เปิดตำนานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ภาค 2

กราบหลวงปู่ทิม คุณลุงสาย แก้วสว่าง สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่โต้ง พี่รัก พี่เดชา พี่ภู พี่คนบนเกาะ พี่เตอร์ พี่ทหารเก่า พี่อาทิ พี่romegat พี่รุ่ง คุณโอ๊ด คุณอภิเชษฐ์ ท่านนายกู๊ด คุณthavornsiripat และพี่ๆเพื่อนๆลูกศิษย์หลวงปู่ทิมทุกท่าน สบายดีกันทุกคนนะครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

"

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

"ธรรมะนั้นอยู่ฟากตาย"

คำพูดประโยคนี้ หลวงปู่ดู่ก็พูด หลวงปู่มั่นก็พูด เหมือนท่านจะตอกย้ำว่าการจะได้ธรรมถึงธรรมนั้น ต้องสละเป็นสละตาย มีความเอาใจใส่และอุตสาหะในการปฏิบัติจริง ๆ ดังที่ท่านว่า "ทำจริง ๆ ก็ได้จริง ๆ ทำเล่น ๆ ก็ได้เล่น ๆ"

แต่ก็น่าสลดใจ ที่ยุคสมัยนี้ บางแห่งได้เปลี่ยนศีล สมาธิ ปัญญา หรือมรรคแปดให้กลายเป็นมักง่าย จะเอาแต่ทางลัดง่าย และไร้ความพยายามที่จะต่อสู้กับกิเลส กิเลสบอกให้เอาผ้าขาวบางมาค่อย ๆ ลูบมันแล้วมันจะหลุดออกไปเองก็เชื่อมัน นี่ถ้าหลวงปู่ครูบาอาจารย์ยังอยู่ ท่านคง "เข่น" หรือ "กระหนาบ" เป็นการใหญ่แล้ว เพื่อไม่ให้เสียท่ากิเลส ความเพียรที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเอาไปเก็บซ่อนไว้ซะที่ไหน กิเลสที่จรมาจรไปก็พอมองเห็นและจัดการไปได้บ้าง แต่ที่ไม่เคยถูกสะสางเลยก็คือกิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน หากไม่ลงมือขุดคุ้ย จะเอามันออกได้อย่างไรกัน ถ้าพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ไม่ปฏิบัติโดยวางใจชนิดสละเป็นสละตายแล้ว มีหรือจะได้ธรรมะมาโปรดพวกเรา นี่เราจะพากันเก่งเกินครูบาอาจารย์ ปฏิบัติเอามรรคเอาผลแบบลวก ๆ จึงปรากฏว่ามรรคผลเหล่านี้มีแล้วก็เสื่อมได้ เพราะมันไม่ใช่ของจริงนั่นเอง เคยมีลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่ง เขาปฏิบัติไม่นานก็สำคัญมั่นหมายว่าตนสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล แต่เพราะได้อาศัยเมตตาบารมีจากหลวงปู่ เขาจึงรู้ตัวขึ้นมาได้ ในเมื่อหลวงปู่และครูบาอาจารย์ของจริงของแท้ละสังขารกันไปมากแล้ว ก็อยู่ที่ตัวเรานั้นแหละ ต้องคอยเตือนตัวเองว่า จงหมั่นเจริญมรรคแปดนะ ไม่ใช่มักง่าย

