หมอดูอีที ถูกฟันเสียแล้ว

การทายได้เพียงอดีตที่แม่นยำ และปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ ก็เพียงพอสำหรับทำให้ผู้คนศรัทธาได้แล้วสำหรับอาชีพนักพยากรณ์ และสามารถจะหาเงินทองได้อย่างมากมาย?
การใช้วิจารณญาณ การสังเกตุวิเคราะห์จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราเองที่จะตกเป็นเหยือหรือเปล่า?
ถ้าหลงเชื่อ อย่างบ้าครั่ง ไร้การวิเคราะห์จนเสียเนื้อ เสียตัว เสียเงินทอง เสียอาชีพ ก็คงเป็นเวรกรรมของคนๆนั้นเอง
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

 

เป็นเช่นนั้นแล
อนาคตเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับผลของปัจจุบันว่าทำอะไรไปบ้าง
บางเรื่องถูกกำหนดมาแล้วว่าจะเกิด แต่จะเกิดช้าเกิดเร็วจะมากจะน้อย ก็ขึ้นกับปัจจุบันอีกนั้นแล

คนเชื่อไม่ประมาทแล้วทำแต่กรรมดีก็เป็นผลดีต่อเขาไป
คนเชื่อกลับประมาททำแต่กรรมชั่วคิดแต่เพียงว่าเดี๋ยวก็ไม่เหลืออะไรแล้วก็ส่งผลร้ายต่อเขาไป
คนไม่เชื่อแต่มีความพร้อมไม่ประมาทก็เอาตัวรอดได้
คนไม่เชื่อแล้วประมาทก็หาทางรอดยาก

เชื่อไม่เชื่อก็อยู่อย่างไม่ประมาท ไม่กลัวจนวิตกจริตทำให้ขาดสติ

คำทำนายต่างๆก็ถือซะว่าเป็นการบอกให้เราระวังตัวเตรียมตัวเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ในตอนนี้ คือแผนรับมือซอมบี้ที่ฮือฮากันมาพักนึงในอเมริกา หลายๆคนคงจะตลกขบขันฮากลิ้งกันหลายตลบ แต่ในแผนรับมือได้สอนถึงการเอาชีวิตรอดหากเราไม่สามารถออกนอกบ้านระบบสาธารณูประโภคใช้การไม่ได้แล้วเราควรจะเตรียมอะไรไว้บ้าง อาหาร น้ำดื่ม ยาปฏิชีวนะ ของใช้จำเป็นต่างๆ โดยไม่ต้องออกจากบ้านในระยะเวลาหนึ่งจนกว่าความช่วยเหลือที่อาจจะมาถึง
สภาพอากาศในอเมริกาตอนนี้คงมีหลายคนที่นั้นได้เอาของที่เตรียมการไว้มาใช้กันบ้างแล้วเพราะสภาพอากาศเลวร้ายไฟฟ้าใช้การไม่ได้ในบางพื้นที่ อากาศหนาวเย็นจนหิมะกัดผิวหนัง

ใกล้ตัวมากๆก็ไทยตอนน้ำท่วมกรุง อาหารคลาดแคลนทั้งในพื้นที่น้ำท่วมและต่างจังหวัดที่น้ำไม่ท่วมถึง ตามร้านค้าใหญ่ๆจะเห็นได้ชัดเลยว่าชั้นวางสินค้าของกินต่างๆที่ปกติวางขายในชั้นวางดูน้อยลงมาก เพราะถนนสายหลักตัดขาดบางจุด การขนส่งหยุดชะงัก น้ำไฟถูกตัดในบางพื้นที่ โรงงานผลิตน้ำดื่มบางที่ต้องหยุดผลิต ใครที่เตรียมสะเบียงอาหารตุนไว้ในบ้านก็สะบายกว่าเขาขึ้นมาหน่อยนึง ถึงเวลานั้นจะมีเงินในมือแต่แทบจะไม่มีของกินให้ซื้อหาก็จะลำบาก ช่วงเวลานั้นอย่างน้ำดื่มจะเห็นได้ชัดว่าหาซื้อกินได้ยากขึ้นในบางพื้นที่

