แจกฟรีหลวงปู่ทวดฝังไหลน้ำพี้ ๓๐องค์

ในห้อง 'แจกฟรี' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 15 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444

    แจกฟรีหลวงปู่ทวดฝังไหลน้ำพี้ ๓๐องค์ ๑องค์ต่อ๑ท่าน เสกโดยหลวงปู่เรือง อาภัสสะโรปี๒๕๕๔
    [​IMG]
    ๑.ส่งซองเปล่ากันกระแทกติดสแตมป์๕ บาทมาที่ ภูชิชย์ สุรรัตน์ ๒ ถนนจันทน์๒๐ ซอย๒๐ ทุ่งวัดดอน สาทร กทม ๑๐๑๒๐
    ๒.วงเล็บมุมซองรับพระบรมสารีริกธตปู่ทวด
    ฝากกองบุญนี้ด้วยครับ
    http://palungjit.org/threads/เพียง๙๙บาทร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม-ถวายวัดถ้ำพระ-แม่ฮ่องสอน.520902/
     
  2. minute

    minute เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2011
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +368
    ลำดับที่ 2
     
  3. hnuna

    hnuna Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +95
    ลำดับที่ 3
    ขอรับด้วยค่ะ
     
  4. ชุณหภาคย์

    ชุณหภาคย์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +20
    4ครับ ชุณหภาคย์ กันแสง
     
  5. ดาบโจ

    ดาบโจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +291
    ลำดับ 5
    ด.ต.วีรชัย วงศกรรุ่งเรือง

    ขออนุโมทนาบุญ
     
  6. พลังความดี

    พลังความดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +175
    อนุโมทนาบุญครับ...

    ลำดับที่ ๖
    ชาคริต สุขแย้ม
     
  7. prasit sukkanda

    prasit sukkanda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +190
  8. แต้ม อิสระ

    แต้ม อิสระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +86
    ลำดับที่ 9
    สุวรา สีมาขันธ์
     
  9. siripas

    siripas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +730
    ลำดับ 10

    อนุโมทนาในบุญกุศลครั้งนี้ด้วยค่ะ
    สิริภัสสร์
     
  10. chinapat somtanaree

    chinapat somtanaree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +748
    ลำดับที่ 11
    ชินพัฒน์ สมธนารีย์
    ขออนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลนะครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  11. kookkai2224

    kookkai2224 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    884
    ค่าพลัง:
    +127
    ลำดับที่ 12
    อนุศักดิ์ โสภา
    10/29 หมู่2 ซ.จอมทอง13 ถ.จอมทอง
    แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กรุงเทพฯ
    10150

    ขอบคุณครับ
     
  12. thep05

    thep05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2011
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +401
    ลำดับที่ 13 ชม ดีใจ 767/1 ซอยบรมไตร21 ถนนบรมไตร 2 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000
     
