สมาธิกับการรักษาโรค...เค้าทำอย่างไรกันคะ???

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Broccocat, 4 ธันวาคม 2013.

  1. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537
    - เราจะทราบได้อย่างไรคะว่า ผลไม้, อาหาร หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา อันไหนเป็นกรด อันไหนเป็นด่าง มีค่า PH เท่านั้นเท่านี้ โดยที่ไม่ต้องไปเข้าห้องแล็ปเคมี แบบมีจุดสังเกตง่ายๆ ไม๊คะ
    ......

    คุณ Broccocat ค่ะ เรื่องสุขภาพ เรื่องกรดหรือด่าง เป็นเรื่องที่เราต้องศึกษากันต่อไปค่ะ มีแหล่งข้อมูลสุขภาพมากมายที่เราจะค้นหาได้ ขนาดหมอเองยังไม่สามารถตอบเราได้โดยละเอียดเลยว่า อาหารตัวไหนมีค่ากรดหรือด่างเท่าไร และที่สำคัญตัวเราเองเท่านั้นที่จะรู้ดีที่สุดว่าเราต้องการอาหารประเภทใด แพ้อาหารแบบใดบ้าง ถูกกับอาหารประเภทใดบ้าง
    และอย่างที่คุณ tjs อธิบายมา ว่าเราต้องรู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไรจึงรักษาไ้ด้ตรงจุด


    อ่านมากรู้มากค่ะ ข้อมูลในเว็บ หรือหนังสือเป็นแหล่งข้อมูลที่ผู้เขียนค้นคว้่า และเรียบเรียงมาให้เราได้อ่าน เป็นทางลัดให้เราได้มีความรู้มากขึ้น และอาจรู้มากกว่าคนอื่น แต่ก่อนจะเป็นผู้รู้ หรือเป็นผู้อ่านหนังสือให้รู้มาก ต้องมีสมาธิจิตที่ดีในระดับหนึ่ง เราต้องขนขวายหาความรู้ให้มากๆเข้าไว้ โลกทุกวันนี้เราต้องวิ่งตามให้ทันค่ะ เชื่อแต่เรื่องเวรกรรมอย่างเดียวบางทีอาจช่วยไม่ทันค่ะ

    สาธุเจริญในธรรมนะคะ
    :z16:z16
     
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,333
    ความรู้ทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ย่อมเป็นสิ่งสำคัญเพราะนั้นคือวิธีการเพื่อให้สามารถเข้าไปรู้เหตุในปัจจุบัน ว่า ร่างกาย ของคนเราเกิดความผิดปกติได้อย่างไรและควรจะแก้ไขรักษา พร้อมทั้งป้องกันได้อย่างไร

    แต่ยังมีสิ่งที่สำคัญมากคือ เหตุปัจจัยที่วิทยาศาสตร์ ทางการแพทย์ไม่สามารถเข้าไปรู้ได้คือผลแห่งวิบากกรรมที่ให้ผลจากอดีตชาติที่ตามมาให้ผล กรณีนี้ แม้การรักษาทางการแพทย์อาจจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย แต่วิธีทางพุทธศาสน์ กลับมีความสามารถที่พิเศษยิ่งกว่า นั้นคือการสามารถเข้าไปรู้เหตุในอดีตและยังสามารถรู้เหตุในปัจจุบัน พร้อมทั้งสามารถรู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง ต้องทำอย่างไร จึงผ่อนหนักให้เป็นเบาอย่างไร ทั้งนี้แน่นอนบางกรณีก็ต้องอาศัยทั้งพุทธศาสน์และวิทยาศาสตร์ร่วมด้วย
    หรือบางกรณีก็ไม่สามารถใช้เฉพาะวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวได้ก็มีครับ

    กระผมเคยเจอ กรณีผู้เป็นโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นความจริงว่า ส่วนใหญ่ได้ก่อกรรมกระทำเหตุไว้ด้วยการ
    1ฆ่าสัตว์เบียดเบียนสัตว์ไว้มาก
    2ทำร้ายบิดามารดาครูอาจารย์ผู้มีพระคุณให้ได้รับความทุกข์ยาก เป็นผู้อกตัญญุ
    3ทำให้ครอบครัวผู้อื่นแตกขาดร้าวฉานทำให้ครอบครัวผู้อื่นทุกยากเข็ญ
    4เบียดเบียนทำร้ายสมณเพศให้ได้รับความทุกขเวทนาทุกข์ยาก
    5ทำแท้งบุตรหรือทำให้ผู้อื่นหรือสัตว์ที่มีครรภ์แท้งบุตรโดยเจตนา

