ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. suwat.su

    suwat.su เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    7,643
    ค่าพลัง:
    +55,534

    มิน่าถึงรู้สึกผูกพัน อยากร่วมประมูลจนถึงที่สุดครับ
    อนุโมทนาบุญ ทั้งหมด ทั้งมวล
     
  2. sun2555

    sun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +6,619
    เรื่องเนื้อนิโครธและเนื้อสาขะ

    คือในครั้งก่อนโน้น มีฝูงเนื้อสองฝูง ฝูงละ ๕๐๐ เท่ากันอยู่ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง เนื้อนายฝูงตัวหนึ่งชื่อว่าเนื้อนิโครธ นายเนื้อฝูงอีกตัวหนึ่งชื่อว่าเนื้อสาขะ ในคราวนั้นพระเจ้าพรหมทัต ทรงฝักใฝ่ในการประพาสเนื้อในป่าจนประชาชนไม่สู้มีเวลาหากิน มัวแต่ตามเสด็จท้าวเธอไปไล่เนื้อ คนทั้งหลายจึงพร้อมกันทำรั้วล้อมดงใหญ่แห่งหนึ่ง แล้วต้อนฝูงเนื้อเข้าไปในดงนั้น เพื่อให้พระเจ้าพรหมทัตได้เสด็จไปยิงตามพระราชประสงค์ ต่อนั้นมาพระเจ้าพรหมทัตก็ได้เสด็จไปยิงเอาเนื้อในที่นั้นโดยลำพังพระองค์ก็มี โปรดให้พ่อครัวไปยิงเอามาก็มี ฝูงเนื้อเวลาจะถูกยิงได้แตกหนีกันเป็นอลหม่าน ทำให้ลำบากแก่เนื้อแก่ ๆ และเนื้อที่มีท้องกับลูกเนื้อเล็ก ๆ เป็นอันมาก เนื้อนายฝูงทั้งสองจึงปรึกษากันว่าพวกเราควรจะเป็นเวรกัน เมื่อถูกเวรผู้ใดก็ให้ผู้นั้นไปรอคอยอยู่ในที่คนจะฆ่า เมื่อตกลงกันก็ให้เป็นเวรแก่ฝูงเนื้อบริวาร เมื่อถึงเวรของเนื้อตัวใด เนื้อตัวนั้นก็ไปนอนคอยอยู่ในที่เขาจะฆ่าเป็นอย่างนั้นเสมอมา

    อยู่มาวันหนึ่งถึงเวรแม่เนื้อตัวหนึ่งซึ่งกำลังมีครรภ์แก่ แม่เนื้อตัวนั้นจึงไปอ้อนวอนต่อนายเนื้อสาขะว่าขอให้คลอดลลูกเสียก่อนเถอะ เวลานี้ขอให้เอาเนื้อตัวอื่นไปแทนก่อน นายเนื้อสาขะไม่ยอม แม่เนื้อนั้นจึงหนีไปหานายเนื้อนิโครธขอให้ช่วยชีวิตลูกในท้องไว้ นายเนื้อนิโครธจึงรีบอาสาว่าเราจะไปตายแทน ว่าแล้วเนื้อนิโครธก็ไปนอนคอยอยู่ในที่เขาจะฆ่า เมื่อพ่อครัวไปเห็นพญาเนื้อมานอนคอยอยู่ก็ไม่กล้ายิง ได้กลับไปกราบทูลพระเจ้าพรหมทัตก่อน พระเจ้าพรหมทัตจึงได้เสด็จไปถามเนื้อนิโครธว่า เหตุไรเจ้าจึงมานอนอยู่ในที่นี้ เนื้อนิโครธก็ทูลแจ้งเหตุการณ์ให้ทรงทราบ พระเจ้าพรหมทัตก็ทรงสลดพระราชหฤทัย จึงทรงลั่นพระวาจาว่านับแต่วันนี้ต่อไป เราจะเลิกฆ่าเนื้อ แล้วให้ปล่อยเนื้อเหล่านั้นไปเสียให้สิ้น ทั้งให้พระราชทานอภัยให้แก่สัตว์ป่าอื่น ๆ อีกด้วย ส่วนแม่เนื้อนั้นก็ได้รอดตาย เวลาลูกโตขึ้นจึงห้ามลูกไม่ให้คบเนื้อสาขะ ให้คบแต่พญาเนื้อนิโครธว่าการตายอยู่ในสำนักพญานิโครธดีกว่ามีชีวิตอยู่ในสำนักพญาสาขะดังนี้

    ต่อมาพญาเนื้อนิโครธก็ได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า เนื้อสาขะได้มาเกิดเป็นพระเทวทัต แม่เนื้อที่มีครรภ์นั้นได้มาเกิดเป็นมารดาพระกุมารกัสสป จบเรื่องนี้ในนิโครธมิคะชาดก เอกนิบาต เท่านี้


    เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้เป็นหัวหน้าไม่ควรทิ้งบริวารในคราวตกทุกข์ได้ยาก ถึงชีวิตก็ควรยอมสละแทน
     
  3. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,344
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,292
    [​IMG]


    สสปัณฑิตชาดก กระต่ายผู้สละชีวิตเป็นทาน


    ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการถวายบริขารทุกอย่างของพ่อค้าชาวเมืองคนหนึ่งได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า

    ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระต่ายอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่งท่ามกลางหุบเขาและแม่น้ำล้อมรอบ มีสัตว์เป็นเพื่อนกันอัก ๓ ตัว คือ ลิง สุนัขจิ้งจอก และนาก
    สัตว์ทั้ง ๔ เป็นสัตว์มีศีลธรรม ทุกเย็นจะมาพบกันและฟังโอวาทของกระต่ายเสมอต่อมาวันหนึ่ง กระต่ายมองดูจันทร์รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันอุโบสถ จึงให้โอวาท ว่า
    " วันพรุ่งนี้ พวกเราจงพากันรักษาศีล ให้ทานเถิด เพราะมีผลบุญกุศลมาก ฉะนั้นพวกท่านจงเตรียมอาหารไว้แบ่งปันคนขอทานเถิด"

