ เมื่อพระองค์ได้สดับก็รู้สึกปิติใจที่พระมเหสีมีความเสียสละความสุข เห็นแก่บ้านเมืองเป็นสำคัญ พระองค์จึงตรัสว่า..

    “น้องหญิง พี่จะทิ้งให้น้องไปลำบากแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร น้องมีความเสียสละเพื่อบ้านเมืองได้เช่นนี้ พี่คงทำไม่ได้ที่จะมีมเหสีอีกองค์ ถ้าเป็นเช่นนั้น พี่จะออกบวชกับน้องด้วย”


    พระนางมิณฑิกาได้ก้มกราบพระบาทพระสวามี นำน้ำลอยดอกไม้มาล้างพระบาทพระเจ้าวาหมังคลโชติ ตั้งใจจะเสด็จออกผนวช พระเจ้าวาหมังคลโชติปรารถนาจะเสด็จออกผนวชเช่นกัน ขณะที่ดำริอยู่นั้น ปรากฏมีลมพัดมา เห็นพระดาบสชรารูปหนึ่งปรากฏกายขึ้น และกล่าวว่า..

    “มหาบพิตร อันเมืองนี้ยังต้องพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ จะสละราชสมบัติไม่ได้ อีกทั้งผู้ที่ครองเมืองต่อจากพระองค์คือ พระโอรส ขอพระองค์ทรงครองราชย์ต่อเถิด

    ขอให้พระองค์ได้ประกาศแก่บุคคลที่มีรายนามว่า จะต้องบวชให้สละความสุขทางโลก เพื่อช่วยบ้านเมืองให้พ้นภัย ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑ อาตมาจะมารับบุคคลเหล่านั้น ส่วนพระมเหสีนั้น ขอพระองค์ทรงประทานให้แก่อาตมาเถิด อาตมาต้องรับตัวพระนางไปอยู่กับพระโอรส”


    พระเจ้าวาหมังคลโชตินั้น รู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อพระมเหสีคราวนี้ เสมือนถูกเด็ดดวงพระหทัยไป แต่จำเป็นต้องสละเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมือง

    พระองค์ได้นำน้ำบริสุทธิ์หลั่งลงมือพระดาบสชรารูปนั้น พร้อมตรัสว่า..

    “เราขอมอบพระมเหสีแก่พระอาจารย์นับแต่บัดนี้ ความรู้สึกดุจสามีภรรยาเป็นอันสิ้นสุดกับพระนางมิณฑิกา คงเหลือแต่ความเกื้อกูลกันโดยธรรม”


    พระดาบสกล่าวโมทนา จากนั้นมีลมพัดวูบ พระนางมิณฑิกาก็หายไป
     
  5. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรชุดโชติตันตรัตนะและดวงแก้วชุดโมกขสุทธิรักษ์ ตอน ๖ พระมเหสีองค์ที่ ๒

    ubon.jpg


    หลังจากอดีตพระนางมิณฑิกาได้จากแล้ว พระเจ้าวาหมังคลโชติรู้สึกได้สูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักไป พระองค์ไม่มีอันทำกิจอันกษัตริย์พึงกระทำ ทรงคิดไตร่ตรองหลายครั้งว่า เกิดความคิดอันเป็นมิจฉาทิฐิว่า เหตุใดพระองค์จึงปล่อยให้พระดาบส ๒ รูปพาบุคคลอันเป็นที่รักของพระองค์ไป

    ครั้งแรกเป็นพระสักกดาบสได้พาพระโอรส โดยไม่ทราบต้นสายปลาย คราวนี้ก็เป็นพระดาบสรูปหนึ่งที่ไม่ทรงทราบว่า เป็นใครมาจากไหน ทำให้พระองค์รู้สึกอยู่แบบอ้างว้างโดดเดี่ยว

    อีกทั้งพระดาบสให้ชวนคนอื่นให้ออกบวช หากบุคคลเหล่านั้นอาจจะใม่เต็มใจจะทำอย่างไร พระองค์คิดวกไปวนมา ยิ่งรู้สึกเป็นทุกข์ใจ ไม่ทำออกว่าราชการ ทำให้งานของกษัตริย์คั่งค้าง