    ดังนั้น โรคภัยบางอย่างมันก็เกิดเพราะกรรมในอดีตและปัจจุบันกรรมที่กระทำ ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ทำกรรมอะไรไว้ ย่อมได้รับผลเช่นนั้น จึงต้องมีหิริโอตัปปะประจำใจและจะต้องรักษาศีลให้ดีพร้อม เช่นนี้แล้วท่านจะปราศจากโรคภัยที่ไม่ควรจะเกิดมี ยกเว้นความชราภาพ ชีวิตท่านก็จะมีความสุขเป็นแน่แท้ครับ สาธุ
     
  3. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537
    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะคุณtjs โรคบางโรค ทางการแพทย์แผนปัจจุบันก็ยังอธิบายสาเหตุไม่ได้ เคยได้คุยกับหมอบางคน ที่เชื่อเรื่องกรรม ขนาดหมอเองยังสอนให้คนไข้ปฎิบัติบุญกิริยาวัตถุ ให้เจริญสมาธิไว้ตลอดเวลา เพื่อให้โรคที่เป็นอยู่เบาลง แต่การรักษาคงต้องควบคู่กันไป หวังให้ทางใดทางหนึ่งรักษาแล้วหายคงยาก เรียกว่าทางกายให้ทางการแพทย์รักษา ส่วนทางใจยกหน้าที่ให้ธรรมะรักษา เป็นการรักษาควบคู่กันไป ผสมผสาน ผู้ใดมีปัญญารู้ทางธรรม ย่อมรู้ช่องทางที่จะรักษาด้วยตนเองอย่างแท้จริงค่ะ

    สาธุเจริญในธรรมค่ะ
     
  4. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    คุณมณี...แฮ่ะๆ เข้ามายอมรับตรงๆ เลย ขี้เกียจอ่านค่ะ 555 ส่วนมากถ้าจะให้ไปค้นหาอะไร ก็มักจะเป็นสิ่งที่ตัวเองสนใจซะมากกว่า ซึ่งแบบวิชาการๆ นี่อ่านทีไร ก็แทบจะสลบอยู่หน้าจอกันเลยทีเดียว

    คุณ tjs...พอจะทราบไม๊คะว่า คนที่เกิดมาอ้วนตั้งแต่เด็ก-โต ไม่ว่าจะกินมากหรือกินน้อย ก็อ้วนอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีโรคอะไรให้เป็นกังวลเลยนะคะ จะมีก็แต่พวกไมเกรนเป็นประมาณ 2-3 ต่อปี, เป็นหวัดปีละครั้งหรือบางปีก็ไม่เป็นหวัดเลย...อันนี้นี่เกิดจากกรรมแบบไหนคะ

    ตอนนี้อยากใช้สมาธิสลายไขมันจริงๆ เลย แต่ไม่รู้จะกำหนดแบบไหนดี ที่คิดไว้ เอาความรู้สึกไปจับส่วนที่มีไขมันแล้วใช้กสิณไฟละลายไขมัน 555 แต่ๆๆๆๆ ข้าพเจ้าทำกสิณไฟยังไม่เป็นเลยค่ะ...แป่ววว!!!
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,016
    ๕๕๕๕๕๕ กสิณไฟละลายไขมัน ช่างคิดได้เนาะ
    ขออนุญาตแทรก เล่าบางส่วน
    ฝึกดึงพลังงานจากแสงอาทิตย์เข้าทางฝ่ามือ
    หรือทางกระหม่อมให้ได้ ร่างกายถึงจะปรับระบบ
    ความต้องการอาหารให้น้อยลงและปรับสมดุลย์
    ระบบธาตุต่างๆเองได้จากการหนุนของพลังงาน
    ภายนอกผลคือจะทําให้น้ำหนักน้อยลงได้ในอนาคต

    ประมานนี้เล่าให้ฟังเฉยๆ
     
  6. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    - ดึงพลังงานจากแสงอาทิตย์ นี่ ใช้วิธีจินตนาการรึป่าวคะ มีเทคนิคอะไรยังไงเพิ่มเติมไม๊คะ