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

กราบหลวงปู่ทิมและพี่น้องทุกท่านครับ
ปกติครกหินที่ใช้กันตามบ้านทั่วไปเราใช้กันรุ่นต่อรุ่นมีความแข็งแรงชนิดที่ว่าโขลกกันทั้งปียังไม่สึกกร่อนเลยทนทานมาก และแข็งแรงเป็นที่สุด หลายคนที่ได้ฟังนิทานจากลูกศิษย์หลวงปู่ทิมมามากมายก่อนหน้านี้เป็นสิบๆปีเข้าใจว่าได้หายสาบสูญไปแล้วไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนหาคำตอบไม่ได้ ก็มีแต่พูดต่อไปกันเรื่อยๆว่าตำจนไฟลุกครกต้องให้หลวงปู่ทิมมาดับเรื่องก็มีกันอยู่แค่นี้เขียนวนเวียนบอกเล่าซ้ำๆกันมานาน
ครกที่ใช้ตำมวลสารเป็นครกหินที่ขนาดไม่ได้ใหญ่มากหรือแตกตางจากครกหินทั่วไปนัก แต่สิ่งที่สังเกตุได้ง่ายคือก้นของครกลูกนี้ทะลุลงไปตรงกลางทะลุลงไปพอดีขนาดรูไม่ใหญ่นักคิดง่ายๆคือตำจนสึก ไปมากทีเดียวแต่ที่น่าแปลกก็คือมวลสารไม่ได้มีความแข็ง ผงต่างๆก็ไม่ได้แข็งหยาบมาขนาดที่จะทำให้สึกได้มากขนาดนี้ ครั้งแรกที่ผมเห็นก่อนจะเปิดพิพิธภัณฑ์ก็ยังแปลกใจอยู่ว่า ยังอยู่อีกหรือนี้ไหนบอกว่าหายสาบสูญไปแล้วไง
ครกตำมวลสารใบนี้ หรือครกตำผงพรายกุมารหรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะว่ากันไป ได้ถูกเก็บไว้อย่างดีโดย ลุง สาย แก้วสว่าง พร้อมทั้งตำรามากมาย และตลอดเวลาจนสิ้นอายุขัยของลุงสาย แก้วสว่าง มีผู้คนวนเวียนเข้าไปถามเรื่องพระเครื่องตลอดเวลา ว่าดีมั้ย แท้มั้ย ให้ลุงยืนยัน เท่าที่ทราบ ดีไม่ดี ลุงสาย จะบอกเสมอว่า ถ้าศรัทธานับถือก็บูชาได้ หรือไม่อีกคำคือ จิตถึงท่าน ท่านก็ถึงเรา เป็นแบบนี้อยู่เสมอ
ภายหลังของทั้งหมดได้ส่งผ่านต่อมาถึง อ.แก้วสว่าง หรือพี่โมทย์ เรานี้แหละครับ ด้วยเจตนาดีท่านก็ไม่ได้คิดว่าเป็นสมบัติส่วนตัว เลยยกครกในตำนานและตำราต่างๆ มีพระเครื่องเนื้อผงบางส่วนให้กับทางพิพิธภัณฑ์ ไว้เป็นแหล่งศึกษาต่อไปได้เรียนรู้อย่างถูกต้อง

 

จะเห็นได้ว่านิทานต่างที่ถูอุปโลกมาตังแต่ในอดีต แต่ตัวเองไม่ได้มีของสิ่งนั้นอยู่ พอปรากฎขึ้นจริงแล้วก็ยากที่จะพูด ถ้าศิษย์ใกล้ชิดที่เขียนหนังสือขายกันเป็นว่าเล่นมีของสำคัญอยู่กับตัวจริงๆตั้งแต่แรก คงเอามาลงในหนังสือที่ตัวเองเขียนมาเป็นหลายสิบปีแล้ว และ ไม่เอาของเล่นมาเขียนเชีนร์อยู่จนถึงปัจจุบันนี้

 

แสดงว่าพระเนื้อขาวที่พิพิธภัณฑ์ก็ต้องมีสิครับทำไมเขาไม่พูดถึงเลย

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

"

 

เจตนาแปลเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ที่ผมกล่าวเรื่องครก และตำราเก่าที่ถูกเก็บมานานโดยลุง สาย แก้วสว่างนั้น เพื่อบอกว่า เป็นสิ่งที่หายากมากกว่าวัตถุมงคล ขนาดที่ลูกศิษย์ใกล้ชิดทั้งหลายที่แต่งเรื่องขายของกันมาช้านานยังไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหนกัน ได้แต่สะกดจิตตัวเองบอกว่าหายสาบสูญไปแล้วหรือแตกหักไปนานแล้ว มีแต่อภินิหารบอกเล่าเพียงอย่างเดียว
พอความปรากฎว่ายังอยู่ทั้งครกทั้งตำราหงายกันเป็นแถว ถ้างงไปถามเฮีย.จ แก่จะบอกว่าของพวกนี้แกเป็นคนบริจากให้ทั้งหมดเองแหละ ไม่มีลุงสาย แก้วสว่าง หลุดออกจากปากแม้ซักคำเดียว สมอ้างเฉยเลย และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงตามคำสมอ้างนั้น ทำไม่ไม่เอาออกมาบอกเล่าพร้อมรูปประกอบไปตั้งแต่หลายสิบปีก่อน เพื่อจะได้ขายของอุปโลกได้ง่ายขึ้น จริงมั้ยครับ
ส่วนวัตถุมงคลส่วนตัวผมไม่สงสัยครับว่าพระเนื้อขาวมีจริงมั้ย เพราะขนาดครกตำมวลสาร และตำราเก่าซึ้งมีอยู่จริงยังอยู่ทีบ้านลุงสาย แก้วสว่างมาตลอด
ซึ่งเป็นของที่หายากและมีเพียงชิ้นเดียว และเรียกว่าน่าจะเป็นตำนานเลยก็ว่าได้ แล้วทำไมพระที่จะมีก่อนยุคปลายจะมีไม่ได้
ที่ผ่านมาก็คือว่าผู้เฒ่าผู้แก่รอบวัดยังมีชีวิตอยู่และบอกเล่าเรื่องราวต่างๆโดยจิตบริสุทธ์ ไม่มีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องนับถือครูบาอาจารย์อย่างแท้จริง ลองไปดูรอบวัดสิครับชาวบ้านน้อยคนที่จะแขวนพระรุ่นยอดนิยมราคาหลักหมื่นหลักแสน ส่วนใหญ่ก็ใช้จิตนับถือหลวงปู่กันทั้งนั้น พระหลักหมื่นหลักแสนส่วนใหญ่ผมเห็นแต่เซียนแขวนเพื่อขายกันทั้งนั้นเช่นกัน
ส่วนท่านที่มีความเชื่อต่างกันไปเช่นเฮีย.จกล่าวว่า พระพวกนี้ได้มาจากห้องหลวงปู่ทั้งนั้นหลวงปู่ให้กุญแจมาก่อนมรณะภาพ แท้หมด ดีหมด ปิดตาน้ำท่วมตะกั่วเถื่อนดำหลัวไม่วน หลวงปู่หวงมากนะ หรืออื่นๆอีกมากมาย ถ้าท่านสบายใจในหาหามาบูชาก็ไม่ว่ากัน แล้วแต่ท่าน หรืออีกค่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจะลงมาช่วยเสก สร้างปีละหลายรุ่น ถ้าสบายใจที่จะบูชาก็เห็นแต่สมควรท่านเถิดครับ และถ้ายังไม่สบายใจกับสองค่ายนี้ยังมีนอกวัดอีกมากที่พร้อมจะเปิดตัวบอกว่ามีพระดีที่หลวงปู่ทิมเสกให้บูชาในราคาย่อมเยาไม่เก็บตอนนี้อนาคตแรงนะจะบอกให้ ส่วนจะทันหรือไม่ไม่รู้ต้องหาคำตอบกันเอาเอง

 

เคยติดตามเรื่องราวเรื่องครกหินที่ใช้ตำผงพรายกุมารจนครกทะลุ จากกระดานข่าวแห่งหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิด ต้องให้เกจิอาจารย์ผู้เรืองอาคมเป็นผู้เปิด พร้อมทั้งร่ายมนต์ พรมน้ำมนต์สะกดพลังอันรุนแรงที่จะพวยพุ่งออกมา (มีคลิปลงให้ดูด้วย) ... สงสัยพลังนั้นจะรุนแรงจริง เพราะเล่นเอาเกจิท่านนั้น ภายหลังสึกหาลาเพศ เพราะมีข่าวว่าไปกินตับสีกา แล้วโดนถ่ายวิดิโอไว้จนเป็นข่าวครึกโครมมม

 