ก่อนน้ำจะมามีบ้านหลังนึงเตรียมอาหาร ก่อกระสอบทรายรอบตัวบ้าน แต่ชาวบ้านรอบๆระแวกนั้นเห็นเข้าต่างพากันหัวเราะขบขัน พอน้ำมาถึงระแวกนั้นน้ำท่วมครึ่งหลังบ้างถึงหลังคาบ้างเพราะน้ำมันมาเร็วจนทำอะไรไม่ถูก แต่บ้านที่เขาเตรียมการไว้แล้วบ้างก็ยังพออยู่ได้ด้วยตัวเองซักระยะถึงน้ำจะเข้าบ้านบ้างแต่ก็ยังพออยู่ได้สะบายซักระยะนึง อยู่ได้โดยไม่ขาดของกินของใช้ไม่ต้องลุยน้ำออกไปซื้อหาอาหารที่แทบจะไม่มีขายในระแวกนั้น

เตรียมตัวเอาไว้บ้างก็ไม่เสียหายอะไร

 

1. กรณีที่วิจารณ์ว่า
"ผมขอฟันธงเลยว่า "ไม่จริง" ถึงจะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวจริง ก็ไม่มาก
เพราะ ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในรอยเลื่อนที่อันตราย"
ขอให้แง่คิดว่า ในแง่วิทยาศาสตร์นั้นแผ่นดินไหวทำนายไม่ได้ ดังนั้นการกล่าวว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่ในรอยเลื่อนที่อันตรายก็ไม่สามารถสรุปได้ เช่นเดียวกันว่าจะมีแผ่นดินไหวหรือไม่ เพราะการสรุปของ
ทธ.เลือกสรุปเฉพาะบริเวณทะเลและหมู่เกาะว่าบริเวณเหล่านั้นเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงได้ ขัดแย้งกับแผ่นดินไหวที่พม่า ที่ไม่ได้เกิดในทะเล แต่ไหวรุ่นแรงถึง 7ริกเตอร์ได้เหมือนกัน


2. กรณีที่วิจารณ์ว่า
"ฟันธง" เลยว่า เหตุการณ์ที่จะทำให้คนไทยตายมากๆ เป็นหมื่น เป็นแสน นั้น
"ไม่มี" เพราะ คนไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง คือ จักรพรรดิทั้งหลาย
ขอให้แง่คิดว่า ประเทศไทยมีพระคุ้มครองนั้นพูดไม่ผิดแต่การพูดว่าเมื่อมีการคุ้มครองแล้วจะไม่มีการตายมากๆนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะวาระกรรมก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เช่นกรณีสึนามิ ปี 46
เสียชีวิตไปจำนวนมาก หลายพันคนถ้าเราใช้ตรรกะนี้ก็คงคิดล่วงหน้าไว้แล้วว่าไม่ว่าไทยเราจะมีภัยหนักสักเท่าใดคนไม่น่าตายถึงพันคน
แต่เมื่อมีเหตุการณ์สึนามิซึ่งมีการตายระดับพันคนเกิดขึ้นได้เราก็ไปตั้งตรรกะใหม่อีกว่าพระคุ้มครองแล้วต้องตายไม่ถึงแสน
การคุ้มครองของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมื่อเกิดภัยแต่ละครั้งก็ยังขึ้นกับกฎของกรรม/อายุขัย จำนวนตัวเลขการตาย อาจไม่ได้สัมพันธ์กันกับการทำงานของพระท่าน
เพราะคนถึงวาระพร้อมกันมากๆจำนวตัวเลขก็ต้องมาก ท่านช่วยลำบาก
จริงๆแล้วท่านช่วยคนที่ยังไม่ถึงวาระได้มากขึ้นแต่เราไม่รู้ว่าพระท่านช่วยใครบ้างจำนวนเท่าไร
แต่เรานับได้แต่คนตาย
แล้วมักสรุปว่าตายมากแสดงว่าท่านคุ้มครองคนจำนวนน้อยคนเลยตายมากกว่า limit ที่คาดไว้ อันนี้ไม่สมเหตุสมผล

3. กรณีที่วิจารณ์ว่า
ข่าวทั้งหมดทั้งปวงนี้ เป็นการโปรโมทหนังเท่านั้น
ขอให้แง่คิดว่า อาจเป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม
หมอดูอีทีไม่ได้ประโยชน์หรือค่าตอบแทนจากการดังของหนัง(เท่าที่พอทราบ)
และกำลังจะเลิกการทำนายแล้วตลอดชีวิต เพราะหมอดูอีทีจริงๆนั้นเขาช่วยคน ไม่ได้มีอาชีพป็นหมอดูแบบหากิน
ดังนั้นเปรียบเทียบกันระหว่างการทำนายกับผลประโยชน์ของผู้สร้างหนัง
คงไม่สัมพันธ์กัน100เปอร์เซ็น
จนถึงขนาดหมอดูที่เป็นคนมีธรรมะและเคร่งในการปฏิบัติธรรม อีกทั้งเป็นคนมีชื่อเสียงในหลายประเทศต้องเปลี่ยนมาเป็นคนโกหก
อีกทั้งการทำนายก็มีวิดิโอเป็นหลักฐานว่าหมอดูอีทีเขียนคำทำนายเช่นนั้นจริงด้วยตัวเอง

4. กรณีที่วิจารณ์ว่า
โดยสรุป หมอดูอีที ไม่ได้มีรู้ มีญาณ มีวิชาที่เก่งกาจอะไร
ขอให้แง่คิดว่า เรื่องญาณต้องทดสอบตัวต่อตัว ท่านทราบได้อย่างไร
ญาณนั้นมี 16 อย่าง แต่ที่รู้จักกันมากมี 3 อย่างคือ
อตีตังสญาณ หมายถึง ญาณหยั่งรู้ในส่วนอดีต
อนาคตังสญาณ หมายถึง ญาณหยั่งรู้ในส่วนอนาคต
ปัจจุปปันญาณ หมายถึง ญาณหยั่งรู้ในส่วนปัจจุบัน
กรณีที่ทำนายของหมอดูอีที เราจะรู้ว่ามีญาณจริงหรือไม่ เราจะรู้ก็ต่อเมื่อมีเหตการณ์เกิดขึ้นภายในห้วงเวลาที่คาดไว้ แต่นี่ยังมาไม่ถึงเลย ท่านตัดสินได้อย่างไร
อีกทั้งการนำเหตุผลของข้อ 1 - ข้อ 3 มาสรุปก็เป็นเหตุผลที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องญาณ เป็นการเอาผลของอย่างอื่น มาอธิบายเหตุของอีกอย่าง จึงไม่สมเหตุสมผล
ส่วนที่ว่าทางวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่าแผ่นดินไหวทำนายไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ แต่นั่นก็คือการยอมรับใน platform ของวิทยาศาสตร์ แต่ในกรณีนี้เราคุยกันใน platform ของจิตก็ต้องไม่เอาวิทยาศาสตร์ทางวัตถุมาอธิบายเพราะมันคนละวิชา เอามาอ้างเหตุผลปนกันไม่ได้

เรื่องของคณะโหรของไทยที่ดังๆที่ออกมาบอกว่าหมอดูอีที ไม่มีวิชา ทำนายไม่มีหลักการ แบบที่หมอดูทั่วไปทำนายที่จะต้องมีการใช้ตัวเลข หรืออื่นๆ และมีตำรานั้น เป็นการโจมตีเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับวิชาและตำราของตนเอง ว่าการที่มีตำรา หรือมีหลักการที่จับต้องได้ จึงเป็นการทำนายที่น่าเชื่อถือ นั้นไม่ถูกต้อง เพราะบรรดาหมอดูทั้งหลายก็แม่น/ไม่แม่นพอๆกัน มีหลักการมากใช่ว่าจะแม่น ดูอย่างนอสตราดามุส สิครับ เขาเห็นภาพในจิตทัศน์ ไม่ได้ใช้ตำราอะไรอย่างโหรบ้านเราเลยแต่แม่นโคตรๆ เรื่องของญาณนั้นเหนือกว่าหมอดูลัคนาอีกครับ เพราะหมอดูบ้านเราใช้ตัวเลขวันเดือนปีเกิดทำนาย คำทำนายก็ขึนกับกรรมในอดีต(กรรมที่ส่งมาเกิดในวันที่เดือนปีต่างๆกัน) แต่ไม่ได้เอาเรื่องของกรรมใหม่มาคิด(กรรมที่ทำหลังจากการเกิดซึ่งส่งผลต่อชีวิตในหลายช่วงอายุมากกว่ากรรมอดีตชาติ)ซึ่งกรรมใหม่นี่ล่ะทำให้หมอดูดูไม่แม่นในหลายครั้ง แต่คนที่ใช้ญาณนั้นจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แน่นอนกว่าเพราะไม่ติดกับสมมุติทางตัวเลขและกฏเกณฑ์ในตำรา(ตำราหมอดูเคลื่อนไหวน้อยกว่าชีวิตจริงของคน)

5. กรณีที่วิจารณ์ว่า
การเกิดมาพิการขนาดนั้น ก็แสดงว่า เคยทำกรรมหนักมาพอสมควร
ขอให้แง่คิดว่า ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด เพียงแต่จะมาถึงเมื่อไร
กรรมแสดงออกมาหลายรูปแบบ บางคนรูปร่างดี แต่จิตใจไม่เป็นสุข ก็ถือว่าเป็นกรรมระดับที่พอๆกัน
ร่างกายที่ผิดเปลกไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าใจจะต้องตกต่ำ คนที่มีร่างกายที่ผิดเปลกก็มีญาณได้ และไปนิพพานได้

6. กรณีที่วิจารณ์ว่า
การรู้เห็นที่เอามาทำนายทายทักจนคนเชื่อไปนั้น คงจะมีรู้ มีญาณอยู่บ้าง
แต่ค่อนข้างที่ไปทางฝ่ายมาร เสียมากกว่า
ตายไปแล้ว น่าที่จะไปอบายภูมิมากกว่าสุคติภูมิ....
ขอให้แง่คิดว่า คนดีไม่แช่งใคร คนที่ว่าคนอื่นเป็นมารน่าจะหันกลับมาดูตนเองอีกรอบ
วันที่ตัดสินคือวันที่หมดลมหายใจ ตราบใดที่ยังมีชีวิต จะตัดสินเลยว่าต้องลงนรก ก็คงไม่สมเหตุสมผล เพราะความดียังทำได้
ต่อให้คุณด่าหมอดูอีที หมอดูอีทีเขาก็ไม่รับรู้หรอก มีแต่คุณนั่นละที่รู้สึกโกรธอยู่ฝ่ายเดียว จุดไฟเผาหน้าอกตัวเอง

ทั้งหมดนี้ขอให้เป็นธรรมทาน ในการใช้ปัญญามองโลกแบบยุติธรรม ท่านใดเห็นแตกต่างจากนี้ก็ขอยินยอมรับคำวิจารณ์แต่โดยดีครับผม

 

เป็นการให้แง่คิดที่สมเหตุสมผลครับ นับถือ นับถือ

 

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นครับ

การทำนายวันเวลาการเกิดแผ่นดินไหวนั้นทำได้ยาก แต่จากข้อมูลทางธรณีวิทยา และสถิติการเกิดแผ่นดินไหว เราสามารถระบุพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดแผ่นดินไหวได้ เช่น บริเวณตามแนวระหว่างPlate, Major Fault, Trench etc. ประเทศพม่ามีเส้นแบ่งเพลทผ่ากลางประเทศ( สีม่วงกับสีเขียว) ครับ








.

 

ผมว่าเมืองไทยเรามีคนเก่งๆอยู่เยอะนะครับ(หลอกลวงก็เยอะ) ทำไม่ต้องไปสนใจคนต่างชาติมาก จนว่ากันเองล่ะครับ