    - กสิณไฟละลายไขมันไม่ได้จริงๆ หรอคะ ทำไม ขำ อย่างงั้นอ่ะ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,016
    ถ้าพอจับประเด็นเรื่องการรักษาตัวเองได้ที่เขียนๆในกระทู้นี้นะ
    .ลองสังเกตุดูจะเห็นว่าการรักษาตัวเองในระดับนี้นั่นก็คือ
    การปรับสมดุลย์ธาตุต่างๆที่มีในร่างกายที่มันขาดหรือเกิน
    พูดง่ายๆคือ.ว่าธาตุใดมันพร่องก็เพิ่มเพื่อให้พอดีหรือ
    ถ้ามันเกินก็ลดให้มันสมดุลย์ตามระบบร่างกาย(ถ้ามันอยู่ในระดับ
    ปกติที่ไม่เสื่อมสลายมากตามธรรมชาตินะ)
    .แต่การเพิ่ม
    หรือลดนี้จะอยู่ภายใต้..มวลหรือน้ำหนัก ณ ขณะนั้นเป็นลักษณะ
    การเพิ่มลดแต่ไม่ใช่การทำลายธาตุใดธาตุหนึ่งและอยู่ภายใต้สภาวะสมดุลย์
    ของธรรมชาติที่ประกอบเป็นธาตุต่างๆของร่างกายเราปกติ
    ..แต่การละลายไขมันที่เป็นธาตุดินนั้นแบบที่เราเข้าใจ.
    คือการทำลายธาตุนั้นๆไม่ใช่การลดหรือเพิ่มภายใต้มวลเดียวกัน
    และขัดต่อสภาวะสมดุลย์ของธรรมชาติ.ปกติทำอย่างนี้ได้คือการ
    ที่มีเหตุให้ธาตุใดธาตุหนึ่งต้องย้ายหรือหลุดออกไปจากร่างกายเท่านั้น..
    ถึงแม้ว่าจะลดได้แต่ก็ยังอยู่ภายในมวลเดิมหรือแม้จะเพิ่มได้
    ก็อยู่ภายใต้มวลเดิม.พูดเท่านี้พอเข้าใจไหม

    ฉนั้นวิธีที่พอจะเป็นไปได้..จึงบอกว่าให้เอาพลังงานจากภายนอกเข้ามา
    .แต่จิตนาการอย่างที่เข้าใจเบื้องต้นนะถูกแล้ว..
    แต่ในส่วนของการนำเอาธาตุที่เกินนี้ออกไป.
    จะไม่ใช่การเคลื่อนย้ายหรือเอาออกจากร่างกายทันที
    แต่ออกไปในที่นี้คือค่อยๆลดให้เป็นไปตามกลไกลธรรมชาติของ
    ร่างกายอาจร่วมกับออกกำลังกายเพื่อลดธาตุน้ำบางส่วนที่มีอยู่ในไขมัน
    .โดยมีพลังงานภายนอกนี้จะเป็นตัวส่งผ่านเอาที่ธาตุที่เกินออกไป

    ในลักษณะที่นำพลังงานภายนอกเข้ามาหนุนเสริมแทน
    พลังงานภายในของร่างกายเดิมที่มีความต้องการในส่วน
    ที่จะไปสร้างไขมัน ณ เวลานี้.เพื่อค่อยๆตัดวงจรการสร้างธาตุดินนี้
    ด้วยการลดส่วนความต้องการอาหาร
    ต่างๆที่จะไปสร้างธาตุดินคือไขมันนั่นเอง
    ทำอย่างนี้ได้บ่อยๆถึงจะพอมีโอกาสที่จะส่งผลให้ในน้ำหนัก
    ลดลงได้.พูดประมาณนี้พอจะเก็ทหรือยัง....

    ปล.เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล..
     