    ทำให้อัครทานเสนาบดี อันเป็นเสนาบดีฝ่ายขวาได้สังเกตเห็นความทุกข์ของกษัตริย์ จึงได้นำความไปปรึกษากับท่านมัณฑกะ ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาแห่งพระราชา และยังเป็นพระบิดาของพระนางมิณฑิกาว่าจะทำอย่างไร

    ท่านมัณฑกะนั้นได้ทราบจากธิดาก่อนจะออกผนวชว่า วิธีแก้ไขเรื่องนี้ก็ต้องหาสตรีที่มีความงาม พระองค์จะได้คลายนึกถึงอดีตพระมเหสี และพระโอรส จึงได้กล่าวแก่อัครทานเสนาบดีว่า.. "ให้หาหญิงงาม เพื่ออภิเษกสมรสกับพระเจ้าวาหมังคลโชติ เป็นพระมเหสีองค์ที่ ๒"

    ฝ่ายอัครทานเสนาบดีนั้น ภรรยาได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ท่านมีธิดา ๒ นาง ซึ่งมีความงามทั้งคู่ ชื่อว่า นางสิริมาลา และนางสิริสิกขา

    งสองนางมีนิสัยแตกต่างกัน นางสิริมาลานั้น สนใจเรื่องการเรือน กิจอันสตรีพึงกระทำ เป็นแม่ศรีเรือน ทำให้มีชายหนุ่มต่างหลงใหลในความงาม และความดีของนาง

    ส่วนนางสิริสิกขานั้น มีความแตกต่างจากพี่สาว เนื่องจากกิจของสตรีในสมัยนั้นสนใจนางกลับไม่สนใจ นางสนใจแต่เรื่องของการทหาร การเมืองการปกครอง มักแอบหนีบิดา ไปท่องเที่ยวในป่าอยู่เสมอ ๆ อีกทั้งแอบฝึกวิชาทหารโดยบิดาไม่รู้มาโดยตลอด

    อัครทานเสนาบดีจึงได้เสนอธิดาคนโต คือ นางสิริมาลา ให้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าวาหมังคลโชติ เป็นพระมเหสีองค์ที่ ๒ ด้วยความงาม และจริยาของนางเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่า

    ซึ่งท่านมัณฑกะได้เห็นด้วย เนื่องจากคิดว่า ธิดาของตนคงไม่ได้กลับมาครองเรือนอีกแล้ว จึงได้สนับสนุนความคิดของอัครทานเสนาบดี

    ต่อมามัณฑกะ ที่ปรึกษาแห่งพระราชา ประกาศเรื่องพระนางมิณฑกาออกผนวช เพื่อให้ประชาชนทั้งหลายได้โมทนาสาธุการ จากนั้นก็ได้พานางสิริมาลา มาเฝ้าพระเจ้าวาหมังคลโชติ

    ส่วนพระเจ้าวาหมังคลโชตินั้น แม้นางสิริมาลาจะมีความงามกว่าพระมเหสี ทำให้ลืมพระนางมิณฑิกา และพระโอรสชั่วคราว จึงตกลงอภิเษกสมรสกับพระนางสิริมาลาในกาลต่อมา
    หลังจากอภิเษกสมรสได้ ๓ เดือน ด้วยความแตกต่างในอายุของพระองค์และพระนางสิริมาลา ทำให้หลายครั้งเกิดปัญหากันหลายครั้ง พระเจ้าวาหมังคลโชตินั้นเอาแต่สนใจเรื่องการเมือง ไม่ดูแลเอาใจใส่พระมเหสีเท่าที่ควร บ่อยครั้งที่ทรงเผลอปรารภถึงอดีตพระมเหสี

    ทำให้พระนางสิริมาลารู้สึกไม่ค่อยพอพระทัย อีกทั้งว้าเหว่ เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ทำให้ไม่มีความสุข