    สัตว์ทั้ง ๓ รับคำแล้วกลับไปยังที่อยู่ของตนครั้นรุ่งขึ้นมีนายพรานคนหนึ่งตกเบ็ดได้ปลาตะเพียน ๗ ตัวฝังทรายกลบไว้แล้วก็ข้ามไปทางใต้น้ำต่อไป นากออกหาอาหารได้กลิ่นปลานั้นแล้วจึงร้องขึ้น ๓ ครั้ง รู้ว่าไม่มีเจ้าของแล้วจึงคาบเอาปลาทั้ง ๗ ตัวไปยังที่อยู่ของตน นอนรักษาศีลอยู่ฝ่ายลิงเข้าไปในป่าได้มะม่วงมาแล้วก็กลับที่อยู่ตนนอนรักษาศีลอยู่
    ส่วนเจ้ากระต่ายรักษาศีลอยู่ที่อยู่ของตนไม่ได้ออกไปหาอาหารมาไว้ให้ทาน คิดที่จะสละชีวิตให้ทานว่า
    "ถ้ามีคนมาขออาหาร งา และข้าวสารของเราก็ไม่มี ถ้าเช่นนั้นเราจะให้เนื้อของเราแก่เขาก็แล้วกัน"
    คิดแล้วก็นอนรักษาศีลอยู่

    ด้วยอานุภาพแห่งศีลของกระต่ายเป็นเหตุให้บรรลังก์ของเท้าวสักกะเร่าร้อน ท้าวเธอจึงลงมาพิสูจน์คุณของศีลของสัตว์ทั้ง ๔ ด้วยการแปลงร่างเป็นพราหมณ์ไปยังที่อยู่ของนากก่อน ร้องขออาหารกับนาก นากจึงกล่าวว่า "พราหมณ์.. เรามีปลาตะเพียนอยู่ ๗ ตัว ขอเชิญท่านบริโภคเถิด" พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของสุนัขจิ้งจอก เอ่ยปากขออาหารอีก สุนัขจิ้งจอกก็มอบอาหารให้พร้อมกับพูดว่า "พราหมณ์.. ข้าพเจ้ามีเนื้อย่าง ๒ ไม้ เหี้ย ๑ ตัว นมส้ม ๑ หม้อ เชิญท่านบริโภคเถิด" พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของลิงเอ่ยปากขออาหารเช่นเคย ลิงก็มอบอาหารให้พร้อมกับพูดว่า "พราหมณ์.. มะม่วงสุก น้ำเย็น ร่มเงาไม่อันร่มรื่นขอเชิญท่านบริโภคและพักผ่อนก่อนเถิด"พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของกระต่ายพร้อมร้องขออาหารเช่นเดิม กระต่ายดีใจจึงพูดว่า " พราหมณ์… ขอเชิญท่านก่อไฟเถิด เราไม่มีอะไรจะให้ท่าน นอกจากเนื้อของเรานี่แหละ ขอเชิญท่านบริโภคเราเถิด"


    ว่าแล้วก็กล่าวเป็นคาถาว่า"กระต่ายไม่มีงา ไม่มีถั่ว ไม่มีข้าวสาร ท่านจงบริโภค เราผู้สุกด้วยไฟนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด"ท้าวสักกะจึงเนรมิตให้มีกองไฟขึ้นแล้วบอกให้กระต่ายทราบกระต่ายลุกขึ้นจากหญ้าแพรกสลัดขนไล่สัตว์อื่น ๆ ๓ ครั้ง มีความดีใจ ไม่กลัวต่อความตาย กระโดดเข้ากองไฟไป แต่ก็ต้องแปลกใจว่าไฟทำไมเย็นยิ่งนักจึงถามพราหมณ์ดู ท้าวสักกะในร่างพราหมณ์จึงกล่าวว่า "ท่านบัณฑิต เรามิใช่พราหมณ์ดอก เราเป็นท้าวสักกะ มาเพื่อทดลองศีลของท่านเท่านั้นเอง"กระต่ายพูดว่า "ท่านท้าวสักกะ ท่านหวังจะทดลองข้าพเจ้าเท่านั้นเองหรือ แล้วชาวโลกจะรู้ว่าข้าพเจ้าปรารถนาให้ชีวิตเป็นทานได้อย่างไรกันเล่า" ท้าวสักกะตอบว่า "คุณความดีในการเสียสละชีวิตเป็นทานของท่านครั้งนี้จะมีปรากฏตลอดไป" ว่าแล้วก็เขียนรูปกระต่ายไว้บนดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์ให้ชาวโลกได้เห็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วก็หายวับกลับเทวโลกไป สัตว์ทั้ง ๔ ตัวได้รักษาศีลจนตราบสิ้นชีวิต

    กระต่ายผู้สละชีวิต สสปัณฑิตชาดก เรื่องนี้สอนว่า การรักษาศีลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน เพราะผู้มีศีลเทวดาย่อมคุ้มครอง

    พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะ ในเวลาจบสัจจะคฤหบดีผู้ถวายบริขารทุก อย่างดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล แล้วประชุมชาดกว่า
    นากในกาลนั้น ได้เป็นพระอานนท์ สุนัขจิ้งจอกได้เป็นพระโมคคัลลานะ ลิงได้เป็นพระสารีบุตร ท้าวสักกะ ได้เป็นพระอนุรุทธะ ส่วนสสบัณฑิต ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล
    จบ สสบัณฑิตชาดก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2014
  4. วาสุเทพ

    วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    ขอแสดงความยินดีกับคุณ Suwat.su ด้วยครับ
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
     
  5. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณ suwat.su ค่ะที่ได้ดวงแก้วคู่บารมีกลับมาในชาตินี้
    ...แค่ชื่อก็สะดุดหู สะดุดใจ มากมาย " ดวงแก้วปฐพีอมรวสุทธิ์ " เพราะมากค่ะ



    ขออนุญาติแจ้งความคืบหน้าของงานบุญ...ลูกนิมิตลูกรอง วัดโพธิญาณรังสี


    ลูกนิมิตวัดโพธิญาณ.png

    ยอดจองเป็นเจ้าภาพ ณ ปัจจุบัน 212 ลูก
    เปิดให้จองจนกว่าจะเต็ม 399 ลูกค่ะ

    >>> โอนเงินได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557
    >>> ถ้าไม่สามารถไปตัดหวายลูกนิมิต ลูกรองได้ด้วยตัวเอง ทางคณะตัวแทนจะตัดให้ และจะจัดส่งมีดตัดหวายให้ทางไปรษณีย์
    >>> สามารถขอรับใบอนุโมทนาบัตรได้ค่ะ
    >>> สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง PM หรือ E-mail : puricha.h@gmail.com

    >>> ตรวจสอบรายชื่อและหมายเลขที่เหลือ ได้จากภาพด้านล่างค่ะ


    รายชื่อเจ้าภาพลูกนิมิตร_Page_1.png รายชื่อเจ้าภาพลูกนิมิตร_Page_2.png

    (นำลูกศร คลิกที่รูปภาพ ภาพจะขยายใหญ่ขึ้นค่ะ)​


    กราบอนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลค่ะ
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A8%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87.519613/page-6

    ---
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2014
  6. Giant 1

    Giant 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1,014
    ค่าพลัง:
    +9,211
    การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทานอื่นทั้งปวง

    ในพระธรรมบทพระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ สพพทานํ ธมมทานํ ชินาติ ธรรมทานชนะการให้ทานอื่นทั้งปวง แล้วอย่างไรบ้างจึงเรียกว่า "ธรรมทาน"

    ทานกุศลแบ่งออกเป็น 2 วิธีใหญ่ๆ คือ
    1.อามิสทาน
    2.ธรรมทาน และ อภัยทาน

    อย่างไรจึงเรียกว่า ธรรมทาน ?
    ปฏิบัติธรรมเองเพื่อชำระกิเลสออกจากกาย วาจา ใจของตนเอง ตั้งตนอยู่ในคุณความดี เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น เรียกว่าแจกธรรมะ ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้ที่ดำเนินชีวิตประจำวันพูดแต่คำพูดไม่ดี ทำแต่กรรมที่ไม่ดี คิดแต่ความคิดที่ไม่ดีมาตลอด ประพฤติปฏิบัติตัวอย่างที่เลวแก่ผู้อื่น ชื่อว่าแจกอธรรม

    ธรรมทาน ต้องปฏิบัติเองเพื่อละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใส เพื่อชำระกิเลสหยาบ กลาง และละเอียดๆ ยิ่งๆขึ้นไปถึงวิสุทธิ คือ ความบริสุทธิ์แห่งใจ แล้วจึงจะพบสันติสงบ และจะถึงนิพพานคือความดับกิเลสไม่มีเหลือ

    จะถึงนิพพานต้องเป็นลำดับจนถึงที่สุดอย่างถาวรนี่เรียกว่า ธรรมทาน

    เบื้องต้นเป็นปฐมคือทำความดี ละชั่ว ทำใจให้ใสเองทั้งหมด และเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น แล้วยังให้การแนะนำสั่งสอนอบรมผู้อื่น ให้ประพฤติปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามพระธรรม พระวินัย และสนับสนุนอุปการะแก่ความประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเช่นนั้นของบุคคล หรือคณะบุคคล ผู้ที่กำลังเพียรประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อชำระกิเลสแห่งทุกข์นั้นให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ตรงนี้ก็ยิ่งด้วยธรรมทานไปอีก

    อย่างไรเรียก อภัยทาน ?
    ก็ เมื่อบุคคลเจริญธรรมขึ้นด้วยทานกุศล ศีลกุศล และภาวนากุศล เพื่อละชั่ว ทำดี ฝึกอบรมจิตใจให้ผ่องใสและอบรมปัญญาให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นเพียงใด ความเข้าใจ ความซึ้งใจในบาปบุญคุณโทษก็เจริญมากขึ้น

    และพรหมวิหารธรรมอันมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็เจริญขึ้นเป็นบุญบารมี เป็นเมตตาบารมี และ อุเบกขาบารมี อุปบารมี และ ปรมัตถบารมียิ่งขึ้นเพียงนั้น

    ความเห็นอกเห็นใจเข้าใจในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของสัตว์โลกผู้ยังมีจักษุอันมืดบอดด้วยความหลงผิด จึงคิดผิด พูดผิด ทำผิดๆ ในเราก็มีมากขึ้น ความรักปรารถนาให้สัตว์โลกเป็นสุขด้วยเมตตาพรหมวิหาร ธรรม และความเวทนาสงสารปรารถนาให้สัตว์โลกให้พ้นจากความทุกข์ด้วยกรุณา พรหมวิหารธรรม แม้จะถูกกร้าวร้าว ปรามาส ล่วงเกิน และถูกก่อกรรมทำเข็ญแก่ตนมาแล้วมาก จากทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคตเพียงใด ย่อมไม่ติดใจโกรธพยาบาทยิ่งขึ้น และสามารถอดทน อดกลั้นต่อความก้าวร้าว ปรามาส ล่วงเกิน ความเบียดเบียนจากสัตว์โลกทั้งหลายผู้ล่วงเกิน และผู้เบียดเบียนโดยรอบทั้งหลายเหล่านั้น ได้มากขึ้นเพียงนั้น จนถึงวางใจเป็นอุเบกขาไม่ยินดี ยินร้ายได้มั่นคง นี้ชื่อว่า อภัยทาน จัดเป็นทานอันเยี่ยมยอดไปอีก (มีต่อ...)
     
  7. Giant 1

    Giant 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1,014
    ค่าพลัง:
    +9,211
    การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทานอื่นทั้งปวง

    ธรรมทาน คืออะไร

    ธรรมทาน คือ การให้คำแนะนำสั่งสอนสิ่งที่ดี บอกศิลปวิทยาที่ดีที่มีประโยชน์ในการดำเนินชีวิต เป็นเหตุให้มีความสุข รวมถึงการอธิบายให้รู้และเข้าใจในเรื่องบุญบาป ให้ละสิ่งที่เป็นอกุศล ดำรงตนอยู่ในทางกุศล ซึ่งจะนำพาตนให้สะอาดบริสุทธิ์ หมดจดจากกิเลสอาสวะทั้งปวงได้

    ประเภทของ ธรรมทาน

    ธรรมทาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ วิทยาทาน และ อภัยทาน

    1. วิทยาทาน

    วิทยาทาน คือ การให้ความรู้ ยังแบ่งออกได้อีกเป็น วิทยาทานทางโลก และ วิทยาทานทางธรรม

    วิทยาทานทางโลก คือ การสั่งสอนให้เกิดความรู้ความสามารถในเชิงศิลปวิทยาการ เพื่อนำไปประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงชีวิต และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยความสะดวกสบายทุกอย่าง ดังนั้นทางพระพุทธศาสนาได้จัดความรู้ว่าเป็นขุมทรัพย์อย่างหนึ่ง ชื่อ องฺคสมนิธิ แปลว่า ขุมทรัพย์ติดตัวได้ บุคคลผู้มีความรู้ดี จึงเปรียบได้ว่ามีขุมทรัพย์ติดตัวไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เชื่อมั่นได้ว่าจะสามารถใช้ปัญญารักษาตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยได้แน่นอน