  8. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537
    ชอบจังเรื่องลดความอ้วนนี่ เพราะมีประสบการณ์ค่ะ ไม่ได้ใช้กสินกองใดๆลดค่ะ เร็วๆนี้ก็ลดไปได้ 5-6 ก.ก ก็ใช้สมาธิธรรมดาๆ หลังจากที่เจริญสมาธิในกิจวัตรประจำวันเสร็จก็กำหนดจิตให้ไม่อยากอาหารค่ะ คือเป็นแบบเฉพาะตัวเอง คนอื่นจะได้ผลหรือเปล่าอันนี้ตอบไปไม่ได้นะคะ คือ เช่น พวกขนมหวานเราก็คิดเสียว่า มีแต่โทษ ช่างน่าขยะแขยง กินไปก็ไม่อิ่ม คนทำก็ไม่สะอาด สกปรก กินไปก็เปล่าประโยชน์ ตัวอย่างแนวคิดในอาหารหนึ่งชนิดค่ะ แค่ขนมหวานเรางดได้ก็เลิศแล้วค่ะ ถ้าอยากลดลองดูไหมเผื่อได้ผล อาทิตย์หนึ่งจะลดได้ประมาณ 1-2 กก. ลองดูนะคะ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,016
    พอมีประสบการณ์เรื่องลดน้ำหนักเหมือนกันครับ.
    เมื่อก่อนออกกำลังกายบ่อย.พอไม่เล่นทานเท่าเดิม
    เป็นเหตุให้น้ำหนักตัวขึ้นส่งผลกระทบหลายๆด้าน.
    ส่วนตัวใช้วิธีตามที่คุณหมอท่านหนึ่งแนะนำ
    คือไม่ได้ใช้การอดอาหารแต่ว่าทานน้อยลงครับ.
    เช่นเคยทาน ๑ จานก็ลดลงเหลือ ๓/๔ จานแต่ต้อง
    มีความเด็ดขาดเล็กน้อยในช่วงแรกๆ..
    และก็เน้นการทานอาหารในแต่และมื้อในปริมาณพอๆกัน
    แต่ช่วงเช้าจะทานมากกว่าปกติหน่อย.หรือถ้าช่วงไหนใช้
    สมองหรือความคิดมากหรือใช้แรงงานมากหน่อยอาจทาน
    ได้มากกว่าปกติเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร.
    แต่ก่อนจะนอนควรที่จะต้องงดอาหาร.ช่วงแรกๆจะรู้สึกหิว
    แต่เป็นปกติธรรมดาของร่างกายเพราะปกติต้องใช้เวลาอย่าง

    น้อยประมาณ ๒ สัปดาห์เพื่อให้ร่างกายปรับปริมาณน้ำย่อยของมันเอง.
    พอผ่านไปสัปดาห์แรกร่างกายจะค่อยๆปรับการปล่อย
    ปริมาณน้ำย่อยและพอเข้าสัปดาห์ที่ ๒ ระบบน้ำย่อยก็จะออกมาเพียงพอกับปริมาณ
    อาหารที่เราทาน.อาจรับประทานผลไม้แทนได้ถ้ารู้สึกหิวมาก.
    จะทำให้น้ำหนักค่อยๆลดลงมาได้เอง.และโอกาศกลับมาน้ำหนัก
    เพิ่มก็จะยากเพราะเราจะทานมากกว่านี้ไม่ได้.เป็นผลให้มีน้ำหนัก
    คงที่บวกลบในเกณฑ์ปกติที่เราตั้งไว้ไม่มากครับ..
    เป็นอีกหนึ่งทางเลือก..ประมาณนี้นะครับ
    .
     
  10. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    กร๊าาาากกกกกก...เจอแนวร่วมแล้ว อิอิ

    เราติดขนมจุบจิบมากๆ เลย ยิ่งแบบขนมถุงพวกไซส์ XL แบบสามารถกินให้หมดภายในครั้งเดียวได้โดยไม่แคร์ข้อมูลโภชนาการข้างถุงเลยนะ ตอนกินไปก็อ่านนะ อ่านเสร็จก็ อ๋อ หราาา ละก็งั่มๆๆๆๆๆ อร่อยจังเลย (เอ...ตกลงข้อมูลเรื่องสาหร่ายทอดกรอบนั่นจริงๆ รึป่าวอ่ะ หรือเค้าโพสเล่นกันเฉยๆ...สาหร่ายนี่ก็เป็น 1 ในของโปรดเราเลยนะนั่นน่ะ) นอกนั้นเวลาเดินห้างก็ต้องซื้อกาแฟอร่อยๆ ใส่วิปครีมเยอะๆ

