ติดตามสถานะการณ์

MySci

แคลิฟอร์เนียเจอความแห้งแล้งหนัก



ด้านตะวันตกของอเมริกาเผชิญภัยแล้งหนักสุดในรอบหลายปี เมื่อ 2 ใน 3 ของพื้นที่เริ่มขาดแคลนน้ำในการทำฟาร์มและเพาะปลูก แคลิฟอร์เนียเจอหนักสุดด้วยหิมะบนยอดเขาเริ่มหายไปมาก และแน่นอนนี่คือผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศโลกและภาวะโลกร้อน

 

MySci

ทะเลสาบสีชมพูฮิลลีเออร์



อยู่ในประเทศออสเตรเลีย สีชมพูของทะเลสาบไม่ได้เกิดจากมลภาวะ แต่เกิดจากสาหร่ายสีเขียวที่มีชื่อว่า Dunaliella salina แฮโลแบคทีเรียมหรืออาเคียร์สังเคราะห์แสงชื่อว่า Cutirubrum และไรทะเล(Brine prawn) จำนวนมากรวมกันอยู่ และเมื่อน้ำในทะเลสาบมีระดับความเค็มมากกว่าน้ำทะเล อุณหภูมิสูงมากพอและมีแสงแดดอ่อนๆ สาหร่ายที่อยู่ในทะเลสาบจึงเริ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงสีแดง จนทำให้น้ำเหมือนเป็นสีชมพูนั่นเอง

 

MySci

ทุกๆ 1 วินาทีมีรังสีคอสมิคถึง 10,000 สายพุ่งกระทบพื้นโลกทุกๆตารางเมตร



รังสีคอสมิคคืออนุภาคพลังงานสูงจากอวกาศ 90% ของรังสีพวกนี้เป็นโปรตอน 9% เป็นนิวเคลียสของฮีเลียม และ 1%เป็นอิเล็กตรอน เมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบคำตอบบางส่วนว่ารังสีคอสมิกมีที่มาจากซากซุปเปอร์โนวา รังสีพวกนี้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอโดยตรง ด้านดีคือทำให้สิ่งมีชีวิตปรับสภาพกับความเปลี่ยนแปลง ข้อเสียคือเมื่อพุ่งผ่านมนุษย์แล้วมีโอกาสไปทำลายนิวเคลียสที่เป็นที่เก็บของดีเอ็นเอ ซึ่งก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งได้

http://fb.com/myscitv
nextstetptv.com

 

MySci

Carina Nebula จาก ฮับเบิล



เนบิวลากระดูกงูเรือ (Carina Nebula) เป็นเนบิวลาสว่างขนาดใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ กระจุกดาวเปิด Eta Carinae และHD 93129A สองดาวส่วนใหญ่และสว่างในทางช้างเผือกของเราอยู่ในหมู่พวกเขา เนบิวลานี้อยู่ห่างระหว่างประมาณ 6,500 กับ 10,000 ปีแสงจากโลก

http://fb.com/myscitv
nextstetptv.com

 

MySci

ต้องใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะเดินทางไปถึงดาวอังคาร



ขั้นแรก เราต้องเข้าใจก่อนว่าระยะห่างระหว่างวัตถุในอวกาศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากวัตถุทุกๆชิ้นเคลื่อนที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ไม่มีวันหยุด ในทางทฤษฏีดาวอังคารเคยใกล้โลกที่สุดในเมื่อปี 2003 ด้วยระยะทาง 56 ล้านกิโลเมตร และด้วยยานอวกาศที่เร็วที่สุดที่มนุษย์โลกเคยคิดค้นสามารถเดินทางด้วยความเร็ว 58,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้นเราจะสามารถไปดาวอังคารโดยใช้เวลาเร็วที่สุดคือ 39 วัน แต่ทว่าโดยระยะทางณ ปัจจุบัน เราต้องใช้เวลาประมาณ 162 วัน

http://fb.com/myscitv
nextstetptv.com

 

MySci

ของขวัญจากมนุษย์สู่โลก



ไม่นานมานี้ Google ได้ปล่อยภาพพื้นผิวโลกบางส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากตลอดปี 1984 – 2012 โดยใช้ชื่อว่า Humanity’s Impact on the Earth in GIF ซึ่งถือเป็นภาพที่หดหู่ภาพนึงเช่นกัน
ดูแบบ GIF: Humanity’s Impact on the Earth in Gifs

http://fb.com/myscitv
nextstetptv.com

 

