ตามครรลองธุลีดิน(ความตายบนเส้นทางโจรสลัด..ของอดีตนักเลงบ้านนอก)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 8 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,377
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    ******************************************
    แหมกําลังจะนินทาท่านระมิงค์อยู่เชียว ว่ากระทู้ใหม่ขอเสนอชื่อว่า"เหลือเชื่อ" คือยังมีความเชื่อเหลืออยู่บ้างและก็ไม่ใช่เชื่อครึงไม่เชื่อครึ่ง(50%) คงจะมีเรื่องราวน่าสนุกมากทีเดียว ตกลงใหมคะ ;k06
     
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ไอเดียแม่ต้อยก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ...
    เอางี้ไหม...หลายๆคนมาช่วยกันโหวตชื่อกระทู้ใหม่..และแนวทางเรื่องราวที่อยากให้เป็นไป จะได้เป็นกระทู้ที่หลายๆคนช่วยกันเล่า...เพราะให้ผมเล่าคนเดียวไม่ดีแน่ๆ...วันก่อนได้ยินเสียงพระพยอมท่านออกทีวีว่า..ให้เล่า=แช่ง...
    เลยมานั่งคิดว่า...เอาไงดีอ่ะ...หลังจากนั้นก็มีคนมาบอกต่อว่า...ผู้ใหญ่แช่ง=ให้พร...งงง...ไปเลยไหมล่ะ...
     
  3. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    คุณป๋าระมิงค์มาชงแล้วทิ้งแก้วค้างไว้เช่นนี้
    พี่ๆน้องๆครอบครัวtoplus99 กลับบ้านกลับช่องมาเจอ เผลอจิบ
    ก็คงจะออกอาการ มึนๆงงๆ เออเอ่อเอ้อเอ๊อเอ๋อ..
    เอ๊ะ!!นี่มันอะไร อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ
    ไม่รู้มีที่มาจากไหน และก็ไม่รู้จะไปต่อยังไง๊

    หากปล่อยไว้นาน อาจจะเมาเล่าคนละทิศละทางได้
    อย่ากระนั้นเลย คงต้องนำพาที่มาที่ไป
    อันเป็นเหตุ ที่คุณป๋าตั้งเล่าไว้ เช่นฉะนี้ dencee



     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,377
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    ****************************************
    เวลาที่ผู้ใหญ่ท่านแช่ง"เออ ขออย่าให้ไปผุดไปเกิดอีกเลย!" สาธุๆๆๆ ชอบคํานี้มากค่ะ
     
  5. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ป๋า toplus99 กลัวคัมภีร์ แม่ต้อย หรือเปล่าเนี่ย....


    คัมภีร์แบบนี้ไม่กล้วครับ..เวลาที่ท่องสวดแบบไวๆ กระแทกเสียงดังๆหน่อยนี่จะสนุกมากขอบอก..

    =====
    ..."รู้มากก็ยากนาน...รู้น้อยพลอยรำคาญ..."

    งั้นต้องแบบนี้

    "..รู้มากจะยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ ...ไม่รู้เลยสบายดี

    ...และรู้อะไรไม่สู้....รู้ไปหมด"
     
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    "..รู้มากจะยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ ...ไม่รู้เลยสบายดี

    ...และรู้อะไรไม่สู้....รู้ไปหมด"


    555+ เจอลูกน้องผมสิครับ...มันไปที่วัด ไปบอกหลวงพ่อว่า ลูกพี่ผมนี่แหละครับ..
    รู้ไปหมด แม้แต่มดมีเมนต์...ยายป้า NGO จบป.4 เดินมาได้ยินเข้า แกสงสัยมากอยู่เรื่องหนึ่ง...ว่า..."เวลามดมันเดินเนี่ย มันก้าวขาข้างไหนก่อน..." แกอยากฟังไอ้คนที่บอกว่า รู้ไปหมด แม้แต่มดมีเมนต์...ช่วยตอบให้ที....??? อิอิอิ...หน้าม้านกันไปเลย...เจอมุกคนแก่เข้า...หน้าแตกละเอียด...
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,377
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    **********************************************
    แหม อันนี้จะว่าไปก็ตอบง่ายมาก ข้อสําคัญอยู่ตรงที่ว่าถ้าเราบอกไปแล้วเขาจะค้านหรือพิสูจน์ได้อย่างไรค่ะ
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,377
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    น้ำมนต์พระพุทธเจ้า
    น้ำมนต์พระพุทธเจ้า (ตอนแรก) เทศนาโดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    ท่าน พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย และบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย วันนี้ก็จะมาคุยกันถึงเรื่อง น้ำมนต์ของพระพุทธเจ้า แต่ความจริงร่างกายผมมันก็แย่ วันนี้เป็นวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2527 ความจริงหยุดบันทึกเสียงมานาน ร่างกายไม่ดีแล้ว แถมวันนี้มันก็ยังไม่ดี ไม่ดีตลอดมา ก็เลยรำคาญร่างกาย แต่ว่าเสมหะมันก็มาก เป็นไข้ก็เป็น ก็ช่างมัน คอยมานานงานไม่มีผล ร่างกายไม่ดีก็เลยวันนี้แกล้งใช้ให้มันตายไปเสียเลย ในเมื่อมันไม่ดีก็ไม่รู้จะคบมันไว้ทำไม เรื่องน้ำมนต์ของพระพุทธเจ้านี่เป็นอย่างนี้ เพราะเวลานี้ได้ยินข่าวเขาบอกว่ามีพระบางวัด แต่ว่าในวัดนั้นจะเป็นทุกองค์รึเปล่าผมก็ไม่ทราบ เวลาที่ญาติโยมพุทธบริษัทไปหา เขาบอกไปงานศพ ออกมาพูด 2 องค์ 3 องค์ ก็โจมตีเรื่องเชื่อน้ำมันน้ำมนต์เป็นต้น ผมว่าพระเราทำอย่างนั้นมันก็ไม่ถูก ต้องศึกษากำลังใจคนเสียก่อน กำลังใจของคนน่ะ อยู่ระดับไหน แล้วก็ น้ำมนต์นี่มันไร้ผลหรือเปล่า ไอ้ที่เขามีผล มันก็มี ที่ทำให้เลอะเทอะไร้ผลก็มี ก็รวมความว่า คนติ น้ำมนต์ก็ถือว่าเป็นคนที่มีความไม่รอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ติคน นินทาคน กล่าวร้ายป้ายสีคน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ผู้นั้นยังไม่เข้าถึงสะเก็ดความดีของพระองค์ ที่พระองค์ทรงสั่งสอน เพราะเป็นอุปกิเลส

