อภินิหารหลวงพ่อเนียมเปลี่ยนรูปให้เป็นหนุ่มได้

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 26 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    [​IMG]


    ต่อมาไม่ช้าไม่นานเท่าไรนัก ท่านก็บอกว่า ต่อแต่นี้ไปเธอจงไป วัดน้อยที่จังหวัดสุพรรณบุรี ในเขตของอำเภอบางปลาม้า วัดน้อยนี่อยู่ในเขตอำเภอบางปลาม้า ใกล้อำเภอท่าพี่เลี้ยง อำเภอท่าพี่เลี้ยง ก็คือ อำเภอเมือง ใกล้จะสุดเขตอำเภอบางปลาม้า

    หลวงพ่อเนียมอยู่ในฐานะอาจารย์ของหลวงพ่อปาน การไปสมัยนั้น จะไปเรือจ้าง จะไปเรือเมล์ มันหายากเหลือเกิน ทางที่ดีจริง ๆ ก็ต้องไปธุดงค์ การไปธุดงค์ก็ไม่หนัก เพราะธุดงค์จนชิน ข้ามฟากจากวัดบางนมโคเดินตัดตรงมาตลาดบ้านแพน เดินตัดตรงไปประตูน้ำเจ้าเจ็ด หลังจากนั้นก็ตัดตรงไปอำเภอบางปลาม้า ใช้เวลาพักเวลากลางวันประมาณ ๒ วัน ก็ถึงวัดหลวงพ่อเนียม

    เรื่องความเป็นมาของหลวงพ่อเนียม ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทอ่านเอาตามหนังสือหลวงพ่อปานก็แล้วกัน แต่ว่าจะพูดถึงวิธีสอนของท่านสักนิดหนึ่ง เพราะในสมัยนั้นไม่ได้พูดถึงวิธีสอนของวิธีสอนของท่านก็คือว่า เมื่อวันที่สามผ่านไปแล้ว พอวันที่สี่ ก็ปรากฏว่าท่านให้ไปหาในโบสถ์ ทีนี้ในช่วงนั้น หลงงพ่อเนียมจริง ๆ อายุเห็นจะใกล้ ๘๐ ปี เรื่องอายุนี่ก็ไม่แน่นอน ไม่ขอยืนยัน ท่านแก่มาก

    ท่านนุ่งผ้าอาบผืนเดียว เอาผ้าอาบอีกหนึ่งผืนมาคล้องคอ ไปทางไหนก็มีไม้เท้า คือ ไม้อันหนึ่ง ไม้เท้าก็ไม่เป็นรูปไม้เท้า แต่ว่าคืนนั้นที่ไปหาหลวงพ่อเนียม ท่านนั่งอยู่หน้าพระพุทธรูป ห่มผ้าเรียบร้อยทรวดทรงสวยสดงดงาม ผิวเหลืองอร่าม สวย หน้าตาอิ่มเอิบ ท่านมีความหนุ่ม คล้ายกับคนอายุประมาณ ๒๘ ปี หรือ ๓๐ ปีที่มีเนื้อเต็ม พอเข้าไปแล้วก็สงสัย เอ๊
     
  2. ดาวดึงส์

    ดาวดึงส์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +37
    เคยอ่านเรื่องนี้จากหนังสืออ่านเล่นของหลวงพ่อค่ะ ทั้งอ่านสนุกและได้ความรุ้และข้อคิดเยอะเลยค่ะ โมทนาด้วยที่ส่งเนื้อหาดีๆให้สมาชิกคนอื่นๆได้อ่านด้วยค่ะ หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.praruttanatri.com ค่ะ
     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ....

    คนเช่นเรามีพรหมวิหาร ๔ และศีล ๕ หน้าตาก็ผุดผ่องแล้ว มองแล้วก็มีความสุขตาม

    หลวงปู่เนียมท่านหมดกิเลสทั้งหลายแล้ว...อยากชมบารมีท่านจริง ๆ ครับ
     
  4. LNS@BDZ

    LNS@BDZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +1,585
    เรื่องนี้มาจากหนังสือหลวงพ่อธุดงค์ครับ แต่จากหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน ก็มีพูดถึงหลวงพ่อเนียมเหมือนกัน ลองอ่านดู (จากเว็บพลังจิตนี่แหละ)