กราบหลวงปู่ทิม คุณลุงสาย แก้วสว่าง สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่โต้ง พี่รัก พี่เดชา พี่ภู พี่คนบนเกาะ พี่เตอร์ พี่ทหารเก่า พี่อาทิ พี่romegat พี่รุ่ง คุณโอ๊ด คุณอภิเชษฐ์ ท่านนายกู๊ด คุณthavornsiripat และพี่ๆเพื่อนๆลูกศิษย์หลวงปู่ทิมทุกท่าน สบายดีกันทุกคนนะครับ

 

เร็วๆๆนี้ มีหนังสือหลวงปู่ทิม มีรูปพระเศียรโต หลังตะกุด
แปลกๆๆ ออกมาแยะมาก รูปทรงแปลกๆๆๆอีกหลายรายการ
อยากรู้จริงๆๆว่าทันและมีจริงป่าว บอกที่มาที่ไป ยืนยันตัวบุคคลที่มีอยู่จริง จะดีมากเลย
จะได้รู้ว่า ของทันยุคยังมี ถ้าไม่แน่ชัด ก็แปลว่าแฮนเมคแน่นอน ขอใช้พระเนื้อขาว หรือลูกอมมีห่วงดีกว่าสมเหตสมผลในความเป็นจริงมากกว่า อ . แก้วมีความเห็นอย่างไรครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

"

 

กราบหลวงปู่ทิมและพี่ๆน้องๆทุกท่านครับ
เรื่องราวคำบอกเล่าของชาวบ้านที่ยังมีหลงเหลือให้ศึกษาอยู่ในตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคำตอบที่ดีที่สุดครับ และยังต้องศึกษากันต่อไปเพื่อให้เป็นแนวทาง ที่ถูกต้อง

 

กราบหลวงปู่ทิม , ลุงสาย แก้วสว่าง

สวัสดียามเช้าอ.แก้วสว่างและทุกๆท่านครับ

 

เรื่องไฟลุกครก

พอดีผมมีหนังสือ สุดยอดพระเครื่องหลวงปู่ทิม อิสริโก เขียนโดยนาย ช. อยู่พอดี(เล่มนี้นานแล้วครับ) มีเรื่องตำนานไฟลุกครกด้วย เค้าบอกว่า......