    อาหารแต่ละมื้อก็ปกติทั่วไป ไม่เบิ้ล ส่วนมากจะเน้นพวกมังสวิรัต ปลา อาหารทะเลน่ะค่ะ เนื้อสัตว์อื่นๆ ไม่ชอบอ่ะ มันเหม็นๆ ไงไม่รู้ แต่พวกเป็ด ไก่นี่ถ้าจำเป็นต้องกิน ก็กินได้นะคะ

    สรุปก็คือ ต้องห้ามใจตัวเอง ละก็ใส่ความรู้สึกในแง่ลบลงไปงั้นหรอ...เฮ้อออ จะทำได้ไม๊น๊ออออ!? ของอร่อยๆ ทั้งนั้นเลย
     
  11. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    - สมัยเป็นวัยรุ่นตอนต้น เคยทำได้เหมือนกันค่ะ แรงจูงใจเยอะ ตอนนั้นมีสูตรลดน้ำหนักของคนนั้น คนนี้ มีอาหารกำหนดมาให้เลยนะ เช่น กาแฟดำ+ขนมปัง 2 แผ่น, อกไก่ต้มจืดๆ, ซุปผัก น้ำหนักก็ลงอาทิตย์ละ 1-2 กิโล เลยนะ แต่อาหารมันน่าเบื่อ ซ้ำซากจำเจไงคะ แต่ก็มีแบบให้รางวัลตัวเองเป็นกาแฟของโปรดอาทิตย์ละครั้งนะคะ ละช่วงที่ปรับขนาดของกระเพาะใหม่ๆ นี่ เวลาออกไปไหน ท้องจะร้องเสียงดัง น่าเกลียดอ่ะ...อายเค้ามากเลย

    - เราทำอ้างอิงรวมๆ ไม่เป็นนะคะ ขอตอบในข้อความเดียวกันนี่นะคะ ตอนแรกที่เราอยากทำสมาธิสลายไขมัน ก็เพราะเราไม่อยากไปออกกำลังกายอ่ะ 555 เคยไปฟิตเนสอยู่เดือนนึง เล่นเครื่องทุกอย่าง อบเอิบ แช่เช่อ ทำหมด ผลที่ได้คือ เหนื่อย เพลีย แต่ทำให้นอนหลับได้ง่ายนะ สี่ทุ่มนี่ก็สลบละ น้ำหนักก็ไม่ลงมากอ่ะ หุ่นก็ไม่เข้าที่เท่าไหร่ สัดส่วนที่อยากให่้หายก็ไม่หาย สัดส่วนที่ไม่อยากให้หายมันดันลดหายไปซะนี่...เซ็งเป็ด!! เค้าอยากแบบใช้สมาธิล้วนๆ ไม่อยากอดอาหาร ไม่อยากออกกำลังกาย...น่าจะมีแบบนี้นุ๊

    - ยังไม่ได้ไปอ่านของคุณแม่มดออนไลน์นะคะ แต่อยากจะถามว่า ตอนดึงพลังงานแสงอาทิตย์เนี่ย ต้องแบบภาวนาอะไรไม๊ แบบแสงอาทิตย์เนี่ย ถือเป็นกสิณอย่างนึงไม๊คะ แล้วคำภาวนาจะว่ายังไง เป็นกสิณไฟหรือกสิณแสงสว่าง? แล้วตอนดึงพลังงานเข้าทางกระหม่อม ก็คือตรงจักระที่ 7 ใช่ไม๊คะ? ระหว่่างดึงเข้าทางมือกับกระหม่อม อย่างไหนจะให้ผลดีและไวกว่ากันคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2013
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,016
    คร๊อกฟี้.ๆๆๆๆๆ ตื่นๆ ตื่นแล้วหลังจากอ่านประโยค
    แรกและมาเห็นประโยคที่ เด่วเล่าให้ฟังว่า..
    ถ้าแบบทางนั้นเค้าไม่ได้ภาวนา(หรือภาวนาแล้วไม่่บอก๕๕)
    เค้าใช้จินตนาการตามแนวทางการปฏิบัติของเค้า

    และก็บทคาถาอะไรของเค้าอยู่.บทที่เค้าว่าดีคือบทที่เค้าเขียน
    เองขึ้นมาจากอะไรไม่รู้.จำไม่ได้.(สมกับฉายาแม่มดอยู๋)..
    ถ้าใช้คำภาวนาเฉพาะจะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินธาตุ.
    แต่กิริยาบางอย่างก็คล้ายๆทางนั้นและกิริยามันคล้ายๆกัน