    หลวงพ่อปานกับหลวงพ่อเนียม


    ทีนี้เวลาหลวงพ่อปานไปหาหลวงพ่อเนียมก็ไปโดนตีเข้า เข้าไปแล้วเจอะหลวงพ่อเนียมที่ไหน ความจริงหลวงพ่อเนียมก็เดินคว้าง ๆ อยู่กลางวัดนั่นแหละ มีผ้าอาบ 1 ผืนที่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าผ้าขาวม้า แต่ว่าพระนั่นเขาเรียกผ้าอาบน้ำฝนสีเหลือก แต่ว่าผ้าที่ท่านนุ่งมันไม่เหลือง มันตุ่น ๆ เข้าไปแล้ว มันจะดำ เหลืองหมดไป ขาวก็ไม่ขาว กลายเป็นผ้าดำ ๆ นุ่งแบบชนิดไม่รัดประคดคาดลอยชาย ผ้าอีกอผืนหนึ่งแบบเดียวกัน คล้องคอเดินไปรอบวัด มีหมาวิ่งตามเป็นฝูง ยี่ห้อนี้คล้าย ๆ ฉันนะ นี่อย่าเอาบารมีฉันไปเปรียบกับหลวงพ่อเนียมนะ ที่ว่าคล้ายนี่คล้ายตอนที่หมาวิ่งตามนี่แหละ ฉันก็เหมือนกัน เวลาฉันไปไหนหมามันชอบวิ่งตาม ฉันก็ชอบคุยกับหมา เดินไปเดินมาคุยกับหมา ๆ มันไม่ขัดคอฉัน เวลามันพูดว่าอย่างไรฉันไม่รู้เรื่อง ฉันพูดไปมันรู้หรือไม่รู้ก็ไม่รู้ แล้วก็เลยพูดสบาย หลวงพ่อปานก็บอกว่าเมื่อท่านเห็นน่ะ ก็ไม่รู้ว่าหลวงพ่อเนียม เห็นพระแก่ ๆ ผอม ๆ นุ่งผ้าลอยชายผืนหนึ่ง เอาผ้ามาคล้องคออีกผืนหนึ่ง เอาผ้ามาคล้องคออีกผืนหนึ่ง เดินมีหมาฝูงหนึ่งวิ่งตามไป ท่านก็คุยกับหมาตัวโน้นบ้างตัวนี้บ้าง เดี๋ยวก็ยิ้มกับหมาตัวโน้นลูบหัวหมาตัวนี้ ท่านก็นั่งดู เอ ว่าพระอง๕นี้น่าจะเป็นหลวงพ่อเนียม ท่านไม่รู้จักนี่ ทำไมหลวงพ่อปานจึงคิดอย่างนั้น ก็เพราะว่าหลวงพ่อปานอยู่กับหลวงพ่อสุ่น ๆ นี่เป็นพระชั้นอ๋องแล้วนะ เป็นพระลืมเกิดแล้ว ท่านสอบหลวงพ่อปานได้ดีทุกอย่าง รู้จนกระทั่งหลวงพ่อปานเคยปรารถนาพุทธภูมินา นี่พระขนาดนี้ก็อ๋องแล้ว แต่ว่าเวลาที่หลวงพ่อปานไปหาหลวงพ่อเนียมน่ะหลวงพ่อสุ่นตายแล้ว เมื่อหลวงพ่อสุ่นตาย หลวงพ่อป่านท่านก็บอกว่าท่านก็ต้องหาที่เกาะต่อไป เพราะหลวงพ่อสุ่นบอกไว้ว่าหลวงพ่อเนียมท่านเก่ง ท่านว่าอย่างนั้น ท่านก็เลยเดา ๆ เอาว่า พระองค์นี้ต้องเป็นหลวงพ่อเนียม ก็วางกลด วางย่าม ถอดรองเท้าจำไว้ด้วยนะพระผู้น้อยที่จะเข้าหาพระผู้ใหญ่น่ะเขาต้องวางอะไรต่ออะไรทั้งหมด รองเท่าก็ต้องถอด พระสมัยนี้เขาถอดกันหรือไม่ถอดก็ไม่ทราบ เขาทันสมัย เข้าไปถึงก็กราบ หลวงพ่อปานบอกว่าแทนที่ท่านจะยกมือรับไหว้ กลับจ้องหน้าเป๋ง วาจาที่กล่าวมาเป็นวาจาแรกก็คือ มึงจากไหนวะ มึงมากราบกูทำไม เอาเข้านั่น หลวงพ่อปานบอกว่า เกล้ากระผมมาจากเมืองกรุงเก่าขอรับ กระผมจะมานมัสการหลวงพ่อขอเรียนพระกรรมฐาน วาจาอีกคำที่ตอบมมากก็คือ กรรมฐานโคตรพ่อโคตรแม่มึงมีที่ไหน กูไม่มีกรรมฐาน คนบ้านนี้เขาหาว่ากูบ้า กูเป็นบ้านกูพูดกับหมูกูพูดกับหมา กูกินข้าวกับหมูกับหมาได้ มึงจะมาเรียนกรรมฐานกับกูยังไง กูไม่รู้กรรมฐานมันเป็นยังไง ว่าแล้วก็ขับไล่ไสส่งให้กลับวัด หลวงพ่อปหานก็นั่งทนฟังอยู่ ในที่สุดเห็นท่าจะไม่ได้เรื่องก็เลี้ยวไปหาพระในวัดไปขออาศัยนอน แล้วก็ถามพระในวัดว่าพระองค์นั่นน่ะชื่ออะไร พระท่านก็บอกว่าองค์นั้นแหละชื่อหลวงพ่อเนียมละ