  13. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
  14. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ดอกไม้หอม ไม่ต้องเอาน้ำหอมมาพรม ก็หอมเอง
    ใครห้ามไม่ได้ ซากศพไม่ต้องเอาของเหม็นมาละเลงใส่
    ก็แสดงกลิ่นศพให้ปรากฏ ปิดกันไม่ได้
    [​IMG]
    นี่คือ คติของหลวงพ่ออีกบทหนึ่ง ความหมายก็ชัดอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายเลย โบราณท่านว่าไว้ ความดี
    ความชั่ว ความมี ความจน ๔ อย่างนี้ ปิดกันไม่ได้
    นั่นคือ ความดีมันก็ดีอยู่ในตัว ถึงใครจะว่าไม่ดี ก็จะว่าได้ไม่นาน กรรมชั่วมันก็ชั่วของมันในตัวถึงใคร
    จะว่าดี มันก็ดีไม่นาน เพราะมันชั่ว ทองอยู่ที่ไหนก็เป็นทอง จะเป็นตะกั่วไปไม่ได้ หนามแหลมไม่ต้องเสี้ยม ชาด
    มันแดงของมันอยู่ในตัว ไม่ต้องเอาสีแดงไปแต้ม
    เกิดการวิจารณ์กันกว้างไกล ต่อคำว่า “ธรรมกาย” ในตอนแรก ๆ แบบต่างคนต่างว่า เสียงวิจารณ์
    ทราบไปถึงหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ว่า “ดอกไม้หอม ไม่ต้องเอาน้ำหอมมาพรม ก็หอมเอง ใครห้าม
    ไม่ได้ ซากศพ ไม่ต้องเอาของเหม็นมาละเลงใส่ ก็แสดงกลิ่นศพให้ปรากฏ ปิดกันไม่ได้”
    ครั้นมาพบคำว่า “ธรรมกาย” ในสุตตันตปิฎก ตถาคตสส วาเสฎฐ เหตํ อธิวจนํ ธมมกาโย อิติปิ
    (สามเณรวาเสฎฐ์ ธรรมกายคือตถาคต) คำวิจารณ์ก็หายไป
    เป็นข้อเตือนใจในการทำงานว่า หากการงานใด เป็นความดี เป็นความบริสุทธิ์ เป็นความถูกต้อง
    อย่าไปกลัวคำวิจารณ์
    ชีวิตคู่กับงาน ทุกคนเกิดมาต้องทำงาน หากงานที่เราทำเป็นความดี เป็นความถูกต้อง เป็นความ
    บริสุทธิ์ จงทำเถิด หากหวั่นต่อคำวิจารณ์ เราก็ไม่ต้องทำอะไร เพราะกลัวไปหมด คำวิจารณ์เราก็ต้อง
    พิจารณาด้วย เพราะความดีไม่มีในหมู่โจร คนไม่มีความรู้วิจารณ์ผู้รู้ คนความรู้ด้อยวิจารณ์
    ผู้มีความรู้สูง ทุศีลวิจารณ์ผู้ทรงศีล อาบอบนวดไปวิจารณ์ฤๅษี เอาลุงดีกลางทุ่งไปวิจารณ์
    วิทยานิพนธ์ หากเข้าตำราที่ว่านี้ ท่านว่าอย่าฟั - See more at: http://www.พุทธคุณ.net/ดอกไม้หอม-ไม่ต้องเอาน้ำ/#sthash.JKDkoKfm.dpuf
     
  15. รวีวัลย์

    รวีวัลย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +39
    ลำดับ15 ขอรับด้วยค่ะ
    สาธุค่ะ
     
  16. สสิธโร

    สสิธโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +446
    ลำดับที่ 16 ขอรับด้วยค่ะ สาธุค่ะ
     
  17. naruto47

    naruto47 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +29
    ลำดับที่ 17
    ขอรับ 1 องค์ครับ
     
  18. ChinTop

    ChinTop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    1,022
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +659
    ลำดับที่18
     
  19. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    หัวใจพระพุทธศาสนา โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    [​IMG]

    (วันสุดท้ายของการสอนพระกรรมฐานหลวงพ่อสอนเสร็จ รับของถวายเสร็จ ก็ขึ้นพัก แต่สักประเดี๋ยวเดียวหลวงพ่อก็ลงมาคุยใหม่ คนเลยยังไม่กลับหลวงพ่อท่านมักจะสบายใจมากเมื่อสอนเส ร็จวันสุดท้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคราวนี้สอนเรื่อง บารมี 10 ทั้ง 3 วันเลย แสดงว่ากำลังใจของคนดีขึ้นมาก

    มีนายทหารนอกเครื่องแบบยศพันเอกท่านหนึ่ง ได้ถือโอกาสนี้คุยกับหลวงพ่อหลายเรื่องด้วยกัน หลวงพ่อก็โปรดเมตตาตอบให้ ทำให้คิดว่าที่หลวงพ่อมาใหม่คงจะสงเคราะห์นายทหารคนน ี้เป็นแน่ รู้สึกท่านคุยดีเสียด้วยของอ่านดูนะ)

    “ได้ทราบว่าสมัยก่อน ๆ นั้น มีพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ แต่ว่าสมัยก่อนคนยังเป็นคนป่าคนดอยจะฟังธรรมะได้รู้เ รื่องหรือ….?

    โอ๊ย! เจริญเยอะ เอาอะไรมาเป็นป่า เขาเจริญกว่าเรา ใช่ไหมเล่า วิทยาศาสตร์เวลานี้ไม่ทันเขาหรอก อย่าลืมว่าวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบันนี้ถึงพันปีหรือยั ง เขาคิดเป็นหมื่นปีเขาเจริญกว่านะ

    อย่างคนสมัย พระพุทธกัสสป มีอายุ 20000 ปี ถ้าเขาเริ่มคิด 10000 ปี คนรอง ๆ มาก็ตามกันเป็นแถวใช่ไหม ถอยหลังไปดูจะเห็นว่าเขาเจริญกว่านี้มาก ของเราอย่างเก่งแค่ 40 ปีก็ตายแล้ว สมัยนั้นเป็นหมื่นปีก็มีการติดต่อกันนาน

    และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีอายุขัยยาวแสดงว่าเขามีบ ุญมาก การทำบาปเขาน้อย การละเมิดศีลเขาน้อยเต็มที สมัยนั้นมีแต่ความเยือกเย็น ความเร่าร้อนไม่มี ถ้าหากว่าคนเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าไม่ทรงอุบัติขึ้น ต้องขึ้นมีบารมีทุก ๆ แบบ บางส่วนไม่ใช่หมดทั่วโลก กลุ่มประเทศที่มีคนจะบรรลุมรรคผลได้พระพุทธเจ้าจึงตร ัสไม้งั้นท่านไม่ลงมา

    ก็แบบถ้าฝนไม่ตกเราก็ไม่รองน้ำฝน หรือถ้าฝนตกเราเอาตะกร้าไปรองมันก็ได้บ้าง สมันนั้นคนมีอายุมาก มีบุญมาก มีความเยือกเย็นมาก ในเมื่อจิตใจเขาเยือกเย็นมากกว่า เขาก็บรรลุมรรคผลมากกว่า

    อย่าง พระพุทธกัสสป ท่านประกาศพระศาสนาเองตั้ง 10000 ปี ถ้าพระพุทธเจ้าเทศน์เองอย่าห่วง ถ้าคนไม่บรรลุมรรคผลที่ไหนท่านก็ไม่ไป

    ตอนเช้ามืดท่านใช้อำนาจพระพุทธญาณ วันนี้จะมีใครบรรลุมรรคผลบ้าง เห็นหน้า เห็นชื่อ รู้สถานที่อยู่ รู้บุญเก่า แล้วท่านก็ไปแคะของเก่า คนก็บรรลุมรรคผลทันที รวมความว่าคนจะบรรลุมรรคผลมาก ท่านจึงอยู่นาน

    “แล้วแนวการสอนที่ท่านตรัส เข้าใจว่าเป็นแนวกันทุกองค์เลยใช่ไหมครับ ?”

    พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างนี้
    “สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง”
    แนะนำให้ทุกคนไม่ทำความชั่วทุกประเภท

    “กุสลัสสูปสัมปทา”
    แนะนำให้ทุกคนทำแต่ความดี

    “สจิตตะปริโยทะปะนัง”
    นำให้ทุกคนทำจิตใจให้แจ่มใสจากกิเลส

    “เอตัง พุทธานะสาสะนัง”
    ทรงยืนยังว่าพระพุทธเจ้าทุกองค์ตรัสอย่างนี้เหมือนกั นหมด ที่ใครเขาบอกให้แต่ง หัวใจพระศาสนา อันนี้แหละ หัวใจพระศาสนา

    ถ้าบอกว่า อริยสัจ อันนั้นไม่ใช่ ที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาใครบรรลุใหม่ ๆ ใครได้พระโสดาบันก็ส่งไปเลย ใครเป็นพระอริยเจ้าท่านส่งไปประกาศพระศาสนาทุกองค์ แต่ว่าการส่งไปท่านยังไม่แนะนำในการสอนคน แต่อย่าลืมว่าพระอริยเจ้าท่านสอนไม่ผิด พอถึงกลางเดือน 3 พระทั้งหมดมาประชุมกัน ท่านก็เลยประกาศ เอ้า! สอนให้เหมือน ๆ กันนะ เอาอย่างนี้นะ

    “สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง”
    เธอจงแนะนำให้คนละจากความชั่วทุกอย่าง

    “กุสลัสสูปสัมปทา”
    แนะนำให้ทุกคนทำแต่ความดี

    “สจิตตะปริโยทะปะนัง”
    แนะนำให้ทุกคนทำจิตใจให้แจ่มใสจากกิเลส

    ทรงยืนยัน”เอตัง พุทธานะสาสะนัง”
    พระพุทธเจ้าทุกองค์ตรัสอย่างนี้เหมือนกันหมด

    “กระผมเคยถามพระพุทธองค์ว่าทำไมทุกคนตั้งใจปฏิบัติเพ ื่อมรรคผลนิพพานโดยตรง ทำไมถึงยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ท่านตรัสว่า ที่ยังไม่ได้เพราะกาลเวลายังไม่ถึง มันเกี่ยวกับกาลเวลาด้วยหรือครับ ?”