    เพียงแต่ไม่ได้มีฐานจากการจินตนาการ.และทางนั้นเรียกว่า
    การร่ายเวทย์มนตร์ประมาณนี้.ถ้าจะภาวนาลองภาวนาคำว่า
    ''โอมมณี.ปัทเมฮุม'' ตอนที่มีพระจันทร์หรือพระอาทิตย์ขึ้น
    แล้วลองกำหนดที่มือดูซิว่าที่มือทั้งสองข้างมีอะไรเกิดขึ้นไหม.
    หรือที่กลางกระหม่อมก็ลองดู.ถ้าได้ก็คือได้.ผลเป็นยังไงค่อยมา
    เล่าให้ฟังต่อแล้วกันวันนี้ยังทันยังพอมีพระจันทร์อยู่.ไม่ต้องกลัวว่าจะกลายร่าง
    หรอกนะมันเลยพระจันทร์เต็มดวงไปแล้ว.. ๕๕๕
    ส่วนที่มือเป็นพื้นฐานมันจะแค่รวมพลังงานก่อนใน
    เบื้องต้น.แต่ถ้าทางศรีษะจะเป็นการดึงแล้วแผ่ไปทั่วร่างกาย
    สรุปที่กลางกระหม่อมดีกว่า..

    ปล.ไม่ใช่ไปยืนตอนแดดร้อนๆนะ.
    เด่วเป็นลมมาจะมาหาว่าไม่บอกไม่ได้นะ ๕๕๕
     
  13. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537
    ความอ้วนเป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากสำหรับผู้หญิง แต่การห้ามกินขนมจุกจิกมันสะเทือนใจยิ่งกว่า บางทีก็ยอมแลกนะ อ้วนก็เอา แต่ขออย่าอดกิน บางทีก็คิดนะว่าแค่นี้เอง ไม่อ้วนหรอก หลอกตัวเองเพื่อให้ได้กินของโปรด เรื่องให้กินน้อยลง บางทีอาหารอยู่ตรงหน้า ยอมตายได้เลย เอาใหม่นะคุณเจ้าของกระทู้ ใส่ข้อมูลลงในจิตแบบลบ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ติดนิสัยเองค่ะ เจริญสมาธิ บ่อยๆ มีกิจกรรมที่ทำแล้วเพลินกว่าการกินมากมาย ใส่ข้อมูลลงไปอีกว่า ถ้าฉันผอมจะสวยประมาณไหนเพื่อเพิ่มกำลังใจ มือเช้ากินอย่าราชา มือกลางวันกินอย่างคนธรรมดา มื้อเย็นกินเหมือนยาจกไม่มีจะกิน หากทำได้ผอมแน่นอนค่ะ สู้ๆ
     
  14. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    คำว่า "โอมมณี ปัทเมฮุม" แปลว่าอะไรคะ เป็นภาษาของชาวอะไรเหรอคะ?

    คำนี้อ่านว่าอย่างไรคะ ระหว่าง...
    1. โอม-มะ-นี ปัท-เม-ฮุม
    2. โอม-มะ-นี ปัท-ทะ-เม-ฮุม

    - ตอนพระอาทิคย์ขึ้นนี่ กี่องศาคะ แบบ ขึ้นแบบหกโมงเช้าถึงสิบโมงเช้าก็ทำได้ใช่ไม๊ แต่เที่ยงวันห้ามทำใช่ไม๊คะ

    - พระจันทร์ขึ้นนี่ ก็ตั้งแต่ทุ่มนึงถึงกี่โมงคะ เที่ยงคืนห้ามส่องใช่ไม๊คะ

    เค้ามาอ่านแมสเสชนี้ตอนเที่ยงคืนครึ่งอ่ะ แต่ยังเห็นพระจันทร์อยู่นะคะ แต่ไม่เต็มดวงมีเนื้อที่ประมาณซัก 75% อ่ะค่ะ

    การทดลองพลังแบบนี้มีระยะเวลาไม๊คะ แบบที่เอาพลังใส่มือนี่ซัก 5 นาทีนี่พอไม๊คะ หรือต้องนานกว่านั้น พลังแบบนี้ นอกจากเรื่องไดเอทแล้วเนี่ย ยังช่วยในเรื่องของอะไรได้อีกบ้างคะ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,016
    รู้สึกอุ่นๆถึงร้อนพอ พระจันทร์เรื่องจิตใจสงบและสมาธิ
    พระอาทิตย์เรื่องเสริมกำลังตนเองและกำลังป้องกันและทำลายสิ่งไม่ดี.....
     