    วิทยาทานทางธรรม (จัดเป็นธรรมทานแท้) คือ การให้ความรู้ที่เป็นธรรมะนั้นยิ่งเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ด้วยเหตุที่ว่า การดำเนินชีวิตของแต่ละคนนั้น ถ้าขาดเสียซึ่งหลักธรรม ชีวิตก็จะพบแต่ความทุกข์ เดือดร้อน ผิดหวังตลอดไป ต่อเมื่อได้ยินได้ฟังธรรม และนำมาประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสม ย่อมเกิดความเจริญงอกงามในชีวิตของตน ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ในที่สุดก็ทำให้รู้แจ้งเห็นแจ้งในพระธรรมคำสอนของพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า และเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้
    การให้คำสอนที่ถูกต้องที่เป็นธรรมะนั้น เปรียบได้กับการให้ขุมทรัพย์ที่เป็นอมตะติดตัวไว้ หรือให้ประทีปแสงสว่างที่คอยติดตามไป ดังนั้น บัณฑิตทั้งหลายจึงกล่าวว่า การให้ ธรรมทาน เปรียบเหมือนการให้ ขุมทรัพย์ หรือประทีปที่จะเป็นเครื่องส่องทางชีวิต ให้ดำเนินไปในทางที่ถูกต้องดีงาม นำชีวิตไปสู่ความสุขความเจริญ

    และเมื่อยังต้องเวียนว่ายตาย เกิดอยู่ในวัฏสงสาร ย่อมเป็นผู้ไม่ตกต่ำ มีชีวิตที่ดีงาม ได้เกิดในสุคติภพ เมื่ออบรมบ่มบารมีแก่กล้าแล้ว ย่อมสละละกิเลสได้โดยสิ้นเชิง เข้าถึงพระนิพพานได้ เพราะเหตุนี้ พระผู้มี-พระภาคเจ้าจึงตรัสว่า การให้ธรรมะย่อมชนะการให้ทั้งปวง

    2. อภัยทาน

    อภัยทาน คือ การให้ความปลอดภัย ให้ความไม่มีภัยแก่ตนและผู้อื่น ไม่ถือโทษโกรธเคืองในการล่วงเกินของผู้อื่น ไม่มีเวร ไม่ผูกเวรกับผู้ใด ทั้งยังมีจิตเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่นเป็นนิตย์

    การให้อภัย เป็นการให้ที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เป็นการให้ที่ง่าย แต่ที่บางคนทำได้ยาก เพราะมีกิเลสอยู่ในใจ ต้องอาศัยการฟังธรรม ประพฤติปฏิบัติธรรมบ่อยๆ จนเกิดความเข้าใจแจ่มแจ้ง เห็นคุณประโยชน์ของการให้อภัย แล้วจะให้อภัยได้ง่ายขึ้น
    หากมองเผินๆ จะดูเหมือนว่าการให้อภัยเป็นการให้ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นมีความสุขสบายใจ แต่แท้ที่จริงแล้ว ผู้ที่ได้รับประโยชน์สุขมากที่สุดก็คือตนเอง เพราะทุกครั้งที่ให้อภัยได้ จะรู้สึกปลอดโปร่ง เบากายเบาใจ สดชื่นแจ่มใส มีความสุข

    นอกจากนี้ การช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายให้ปลอดภัย หรือพ้นจากอันตรายนั้นได้ เช่น การช่วยปล่อยสัตว์ที่เขาจะนำไปฆ่าให้พ้นจากการถูกฆ่า ดังประเพณีปล่อยสัตว์ปล่อยปลา ก็นับว่าเป็นอภัยทานเช่นกัน เพราะได้ให้ความไม่มีภัย ให้ความเป็นอิสระแก่สัตว์เหล่านั้น
    การให้ความปลอดภัย ให้ความไม่มีเวรไม่มีภัยแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยการไม่เบียดเบียน จัดเป็นการให้ที่สูงขึ้นไปอีก พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเรียกว่า มหาทาน ซึ่งท่านจัดไว้ในเรื่องศีล

    ส่วนการให้อภัย คือ ทำตนเป็นผู้ไม่มีภัยกับตนเอง ใครที่สามารถสละภัย คือโทสะออกจากใจได้ มีจิตใจสงบ สะอาด จิตจะประกอบไปด้วยเมตตา เมื่อทำไปแล้วถึงระดับหนึ่ง จัดว่าเป็นการภาวนา ที่เรียกว่า เมตตาภาวนา ซึ่งมีอานิสงส์สูงยิ่ง (มีต่อ...)
     
  8. Giant 1

    Giant 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1,014
    ค่าพลัง:
    +9,211
    การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทานอื่นทั้งปวง

    อานิสงส์ของธรรมทาน

    ธรรมทาน นี้มีอานิสงส์มาก ดังที่มีการพรรณนาคุณไว้ในอรรถกถาธรรมบท 1 ว่า

    แม้ ทายกจะถวายจีวรอย่างดีที่สุดแด่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ที่นั่งติดๆ กันเต็มห้องจักรวาลนี้ ก็ยังมีอานิสงส์น้อยกว่าการอนุโมทนาของพระพุทธเจ้า ด้วยพระคาถาเพียง 4 บาท และจีวรทานนั้นมีค่าไม่ถึงเศษส่วน 16 แห่งพระคาถาที่พระพุทธองค์ทรงอนุโมทนา
    แม้ทายกจะถวายโภชนะข้าวสาลี กอปรด้วยสูปะพยัญชนะ (แกงและกับข้าว) อันประณีต เป็นต้น ให้เต็มบาตรพระพุทธเจ้าก็ดี จะถวายเภสัชทาน มี เนยใส เนยเหลว น้ำผึ้ง เป็นต้น ให้เต็มบาตรพระพุทธเจ้า ที่นั่งติดๆ เต็มห้องจักรวาลก็ดี ยังมีอานิสงส์น้อยกว่าธรรมทานที่พระพุทธเจ้าอนุโมทนา ด้วยพระคาถาเพียง 4 บาท

    จักไม่กล่าวคำที่กระทบตนและผู้อื่น คือไม่แสดงธรรมโดยยกความดีของตัวเองเพื่อโอ้อวด หรือยกความผิดพลาดหรือจุดด้อยของคนอื่นขึ้นมาเป็นเหตุเพื่อประจานความผิด หรือกล่าวล้อเลียนเขา ต้องกล่าวมุ่งอธิบายธรรมะจริงๆ และหากต้องยกตัวอย่างประกอบในการอธิบายเพื่อความเข้าใจในธรรมนั้น ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ผู้อื่นเสียหายได้

    ผู้ที่จะให้ ธรรมทาน พึงตั้งอยู่ในองค์คุณดังกล่าวมานี้ จะยังประโยชน์ใหญ่ อานิสงส์ยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นกับผู้แสดงธรรมได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผู้แสดงธรรมได้บุญกุศลมหาศาล ดังพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส สรรเสริญว่า บุคคลให้ธรรมเป็นทาน โดยไม่ปรารถนาลาภสักการะ ย่อมมีอานิสงส์ประมาณมิได้