    ต่อมามีขุนพลท่านหนึ่งนามว่า “อัฐคช” ซึ่งที่มีฝีมือด้านการทหาร และเป็นบุรุษที่มีรูปงามมาก เดิมทีได้รับดูแลทหารตามแนวชายแดน ๓ ปี ภายหลังมีความชอบจึงได้กลับมารับราชการในเมืองหลวง มีหน้าที่คอยอารักขาพระเจ้าวาหมังคลโชติ

    อัฐคชขุนพลผู้นี้เป็นหลานของท่านปิณฑเสนาบดี ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้าย ซึ่งดูแลเรื่องเสบียงต่างๆ นิสัยของปิณฑเสนาบดีนั้น มีความโลภมาก พยายามหาทางจะให้ตนมีอำนาจมากที่สุด

    เมื่อได้อัญคชขุนพล ผู้เป็นหลานมาอยู่ใกล้ ยิ่งทำให้มีความมักใหญ่ฝ่ายสูง หาทางกำจัดอัครทานเสนาบดีตลอดเวลา

    ส่วนอัครทานเสนาบดีนั้นเป็นคนดี และซื่อตรง ถึงแม้จะได้ถวายธิดา เพื่ออภิเษกเป็นพระมเหสีแล้ว ก็ไม่ได้แสดงอำนาจบาทใหญ่แต่อย่างใด ยังช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จึงเป็นที่รักของบริวารทั้งหลาย อำนาจส่วนใหญ่จะอยู่ที่อัครทานเสนาบดี
    เรื่องที่ปิณฑเสนาบดีริษยานั้น ท่านก็ทราบอยู่ตลอดเวลาจึงรู้สึกเบื่อหน่ายในการรับราชการ ได้ให้ทหารคนสนิทสืบหาสถานที่พระนางมิณฑกาออกผนวช และฝึกวิชา แต่ก็ยังไร้ร่องรอยมิทราบว่า พระนางไปยังสถานที่ใด
     
  6. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรชุดโชติตันตรัตนะและดวงแก้วชุดโมกขสุทธิรักษ์ ตอน ๗ ฟ้ามิอาจกั้นรัก

    ต่อมาพระเจ้าวาหมังคลโชติได้ออกตรวจราชการในชนบทเป็นเวลา ๑ เดือน พระองค์สั่งให้อิทธิรัตนขุนพล ซึ่งเป็นผู้อารักขาในการเดินทางครั้งนั้น และทรงสั่งให้อัฐคชขุนพลนั้นคอยอารักขาพระนางสิริมาลาแทน

    ด้วยทั้งสองมีวัยที่ใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดความสนิทสนมกันมาก แม้เวลาไม่นานนัก ด้วยทั้งคู่เคยครองคู่กันมาแต่กาลก่อน ทำให้ทั้งสองทำผิดประเวณีโดยการลักลอบเป็นชู้กัน โดยมีผู้ทราบเรื่องนี้ คือ พระนางสิริสิกขา เพียงผู้เดียว


    นางได้ปกปิดความลับนี้ไว้ แม้ไม่เห็นด้วยในการกระทำของพระนางสิริมาลาก็ตาม แต่นางก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร โดยไม่รู้ว่า ผลกรรมจากการสนับสนุนให้เป็นผู้ผิดศีลจะส่งผลให้นางภพชาติต่อไป

    หลังจากที่พระเจ้าวาหมังคลโชติกลับมาแล้ว อัฐคชขุนพลก็ยังหาโอกาสเข้าหาพระนางสิริมาลาเป็นประจำ โดยปลอมตัวเป็นนางกำนัลติดตามพระนางสิริสิกขาทุกครั้ง จนความรักของทั้งสองสุกงอมมากขึ้น แทบถอนตัวไม่ขึ้น


    เวลาผ่านไปนับเดือน กล่าวถึงพระมิณฑิกาดาบสินีนั้น หลังจากออกผนวชได้ฝึกร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ กับพระโสรัจนะดาบส จนสำเร็จอภิญญา ๕ ความรักความผูกพันที่มีต่อพระสวามีหายไปสิ้น เหลือแต่ความเมตตาต่อกัน