ตำนาน,เรื่องเล่า,สิ่งเหนือธรรมชาติ
15 กุมภาพันธ์
‘รัก..แดงที่สุด‘ โศกนาฏกรรมรักครูกับศิษย์?
........
แอดมิน Jesus Apple
.........
กลายเป็นอีกหนึ่งกรณีที่ถูกขึ้นเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วประเทศเช้าวันนี้ สำหรับกรณี อดีตครูพละวัย 58 กับ เด็กนักเรียนสาววัย 15 รายหนึ่งใน จ.ลำปาง ที่สุดท้ายแล้วนั้น บทสรุปทั้งหมด จบลงด้วย..โศกนาฏกรรม
หากประมวลเรื่องราวทั้งหมด จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อราว 4 ปีก่อน แต่เหตุอื้อฉาวนั้นถูกเปิดเผย เมื่อเดือน มีนาคม 2553 พ่อแม่ของเด็กสาว เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ครูแดง ในข้อหาข่มขืนลูกสาวและถ่ายคลิปเก็บไว้ข่มขู่ จนกระทั่งครูแดงถูกไล่ออกจากราชการและใช้เงินสดประกันตัวเองออกไป ก่อนจะหายตัวไปแรมปี แต่คดียังคงอยู่ในชั้นศาลจังหวัดลำปาง
จนกระทั่งวันที่ 21 สิงหาคม 2554 ครูแดงได้พาเด็กสาวหนีไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนที่เด็กสาวจะโทรศัพท์กลับมาหาพ่อแม่ พร้อมสั่งให้ถอนแจ้งความครูแดง จึงทำให้พ่อแม่รีบเข้าแจ้งตำรวจให้สืบสวนตามตัวลูกสาวทันที
ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2554 ตำรวจสามารถแกะรอยตามจับตัว ครูแดง พร้อมกับเด็กสาวได้ที่หอพักแห่งหนึ่งใน จ.ปุทมธานี และนำตัวไปฝากขังที่ สภ.เถิน จ.ลำปาง แต่ครูแดงก็ใช้ผ้าผูกคอตายอยู่ภายในห้องขัง และวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา เมื่อเด็กสาวทราบข่าวว่า ครูแดงได้เสียชีวิตแล้ว จึงเริ่มมีอาการซึมเศร้า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่แม่ไม่อยู่บ้าน ผูกคอตัวเองตายตามไปอีกราย
"รู้เปล่าฉันหึงหวงเธอ เธอคือผู้ที่ให้กำลังใจแก่ฉันเสมอมา อดีตสามีเก่า Love D ที่สุด"
นั่นคือข้อความที่ระบุเอาไว้หลังภาพถ่ายคู่กันของครูแดงและเด็กสาว ซึ่งกลายมาเป็นข้อฉงนสงสัยทันทีว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็น "การล่วงละเมิดทางเพศ" หรือ "รักต้องห้ามระหว่างครูกับศิษย์"
ความสัมพันธ์ระหว่างครูกับศิษย์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นวงในสังคม เรื่องราวเหล่านี้ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วทุกมุมโลก

อย่างกรณีที่เกิดขึ้นจริง เมื่อราวสิบปีก่อน กับครูสาวอเมริกันวัย 35 ปี "แมรี่ เคย์ ชมิทซ์" ที่ถูกจับได้ว่าแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเด็กนักเรียน "วิลลี ฟีลลัวร์" อายุ 14 ปี (ในขณะนั้น) จนตั้งครรภ์ ทั้งที่เธอแต่งงานและมีบุตรแล้ว 4 คน
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะย้ำตลอดว่า ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความรัก แต่การกระทำผิดทำนองคลองธรรม และวัยวุฒิที่แตกต่างกัน สังคมจึงเล็งโทษโจษจันทั้งคู่อย่างหนัก จน แมรี่ เคย์ ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด ต้องโทษจำคุกเกือบ 8 ปี

ซึ่งภายหลัง 8 ปีจากการถูกจองจำ เธอ กับ วิลลี่ ฟีลลัวร์ อดีตนักเรียน (ในขณะนั้นมีอายุ 21 ปี) ตัดสินใจแต่งงานและมีบุตรด้วยกัน 2 คน แม้ว่าในวันนี้ ทั้งคู่จะกลายเป็นเพียงแค่คู่รักต่างวัย แต่สำหรับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ในอดีต ยังคงติดเป็นตราบาป และยังไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมจนถึงทุกวันนี้

แต่สำหรับกรณีของ ครูแดงกับเด็กสาว ท้ายที่สุดแล้ว อาจจะกลายเป็น "โศกนาฎกรรม" ชวนสงสัย?
เนื่องจากที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่างๆ มักถูกเปิดเผยจากผู้เป็นพ่อและแม่ของเด็กสาวเพียงแต่ฝ่ายเดียว ส่วนพยานหรือฝ่ายตรงข้าม ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงใหม่ๆ ออกมา ขณะที่ ความจริง หรือ ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนที่เป็นปมประเด็นหลักของเหตุการณ์นี้ ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้ถูกเปิดเผย และอาจจะสูญหายไปพร้อมกับการจบชีวิตของพวกเขาด้วย

อย่างไรก็ตาม "ความรัก" เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ทุกช่วงอายุ "ความรักต่างวัย" ไม่ใช่สิ่งที่ผิด
เพียงแต่ว่าปลายทางของการสมสู่นั้น มักตั้งอยู่บน "บรรทัดฐานทางสังคม" และ "ความเหมาะสม" ที่สังคมส่วนใหญ่สามารถยอมรับได้นั่นเอง
ไม่ว่า "รักต้องห้ามระหว่างครูกับศิษย์" หรือ "ล่วงละเมิดทางเพศ" บทสรุปจะเป็นกรณีใด? แต่ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็น "ปัญหา" ที่เรื้อรังอยู่ภายในสังคมและเกิดขึ้นเป็นประจำรายวันเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ความจริงแล้ว มันเป็นปัญหาที่ควรเร่งแก้ไขและป้องกันไม่ใช่หรือ?

‘รัก..แดงที่สุด‘ โศกนาฏกรรมรักครูกับศิษย์?