    อ้างอิงธรรมทานของพระคุณเจ้า เตวิชโช

    ขอน้อมกราบนมัสการพระคุณเจ้า


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2014
  9. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,344
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,292
    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานกับคุณ Giant 1 ด้วยนะครับ

    ขอให้ประสบความสุข ความเจริญ สมหวังทุกประการครับ สาธุ สาธุ
     
  10. Giant 1

    Giant 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1,014
    ค่าพลัง:
    +9,211
    อามิสทาน

    อามิสทาน แปลว่า การให้วัตถุสิ่งของ หมายถึง การแบ่งปัน การเสียสละสิ่งของของตนให้แก่ผู้อื่น ด้วยมุ่งสงเคราะห์อนุเคราะห์บ้าง มุ่งตอบแทนพระคุณบ้าง มุ่งบุญกุศลบ้าง มุ่งสร้างบารมีบ้าง

    สิ่งของที่พึงให้เรียกว่า ทานวัตถุ มี ๑๐ อย่าง คือ อาหาร น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ มาลัยและดอกไม้ ของหอม (ธูปเทียน) เครื่องลูบไล้ (สบู่เป็นต้น) ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีป (ไฟฟ้า)

    อามิสทาน เป็นเหตุให้ได้มนุษย์สมบัติและสวรรค์สมบัติ เป็นเหตุให้ครองใจคน ยึดเหนี่ยวน้ำใจกันไว้ได้



    ผมได้อ่านเจอบทความเกี่ยวกับธรรมทาน ก็เลยนำมาฝากเพื่อนๆชาวเมืองทุกๆท่านครับ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2014
  11. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,344
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,292
    ทำบุญง่าย ๆ สไตล์หลวงปู่ดู่

    [​IMG]

    1. การเพิ่มพลังบุญแบบไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว

    เคล็ดวิชานี้ เป็นของท่านหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านสอนไว้ว่า
    -เวลาตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำให้ท่องว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิตในวันใหม่
    -ก่อนกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวแด่พระพุทธเจ้า
    -ออกจากบ้าน เห็นคนอื่นเค้ากระทำความดี เป็นต้นว่าเห็นเค้าใส่บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน ก็ให้นึกอนุโมทนากับเขาด้วย
    -เดินผ่านเห็นดอกไม้บูชาพระวางขายอยู่ ก็ให้เอาจิตนึกอธิษฐานขอถวายดอกไม้เหล่านั้นเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ แล้วอย่าลืมอุทิศบุญให้พ่อค้า แม่ค้าดอกไม้นั้นด้วย
    -เวลาไปไหนมาไหน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมถวายไฟเหล่านั้นบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆบูชา

    2. การเพิ่มพลังบุญด้วยเงินน้อย แต่ได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่
    การสร้างบุญที่เป็นมหากุศล อาทิเช่น การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระมหาเจดีย์ สร้างยอดฉัตรหรือสร้างศาสนสถานอื่นใดก็ตาม รวมถึงธรรมทานด้วย เพื่อลดวิบากกรรมหนักๆ สามารถทำได้ แม้แต่ผู้ที่มีเงินน้อย การทำบุญนี้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมาก เหมือนที่หลายๆคนในปัจจุบันเข้าใจและติดเป็นค่านิยมกัน การทำบุญทุกอย่าง ไม่ว่าจะบุญเล็ก บุญใหญ่ ให้ทำตามแต่กำลังของเราที่สามารถจะทำได้ และต้องไม่เดือดร้อนตัวเอง แม้แต่เงินสลึงเดียวก็สามารถสร้างมหากุศลได้ ขอให้เพียงเงินนั้นบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปเบียดเบียนของใครมาก็พอ และที่สำคัญเจตนาตอนที่ทำ ต้องบริสุทธิ์ มีความยินดีในบุญที่ทำ เกิดความสุขและความอิ่มเอมใจ นั่นแหละมหากุศลทั้งสิ้น

    แต่ถ้าไม่มีเงินจริงๆ ก็ยังสร้างมหากุศลได้ โดยการใช้แรงกายแรงใจในการช่วยก่อสร้าง หรือแม้แต่การไปชักชวน ป่าวประกาศให้คนมาร่วมสร้างบุญ และขออนุโมทนาบุญกับคนเหล่านั้นด้วยทุกครั้ง ก็จะได้บุญมากเช่นเดียวกัน อยู่ที่เจตนาและความตั้งใจเป็นที่ตั้ง สรุปสั้นๆ ว่า การทำบุญนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าใดก็ได้บุญเช่นกัน ยิ่งการทำบุญใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนมากมากหรือสังคม บุญนั้นก็จะมากขึ้นทวีคูณ ไม่มีวันหมด อาทิเช่น สังฆทาน สร้าง โรงทาน วิหาร อุโบสถ ถนน เป็นต้น จนกว่าสิ่งก่อสร้างหรือศาสนสถานนั้นๆที่ร่วมสร้างจะพังทลายไป

    3. การสวดภาวนา ให้ได้บุญมากขึ้น
    การสวดภาวนา คาถาศักดิ์สิทธิ์ หรือมนตราอันศักดิ์สิทธิ์นั้น ถ้าได้ทำอย่างถูกวิธีนั้น จะเป็นการเพิ่มบุญให้กับตัวเอง เพราะพลังบุญ พลังอำนาจของพระคาถาและมนตรานั้น จะถูกดึงเข้าสู่ตัวผู้สวดด้วย

    เคล็ดวิธีมีอยู่ว่า โดยก่อนสวดนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิที่พร้อมจะสวดแล้ว ขอให้ตั้งจิตให้มั่นแล้วอุทิศบุญทั้งหมดที่ตนเคยทำมานั้น ส่งให้แด่ครูบาอาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของคาถาหรือมนตรานั้นๆด้วย ซึ่งเป็นการเชื่อมบุญรูปแบบหนึ่ง และหลังจากนั้น ก็อธิษฐานขอมีส่วนร่วมในบุญของท่าน และขอมีส่วนร่วมในบุญของผู้อื่นที่ได้สวดคาถาและมนตราศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วย เมื่อใดตามที่มีคนอื่นสวดและกระทำเหมือนกับเรา เราก็ได้บุญเพิ่มทุกครั้ง