    วันหนึ่งพระนางได้ทราบด้วยญาณทัสสนะว่า จะเกิดเหตุร้ายขึ้นนเมืองนี้ด้วยผู้ทุศีล จึงได้ขออนุญาตพระอาจารย์ อธิษฐานเพื่อปรากฏต่อหน้าพระเจ้าวาหมังคลโชติ เพื่อให้เร่งให้ท่านชลธิกะเศรษฐี เจ้าชายโชติราช และท่านวัลลาเศรษฐีนี ออกผนวช


    ครั้นก่อนรุ่งสางของวันต่อมา ปรากฏภาพอดีตพระมเหสีต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้าวาหมังคลโชติ พระองค์รู้สึกยินดียิ่งนักด้วยยังมีความรักและอาลัยในพระมเหสีอยู่ เมื่อพระนางได้เตือนสติว่า..

    “มหาบพิตร หากวันข้างหน้าเกิดเหตุไม่ดีในเมืองนี้ ขอมหาบพิตรโปรดเว้นโทษการประหารแต่ผู้กระทำผิด ขอให้ใช้หลักอหิงสาในการปกครองบ้านเมือง มิฉะนั้นจะเกิดความวุ่นวายในเมืองนี้ขึ้น และอย่าลืมเรื่องบุคคลทั้ง ๓ ให้รีบออกบวช เพื่อป้องกันภัยให้บ้านเมือง

    หากทั้ง ๓ ไม่ปรารถนาจะออกบวชก็ให้บุคคลอื่นที่มีความเต็มใจ แต่ต้องเพิ่มอีก ๒ ท่าน จะช่วยผ่อนกรรมของบ้านเมืองจากหนักให้เป็นเบา เมื่อมหาบพิตรพร้อมเมื่อใด ให้ผู้ออกบวชนั้นใส่ชุดสีขาวและให้ตั้งเครื่องบวงสรวง เราจะมารับท่านเหล่านั้นด้วยตนเอง”


    จากนั้นภาพของพระมิณฑิกาดาบสินีก็หายไป คล้ายกับความฝัน พระเจ้าวาหมังคลโชติจึงทบทวนสิ่งที่ได้ยิน ครั้นวันรุ่งขึ้น จึงได้ให้ทหารไปเชิญอัครทานเสนาบดี ปิณฑเสนาบดี

    พร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่ และเชิญท่านชลธิกะเศรษฐี และนางวัลลาเศรษฐีนี เพื่อปรึกษาหารือ จากนั้นได้ให้อำมาตย์ส่งสาส์นไปยังเจ้าชายโชติราช เพื่อให้ตัดสินใจอีกครั้ง
     
  7. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรชุดโชติตันตรัตนะและดวงแก้วชุดโมกขสุทธิรักษ์ ตอน ๘ ถึงเวลาออกบวช

    ฝ่ายอัครทานเสนาบดี เมื่อได้ฟังพระเจ้าวาหมังคลโชติ กล่าวถึงการออกบวช จึงได้อาสาเป็นท่านแรก ส่วนท่านชลธิกะเศรษฐี และนางวัลลาเศรษฐีนีก็ยินยอมที่จะออกบวชเช่นกัน โดยไม่มีผู้ใดขัดศรัทธา นอกจากนี้ยังมีอิทธิรัตนขุนพลของออกบวชด้วย

    กล่าวถึงพระนางสิริสิกขานั้น เมื่อทราบว่า บิดาออกบวช จึงได้ขอติดตามออกบวชด้วยเช่นกัน ทำให้ครั้งนั้นมีผู้บวชทั้งสิ้น ๕ ท่าน พระเจ้าวาหมังคลโชติ จึงสั่งการให้เตรียมเครื่องบวงสรวงต่าง ๆ ในวันรุ่งขึ้น