    มรรคผลกับกาลเวลา
    เดี๋ยว! คำว่า กาลเวลา แปลว่า บุญเก่าที่ทำไว้แล้ว ยังเข้ามารวมตัวไม่พอ ยังไม่ครบ และก็บุญที่เข้ามาก็กำลังไม่แก่กล้าพอ และก็ประการที่ 3 ไอ้บาปที่เราทำไว้แต่ชาติปางก่อนมันขวางหน้า ไอ้ตัวนี้มาก่อน ถ้าจะถามว่าขวางเวลาไหนก็ต้องดูกาลเวลาของมัน ถ้ามันขยายตัวเมื่อไหร่ บุญเก่ากับบุญใหม่ชนกันเมื่อไร ก็เป็นพระอรหันต์เมื่อนั้น

    “หมายความว่าเราต้องรออายุขัยของแต่ละคนที่ไม่เท่ากั นหรือครับ ?”

    ไม่ใช่ รอกาลเวลาที่บุญจะเข้ามาถึง
    ดูตัวอย่าง อย่าง ราธพราหมณ์ อยู่ในสำนักของพระพุทธเจ้าเองถึง 3 ปี พระพุทธเจ้าท่านเห็นหน้าอยู่เสมอ แต่วาระยังไม่เข้ามาถึง พอตอนเช้ามืด ท่านก็ตรวจอุปนิสัยของสัตว์ ก็ทรงทราบว่า พราหมณ์นี้จะเป็นอรหันต์ภายในไม่ช้านี้ หลังจากท่านแสดงธรรมแล้ว ตอนเย็นท่านก็เดินอ้อมวิหารไปทำเหมือนว่าเดินเล่น

    ในเมื่อพระพุทธเจ้าเดินเล่นเรื่อยไป พระก็ต้องตามไป ก็พอดี ราธพราหมณ์ กินข้าวเสร็จ ล้างถ้วยล้างชาม เอาของที่เหลือมาเท เอาน้ำล้างชามมาเท

    พระพุทธเจ้าเสด็จถึงพอดี ก็ทรงหยุดถามว่า”พราหมณ์ เธออยู่เพื่ออะไร”
    พราหมณ์บอกว่า “เวลานี้ผมเป็นวิทาสาโท เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าข้า”

    ท่านถามว่า “ทำไมจึงมาอยู่ที่นี่”
    พราหมณ์ก็บอกว่า “อยากบวชครับ! แต่ไม่มีใครบวชให้พระพุทธเจ้าข้า”

    ท่านก็ถามพระว่า
    “ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ใครรู้คุณของพราหมณ์คนนี้บ้าง พราหมณ์คนนี้เคยมีคุณกับใครบ้าง”
    ก็มี พระสารีบุตร นั่งกระหย่งยกมือไหว้ บอกว่า
    “ข้าพระพุทธเจ้ารู้คุณพราหมณ์พระพุทธเจ้าข้า”

    พระพุทธเจ้าถามว่า
    “พราหมณ์คนนี้ มีคุณกับเธอเมื่อไหร่”
    พระสารีบุตร ก็กล่าวว่า “ในสมัยที่พราหมณ์ยังอยู่ที่บ้านพระพุทธเจ้าบิณฑบาตผ ่านไป เมื่อพราหมณ์เห็นก็ใส่บาตรให้ทัพพีหนึ่งถือว่าเป็นผู ้มีคุณ”

    พระพุทะเจ้าตรัสว่า “สารีปุตตะ ดูก่อนสารีบุตร บุรุษที่มีความกตัญญูกตเวทีเป็นคนดี เพราะฉะนั้น เธอจงเป็นอุปัชฌาย์บวชให้พราหมณ์”

    พอบวชแล้ว ราธพราหมณ์ ก็ไปจำพรรษา พระพุทธเจ้ากับพระสารีบุตร จำพรรษาอยู่กันคนละที่ เวลาออกพรรษาก็มาเฝ้าพระพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าถามว่า
    “ลูกศิษย์ของเธอดื้อด้านหรือว่าง่าย”
    พระสารีบุตร บอกว่า “ว่าง่ายเหลือเกินพระพุทธเจ้าข้า แนะนำว่าสิ่งไหนไม่ดีไม่ทำสิ่งนั้นมันอะไรดีทำแน่”
    เพราะฉะนั้นจึงเป็นพระอรหันต์เร็ว ก่อนจะมาก็เป็นอรหันต์แล้วนะ ต้องอยู่ถึง 3 ปี นี่ยังไกลนะ