    4.การทำบุญด้วยการต่อชีวิตสัตว์ ให้ได้บุญมากขึ้น
    การทำบุญปล่อยชีวิตสัตว์หรือต่อชีวิตสัตว์นั้น หลายคนเรียกว่า เป็นการสะเดาะเคราะห์ ซึ่งก็แล้วแต่จิตจะพาไป แต่ในความเป็นจริงก็คือ เป็นการทำบุญใหญ่ เป็นการช่วยต่อชีวิต ต่อโชคชะตา ให้เวลากับสัตว์ที่กำลังจะถึงตายให้ได้มีชีวิตอีกครั้ง และเคล็ดลับสำคัญก็คือ ก่อนที่จะปล่อยสัตว์นั้นๆ เมื่อได้ซื้อมาหรือเจอ ณ ที่ใดก็ตาม ให้นำไปถวายกับพระสงฆ์เสียก่อน เพื่อเพิ่มบุญให้มากขึ้น เหตุเพราะว่าพระสงฆ์ที่รับนั้นท่านบริสุทธิ์ และมีศีลมากกว่าเรา ท่านย่อมมีบุญมากกว่าเรา ยิ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญมากแล้ว บุญนั้นจะเพิ่มเป็นหลายเท่า จากนั้นก็ขอผาติกรรมชำระหนี้สงฆ์ซื้อคืนมาจากท่าน ด้วยเงินเท่ากับจำนวนที่เราซื้อสัตว์นั้นๆมา วิธีนี้เป็นการเพิ่มบุญอีกเท่าตัว ได้ทั้งทำบุญต่อชีวิตสัตว์ และชำระหนี้สงฆ์ด้วย หลังจากนั้นก็นำไปปล่อยในที่อันสมควร

    อานิสงส์ของการทำบุญด้วยวิธีนี้ ถ้าใครที่ทำได้ตามนี้ บุญที่ได้จะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า จากการที่ไปซื้อมาแล้วก็ไปปล่อยตามยถากรรม วิธีนี้นอกจากได้บุญน้อยแล้ว แถมยังได้บาปกลับมาด้วย ดังนั้นจะทำบุญทั้งที ควรฉลาดในการทำบุญด้วย

    5. การทำสังฆทานให้ได้อานิสงส์บุญมากขึ้น
    การทำสังฆทานควรทำให้ครบทั้งปัจจัยสี่ มีอาหาร( คาว-หวาน-ผลไม้-น้ำ ) ,เครื่องนุ่งห่ม ( ผ้าไตรจีวร หรือ ผ้าขนหนูสีสุภาพ ) , ยารักษาโรค , ที่อยู่อาศัย ( บ้านหลังเล็กๆ ซื้อได้ตามร้านสังฆภัณฑ์ เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยทิพย์ให้กับเจ้ากรรมนายเวร เค้าจะได้มีที่พักพิง ไม่มารบกวนเราอีก ) และควรเพิ่มหนังสือธรรมะเข้าไปด้วยเพื่อให้จิตใจของเจ้ากรรมนายเวรซึ้งในรสพระธรรม มีจิตใจที่เย็นสบายพ้นทุกข์

    เคล็ดลับสำคัญ เครื่องสังฆทานและอาหารเหล่านี้ เราควรที่จะต้องไปถวายแด่พระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญสูง แต่ถ้าหาไม่ได้หรือไม่ทราบ ให้เรานั้นตั้งจิตอธิฐานถวายแด่พระพุทธเจ้าโดยตรงและ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ เพื่อให้อานิสงส์ของบุญจะได้มากขึ้นทบทวี และหลังจากนั้นก็ให้อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งหมด และควรกรวดน้ำหลังทำบุญทุกครั้งเพื่อให้พระแม่ธรณีและเทพเทวาทั้งปวงท่านเป็นพยานในการทำบุญครั้งนี้

    สรุป
    เมื่อท่านได้ทราบว่า ทำบุญอะไร แล้วได้รับอานิสงส์ของการทำบุญเป็นอย่างไร สมควรช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้อื่นได้ทราบด้วย เพราะเป็นการให้คนได้รู้ถึงอานิสงส์ของทำบุญในแต่ละอย่าง จะได้จำสืบต่อกันไปอย่างถูกต้อง

    ดังนั้น จึงสรุปว่า การทำบุญอะไรก็ตาม เมื่อได้ทำบุญแล้ว ก็ได้รับผลบุญในทันที กล่าวคือ ขณะที่ทำบุญนั้น สภาพจิตของเราตรงนั้นเป็นอย่างไร สุขใจไหม สบายใจไหม ภูมิใจไหม ตรงนี้ไม่ต้องถาม หวังว่า ท่านที่เคยทำบุญมาแล้วก็จะตอบตนเองได้อย่างแจ่มแจ้งทีเดียว

    เมื่อเราได้ทำบุญ ผลของการทำบุญ จะให้อานิสงส์ไม่เหมือนกัน บุญบางอย่าง ก็ให้ผลโดยตรง แต่บุญบางอย่าง ก็ให้ผลโดยอ้อมไม่ตรงทีเดียว ในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่า อานิสงส์แห่งการทำบุญนั้นไม่เหมือนกัน และผลบุญที่เราได้ทำนั้น รอให้ผลอยู่ตลอดเวลาแก่ผู้ที่ได้ทำบุญไว้ ตราบเท่าที่ยังมีผลบุญอยู่ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำบุญไว้ ถ้าไม่ประมาท ถึงแม้ไม่มีอะไรจะทำบุญ เพียงแต่เห็นคนอื่นเขาทำบุญ แล้วทำใจให้เลื่อมใส ก็เป็นอันได้ทำบุญเหมือนกัน บุญชนิดนี้ เรียกว่า บุญด้านปัตตานุโมทนามัย ( บุญจากการอนุโมทนาบุญ )

    ขอบคุณข้อมูลจาก :

    �ѧ����.com : ��Ŵ��ŧ ��Ի�մ��� ����� �����ٹ
    ���� ������§����
    www.morgangaiyasit.com/forum/viewtopic.phpid=160
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2014
  12. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,344
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,292
    ขอเชิญร่วมทำบุญหล่อพระปางทรงเครื่องพระนิพพาน หน้าตัก 4 ศอก
    พร้อมพระอัครสาวก หลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

    ร่วมทำบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐม ปางทรงเครื่องพระนิพพาน หน้าตัก 4 ศอก ได้ที่

    ธ.ไทยพาณิชย์ สาขา บิ๊กซีพัทยาใต้

    863-2-26755-5 ชื่อบัญชี วัดเทพบุตร

    กำนดการ
    22 มีนาคม ณ วัดเทพบุตร

    เวลา 17.00 น.
    ท่านเจ้าคุณพระ ภาวนากิจวิมล นำบูชาพระรัตนตรัย สมาทานพระกรรมฐานนั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน
    ฝึกมโนมยิทธิ และถวายสังฆทาน ณ ลานปฎิบัติธรรม วัดเทพบุตร

    เวลา 20.00 น.
    พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่นสร้างอุโบสถ ณ อุโบสถวัดเทพบุตร