  16. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    มะกี้ไปอ่านของคุณแม่มดออนไลน์มาละค่ะ เรื่องพระจันทร์ นี่ รู้สึกต้องดูข้างขึ้นข้างแรมด้วย ละก็อะไรอีกไม่รู้เยอะแยะ เราว่าถ้าให้ชัวร์ๆ น่าจะรอวันพระจันทร์เต็มดวงจะดีกว่าค่ะ

    พระอาทิตย์นี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำการทดลองนะคะ แล้วจะมาอัพเดทให้อ่านอีกทีละกันค่ะ
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,333
    อ่านมาหลายโพส ก็ยังไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องนี้กันก็เลยขออธิบายดังนี้ครับว่า

    คนเรานั้นประกอบด้วยกายและจิต
    การที่คนเราเจ็บป่วยนั้น ก็เกี่ยวเนื่องจากความไม่ปกติของกายและจิตนั่นเอง
    การเจริญสมาธินั้นเป็นการใช้อำนาจของสมาธิเข้าไปช่วยควบคุมสภาพจิตให้เข็มแข็งมีกำลัง ทำให้มีกำลังใจที่ดี
    จากหลายกรณีพบว่าการเจ็บป่วยนั้น หากผู้ป่วยมีกำลังใจที่ดี ย่อมสามารถรักษาให้หายได้รวดเร็วหรือมีโอกาสหาย แต่เมื่อใดก็ตามที่สภาพจิตตกต่ำย่ำแย่ นั่นแสดงว่าจะยิ่งทำให้ร่างกายทรุดหนักมากยิ่งขึ้น โอกาสหายป่วยจึงยากมาก

    หากสภาพจิตเราดีพร้อม จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว จิตย่อมนำกายให้แข็งแรงเป็นปกติได้ดังเดิม การรักษาจิตให้อยู่ในสภาพจิตที่ปกติหรือทรงสมาธินั้นจึงเป็นเรื่องที่เกิดผลดีอย่างยิ่งต่อร่างกายด้วยเสมอ

    ดังนั้นการรักษาสติสมาธิ จึงเป็นส่วนช่วยให้จิตมีอำนาจเหนือความเจ็บป่วย เป็นจิตที่เข้มแข็งทรงพลัง ดังนั้นเมื่อมีสภาพจิตที่สงบนิ่งเป็นสุข กายก็จะมีกำลังเข้มแข็งการเจ็บป่วยก็จะทุเลาไม่เป็นอะไรมาก จึงอยู่ที่กำลังใจเป็นสำคัญครับ

    แม้กระนั้นหากท่านทรงสมาธิจิต แม้ร่างกายท่านไม่สามารถเยียวยารักษาให้หายได้ วาระสุดท้ายของท่านมาถึง ท่านก็จะไม่ไปสู่ทุกขคติแน่นอน ด้วยกำลังสมาธิที่ประคองจิตไว้ ย่อมทำให้ท่านได้ไปสู่สุขคติมีสวรรค์สมบัติเป็นที่ไปแน่นอนครับ นั่นเป็นเพราะท่านเป็นผู้รักษาไว้ซึ่งสมาธิ คือเป็นผู้ไม่ประมาทนั่นเองครับ สาธุ
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,016
    วิธีการที่คุณ tjs แนะนำมาเป็นวิธีการที่ใช้ตรวจสอบตัวเองได้ดีครับ..แม้ว่าอ่านๆดูแล้วเหมือนว่าจะทำได้
    ไม่ยากแต่ก็ไม่ใช่ง่ายเลยที่ผู้ปฏิบัติไม่ว่า
    จะฝึกปฏิบัติมาทางสายไหนก็ตาม.ถ้าถึงวาระสุดท้ายจริง
    ก็ต้องมาวัดกันตอนจะเข้าสู่สภาวะสุดท้ายก่อนที่ร่างกายปกติจะแตกดับ
    หรือเสื่อมสลายจนใช้ไม่ได้นี่หละครับนี่ถือว่าโชคดีแล้ว..
    ..บางครั้งบางบุคคลก็อาจจะประมาทแม้แต่ผู้ที่กำลังเขียนอยู่นี้ก็เป็น