 

Piyacheep S. Vatcharobol



ตั้งแต่ช่วงเช้า เกาะแว๊ก ยังไม่สงบนิ่ง เกาะนี้อยู่ระหว่าง ฮาวายกับ ฟิลิปินส์
สถานการณ์โดยทั่วไปยังสงบยิ่งเงียบแบบผิดปกติ มันนิ่งมากไปครับ
GSN Heliplots

 

Piyacheep S.Vatcharobol

ต้องดูคลิปวีดิโอให้จบนะครับ สรุปข้อมูลดีมาก
สามารถตอบโจทย์การเมืองระหว่างประเทศ
และความวุ่นวายทางการเมืองของสยามประเทศ
พม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม และมาเลเซียได้เป็นอย่างดี

หากเวลานิ่งๆ ตั้งสติให้ดี แบบสมองโปร่งโล่งจริงสักครูนะครับ
ฤดูหนาวของเราปีนี้ ไม่ว่าท่านจะอยู่จังหวัดไหนของประเทศ
มันแปลกๆกว่าที่ผ่านๆมาไหม ???
มันยาวนานกว่าไหม ????
มันหนาวกว่าไหม ???
แล้วมันหมดสิ้นฤดูหนาวไปกันแล้วหรือยัง ????

กลางวันท่านอาจจะร้อนตับแล็ป แล้วกลางคืนถึงเช้าหละ ???
ต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ รอบๆตัวท่าน ออกดอก แตกยอดแบบไหน ?

หากท่านติดตามข้อมูลพิบัติภัยจากผมจาก ดร.ก้องภพ มาต่อเนื่อง
ท่านลองนึกย้อนหลังไปนะครับว่า จุดดับบนดวงอาทิตย์นั้น
เคยเกาะกลุ่มเป็นแนวระนาบเกือบเป็นเส้นเดียวกันกับ
เส้นศูนย์สูตรของดวงอาิทตย์ไหม ?? คำตอบคือ ไม่เคยนะครับ

จุดดับต่างๆจะกระจายไปทั่วๆ ใกล้ขั้วเหนือ ใกล้ขั้วใต้
สะเปะสะปะไปไม่แน่นอน
แล้วจุดดับที่มาเรียงตามเส้นศูนย์สูตรนี้เกิดมานานเท่าไหรแล้ว ???
ทำไมถึงเกิดเฉพาะแนวเส้นศูนย์สูตรเท่านั้นมนช่วงระยะเวลานี้

ผลกระทบที่แน่นอนคือว่า พลังงานที่เกิดอยู่ตลอดเวลา
ทำมุมตรงมายังโลก ระยะทางก็ใกล้โลกมากที่สุด

ผลกระทบที่แน่นอนคือว่า การระเบิดแล้วปล่อยพลังงานออกมา
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดๆ ก็จะตรงมายังโลกตลอดเวลา
ด้วยความเร็วและความแรงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าใกล้โลก

หากท่านติดตามเรามาตลอด ท่านจะเข้าใจว่า
การคาดการณ์ของ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ที่ท่านคาดการณ์มานานมากแล้วนั้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ หรือ ค.ศ. 2009 นั้น
ท่านคาดการณ์และบอกเราเสมอว่า 2013-2015
เป็นช่วงเวลาที่จะเกิดมหาภัยพิบัติใหญ่กระทบไปทั้งโลก
แล้วต่อมา NASA ก็ออกข่าวคาดการณ์อย่างเป็นทางการเช่นกัน

กระแสข่้าวเผ่ามายา 2012 เป็นการเล่นข่าวของสื่อไปทั่วโลก
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อะไรสามารถเกิดได้ทุกเวลา
นาที่นี้ ชั่วโมงนี้ อ่านๆอยู่ แผ่นดินไหว อุกาบาต ตกใส่ก็ไม่มีใครตอบได้ว่าเราจะตายเมื่อไหร

เมื่อ ดร.ก้องภพ คาดการณ์ได้ เมื่อนักวิทยาศาสตร์นาซาคาดการณ์ได้ เมื่อนักวิทยาศาสตร์และผู้คนที่สนใจทั่วโลกศึกาาและวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ ผลสรุปที่ออกมาคือ มันจะเกิด

การเตรียมตัว การเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งที่ควรกระทำเมื่อมีโอกาส อย่าคิดว่า ไม่เห็นเกิดเลย ไหนว่าจะเกิด

ท่านคิดว่า เหล่านักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่าที่คาดการ์ได้ คำนวนได้ ว่าอะไรใหญ่ๆจะเกิดมาล้างผลาญสิ่งมีชีวิตบนโลก แล้วเขาเหล่านั้นจะกลัวตายไหม?? พร้อมที่จะตายไหม???

คำตอบคือกลัว คือ ยังไม่พร้อมที่จะตาย
หรือ ง่ายๆ คือไม่อยากตายใช่ไหมครับ

ดังนั้น เขาเหล่านั้น จะคิดวิธีทำอย่างไรไม่ให้มันเกิดไหม?
ทำอย่างไรให้มันเบาบางลงไหม? และทำอย่างไรถึงจะรอดไหม?