    วันอาทิตย์ 23 มีนาคม ณ ที่พักสงฆ์เขาดินพรประภานิมิต
    เวลา 15.09 น.
    พิธีเททองหล่อพระ

    https://www.facebook.com/Watthepphabud

    [​IMG]
     
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun2555 และคุณธรรมวิวัฒน์อีกครั้งที่ช่วยนำธรรมทานมาลงอย่างต่อเนื่องค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ Giant 1 ที่ช่วยนำความหมายของการให้ทาน ประเภทต่าง ๆ เพื่อความเข้าใจ โดยเฉพาะ เรื่องของอภัยทาน

    กราบอนุโมทนาแด่พระคุณเจ้าเตวิชโช ที่ได้เขียนเรื่องอภัยทานไว้อย่างละเอียด

    หากพิจารณาแล้ว เป็นการเขียนที่ได้จากการปฏิบัติได้จริง

    การให้ทาน ทั้ง ๓ ประเภทนั้น อภัยทานดูเหมือนง่าย ไม่ต้องลงทุน แต่ทำได้ยากที่สุด เพราะผู้ให้อภัยทานได้นั้น หากไม่สามารถทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ และรู้โทษของการพยาบาท
    ผู้นั้นไม่สามารถให้อภัยทานได้อย่างแท้จริง

    ในระดับจิตของผู้ให้อภันทานได้นั้น จะแบ่งออกเป็นหลายระดับ

    - ระดับแรก กล่าวให้อภัยทานแล้วไม่แสดงอาการทางสีหน้า แต่ใจยังคุกรุ่น เร่าร้อน กระวนกระวาย สามารถสังเกตุได้ทางแววตา

    -ระดับละเอียดขึ้นมา กล่าวให้อภัยแล้ว สีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงออกทางแววตา ดูเหมือนไม่โกรธ แต่จิตยังหวั่นไหว สะเทือนใจที่ตนถูกปรามาส หรือถูกกระทำ ถือว่ายังใช้ไม่ได้

    -ระดับที่ละเอียดขึ้นมาอีก ได้ยินเสียงคำนินทา ปรามาส หรือดุด่า จิตนิ่ง ไม่กระเพื่อม ไม่หวั่นไหว จิตคิดเมตตาต่อผู้ที่ล่วงเกิน สีหน้าและแววตาเปี่ยมด้วยความเมตตา

    ผลบุญแห่งให้อภัยทานนี้จึงเป็นบุญที่บริสุทธิ์ที่สามารถร้อมถวายต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นพุทธบูชาได้จริง

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
    __________
    ปล. ขออภัยทุกท่านที่ยังไม่ได้ลงประวัติต่อ เนื่องจากสัปดาห์นี้ติดงานซ่อมแซมบ้านค่ะ
     
  14. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ๒๓ มีค.นี้ -ประมูลจักรชุดนวโพธิราช จำนวน ๓ องค์ค่ะ

    1034264143291.jpg

    จักรแก้วชุดนี้ ขึ้นมาทั้งหมด ๔ องค์ ได้แก่ จักรนวโพธิราช(สีขาว)จักรนวประภารัศมี(สีชมพู) จักรสหบดีนพกร(ไม่ได้ออกประมูล) -จักรบวรพรหมนารท สีเหลือง ๑ องค์

    ได้ผุดขึ้นมาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ที่ผ่านมา


    อธิษฐานโดยพระดาบสคนละกลุ่มกับผู้อธิษฐานจักรชุดพระวสไวยยนะ โดยเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๓๑ กัป และออกสมาบัติหลังจากพระวสไวยยนะดาบสออกสมาบัติ ๓ ปี ก่อนสมัยพุทธกาลของสมเด็จพระพุทธสุมังคลพุทธเจ้า สำหรับจักรแก้วที่จะนำมาประมูลครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น ๓ องค์ มีดังนี้

    1034264384030.jpg


    ๑. จักรนวโพธิราช(สีขาว) อธิษฐานโดยพระนวโพธิดาบส มีกายสิทธิ์ ๒,๒๕๐,๐๐๐ องค์ โดยมีท้าวสวินตรเทวราช เป็นหัวหน้าผู้ดูแลจักร ปัจจุบันอยู่ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี


    เริ่มประมูลที่ ๓,๖๙๙ บาท

    1034264235858.jpg

    ๒. จักรนวประภารัศมี(สีชมพู) อธิษฐานโดยพระประภาวีรตีดาบสินี มีกายสิทธิ์ ๑,๘๘๕,๐๐๐ องค์ โดยมีพระวัธนาถรัศมีเทวี ปัจจุบันอยู่ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี

    เริ่มประมูลที่ ๓๖๙๙ บาท


    1034264307152.jpg

    ๓.จักรบวรพรหมนารท(สีเหลือง) อธิษฐานโดยพระปาลมังคลดาบส มีกายสิทธิ์ ๑,๐๙๓,๐๐๐ องค์ โดยมีพระวาทวรนารทโพธิสัตว์ ปัจจุบันอยู่ชั้นดุสิต

    เริ่มประมูลที่ ๓๕๙๙ บาท
     
  15. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..กติกาในการประมูล..

    ๑. ประมูลตั้งแต่วันที่ ๒๒-๒๓ มีนาคม ๒๕๕๗ ภายใน ๑๙.๑๙ น. ตามฤกษ์พรหมสิทธิ์ ตรงกับวันแรม ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง

    ๒. รายการประมูลจะมอบแด่ท่านที่ประมูลราคาสูงสุดภายในเวลาที่กำหนด (ตามเวลาเว็บพลังจิต.org)

    ๓. หากที่มีผู้ประมูลราคาสูงสุด และเวลาเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยผู้ที่ทำการโพสต์ก่อนเป็นอันดับแรก

    ๔. หลังจากปิดการประมูล โอนปัจจัยภายใน ๒ วันหลังจากโอนปัจจัยแล้ว กรุณาแจ้งชื่อ-ที่อยู่ใน PM-Numsai ค่ะ


    กรุณาโอนปัจจัยไปที่......

    ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
    เลขที่ 080-252647-2
    ธนาคาร ไทยพาณิชย์
    สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ – กรีฑา)
    ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์


    ปัจจัยหลังหักค่าใช้จ่าย เพื่อนำไปร่วมบุญดังนี้


    ๑. ๑๐ % ร่วมบุญสร้างสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติ ขนาดหน้า ๔ ศอก สร้างด้วยหินทรายขาว


    ๒. ๑๐% ในกองบุญพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร เพื่อปล่อยปลา ๑๐๘ ตัว บุญแสงสว่าง และบุญอื่น ๆ ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  16. widya

    widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    ร่วมบุญประมูลจักร...