    ครั้นรุ่งเช้าหลังจากตั้งเครื่องบวงสรวงเทวดาทั้งหลาย ชาวเมืองต่างนำข้าวตอกดอกไม้มา เพื่อโปรยแก่ผู้สละตนเองออกบวช เพื่อบ้านเมืองต่างก็โมทนาสาธุการ เมื่อพิธีผ่านไปเพียงครู่เดียวก็เกิดลมพัดมาอย่างแรง ปรากฏพระดาบสชราและดาบสหนุ่ม และพระมิณฑิกาดาบสินีขึ้น

    ชาวเมืองต่างแซ่ซ้อง พระเจ้าวาหมังคลโชติได้หลั่งน้ำสิโนทกแล้ว พระโสรัจนะดาบสโมทนาสาธุการ จากนั้นก็เกิดลมพัดวูบไป ภาพคนทั้ง ๕ และพระดาบสก็หายไปทันที


    กล่าวถึงพระเจ้าโชติราชได้ส่งสาส์นกลับมาว่าจะออกผนวชเช่นกัน โดยได้ตั้งเครื่องบวงสรวงเทวดาไว้ และมีพระอัสรินทร์ดาบสได้รับตัวไปยังป่าแห่งหนึ่งซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้ อยู่บนยอดเขาสูงมีถ้ำ และน้ำตกเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด

    ฝ่ายพระโสรัจนะดาบส”ได้พาคนทั้ง ๕ เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นดาบส ดาบสินี จัดบวชให้ตามอาวุโส คือท่านชลธิกะเศรษฐีบวชก่อน ตามด้วยอัครทานเสนาบดี นางวัลลาเศรษฐี ท่านอิทธิรัตนะขุนพล และพระนางสิริสิกขา
    ต่อมาก็ได้พบกับเจ้าชายโมกขสุทธิ์แม้จะเป็นเด็ก สามารถบรรลุอภิญญา ๕

    ทำให้ทั้งหมดต่างตั้งใจบำเพ็ญพรตตามที่ครูบาอาจารย์สอนโดยไม่มีความลังเลสงสัย จนกระทั่งเวลาผ่านไป ๓ เดือนก็สามารถทรงอภิญญาสมาบัติได้ทุกตน
     
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออภัยด้วยค่ะ ต้องเตรียมผ
    ไม้ สำหรับถวายพระภิกษุ ๙ รูป โดยเพื่อนนิมินต์มาเลี้ยงเพลที่บ้านจ.สระบุรี
    ในวันที่ ๑๕ ธค.๕๖

    จากนั้นนำปัจจัยซ่อมแซมพระไปถวายพระครูภาวนาพิลาศ วัดเขาวงค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2013
  9. suwat.su

    suwat.su เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    7,643
    ค่าพลัง:
    +55,534
    ปูเสื่อรอครับ
     
  10. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    เอาส้มตำปูปลาร้ากินแกล้มรอด้วยไหมคะ คุณ Suwat? อิอิ เรื่องนี้นี่มีครบทั้งเมืองเลยเชียว โมทนาสาธุการกับธรรมทานเจ้าค่ะ
     
  11. half wave

    half wave เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +4,260
    ขอลาบกับน้ำตกด้วยนะ น้องตาล
     
  12. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,339
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,286
    เหรอครับ ตาล เป็นข่าวดีนะ ว่าแต่เราเอาเป็นไก่ย่างส้มตำดีกว่านะ

    ปลาร้ากินไม่เป็น 555+ อันนี้ขออภัยมา ณ ที่นี้จ้า
     
  13. วาสุเทพ

    วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    วันเสาร์กับวันอาทิตย์ น่าจะสะดวกครับ
    26-30 ธันวาคม 2556 ไปลำปาง,เชียงใหม่
    15มกราคม-15กุมภาพันธ์ 2557 ติดงานต่อเนื่องที่บริษัท
    เอาฤกษ์ที่คุณน้ำใสสะดวก ฝากถวายแทนเลยครับหากผมไม่ว่าง
    อนุโมทนาบุญครับ
     
  14. วาสุเทพ

    วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    ใจหนึ่งก็อยากมีชื่อในเนื้อเรื่อง อีกใจหนึ่งก็บอกว่าอย่าดีกว่า เกรงว่าจะไปก่อกรรมทำเวรไว้ โดยเฉพาะผิดศีลข้อ3 ราคะจริตเยอะ อิอิ
     
  15. sylvenus

    sylvenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +3,283
    อนุโมทนาบุญกับพี่น้ำใส และทุกท่านนะครับ..
     