    เพราะว่าถ้าใครก็ตามที่สามารถกระทำหรือยกระดับจิตได้ในระดับใดระดับหนึ่ง
    .แต่ก็จะใช่ว่าจะเจอกับบททดสอบในวาระสุดท้ายก่อนที่ร่างกายจะแตกดับได้ง่ายๆ
    เพราะว่ากำลังสมาธิก็แปรผันกับสภาพร่างกายด้วยอย่างที่ คุณ tjs ได้กล่าวมา.บางสาย
    การปฏิบัติท่านเลยให้พิจารณาความตายเป็นอารมย์ไว้ให้ดีๆในตอนเช้า หรือซ้อม
    ยกจิตให้ไปสู่ที่ดีๆเอาไว้.หรือบางสายก็พยายามกล่าวเตือนว่าอย่าประมาทกับความตาย
    ให้สร้างความดีให้มากๆ.หรือบางสายให้มองว่าความตายเป็นเรื่องปกติ..
    ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อน้อมให้จิตเตรียมรับมือกับสภาวะนี้และเพื่อความไม่ประมาท
    เพราะบางครั้งเราไม่สามารถที่คาดคะเน


    ได้ว่าจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อเวลาใด.
    แม้ว่าเราจะรู้ๆว่าเรื่องนี้สำคัญแต่ก็หาใช่ว่าวันๆหนึ่ง เดือนๆหนึ่ง ปีๆหนึ่งจะระลึกเรื่องนี้แถบจะนับจำนวนได้.
    แต่ถ้ารู้จักคิดได้อย่างนี้ตลอดไว้เป็นทุน
    อย่างน้อยเพื่อความไม่ประมาทในตน
    และถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับขั้นหลุดพ้นแต่ก็พอประกันว่าจะได้ไปที่ดีสุด
    ไว้ก่อนก็ยังดีกว่า.แล้วค่อยไปลุ้นกันต่อชาติต่อไป..
    นี่ก็ยังไม่นับรวมสิ่งที่จะมาขวางมาดึงมาคอยฉุด
    ในขณะที่จิตกำลังจะทิ้งร่างกายนี้ที่จะต้องเจออีกด่าน..
    .อีกอย่างถ้าทำได้ก็จะได้ฝึกซ้อมความมั่งคงของกำลังสมาธิ
    ของตนในระดับที่ไม่หลอกตนเองไปในตัวได้อีกส่วนครับ
     
  19. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    มาอัพเดทค่ะ

    - วันก่อนลองทำดู ก็พบได้ว่า จะมีความรู้สึกเฉพาะข้อนิ้วแรกของทุกๆ นิ้วเท่านั้น ละก็แค่อุ่นๆ ค่ะ ไม่ถึงกับร้อนมาก ก็ยัง งง ว่า ทำไมไม่อุ่นทั้งมือล่ะคะ ทั้งๆ ที่ทำมือ แบบ หงายมือด้านในขึ้นขนานไปในแนวนอน ไม่ได้เอียงมือลงแต่อย่างใดนะคะ แล้วเราทำการทดลองนี้ในบ้าน ไปยืนแถวๆ หน้าต่างที่มีแดดส่องลงมา แล้วจินตนาการแบบดูแสงแดดที่ตกระทบกับวัตถุต่างๆ ที่อยู่ที่ระเบียงด้านนอกบ้าง ละก็มีใส่เอฟเฟคเป็นเส้นแสงยาวๆ มาที่ปลายนิ้วทั้งห้านิ้วด้วย 555 (ไม่กล้าไปยืนรับแสงแดดที่ระเบียงจริงๆ...กลัวผิวดำค่ะ)

    - ต้องทำบ่อยแค่ไหนคะ

    - ที่ทำนี่ เกี่ยวกับกสิณไฟ หรือกสิณแสงสว่างไม๊คะ
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    คุณนพพกานต์นี้ก็อารมย์ขันเหมือนกันนะคะ แต่ส่วนตัวเวลาอ่านกระทู้คุณแม่มดออนไลน์นั้น ดิฉันนึกว่าเธอเป็นสาวประเภทองเสียอีก เอ หรือว่าใช่นะ

    catt3
     

แชร์หน้านี้

Loading...