    หลวงพ่อปานก็สมใจคิดว่า ดีละ ในเมื่อพบหลวงพ่อเนียมก็จะต้องเรียนให้ได้ เอาซิมาพบคนดีตามคำสั่งของหลวงพ่อสุ่นเข้าแล้ว ในเมื่อพบเข้าแล้วเช่นนี้จะถอนได้อย่างไร ไอ้เรื่องจะถอนไม่มีวันละ ไม่มีวันถอน วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อปานก็เข้าไปหาท่านอีก ตอนนี้เข้าไปตอนเช้าเวลาที่พระฉันข้าว คือว่าพระที่ท่านพักอยู่ด้วยก็ดีเหมือนกัน ในตอนเข้าต้มข้าวต้มให้ท่านฉันแล้วก็บอกว่า ถ้าหาหลวงพ่อเนียมต้องหาตอนเช้าจะค่อยยังชั่วสักหน่วย ถ้าหาตอนเย็นไม่ได้ แดดแข็งแดดจัด ๆ ดีไม่ดีท่านก็ตวาดเอาง่าย ๆ เวลาที่หลวงพ่อเนียมฉันข้าวก็ปรากฏว่าท่านนั่งบนโต๊ะ 2 ชั้น ข้างล่างเป็นโต๊ะตัวโต ข้างบนตัวย่อมหน่วย มีกับข้าวเต็ม ท่านฉันองค์เดียว พระองค์อื่น ๆ ตั้งวงฉันไม่ไกลกันนัก บนโต๊ะของท่านพื้นโต๊ะชั้นที่ 1 มีหมดเต็มหมด ท่านกินข้าวคำ ท่านก็ป้อนตัวโน้นคำป้อนตัวนี้คำ แล้วก็ท่านฉันคำ ป้อนหมาบ้างกินเองบ้าง ป้อนแมวบ้าง คุยกะหมาคุยกะแมวไปตามชอบใจ เมื่อหลวงพ่อปานเข้าไปกราบ ๆ ท่านก็ด่านเอาอีก ท่านด่าเอา ท่านไม่ยอมสอน ท่านบอกว่าท่านไม่รู้กรรมฐาน ตอนนี้ล่อโคตรพ่อโคตรแม่เข้าเลย เอากันอย่างหนักในเมื่อหลวงพ่อปานเห็นท่าไม่ได้การ มองดูพระพี่เลี้ยงที่ไปอาศัยกุฏิอยู่ ท่านก็พยักหน้าให้เข้าไปหา ท่านก็เลยเข้าไปหา พระองค์นั้นท่านก็บอกว่าคอยก่อน พรุ่งนี้เข้าไปหาใหม่

    พอวันรุ่งขึ้นก็เข้าไปหาในเวลานั้นอีก ก็ถูกด่าพ่อล่อแม่อีก เอาขนาดหนัก ท่านยืนยันแบบนี้ชักนิ่งเอา ตอนนี้หลวงพ่อเนียมนิ่ง นั่งมองหน้าเป๋งสักครึ่งชั่วโมง ไม่ใช่น้อยนะ ไม่พูดละมองเป๋งตาไม่กระพริบ หลวงพ่อปานก็หมอบอยู่ข้างเท้าของท่าน หมามันก็เลียหัวเลียหูเลียหลังบ้าง ท่านก็ปล่อยมัน บอกว่าช่างมัน ไอ้หัวเรากับลิ้นหมามันก็คล้ายคลิงกัน ไอ้ลิ้นหมามันก็อยู่ส่วนหัว ไอ้หัวเราก็อยู่ส่วนหัว มันปะทะกัน ไม่เป็นไรหัวต่อหัว ท่านบอกว่าดีน่ะนา มันยังไม่เอาหัวแม่เท้าของมันมาพาดหัวเรา ๆ ก็ยังไม่ว่ามัน เพราะอย่างน้อยที่สุดมันก็ยังเป็นหมาของหลวงพ่อเนียม ๆ จ้องเป๋งสักครึ่งชั่วโมงแล้วก็พูดมาคำ บอกว่า ไอ้…..กะแม่ ไอ้พวกเมืองกรุงเก่านี่น่ะดื้อด้านเหลือทน โคตรแม่มันดื้อด้านมาก ด่าเท่าไหร่ก็ไม่เจ็ด ด่าเท่าไหร่ก็ไม่ช้ำ เอา มันอยากจะเรียนก็เรียนซีวะ ในเมื่อชาวบ้านเขาหาว่ากูบ้าแล้วมึงเรียนกับกู มึงก็เป็นคนบ้า ต่อไปมึงจะต้องบ้าอย่างกูนะถ้ามึงเรียนกับกู หลวงพ่อปานก็เลยบอกว่า บ้าก็บ้าครับ ผมยอมบ้าถ้าผมไม่อย่างบ้าผมก็ไม่มาหาหลวงพ่อ นี่ผมได้ยินข่าวหลวงพ่อแล้วผมอยากบ้าอย่างหลวงพ่อขอรับ ตอนนี้ท่านบอกว่าเพิ่งจะได้ยินเสียหัวเราะลั่น ๆ เลย หัวเราะเสียดังบอกว่า เออ กูหาคนอยากจะบ้ามานานแล้วหาไม่ได้ นี่กูบ้าคนเดียวมานาน ต่อไปนี้กูจะมีเพื่อบ้าละโว้ยเอาเข้านั่น หลวงพ่อปานชอบใจ หลวงพ่อปานบอกว่าหลังจากนั้นท่านก็เลยสั่งว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ตอนนี้พูดดี กลางคืนเวลาประมาณสัก 2 ทุ่มนะ เอ็งนุ่งสบงทรงจีวรคาดสังฆาฏิให้ดีเข้าไปหาข้าในกุฎิ เวลากลางวันนี้มันจะเรียนกันยังไงวะกรรมฐาน เขาเรียนกันกลางคืน มันเงียบสงัดตอนนี้ชักดี หลวงพ่อปานก็บอกว่าใจชื้น พอตอนกลางคือนหลวงพ่อปานเข้าไปหาท่าน ปรากฏว่ารูปร่างท่านผิดไปมาก ผิวดำผอมเกร็งแบบนั้นไม่มี ท่านนุ่งสบงทรงจีวรพาดสังฆาฏิเหลืองอร่าม ผิวการสมบูรณ์ ร่างกายสมบูรณ์ หน้าตาอิ่มเอิบ รัศมีกายผ่องใส สวยบอกไม่ถูก หลวงพ่อปานกราบ 3 ครั้งแล้วก็นั่งมอง ท่านก็นั่งมองยิ้ม ๆ แล้วท่านก็ถามว่า แปลกใจรึคุณ ตอนนี้พูดดีถามว่าแปลกใจรึคุณ หลวงพ่อปานก็ยกมือนมัสการ บอกว่าแปลกใจขอรับ ว่าหลวงพ่อรูปร่างไม่เหมือนตอนกลางวัน ท่านก็บอกว่ารูปร่างนะคุณมันเป็นอนัตตานี่ คือว่าเป็นอนิจจัง มันหาความเที่ยงไม่ได้ มันจะดำเราก็ห้ามมันไม่ให้ดำไม่ได้ มันจะขาวเราก็ห้ามไม่ให้มันขาวไม่ได้มันจะผอมเราก็ห้ามไม่ได้ มันจะอ้วนเราก็ห้ามไม่ได้ มันไม่มีอะไรจะห้ามได้เลยนี่คุณ พระพุทธเจ้าท่านทรงกล่าวว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมันเป็นอนิจจัง เห็นไหม ไปเจอเอาตัวอนิจจังเข้าแล้วซิ หลวงพ่อปานบอกว่าตอนนี้จะเริ่มสอนกรรมฐาน อธิบายไปเราะจับใจ ฟังง่ายจริง ๆ พูดได้ซึ้งใจทุกอย่าง เวลาท่านพูดคล้าย ๆ ว่าจะบรรลุอรหันตผลไปพร้อม ๆ ท่าน ท่านสอนได้ดีมาก พอสอนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็บอกให้ไปพักทีกุฏิอีกหลงหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับกุฏิของท่านแล้วเลาทำกรรมฐานกลางคือนหลวงพ่อปานวางอารมณืผิด ท่านจะร้องบอกไปทันที บอกคุณปานเอ๊ยคุณปาน นั่นคุณวางอารมณ์ผิดแล้วนี่หว่า ตั้งอารมณ์เสียใหม่มันถึงจะใช้ได้ นี่หลวงพ่อปานบอกว่าท่านมีเจโตปริยญาณแจ่มใสมาก ท่านเรียนพระกรรมฐานอยู่กับหลวงพ่อเนียม 3 เดือนแล้วจึงกลับ ก่อนหลวงพ่อปานจะกลับ หลวงพ่อเนียมก็บอกว่า ถ้าข้าตายนะ หลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดันเขาแทนข้าได้ ถ้ามีอะไรสงสัยก็ไปถามหลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดันนะ

    ความจริงหลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดันหรือวัดอัมพวันสมัยนี้ ก็อายุไล่เรี่ยกับหลวงพ่อปาน รุ่นราวคราวเดียวกัน หลวงพ่อปานท่านบอกเกร็ดระหว่างที่ท่านได้อยู่กับหลวงพ่อเนียมหลวงพ่อเนียมเล่าให้ฟังว่า มีวันหนึ่งหลวงพ่อเนียมท่านนั่งฉันข้าว ท่านก็หัวเราะกั้ก ๆ ขึ้นมาแมวของท่านตายไปตัวชื่ออีไฝ เพราะว่ามีไฝที่ปาก ท่านเรียกว่าอีไฝ ท่านหัวเราะแล้วท่านก็พูดคนเดียวบอกว่า เอ๊ย อีไฝของข้ามันดีเว้ย มันไปเกิดเป็นคนที่ตลาดโควัง บ้านอยู่หัวตลาดโควังพ่อมันชื่อนั่น แม่มันชื่อนั่น พระที่กำลังฉันข้าวอยู่สงสัยก็จำไว้ พอครบเวลา 1 ปีผ่านไป พระที่สงสัยมีจำนวน 2 องค์ก็พากันไปดู ไปถามว่าคนชื่อนี้มีไหม เขาก็บอกว่ามี บอกว่าเขามีลูกผูหญิงอายุสักไม่กี่เดือนนี่มีหรือเปล่า บอกว่ามี มีไฝที่ปากหรือเปล่า ท่านบอกด้วยนะว่าอีไฝของท่านไปเกิดมันก็มีไฝที่ปากอีก เขาก็บอกว่ามี ก็ถามหาบ้าน เมื่อถามหาบ้านแล้วก็ปรากฏว่าเขาพาไป เมื่อเขาพาไปพบ เจ้าของบ้านเขาก็ถามว่ามาทำไม พระพวกนั้นก็เริ่มโกหกบอกว่าหลวงพ่อเนียมท่านใช้มาบอกว่าแมวของท่านตายมาเกิดเป็นลูกบ้านนี้ มีไฝที่ปากเป็นผู้หญิงแล้วบอกชื่อพ่อชื่อแม่ ท่านพ่อท่านแม่ของเด็กดีใจมากว่าได้ลูกที่เป็นแมวของหลวงพ่อเนียมแล้วก็สั่งพระว่าบอกหลวงพ่อด้วยนะ ถ้าเด็กคนนี้อายุครบ 3 เดือนเมื่อไรละก็ จะพาเด็กไปถวายหลวงพ่อ จะพาไปนมัสการ ไปไหว้ พระพวกนั้นก็กลับ พอครบ 3 เดือน เขาพาไปถึงก็ไปประเคนเด็กลงที่เท้าของท่าน หลวงพ่อเนียมตกใจ ทำท่าตกใจไปยังงั้นเอง ถมว่าเอ๊ะมันยังไงกันหว่า มาถึงก็มายกเด็กมาวางที่ขาข้า เขาก็บอกว่าก็ลูกของหลวงพ่อไงล่ะ แมวชื่อไฝของหลวงพ่อไปเกิดเป็นลูกฉัน ท่านก็ถามว่า เอ๊ะเอ็งรู้ได้ยังไงวะ เขาก็เลยบอกว่าพระไปเยี่ยม พระบอกว่าหลวงพ่อบอกว่าแมวของหลวงพ่อไปเกิดเป็นลูกสายฉัน มีไฝที่ปาก ถามชื่อเสียงเสร็จถูกต้อง พูดอะไรถูกต้องหมด ท่านถามว่าพระองค์ไหนจำได้ไหม เขาบอกว่าเถ้าเห็นหน้าจำได้ก็เรียกพระมาทั้งหมด ปรากฏว่าพระ 2 องค์นั้นไม่มา พระ 2 องค์ที่ไปสืบน่ะหนีไปหลังวัดท่านถามว่า พระทั้งหมดนี่น่ะใช่ไหม พระที่ไปที่บ้านเอ็งมีไหม เขาบอกว่าไม่มี พระ 2 องค์นั้นไม่มี ก็เลยใช้พระองค์หนึ่งไปตามบอกว่า โน่น มันหนีไปหลังวัดโน่น ไปตามมันมา พระองค์ที่ไปตามไปพบกันเข้ากับพระ 2 องค์นั้นก็บอก นี่คุณกลับไปเถอะ ไปบอกหลวงพ่อ บอกว่าตามไม่พบนะ เดี๋ยวผมจะไปนอนค้างที่วัดลานคา ๆ กับวัดน้อยไม่ไกลกันนัก พระองค์นั้นก็กลับมาบอกว่าไม่พบขอรับ ท่านก็บอกว่ามันจะพบยังไงหว่า ก็มันสั่งมึงมานี่ให้บอกกูว่าไม่พบพระองค์นั้นจนด้วยเกล้าต้องยอมรับ จึงกล่าวได้ว่าหลวงพ่อเนียมมีเจโตปริยญาณ มีทิพยจักษุญาณดีมาก เรียกว่าสำหรับจุตูปปาตญาณก็แจ่มใสมาก ความจริงก็ไม่ต้องพูดอะไรนะ ถ้ามีทิพยจักษุญาณแจ่มใสเสียอย่างเดียว อย่างอื่นมันก็แจ่มใสหมด แต่ว่าทิพยจักษุญาณจะแจ่มใสได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับวิปัสสนาญาณ คือ 1 มี ญาณดี 2 มีวิปัสสนาญาณแจ่มใส ถ้า 2 ประการนี้มีกำลังพอกันเพียงใด เรื่องทิพยจักษุญาณก็ไม่ต้องสงสัย แต่ว่าเรื่องของสาวกน่ะอย่าไปเทียบกับพระพุทธเจ้านะ เรื่องที่ไม่เผลอ ไม่ลือมไม่มี ที่ไม่เผลอไม่ลืมก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว นี่ว่ากันถึงเรื่องตอนนี้นะ

