อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    [​IMG]

    ข้อมูลการจัดสร้างเหรียญ มีดังต่อไปนี้
    1. เนื้อทองคำ จำนวน 25 เหรียญ
    2. เนื้อเงิน จำนวน 442 เหรียญ
    3. เนื้อนวะโลหะ จำนวน 536 เหรียญ
    4. เนื้อทองเหลือง จำนวน 8475 เหรียญ
    5. เนื้อทองแดง จำนวน 19447 เหรียญ
    6. เนื้อตะกั่ว จำนวน 193 เหรียญ (แจกเฉพาะกรรมการ) ไม่มีจำหน่าย


    วัตถุประสงค์ในการสร้าง เพื่อหารายได้สมทบทุนบูรณะวัดแก่งตอย อ.ดอนมดแดง จ.อุบลฯ จัดสร้างโดยพระอาจารย์เวทย์ อาจารสัมปัญโน แกะพิมพ์โดยช่างอ๊อด (คุณประหยัด ละออพันธุ์สกุล) เมื่อหลวงปู่คำพันธ์ ปลุกเสกเสร็จแล้ว กล่าวกับลูกศิษย์ว่า เหรียญรุ่นนี้มีเมตตามหานิยามสูงมาก (เข้าพิธี 4 ครั้ง)

    อิทธิคุณของหลวงปู่คำพันธ์
    โดย....อำพล เจน

    อุบัติการณ์ 2 เรื่องที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับองค์หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม ยังสรุปไม่ได้ว่าผลนั้นเป็นบวกหรือลบ หรือเสมอตัว

    เรื่องแรกคือรถขบวนของหลวงปู่ประสบอุบัติเหตุชนกันจนพังยับเยินในท้องที่ จังหวัดสกลนคร ดูเหมือนเหตุได้เกิดในวันที่ 6 ตอนเช้าตรู่ หลวงปู่ออกเดินทางจากวัดธาตุมหาชัยโดยรถตู้ เพื่อจะไปขึ้นเครื่องบินที่จังหวัดอุดรธานี สู่กรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธโสธร แปดริ้ว แต่การเดินทางก็สิ้นสุดลงแค่จังหวัดสกลนครเท่านั้น

    รายละเอียดพอบอกได้ว่าสาเหตุที่เกิดเรื่องชนกันนั้น เพราะได้มีรถกระบะคันหนึ่งซึ่งคนขับดื่มมากเกินไปหน่อย และขับแซงรถอีกคันหนึ่ง แต่แซงไม่พ้น จึงประสานงากับรถของตำรวจทางหลวงที่ขับนำทางรถตู้ของหลวงปู่อย่างจัง เป็นผลให้รถตำรวจนำทางหลวงเสียหลักหมุน ตัวขวางลำ และรถตู้ของหลวงปู่ก็สุดวิสัยจะหยุดรถได้ทัน จึงพุ่งเข้าชนรถตำรวจทางหลวงอีกทบหนึ่ง ทุกสิ่งจึงหยุดลงได้ในขณะที่เกิดความเสียหายใหญ่หลวงแล้ว

    ทุกคนในรถตำรวจทางหลวง และในรถกระบะต้นเหตุ อาการสาหัส

    แต่ทุกคนในรถหลวงปู่ปลอดภัย

    ลูกศิษย์ทุกคนของหลวงปู่เกิดอาการช็อก และอีกหลายคนสลดใจไปในทางลบ ทำไมหลวงปู่ไม่ปัดเป่า หรือหลีกเลี่ยงจนพ้นอุบัติเหตุให้ได้

    เบื้องหลังข่าวก็มีอยู่

    ท่านอาจารย์กิตติ ซึ่งเป็นองค์อุปัฏฐากใกล้ชิดหลวงปู่ได้ร่วมเดินทางไปกับหลวงปู่ทุกๆครั้ง ไม่ว่าจะไปหนใดในแผ่นดินก็ตาม ได้เล่าว่า ปกติหลวงปู่เมื่อขึ้นรถเพื่อออกเดินทางไปที่ไหนก็ตามในเวลา ตี 4-ตี 5 อย่างนั้น ท่านมักจะเอนหลังลงนอนให้ลูกศิษย์นวดขา และหลับตาลงตลอด แต่ว่าคราวนี้ท่านกลับนั่งขึงตามองไปข้างหน้าไม่ยอมนอน ซึ่งท่านอาจารย์กิตติก็ได้กราบเรียนถามท่านว่า ทำไมหลวงปู่ไม่นอน
    ......... ท่านว่า “ไม่หรอก จะดูอะไรสักหน่อย”

    อีกชั่วครู่รถก็ชนกัน

    อาจมีคำถามว่า ในเมื่อหลวงปู่รู้ล่วงหน้าแล้วทำไมท่านไม่หลีกเลี่ยงให้พ้นเหตุ

    ถ้าจะให้ผมเป็นผู้ตอบ คำตอบก็มีได้ยากอยู่ แต่ถ้าจะให้ผมถามบ้างก็ถามได้ง่ายกว่าว่า ทำไมทุกๆคน ไม่เว้นแม้แต่ผมก็ล้วนรู้ว่าเราจะต้องตายในที่สุด ก็แล้วทำไมเราไม่อาจแก้ไขได้

    หนทางบางเส้น เราจะต้องใช้เดินไปโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง แม้จะรู้หรือไม่รู้ก็ตามว่าหนทางนั้นมีเรื่องอะไรรออยู่