    อีกองค์หนึ่งชื่อ วักกลิ นี่ใกล้มาก เวลาที่พระพุทธเจ้ารูปทรงสวยเสียงก็เพราะและ ก็มีฉัพพรรณรังสี ท่านบวชแล้วท่านไม่สนใจในธรรม
    เวลาที่พระพุทธเจ้าท่านเทศน์ท่านก็ไปสนใจความสวยอย่า งเดียว ดูอย่างนี้ถึง 3 ปี ถ้าจะถามว่า ทำไมพระพุทธเจ้าไม่เตือน ก็เพราะเวลามันยังไม่ถึง

    การสอนตามระดับกำลังใจ
    พอถึง 3 ปี ครบเต็มแน่ พระพุทธเจ้าเห็นว่า พระวักกลิ มีบารมีเต็มแน่ แต่ว่าการสอนธรรมดา พระวักกลิ ไม่บรรลุผลแน่ ต้องใช้วิธีรุนแรง

    จึงเรียก พระวักกลิ เข้ามาบอกว่า
    “วักกลิ เธอเป็นโมฆบุรุษเป็นคนผู้ไร้ประโยชน์อยู่กับตถาคต ตั้ง 3 ปี ไม่บรรลุมรรคผล อัปเปหิ จงไปจากที่นี่ พอพระพุทธเจ้าขับ พระวักกลิ ก็คิดว่า ถ้าจะกลับไปบ้านเพื่อนที่มาด้วยกัน ก็เป็นพระอรหันต์ไปหมด ตัวเองไม่ได้เป็นอรหันต์ ก็ชาวบ้านเขา จะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไม่ได้ ทำยังไง ตายดีกว่า ตายดีกว่า ก็ขึ้นยอดเขาตั้งใจ จะโดดเขาตาย

    ความตั้งใจจะโดดให้ตาย มันไม่ห่วงร่างกายแล้ว
    คราวนี้แหละ ความเป็นอรหันต์มันอยู่ตรงนั้น

    พอตัดสินใจว่าจะโดดเข้า พระพุทธเจ้าเปล่งฉัพพรรณรัศมี 6 ประการพุ่งเข้าไปข้างหน้า ก็เหมือนพระองค์นั่งข้างหน้า พอเห็นพระพุทธเจ้ามา พระวักกลิ ก็ยั้งไม่โด พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    “วักกลิ บุคคลใดเห็นธรรม บุคคลนั้นเห็นเราตถาคต”
    เท่านี้เอง พระวักกลิ เป็นพระอรหันต์เลย

    อารมณ์สุดท้ายคือไม่ห่วงร่างกาย
    การสอน ถ้านิ่มนวลไม่มีผล เพราะว่าท่านเกาะร่างกายพระพุทธเจ้า เกาะร่างกายไม่ใช่เกาะธรรมะ ถ้าขืนเทศน์แกก็ไม่เป็นพระอรหันต์ จึงต้องหาวิธีการให้ตัดร่างกาย ถ้าอารมณ์ก็จะถึง “รวมความว่า คนที่มีของเก่าตามมา ก็ใช้กำลังจิตเพียงเล็กน้อย ทีนี้ตอนที่พิสูจน์อยากทราบว่า อย่างตอนที่เห็นองค์ท่านหรือเห็นแสงกลม ๆ ขาดใหญ่ ๆ ในขณะทำใจสบาย ๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า แสงที่เห็นเป็นแสงของใคร ผมถามท่าน ๆ ก็ทรงเฉยๆ..? ” เราไม่รู้ว่าเป็นแสงของใคร ก็นึกว่าเป็นแสงของเราก็หมดเรื่อง แต่ก่อนที่จะภาวนานึกถึงใครล่ะ ?
    “นึกถึงพระพุทธเจ้า”

    อ้าว ! แล้วแสงใคร ถ้าเรานึกถึงใครก็เป็นแสงของบุคคลนั้น ถ้าแสงสว่างจ้ามากแสดงว่าจิตใจเราสะอาดมาก
    - See more at: http://www.พุทธคุณ.net/หัวใจพระพุทธศาสนา-โดยห-2/#sthash.D9dbilx1.dpuf
     
  20. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    แจกหลวงปู่ทวดไหลน้ำพี้

    ลำดับที่ 19

    ปัทมา สุมาลย์กันต์

    32/20 ม.3 ต.หัวรอ อ.อยุธยา จ.อยุธยา 13000


    ขอบคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...