ผงครกแรกที่นายครอก(สำเภา อัมฤทธิ์)ตำเกือบเสร็จ โดยกดไม่ติดมือก็ตักเอาผงพรายกุมารหนึ่งช้อนแกงพูนๆจากกระป๋องนมใส่ลงไปตำให้เข้ากัน ก็เกิดไฟลุกขึ้นในครกหิน ไฟร้อนมาก สีไฟออกเขียวเหมือนไฟอ๊อกเหล็กด้วยไฟฟ้า จะดับอย่างไรก็ไม่ดับ พอดีวันนั้นนายแดง ลูกชายหลวงลุงรอด ถาวโร มาช่วยทำอยู่ด้วย จึงใช้ให้นายแดงขับรถปิคอัพไปรับหลวงปู่ทิมมาดับ เมื่อหลวงปู่ทิมมาถึง ท่านเอามือลูบอยู่เหนือครก ไฟก็ดับแต่ผงมอดเป็นสีดำหมด หลวงปู่ทิมให้เก็บผงนี้ไว้ เวลาตำก็ให้เอาผงนี้ใส่ลงไปด้วย เรื่องผงพรายกุมารลุกเป็นไฟในครกนั้นผมเคยถามกำนันเสถียรซึ่งล่วงลับไปแล้วแกบอกว่าการที่ไฟลุกครกที่บ้านผีลุงพิณ เพราะหลวงพ่อ(หลวงปู่ทิม)ท่านไม่ได้มานั่งคุมเหมือนตอนแมงมันทำที่วัด พรายมันจึงกล้าสำแดงเดช(ผีลุงพิณคือการเอ่ยนามถึงคนที่ตายไปแล้ว)
อ่านแล้วก็ตื่นตาตื่นใจในเรื่องผงพรายกุมารอ่ะครับ นี่คงเป็นผลทำให้พระขุนแผนพรายกุมาร ไต่ราคาจากองค์ละ 20 บาทเมื่อตอนออกจากวัด พุ่งมาเป็นหลักล้าน !!!! โดยยังเป็นที่น่าสงสัยว่าสรุปเรื่องพรายกุมารมีจริงมั๊ย ผมมาเริ่มสงสัยเรื่องนี้ เมื่อตอนมาตั้งคำถามว่าลูกอมผงพรายกุมารสามารถใส่ร่วมกับพระเครื่องได้ด้วยหรือ มีคุณพี เสาวภา ได้มาตอบเรื่องพรายกุมารว่าไม่มีจริง ผมเลยลองเสริชข้อมูลดู เพราะลูกอมผงพรายกุมารของผม เป็นของหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ เป็นลูกอมรุ่นที่3 ออกเมื่อปี43 ซึ่งผสมผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ใช้ดีมาก ลองอธิษฐานก็เห็นผล แต่พอบอกกล่าวว่าถ้ามีพ่อพรายอยู่จริงขอให้ปรากฎให้เห็น ก็ยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง (กุมารทองที่ผมเคยบูชาทุกตน ปรากฎเสียง+เข้าฝันให้รู้ว่ามีตัวตนทุกตน) แต่บทสัมภาษณ์ของหลวงพ่อสาคร ท่านให้สัมภาษณ์เองเลยว่า ผงพรายกุมาร ไม่ได้ทำมาจากกระโหลกเด็ก และหลวงปู่ทิมท่านก็ไม่ได้สั่งให้หากระโหลกเด็กมาทำ แต่พวกลูกศิษย์ไปหากันมาเอง นั่นคือ ปอยเส้นผมเด็ก และลิ้นเด็กนำมาบดทำเป็น ผงพรายกุมาร ตอนนี้เลยสับสนว่าสรุปผงพรายกุมารยังไงแน่
1.เฮีย จ. นาย ช. ยืนยันว่ามี ทำมาจากกระโหลกเด็กและเส้นผม
2. หลวงพ่อสาคร ยืนยันว่ามี แต่ทำมาจากปอยผมและลิ้นเด็ก
3. คนในเวปพลังจิตบอกว่า ไม่เคยมีผงพรายกุมาร
แต่จะมีหรือไม่มี ผมก็ยังอุ่นใจว่า อย่างน้อย ลูกอมผงพรายที่ผมมี ยังไงๆ หลวงพ่อสาครท่านก็เสกแน่นอนล้าน% และลูกอมผงพรายกุมารที่ออกที่วัดโพธิ์สัมพันธ์(เพิ่งเช่ามา) ยังไงๆ หลวงปู่ทิมเสกแน่นอนล้าน%อีกเช่นกัน และพระที่ออกวัดไผ่ล้อม จ.ระยอง นั่นก็หลวงปู่ทิมเสกแน่นอนอีกเช่นกัน แต่ตอนนี้สงสัยเรื่องผงพรายกุมารเป็นที่สุด ว่าคนที่เจอผีเด็กออกมาหา เป็นเรื่องคิดไปเองหรือมีพรายกุมารจริงๆ

 