  16. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    พูดถึงแล้วน้ำลายไหล วันนี้จัดไก่ย่างส้มตำ ลาบ น้ำตกไปหนึ่งชุดดีกว่า อิอิ
    ว่าแต่กินปลาร้าไม่เป็นนี่พลาดของดีไปแล้วนะ...คุณชาย


    ในอดีตไม่เคยมีใครไม่เคยทำผิดมาค่ะ
    แย้มได้นิดหน่อยว่าตอนนี้ท่านอัฐคชขุนพลมิได้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์นะคะ
    หายใจโล่งเลยใช่ม้า อิอิ...


    แต่พูดก็พูดเหอะค่ะ...ประวัติตอนไหนมีอีสาวม้าดีดกะโหลก
    ชอบหนีเที่ยวแอนด์ฝึกวิชาทหาร การบ้านการเรือนไม่สนใจนี่
    ไม่พ้นต่าน ต๊าน แหงแซะ อิอิ...

    [​IMG]

    [​IMG]

    รออ่านตอนต่อไปพร้อมลาบและส้มตำหน้าจอค่ะ
    ขอโมทนาสาธุการด้วยนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905
    โอ้ย....เป็นตาแซ่บแด้...น้องตาลคนงาม.....
     
  18. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ขออนุโทนาในมหากุศลของคุณวาสุเทพด้วยค่ะ..


    ขออนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพ ที่มอบดวงแก้วโมกขสุทธิรักษ์และดวงแก้วมนตรามณีโชติถวายให้แก่พระศาสนา

    ตามที่ได้เรียนให้ทราบ ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างติดต่อเพื่อถวายแด่วัดบวรนิเวศวรวิหาร กรุงเทพฯ เป็นการบูชาแด่สมเด็จพระญาณสังวรณ์ สมเด็จพระสังฆราชฯ ในฐานะประธานสงฆ์แห่งพระพุทธศาสนาในกึ่งพุทธกาลนี้

    โดยท่าน widya เป็นผู้ประสานงานให้ค่ะ ตั้งใจว่าจะถวายหลังวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ค่ะ กำหนดวันแน่นอน จะเรียนให้ทราบอีกครั้งค่ะ

    หลังจากนี้จะมีการบอกบุญ เพื่อรวบรวมถวายพร้อมกับการถวายดวงแก้วทั้งคู่ด้วยค่ะ อาจจะจัดเป็นผ้าป่ากองเล็ก ๆ ถวายไปพร้อมกันค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพและทุก ๆ ท่านที่มีส่วนในบุญด้วยค่ะ

    Numsai
     
  19. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    อิอิ งานนี้คุณวาสุเทพคงเลี่ยงไม่พ้นกับการมีชื่อในเรื่องนี้ค่ะ แต่ไม่ใช่ท่านที่ผิดศีลข้อ ๓ ค่ะ ตอนนี้ท่านเป็นเทวดา พ้นจากมหานรกมาแล้ว บอกว่า "ไม่ให้บอกชื่อผมนะ" คงต้องปิดเป็นความลับกันต่อไป

    รอนิดนึงไม่นานก็คงได้เฉลยว่า ใครเป็นใครกันค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ

    Numsai
     
  20. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    [​IMG]

    อนุโมทนาบุญ...กับคุณ Namfon ด้วยนะคะที่ถวายพลอย Amethyst สีเขียว วางบนพานมะลิมาอย่างสวยงาม
    ทำให้อุณาโลมได้อานิสงค์อาศัยวางบนพานนี้ด้วย อิอิ

    ขอให้สวยงาม ทั้งกายและใจกันถ้วนหน้านะคะ...อนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลกับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญกันค่ะ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...