    ครูบาอาจารย์สายกัมมัฏฐานชุดที่เครื่องบินตกจนมรณภาพเมื่อหลายปีก่อนก็เหมือนกัน

    รู้ว่าจะต้องตาย ท่านยังต้องไป

    จึงบอกแก่ผู้ที่กำลังกาเครื่องหมายลบ ได้โปรดหยุดความเสื่อมแห่งศรัทธาไว้ที่อนิจจังเถิด
    เรื่องนี้ผมคงต้องพูดให้น้อยเข้าไว้ ด้วยตนเองหาใช่ผู้รู้ที่แท้จริงไม่ พูดไปก็ผิดมากกว่าถูก จึงขอทำงานหน้าที่รายงานข่าวต่อไปดีกว่า

    ข่าวต่อไป
    ในระยะเวลาใกล้เคียงกับเหตุรถชนนั้นได้เกิดเรื่องปล้นควาย และยิงกันในท้องที่บ้านวังสิม ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    นาย วินิจ เหล่าบัว อยู่บ้านเลขที่ 73 บ.วังสิม ต.ปลาปาก ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ และเป็นเจ้าของควายที่ถูกปล้น ได้เล่าว่า โจร 2 คน มีมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะ และมีปืนคาร์บินเป็นอาวุธ ได้เข้าทำการปล้นควายของตน แต่ด้วยความเสียดายควาย ซึ่งเป็นทรัพย์สินสำคัญในการประกอบอาชีพทำนา ทำให้ฮึดสู้ จึงถูกยิงด้วยปืนคาร์บิน 3 นัด
    2 นัดแรก ยิงไม่ออก

    นัดที่ 3 ออก แต่ไม่ทราบกระสุนไปทางไหน

    โจรเห็นท่าไม่ถูกเรื่อง จึงหนีไป

    เรื่องก็เป็นข่าวดังไปทั่วสารทิศว่านายวินิจ เหล่าบัวแขวน เหรียญหลวงปู่คำพันธ์ เพียงเหรียญเดียวอยู่ในสร้อยคอ

    เป็นเหรียญ รุ่นเมตตาบารมี หรือรุ่นแซยิด 80 ปี เนื้อทองแดงพิมพ์ใบเสมา

    นี่ก็เป็นข่าวให้คนทั้งหลายกาเครื่องหมายบวกบ้าง

    ทั้งข่าวลบและข่าวบวกเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น ผู้ที่ออกอาการเสมอตัวก็คงมีอยู่

    ช่างเถอะ


    ที่มา: สวนขลัง
     
  2. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    พระธาตุขามแก่น รุ่นสอง เนื้อผงใบลาน ปี2513

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xl3Ss8MSMhVXLoO8" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/5d0/TFrlqb.JPG" /></a>

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xl3SsQKflpVEFVJv" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/a63/cWMiu1.JPG" /></a>

    ประวัติพระธาตุขามแก่น
    วัดเจติยภูมิ บ้านขาม ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

    พระธาตุขามแก่นเป็นเจดีย์ที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่น องค์พระธาตุขามแก่น ประดิษฐานอยู่ที่วัดเจติยภูมิ บ้านขาม ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ห่างจากตัวจังหวัดขอนแก่นไปตามถนนขอนแก่น – ยางตลาด เลี้ยวซ้ายบ้านพรหมนิมิตร อ.เมืองขอนแก่นประมาณ 15 กม. เป็นเจดีย์ที่รู้จักกันดีในภาคอีสาน ไม่ปรากฏอายุการสร้างที่แน่นอน

    พระธาตุขามแก่นมีประวัติความเป็นมาเป็นเรื่องเล่าสืบขานกันมาช้านาน ว่ามีกษัตริย์แห่งโมริยวงศ์ได้ทรงทราบข่าวการสร้างเจดีย์ที่เมืองนครพนม ซึ่งพระอรหันต์ พระเถระ และชาวเมืองนครพนม พร้อมด้วยพระอรหันต์ 9 องค์ ในระหว่างเดินทางได้พากันค้างคืน ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีตอมะขามใหญ่ตายซากตอหนึ่งผุเหลือแต่แก่น และได้อันเชิญพระอังคารธาตุวางไว้ที่บนตามะขามผุนั้น เมื่อรุ่งเช้าจึงออกเดินทางต่อไปยังเมืองนครพนม ครั้นเมื่อถึงเมืองนครพนมกลับปรากฏว่าพระธาตุได้เสร็จสมบูรณ์และได้บรรลุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในองค์พระธาตุเรียบร้อย จะนำสิ่งใดบรรจุภายในมิได้อีกแล้ว ดังนั้นโมริกษัตริย์และคณะจึงได้ออกเดินทางกลับตามเส้นทางเดิมด้วยความผิดหวัง เมื่อเดินผ่านตอมะขามใหญ่ซึ่งเคยพักค้างแรมต่างก็ประหลาดใจเมื่อปรากฏว่าตอมะขามผุนั้นได้เจริญงอกงามตอเขียวขจี โมริกษัตริย์เห็นเป็นอัศจรรย์ในบุญญาธิการแห่งพระอังคารธาตุประดิษฐานไว้ในองค์พระธาตุนั้น และได้บรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ 9 บท ไว้ในเจดีย์องค์เล็กทางด้านทิศตะวันตกของพระธาตุ เรียกว่า "พระเจ้าเก้าองค์”

    ต่อมาบริเวณนั้นได้มีชาวบ้านมาอยู่อาศัยมากขึ้นกลายเป็นหมู่บ้านมีชื่อว่า "บ้านขาม” ตามชื่อตอมะขามอันเป็นที่ประดิษฐานพระอังคารธาตุ ต่อมาได้ย้ายเมืองต่อ ๆ มาหลายแห่ง จนลุมาพ.ศ.2340 ในรัชสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เพี้ยเมืองแพน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเจ้าเมืองแพน ยกบ้านบึงบอนเป็น "เมืองขอนแก่น” จึงนับเอา ปี พ .ศ. 2340 เป็นปีแห่งการตั้งเมืองขอนก่น