    ฉะนั้นขอบรรดาท่านทั้งหลายที่ฟังอยู่ที่นี่เลิก นินทาคนเสีย ถ้าเราจะนินทาคนมากเพียงเไร เราก็เลวมากเพียงนั้น ถ้าเราเลิกนินทาคนเราก็เป็นคนดี เพราะคนนินทาคนไม่ใช่คนดี เป็นคนเลว เป็นคนคบกิเลส คือความเศร้าหมองของจิต ก็รวมความว่าอารมณ์จิตชั่วนั่นเอง

    ผม จะนำเรื่องน้ำมนต์ของพระพุทธเจ้ามาเล่าสู่ท่านฟังใน พระธรรมบทภาคที่ 7 ท่านกล่าวว่า เป็น บุพกรรมของพระองค์ ไอ้เรื่องบุพกรรมของพระพุทธเจ้านี่ พระพุทธเจ้าทรงสั่งให้พระอานนท์ ทำน้ำมนต์ จะได้รู้กัน การทำน้ำมนต์ พระพุทธเจ้าก็ทรงสั่งให้พระอานนท์ทำ แล้วพระอานนท์เป็น พุทธอนุชาด้วย เป็นน้องชายแล้วก็เป็น พุทธอุปัฎฐาก เป็นพระอุปถัมภ์ เหมือนกับเงาตามตัวของ พระพุทธเจ้า ถ้าน้ำมนต์ไม่ดี ถ้าพระอานทท์ ไปทำเข้า พระพุทธเจ้าต้องเล่นงานแน่ แต่ทว่าในเรื่องนี้ คาถาทำน้ำมนต์ พระพุทธเจ้าให้พระอานนท์ บอกให้พระอานนท์ศึกษา เมื่อพระอานนท์เรียนไปแล้วก็ไปทำน้ำมนต์ ก็เป็นอันว่า คนที่ด่าคนทำน้ำมนต์ ก็ถือว่าคนนั้นด่าพระพุทธเจ้าด้วย คนที่ด่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ใช่สาวกของพระองค์ คำว่าสาวกหมายถึง ผู้รับฟัง คือคนที่ไม่ใช่คนของ พระพุทธเจ้านั่นเอง ถือว่าเป็นคนของเดียรถีย์

    วันนี้ผมอาจจะพูดแรงไป นิดหนึ่ง ก็ต้องขออภัย พูดให้พวกเราสู่กันฟังเรื่องของภายใน อย่าสุ่มสี่สุ่มห้า พูดส่งเดชไปมันจะลงนรก ท่านที่ปฎิบัติพระกรรมฐานได้แล้วไปดูเสียบ้างว่า คนที่พูดไม่ดูหนือ ดูใต้ประเภทนี้ เขาไปอยู่ขุมไหนกัน

    เนื้อความก็มีอยู่ว่า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภบุพกรรมของพระองค์เอง จึงได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า มัตตาสุข ปริจจาคา เป็น ต้น เนื้อความก็มีอยู่ว่า ในสมัยหนึ่งใน เมืองไพสาลี ซึ่งมีอาณาจักรติดต่อกับเมืองของ กรุงราชคฤห์มหานคร เวลานั้น เมืองไพสาลีเกิดโรคร้ายเกิดขึ้น โรคอันดับแรกก็คือ ความแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล แล้วก็เกิดโรค คนก็อด โรคก็มาก ร้อนก็ร้อน ความจริง เมืองไพสาลี กับ เมืองราชคฤห์ นี่อยู่ใกล้กัน เขตนี้ถ้าร้อนก็ร้อนน่าดู อย่างพวกเรา ๆ ผมไปมาแล้วทนเกือบไม่ไหว ก็เป็นอันว่าคนก็เจ็บป่วยตายกันเป็นแถว ๆ