    เรื่องรวมของหลวงพ่อเนียมน่ะยังไม่หมด มีอีกตอนหนึ่งที่หลวงพ่อปานเล่าให้ฟัง ท่านบอกว่า ความจริงก็น่าจะมีสัก 2 ตอนนะ ตอนหนึ่งที่หลวงพ่อปานเล่าให้ฟังก็คือว่า ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านเคยเทศน์ เทศน์กับอาจารย์แสงวัดพะเนียงแตก อาจารย์แสงนี่คราวที่ไปกรุงเทพฯวันที่ 1 มกราคม ท่านพลอากาศตรี ม.ร.ว.เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศ พูดให้ฟังว่า ใครเขาเอาพระของอาจารย์แสงมาให้ก็ไม่ทราบ ความจริงอาจารย์แสงอง๕นี้สมัยนั้นมีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดพระเนียงแตกนี่น่ะมีชื่อเสียงมากจริง ๆ เวลาใครเขาจะไปสึกเขาไปสึกที่วัดพระเนียงแตก แล้วท่านจะถามว่าเวลาสึกนี่น่ะ ต้องการรวย หรือว่าต้องการเจ้าชู้หรือว่าต้องการเป็นนักเลง หรือต้องการเมตตาปรานี ถ้าใครต้องการรวยท่านก็รดน้ำมนต์ให้สึกไปแล้วรวยมีโชคดี ถ้าคนไหนบอกว่าอยากมีเมียมาก ๆ เป็นเจ้าชู้รดน้ำมนต์แล้วไม่เกิน 2 วันได้เมียเลย แล้วก็ได้เรื่อยไป ไม่มีจังหวะ ก็เลยตั้งตัวไม่ติด ถ้าต้องการนักเลง รดน้ำมนต์ให้แล้วส่งเชือกให้ แวบอกว่าไปลักควายเขา อาจารย์องค์นั้นจะเป็นอาจารย์แสงหรืออะไรไม่ทราบแต่วัดพะเนียงแตกมีชื่อมานาน แต่สมัยหลวงพ่อเนียมนั้นน่ะ สำหรับวัดพะเนียงแตกนี่กีมีอาจารย์แสงเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อเนียมเคยเล่าให้หลวงพ่อปานฟังว่า ไอ้ท่านแสงน่ะข้าเทศน์กับมันทุกคราว เรียกว่าข้าเทศน์กับมันเรื่อย มันไล่ข้าเสียเกือบตายทุกที เหนื่อย ข้ามันแก่แล้วนี่มันหนุ่มกว่าข้า มันไล่ข้า ข้าก็ไม่จน เข้าก็ตอบมันได้เรื่อย แต่ทว่ามาอีวันหนึ่งข้าไปเทศน์กับมันที่วัดลาดหอย คำว่าลาดหอยนี่ก็อยู่ใกล้ ๆ กับประตูน้ำบางยี่หน วันหนึ่งอาจารย์แสงไปถึงก่อนชาวบ้านเขาก็เอาหมาก เอาพลู เอาบุหรี่ เอาชา เอาน้ำร้อนน้ำเย็นมาถวายกัน เขาก็หัวเราะกันครืน ๆ ท้ายอาสนสงฆ์ ข้าไป ข้าก็ไปนอนอยู่หัวอาสนสงฆ์ ชาวบ้านไม่มีใครเขาสนใจกะข้าหรอก เขาไปคุยกับท่านแสง มันมีลีลาดี มันโกหกชาวบ้านเก่ง มันก็คุยกัน ฮา ๆ ๆ คุยไปคุยมาเดี๋ยวมันร้องตะโกนมาบอกว่า หลวงพ่อเนียมวัดน้อยน่ะ คุยว่ารู้ใจคนอย่างนี้น่ะเป็นการอวดอตริมนุสธรรม ขาดจากความเป็นพระแล้ว ไม่ใช่พระ ถ้าหบวงพ่อเนียมเก่งจริงก็ลองบอกซิว่าเวลานี้น่ะผมมีความในใจเป็นยังไง