    การบูรณองค์พระธาตุขามแก่น จังหวัดได้จัดทำยอดฉัตรทองคำประดิษฐ์ฐานบนองค์พระธาตุขามแก่นและอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานเพื่อบรรจุที่ยอดองค์พระธาตุขามแก่นจำลอง ยอดฉัตรทองคำที่จัดสร้างขึ้นพร้อมยอดฉัตรเดิม และยอดฉัตรพระธาตุอรหันต์

    การบูรณะปฏิสังขรณ์พระธาตุขามแก่น มีการเรียบเรียงในคราสมโภชการตั้งฉัตร พ.ศ.๒๔๙๙ ว่า

    ครั้งแรก ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๕๙ – ๒๔๖๘ ในสมัยพระครูแพง พุทธสโร เจ้าอาวาสวัดเจติยภูมิ

    ครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ – ๒๔๙๙ พระสารธรรมมุณี เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ได้มีดำริจัดทำฉัตรพระธาตุขึ้น และได้มีการซ่อมแซมบูรณะยอดพระธาตุ องค์พระธาตุใหม่ด้วยโครงเหล็ก และปูนซีเมนต์ พร้อมทั้งจัดงานตั้งฉัตรพระธาตุขามแก่นในวันอาทิตย์ที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๙

    ครั้งที่ ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ และ ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ – ๒๕๓๕ ได้บูรณะพระวิหารอีกครั้ง โดยงบประมาณจากกรมศิลปากร มูลนิธิพระธาตุขามแก่น และศรัทธาของพุทธศาสนิกชน มีการเสริมความมั่นคงแข็งแรง ความสวยงาม รวมถึงการเทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กและอาคาร สถานที่โดยรอบ

    ครั้งที่ ๔ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๔ – ๒๕๔๖ เป็นการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ สมัยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในขณะนั้น ด้วยวัสดุหมักตามกรรมวิธีโบราณ งานลงรักปิดทอง งานซ่อมแซมฉัตร ๕ ชั้น องค์พระธาตุอรหันต์ แนวกำแพง งานปรับปรุงภูมิทัศน์ ก่อสร้างศาลารายทั้ง ๔ ทิศใหม่ และได้เปลี่ยนยอดฉัตรองค์พระธาตุขามแก่นจากโลหะที่ลงรักปิดทองมาเป็นยอดฉัตรทองคำ ( น้ำหนักทอง ๓,๕๔๔.๑๐ กรัม มูลค่า ๑,๕๓๖,๗๓๑ บาท ) นอกจากนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาปรินายก ทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ ๙ องค์ ให้มาบรรจุไว้ที่องค์พระธาตุขามแก่นด้วย

    ต่อมา เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และทรงยกยอดฉัตรทองคำองค์พระธาตุขามแก่น ซึ่งตรงกับสมัยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายเจตน์ ธนวัฒน์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น

    พระธาตุขามแก่น นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่เมืองขอนแก่น เป็นจุดยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และมีความศักดิ์สิทธิ์คู่กับอีสานอีกแห่งหนึ่ง โดยทุกวันเพ็ญเดือน ๖ จะมีงานฉลองพระธาตุขามแก่นเป็นประจำทุกปี
     
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,071
    ค่าพลัง:
    +53,094

    ขอบคุณคร๊าบบพี่ปู เพิ่งอ่านเสร็จ :cool::cool:
     
  4. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    อ่านแล้วเช่นกันครับ...รอติดตามเรื่องต่อไปครับ...:cool::cool:
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,071
    ค่าพลัง:
    +53,094
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  6. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    เมื่อสมัยก่อนอ่านหนังสือพระมักจะได้ยินชื่อหลวงปู่โต๊ะ และหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ไปร่วมงานพุทธาภิเษกกันแทบจะทุกงาน แม้เหรียญหลวงพ่อเกษร รุ่น 1, 2และ3 ก็ได้ทั้ง 2องค์ร่วมเสก ตอนหลังจึงทราบว่าทั้ง2องค์เป็นพระโพธิสตว์จึงมีบารมีมากนั่นเอง พระที่หลวงปู่ทั้งสองร่วมเสกจึงมีมากมายออกกันหลายวัดให้เลือก บางรุ่นบางวัดก็ยังถูกอยู่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัจจัยน้อย หรือผู้ที่หวังพุทธคุณจริงๆคร๊าบบ
     
  7. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435

    น้อมกราบหลวงปู่คำพันธ์ ด้วยความเคารพศรัทธา...

    ผมชอบเนื้อหาโพสนี้ของพี่ปูมากครับ อ่านแล้วได้สติ ได้ข้อคิด และให้ความรู้สึกในการปรับทัศนคติเกี่ยวกับการแขวนพระเพื่อหวังพุทธคุณล้วนๆให้บังเกิดผล100% , แต่กลับหลงลืมไปว่าทุกชีวิตล้วนเป็นไปตามกรรม แม้แต่พระอริยะเจ้ายังยอมรับในผลของกรรมนั้น แล้วเราผู้ซึ่งเทียบบารมีของท่านไม่ได้เลยสักนิด จะมาหวังอะไรให้อยู่เหนือกรรมกันเล่า......อนุโมทนากับการเผยแพร่เรื่องราวของโพสนี้ด้วยครับพี่ปู..(^_^)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2014
  8. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    คุณพระช่วยได้ส่วนหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วมาจากบุญที่เราสร้างไว้มากน้อยแค่ไหนนั่นแหละคร๊าบบ
     
  9. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435
    [​IMG]



    [​IMG]

    ไปเจอบทความดีๆใน Google มาครับ...กำลังอินกับโพสของพี่ปู จึงขออนุญาตินำมาลงให้อ่านกันนะคับ.(เนื้อหาโดนใจอย่างแรง)^_^


    ___________________________


    ผมเคยคิดมานานแล้วว่าอยากจะเขียนถึงพระเครื่องของครูบาอาจารย์สายกัมมัฏฐาน ที่เรียกอีกอย่างว่าสายพระอาจารย์มั่นและพระอาจารย์เสาร์ แต่ปัญหาก็อยู่ตรงที่ผมไม่มีพระเครื่องครบทุกพระอาจารย์ และไม่แน่ใจว่าจะหาภาพลงได้ครบทุกองค์ จึงรี ๆ รอ ๆ หวังให้โอกาสเกิดมีขึ้นบ้างสักวัน

    โอกาสที่หวังก็ไม่เคยมีขึ้นสักที

    ได้แต่ปรึกษาคนโน้นคนนี้ซึ่งล้วนแต่แสดงการโหวตเป็นเสียงเดียว เป็นเสียงที่เห็นด้วยทั้งสิ้น หาเสียงที่เอามือซุกกระเป๋าไม่โหวตไม่มี

    ทำไมผมจึงอยากจะเขียน

    นั่นเป็นด้วยศรัทธาเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์สายนี้เป็นเหตุใหญ่ แม้ว่าพระเครื่องของทุกท่านโดยมากไม่แพง ไม่ฮ้อทจนพองมือเซียนพระเครื่องทั้งหลายก็ตาม

    แถมไม่มีประสบการณ์หวือหวาให้ฮือฮาทั้งบ้านทั้งเมือง

    เรื่องไม่มีประสบการณ์นี้ผมได้ยินใครต่อใครพูดคำนี้บ่อยๆ ถ้าไม่มีประสบการณ์แล้วมืออาชีพไม่เล่น แม้จะเป็นพระเครื่องรุ่นเดียวกันพิธีเดียวกัน ก็ยังเลือกเล่นพิมพ์ที่เกิดอภินิหารสร้างประสบการณ์

    อย่างที่ผมแขวะมาตลอดแหละครับ, พระเครื่องของเจ้าคุณนรฯ เป็นตัวอย่างที่ชัดดี, เสกในพิธีเสาร์ 5 ปี 2513 พร้อมกัน กลับมีทั้งที่แพงเป็นหมื่น ๆ กับถูกเป็นร้อย

    คนก็แห่ไปเล่นของแพงเป็นบ้าเป็นหลังไป

    ถ้าไม่ใช่ผู้เล่นพระเครื่องแบบ HOBBY แต่เล่นแบบเชื่อในพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ก็ต้องมีศรัทธามั่นใจว่าเป็นของท่านเสกเหมือนกัน เสกพร้อมกันอีกต่างหาก ไม่มีทางที่องค์ไหนจะศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าองค์ไหน แม้ว่าจะมีทางแพงกว่ากันก็ช่างเถิด

    ถ้าท่านแขวนพระเครื่องด้วยความรู้สึกเหมือนสะสมเครื่องลายคราม เล่นไม้ดัด บอนไช หรือสะสมแสตมป์ ท่านต้องเล่นของแพงถ้าไม่ได้เล่นเพื่ออย่างนั้น แต่แขวนไว้ด้วยศรัทธาในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ท่านอย่าได้วอกแวกไปกับของแพงปล่อยให้มือฮ้อบบี้เขาเล่นกันไปเถอะ

    เรื่องมีประสบการณ์และไม่มีประสบการณ์นั้น ผมว่ามันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และกรรมเวรของแต่ละคน บางคนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งอาชีพและการดำรงชีพ โอกาสที่จะพบประสบการณ์มีน้อยมาก แต่บางคนอยู่ในสถานะที่ล่อแหลมทั้งอาชีพและการดำรงชีพ อย่างเช่น ตำรวจ ทหาร คนเดินทางบ่อย ๆ คนที่มีศัตรูจงเกลียดจงชังเยอะ คนทำงานในงานเสี่ยงอย่างนี้โอกาสเจอประสบการณ์ย่อมมีมากกว่า

    และที่สำคัญยี่ง ผมเชื่อที่สุดว่า
    “ไม่มีประสบการณ์นั่นแหละคือประสบการณ์”

    หลวงปู่คำพันธ์เคยเตือนสติผมครั้งหนึ่ง ราวกับท่านล่วงรู้วาระจิตของผมในช่วงนั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผมหันมาสนใจของขลังประเภทหนังเหนียว ยิงไม่ออกเป็นเอก

    ท่านมองหน้าผมแล้วบอกว่า
    “แขวนพระเมตตาแคล้วคลาดดีกว่า ไปไหนสบายไม่มีเรื่อง พระมหาอุดคงกระพันมักมีแต่เรื่อง”

    นั่นแหละครับ คำพูดอันวิเศษได้เตือนสัญญาเก่าให้ผุดขึ้น

    สมัยหนึ่งผมลองแขวนเดี่ยวพระเครื่องที่ได้ชื่อว่าเหนียวสะบัดช่อ อย่าไปรู้เลยครับว่าของพระอาจารย์องค์ไหน
    ผมเดินฆ่าเวลาคอยเวลานัดเพื่อนที่ตลาดคลองเตยซี่งมีคนมาเดินดูของกินของใช้ต่างประเท
    ศมากมายไม่ต่างจตุจักร