    อันดับแรกโรคก็เกิดก่อน ไอ้ความไข้มีเข้ามา ร่างกายทรุดโทรม อากาศไม่ดี โรคอื่น เข้ามาแทรก หนัก ๆ เข้าอหิวาตกโรคก็มา เมื่ออหิวาตกโรคนี่ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท อหินี่ก็แปลว่า งู วาตะนี่ก็แปลว่า ลม ไอ้โรคะก็แปลว่า การเสียดแทง อาการเสียดแทงที่เกิดจากลม ลมนี่มีพิษเหมือนงู เขาว่าอย่างนั้น คือเป็นแล้วมันตายเร็ว จำไว้ด้วยนะ คำว่าอหิวาตกโรคนี่ก็แปลว่า โรคหรืออาการ เสียดแทงที่มาจากลม ลมที่มีพิษเหมือนงู ฉะนั้นคนที่เป็นโรคอหิวาต์ตายเร็ว เหมือนกับถูกพิษงูกัน เวลานั้นการแพทย์ก็ดี แต่ทว่ามันก็ไม่ทัน ถึงวาระที่คนจะตาย ก็ตายกันเกลื่อนกลาด เมื่ออหิวาตกโรคมาตายกันเกลื่อน ฝังก็ไม่ค่อยจะทัน ทิ้งศพหมักหมมกัน โรคอื่นก็เข้ามาแทรก พวกอมนุษย์คือพวกอสุรกายบ้าง พวกเปรตบ้าง พวกอะไรบ้างก็เข้ามายื้อแย่งศพกิน ก็หมักหมมกันมาก คนตายหนัก

    อาการ ตาย เมื่อมากเข้าอย่างนั้นจริง ๆ บรรดาชาวบ้านเขาก็โทษพระราชา ความจริงพระราชานี่ เป็นกระโถนท้องพระโรงจริง ๆ ท่านก็อยู่เฉย ๆ ท่านก็ทำความดีทุกอย่าง แต่ว่าชาวบ้านก็โทษว่า เจ็ดรัชกาลมาแล้ว ไม่เคยมีโรคอย่างนี้เลย แต่มารัชกาลนี้เป็นรัชกาลที่ 8 นี่ หมายความ ความจริงเขาสืบ เขาปกครองราชสมบัติเป็นพระราชามาถึง 7,000 องค์กระมัง มันมากด้วยกันนะ ผมก็ไม่รู้กี่องค์ ขี้เกียจจำ นับว่าเป็นพัน ๆ องค์ ในเมืองนี้เขาไม่มีการปฎิวัติรัฐประาหาร บ้านเมืองก็มีความสุข แต่ว่าคนเขาทราบว่า สมัยตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึง 7 ในช่วงหลังนี้ไม่เคยมีโรคร้ายแบบนี้ แต่ว่าพอรัชกาลที่ 8 เข้ามา โรคหนักจริง ๆ เขาก็เลยโทษพระราชาว่าพระราชาไม่ทรงธรรม

    พระราชาท่าน ก็ดีแสนดี จึงประชุมอำมาตย์ข้าราชบริพาร ปุโรหิต คนที่มีความรู้ต่าง ๆ ให้ สอบสวน สืบสวนความประพฤคิของพระองค์ว่า ความประพฤติของพระองค์นี่มันไม่ดีตรงไหนบ้าง บกพร่องตรงไหนบ้าง ขอให้ชี้แจงออกมา ถ้ามีอะไรไม่ดีก็ทรงยอมรับผิด บรรดาประชาชนทั้งหลายเหล่านั้นก็พิจารณากันแล้ว เห็นว่าพระองค์ทรงทำดีทุกอย่าง อยู่ในศีลในธรรมทุกอย่าง แต่พอเวลานั้นโรคเกิด 3 รายการ คือ
    1. ภัยเกิดจากอาหาร อาหารนี่หาได้ยาก มันจนแล้วไม่มีอะไรจะกินเหมือนกับปี 2521 ของเรา
    2. ภัยเกิดจากพวกอมุษย์ คือพวกผี พวกเปรต พวกอสุรกาย
    3. แล้วภัยมันเกิดขึ้นจากโรค โรคมันเกิดขึ้นจากอากาศไม่ดี