เรื่องของผงพรายกุมาร เป็นเรื่องที่พูดกันบ่อยมากในเวปนี้ ซึ่ง ก็มีอยู่หลายคนที่เชื่อและก็มีอยู่ไม่น้อยที่ไม่เชื่อ
ถ้าจะพูดถึงผงพรายกุมารต้องมาพร้อมกับ สีผึ้งผีหุง ผีอีส้ม น้ำมันพระเจ้าตาก และ อีกมากมาย ที่พูดแล้วทำให้รู้สึกว่าขลังจังเลย เพราะออกมาจากสำนักเดียวกัน ถ้าจะเชื่อต้องเชื่อให้หมด ปราศจากตักกะ ที่มาไม่ชัดเจน และขยายเรื่องไปมาน่ามึนงง
มีพระเครื่องที่ออกจากวัดโดยตรงประสบการณ์ดีๆ เช่นรุ่นผูกพัทสีมา มีผงพรายกุมาร ผสมอยู่ในเนื้อของเหรียญ ตอนปั้มออกมาจากโรงงานหรือไม่ แต่ทำไม่ผู้คนทั่วไปต่างยอมรับในรุ่นนี้เรียกว่ามีประสบการณ์อันดับต้นๆเลยทีเดียว แม้กระทั้ง ลุงสาย เท่าที่ผมทราบก็ยังบูชารุ่นนี้ แรงแบบปราศจากการโปรโมท
ฉนั้นการที่หลายท่านเชื่อเรื่องผงพรายกุมาร ไม่ใช่สิ่งที่ผิด หรือหลายคนเข้าใจว่าสีผึ้งผีหุงหรือผีไม่หุง แบบผีอีส้ม น้ำมันพระเจ้าตาก และอื่นก็ไม่ผิดหรอกครับ ๆ เพราะถูกบอกเล่าผ่านสื่อกันมานาน ถูกบันทึกซ้ำๆปากต่อปาก หลายสิบปี ส่วนจะเจอสิ่งลี้ลับหรือไม่ก็ไม่แปลกอีกเช่นกันเพราะการรับรู้ไม่เท่ากัน (ผมมีกุมารอง วัดสามง่ามลลองพิมพ์เนื้อดินดิบหลวงปู่แย้มเจิมแล้วเจิมอีกเอาไปไว้ในกุฏิมาเป็นเดือนเอากับบ้านมายังไม่เคยเจอเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าผมนับถือหลวงปู่แย้มน้อยลง และยังเลี้ยงอยู่มานานแล้ว)
แต่สิ่งสำคัญที่สุด อภินิหาร ไม่ได้เกิดจากมวลสารพิศดารเลยแม้แต่นิดเดียว เช่น หลวงพ่อกวย หลวงปู่หมุน หลวงพ่อเพ่ง(ใช้ซองบุหรี่จารย์) เสกโดยไม่มีผงพรายในการทำวัตถุมงคล แต่ทำไมขลังพุทธคุณสูงละครับข้อสำคัญเป็นที่ยอมรับอย่ากว้างขวางเช่นกัน
สิ่งสำคัญคือจิต สามารถตั้งธาตุ เรียกรูปเรียกนามได้ อันนี้สำคัญ ซึ้งไม่ง่ายเลย ถ้าเป็นสมัยนี้ สิ่งยั่วยุมันมากจิตไม่นิ่งทำไม่ได้
หลวงปู่ทิม ก็เช่นกันครับ วัดถุมงคลหลายรุ่นที่ไม่มีผงพราย(ที่กล่าวอ้างกัน)ทำไมถึงดีมีพุทธคุณสูงละครับ เพราะว่าท่าน เสกเป็น ตั้งธาตุได้ เรียกรูปเรียกนามได้ จิตทานบริสุทธิ์ ซึ่งพระสงฆ์น้อยรูปจะสามารถทำได้ เรื่องการรับรู้ของจิตแต่ละคนไม่เท่ากัน ศิษย์เรียน วิชาอาคมจากอาจารย์คนเดียวกันยังได้ไม่เท่ากัน เพราะการรับรู้ต่างกัน ผลออกมาก็ต่างกัน
ฉนั้น จิต เป็นสิ่งสำคัญ ไม่แขวนพระเลยแม้แต่องค์เดียว แต่จิต รฤกนึกถึงครูบาอาจารย์ ปาฏิหารเกิดได้ มีอยู่หลายท่านแขวนลูกอมเก้ทั้งชีวิต แต่จิตอยู่ที่หลวงปู่ทิม ปฏิบัติดี ละอายต่อบาป ปฏิหารก็เกิดได้เช่นกัน

 