นั่นคือที่มาที่ไปของภัยต่างๆ
ที่คาดว่าจะเกิดแล้วไม่เกิด
ที่ว่าจะเกิดหนักแล้วไม่หนัก
ทำให้หลายคนที่ติดตามกันมาไม่สำเนียก

ดูคลิปวดีิโอนะครับ ไม่รู้ภาาาอังกฤษก็ดูภาพเอา
หรือหาผู้รู้มาดูร่วมแล้วศึกษากันนะครับ

ที่ผ่านๆมาพวกเราก็เอามาป้อนกันตลอด
อย่าถึงกับให้ต้องเคี้ยวและ
ประกบริมฝีปากเอาลิ้นดุ้นดันให้เลยนะครับ

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/a6ZjqlEPNCY?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ภัยหนาว นี้หลายสิบปี ปัจจัยสี่เตรียมให้พร้อม ก็ยังดีนะครับ — กับ Piyacheep S. Vatcharobol

 

In & Outside World

 

In & Outside World

13 กพ 14 ***



นักวิทย์ เปิดข้อมูล ที่รวบรวม ระยะเวลา 5 ปี
จากภาพ ระบบแม่เหล็กนอกเหนือจากSolar Wind ที่กระทำต่อโลก
..ลูกศร สีแดง แนวSolar Wind
ทำให้ ทราบว่า รังสีคอสมิกมาจากที่อื่น ๆ ในทางช้างเผือก
และสามารถ ตอบ คำถาม ได้ ว่า ทำไม รังสี จากพระอาทิตย์ มาสู่ โลก จึงมากขึ้น

(กระจ่าง ที่ละนิด 555)

IBEX Helps Paint Picture of the Magnetic System Beyond the Solar Wind

 

Newsmania

ถอนทุนค่าดอกกุหลาบ ดินเนอร์ใต้แสงเทียน ของขวัญต่างๆกันได้มั้ย?
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557

 

วอนช่วยน้องภู ป่วยมะเร็ง ต้องควักลูกตา
17 ก.พ. 57 11.29 น.



แม่วอนช่วย น้องภู ลูกชายวัย 1 ขวบ ป่วยเป็นมะเร็งที่ลูกตา แพทย์ต้องควักลูกตาออกเพื่อไม่ให้เชื้อลาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (17 ก.พ.) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 นำเสนอข่าว นางชะลอ สะลาแก้ว อายุ 46 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 652 ชุมชนหมู่บ้านเปรมปรีด์ ซอยรังสิต-นครนายก 54 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี แจ้งว่า ด.ช.ปกรณัม สะลาแก้ว หรือ น้องภู ลูกชายวัย 1 ขวบ 8 เดือน ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ลูกตาข้างซ้าย จึงอยากขอความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานในเรื่องการรักษา และการขอรับบริจาคลูกตาเด็ก หวังให้น้องภูกลับมามองเห็นอีกครั้ง

จากการสอบถาม นางชะลอ กล่าวว่า ทางครอบครัวเพิ่งทราบผลการตรวจจากแพทย์เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา แพทย์แจ้งว่าต้องรีบทำการผ่าตัดลูกตาของน้องออกในวันที่ 20 ก.พ. เนื่องจากเชื้อของมะเร็งลามถึง 80% ก่อนหน้านี้น้องภูเป็นเด็กร่าเริงเหมือนเด็กปกติทั่วไป ไม่ค่อยป่วยหนัก แต่มักจะเป็นโรคหอบอยู่บ่อยๆ พักหลังเริ่มมีขี้ตาเยอะ และน้ำตาไหล จึงพาไปหาหมอและรับยามารักษาที่บ้าน กระทั่งลูกสาวคนโตอายุ 22 ปี เห็นผิดปกติ จึงค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตพบว่าน้องชายมีอาการคล้ายเป็นมะเร็งที่ตา จึงรีบพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลศิริราช

ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!!

วอนช่วยน้องภู ป่วยมะเร็ง ต้องควักลูกตา

 

ตำนาน,เรื่องเล่า,สิ่งเหนือธรรมชาติ
เพราฉันอยากจะเรียนหนังสือ คุณถึงได้ฆ่าฉันตาย


.........
เด็กหญิงปากีสถานถูกยิงหัวเพราะอยากไปโรงเรียน
.........
แอดมิน Jesus Apple
.........
มาลาลา ยูซาฟไซ เป็นเด็กหญิงชาวปากีสถาน อาศัยอยู่ในเขตสวัต เมื่อเธออายุ 11 ปี กลุ่มก่อการร้ายตาลีบันได้แผ่อิทธิพลมาถึงเขตที่อยู่ของเธอ และประกาศห้ามเด็กผู้หญิงทุกคนไปโรงเรียน

มาลาลาบันทึกเรื่องของเธอลงเป็น blog ของเว็บไซต์ BBC เรื่องราวนั้นได้รับการสนใจอย่างมาก ไม่นานหนังสือพิมพ์นิวยอร์ดไทม์ได้มาถ่ายทำสารคดีชีวิตของเธอ ทำให้เธอมีชื่อเสียง และได้รับเสนอชื่อให้เข้ารับรางวัลเยาวชนเพื่อสันติภาพ

กลุ่มตาลีบันพยายามข่มขู่เธอหลายครั้ง เมื่อไม่สามารถหยุดเธอได้ พวกเขาจึงส่งคนมาสังหารเธอ

วันเกิดเหตุมือสังหารจี้รถให้หยุดแล้วขึ้นไปกล่าวว่า "คนไหนคือมาลาลา ถ้าไม่มีใครรับฉันจะฆ่าพวกแกทุกคน" จากนั้นพอทราบตัวมาลาลาจึงได้ยิงเข้าที่ศีรษะ

กระสุนทะลุผ่านศีรษะของมาลาลา ทำให้สมองซีกซ้ายได้รับบาดเจ็บ เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที นอกจากมาลาลาแล้ว เพื่อนเด็กนักเรียนสองคนในรถก็ได้รับบาดเจ็บจากการยิงด้วย

อาการของมาลาลาอยู่ในขั้นวิกฤต เป็นตายเท่ากัน แพทย์พยายามช่วยเหลือผ่าตัดหลายครั้งจนช่วยชีวิตไว้ได้

หลังรอดชีวิตชื่อเสียงของมาลาลากระจายไปมากกว่าเดิม เธอได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการถูกกดขี่
ในปี 2013 นี้เธอยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งจะประกาศผลในเดือนตุลาคม

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำร่างของมาลาลาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปส่งที่โรงพยาบาล ทหารในเมืองเปชวาร์เพื่อเข้ารับการผ่าตัดด่วน ซึ่งแพทย์บอกกับผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาว่า “โชคดีที่วิถีกระสุนไม่ได้ผ่านสมอง” “สมองของเธอปลอดภัย” แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เมื่อประธานาธิบดี อาซีฟ อาลี ซาร์ดารี ของปากีสถานทราบข่าว ก็ได้ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้มาก ขณะนั้นท่านได้เตรียมการไว้ว่าหากเธออยู่ในขั้นโคม่า ต้องได้รับการผ่าตัดที่ยุ่งยากซับซ้อน ท่านก็จำเป็นต้องส่งตัวเธอไปรักษาที่ประเทศอังกฤษ และจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อช่วยชีวิตเธอให้ได้ หลังเกิดเหตุ โฆษกของกลุ่มตอลีบันได้ออกมายอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้นทันที แถมขู่สำทับด้วยว่า...จะโจมตีเธออีก หากเธอรอดชีวิต

กลุ่มตอลีบันโกรธแค้นมาลาลามากที่ไปสนับสนุนประเทศตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกา มีความนิยมชมชอบในตัวประธานาธิบดีบารัก โอบามา ส่งเสริมวัฒนธรรมทางตะวันตกในบริเวณพื้นที่ พัชทุน (Pashtun areas) และยังชอบพูดต่อต้านกลุ่มตอลีบัน เด็กหญิงมาลาลา ยูซาฟไซ มีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองมิงโกรา (Mingora) ในเขตอำเภอสวัต (Sawat District) จังหวัดไคเบอร์ พัคทูงหวา (Khyber Paktoonkhwa) ซึ่งเป็นเมืองชายแดนในหุบเขาสวัต (Sawat Valley) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน พ่อของเธอ ไซอุดดิน ยูซาฟไซ เป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง และเป็นนักเคลื่อนไหวที่ต่อสู้เพื่อสิทธิทางการศึกษามาตลอดจนเคยถูกกลุ่มตอลีบันขู่ฆ่ามาแล้ว พ่อกับแม่ต่างสนับสนุนให้ลูกสาวเขียนบล็อกรณรงค์เรื่องสิทธิสตรีให้เด็กผู้หญิงสามารถเข้าเรียนหนังสือได้เช่นเดียวกับเด็กผู้ชาย มาลาลาในวัยเพียง ๑๑ ขวบ เริ่มพูดอังกฤษได้บ้างแล้วได้ใช้วิธี “รณรงค์เพื่อสิทธิสตรี” ด้วยการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนเธอได้เขียน “บันทึกประจำวัน” บอกเล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ภายใต้การถูกกดขี่ของกลุ่มตอลีบันทางตะวันตกเฉียงเหนือที่มักเผาและสั่งปิดโรงเรียนในแถบนั้นทั้งหมดไว้ในเว็บไซต์ของบรรษัทการกระจายเสียงแห่งอังกฤษ (บีบีซี) ภาคภาษาอูรดู โดยใช้นามแฝงว่า “กัลป์ มาไค (GUL MAKAI)” ด้วย ในช่วงเดือนมกราคม ปี๕๒ เด็กหญิงนักต่อสู้ผู้นี้ได้ส่งข้อความในไดอารีไปยังสื่อติดต่อกันหลายครั้ง เช่น บันทึกไดอารี่ของ วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒, วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒, วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒ และวันที่ ๑๕ ม.๕.๕๒ ปรากฏรายละเอียดของข้อความดังนี้

ฉันกลัว
(๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒)
เมื่อคืนที่แล้วหนูหลับไปและฝันด้วยความหวาดกลัวเกี่ยวกับเฮลิคอปเตอร์ของทหารและนักรบตอลีบัน หนูเคยฝันเช่นนี้ตั้งแต่มีการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่หุบเขาสวัต หนูกลัวเรื่องการเดินทางไปโรงเรียน เพราะพวกตอลีบันเคยประกาศห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าเรียน ปัจจุบันที่โรงเรียนของหนูมีนักเรียนหญิง ๑๑ คน (จากทั้งหมด ๒๗ คน) ที่เข้าเรียนอยู่ และจำนวนนักเรียนก็ลดลงเรื่อย ๆ จากประกาศ (คำสั่ง) ห้ามดังกล่าวของตอลีบัน
เมื่อหนูเดินทางกลับบ้าน หนูได้ยินชายคนหนึ่งพูดว่า “ฉันจะฆ่าแก” ทำให้หนูต้องวิ่งหนีโดยเร็วด้วยความกลัว และได้ยินทหารพูดทางโทรศัพท์เคลื่อนที่สร้างความตระหนกตกใจแก่นักเรียนคนอื่นอย่างมาก
ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๕๒ทหารตอลีบันเข้าควบคุมหมู่บ้านในหุบเขาสวัตได้ทั้งหมดและเข้มงวดกวดขันในเรื่องการแปลหรืออธิบายกฎหมายอิสลาม (SHARIA LAW) ตลอดจนห้ามผู้หญิงไปตลาดหรือซื้อสิ่งของในตลาดด้วย
อย่าแต่งกาย
ด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาด
(๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒)
หนูเตรียมตัวจะไปโรงเรียน และกำลังแต่ตัวด้วยเครื่องแบบนักเรียน แต่หนูจำได้ว่าอาจารย์ได้บอกนักเรียนว่าอย่าแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักเรียน แต่ให้แต่งเสื้อผ้าธรรมดาแทน ดังนั้นหนูจึงตัดสินใจแต่งชุดสีชมพูที่หนูชอบไปแทน นักเรียนคนอื่นๆ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหลากสี แต่พอไปถึงโรงเรียน คุณครูก็สั่งพวกเราไม่ให้ใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันฉูดฉาด เพราะจะเป็นเป้าให้พวกตอลีบันโจมตีได้

ฉันอาจไม่ได้ไปโรงเรียนอีก
(๑๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒)
หนูอารมณ์ไม่ดีเลยขณะเดินทางไปโรงเรียน เพราะวันหยุดเรียนในฤดูหนาวจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ อาจารย์ใหญ่ประกาศให้หยุดเรียน แต่ไม่ได้บอกว่าจะเปิดเรียนอีกเมื่อใด
เด็กนักเรียนส่วนมากไม่ได้ตื่นเต้นที่จะได้หยุดเรียน เพราะรู้ดีว่าถ้าพวกตอลีบันมีประกาศห้ามไม่ให้นักเรียนหญิงเรียนหนังสือ พวกเราก็ไม่สามารถไปโรงเรียนได้อีก หนูมีความเห็นว่าโรงเรียนควรเปิดเรียนได้ใหม่ภายในวันเดียว แต่ขณะที่หนูเดินออกจากโรงเรียน (กลับบ้าน) หนูหันมองไปที่อาคารเรียนแล้วเหมือนมีลางสังหรณ์คล้ายกับว่าหนูจะไม่มีโอกาสกลับมาเรียนที่นี่อีก

มาลาลาได้ดำเนินกิจกรรมรณรงค์เพื่อสิทธิสตรีให้ได้รับการศึกษาเรื่อยมาจนกระทั่งนิตยสารไทมส์ (TIMES) ได้นำเรื่องราวของเธอและครอบครัวไปพิมพ์เผยแพร่ในปี พ.ศ.๒๕๕๒ บรรยายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ บุคลิกของเธอ (ใบหน้ามนนัยน์ตาสีเหลืองอ่อน ชอบสะพายกระเป๋าหนังสือที่มีรูปแฮรี่ พอตเตอร์ติดอยู่) จึงทำให้เธอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

เรื่องที่ทำให้มาลาลามีชื่อเสียงก้องโลกคือ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔ อาร์คบิชอป เดสมอนต์ ตูตู แห่งแอฟริกาใต้และมูลนิธิสิทธิเด็กได้เสนอชื่อเธอเข้ารับรางวัล “สันติภาพเด็กนานาชาติ” และก่อนนี้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๓ รัฐบาลปากีสถานได้มอบรางวัล “สันติภาพแห่งชาติ” ให้แก่มาลาลา แล้วได้นำชื่อของเธอไปตั้งเป็นชื่อรางวัล รางวัลสันติภาพแห่งชาติมาลาลา (THE NATIONAL MALALA PEACE PRIZE) เพื่อมอบให้เยาวชนที่อายุต่ำกว่า ๑๘ ปีด้วย

สิ่งที่มาลาลาทำและได้ผลตอบรับทั้งหลายทั้งปวงนี้ทำให้กลุ่มตอลีบันไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งจึงหาทางกำจัดเธอ และในที่สุดก็ได้ก่อความรุนแรงขึ้นเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนต้น หลังเกิดเหตุการณ์ ประธานนาธิบดีปากีสถาน องค์กรสิทธิมนุษย์ชน และผู้นำต่างประเทศต่างๆ ได่ร่วมกันประณามกลุ่มติดอาวุธตอลีบันว่า เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนโหดร้ายทารุณ ไร้มนุษยธรรม และทางรัฐบาลปากีสถานประกาศให้รางวัล ๑๐๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๓.๒๕ ล้านบาท) แก่ผู้ที่สามารถจับกุมมือปืนที่ยิงมาลาลา ยูซาฟไซได้ และต่างภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรให้เธอปลอดภัยจากเหตุการณ์ร้ายครั้งนี้.

“สิ่งที่หนูเบื่อที่สุดคือ.....การที่ไม่มีหนังสือให้อ่าน”
นี่คือคำให้สัมภาษณ์ของมาลาลา ซึ่งจะเห็นได้ว่า เด็กหญิงคนนี้เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชนทั่วโลกจริงๆ เพราะเธอสนใจการเรียนและการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ นอกจานี้เธอยังเคยบอกด้วยว่าจะต่อสู้เพื่อการศึกษาและการทำงานให้แก่เด็กหญิงชาวปากีฯ ไปเรื่อยๆ รวมถึงเธอยังฝันอยากเป็น “นักการเมือง”อีกด้วย โชคดีที่ขณะนี้อาการของมาลาลาดีวันดีคืนขึ้นแล้ว เชื่อว่าผู้คนทั่วโลกคงได้เห็นเด็กหญิงผู้กล้าหาญคนนี้ลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่ง “การศึกษา” ของเด็กผู้หญิงปากีสถานอีกครั้ง

เครดิต Thailand South Situation ความจริงจากจังหวัดชายแดนใต้: เด็กหญิงปากีสถานถูกยิงหัวเพราะอยากไปโรงเรียน

เครดิต “มาลาลา ยูซาฟไซ” เหยื่อตอลิบาน ฉลองวันเกิดครบ 16 กล่าวสุนทรพจน์ที่ “ยูเอ็น” - Pantip

 

Time To Wake Up News ได้แชร์ ลิงก์
เมื่อสักครู่ ·
Today - about an hour from now!

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/17JIvrFR-kg?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


กลุ่มวัตถุในอวกาศ 200 EM26 จะผ่านใกล้โลกในวันนี้ 9pm ET
Watch Live! Asteroid 200 EM26 to Pass Near Earth Today at 9pm ET!

ET = Eastern Time จะเห็นบ่อยๆ ในกีฬาที่มาจากอเมริกา หมายถึงเวลาในเขตตะวันออกสุดของอเมริกาติดชายฝั่งแอตแลนติก เช่น นิวยอร์ก วอชิงตัน บอสตัน ไมอามี่ ฯลฯ เพราะอเมริกาเป็นประเทศใหญ่มีพื้นที่กว้างจากตะวันออกไปตะวันตกต้องแบ่งเป็น 4 โซนเวลา ดังนั้นถ้าระบุแต่เวลาแต่ไม่บอกโซน คนอาจสับสนได้ จึงต้องระบุโซนด้วยเพื่อเทียบกับเวลาท้องถิ่นของตัวเองได้ถูก
(ถ้าเทียบกับประเทศไทย ก็ช้ากว่า 11 ชั่วโมงในฤดูร้อน และ 12 ชั่วโมงในฤดูหนาว)
แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 51 11:46:06

จากคุณ : เกียรตินำ - [ 27 มี.ค. 51 11:42:02 ]

 

พุฒิพงศ์ ก้อนวิมล



ด่วน แจ้งข่าวเตือนคนไทยมีประกาศการเตือนภัยจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว จากกรณีมีเหตุการณ์พายุหิมะได้เข้าถล่มญี่ปุ่น
เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแจ้งแนวปฏิบัติในสถานการณ์ฉุกเฉินจากพายุหิมะในญี่ปุ่น ดังนี้

1. คนไทยที่พำนักในญี่ปุ่นควรเตรียมอาหารและน้ำดื่มสำรองให้เพียงพอสำหรับสมาชิกในครอบครัว อย่างน้อย 3 วัน และหลีกเลี่ยงการเดินทางไกลทางอากาศและรถยนต์ในช่วงสัปดาห์นี้ (17-21 กุมภาพันธ์ 2557)

2. สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เปิดหมายเลขโทรศัพท์ฮอตไลน์ (++81 90 4435 7812) ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยให้แจ้งชื่อ ที่อยู่ในญี่ปุ่น และหมายเลขโทรศัพท์

ทั้งนี้ โดยที่มีคนไทยได้โทรศัพท์เข้ามาเป็นจำนวนมาก อาจมีความจำเป็นต้องฝากข้อความในระบบตอบรับอัตโนมัติ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับทันที

3. สถานเอกอัครราชทูตฯ ใคร่ขอความร่วมมือบริษัทนำเที่ยวให้การดูแลนักท่องเที่ยวไทยให้ได้รับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยขอให้พำนักอยู่ในโรงแรมหรือสถานที่ปลอดภัยและมีความอบอุ่นเพียงพอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการท้องถิ่น และติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ตามหมายเลขโทรศัพท์ข้างต้น เพื่อประสานขอรับความช่วยเหลือต่อไป

4. นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางเข้ามาญี่ปุ่นโดยได้รับการยกเว้นตรวจลงตรา (วีซ่า) ระยะเวลา 15 วัน และพำนักอยู่ในญี่ปุ่นใกล้ถึงวันครบกำหนด 15 วัน และเกรงว่าอาจพำนักเกินกำหนดวีซ่าเนื่องจากเหตุภัยภิบัติดังกล่าว โปรดติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ที่หมายเลขฮอตไลน์โดยทันที พร้อมกับแจ้งชื่อ นามสกุล หมายเลขหนังสือเดินทาง และวันที่เดินทางเข้าญี่ปุ่น และส่งสำเนาหนังสือเดินทางของท่านทางโทรสารที่หมายเลข +81 3 5789 2439 โดยระบุว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากพายุหิมะดังกล่าว

5. หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าจะเกิดหิมะตกหนักอีกครั้งในช่วงวันที่ 19-20 กุมภาพันธ์ 2557 จึงขอให้นักท่องเที่ยวและคนไทยที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่น โปรดติดตามการแจ้งเตือนของทางการญี่ปุ่น และหลีกเลี่ยงการสัญจรทางอากาศและรถยนต์ และขอให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัยและมีความอบอุ่นเพียงพอ

จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว
17กุมภาพันธ์ 2557

 

ชมรมนักวิทยุสื่อสารเฝ้าระวังภัยจังหวัดเชียงราย



"เฝ้าระวัง" .... อุทิศ ๗

 