    (ต่อข้างล่างค่ะ)
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,377
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    (อ่านต่อค่ะ)
    ใน เมื่อทุกคนเห็นว่าพระราชาดี ก็กราบทูลให้ทรงทราบว่า ความผิดของพระองค์ไม่มีพระเจ้าค่ะ พระองค์จึงได้ปรึกษาว่า ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดี เอาอย่างไรกันแน่ โรคจึงจะบรรเทา บรรดาลูกศิษย์ของอาจารย์ทั้งหกของเดียรถีย์ก็บอกว่า ถ้าไปนำอาจารย์ทั้ง 6 มา อาจารย์ทั้ง 6 มีฤทธิ์มาก มีบุญญา ธิการมาก โรคอย่างนี้จะหาย

    แต่ ทว่าในเวลานั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลกใหม่ ๆ ก็นั่นหมายความว่า ใหม่เอี่ยมเลย เข้าไปอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร เห็นว่าจะประมาณ 1 ปี เห็นจะไม่ครบปี เป็นเวลาจวนที่จะเข้าพรรษา นั่นหมายความว่าถึงปีที่ 2 บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เข้ามาเป็นปีที่ 2 ก็มีคนที่ทราบข่าวพระพุทธเจ้าว่า เวลานี้พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก ขอให้ไปนิมนต์พระพุทธเจ้ามาที่นี่ โรคภัยไข้เจ็บมันจะหาย ภัยอันตายต่าง ๆ จะหมดไป ในที่ประชุมลงมติเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเห็นด้วย อาจารย์ทั้ง 6 มีมานานแล้ว โรคมันก็มี แต่ว่าสมเด็จพระชินศรี คือพระพุทธเจ้าเราใฝ่ฝันกันมานาน ใคร ๆ ก็พูดถึงพระพุทธเจ้า แต่ไม่เคยได้พบพระพุทธเจ้าจริง ๆ สักที เวลานี้พบพระพุทธเจ้าจริง

    ขณะ ที่ปรึกษากันอยู่นั้นก็มี เจ้าลิจฉวี องค์หนึ่ง ท่านประทับอยู่ด้วย พระเจ้าลิจฉวี องค์นี้ไปฟังเทศน์ของพระพุทธเจ้าพร้อมกับพระเจ้าพิมพิสาร ในวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้ามากรุงราชคฤห์เป็นครั้งแรก แล้วเวลานั้น พระเจ้าพิมพิสาร กับบรรดาพุทธบริษัท เป็นพระโสดาบันกันเป็นแถว ๆ พระเจ้าลิจฉวีองค์นี้ก็เป็นพระโสดาบันด้วย ในเมื่อเขาพูดถึงพระพุทธเจ้า ท่านก็ทรงยืนยันว่า พระพุทธเจ้ามีความดีจริง ถ้าพระพุทธเจ้ามาในที่นี้ โรคภัยมันจะหายไป ความจริงโรคร้ายที่เบียดเบียน ร่างกายมันเป็นของธรรมดา มันเป็นโรคมาใหม่ แต่โรคร้ายที่สุดที่ประจำใจ คือความเลวของจิตมันจะหายไปด้วย ทุกคนก็ตัดสินใจว่า ถ้าอย่างนั้นต้องให้ พระเจ้าลิจฉวีองค์นี้กับลูกชายของปุโรหิตไปนิมนต์พระพุทธเจ้าที่ กรุงราชคฤห์มหานคร

    เมื่อท่านรับอนุมัติก็ทรงไปเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร ความจริงท่านเป็นเพื่อนกัน เอาเครื่องบรรณาการไปมอบให้แก่พระเจ้าพิมพิสาร ไปถวายอีก ทั้งบอกว่ามีความต้องการอยากจะได้พระพุทธเจ้าไปสงเคราะห์ที่ เมืองไพสาลี เพราะเวลานี้คนตายกันมาก ทับถม ฝังก็ไม่ทัน เผาก็ไม่ทัน มันตายกันเป็นเบือ แหม! ไอ้โรคตาย ๆ อย่างนี้นี่ครับ ผมเคยเจอะมาหลายสมัยในชีวิตผม มันน่ากลัวจริง ๆ บางทีคนเขามาเอาโลงที่วัด ไอ้คนเอาโลงจะไปใส่ศพ ไม่ทันจะเอาโลงไป เขามาส่งข่าวตายอีกแล้ว วันหนึ่งตาย 4-5 คน เฉพาะในเขตนั้นทำอย่างนี้ พระในวัดหนาวกันเป็นแถว ๆ นี่แหละครับ อย่าประมาท จะบอกสมัยไหนหมอเก่งนั่นน่ะสมัยนั้นหมอเก่ง ๆ โรคฉะหมอตายเป็นแถว ๆ

    รวมความว่า พระเจ้าพิมพิสาร ก็บอกว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ในอำนาจของกระผม ผมเองก็เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า พูดภาษาไทย ๆ นะ พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปหรือไม่เสด็จไปเป็นเรื่องของท่านที่จะต้องเข้าไปกราบ ทูลเอง จะเอาเครื่องบรรณาการ เครื่องกำนัลอะไรก็ตาม เครื่องกำนัลเครื่องผู้ใหญ่บ้านมาให้น่ะ ผมรับไม่ได้ ทางที่ดีก็ไปนิมนต์เอง ดังนั้นพระเจ้าลิจฉวี กับลูกชายของปุโรหิตก็ไปกราบทูลองค์สมเด็จพระบรมศาสดาให้ทรงทราบ (นี่มันยังไม่สบาย ลิ้นมันไม่เป็นเรื่อง ที่มันไม่สบายมากกว่านี้ ก็พูดไปอย่างนั้นนะ มันอยากไม่สบาย พูดให้มันตายไปซะเลย ถ้าตายในธรรมก็ไม่เป็นไร)

    พระพุทธเจ้าทรงทราบ พิจารณาดูตามด้วยอำนาจพุทธญาณก็ทรงทราบว่า ถ้าตถาคตไปที่นั่น ถ้าเราไปที่นั่น นึกในใจนะ ไปถึงแล้วฝนจะตกหนัก จะชะสิ่งโสโครกทั้งหมดให้ไหลลง แม่น้ำคงคา ความสะอาดของพื้นที่จะเกิดขึ้น หนึ่ง โรคจะบางเพราะความสกปรกก็เริ่มหายไป แล้วก็ประการที่ 2 ถ้าเราแสดงพระธรรมเทศนา รัตนสูตร ยานีธ ภูตานิ (ในเจ็ดตำนาน) ผลจะเกิดมหันต์ เป็นมหันต์ให้คนเข้าถึงพระไตรสรณคมน์ อยู่ในศีลห้า ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ จะมีความสุขกัน คือ ไม่เบียดเบียนกันโดย ทางกาย ไม่ฆ่ากันบ้าง ไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้ายร่างกายกันบ้าง ไม่ลักไม่ขโมยกัน ไม่แย่งคนรักกัน ไม่โกหกมดเท็จ ไม่พูดส่อ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด เพ้อเจ้อเหลวไหล ไม่นินทาชาวบ้าน แล้วก็ ไม่เมาเกินไป อันนี้โลก เมืองไพสาลี จะมีความสุขขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าจะให้หมดไปทีเดียวไม่ได้ เพราะความเลวของคนมันมีอยู่ ดูแต่สมัยนี้เถอะ อย่าว่าแต่คนนุ่งกางเกงเลย คนนุ่งสบงมันยังเลว

    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยอำนาจพุทธญาณ ก็ทรงรับว่าตถาคตจะไป ต่อมาเมื่อ พระเจ้า พิมพิสาร ทรงทราบ ก็เข้าไปกราบทูลถามองคฺสมเด็จพระจอมไตรว่า จะเสด็จไปเมืองไพสาลี หรือ พระพุทธเจ้าข้า พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าไป ตถาคตจะไปสงเคราะห์ แต่ว่าจะไปไม่นาน จะต้องกลับมาเข้าพรรษาที่พระเวฬุวัน เวลานี้ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน 10 วันกว่า ๆ จะเข้าพรรษา พระเจ้าพิมพิสาร ได้กลาบทูลว่า ก่อนที่พระองค์เสด็จไป รอข้าพระพุทธเจ้าก่อน ขอให้ปรับพื้นที่ให้ดีเสียก่อน พื้นที่ยังไม่ ราบเรียบ จึงได้ทรงสั่งให้พนักงานปรับพื้นที่ให้เรียบเดินสะดวก ๆ สำหรับพระพุทธเจ้ากับบรรดา พระสงฆ์ 500 รูป ระยะทางสิ้นทางไกล 5 โยชน์ แล้วก็จัดดอกไม้ 5 สี โปรยปรายด้วยทุกทางสูง แค่เข่า เป็นการบูชาพระพุทธเจ้า เมื่อเสร็จแล้วก็กราบทูลให้เสด็จพระพุทธดำเนิน

    เวลา นั้นเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จ จะเอาร่มเอาฉัตร 2 ชั้นกั้นให้พระพุทธเจ้า ฉัตรชั้นเดียวกั้นให้ พระสงฆ์ 500 รูป คือ 1 รูป 1 องค์ ต่อฉัตร 1 คัน ก็หลังจากนั้นไปถึงแม่น้ำแล้วต้องข้ามฟาก ก็เอาเรือ 2 ลำเข้ามาเทียบกัน ทำเป็นเรือกัญญา ประดับประดาสวยสดงดงาม เวลาที่เรือถอยออกไป สำหรับพระพุทธเจ้าเรือพระพุทธเจ้าเรือต้องใช้มาก 500 องค์ แต่เรือของพระพุทธเจ้านี่ประดับประดาสวยงาม

    พระเจ้าพิมพิสารไปส่ง เรือถึงน้ำแค่คอ เรือถอยออกไป ท่านก็เดินตามเรือไป มือพนมไป ไหว้พระพุทธเจ้าลงทั้งเครื่องทรง ไม่ใช่มีแต่ผ้าขาวม้า น้ำแค่คอ ก็กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ถ้าพระองค์ยังไม่เสด็จกลับเพียงใด ข้าพระพุทธเจ้าก็จะคอยพระองค์อยู่ที่นี่จนกว่าจะเสด็จกลับ

    พระ พุทธเจ้าก็ทรงเสด็จไปทางเรือ ซึ่งระยะทาง 3 โยชน์ แล้วก็จึงขึ้นฝั่ง ที่ฝั่งโน้นก็เหมือนกัน เมื่อทราบข่าวว่า พระเจ้าพิมพิสาร ทำอย่างนั้น พระราชาเมืองไพสาลี ก็ลงมารับแค่คอเหมือนกัน น้ำแค่คอเหมือนกัน จัดที่ให้เรียบเป็นระยะทาง 3 โยชน์ ถึงเมืองแล้วก็เอาดอกไม้โปรยปรายเช่นเดียวกัน แต่ว่าทางโน้นจัดหนักของพระพุทธเจ้า ฝั่งนี้จัดฉัตร 2 ชั้น ฝั่งโน้นจัดฉัตร 4 ชั้นรับพระพุทธเจ้า ฝั่งพระเจ้าพิมพิสาร จัดฉัตร 1 ชั้น กั้นให้แก่บรรดาพระสงฆ์ ฉัตรคือร่ม ฉัตรแปลว่าร่ม แต่ฝั่งโน้นเอาร่ม 2 ชั้น ฝั่งนี้เอาร่ม 1 ชั้น ทำให้เกินกัน

    พอพระพุทธเจ้าทรงเหยียบพื้นดิน ฝั่งโน้นของเมืองไพสาลี มหาเมฆใหญ่ตั้งขึ้น ฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตานับเป็นชั่วโมง ๆ นาบางแห่งน้ำท่วมแค่เข่าบ้าง บางแห่งน้ำท่วมแค่อก น้ำก็พัดพาเอาสิ่งโสโครกต่าง ๆ ลงในแม่น้ำคงคา ทำให้บ้านเมืองสะอาดขึ้นมาเยอะ และไอ้สิ่งปฎิกูลพวกซากศพทั้งหลายเหล่านั้น ก็หล่นไหลลงมาในแม่น้ำลำคลองหมด ส่วนเลอะเทอะต่าง ๆ ก็มาตามพื้นดินสะอาด ความ ชุ่มชื่นก็ปรากฎ คนก็เริ่มมีความสบายเพราะฝนไม่ตกนาน

    ครั้น เมื่อองค์สมเด็จพระพิชิตมารเสด็จเข้าไปในเขตเมืองไพสาลี เข้าไปในเขตพระราชฐาน แล้วองค์สมเด็จพระทีปแก้วก็ทรงเรียก พระอานนท์ ว่าอานันทะ ดูกร อานนท์ จงมานี่ เธอจงไปเรียน รัตนสูตร รัตนสูตร คือบท ยานีธ ภูตานิ เรียน รัตนสูตร ไป แล้วก็ไปเดินไปบริกรรมรอบ ๆ เขตของ เมืองไพสาลี ทั้ง 4 ทิศ

    พระอานนท์ เรียน รัตนสูตร แล้ว หลังจากนั้นก็เอาบาตรขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว เอาบาตรของพระพุทธเจ้าใส่น้ำเห็นไหม เริ่มทำน้ำมนต์ วิธีทำน้ำมนต์ของพระอานนท์ก็คือ

    1. อาราธนาบารมีของพระพุทธเจ้า 30 ทัศ คือบารมีปกติที่เรียกว่าบารมีเฉย ๆ 10 ทัศ อุปบารมี 10 ทัศ ปรมัตถบารมี 10 ทัศ แล้วก็
    2. มหาความดีของพระพุทธเจ้าอีกอันหนึ่ง คือ มหาบริจาค * 5 ประการ แล้วก็
    3. จริยา 3 ประการ คือโลกัตถจริยา ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงประพฤติให้เป็นประโยชน์แก่โลก ญาตัตถจริยา ที่พระ พุทธเจ้าทรงประพฤติให้เป็นประโยชน์แก่พระญาติ พุทธัตจริยา ทรงประพฤติให้เป็นประโยชน์ในฐานะที่เป็นพระพุทธเจ้า คือสอนคนให้บรรลุมรรคผล แล้วก็
    4. อาราธนาความดีขององค์สมเด็จพระชินศรี ในการก้าวลงสู่พระครรภ์ในภพที่สุด คือชาติ สุดท้าย แล้วการความดีของการประสูติ ความดีในการเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ของพระพุทธเจ้า แม้พระพุทธเจ้าทรงทำความเพียรถึง 6 ปี ต่อมาความดีของพระองค์ บารมีช่วยให้ขณะที่ ตลอดจนอาราธนาความดีที่แทงตลอด สัพพัญญุตญาณ เหนือโพธิบัลลังก์เป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์ การยังธรรมจักรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ธรรมจักร ให้เป็นไปกับปัญจวัคคีย์ฤาษี ทั้ง 5 ให้เป็นไปในโลก
    * มหาบริจาค การสละอย่างใหญ่ของพระโพธิสัตว์ 5 อย่างคือ
    1. ธนบริจาค สละทรัพย์สมบัติเป็นทาน
    2. อังคบริจาค สละอวัยวะเป็นทาน
    3. ชีวิตบริจาค สละชีวิตเป็นทาน
    4. บุตรบริจาค สละลูกเป็นทาน
    5. ทารบริจาค สละเมียเป็นทาน
    5. แล้วก็อาราธนา โลกุตตรธรรม 9 ประการ คือ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 ได้แก่ โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตมรรค พระโสดาปัตติผล พระสกิทาคามิผล พระอนาคามิผล พระอรหัตผล แล้วก็นิพพาน อีก 1 เป็น 9

    หลัง จากอาราธนาบารมีทั้งหมดเสร็จ พระอานนท์ก็เข้าไปยังเขตของเมืองในพระนคร เที่ยวทำ พระปริต คือสวด ยานีธ ภูตานิ เรื่อยไปในกำแพงทั้ง 3 ด้าน คือเดินกำแพง 3 ด้าน ตลอด 3 ยาม ในราตรีนั้น เดินไปเดินมาก็สวด รัตนสูตร ยานีธ ภูมินิ สมาคตนิ ภุมมานิ วา ยานิว อันตลิกเข ท่าน รู้ แต่ท่านบอกว่า เมื่อพระอานนท์ใช้ศัพท์คำว่า ยังกิญจิ เท่านั้นล่ะ เป็นต้น เป็นอันว่าพระเถระกล่าวเท่านั้น น้ำที่สาดท่านก็สาดน้ำไปด้วยน้ำมนต์ อย่าลืมนะ ทำน้ำมนต์น่ะบทนี้นะ เมื่อสาดน้ำขึ้นไปเบื้องบน น้ำขึ้นไปลอยเบื้องบนตกลงมากระหม่อม กระหม่อมของอมนุษย์ทั้งหลายคือเปรต อสุรกาย เป็นต้น พวกนั้นทนไม่ไหว วิ่งกันพล่านไปหมด จำเดิมแต่การกล่าวคาถา ยานีธ ภูตานิ เป็นต้น หยาดน้ำเป็นราวกับว่า เทริดเงิน คือชฎาพุ่งขึ้นไปในอากาศ แล้วตกลงมาเบื้องบน ตกลงมาบนหัวของบรรดามนุษย์ ทั้งหลายผู้ป่วย บรรดาคนป่วยทั้งหลาย หายโรคทันทีทันใด นั้นเองเห็นไหมล่ะ แล้วก็ลุกขึ้นแวดล้อมพระเถระ

    หนังสือท่านว่าอย่างนี้นะ ท่านบอกจำเดิมแต่บทว่า ยังกิญจิ เป็นต้น อันพระเถระกล่าวแล้ว บรรดาอมนุษย์คือพวกเปรต อสุรกาย สัมภเวสีทั้งหลาย ถูกเมล็ดน้ำกระทบแล้วทนไม่ไหว รีบวิ่งกันหนีกันพล่านไปก่อน คนที่อาศัยที่กองหยากเยื่อก็ดี ส่วนแห่งฝาเรือนเป็นต้นก็ดี ก็หนี หนีไปแล้วโดยประตู ออกประตูนั้นบ้าง ประตูนี้บ้าง เท่าที่มีประตู ท่านบอกบรรดาประตูทั้งหลายไม่มีช่องว่างเลย พวกนี้มันดันกันหมด เบียดกันออกไป บรรดาอมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อไม่ได้โอกาสก็ทำลายกำแพงหนีไป มหาชนประพรมท้องพระโรงในท่ามกลางแห่งพระนคร ด้วยของหอมต่าง ๆ แล้วก็ผูกผ้าเพดานอันวิจิตรนั้นด้วยดาวทอง เป็นต้น ตกแต่งพุทธอาสน์นำเสด็จสมเด็จพระบรมโลกนาถเสด็จเข้าไป

    แหม! วันนี้ไม่ทันจะถึงไหนเลย นาฬิกากริ๊งซะก่อนแล้ว ไม่พูดอะไรกัน เวลามันหมดแล้ว ก็ขอบอกว่าเรื่องน้ำมนต์ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลถ้าทำถูก. ๚ะ


    สามารถค้น ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
    จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
    ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต




    ที่มา : ศ.ธรรมทัสสี และเวป:
    http://www.watonweb.<wbr>com/book
    /prasutr/content.html
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2014
  10. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670
    ตามครรลอง.....
    เห็นป๋า toplus99 ทำเหมือนแมว โคราช ดึงออกชักเข้า แล้วยิ่งหน้าหวาดเสียวกว่ารู้ความอีก

    คิดถึงตอนไปเที่ยวลำพระเพลิง ตรงโขดหินศาลาริมน้ำหรือเปล่าจำไม่ค่อยได้ เห็นเพื่อนเขาเล่นน้ำกัน โดดเล่นน้ำกัน เขาสนุกสนาน ไอ้เราคนว่ายน้ำไม่เป็นก็ได้แต่ดู ก็เล่นกับเขาไม่ได้
    คิดแล้วอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ เพราะอยู่ข้างบน ได้กินของกินเต็มๆคนเดียว อิ่มครับ ให้พวกว่ายน้ำเป็นเขาเล่นกัน เรารับประท่าน ดีคนละอย่างนะ หึหึ
     
  11. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    จะเริ่มต้นฉากใหม่แล้ว...

    ห่างมานานจนลืมว่าเล่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว...

    ใครจำได้บอกที...คร่าวๆประมาณ เรื่องวิญญาณหมีเ ข้าร่างนักเลงชาวใต้


    จะหนีกระดานโน่น เมื่อพระอภิญญาท่านว่า..มานี่แล้ว..เยอะเกินเกือบ 100 หน้าแล้ว
     
  12. aeziss

    aeziss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +1,294
    รอคอยๆ..อิอิ
     
  13. ภิศรณ์

    ภิศรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +1,495
    welcome3

    มาจัดเตรียมการเปิดบ้านอีกหลัง รอเจ้าของเค้ามาน่ะ
     
  14. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ช่วงวันหยุดลาต่อเนื่องหลายวัน หลบร้อนไปนอนฝันอะไรบ้าบอๆ.. ในถ้ำเย็นๆดีกว่า

    ออกมา...คงมีเรื่องมาเล่ากันต่อตามประสาคนชอบหาเรื่อง(เล่า)

    ใครคุ้นเคยรู้จัก จะมาก็ตามมา ยาว 4-5 วัน...
    ใครไม่มีสำคัญธุระที่ไหนว่างๆก็ตามมาได้ ..

    ขอร้องแค่..อย่าเอาภาระพะรุงพะรังมาด้วย ตัวใครตัวมัน
     
  15. ภิศรณ์

    ภิศรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +1,495
    อนุโมทนา สาธุค่ะ

    ได้พักมาหลายเพลา หมดเวลาลั้ลล้าเสียแล้ว ต้องเตรียมตัวกลับฐานที่ตั้งทำการงานอีกครา
     
  16. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    กลับมาแล้ว..พกพาเรื่องมาเต็มเป้...หนักอึ้ง

    พร้อมด้วยพ้องเพื่อนและ ชาวครัวน้องสาวสุดน่ารัก pegaojung

    ก็พบปะฝึกทักษะทางจิตกันกระท่อนแท่นแบบหนุกๆ...ศาสตร์บางอย่าง

    ด้วยบรรยากาศมิตรภาพ ตามประสาเหล่าคิกขุอโนเนะ..อันแสนประทับใจ

    มาบอกไว้ก่อน เดี๋ยวก็ลบออก..

    คนไม่ไป..จะไปรู้อะไร๊!!

    แค่มาเล่าให้หมั่นไส้..ไปงั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2014
  17. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    copy มาไว้ก่อน เอาไว้ทวงสัญญาเรื่องเล่า ^^
    ไปครั้งนี้ happy สุดๆ
    ได้ฟังธรรมกับพระอาจารย์แบบสบายๆฮากระจาย
    แล้วท่านยังทักเรา เอ๊..คนนี้คุ้นหน้า
    ดีใจ ที่เราหน้าตาพิมพ์นิยม จำง่าย อิอิ

    แล้วยังได้มีโอกาสฝึก..จนไม่คาดคิดว่าเวลาล่วงจน ตีหนึ่ง
    รวมทั้งประชันสูตรยาต่างๆ ชิมกันตรึมมึนตามกันกะชื่อยา

    เราเป็นหญิงตัวกลมน้อยๆก็กลิ้งตามก้นพี่ๆเค้าไปมา
    ดูเหมือนว่าน่าเอ็นดู 555

    ทริปตะลุยถ้ำไม่ทะลุมิติวันนี้ คาดว่าจะถึงบ้านประมาณเที่ยงคืน
     
  18. ประชาชื่น13

    ประชาชื่น13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +43
    อิจฉาน้องแตน ได้ไปตะลุยถ้ำกับ ท่าน toplus99 แถมพระอาจารย์ยังให้ข้อธรรมมาอีก ทำให้ตาร้อนผ่าวเข้าไปอีก ขอสารภาพตามตรงอยากไปมากๆ แต่ภารกิจช่วงนี้หนาแน่นเหลือเกิน ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  19. wat2510

    wat2510 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +634
    สวัสดีครับ ผมก็ขออนุญาต ตามมาด้วยคนนะครับ คุณ ทูพลัส
     
  20. wat2510

    wat2510 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +634
    สวัสดีครับ คุณ pegaojung ผมได้ตามมาแล้วครับ ต้อมขอบคุณมากๆเลยนะครับ ที่กรุณาบอกผม ผมก็รู้สึกว่า ทำไมที่บ้านหลังนั้นเงียบจัง ที่แท้ก็มาที่บ้านใหม่กันนี่เอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...