    หลวงพ่อเนียมบอกว่าพอฟังมันพูดเท่านั้นแหละ ก็นึกในใจว่าถ้าจะนิ่งไม่ได้เสียแล้วไอ้ท่านแสงนี่อวดดีมาก เก่งบนธรรมาสน์ไม่พอ มาท้าตีกันใต้ธรรมาสน์อีก ไม่ได้จะต้องเอากะมันท่านก็เลยลุกจากที่นอนกวักมือเรียกท่านแสง แกอยากจะรู้ว่าข้ารู้จริงหรือไม่จริงเชิญเข้ามาหาข้านี่ อาจารย์แสงเขาก็มา ชาวบ้านเขาก็เข้ามากัน ถามว่าแกอยากจะให้ข้ารู้อะไร อาจารย์แสงก็เลยบอกว่าถ้ารู้จริงก็บอก เวลานี้ผมมีความสุขหรือความทุกข์ หลวงพ่อเนียมก็เลยบอกว่าไอ้คนอย่างแกมันจะหาความสุขที่ไหนวะ ก็เวลานี้แกสร้างโบสถ์ แกขอยืมเรือมาด 4 แจวของชาวบ้านเขามา เขาซื้อมากราคา 400 บาท ยังเป็นเรือใหม่ แล้วไอ้เรือลำนั้นขโมยมันลักไปเวลานี้แกยังเทศน์รวบรวมเงินใช้หนี้เขาไม่หมด ก็เทศน์สมัยนั้นนี่นะลูกหลานนะ ถ้าใครไปเทศน์ได้ถึง 20 บาทละก็เฮงเต็มทีแล้ว อย่างดีก็ 5 บาท 6 บาท เท่านี้ก็เรียกว่ารวยแล้ว ไม่ใช่ราคาร้อยราคาชั่งอย่างเวลานี้ ตามปกติเทศน์กันก็ได้ห้าสลึงบ้าง สองบาทบ้าง ดีไม่ดีก็ไม่ค่อยจะถึงบาท สมัยนั้นถ้าใครได้มา 20 บาท ก็จัดว่าเป็นนักเทศน์อย่างดี ในเมื่อหลวงพ่อเนียมบอกอย่างนั้นนะ ว่าแกมันยังหาเงินใช้หนี้เขาไม่หมด เป็นความจริงไหม ตอบตรง ๆ หลวงพ่อแสงก็บอกว่าจริง หลวงพ่อแสงก็ถามว่าทำยังไงล่ะผมถึงจะใช้หนี้เขาหมด ท่านก็เลยบอกว่าไอ้แกมันโง่นี่ แกกลับไปซี เวลาวันพระไปบอกกับชาวบ้านเขา บอกว่าเวลานี้เรือมาด 4 แจวขอยืมเขามาขนทรายขนอิฐ ขนดินทำอิฐจะสร้างโบสถ์ ขโมยมันลักไป ไอ้แกตั้งใจจะใช้หนี้เขาแต่ก็ยังไม่มีเงิน ไปเทศน์รวบรวมเงินมาแล้วมันยังไม่พอ เวลานี้แกมีเงินอยู่ 80 บาท เศษ ๆ ใช่ไหมล่ะ ท่านถาม อาจารย์แสงตอบว่าใช่ อาจารย์แสงยกมือพนมแต้ อีตานี้ไม่เบ่งละพนมแต้เชียว ตอบใช่ ก็บอกว่านี่แกประกาศกับเขาซีว่าแกเทศน์มาได้ 80 บาทเศษ ๆ ก็ตั้งใจจะใช้เป็นค่าเรือ มันยังไม่พอ ถ้าบรรดาญาติโยมทั้งหลายจะช่วยละก็ จะช่วยกันคนละเล็กละน้อยตามกำลังศรัทธาก็เป็นการดี แกบอกเท่านี้ละนะ แกจะได้กำไรอีก 400 บาท หมายความว่าไอ้ที่จะใช้เขา 400 บาท มันยังจะเหลืออีก 400 บาท ได้ 800 บาท นั่นเอง หวงพ่อแสงก็ถึงกับกราบ วันนั้นท่านบอกกับหลวงพ่อปานว่า ไอ้ท่านแสงมันไม่ไล่ข้าเลยว่ะ เทศน์กันแบบสบาย พอมันกลับไปวัดมัน ถึงวันพระมันประกาศตามกันว่า มันได้ 800 บาท จริง ๆ ไอ้ท่านแสงตามมาไหว้ข้าถึงวัดแน่ะ แล้วต่อจากนั้นจะเทศน์จะธรรมมันไม่ไล่ข้าอีกหรอกก เทศน์กันสบายเชียวนี่เป็นเรื่องของความรู้ของท่านนะ หลวงพ่อปานพูดในตอนนี้บอกว่าหลวงพ่อเนียมน่ะมีญาณคล้าย ๆ กับพระอรหันต์ ท่านว่ายังงั้นนา ท่านว่ามีคุณสมบัติคล้ายพระอรหันต์ ท่านไม่บอกว่าพระอรหันต์นะ ท่านบอกว่าคล้าย ใครจะไปว่าท่านล่ะ จะเหมือนหรือจะคล้ายก็ช่าง

    วิชาเกร็ดก็มีอีกอย่างหนึ่ง หลวงพ่อเนียมบอกกับหลวงพ่อปานว่า เมื่อก่อนหน้าแกมานะแหมข้าเกือบน่ะว่ะ หลวงพ่อปานถามว่าเป็นยังไงครับ หลวงพ่อเนียมบอกว่าที่ไหนได้ ข้าถูกงูกัด ข้าเดินไปกลางลานวัด ข้าถูกงูกัด ๆ แล้วก็เห็นมันเป็นงูเห่า ข้าก็เลยมากุฏิ นั่งเป่า ๆ ๆ พักเดียวมันก็หาย หลวงพ่อปานก็เลยอยากได้คาถาแก้งูเห่าบ้าง ถามว่า หลวงพ่อครับหลวงพ่อใช้คาถาอะไรเป่าพิษงูเห่าหาย ท่านก็บอกว่าไอ้คาถาที่เข้าเป่านี่น่ะมันมีเยอะว่ะ ในเจ็ดตำนานทั้งหัวมันใช้ได้ทั้งนั้นแหละ แกเอาตรงไหนก็ได้ หลวงพ่อปานบอกว่าหมดท่าเลย พ่อเล่นบอกว่าเจ็ดตำนานทั้งเล่มเอาตรงไหนก็ได้ นี่แสดงว่าจิตเข้าถึงแท้นะ มีพลังจิตสูง แล้วอีกตอนหนึ่งท่านบอกว่า ไอ้พวกผีนี่น่ะมันจะเอาคนแถวนี้ ข้าไม่ยอมให้มัน มันบอกมันจะเอาคนตั้ง 200 คน มันขอข้า ข้าไม่ให้มัน ๆ เอาไปตั้ง 200 คน ข้าก็ตายน่ะซี พระก็ตายไม่มีใครเลี้ยง คนน่ะมากกว่าแต่คนตายตั้ง 200 คน บ้านมันก็หนาวหมด เขาก็ยกบ้านหนี้หมด ข้าไม่ยอมให้มัน มันโกรธข้าแฮะ ข้าจะไปไหนก็ตาม มันถึงไม้แหลมอันหนึ่งเดินตามไป ไม่ว่ากลางวันกลางคืน ข้าก็ไม่ยอดเผลอให้มันแต่วันหนึ่งข้าไปส้วมว่ะ ข้าเผลอไป แหมพอไปส้วม เผลอไป มันย่องเข้าไปข้างหลังเอาไม่พุ่งปั๋งเข้าที่ท้อง ข้าขี้แตกพรวดเลย โอ้โฮมันขี้เสียหมดท้อง ชักไม่มีแรง เวลาออกมาจากส้วมต้องใช้ไม่เท้ายันมากุฏิ ข้าก็นอนแผ่ นึกเป่าตัวเองครึ่งวัน สักครั้งวันมีกำลังปกติ หลวงพ่อปานก็ถามว่าหลวงพ่อใช้คาถาอะไรเป่าขอรับ ท่านบอกว่าข้าเอาตามเจ็ดตำนานที่ไหนก็ได้ บทไหนก็ได้ ชอบบทไหนแกก็เอาบทนั้นเป่าส่งไปเถอะหายเองแหละ คนถ้ายังไม่ถึงเวลาจะตายน่ะหายเอง หลวงพ่อปานอยู่กับหลวงพ่อเนียม 3 เดือนก็ลากลับ ก่อนจะกลับหลวงพ่อเนียมก็ลูบศรีษะแล้วว่า ปานเอ๊ย เอ็งมันปรารถนาพุทธภูมินะ จะหวังอรหันต์ในชาตินี้น่ะไได้ แต่าทำไปเถอะ เพื่อบารมีของเอ็งจะได้เต็ม เวลาข้าตายแล้วถ้าเอ็งสงสัยอะไรก็ถามท่านโหน่งเขานะท่านโหน่งน่ะเขาพอจะแทนข้าได้
     
  5. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ถ้าจำไม่ผิดท่านก็เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

    สาธุ
     
  6. cassanovit

    cassanovit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    459
    ค่าพลัง:
    +939
    แนโมทนาครับ คนเรายึดติดกับขันธ์ 5 มากเกินไปจึงทำให้การปฏิบัติบางครั้ง เจริญไปได้ช้า
     
  7. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    [​IMG] สาธุ ครับ
     
  8. kaenlukson

    kaenlukson เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +2,126
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ

    ____________________________________________________


    ทาน ศีล สมาธิ
     
  9. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    อาจารย์หลวงพ่อวัดปากน้ำคือหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน ซึ่งนอกจากหลวงพ่อสดแล้วยังเป็นอาจารย์หลวงพ่อปาน หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ซึ่งหลวงพ่อโหน่ง ท่านก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเนียม เหมือนกัน

    รูปหลวงพ่อเนียม ถ่ายหลังจากท่านมรณภาพแล้ว ตอนท่านมีชีวิตอยู่ไม่มีใครถ่ายรูปท่านติดเลย สาธุ
    ขออนุโมทนาครับ
     