พุฒิพงศ์ ก้อนวิมล



ด่วน นาซ่าออกเตือนว่าดวงอาทิตย์ได้ระเบิด แบบ Type II radio burst จากทางด้านตะวันออกของดวงอาทิตย์ แล้วทำให้มีการก่อให้เกิด CME ด้วยความเร็ว 776 km/s และอาจกระทบกับสนามแม่เหล็กโลกอย่างรุนแรง จับตาเรื่องแผ่นดินไหวด้วย

 

พุฒิพงศ์ ก้อนวิมล



นี้คือ สภาพณ เวลานี้ 18 ก.พ.57 ของจังหวัดคังรึง ประเทศเกาหลีใต้ มีสภาพนี้ไม่ต่างจากญี่ปุ่นมาแล้ว 3 วัน

 

Vyt Alivety

ยอดนศ.ตายจากเหตุหลังคาหอประชุมถล่มในเกาหลีพุ่ง10ศพ พุ่งเป้าต้นตอ'หิมะ' โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2557 05:31 น.

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/Quqrho3kPaQ?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/qZm-MDMZcoY?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่กู้ภัยเกาหลีใต้ยังเร่งช่วยเหลือเหล่านักศึกษาอีกหลายสิบคนที่อยู่ใต้ซากหักพังของอาคารหอประชุม ณ รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ที่เมืองคยองจู ทางภาคใต้ของประเทศช่วงค่ำวันจันทร์(17) ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 ราย แต่ปรับลดผู้สูญหายจากครึ่งร้อยเหลือไม่กี่สิบคน ขณะที่หน่วยสืบสวนพุ่งเป้าหลังคาแบกรับน้ำหนักของหิมะไม่ไหว แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย

นักศึกษาเกือบ 1,000 คน เข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ที่สถานตากอากาศครบวงจรแห่งนี้ และมีรายงานว่าระหว่างที่หลังคาพังถล่งลงมาตอนเวลาประมาณ 21.15 น.(ตรงกับเมืองไทย 19.15น.) มีนักศึกษาราว 450 คนที่เข้าชมคอนเสิร์ทอยู่ภายในหอประชุมดังกล่าว



* สำนักข่าวยอนฮับ รายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของตำรวจยืนยันยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 10 รายและเชื่อว่าน่าจะมีผู้ติดอยู่ใต้ซากหักพังอีกราวสิบกว่าคน ลดลงจากข้อสันนิษฐานเบื้องต้นที่คิดว่าน่าจะมีคนคิดอยู่ภายในมากถึง 50 คน

ตำรวจเปิดเผยว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น 9 รายเป็นนักศึกษาวิทยาลัย ส่วนรายที่ 10 เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดงาน พร้อมระบุว่าจนถึงตอนนี้มีนักศึกษา 3 คนและฝ่ายจัดงานอีก 11 รายที่ยังสูญหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงท้องถิ่นบอกกับเอเอฟพีก่อนหน้านี้ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 73 คน ในนั้น 15 รายอาการสาหัส พร้อมระบุว่าหน่วยกู้ภัยกำลังเร่งมือค้นผู้ที่หวั่นกลัวกันว่ายังติดอยู่ใต้ซากหักพัง



* สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่าเหตุพังถล่มน่าจะมีต้นตอจากหิมะที่ตกหนัก ซึ่งทับถมอยู่บนหลังคาของหอประชุม จนมันรับน้ำหนักไม่ไหว โดยเวลานี้หน่วยกู้ภัยราว 400 ราย ปฏิบัติหน้าที่ขมีขมันเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตตลอดทั้งคืน แต่ทางตำรวจเกรงว่าอาจจะพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมเสียมากกว่า

"เพดานพังถล่มลงมาตรงใกล้เวที" นักศึกษาคนหนึ่งบอกกับสำนักข่าววายทีเอ็น "จากนั้นทุกอย่างก็อยู่ในความโกลาหล ทุกคนเริ่มวิ่งไปที่ประตูทางออก บ้างก็ตะโกน บ้างก็กรีดร้อง"

เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องมือหนักเข้าเคลียร์เศษซากของตัวอาคารที่พังถล่มซึ่งพื้นที่โดยรอบนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน "เราต้องใช้เครื่องมือหนักเข้าเคลียร์ซากหักพัง" หน่วยดับเพลิงรายหนึ่งกล่าว



* หอประชุมนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาอูนา โอเชียน รีสอร์ท ซึ่งเหล่านักศึกษากว่า 1,000 คนจากวิทยาลัยภาษาต่างประเทศแห่งหนึ่งจากเมืองปูซาน มาเข้าพักเพื่อประกอบกิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ขณะที่รีสอร์ตคอมเพล็กซ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งประสบกับหิมะตกหนักตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวยอนฮับว่าการเข้าถึงรีสอร์ทเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากมันตั้งอยู่บนภูเขา นอกจากนี้ก็ยังมีหิมะตกมาอีกระลอกในช่วงค่ำคืนวันจันทร์

ทั้งนี้ยอนฮับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเริ่มดำเนินการสืบสวนเมื่อปฏิบัติการกู้ภัยเสร็จสิ้นแล้ว โดยเบื้องต้นตำรวจจะพุ่งเป้าไปกรณีไม่มีการกำจัดหิมะลงจากหลังคาหอประชุม อย่างไรก็ตามก็ยังไม่ตัดประเด็นการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย