เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

แหวนมีให้บูชาอีกหรือเปล่าถ้ามี แจ้งด้วยนะครับ

 

สวัสดียามดึกครับพี่หนุ่มเมืองแกลง เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน และผู้ที่เคารพและศรัทธาหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ทุกๆท่านครับผม

 

จะนำลงในโอกาสต่อไป ขอบคุณครับ
ช่วงนี้จะมีงานต้องทำค่อนข้างวุ่นวายไปด้วย อาจลงอะไรในกระทู้ได้ไม่มากนัก

 

ผมจัดส่งพัสดุไปแล้วสำหรับทุกท่าน ที่โอนเงินชำระมาตั้งแต่วันศุกร์ จนถึงเช้าวันจันทร์นี้ครับ

 

ขอบคุณครับ ยินดีด้วยครับ

 

จัดส่งไปให้แล้วครับ ขอบคุณมากครับ

 

หมายเลขพัสดุ ระบบems ที่ได้จัดส่งไปแล้วเมื่อเช้านี้

EL 0559 70680 TH….. patcharanon
EL 0559 70693 TH….. บุญส่ง
EL 0559 70702 TH….. atiwan_p
EL 0559 70716 TH….. motto_san
EL 0559 70720 TH….. kieng

EL 0559 70733 TH….. คนบนเกาะ
EL 0559 70747 TH….. ก้าน
EL 0559 70755 TH….. bm5302
EL 0559 70764 TH….. Narong2508
EL 0559 70778 TH….. then9

EL 0559 70781 TH….. chumsakchee
EL 0559 70795 TH….. kieng
EL 0559 70804 TH….. หลวงแมว
EL 0559 70818 TH….. optimus prime
EL 0559 70821 TH….. kao9kao

EL 0559 70835 TH….. kitpada
EL 0559 70849 TH….. j999
EL 0559 70852 TH….. ลูกลพ.เขาสาริกา
EL 0559 70866 TH….. surasit_c

 

เชื่อว่าแทบทุกคนคงรู้จัก “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)” จากประวัติของท่านที่เขียนขึ้นโดย “มหาอำมาตย์พระยาทิพย์โกษา (สอน โลหะนันท์)” และ “ท่านพระครูปลัดมหาเถรานุวัตร (มหาแพ)” ได้จัดพิมพ์เป็นธรรมทานในคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี มีอยู่ตอนหนึ่งที่ได้กล่าวถึงวิชาที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ทรงใช้ขณะที่ท่านได้หลบหนีจากการที่ท่านได้รับแต่งตั้งให้มีสมณะศักดิ์เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งวิชาที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)ได้นำมาใช้นั้น สามารถเปลี่ยนใบหน้าของท่านทำให้คนที่รู้จักกลับจำท่านไม่ได้และกลับเรื่องร้ายแรงของชีวิตให้กลายเป็นเรื่องดีงาม เหมือนอย่างเช่นการกลับตาลปัด

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เสด็จสวรรคตลง ซึ่งขณะนั้นพระมหาโตมีอายุได้ ๖๔ ปี พวกข้าราชการได้ทูลอัญเชิญทูลกระหม่อมพระราชาคณะวัดบวรนิเวศน์วรวิหาร (รัชกาลที่ ๔) ให้เสด็จนิวัติออกเถลิงราชย์ฯ พระมหาโตเลยออกธุดงค์หนีหายจากวัดไปนานหลายเดือน และการหายไปของพระมหาโตครั้งนั้น ทำให้รัชกาลที่ ๔ ทรงกริ้วมาก ถึงกลับมีรับสั่งว่า “ท่านเหาะก็ไม่ได้ ดำดินก็ไม่ได้ แหกกำแพงจักรวาลหนีก็ยังไปไม่ได้”

พระองค์จึงทรงรับสั่งให้พระญาณโพธิฯ ออกติดตาม แต่ก็ไม่พบ จึงทรงมีรับสั่งว่า “ฉันจะตามหาเอง” ครั้นถึงเดือนเจ็ดปีนั้น มีกระแสรับสั่งถึงเจ้าเมืองทั่วราชอาณาจักร ให้จับพระมหาโตส่งมายังเมืองหลวงให้ได้ แต่ถึงแม้จะมีท้องตรารับสั่งเร่งรัดอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถพบพระมหาโตได้ เนื่องจาก “พระมหาโตลองใช้วิชาเปลี่ยนหน้า ทำให้คนรู้จัก กลับจำไม่ได้ เห็นเป็นพระองค์อื่น ปล่อยท่านไปก็มี” ซึ่งเรื่องราวใหญ่โตในการตามหา “พระมหาโต” ครั้งนั้น มาจบลงตรงที่ว่าพระมหาโตท่านพิจารณาเห็นว่า การที่ทางการจับพระสงฆ์ไปบีบคั้นให้ตามหาตัวท่าน ทำให้พระสงฆ์ต้องลำบากโดยไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเป็น ท่านจึงได้ไปแสดงตัวกับ “กำนันบ้านไผ่” ท่านจึงถูกส่งตัวลงมายังวัดโพธิเชตุพนฯ ธนบุรี ในเวลาต่อมา

เมื่อพระญาณโพธิฯ มาดูตัวพระมหาโตที่ถูกคุมตัวมาถึงเมืองหลวงแล้วก็จำได้ จึงได้พาท่านมาเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ.ที่ พระที่นั่งอมรินทรฯ โดยพระมหาโตก็มิได้ขัดขืนหรือแสดงอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด ยังคงภาวนาอย่างนิ่งสงบอยู่เช่นเดิม และเมื่อได้พบหน้าแล้ว ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๔ ก็มิได้ทรงกริ้วอย่างที่หลายคนคาดคิดไว้แต่แรก ทรงมีพระดำรัสต่อพระมหาโตว่า “เป็นสมัยของฉันปกครองแผ่นดิน ท่านต้องช่วยฉันพยุงพระบวรพุทธศาสนาด้วยกัน” โดยรัชกาลที่ ๔ ท่านจึงได้ทรงถวายสัญญาบัตรตาลปัตรแฉกหักทองขวาง ด้ามงาเป็นพระราชาคณะที่ “พระธรรมกิตติ ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆัง โฆสิตาราม ธนบุรี”

ในบันทึกนั้นได้กล่าวกันว่า การที่พระมหาโตได้ใช้วิชาอาคมเปลี่ยนหน้านั้น อาคมชนิดนี้เรียกกันว่า “นารายณ์แปลงรูป” และเป็นวิชาที่ทำให้เกิดเสน่ห์เมตตาไหลหลงต่อคนที่พบเห็น หากมีเรื่องใดที่ร้ายแรง จะกลับกลายเป็นดีอย่างกะทันหัน และคนที่สืบทอดวิชาเหล่านี้มีไม่มากนัก ต้องเป็นคนที่เข้าใจไสยศาสตร์ รู้อุปเท่ห์พระคาถา เห็นกลเม็ดการซ่อนคำ ซ่อนเคล็ดวิชามาแต่โบราณ จึงจะนำไปประยุกต์และใช้ได้ผลเต็มที่ และเรายังเชื่อกันว่า "โลกมนุษย์ที่เรามองเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ ประกอบไปด้วยโลกที่เรามองเห็นโดยปกติ กับโลกที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ ต้องอาศัยการพิสูจน์ด้วยการสัมผัสทางจิตวิญญาณ" เรื่องบางเรื่องที่ดูจะเหมือนๆกัน เมื่อเข้าไปสัมผัสแล้วจึงจะรู้ว่ามันไม่ใช่ บางทีชื่อเรียกอาจจะเหมือน หากแต่รายละเอียดที่มีอยู่นั้น กลับห่างกันสุดขั้วเลยก็ยังมี

 

เหรียญพรหมนารายณ์ ของขลังชั้นเยี่ยม ที่จะเป็นของชั้นดีและหายากอีกอย่างหนึ่งของเมืองไทยในอีกไม่ช้านี้
เครื่องรางที่ขอแนะนำสำหรับนักค้านักขาย นักพูด นักเจรจา นักธุรกิจติดต่องานหรือคนที่ยังขาดเสน่ห์ในตัวตน

วิชานารายณ์แปลงรูป เป็นวิชาที่มีมานานมากแล้วในอดีตกาล มีพุทธคุณหลักที่โดดเด่นในเรื่องของ “การกลับเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี” ในตำราไสยศาสตร์โบราณที่มีกล่าวบันทึกไว้ ได้กล่าวถึงอานุภาพของวิชานี้ไว้ว่า มีฤทธิ์ มีเดชมาก อุปมาดั่งพระนารายณ์อวตารแปลงรูปสามารถช่วยเหลือได้ในทุกโอกาส ทั้งเสน่ห์เมตตา มหานิยม กำบังพรางตัว หากแต่การสร้างให้ออกมาเป็นรูปขององค์พระนารายณ์เลยทีเดียวมักจะไม่มีใครทำกัน เนื่องจากว่าวิชานี้ค่อนข้างหาคนทำเป็นจริงๆได้ยาก เพราะต้องมีการตั้งอาการ เรียกรูป เรียกนาม ฯลฯ คิดง่ายๆก็คือว่า พระนารายณ์ท่านเป็นเทพผู้เรืองฤทธิ์การจะนำเอาคาถาไปกำกับรูปของพระนารายณ์มันจึงไม่ใช่ของง่ายๆ ดังนั้นคนโบราณจึงมักนำ “วิชานารายณ์แปลงรูป” นี้มาดัดแปลงเป็นตัวยันต์หรือใช้เป็นแบบคาถามากกว่า และเท่าที่ผ่านมาจะหาเครื่องรางที่ทำให้สำเร็จเกิดผลจริงในอุปเท่ห์ตามข้อกำหนดของวิชานารายณ์แปลงรูปได้น้อยชิ้นนัก

และนี่คือข้อมูลที่คัดลอกมาของ นสพ.คมชัดลึก ฉบับวันที่ 22/3/2557 สำหรับค่านิยมในปัจจุบันของเหรียญนี้

" อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหล่อพระกริ่ง และด้านไสยเวทที่หาตัวจับได้ยากยิ่ง และยังเป็นปรมาจารย์ทางโหราศาสตร์ที่สำคัญคนหนึ่งของเมืองไทยอีกด้วย ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๔๖๒ นับเป็นบุคคลที่มีลักษณะพิเศษกว่าคนทั่วไป คือ ท่านมี “รก” ที่มีลักษณะเป็นหมวกครอบศีรษะออกมาด้วย...ท่านถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๓๖ นับว่าเป็นการสูญเสียครูบาอาจารย์ที่สำคัญท่านหนึ่งของเมืองไทย ในชีวิตที่ผ่านมา ท่านได้สร้างเหรียญที่โด่งดังเหรียญหนึ่งซึ่งวงการนักสะสมนิยมกันมาก คือ เหรียญนารายณ์แปลงรูป หรือ เหรียญหน้าพรหม ปี ๒๕๒๖ เหรียญนี้หายากมาก เพราะสร้างจำนวนน้อย คือ เนื้อเงิน สร้างเพียง ๕๐ เหรียญ เนื้อทองแดง (ชนวน) สร้าง ๘๐๐ เหรียญ เท่านั้นเอง เหรียญในภาพนี้ได้รับรางวัลที่ ๒ งานประกวดพระที่ จ.สระบุรี ที่ผ่านมา เป็นเหรียญเนื้อเงิน ราคาเช่าหาประมาณหมื่นปลาย ส่วนเหรียญเนื้อทองแดง ราคาประมาณหมื่นต้น รศ.จิรพัฒน์ เงาประเสริฐวงศ์ อาจารย์คณะวิศวะ จุฬาฯ เจ้าของเหรียญนี้ บอกว่า...เหรียญนี้เป็นวิชา นารายณ์แปลงรูป เนื่องจากต้องการให้ผู้ใช้บูชาเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกผันสรรพเรื่องราว สรรพสิ่งไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งชีวิต อาชีพการงาน และสิ่งอวมงคลทั้งหลายให้หมดไป กลายเป็นสิ่งที่ดีงามมาแทนที่ ให้สมกับชื่อของเหรียญที่ว่า “นารายณ์แปลงรูป”

เหรียญพรหม (นารายณ์แปลงรูป) ของท่านนี้มีผู้ใหญ่ที่รู้จักมักคุ้นอายุกว่าหกสิบปีแล้ว ปัจจุบันยังมีภรรยาถึงสี่คน และยังอยู่ด้วยกันครบทุกคน เพียงแต่คนละบ้านและทุกคนรู้จักสนิทสนมรักใคร่กันอย่างดี เหรียญพรหมนี้สร้างไว้น้อยมากและมีของที่ทำได้คล้ายมากๆมาอาละวาดในตลาดพระเครื่องกันนานมาแล้ว เหรียญที่เป็นเนื้อทองแดงที่หล่อหลอมมาจากชนวนเก่าๆหลายๆชนิดรวมกันก่อนจะรีดเป็นผ่านบางๆและปั๊มออกมาเป็นเหรียญนี้ และเมื่อสร้างมานานมีอายุผ่านร้อนผ่านหนาวมากกว่า 30 ปี จะมีสภาพเช่นใดก็ควรคำนึงถึงให้มากๆ ของแท้ไม่มีราคาถูกแล้ว ซ้ำยังสร้างไว้น้อยมาก หากเจอของแท้ๆก็หามาลองใช้กันดูได้เลย เป็นวิชาเดียวกับที่ท่านทำให้เกจิท่านหนึ่งได้เห็นในความขลังของพระเวทย์ตามตัวอย่างข้อความที่ผมคัดลอกมาให้ด้านล่างนี้


"ประสบการณ์ของอาจารย์เทพย์นั้นมักจะมีในแทบทุกด้าน วิชาที่ท่านทำแต่ละอย่างนั้นถือว่าศักดิ์สิทธิ์ และเป็นวิชาชั้นสูง อย่างเช่น ทางด้านเมตตามหานิยมนั้น ท่านทำให้ถึงขนาดที่ว่าเทวดายังต้องลงมารัก มาเมตตาสงสาร ให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่เมตตามหาเสน่ห์แล้วจบลงด้วยการนอนร่วมเพศกันเหมือนกับอาจารย์ลวงโลกใน สมัยนี้ทำ ท่านยกอุปมาอุปมัยสั่งสอนลูกศิษย์โดยตลอดในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ วิชามหาเสน่ห์ท่านก็มี แต่ไม่ได้ประสิทธิประสาทให้กับผู้ใด ท่านว่าเป็นวิชาขั้นต่ำ ท่านเคยทำวิชานี้ให้พระอาจารย์ติ๋ว ฐิตวัฒฑโณ วัดมณีชลขัณฑ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี ได้ประจักษ์เป็นบุญตามาแล้ว เมื่อวันหนึ่งที่พระอาจารย์ติ๋วเข็นรถอาจารย์เทพย์ออกมาหน้าบ้าน อาจารย์เทพถามว่า “อยากเห็นอะไรไม๊” พอพูดจบท่านนั่งภาวนาคาถาสักครู่ ในขณะนั้น มีผู้หญิงสองคนเดินผ่านหน้าบ้านท่านพอดี ท่านจึงเป่าคาถาใส่ผู้หญิงสองคนนั้น ปรากฏว่าผู้หญิงสองคนนั้นเดินตรงเข้ามาหาอาจารย์เทพย์ และหอมแก้มท่านเป็นการใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักกันเลยแม้สักนิด พระอาจารย์ติ๋วเห็นแล้วถึงกับอึ้งในวิชามหาเสน่ห์ของอาจารย์เทพย์ที่ทำให้ดู"

 

เหรียญพรหมนารายณ์ หรือเหรียญเหนือพรหม หรือเหรียญนารายณ์แปลงรูป ของ อ.เทพย์ สาริบุตร
เป็นเหรียญรูปหน้าพรหมทั้งสี่หน้า บนวงกลมรี สร้างไว้ในปี 2526 ทั้งจัดบวงสรวงและจัดพิธีปลุกเสก

“นารายณ์แปลงรูป” เป็นวิชาหนึ่งที่อาจารย์เทพย์ ทำสำเร็จได้ผลจริง ใช้ในทางทำกิน เมตตามหานิยมอย่างสูง เข้าหาผู้ใหญ่ใช้ดีมาก โดยผ้ายันต์เขียนมือ(ต้นแบบของเหรียญนี้) ถือว่าเป็นของสุดยอดที่ทำตามตำราในครั้งแรก และอาจารย์เทพย์เขียนไม่ทันความต้องการ เลยทำเหรียญนี้ขึ้นมาเพื่อฝากวิชานี้ไว้บนผืนแผ่นดินไทย ท่านเป็นนักวิชาการนักค้นคว้าทางด้านโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ของเมืองไทยคนหนึ่งมี พันเอกหลวงธรณีนิติญาณ (สวัสดิ์ อินทรพล) ซึ่งเป็นคุณลุงทางฝ่ายมารดา ถ่ายทอดวิชาหมอดู โหราศาสตร์ไทยให้ท่าน ในขณะที่คุณหลวงวิศาลฯ สอนวิชาโหราศาสตร์สากล ท่านเป็นคนวิริยะอุตสาหะจริงๆ ใช้เวลาทุกขณะค้นคว้าหาความรู้ทางด้านนี้มาตลอดค่อนชีวิต ส่วนทางด้านไสยเวทย์มีคุณพ่อของอาจารย์ซึ่งถ่ายทอดวิชาวัดปากคลองมะขามเฒ่า ให้เป็นพื้นฐาน (คุณพ่อของอาจารย์เทพย์เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท) นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์สี วัดมณีชลขันธ์ อาจารย์ผาด หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วถ่ายทอดวิชาทำยาจินดามณีอันศักดิ์สิทธิ์ และวิชาทำพระไม้โพธิ์แกะห้ามสมุทรที่มีคุณวิเศษ เป็นลูกศิษย์รักของท่านเจ้าคุณศรีสัจจา(สนธิ์) วัดสุทัศน์ที่ถ่ายทอดวิชาการหล่อพระกริ่งอันดับหนึ่งในเมืองไทย และท่านยังได้ศึกษาวิชาเพิ่มเติมจากวัดประดู่โรงธรรม อยุธยา ตักศิลาที่สำคัญยิ่งของเมืองไทย

สิ่งที่มา “ตอกย้ำความเชื่อ” เรื่องวิชานารายณ์แปลงรูปอีกประการหนึ่งก็คือ “ผลลัพธ์ของประสบการณ์ที่ได้บูชา” ซึ่งเกิดกับผู้ที่มีเหรียญนารายณ์แปลงรูปของท่านติดตัวแทบทุกราย ในตำราของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้กล่าวถึงวิชานารายณ์แปลงรูปที่หลวงปู่ศุขท่านมอบให้แก่กรมหลวงชุมพรฯว่า วิชานี้ถ้าจะแต่งให้เป็นบริวารไพร่พลโยธาให้มากถึงหมื่นถึงพัน หากจะเสด็จไปสู่ข้าศึกในสารทิศใด ให้เอาใบไม้ต่างๆ ใส่ในห่อผ้าแล้วเสกด้วยพระคาถานี้ (เถโรปิโข จนถึง อัมพะยวะเนรัมเม) ให้ได้ 108 คาบจึงเอาใบไม้นั้นโปรยไปบังเกิดเป็นบริวารขึ้นพร้อมด้วยอาวุธทำจิตให้เที่ยงลงที่สิ่งของที่เสกนั้น เมื่อแรกจะหัดทำ ให้ทำในที่ลับๆอุตส่าห์เพียรทำเถิดให้มั่นคงอยู่ในคุณพระและครูบาอาจารย์ทำเป็นเสียหนหนึ่งแล้วต่อไปก็เป็นง่ายแล้ว

ของสำคัญๆที่อาจารย์เทพย์สร้างไว้ส่วนใหญ่ จะตกอยู่ในมือผู้ที่มีอันจะกินระดับเจ้าสัวแทบทั้งสิ้น จึงไม่มีของหลุดออกมาให้เห็นมากนัก มีดเทพศาสตราที่รวบรวมชนวนพระกริ่งที่ท่านทำทั้งหมดมาหลอมเป็นใบ นำมาตบแต่งเป็นมีดจารทั้งใบหน้าหลังมีดท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ขณะที่ลงใบปลายมีดลงยันต์โอ้ฟ้าผ่าอยู่นั้น ฟ้าก็ได้ผ่าลงมาให้เห็นจริงๆ จะเห็นได้ว่าท่านเรียนวิชาอะไรก็สำเร็จตามคุณวิเศษของตำรานั้น เท่าที่ได้ทราบมากับตัวเองและที่เห็นในเรื่องเหล่านี้ก็จะมี อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร และอาจารย์ชุม ไชยคีรี สองท่านนี้ที่ทำได้ตามตำราจริงๆ คุณวิเศษของมีดนั้นเรื่องไล่ผี ขับคุณไสยถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีดของท่านยังใช้ทำความได้ด้วย (เรื่องนี้ผมได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากลูกศิษย์คนสนิทของท่านคนหนึ่ง ว่ายังใช้ทำความได้ดี ใช้ข่มศัตรู เพียงแต่นำรู้ถ่ายของคู่ความ คู่กรณีมาว่าคาถาที่กำกับ และพันกับด้ามมีดเท่านั้น คู่ความไม่สามารถว่าความได้เลย) วิชาทำยาจินดามณีได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวัง ให้ใช้พระอุโบสถวัดพระแก้วประกอบพิธี นับว่าหาได้ยากจริงๆ เท่าที่ทราบก็ไม่มีผู้ใดอีกเลยที่ทำพิธียาจินดามณี ในพระอุโบสถ วัดพระแก้วได้ นอกจากนี้ยังได้รับโปรดเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้หล่อพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ ถวายพระองค์อีกด้วย

นับเป็นโอกาสดีอย่างมากที่ผมได้รับเมตตาไว้วางใจจากศิษย์คนสนิทของท่าน อ.เทพย์ สาริกบุตร ซึ่งท่านนี้เป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของไทย เป็นศิษย์ครอบครูของท่านและรับใช้ใกล้ชิดมาโดยตลอด ได้กรุณาแบ่งเหรียญพรหม(นาราย์แปลงรูป) พร้อมทั้งเหรียญพุทธนิมิต และของสำคัญอื่นๆบางอย่างของ อ.เทพย์ แบบของแท้เดิมๆจากยุคนั้น เพื่อแบ่งกระจายกันไปสู่คนที่ยังเสาะหาของดีของขลังมาใช้บูชาตามหลักวิชาทางไสยศาสตร์เพื่อหวังผลในการบูชาอย่างไม่เสียเปล่า อย่างเหรียญพรหมของ อ.เทพย์ชุดนี้ เป็นเหรียญเก่าแท้ดั้งเดิมแบบเก่าเก็บมาตั้งแต่ครั้งท่าน อ.เทพย์ ยังมีชีวิตอยู่และบางชิ้นบางชุดนั้น ท่าน อ.เทพย์ เก็บรักษาไว้ในหีบสมบัติส่วนตัวของท่านเองด้วยซ้ำไป ผ่านการเข้าพิธีไหว้ครูของ อ.เทพย์มาปีแล้วปีเล่านับแต่วันสร้างจนท่านสิ้นไป จนทรงคุณค่าความเข้มขลังเหลือคณานับ วันนี้จะมีแบ่งให้ผู้ที่สนใจได้พิจารณาดูสิ่งที่จะเป็นตำนานพระเวทย์อีกบทหนึ่งของเมืองไทยในอีกไม่นานวันนักแบบสิ่งที่จะร่ำลือกันต่อๆไปว่านี่คือของแบบที่เรียกได้เต็มปากว่า “ของแท้ ของดี ของขลัง”

 

จอง 1 องค์ครับ

 

พี่หนุ่มแบ่งให้บูชาไหมครับ

 

พระผงรุ่นสุดท้ายปี29 พิมพ์สมเด็จคะแนน องค์ที่ใหญ่ที่สุด
โดยมีขนาดกว้าง 2.0 cm x 2.4 cm หนามากถึง 8 mm.
จะมีขนาดใหญ่กว่าพระพิมพ์คะแนนทั่วไปด้านละ 2-4 mm.

(Sprobuild ขอบูชาแล้ว)

 

จองพระสมเด็จคะแนนหนาครับ

 

ของดีที่หายากและแทบไม่ค่อยเจอของแท้กัน
แผ่นจาร นะฤาชา ลายมือของหลวงพ่ออภิชิโต

ลายเส้นแบบที่เห็นนี้คือ นะฤาชา อันเลื่องชื่อของท่าน หากเป็นการเขียนภาษาไทยว่า ฤาชา ถือว่าไม่ใช่ด้วยประการทั้งปวง ขอรับรองและยืนยันไว้ตรงนี้ อย่าเสาะหาใดๆ เพราะไม่มีใครจะเอามาลงขายให้แน่นอน " ชื่อระบือลือเลื่องถึงเมืองแมน ไม่ยากแค้นขัดสนคนเมตตา" ใครมีอยู่ขอให้รู้ว่าสิ่งนี้ ประมาณค่ามิได้ และย่อมมิใช่ หาค่าไม่ได้ ชิ้นนี้ผมแกะมาถ่ายภาพเพื่อแบ่งกันพิจารณาครับ และที่สำคัญ มีคนปลอมแผ่นยันต์นี้ ออกมาขายนับสิบๆแผ่นแล้วตอนนี้

 

นี่คือ...ยอดแห่งพระเครื่องที่เป็นของชิ้นสำคัญ ทรงค่าและมากความหมายที่สุด
พระองค์นี้หลวงพ่อมอบให้กับศิษย์ของท่านด้วยตนเอง แขวนมานานจนรวยแล้ว

เจ้าของคนเดิมของสุดยอดพระเครื่ององค์นี้ ปัจจุบันชราภาพและได้กรุณาแบ่งมาให้เพื่อหาคนสืบทอดมรดกล้ำค่าที่ถนอมรักษาและบูชาติดตัวมานานนับหลายสิบปีและประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างดีตลอดมาและยังมีองค์อื่นๆที่เก็บไว้ให้ลูกต่างหาก เมื่อสอบถามศิษย์รุ่นเก่าของท่านทุกคนต่างก็ยืนยันว่า พระแบบนี้เนื้อนี้ทำไว้น้อยองค์นัก เลือกแจกเฉพาะคน มอบให้เฉพาะคนวงในจริงๆและพิจารณาทีละคน พระหายากสร้างน้อยแบบนี้ทุกองค์ที่หลวงพ่อมอบให้ด้วยตัวท่านเอง (ไม่นับพระแบบนี้ที่มีการโจรกรรมออกมาจากบ้านเก่าของท่านส่วนหนึ่งในตอนนี้) และก่อนจะมอบให้นั้น ท่านจะบริกรรมกำหนดจิตนิ่งและอัดพลังด้วยหัวแม่มือลงบนองค์พระอีกครั้งก่อนประสิทธิให้แบบวิชาโบราณ ซึ่งรวมทั้งองค์นี้ด้วยเช่นกันที่ขอนิมนต์มาจากบนคอของศิษย์ท่านโดยตรงแบบขอยืนยันต่อหลวงพ่ออภิชิโตว่าพูดเรื่องจริง พระองค์นี้จะหนากว่าใครเพื่อน ในบรรดาเกือบๆสิบองค์ที่มีโอกาสเห็นมา โดยหนาถึง 1 cm ตัดขอบสวยคมทุกส่วน แบ่งๆกันพิจารณาครับ ของบางอย่างแม้มีเงินก็หาไม่ได้

 

องค์นี้ได้ให้รวมบูชาหรือเปล่าครับ

 

เป็นบุญตาจริงๆครับ

 

ชีวิตนี้คงยากนักที่จะมีโอกาสได้แขวน ได้เห็นได้ชมสุดยอดวัตถุมงคลแบบนี้ถือว่าคุ้มค่ายิ่งแล้ว บางท่านคลุกคลีกับวงการพระมาตลอดยังไม่มีโอกาสได้เห็นด้วยซ้ำ ขอบคุณที่แบ่งปันของล้ำค่าหายากให้ได้ดูชมกันครับ สาธุครับผม

 

ขอนำเหรียญพรหม จากกรุสมบัติเก่าของ อ.เทพย์ สาริกบุตร มาแบ่งให้คนสนใจครับ
หมายเลข 18 เหรียญพรหม (นารายณ์แปลงรูป)เนื้อทองแดง เก่าเก็บจากในห้องบูชา

(surasit_c จองบูชาแล้ว)