  10. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    อนุโมทนาสาธุ
    ใครมีคาถาย่นระยะทางและวิธีทำ ทำกันยังไง บอกหน่อยะครับ
    ตั้งเป็นกระทู้ก็ได้
     
  11. aircgo

    aircgo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +646
    "ท่านก็บอกว่า การเจริญพระกรรมฐานของพวกเธอทั้งหมดที่ทำมาแล้ว ไม่ผิด ถูกทุกอย่าง แต่ทว่าบางอย่างก็มีกำลังอ่อนไป บางอย่างมีกำลังพอดี บางอย่างก็เครียดเกินไป ขอให้พยายามตั้งกำลังใจให้ทรงตัว ให้พอดี ๆ อย่าใช้อารมณ์เครียด การเจริญกรรมฐาน จงอย่าถือเอาเวลานั่งสมาธิเป็นสำคัญ ถ้ายังใช้เวลานั่งสมาธิเป็นสำคัญ ก็ยังถือว่า ยังไกลต่อมรรคผลมาก เพราะขึ้นชื่อว่าความจริง วิปัสสนาญาณ นี่เขาแปลว่า ความจริง ที่แปลว่า รู้แจ้ง เห็นจริง ท่านบอกว่า ขึ้นชื่อว่า ความจริง มันมีอยู่กับเราทุกขณะ ทุกขณะที่เรายังมีลมหายใจเข้าออก เราต้องรู้จักความจริง อย่าถอยหลังไปหาความจริงที่แล้วมา หรือว่าอย่าคิดข้างหน้าไปหาความจริงที่ยังไม่ถึง"
    ขออนุโมทนาด้วยครับ กับสิ่งดีๆคำสอนที่ง่ายๆสบายๆเข้าใจง่าย...
    เข้าถึงแก่นธรรมได้...ซึ่งอยู่ใกล้ๆตัวเราเอง....ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล...
     
  12. kosabunyo

    kosabunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,045
    สาธุ สาธุ ถ้าบุญญา วาสนา บารมีของข้าพเจ้ามี
    ขอให้มีพระดี ดี มาโปรด (อฐิษฐานเวลาก่อนใส่บาตร ให้ยกมือท่วมหัวก่อน)
    สาธุ สาธุ ถ้าบุญญา วาสนา บารมีของข้าพเจ้ามี
    ขอให้มีพระดี ดี มาปกปักรักษา (อฐิษฐานเวลาก่อนนอน)
     
  13. เทพรัญจวน

    เทพรัญจวน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +248
    อนุโมทนาครับ

    นับถือหลวงปู่เนียมครับ
     
  14. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    รูปหลวงพ่อเนียมตอนท่านมรณภาพครับ

    [​IMG]

    หลวงพ่อเนียม วัด น้อย อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
    เป็นอาจารย์สอน พระกรรมฐานที่สำคัญองค์หนึ่งของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อปานเรียนพระกรรมฐานกับหลวงพ่อเนียมอยู่ ๓ เดือน ท่านเป็นผู้ทรงคุณธรรมขั้นสูงองค์หนึ่งที่หลวงพ่อสุ่นแนะนำไว้ ท่านมรณภาพในอิริยาบถสีหไสยาสน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 กุมภาพันธ์ 2008
  15. watnatangnok namai

    watnatangnok namai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +3,986
    การ ถ่ายรูปหลวงพ่อเนียมเล่ากันว่าถ่ายไม่ติด ครั้งหนึ่งมีช่างแผนที่มาทำการออกโฉนดที่ดินที่จังหวัดสุพรรณบุรี พระประมาณฯ เป็นหัวหน้าพร้อมด้วยฝรั่งสองคนเป็นผู้ช่วย ทราบเสียงเล่าลือว่าการถ่ายรูป หลวงพ่อเนียมนั้นถ่ายไม่ติด พระประมาณฯ กับฝรั่งนั้นต้องการพิสูจน์ความจริง ตามเสียงที่เล่าลือกันจะเป็นความจริงเพียงใด จึงไปที่วัดน้อยแล้วนิมนต์พระทั้งวัดมานั่งถ่ายรูปพร้อมด้วยหลวงพ่อเนียม เมื่อเอาฟิล์มไปล้างปรากฏว่าไม่มีรูปหลวงพ่อเนียมอยู่ในกลุ่มนั้นจริงๆ พระประมาณฯ กลับมาทดลองถ่ายอีกโดยขอให้หลวงพ่อเนียมเดินไปที่โอ่งน้ำมนต์ ถ่ายขณะที่หลวงพ่อกำลังเดินไปและขณะอยู่ที่โอ่งกำลังทำน้ำมนต์ ก็ไม่ติดอีกเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก อย่างไรก็ตามท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่าแล้วรูปถ่ายที่ลูกศิษย์ลูกหาเอาใส่กรอบบูชาและที่เอาลงหนังสือกันนั้นมาจากไหน จึงขอเรียนว่า รูปของหลวงปู่ที่ได้มามีเพียงรูปเดียว เป็นรูปที่ถ่ายได้หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว คือท่าที่เขาจัดให้ท่านนอนตะแคงบนตั่งเตียง ส่วนรูปท่านั่งนั้นเล่ากันว่า ช่างได้เอารูปหน้าของท่านไปตัดต่อสวมกับส่วนลำตัวของพระภิกษุรูปอื่น โดยมีการตกแต่งส่วนใบหน้าที่ไม่ชัดขึ้นมาโหม่
     

แชร์หน้านี้

Loading...