    ๑.เพื่อสร้างสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติ

    ๒.สมทบกองบุญพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร เพื่อปล่อยปลา ๑๐๘ ตัว

    บุญแสงสว่าง และบุญอื่น ๆ


    ๑. จักรนวโพธิราช(สีขาว) ๓,๘๑๖.๑๖ บาท

    ๒. จักรนวประภารัศมี(สีชมพู) ๓,๘๑๖.๑๖ บาท​
     
  17. Smilerider

    Smilerider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +1,994
    ๑. จักรนวโพธิราช(สีขาว) 3999.99 ครับ
    ขอบคุณครับ
     
  18. ta2498

    ta2498 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +3,417
    ร่วมประมูลจักรบวรพรหมนารท (สีเหลือง) ๔๕๙๙ บาท บาท
     
  19. mooom

    mooom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +9,291
    ขอร่วมประมูลจักรนวโพธิราช4400บาท จักรนวประภารัศมี4300บาทและจักรบวรพรหมนาท4800บาทครับ
     
  20. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,344
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,292
    จากเรื่องอภัยทานนะครับ

    ขอโพสอย่างนี้นะครับ จากความเห็นของผมจริงๆแล้ว

    เรื่องความโกรธนะครับ จริงๆแล้วเราทุกคนในโลกนี้ มีเรื่องทำให้โกรธเรามากมาย
    แต่ที่สำคัญโกรธแล้ว อย่าเก็บเอามาคิดต่อให้เป็นทุกข์ หรือเรียกได้ว่า อย่าเก็บความโกรธมาขังไว้ในใจ รู้ตัวว่าโกรธแล้วก็ต้องรู้จักปล่อยวาง เพราะมันจะให้จิตใจเราขุ่นมัวเปล่าๆนะครับ

    จากที่เคยอ่าน เคยฟังมานะครับ จริงๆแล้ว พระอรหันต์ท่านก็มีความโกรธนะครับ แต่พอความโกรธเกิดแล้ว ท่านวางอารมณ์โกรธได้ทันที เพราะท่านมี สติ เข้ามากำกับ เพราะเห็นความทุกข์เมื่อจิตใจถูกความโกรธเผาไหม้ให้ใจเกิดทุกข์ครับ ท่านจึงวางได้ ใจท่านจึงเป็นสุขจากกิเลส คือ โกรธที่เข้ามากระทบใจ

    สำหรับตัวผม เวลาที่มีความโกรธเกิดขึ้น ก็นึกถึงธรรมะที่หลวงพ่อเคยสอนว่า เราไม่มีในร่างกาย และร่างกายไม่มีในเรา ทุกอย่างมีเกิดมา แล้วดับแล้วไป ไม่ว่าเรา ไม่ว่าเขาก็ต้องถึงแก่ความตายเข้าสักวัน มันก็ต้องตายกันทุกคน

    อีกอย่างมันก็เป็นโลกธรรม 8 นะครับ มี ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ มีคำชม มีคำด่า มีสุข มีทุกข์ เป็นธรรมดา วันๆหนึ่ง เราก็จะเจอไอ้โลกธรรม 8 นี่วนๆกันไปในชีวิตประจำวัน ที่จริงผมว่า เราทุกคนที่เวียนว่ายตายเกิดกันมานับภพชาติไม่ถ้วน ก็เคยเจอมามันมาทุกภพทุกชาติ ดังนั้นถ้าเราเข้าใจในโลกธรรม 8 ก็จะเข้าใจว่า เราก็มีความทุกข์เพราะสิ่งต่างๆ ที่เป็นโลกธรรม 8 ที่เข้ามากระทบใจทำให้เราโกรธ มันก็เจอมาทุกภพทุกชาตินั่นแหละ เราๆท่านๆ จึงควรอยู่ด้วย สติ ที่เข้าใจมันว่า ยังไงก็เจอ มันก็มีเกิด มีดับ มีสมหวัง มีผิดหวังปะปนๆกันไป

    ดังนั้นถ้าไม่อยากเจอสิ่งเหล่านี้ ก็ต้องเลิกเกิดมาทุกข์ต่อไป ตัดใจไปนิพพานอันเป็นแดนที่พ้นทุกข์นะครับ เราทุกคนทำบุญมาพอแล้ว อีกทั้งมีครูอาจารย์ดีอย่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็สามารถทำบารมีเข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ได้กันทุกคน ถ้าพลาดโอกาสงามๆ อย่างนี้ก็นานไม่รู้เท่าไหร่ จะมีโอกาสอีกนะครับ เพราะอย่างนั้นตั้งใจนะครับ ไปนิพพานในชาตินี้ด้วยกันทุกคนนะครับ

    สำหรับผมแล้ว เรื่องความโกรธนั้น ผมไม่ค่อยอยากจะโกรธใครหรอกนะครับ เพราะขี้เกียจไปผูกเวรกับใครไว้นะครับ ต้องเกิดมาใช้หนี้เวรกันอีก เสียเวลาทำบารมีเปล่าๆครับ อีกอย่างผมประเภทงกบุญครับ ทุกวันนี้กลัวจะทำบารมีได้ไม่เท่าชาวบ้าน เพราะต้องเดินทางอีกไกล ดังนั้นเอาไปทำบารมีดีกว่า จะได้รีบๆไปนิพพานครับ เบื่อการเกิดจะแย่อยู่แล้วครับ เกิดทุกชาติ ก็ทุกข์ทุกชาติ มันก็วนๆ อยู่กับโลกธรรม 8 อย่างที่ผมกล่าวในทุกชาตินะครับ ต่อให้บางชาติจะมีสุข แต่ก็มีปวดขี้ ปวดเยี่ยว มีหิว มีหนาว มีร้อน ให้เป็นทุกข์ในการใช้ชีวิตประจำวัน มันก็ไม่ได้สุขเท่าไหร่หรอกนะครับ แบบปวดท้อง แล้วหาห้องน้ำเข้าไม่ได้ มันก็นรกชัดๆ จริงไหมครับ

    สุดท้ายก็ขออนุโมทนาบุญกับชาวเมืองทุกท่านด้วยนะครับ ขอให้สำเร็จสมหวังดังใจทุกประการครับ

    อีกทั้งขอถวายผลบุญในธรรรมทานครั้งนี้เป็นการบูชาแก่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์สาวกทุกพระองค์ ท่านปู่ท่านย่า ท่านพ่อท่านแม่ ท่านท้าวมหาราชทั้ง 4 เหล่าเทพพรหมเทวดาที่ปกปักรักษาตัวของข้าพเจ้า และผู้มีพระคุณทุกท่านมีหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อเป็นที่สุด ขอจงได้โปรดโมทนาในผลบุญในครั้งนี้ และขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลด้วยเถิด สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2014
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...