    จังหวะหนึ่งที่สาวสวยเบียดคนมากระแทกไหล่ผมอย่างจัง

    เธอไม่ตั้งใจหรอกครับเพราะว่าคนมาก

    แต่ผมโกรธจนนึกอยากจะกระโดดชกหน้าสาวสวยอนงค์นั้น

    หัวใจกระทั้นกระทึกอยู่ตั้งอึดใจใหญ่ ๆ จึงสงบลงได้และนึกแปลกใจตนเองชมัด ปกติไม่เคยโกรธใครง่ายๆอย่างนี้มาก่อนโดยไม่มีเหตุผล
    แถมสาวสวยอย่างนั้นผมไม่เคยรู้จักมาก่อน จะมีเหตุโกรธง่ายๆเป็นที่ไหน

    ผมไม่อยากโทษพระหนังเหนียวให้เป็นเวรเป็นกรรมแก่ผมหรอกครับ แต่มันไม่มีเหตุอะไรที่จะให้ผมคิดเห็น

    แต่ที่เป็นวัยรุ่นระเบิดขวดอยู่นั้น พรรคพวกนักวิทยาศาสตร์แขนงวัตถุระเบิดและกระทรวงฟันแทงจิ๊กโก๋ซอยอื่นพลัดหลงมา
    ต่างมีครูบาอาจารย์สักยันต์ เสกตะกรุดและทำสาลิกาลิ้นทองทางเจ้าชู้พวกนั้นเมื่อได้ของใหม่มาก็ร้อนของอยากลอง

    นั่งรถเมล์อยู่ด้วยกันดี ๆ กระโดดลงไปไล่ชกตีวัยรุ่นที่นั่งกินเหล้าข้างทางเสียเฉย ๆ

    พอกลับมาแล้วก็บอกว่า
    “หมั่นไส้มันหรอกว่ะ แม่งตีกูด้วยขวด นึกว่าแตกซะแล้ว”

    ของอย่างนี้แหละครับที่มักทำให้มีแต่เรื่อง และเป็นของที่มักมีประสบการณ์ทางถูกยิงถูกฟันเป็นพิเศษ

    แต่พระเครื่องของครูบาอาจารย์สายกัมมัฏฐาน โดยมากท่านอธิฐานพรในทางเมตตาแคล้วคลาดเป็นหลัก แขวนของพวกท่านแล้วไม่มีประสบการณ์เกิดขึ้นง่าย ๆ หรอกครับ
    เรื่องนิดหน่อย ๆ เป็นหลุดพ้นหมด ที่หนักหนาสาหัสก็ผ่อนให้เบาลง ที่คิดว่าจะต้องถูกเขาด่าแน่ ๆ ก็ไม่ด่าแถมยิ้มแย้มแจ่มใสให้อีกหวามหนึ่ง

    คุณพ่อประกอบ แพทยกุล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีเคยอธิบายถึงพระเมตตามหานิยมแก่ผมว่า
    “ให้สังเกตดูคนที่เกลียดและคิดจะเล่นงานเรานั่นแหละพอพบหน้าเขาไม่ทำ”

    นี่แหละครับพระเมตตาแคล้วคลาด

    ไม่มีประสบการณ์คือประสบการณ์อย่างไม่ต้องสงสัย

    อีกข้อหนึ่งที่ชวนคิดไม่น้อยนั่นคือ ครูบาอาจารย์สายนี้โดยมากท่านเน้นเรื่องการประพฤติปฏิบัติ ไม่ได้เน้นเรื่องวัตถุมงคล บางองค์ไม่ยอมให้มีการทำขึ้นมา แต่บางองค์ก็ทำเพราะเกรงใจขัดใจผู้ขอสร้างไม่ได้ อย่างเช่นหลวงปู่เทสก์ เทสน์รังสีท่านยอมให้ทำขึ้น แต่ไม่ยอมให้ทำรูปของท่าน คงมีแต่เพียงชื่อที่เรียกว่าลายมือลายเซ็นของท่านเท่านั้น บางองค์อนุโลมให้ทำตามศรัทธาเพื่อเอาไว้แจกสถานเดียว บางองค์ก็วางเฉยสุดแต่ผู้สร้างจะมีเจตนามีศรัทธาอย่างไร
    ท่านไม่เกี่ยวข้องเรื่องจำหน่าย ไม่วุ่นกับเงินที่ได้จากจำหน่ายท่านเสกให้แล้วก็แล้วไป อย่างเช่นหลวงปู่แหวน

    ผมเคยฟังท่านอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป เล่าเรื่องเสกพระของหลวงปู่แหวนว่า
    “ถามหลวงปู่เหมือนกันว่าเสกพระอย่างไร หลวงปู่บอกว่าก็แผ่เมตตาว่าขอสัตว์โลกทั้งหลายจงอยู่เย็นเป็นสุข อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลยเท่านั้น”

    ง่ายดีไหมครับ

    นั่นแหละที่แขวนเข้าไปแล้วประสบการณ์เลยไม่ค่อยมี

    ทั้งอยู่เย็นเป็นสุขทั้งไม่ต้องเบียดเบียนกัน

    อีกข้อหนึ่งเท่าที่ได้สังเกตดูมาโดยตลอด เห็นว่าญาติโยมที่ทั้งสู้อุตส่าห์เดินทางไปกราบครูบาอาจารย์สายนี้เป็นครั้งคราว และโดยสม่ำเสมอ มักเป็นผู้ไปแสวงธรรมไปหาแนวทางและโอกาสประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ไปเพื่อหวังวัตถุมงคล แต่ถ้าครูบาอาจารย์แจกให้ก็เก็บไว้ด้วยความเคารพอย่างแท้จริง ไม่รู้จักว่าเป็นของที่อาจซื้อขายได้ ไม่สนใจหรือเข้าใจในทางนี้ คงเก็บไว้หรือพกติดตัวด้วยความเคารพเป็นใหญ่ เพราะว่านั่นเป็นของที่ครูบาอาจารย์ที่ตนเองเลื่อมใสศรัทธามอบให้ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตามคำสอนของท่านต่อไป ไม่มีเรื่องวัตถุมงคลมานำจิตนำใจ

    บางทีเกิดมีอันดังตูมตามขึ้นมาสักรุ่นหนึ่ง คนที่เล่นพระเครื่องในแบบนั้นก็สามารถไปจีบขอกับญาติโยมเหล่านี้ได้ง่าย ๆ โดยที่พวกท่านไม่รู้จัก,คงยินดีให้เพราะเห็นว่าเขาอยากได้เท่านั้น

    มีเกิดขึ้นบ่อย ๆ

    เพราะเหตุที่พระเครื่องของครูบาอาจารย์สายนี้ ถูกแจกไปอยู่ในคนที่มีทัศนคติทางธรรมเป็นหลัก พระเครื่องกี่รุ่น ๆ ก็เงียบหายไปโดยมากไม่ค่อยจะมีออกมาหมุนเวียนในตลาดซื้อขาย ที่มีออกมาก็มักจะเป็นรุ่นที่ทำออกมาเพื่อจำหน่ายหาทุนสร้างโน่นสร้างนี่ หรือทุนทำโน่นทำนี่สุดแต่เจตนาของผู้สร้าง

    ท่านอาจารย์วัน เคยปรารภว่าสงสารหลวงปู่ฝั้นที่ต้องรับแขกโดยเสียเวลาเนิ่นนานเกินไป แขกส่วนหนึ่งนั้นมุ่งมาเพื่ออยากจะได้พระเครื่องของท่าน ก็มาคุยโน่นคุยนี่อ้อมไปอ้อมมาเป็นนานจนสุดท้ายก็เอ่ยปากขอ ซึ่งท่านก็ให้ เพราะว่าท่านให้อย่างเดียวไม่เคยขาย

    หลวงปู่ฝั้นไม่เคยขายพระนะครับ แจกอย่างเดียว

    ถ้าขอท่านแต่แรกท่านก็ให้เหมือนกัน และยังจะได้หมดเรื่องรับแขกเร็ว ๆ แล้วมีเวลาไปทำความเพียรของท่านต่อไป

    ดังนั้นท่านอาจารย์วันจึงมักจะมอบวัตถุมงคลให้กับแขกที่มากราบเยี่ยมก่อน อยากได้หรือไม่อยากได้ก็แจกก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน

    เพื่อนผมเป็นทหารเล่าว่า ยกกองร้อยไปกราบหลวงพ่อวัน จะไปเอาเหรียญของท่านเพื่อพกไปออกสนาม พอไปถึงท่านก็แจกเลย แจกแล้วก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับท่าน เพราะว่ามาเพื่อจะเอาเหรียญ ในเมื่อได้แล้วธุระก็หมด จึงกราบลาทันที ท่านก็หงึกหน้าแล้วก็กลับไปนั่งภาวนาต่อ

    ครูบาอาจารย์สายนี้โดยมากไม่ได้เน้นเรื่องวัตถุมงคลแต่อย่างใด ท่านมุ่งให้ผู้ศรัทธาท่านเดินหน้าเข้าสู่การประพฤติปฏิบัติมากกว่า ในเรื่องวัตถุมงคลท่านไม่เคยให้ใคร ๆ ยึดมั่นจนเกินไป

    หลวงพ่อชาเคยกล่าวกับผู้ที่เคยไปขอพระเครื่องของท่านว่า
    “เอาไปทำไม เอาไปกันตายหรือ แต่เราเองยังต้องตายเหมือนกัน” เสร็จแล้วก็ยื่นให้ “เอ้า,เอาไปก็ดีอยู่หรอก”

    หลวงพ่อชาก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่ไม่เคยขายพระ ท่านไม่อนุญาตให้มีการซื้อขาย และไม่ชอบการซื้อขาย

    บางกระแสข่าวบอกว่า ที่ท่านเลิกและงดอนุญาตไม่ให้มีการทำพระเครื่องในขณะที่ท่านยังไม่อาพาธนั้น ก็เพราะมีลูกศิษย์ไปฟ้องท่านว่า มีการซื้อขายพระของท่านในสนามแล้ว ท่านถามว่าจริงรึและต่อมาก็เลิกเด็ดขาด พระเครื่องของท่านจึงมีน้อยรุ่นและไม่มาก แต่ละรุ่นสร้างแบบสมัครเล่น มีแค่ร้อยสองร้อยองค์
    ที่มากที่สุดก็คือรุ่นสุดท้าย มีผู้สร้างมาถวายเป็นจำนวน 84,000 องค์

    เกี่ยวกับครูบาอาจารย์สายศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถรนี้ โดยมากถ้ามีใครไปถามท่านว่าเคยสร้างพระเครื่องหรือไม่ พวกท่านมักตอบว่าไม่เคยสร้าง ซึ่งคำตอบเหล่านี้จะเกิดวิจิกิจฉาแก่ผู้ถามทุกครั้ง ในเมื่อไม่เคยสร้างแล้วทำไมจึงมีพระเครื่องของพวกท่านออกมา

    ความจริงมีว่า ที่พวกท่านไม่เคยสร้างนั้นหมายความว่าไม่ได้แสดงเจตนา และลงมือเป็นธุระให้สร้างแต่อย่างใด พวกท่านอยู่เฉย ๆ ก็มีผู้สร้างอะไรต่อมิอะไรมาถวาย และขอให้ท่านปลุกเสกหรืออธิษฐานจิตให้ เสร็จแล้วก็ถวายท่านครึ่งหนึ่ง, ส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดไว้ให้ท่านได้แจกแก่ญาติโยม บางทีก็มากราบขออนุญาตสร้าง ซึ่งท่านก็อนุโลมให้สร้างได้ แต่ทุกครั้งที่สร้างไม่ได้เกิดจากความปรารถนาอยากจะสร้างก่อนเลย ท่านปลุกเสกหรืออธิษฐานจิตให้โดยเมตตาสถานเดียว

    บางทีอาจจะมีผู้สงสัยว่า “ปลุกเสก” กับ “อธิษฐานจิต" นั้นแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร ผมได้คำตอบนี้จากหลวงปู่คำพันซึ่งท่านไม่ได้ตั้งใจอธิบายเรื่องนี้ เป็นแต่ท่านชี้แจงให้เข้าใจถูก นั่นคือ เพื่อนของผมคนหนึ่งสร้างพระเครื่องเป็นการส่วนตัวขึ้นมาชุดหนึ่ง ไปกราบท่านและบอกท่านว่าขอเมตตาหลวงปู่ปลุกเสกพระให้ด้วย ซึ่งหลวงปู่ได้ตอบว่า “ปลุกเสกไม่ได้หรอก เพราะว่าปลุกเสกนั้นต้องจัดพิธี แต่หลวงปู่จะอธิษฐานจิตให้” และท่านก็ได้รับพระมาไว้ในมือ กำหนดจิตอธิษฐานให้เท่านั้น

    เคยมีผู้ถามหลวงปู่คำพันเหมือนกันว่า หลวงปู่อธิษฐานจิตอย่างไร
    “ปู่อธิษฐานว่าขอให้วัตถุมงคลเหล่านี้เป็นมงคล” ท่านตอบ

    ง่ายเหมือนหลวงปู่แหวนไหมครับ

    พระเครื่องหรือวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ออกมาจากครูบาอาจารย์สายนี้ส่วนใหญ่จึงสำเร็จขึ้นมาด้วยการอธิษฐานจิต ที่สำเร็จด้วยการปลุกเสกมีน้อยมาก

    ครูบาอาจารย์ชั้นลูกศิษย์ที่ไม่ใช่หลานศิษย์ของหลวงปู่มั่นมีอยู่มากมายหลายองค์ ชั้นภูมิของพวกท่านย่อมมีทั้งเสมอกันและต่างกันจริตนิสัยก็ต่างกัน ในเรื่องพระเครื่องก็มีข้อแตกต่างกันบางองค์ใจดีมาก ๆ ก็ไม่ว่าอะไร พระเครื่องจึงมีออกมามากมายหลายรุ่น บางองค์ก็มีออกมาน้อยรุ่น บางองค์ก็ไม่มีเลย
     
    แหล่งที่มา อำพล เจน, หนังสือศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 211 ไม่ทราบวันที่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2014
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,071
    ค่าพลัง:
    +53,094

    สุดยอด ชอบอีกหนึ่งบทความครับ เพิ่งได้อ่าน :cool::cool:
     
  11. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    ฝากไว้ในอัลบั้ม



    [​IMG]

    น้อมกราบพระรัตนตรัย
    น้อมกราบ...หลวงปู่คำพัน โฆสปัญโญ

    [​IMG]

    :z7​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2014
  12. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    ฝากไว้ในอัลบั้ม




    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    น้อมกราบพระรัตนตรัย
    น้อมกราบ...หลวงปู่คำพัน

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2014
  13. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    ฝากไว้ในอัลบั้ม


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    น้อมกราบพระรัตนตรัย
    น้อมกราบ...หลวงปู่คำพัน

    [​IMG]
     
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,071
    ค่าพลัง:
    +53,094
    หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ละสังขาร ณ ห้องไอซียูโรงพยาบาลศูนย์ภาคเหนือ จังหวัดลำปาง เมื่อเวลา 19.40 น. ของวันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2539 ซึ่งตรงกับวันแรม 11 ค่ำ เดือน 2

    [​IMG] [​IMG]
     
  15. ryan boy

    ryan boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +22,020
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  16. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    พระภาคเหนือ (ต่อ) จังหวัดสุโขทัย
    [​IMG]

    [​IMG]

    พระร่วงหลังรางปืนย้อนยุค วัดท่าเกษม สวรรคโลก สุโขทัย ปี2549-2550
     
  17. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    ทุกข์ของชาวบ้านที่มีอยู่เกือบทุกผู้ทุกคนก็คือความป่วยไข้ หลวงพ่อจึงต้องกลายเป็นหมอรักษาโรค รักษาไข้ไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

    สมัยก่อน โรงพยาบาล สถานีอนามัย แพทย์แผนปัจจุบันก็ยังไม่มีหมอแผนโบราณชาวบ้านก็ไม่ชำนาญอะไร รักษาก็มักจะเรียกเงินทองด้วย จึงตกเป็นหน้าที่ของสมภารเจ้าวัด ต้องกลายเป็นหมอจำเป็นในชนบทสมัยก่อนโน้น

    ถึงแม้ในเวลาต่อมา จะมีโรงพยาบาล มีสถานีอนามัย หลวงพ่อได้เป็นผู้จัดตั้งสถานีอนามัยขึ้นเองในตำบวลดอนยายหอม และเป็นประธานในการหาเงินสร้างโรงพยาบาลจังหวัดนครปฐมในเวลาต่อมา แต่ก็มีโรคบางอย่างที่คนนิยมมาหาหลวงพ่อให้รักษาให้ แม้แต่บุตรของนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม คือนายแพทย์เติม วัชรเสถียร เป็นโรคชันตุ มีแผลเป็นพุพองที่ศีรษะ มีน้ำเหลืองไหลเยิ้มเกรอะกรัง หลวงพ่อก็เป่าอาคมรักษาให้ก็หาย

    นายช้อย หงวนบุญมาก หลานของหลวงพ่อเป็นโรคผอมแห้ง ซูบซีดไปรักษาอยู่ในโรงพยาบาลศิริราชไม่หาย หลวงพ่อรู้ก็ให้คนไปตามตัวกลับมาสั่งว่าถ้าไม่ยอมกลับให้เตือนว่า

    "เรือนตายอยู่ที่วัดดอนยายหอม"

    ญาติจึงไปตามตัว เอาลงเรือนกลับมาให้หลวงพ่อรักษา หลวงพ่อก็ต้มยาหม้อให้กินบ้างเสกแป้งปูนมาทาตามตัวบ้าง รักษาอยู่เดือนเศษก็หายเดินได้
    รักษาคนบ้า

    หลวงพ่อมีเมตตาบารมีสูง มีกระแสจิตเมตตาแรงกล้า หลวงพ่อจึงสามารถ แผ่ความเมตตานี้ทำให้จิตคนที่บ้าดีเดือดมุทะลุดุดัน ให้สงบเยือกเย็นอ่อนโยนลงได้

    "ฉันสอนคน ก็สอนด้วยเมตตาจิต ฉันแผ่เมตตาต่อทุกคน กระแสจิตเมตตานั้นเป็นอานุภาพน้อมจิตให้เขาเกิดความภักดีเชื่อถือ..."

    หลวงพ่อพูดอย่างนี้ หลวงพ่อไม่ใช่นักพูด หรือนักธรรมที่อธิบายตามทฤษฎีเท่านั้น แต่หลวงพ่อพูดจากการปฏิบัติ

    คราวหนึ่งที่วัดห้วยจระเข้ อำเภอเมืองนครปฐม มีภิกษุรูปหนึ่งบันดาลโทสะ เตะเด็กวัดตกกุฏิตายไปคนหนึ่ง พระครูอุดรการบดี เจ้าอาวาสจะจับสึกส่งตำรวจดำเนินคดี แต่พระองค์นั้นไม่ยอมสึก นั่งตาขวาง แสดงอาการบ้าดีเดือด ถืออาวุธจะทำร้ายคนที่จับสึก เผอิญหลวงพ่อเงินไปที่วัดนั้นพอดี พระครูอุดรการบดีจึงเล่าให้ฟัง หลวงพ่อเงินฟังแล้วก็ยิ้ม ๆ พูดว่า ผมจะลองดู แล้วหลวงพ่อเงินก็เดินเข้าไปหาพระผู้นั้นอย่างเรียบร้อยทำท่าเหมือนพระอุปัชฌาย์จะบวชพระ พระบ้าดีเดือดรูปนั้น มองดูหลวงพ่อเฉยอยู่ไม่ทำอะไร หลวงพ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

    "ดูก่อน ภิกษุผู้เคยเจริญมาแล้วแต่หนหลัง ฉันทราบเรื่องของเธอดีแล้ว ว่าความจริงเป็นอย่างไร ขอให้เธอจงปลงใจเสียให้ตกว่ามันเป็นกรรมเก่าแต่ชาติปางก่อน ตามมาล้างผลาญตัดรอน อย่าได้คิดว่าใครมาสร้างเวรให้แก่เธอ ฉันรู้ว่าเธอเคยตั้งอยู่ในธรรมวินัย ประพฤติพรหมจรรย์มาด้วยความขาวสะอาด แต่วันที่จะเกิดเหตุนั้นเกณฑ์ชะตาของเธอจะหมดวาสนาได้รับใช้พระพุทธศาสนาเพียงแค่นั้น ขอให้ตัดใจรับกรรมไปก่อน ต่อเมื่อสิ้นเคราะห์กรรมแล้ว เกิดมาในชาติใดขอให้ได้เข้าร่วมเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าด้วยกันอีก ลาสิกขาบทเสียเถิดนะ..."

    พระภิกษุบ้าดีเดือดรูปนั้น นั่งน้ำตาไหล ก้มศีรษะลงมาหาหลวงพ่อยอมให้หลวงพ่อปลดจีวรของเขาออกแต่โดยดี

    ขอให้สังเกตว่า ที่หลวงพ่อชนะใจเขาได้ เพราะเมตตาบารมีและเพราะหลวงพ่อมั่นใจในบารมีของท่านเอง หลวงพ่อต้องมั่นใจใน "ดี" ที่มีอยู่ในตัว มิฉะนั้นหลวงพ่อจะไม่กล้าเข้าไปประกบกับคนบ้าดีเดือดที่มีอาวุธอยู่ในมือได้เลย


    ที่มา: ตั้มศรีวิชัย
     
  18. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]

    สวัสดียามเช้าครับพี่วรรณ พี่เอ๊ะ พี่กูน พี่ตี๋ พี่โญ พี่รุ่ง คุณบอย นอร์ น้องโอ๊ต น้องเอ็ม น้องเขี้ยว น้องนิก คุณตั้น คุณหมอ คุณhmoomoo คุณsellcat คุณEYEOFVENUS และพี่ๆน้องทุกท่าน ขอบคุณทุกภาพสวยๆและเรื่องราวดีๆจากทุกท่านครับ
     
  19. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,435

    อรุณสวัสดิ์ครับพี่ปูและทุกๆท่าน...(^_^)
     
  20. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    สวัสดียามเช้า คุุณปู คุณโญ คุณนอร์ คุณเอ็ฒ คุณเอ๊ะ คุณรุ่ง และทุกๆท่าน
    อากาศยังเย็นอยู่ครับ
    ทำการทำงานใดขอให้ปลอดโปร่ง ราบรื่น ทำการค้าใดขอให้ขายดีนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...