สำหรับเรื่องครงตำมวลสารที่มีไฟลุกได้ตามตำนานบอกเล่าของ อ.ช และ เฮีย.จ นั้น ทั้งท่านนี้เขียนคำบอกเล่าลงใน หนังสือต่างๆมานานกว่า30ปี โดยที่ ครกตำมวลสารลูกนี้ไม่ได้อยู่ในการครอบครองของท่านใดท่านหนึ่งเลย มันน่าแปลกมั้ยครับเขียนอภินิหารเกี่ยวกับครกไฟลุกแต่ ไม่มีของ
แต่ผู้ที่เก็บไว้กลับเป็นศิษย์เอก คือลุงสาย แก้วสว่าง โดยที่ท่านไม่เคยพูดหรือบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจนสิ้น และส่งต่อให้กับ อ.แก้วสว่างเรื่องจึงเป็นที่ปรากฎขึ้นว่า ไม่ได้หายสาบสูญตามคำบอกของ อ. ทั้งสอง แต่กลับถูกเก็บไว้อย่าดีพร้อมตำราต่างๆ ที่นี้คิดต่อได้เลยครับว่าควรจะเชื่อในแบบไหนให้เลือกเอาระหว่างจินตนาการหรือความจริง

 

กราบหลวงปู่ทิม คุณลุงสาย แก้วสว่าง สวัสดีครับอาจารย์แก้วสว่าง น้าต๋อย พี่โต้ง พี่รัก พี่เดชา พี่ภู พี่คนบนเกาะ พี่เตอร์ พี่ทหารเก่า พี่อาทิ พี่romegat พี่รุ่ง คุณโอ๊ด คุณอภิเชษฐ์ ท่านนายกู๊ด คุณthavornsiripat และพี่ๆเพื่อนๆลูกศิษย์หลวงปู่ทิมทุกท่าน สบายดีกันทุกคนนะครับ ขอให้ทุกท่านขับรถด้วยความระมัดระวังด้วยนะครับ รักษาสุขภาพและขอให้มีความสุขในวันสงกรานต์กันทุกๆท่าน สวัสดีปีใหม่ไทยนะครับ

 

แสดงว่าพิพิธภัณฑ์ที่เฮีย จ กับเจ้าของคนที่สร้าง คงคาดการณ์เพื่อเกียรติคุณของหลวงปู่ แต่เนื่องด้วยผลประโยชน์ที่สามารถกอบโกยได้กอบโกยเอาเพราะคงจะลงทุนไปมาก จึงจำเป็นต้องสร้างศรัทธาแบบออกสื่อประกาศความศักดา ว่าของจริงอยู่ที่นี่ คนสร้างก็เล็งผลกับการขายหินอ่อนของตัวเอง เฮีย จ ก็เล็งแทรกแซงกับของอุปโลกน์ตัวเองให้มันดูกลมกลืนกันไป เอาพิพิธภัณฑ์เป็นเครื่องมือสื่อ สุดท้ายเงินที่เข้าก็ผลประโยชน์เอามาแบ่งด้วยกันนั่นเอง มันก็คงจะเป็นบาปกรรมที่ล้ำลึกเหมือนกัน ของที่เอามาโชว์มันก็น่าขำเหมือนกันนะครับกับผงสารพัดรูปแบบของเฮีย จ มีทั้งเศษดิน เศษทราย เศษพลอย เศษไม้ เศษรังต่อรังแตน แต่ถ้าจะดีน่าจะเอาเศษดินที่เฮีย จ แกบอกว่าไปเดินจงกรมตามหลวงปู่แล้วไปเยียบต้นไมยราพแล้วเกิดปาฎิหาริย์ใบไม่หุบมาด้วยก็คงจะดีไม่เบา แต่ก็แปลกดีทำไมไม่มีผงผีอีส้ม ทั้งๆที่อีกค่ายมี ส่วนผมพรายที่เอามาบรรจุมีดหมอนั้นแต่ละค่ายที่เอามาบรรจุมันเหมือนกันหรือปล่าว หรืออีกคนผีอีส้มอีกคนผีอีมะนาว ส่วนสีผึ้งผีหุงของเฮีย จ ทำไมอีกค่ายมีอีกค่ายไม่มี ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้ทั้งสองคนก็ซูฮกกันดี หรือลืมเอามาแบ่งให้กัน วงการนี้ดูแปลกนะครับ ของแต่ละอย่างมากันจัง ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้ไม่เคยเล่าถึงเลย อย่างว่านะครับอีกคนเสริมเรื่องราวกันซะสับสน อีกคนก็อุปโลกน์ของกันซะเต็มพิพิธภัณฑ์เลย !:'boo::boo: