ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

สวัสดีครับคุณFamnakub พอดีผมรับอาสา..ไม่ใช่สิ โดนใช้ให้เฝ้ากระทู้นี้เพื่อตอบข้อซักถามแทนพี่สุดใจ จึงขออนุญาตเป็นผู้ตอบนะครับ จริงๆ แล้วผมกับพี่สุดใจก็ไม่มีอะไรซักอย่างเหมือนกันนะครับ ทั้งสมาธิ ทั้งฌาณ (รวมถึงสตางค์ด้วย) การที่เขามาให้เราพบเห็นกันนั้นจะมีสองลักษณะครับ คือเรามองหาแล้วเห็นเอง กับเขาเรียกให้เราหันไปมอง ส่วนใหญ่จะเป็นประการหลังครับ บางทีถึงขั้นที่ต้องเดินไปแง้มหน้าต่างดู หรือต้องออกไปนอกบ้านเพื่อมองขึ้นไปดูเขามาผ่านเหนือหลังคาบ้านก็เจอกันมาแล้ว หากคุณFamnakub จะขอให้ผู้ทรงภูมิรู้ ทรงฌาณให้มาช่วยตรวจสอบว่าเพี้ยนหรือหลอนหรือเปล่าละก็ เชิญท่านมาตรวจสมาชิกในกลุ่มฯ เขากะลา ก่อนทีละคนเลยดีกว่าครับ เริ่มที่พี่สุดใจก่อนคนแรกเลยแล้วกันนะครับ คนต่อไปค่อยเป็นผม

 

ตื่นเต้นจังค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้เป็นครั้งแรกวันนี้ (..บัวใต้น้ำ ก็ยังงี้แหละค่ะ) จริงๆ เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง แต่ไม่คิดว่าจะมาเกี่ยวกะเมืองไทยได้ยังไง จนมาอ่านกระทู้นี้นี่ละค่ะ

ก็ขออนุโมทนากะทีมงานทั้งในโลกและนอกโลกที่ทำงานหนักกันอยู่นะคะ
ขอให้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ค่ะ ข้าพเจ้าขอเป็นกองเชียร์
ยังไงก็ขอให้ช่วยปกป้องพระพุทธศาสนาให้อยู่ต่อไปถึง 2500 ปีด้วยเถอะค่ะ

ขอเมตตาธรรมรักษาทุกท่านค่ะ

samanta cakkavalesu<O</O
สมันตา จักกะวาเฬสุ
ขอสัตว์ทั้งหลายโดยรอบจักรวาล <O</O

ye satta pathavicara<O</O
เย สัตตา ปฐวีจารา
ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี <O</O

abyapajjha nivera ca<O</O
อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ
ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย <O</O

nidukkha ca nupaddava<O></O>
นิทุกขา จะ นุปัททวา
ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย ทั้งสิ้นเทอญฯ

 

ขอบคุณคุณno.9 มากค่ะที่กรุณาตอบ ข้องใจตัวเองเพราะอย่างที่บอกคือไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลยซักอย่าง ภาระก็ยังมี กิเลสก็ยังมากมายก่ายกอง แต่ก็เห็นจริงๆเป็นลักษณะอย่างที่คุณno.9บอกคือ เขาเรียกให้ออกไปดู ครั้งแรกเพียงแต่รู้สึกว่า เอ๊ะ!... จนครั้งที่ 3 บอกเขาในใจว่าเราโง่มาก แยกไม่เป็นว่าใช่พวกเขาหรือเปล่า ถ้าใช่ขอให้กระพริบไฟหน่อยนะ ไฟก็กระพริบ ล่าสุดเมื่อประมาณ 2 ทุ่มวานนี้ (5 มค.)ก็เห็นอีก จนต้องมารบกวนถามนี่เหละค่ะ เพราะกลัวจิตตัวเองจะหลอนไปกันใหญ่ ขอบคุณมากค่ะ

 

แต่คงไม่ใช่แย่งมาจากฝรั่งที่อยู่บ้านเดียวกันหรอกค่ะ

 

ก็ขอบคุณครับที่ตอบมา เรื่องดอกบัวมันก็เป็นเรื่องที่ผมอ่านเรื่องนั้นแล้วก็เป็นการลองจับแพะชนแกะเอา ทางนั้นก็เคยบอกว่าทางเราทักทายโดยทำมือเป็นแบบบัวตูมเหมือนกันนี่นะ

อันที่จริง จะมาจากไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเค้าจะมาทำอะไรให้กับเรา

 

เรื่องการทำลับๆ ล่อๆ หลบๆ ซ่อนๆ นั้นผมเคยพิมพ์ไว้ในโพสต์ที่ #413 หน้า21 เมื่อวันที่ 26-10-2007 จึงขออนุญาตนำมาให้ท่านที่สนใจ แต่อาจหลงหูหลงตาไปบ้างได้มาอ่านกันง่ายๆ อีกครั้งหนึ่งครับ

แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ขอเรียนเพื่อทราบว่าข้อความทั้งหมดในกระทู้นี้เป็นการ "แจ้งเพื่อทราบ" เท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชวนเชื่อ หรือการปลุกกระแสในเรื่องUFOแต่อย่างใด และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับผม

 

ต้องขออนุญาตคุณNakamura นำข้อความเพิ่งถอดจากเทปเสียงท่านดร. กัญจิรา กาญจนเกตุ ที่ได้บรรยายไว้ในงานสัมมนาวิชาการ ภัยพิบัติและการเตรียมการ ซึ่งจัดโดย กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ เว็ปพลังจิต ณ ห้องประชุมแพทย์โดม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมา เฉพาะในส่วนที่ท่านได้กล่าวถึงเขากะลา เพื่อให้ท่านผู้ที่สนใจได้ทราบเพิ่มเติมด้วยครับ ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญกับคุณNakamuraไว้ ณ ที่นี้เป็นอย่างสูงด้วยนะครับ

ท่านผู้อ่านสามารถอ่านข้อมูลทั้งหมดได้จากกระทู้ "รับอาสาสมัครช่วยถอดไฟล์เสียงงานสัมมนาภัยพิบัติและการเตรียมการ" ตามLinkข้างล่างนี้ครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=105111&page=4

(ช่วงสาม)
ขออนุญาตนิดนึงตรงนี้นะค่ะ จากประสบการณ์ตรงของตัวเองเลยเนี้ยนะค่ะ เพราะได้มีโอกาส คือมีคนพูดถึงเขากะลาเยอะ พูดถึง UFO เยอะ ดิฉันเองเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ ดังนั้นต้องไปพิสูจน์นะค่ะ ก็นำคณะลูกศิษย์ไปประมาณ 7-8 คน นะค่ะก็ขึ้นไปที่เขากะลาวันนึงเพื่ออยากจะสัมผัส วันนั้นเรารู้สึกจะไปดูฝนดาวตกกันด้วย แล้วก็ไปปฎิบัติธรรมกันด้วย แต่ตอนประมาณตอนตี 2 ได้เนี้ย ช่วงที่ว่าคนเริ่มง่วง เริ่มหลับไปบ้าง มีคณะอยู่ 5-6 คน นั่งปฎิบัติกันอยู่ พบว่ามันมีลูกไฟ วิ่งอยู่ไกลมากเลยนะค่ะ วิ่งกันเป็นลูก วิ่งวนกันอยู่ไกลกันมาก ก็เอ๊ะ แปลกมาก เป็นลูกไฟ ถ้าพูดถึงยานขนาดลูกแตงโมนะค่ะ

เสร็จแล้วดิฉันก็เลยตั้งจิตว่า ถ้าหากว่า ณ ที่นี้มีพลังงานหรือมี UFO จริงๆจงมาปรากฎให้เห็นหน่อยได้มั๊ย ขณะนั้นนั่งอยู่กับลูกศิษย์แล้วเค้าก็ชงน้ำขิงมาให้ทานกันอยู่ 3 คน ลูกศิษย์อีกคนเนี้ยเดินไป ขณะช่วงที่ตั้งจิตอธิฐานเนี้ยรู้สึกว่าทางหางตาเนี้ยเหมือนมีแสงบางอย่างแว๊บผ่านไปนะค่ะ แว๊บผ่านไป สัญชาติญาณของเราก็เหมือนเอามือขึ้นมาปิดนะค่ะ แว๊บไป เสร็จแล้วปรากฎว่าลูกศิษย์หน้าไหม้ ตรงนี้ไหม้ แต่ดิฉะนั้นเนี้ย สามนิ้วเนี้ยไหม้ นะค่ะ งง มากเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะค่ะ ก็เลยนั่งสมาธิ รหัสที่แปลเค้าบอกว่า ที่เค้าไม่สามารถมาปรากฎกายให้มนุษย์เห็นเนื่องจากมนุษย์เป็นกายสังขารที่ประกอบด้วยธาตุ 4 ขันธุ์ 5 นี้แหละ ฉะนั้นจึงไม่สามารถต้านคลื่นรังสีของเค้าได้ เพราะเค้าเข้าใกล้รัศมีเนี้ย เราจะเกิดการไหม้เป็นจุนนะค่ะ มันจะเกิดการเบิร์นอย่างรวดเร็วมากเลย

ฉะนั้นมนุษย์จะต้องสร้างตัวเองให้สามารถป้องกันคลื่นพลังงานรังสีจากเค้าได้ และเมื่อนั้นละค่ะ เค้าก็จะมาปรากฎตัวให้เห็นได้ อันนี้เป็นเรื่องแปลกมาก เพราะว่ามันช่วงแว๊บเดียวนะค่ะ ดิฉันเนี้ย นิ้วมือไหม้ทั้ง 3 นิ้วเลย แต่ลูกศิษย์ตรงนี้เลยค่ะ หัวคิ้วเนี้ย ซึ่งก็มาปรากฎแบบเร็วมากเลย เหมือนกับเป็นแสงแว๊บนึง ซึ่งคิดว่าไม่ได้ใกล้เพราะเราไม่ร้อน แต่ทำไมมันเกิดอาการเบิร์นที่นิ้วได้ทันทีเลยนะค่ะ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลก ที่นี่เนี้ยคำพูดของเขาเนี้ยมันทำให้ดิฉันเริ่มคิด คิดถึงเรื่องคลื่นสั่นสะเทือนเรื่องพลังงาน เรื่อง energy ต่างๆเนี้ยละค่ะ ก็คิดว่า เออมันมีความเป็นไปได้ ถ้าเราสามารถปรับคลื่นความถี่ของเราเนี้ย ให้รัศมีกายหรือออร่าของเราเนี้ย กว้างขึ้น เราอาจจะลดพลังงานคลื่นรังสีจากเค้าที่มากระทบนะค่ะ อันนี้คือสิ่งแรก

สิ่งที่สองเท่าที่สัญญาณจับได้เนี้ย จริงๆเนี้ยมนุษย์ต่างดาวมาด้วยลักษณะคลื่น คลื่นความถี่บางอย่างซึ่งคลื่นเนี้ยเดินทางได้เร็วมากเลยนะค่ะ ดิฉันเชื่อว่าหน้าจะเดินทางได้พอๆกับความไวของแสงเลยนะค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นเค้าคงไม่มาปรากฎได้อย่างรวดเร็วได้อย่างงั้น ขณะเดียวกันเค้าบอกว่าจริงๆแล้วเนี้ยมนุษย์บนโลกเนี้ยมาจากต่างดาวเยอะมาก มีหลายสายพันธุ์ที่เป็นมนุษย์ต่างดาว เค้าบอกให้สังเกตที่ดวงตานะค่ะ ตั้งแต่วันนั้นดิฉันก็เริ่มจ้องตาชาวบ้านเค้าไปเรื่อยเลยนะค่ะ เจอใครก็จ้องตาว่าเออนี้เป็นมนุษย์ต่างดาวหรือเปล่าเผื่อจะมีสายพันธุ์เดียวกันบ้าง เพราะตัวเองก็มีความเชื่อว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์บนโลกนี้หรอกค่ะ เพราะเดินทางมาจากที่ไกลมาก จากดินแดนอันหนาวเย็นและสงบ เวลานั่งสมาธินี้เราจะรู้สึกเลยนะค่ะ เพราะตัวเองจะมีความรู้สึกว่าตัวเองเย็นเฉียบเลย

เอ่อ ที่นี้มนุษย์ต่างดาวที่มาเนี้ยเค้าส่งมานะค่ะเพื่อให้มาจุติ จุติเพื่ออะไรค่ะ เพื่อช่วยประคับประคองโลกเพราะในอดีตกาลอาจจะนับหมื่นๆล้านปีพวกเค้าเหล่านั้นก็มีสภาพคล้ายๆกับเรา ณ วันนี้ คือเกิดการพัฒนาการด้านเทคโนโลยี ใช้อะไรจนพลังงาน จนกระทั่งวันนึงอยู่ไม่ได้ ก็เกิดการทำลายล้างของตัวเอง แล้วเค้าไม่อยากให้เหมือนย้อนรอยซ้ำ เค้าก็เดินทางมาอันไกลแสนไกล เพื่อจะช่วยเพื่อที่จะส่งสัญญาณเตือนภัยในรูปของคลื่นพลังงานนะค่ะ ส่วนหนึ่งที่มีการพบจานบินในรูปแบบต่างๆเนี้ย ตรงนี้ต้องขอตัดด้วยนะค่ะ จริงๆแล้วเนี้ยเมื่อสมัยหนึ่งมันมีเครื่องบินจรากรรมจากประเทศมหาอำนาจต่างๆเนี้ยเข้ามาสอดแทรกด้วย ซึ่งบางครั้งเนี้ยเครื่องบินนี้จะมีความเร็วมากเลย ซึ่งบางครั้งนี้เราจับได้ ถ่ายรูปได้ลักษณะแปลกๆแต่จริงๆก็เป็นเครื่องบิน เอ่อสัญญาณจรากรรมด้วย

แต่เมื่อสักประมาณปีที่แล้วดิฉันไปที่แก่งกระจาน แล้วก็พบ คือช่วงนั้นเราจะไปทำพิธีบางอย่าง เพื่อที่จะตรึงพลังงานนะค่ะ แล้วก็พบว่าขณะที่เรากำลังเตรียมที่จะเอ่อ ทำมิติ คือดิฉันเนี้ยเวลาจะทำอะไรให้ลูกศิษย์ดู ก็อยากให้เห็นเลย ก็คืออย่างเช่นว่า เราทำพระจันทร์ให้เบี้ยว ให้เป็นแคนตาลูป ให้เป็นพระจันทร์สองดวง ให้เป็นเมล็ดถั่ว หรือทำเป็นรูปต่างๆ คือเล่นให้ดูเดี๋ยวนั้นเลย เพื่อให้เค้าได้เห็นด้วยตาเนื้อนะค่ะ ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องมโนมยิทธิ หรือเป็นอะไรเนี้ย ทุกคนก็จะไปดูกันเป็นเรื่องปกติ ขณะที่เรากำลังเล่นกันอยู่นั้นเรารู้สึกว่ามันมีใครจ้องมองเรา จ้องมองเรา ดิฉันก็เอาจิตตั้งปั๊บก็รู้เลยว่ามีคนแอบมอง ก็มองดูบนท้องฟ้า คือจะบอกให้ลูกศิษย์เข้ามาถ่ายวิดีโอแต่ไอเจ้านี้มันรับไม่ได้เลย จูนไม่ติดก็เลยบอกว่า เร็ว นี้มีจานบินอยู่ตรงนั้น ปรากฎว่า พอดิฉันบอกครั้งที่สองปั้บเนี่ย แสงสีแดงที่เราเห็นบนท้องฟ้าเริ่มถอยหลัง คือ ปกติเนี่ยเครื่องบินจะต้องบินไปหน้าแหละค่ะ แต่เริ่มถอยหลังนะค่ะ ถอยหลังๆๆ แต่ที่แปลกก็คือ ไม่ว่าคลื่นหลอดไฟต่างๆเนี้ย เป็นคลื่นพลังงานความถี่หมดเลย มันจะเกิดคลื่นความถี่ที่เรารับรู้ได้

ฉะนั้นดิฉันเชื่อว่าจริงๆพลังงานต่างๆเนี้ยมาเป็นรูปของคลื่นความถี่ซะเป็นส่วนมาก เหมือนกับเช่นคลื่นความถี่ที่ดิฉันส่งไป หลายๆท่านนี้รับได้นะค่ะ ก็คืออาจจะเป็นอีกในมิติหนึ่ง หรือในสัมผัสหนึ่ง ซึ่งการที่เราไม่ปรุงแต่งเลยเนี้ยก็จะทำให้เรา บางทีก็จะไม่เห็นเป็นรูปร่าง แต่บางทีเราก็ imagine ปรุงแต่งไปมากมาย แต่อันนี้จากประสบการณ์ตรง เชื่อค่ะว่ามนุษย์ต่างดาวนะมีจริงๆนะค่ะ แต่จะมาในรูปแบบไหนเท่าที่ประสบการณ์ตัวเองตรงนี้ เพราะว่าเหตุการณ์มันก็ได้ผ่านมาประมาณ 6-7 ปีแล้วนะค่ะที่เราไปสัมผัสมาก็ยอมรับและตั้งใจว่าจะขึ้นไปเขากะลาอีกครั้งหนึ่งเพื่ออยากจะดูอะไรบางอย่าง แล้วก็อยากจะปรับคลื่นอะไรบางอย่างด้วย ฉะนั้นถ้าใครสนใจติดตามได้นะค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

สวัสดีค่ะ ท่านสมาชิก และท่านที่สนใจทุก ๆ ท่าน

พี่สุดใจมีเวลาว่างวันนี้ 1 วัน ตอนแรกคิดว่าจะพักผ่อน แต่เมื่อเข้ามาดูในกระทู้นี้ เห็นมีท่านที่สนใจยังติดตามอ่านกันอย่างต่อเนื่อง และก็รู้สึกแปลกตา สำหรับรายชื่อสมาชิกที่มีข้อความเพิ่มขึ้นมาด้านล่างของรายชื่อสมาชิกคือ

สุดใจเขากะลา
สมาชิก ยอดนิยม

ก็รู้สึก ขอบคุณ ทุกท่านที่ติดตามข่าวสาร และให้กำลังใจอย่างต่อเนื่องมาตลอด ตั้งแต่เปิดกระทู้นี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2550 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พี่สุดใจและกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มีกำลังใจที่จะนำข้อมูลสำคัญ ๆ มานำเสนอต่อไป ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านค่ะ

และต้องขอขอบคุณ webmaster.palungjit ทุก ๆ ท่าน ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ด้วยดีเสมอมา และได้ให้ความไว้วางใจให้เป็นส่วนหนึ่งของข้อความที่ได้รับความสนใจ จนอนุญาตให้ใช้คำว่า สมาชิกยอดนิยม ก็ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

และในวันนี้ เป็นวันครบรอบ 5 เดือนที่เปิดกระทู้นี้ขึ้นมา พี่สุดใจก็คงมีข้อมูลพิเศษ มาให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับทราบอีกเช่นเคย ก็คงต้องเป็นในกระทู้ถัดไปนะคะ

สำหรับส่วนนี้ เป็นการขอบคุณสมาชิก และท่านที่สนใจทุก ๆ ท่าน ได้ให้ความสนใจและติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่องมาตลอด ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณ webmaster.palungjit ทุก ๆ ท่านค่ะ

ขอบคุณ คุณ no.9 ที่ได้รับมอบหน้าที่หลักจากระบบ ให้เป็นผู้ตอบคำถามให้กับท่านที่สนใจ และเป็นผู้ดูแลกระทู้นี้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะ และพี่สุดใจก็จะขออนุญาตเข้ามาเพิ่มเติมข้อมูลในบางช่วงเวลาที่ว่างจากภารกิจนะคะ ก็ต้องขออนุญาตไว้ล่วงหน้าเลยก็แล้วกัน ขอบคุณคุณ no.9 มากค่ะ

 

จากการที่ได้มีผู้สนใจสอบถามเข้ามานั้น คุณ no.9 ได้รับหน้าที่ตอบคำถามไปบ้างแล้วนั้น ซึ่งบางท่านก็อาจจะเข้าใจ หรือไม่เข้าใจได้ทั้งหมด ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าคุณ no.9 ไม่รู้ จึงไม่สามารถตอบได้หรอกนะคะ ซึ่งโดยความจริงแล้ว มนุษย์ต่างดาว ได้บอกข้อมูลให้เรารับทราบเท่าที่เรามีความสามารถที่จะรับได้เท่านั้น เพราะถ้าบอกเรื่องที่ยากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ ก็ไม่สามารถรับได้ ทำความเข้าใจได้ และก็ไม่มีประโยชน์ จะทำให้เกิดความฟุ้งซ่านมากขึ้นอีก ซึ่งนั่นก็ขัดกับการปฏิบัติธรรมะ เพื่อการปล่อยวาง <O</O
<O</O
แต่ไม่ใช่ว่า มนุษย์ต่างดาวจะไม่มีความรู้ หรือความรู้ไม่ถึงหรอกนะคะ เพราะมนุษย์ต่างดาวได้เคยบอกไว้แล้วว่า เทคโนโลยีของมนุษย์ยังล้าหลังอยู่มาก ถึงมาบอกก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ทั้งหมด แต่ในอนาคต มนุษย์จะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเหล่านี้จากเขา ซึ่งนั่นก็หมายความว่า โลกเราในอนาคตข้างหน้า จะต้องมีความเจริญทั้งทางเทคโนโลยีและจิตใจไปพร้อม ๆ กัน <O</O
<O</O
<Oพี่สุดใจได้อ่านข้อความของอาจารย์กัญจีรา ที่คุณ no.9 นำมาโพสไว้ในกระทู้ด้านบนนั้น ที่ท่านได้ให้ข้อมูลไว้ในงานสัมมนาเรื่องภัยพิบัติ และการเตรียมการ ว่าท่านได้ขึ้นไปเขากะลา และได้เห็นวัตถุบิน สัมผัสได้ถึงพลังงานที่อธิบายไม่ได้ ก็ขอยกบางประโยคของท่านมาให้อ่านอีกสักนิดเพื่อเป็นตัวอย่างนะคะ<O</O
<O</O
คือมีคนพูดถึงเขากะลาเยอะ พูดถึง UFO เยอะ ดิฉันเองเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆดังนั้นต้องไปพิสูจน์นะค่ะ ก็นำคณะลูกศิษย์ไปประมาณ 7-8 คนนะค่ะก็ขึ้นไปที่เขากะลาวันนึงเพื่ออยากจะสัมผัสวันนั้นเรารู้สึกจะไปดูฝนดาวตกกันด้วย<O</O
<O</O
เสร็จแล้วดิฉันก็เลยตั้งจิตว่า ถ้าหากว่า ณ ที่นี้มีพลังงานหรือมี UFO จริงๆจงมาปรากฎให้เห็นหน่อยได้มั๊ยขณะนั้นนั่งอยู่กับลูกศิษย์แล้วเค้าก็ชงน้ำขิงมาให้ทานกันอยู่ 3 คนลูกศิษย์อีกคนเนี้ยเดินไปขณะช่วงที่ตั้งจิตอธิฐานเนี้ยรู้สึกว่าทางหางตาเนี้ยเหมือนมีแสงบางอย่างแว๊บผ่านไปนะค่ะแว๊บผ่านไป สัญชาติญาณของเราก็เหมือนเอามือขึ้นมาปิดนะค่ะ แว๊บไปเสร็จแล้วปรากฎว่าลูกศิษย์หน้าไหม้ ตรงนี้ไหม้ แต่ดิฉะนั้นเนี้ย สามนิ้วเนี้ยไหม้นะค่ะ งง มากเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะค่ะ<O</O
<O</O
อันนี้เป็นเรื่องแปลกมาก เพราะว่ามันช่วงแว๊บเดียวนะค่ะ ดิฉันเนี้ย นิ้วมือไหม้ทั้ง 3 นิ้วเลย แต่ลูกศิษย์ตรงนี้เลยค่ะ หัวคิ้วเนี้ย ซึ่งก็มาปรากฎแบบเร็วมากเลยเหมือนกับเป็นแสงแว๊บนึง ซึ่งคิดว่าไม่ได้ใกล้เพราะเราไม่ร้อนแต่ทำไมมันเกิดอาการเบิร์นที่นิ้วได้ทันทีเลยนะค่ะ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลก<O</O
<O</O
<Oสิ่งที่คณะของอาจารย์กัญจีรา ท่านได้พบนั้น ก็เป็นเทคโนโลยีที่เราก็ไม่สามารถเข้าใจได้ แต่มีจริง ทำได้จริง และเกิดผลจริง ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้พอเทียบเคียงได้ว่า ถ้ามาอธิบายหลัก อธิบายสมการ อธิบายวิธีการ รูปแบบการมาใช้หลักอย่างไรการเดินทางอย่างไรให้ละเอียดนั้น พี่สุดใจ หรือทางกลุ่มฯ ก็อาจจะไม่สามารถเข้าใจได้โดยละเอียด </O
<O</O
<Oดังนั้น สิ่งที่อาจารย์กัญจีรา หรือ ดร.กัญจีรา ท่านได้เรียนรู้ทางโลก ทางวิทยาศาสตร์ ทางด้านจิตวิญญาณ และพบเจอสิ่งต่าง ๆ มามากมาย ได้พบเจอมาด้วยตนเอง พร้อมทั้งคณะ ท่านก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ท่านก็อาจเทียบเคียงได้เท่าที่มนุษย์จะคาดคะเนเท่านั้น ซึ่งเราไม่อาจรู้จริง ๆ ว่า มนุษย์ต่างดาวเขามีวิธีการทำอย่างไร จึงได้เกิดพลังงานมหาศาลขนาดนั้น

แต่สิ่งที่ ดร.กัญจีรา ท่านกล่าวถึงเขากะลาก็คือ ยอมรับว่ามีมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลาจริง มีพลังงานเข้มข้นจริง มีการเปิดมิติสู่จักรวาลจริง ซึ่งท่านก็มีโครงการเตรียมที่จะนำสมาชิกไปนั่งสมาธิเพื่อเชื่อมต่อกับจักรวาล ณ ที่เขากะลา แห่งนี้



<LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>













<!-- / message --><!-- sig -->

.
ต้องขออนุญาต กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ ขอนำภาพของอาจารย์กันจีรา ที่เดินทางไปเขากะลาเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมา มาให้เพื่อนสมาชิกได้รับชมด้วย ขอบคุณค่ะ
</O</O

 

หลายท่านก็คงสงสัยว่าพี่สุดใจ นำเรื่องราวต่าง ๆ มาเล่าผ่านกระทู้นี้เป็นจำนวนมากนั้น พี่สุดใจนำข้อมูลเหล่านี้มาจากไหน นี่เป็นสิ่งที่หลายท่านสงสัย และอยากทราบก็คงเป็นเพราะหน้าที่นั่นเอง<O</O
<O</O
ค่ะ พี่สุดใจเป็นผู้ที่รับหน้าที่เป็นผู้บันทึกข้อมูลต่าง ๆ ที่สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ตั้งแต่เริ่มแรกจากการใช้จิตติดต่อ คือ ตั้งแต่ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เป็นต้นมา ซึ่งการเป็นผู้บันทึกเรื่องราว ทั้งการจดบันทึก ทั้งการอัดเป็นเทป ทั้งการถ่ายภาพ ทั้งการถ่ายวีดีโอ พี่สุดใจทำคนเดียวทั้งหมด ในระยะเริ่มแรก เพราะเรามีคนน้อย คนหนึ่งต้องทำหลาย ๆ อย่าง พี่สุดใจจึงคลุกคลีกับข้อมูลเหล่านี้ และต้องมีการอ่าน การฟัง ไม่น้อยกว่า 3 รอบแต่ละอย่าง ต้องจัดทำแฟ้มข้อมูล ต้องลงในรายละเอียดทุกภาพ ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะเก็บข้อมูลให้มากที่สุด มีความแม่นยำมากที่สุด ก่อนมาเผยแพร่สู่สาธารณชน <O</O
<O</O
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่พี่สุดใจรับจึงได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็น ผู้รับผิดชอบแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต เพราะต้องเจอปัญหาชีวิตอย่างหนักมาก่อน แต่เมื่อมีการศึกษาธรรมะจากพุทธศาสนา ศึกษาเรื่องของกฎธรรมชาติ และเรื่องราวทั้งหมดที่ได้พบเจอแล้ว สิ่งที่เราคิดว่าเป็นปัญหาชีวิตนั้น ที่จริงแล้วปัญหามันไม่มี มันไม่ใช่อย่างที่เราอุปาทาน นี่คือธรรมะ หรือกฎของธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เมื่อเราเข้าใจทุกมุมมองอย่างแท้จริง และปฏิบัติจริง เราจะก้าวข้ามความทุกข์ได้จริง ๆ นั่นเอง


สิ่งหนึ่งที่พี่สุดใจได้รับทราบมาตลอด และไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้เพราะเป็นการยากที่จะทำความเข้าใจได้ แต่เมื่อได้มีการเผยแพร่ข้อมูลไปได้ระยะหนึ่ง และมีผู้สนใจในระดับหนึ่งแล้ว และประกอบกับล่าสุดที่อาจารย์กัญจีราท่านได้ไปสัมผัสมาบนเขากะลา ท่านสามารถสัมผัสข้อความที่สื่อเข้ามาถึงท่านและท่านสามารถรับทราบข้อความได้เข้าใจ นั่นก็คือการส่งข้อมูลผ่านจากมนุษย์ต่างดาวสู่เครื่องรับสัญญาณ ซึ่งในกรณีของอาจารย์ก็อาจจะเป็นกลุ่มพลังงานที่ติดตั้งอยู่แล้ว(ท่านเคยเล่าว่ามีพลังงานไฟฟ้าในตัวเองสูง) หรือฐานของสมาธิในระดับหนึ่ง ซึ่งขอนำคำกล่าวของท่านมาอ้างอิง


ก็เลยนั่งสมาธิ รหัสที่แปลเค้าบอกว่าที่เค้าไม่สามารถมาปรากฎกายให้มนุษย์เห็นเนื่องจากมนุษย์เป็นกายสังขารที่ประกอบด้วยธาตุ 4 ขันธุ์ 5 นี้แหละ ฉะนั้นจึงไม่สามารถต้านคลื่นรังสีของเค้าได้เพราะเค้าเข้าใกล้รัศมีเนี้ย เราจะเกิดการไหม้เป็นจุนนะค่ะมันจะเกิดการเบิร์นอย่างรวดเร็วมากเลย

ฉะนั้นมนุษย์จะต้องสร้างตัวเองให้สามารถป้องกันคลื่นพลังงานรังสีจากเค้าได้และเมื่อนั้นละค่ะ เค้าก็จะมาปรากฎตัวให้เห็นได้<O</O
<O</O
ที่นี่เนี้ย คำพูดของเขาเนี้ย มันทำให้ดิฉันเริ่มคิดคิดถึงเรื่องคลื่นสั่นสะเทือนเรื่องพลังงาน เรื่อง energy ต่างๆเนี้ยละค่ะ ก็คิดว่าเออมันมีความเป็นไปได้ ถ้าเราสามารถปรับคลื่นความถี่ของเราเนี้ยให้รัศมีกายหรือออร่าของเราเนี้ย กว้างขึ้นเราอาจจะลดพลังงานคลื่นรังสีจากเค้าที่มากระทบนะค่ะ อันนี้คือสิ่งแรก
<O</O

จะเห็นได้ว่า ท่านสามารถรับการสื่อสารจากคลื่นของมนุษย์ต่างดาว แล้วมาแปลเป็นรหัสทำความเข้าใจได้ ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากที่กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา) ได้รับข้อมูลจากมนุษย์ต่างดาวเลย<O</O
พี่สุดใจ เป็นผู้บันทึกคำกล่าวของมนุษย์ต่างดาว ที่ส่งคลื่นผ่านอุปกรณ์ในการสื่อสารที่เป็นรูปแบบของพลังงาน จะมีการส่งคลื่นเป็นข้อความผ่านมายังอุปกรณ์ที่อยู่กับมนุษย์คนนั้น ๆ และแปลออกมาเป็นภาษาที่มนุษย์คนนั้นบันทึกไว้ในสมอง เช่นคนอังกฤษ เมื่อข้อความส่งผ่านมา เขาก็จะเข้าใจเป็นภาษาอังกฤษ ก็แปลคำพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนคนไทย เมื่อข้อมูลเข้ามาก็จะเข้าใจเป็นภาษาไทย ก็แปลคำพูดออกมาเป็นภาษาไทย ตามที่สมองของคนไทยเข้าใจในภาษานั้นได้<O</O
<O</O

นี่เป็นเทคโนโลยี ที่ส่งผ่านอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ยังบุคคลท่านนั้น และแปลข้อมูลออกมา ซึ่งพี่สุดใจได้เป็นผู้บันทึก และนำเรื่องราวเหล่านั้นมาถ่ายทอดให้ท่านที่สนใจได้รับทราบข้อความเรื่อยมา

<O</Oและในวันนี้ พี่สุดใจจะขอถอดเทป ข้อมูลบางส่วน จากการผ่านข้อมูลลงมา ทุกคำ คำต่อคำ ในกรณีที่มีกลุ่มอภิจิต 2000 เดินทางขึ้นไปบนเขากะลา และมีการเปิดภาพมิติกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวบนยอดเขาให้เห็น หลังจากนั้นก็มีคลื่นจากมนุษย์ต่างดาวคือผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโตผ่านมา และอนุญาตให้สอบถามได้ ซึ่งมีคำถามจำนวนมากที่ได้ถาม และได้มีการตอบคำถาม
<O</O
<O</O
ในวันนี้ พี่สุดใจได้เลือก 1 คำถามที่น่าสนใจ และคำตอบที่ได้รับทราบจะทำให้มีความกระจ่างในหลาย ๆ ด้านที่หลายท่านสงสัย จะได้นำไปเทียบเคียง<O</O
<O</O

สิ่งเหล่านี้ ท่านต้องใช้ปัญญาไตร่ตรองในข้อมูลที่ได้ผ่านลงมา ว่าน่าเชื่อถือได้หรือไม่เพียงไร แต่สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้มีการรับทราบผ่านอุปกรณ์เช่นนี้มาตลอด 10 ปี จึงมีรายละเอียดมากมายที่นำมาโพสไว้ในกระทู้นี้พี่สุดใจจึงไปถอดเทปคาสเซทที่บันทึกไว้ นำมาให้ท่านได้อ่านในกระทู้ถัดไป ชนิดคำต่อคำ กับ 1 คำถามเท่านั้น<O</O

(หมายเหตุ... เรื่องจานบินวิเคราะห์ มีการสื่อสารผ่านร่างของชาวต่างชาติ และมีการพิสูจน์ ทดสอบ ทดลองจนรู้ว่าน่าเชื่อถือได้ จึงเขียนเป็นหนังสือขาย และหลายท่านก็ได้เคยอ่านบ้างแล้วในชื่อ มนุษยชาติกับจานบิน ซึ่งทั่วโลกให้ความเชื่อถือ ก็เป็นการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวในโครงการเดียวกันนี้ แต่รับผิดชอบคนละประเทศกัน ในภารกิจของแต่ละดวงดาวที่รับลงมา)


จากเทปบันทึกเสียงการสนทนา วันที่ 5 กันยายน 2541 เวลาประมาณ 17.00 นาฬิกา<O</O
หัวหน้ากลุ่มอภิจิต 2000 คุณภัทรพล เจษฏาอภิบาล (ซึ่งในช่วงหลังจากนั้น ท่านได้เห็นจานบินไปลอยอยู่ที่บ้านท่าน แถวบางนา-ตราด อยู่เสมอ

.<O</O<O</O<O</O

 

.
( คุณภัทรพล) ฟังจากทางกลุ่มเขากะลา บอกว่าให้มนุษย์เข้าทางคุณธรรม คือทางปฏิบัติธรรม แล้วพวกท่านจากต่างดาวจะมาช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากภัย อย่างนี้ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ คือไม่ต้องแก้ทางโลก คือให้หมั่นฝึกทางด้านปฏิบัติธรรม เดี๋ยวท่านก็จะมีโอกาสช่วยตามบารมีของบุคคลท่านนั้น<O</O

(คลื่นจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ข้าพเจ้าจะขอบอกถึงภารกิจของข้าพเจ้า ในการที่จะช่วยเหลือภพมนุษย์ของเจ้าให้รอดพ้นจากภัยพิบัติตามส่วนของผู้ที่มีบารมีเท่านั้น สิ่งที่เจ้าได้พูดมาข้าพเจ้าจะขออธิบายเพิ่มเติมว่า ภัยพิบัติที่ใหญ่หลวงยิ่งที่จะเกิดกับโลกของเจ้าทั้งโลกนั้น ถ้าไม่มีเทพที่จะลงมาช่วยเหลือภพมนุษย์ มันก็แทบจะไม่มีเหลือ ทั้งผู้ที่ไม่มีบารมี และผู้ที่มีบารมีเก่า ก็จะตายกันมากกว่านี้ จะไม่มีการเตรียมการ จะไม่มีการรวมคนที่มีบารมี และที่จะเหลืออยู่ก็แทบจะเป็นบ้าเป็นบอกันไปหมด และผู้ที่มีบารมีเมื่อสิ้นชีวิตก็ขึ้นสวรรค์ไป แต่ผู้ที่จะดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้ดำรงต่อไปนั้นก็แทบจะไม่มีคุณภาพ ภพมนุษย์ก็แทบจะสูญสิ้นกันไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

เพราะฉะนั้น จึงเป็นกฏของธรรมชาติ เป็นกฎของจักรวาล ซึ่งยิ่งใหญ่เหนือกว่าสิ่งใด ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เจ้าเคยรับรู้ ได้เห็น ได้สัมผัส เพราะนั่นอยู่เหนือวิสัยของมนุษย์ที่จะคิดได้ กฎของจักรวาลนั้น เป็นสิ่งที่ทวยเทพ และต่างจักรวาลทั้งหลายต้องลงมาช่วยกันเพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีคุณภาพ ให้มีการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งมีการสืบทอดพระธรรมคำสั่งสอน จะหล่อเลี้ยงจิตใจพวกเขาให้อยู่ต่อไป

ดังนั้นในประเทศนี้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีพระธรรมคำสั่งสอนของพุทธศาสนา เป็นประเทศที่มีบารมีคุ้มครอง ทวยเทพทั้งหลายได้ให้ความร่วมมือ รวมทั้งต่างจักรวาล รวมทั้งข้าพเจ้า และต่างดาวที่มาจากจักรวาลอื่น ได้ประชุมรวมกัน เห็นพ้องต้องกันก่อนที่พวกเจ้าจะลงมาเกิดนี้ ข้าพเจ้าก็ได้เล็งพระญาณเลือกสถานที่ที่เจ้านั่งกันอยู่นี้ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการที่เทพทั้งหลายจะอธิษฐานจิตกันลงมา อุบัติลงมาจากเทวโลก พวกเจ้าคิดรึ ถ้าพวกเขาๆไม่อุบัติลงมาจากเทวโลก ภพมนุษย์ก่อนเก่านี่จะสามารถรักษาธรรมะอันทรงคุณค่าที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้ให้อยู่เหลือรอดต่อไปได้ มันไม่ได้หรอกนะ มันต้องได้รับการรักษาจากผู้ที่มีบุญบารมีจากเทวโลกที่อธิฐานจิต อุทิศตนลงเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ให้ดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้อยู่ต่อไป นั้นคือผู้ที่เสียสละ ให้ภพมนุษย์ได้ยืนหยัดอยู่ต่อไป
<O</O<O</O
ถ้าภพมนุษย์ไม่ยืนหยัดอยู่ต่อไป ก็ไม่มีโอกาสที่เทวโลกพรหมโลก จะลงมาสร้างบารมี มันต้องมีการช่วยเหลือกันทั้ง3ภพนั้น มันเกี่ยวข้องกันอย่างแยกกันไม่ออก

ฉะนั้นพวกเจ้าที่ได้มานั่งกันอยู่ที่นี้ รวมทั้ง100 ครอบครัว ที่ได้เคยบอกไปแล้วนั้นก็คือครอบครัวจากเทวโลกทั้งสิ้น ครอบครัวที่มีการอธิฐานจิต มีการอาสามีการรับรู้ในโครงการที่จะมาช่วยเหลือในภพมนุษย์ฉะนั้นผู้ที่มีจิตใจสูงเท่านั้นจึงจะสามารถมาพบในสถานที่นี้ได้ เข้าถึงพระธรรมและดำรงรักษาพระธรรมในสถานที่ที่พวกเขาได้พบกันอยู่นี้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญมันเป็นการกำหนดจากเทวโลก เป็นการเตรียมการ เป็นการสมัครใจของพวกเขาและพวกเจ้าที่นั่งกันอยู่ที่นี้ แต่ปัญญาในภพมนุษย์มันมีขีดจำกัดในการรับรู้เจ้าไม่สามารถรำลึกไปถึงอดีต ไม่สามารถมองถึงอนาคต เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเจ้าทำด้วยความศรัทธานี้ มันไม่ใช่ความศรัทธาที่ไม่มีเหตุมันมีเหตุเก่ากันมา จึงมาเป็นพวกเจ้ามาที่ ณ ปัจจุบันนี้

เจ้าไม่ต้องแปลกใจต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเจ้าก็จะได้พบสิ่งปาฏิหารย์ที่ข้าพเจ้า และดวงดาราอื่น ๆจะมาร่วมกันเพื่อที่จะทำให้ภพมนุษย์ของเจ้าได้ดำรงอยู่ต่อไปสิ่งที่ทวยเทพทั้งหลายที่ได้ลงมานั้น เป็นความอนุเคราะห์ ความกรุณาความเมตตาของท่าน ได้ลงมาเตือนสติพวกเจ้า แต่จะลงมาอย่างไรเล่าจะลงมาเป็นมนุษย์อย่างเจ้าท่านก็สามารถทำได้ แต่เจ้าจะเชื่อไหมล่ะทั้งที่ผู้ที่เจ้านับถือจะเป็นรูปของบรรพชิตก็ตาม คนส่วนใหญ่แม้จะรู้ว่าท่านดีแต่ก็ไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำที่ท่านสั่งสอนได้ ไม่สามารถที่จะรับฟังธรรมของท่านได้

เพราะฉะนั้น ในการไตร่ตรองของเทวโลกวิธีการที่จะมาผ่านร่างของมนุษย์ และมาทำปาฏิหารย์ต่าง ๆเป็นวิธีการที่เทวโลกเขาไตร่ตรองลงมาแล้วเป็นวิธีการที่ดี และสามารถกระทำการหลาย ๆอย่างได้ โดยไม่ต้องมีขอบเขตของกฎของนักบวชที่พระพุทธองค์ท่านได้ทรงบัญญัติไว้เพราะฉะนั้น สิ่งที่พวกเจ้าพูดกันมา ขีดจำกัดของมนุษย์รับได้เพียงบางอย่างเชื่อได้เพียงบางอย่าง สิ่งที่เหลือที่เขารับไม่ได้แต่ไม่รู้เท่าทันหรอกว่าอวิชชามันบังเอาไว้ ให้รับได้เท่านี้ ให้รับได้เท่านั้นจำกัดอย่างนั้น จำกัดอย่างนี้ อวิชชามันบังพวกเขาเอาไว้<O</O
<O</O
<O. </O

 

.
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และตรัสสั่งสอนที่พวกเจ้าอาจจะเคยได้ยินว่า ใบไม้ทั้งป่าพระพุทธองค์นำมาตรัสสอนพวกเจ้าแค่กำมือเดียว แต่กำมือเดียวนี้พวกเจ้าก็ยังกีดกั้นกันเองยังมีปัญญาไม่สามารถรับรู้ได้ในทั้งหมดที่พระพุทธองค์ท่านตรัสสอน แล้วพวกเจ้าคิดรึว่า ใบไม้ทั้งป่า ที่ท่านไม่ได้ตรัสสอนนั้น มันจะมีอะไรอีกบ้างมันเหลือวิสัยที่พวกเจ้าจะคิดคำนึง เหลือวิสัยที่พวกเจ้าจะไตร่ตรอง เพราะฉะนั้นธรรมของพระพุทธองค์ ไม่ได้เป็นไปด้วยตรรกะ

ตรรกะคืออะไร? ตรรกะ คือการคิดคำนวณตามเหตุตามปัจจัย หรือตามวิทยาศาสตร์ของเจ้านั้นมาใช้กับวิธีของท่านนั้นมันยังไม่ถึง เพราะฉะนั้น สิ่งเหลือวิสัยของวิทยาศาสตร์ สิ่งเหลือวิสัยของญาณของมนุษย์ทั้งหลายที่จะพึงรู้ยังมีอีกมาก ทั้งในเรื่องที่พวกเจ้าจะเชื่อได้ หรือจะเชื่อไม่ได้นั้น แต่สิ่งนั้นมีอยู่แล้ว มีอยู่มาก่อน และจะมีอยู่ในอนาคตข้างหน้า พวกเจ้าก็จะได้รับการถ่ายทอดตามแต่สติปัญญาของพวกเจ้าที่จะรับรู้ได้

ข้าพเจ้าได้เคยกล่าวไว้ในกาลก่อนนั้นว่า ข้าพเจ้าจะนำเทคโนโลยีมาเปิดเผย มาสั่งสอน มาบอกกับพวกเจ้าตามแต่บารมีของเจ้าที่จะรับได้ ไม่ใช่ว่าเอามาสั่งสอนเอามาเปิดเผยทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้ เหมือนเด็กเล็ก ๆจะให้มารู้วิชาของปริญญาเอกนั้น สอนให้ตายมันก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น สอนได้ ก ไก่ ขไข่ ก็สอนกันไป ในส่วนที่พวกเจ้าได้รับรู้นี้ ในวาระจิตของบางคนก็สามารถเรียนได้ป.1 ป.2 บางคนก็สามารถเรียน ป.3 ป.4 เราก็ต้องสอนไปตามแต่บารมี ดังนั้น จึงต้องมีการคัดแยกให้ผู้ที่มีบารมีเข้าถึงแก่นของธรรม ก็แยกกันไปส่วนหนึ่งผู้ที่มาใหม่ยังอยู่ในเปลือกนอกของยานต่างดาว ก็แยกกันไปอีกพวกหนึ่งเพื่อที่เขาจะได้สมความปราถนาของเขา ไม่มีการสับสนปะปนกัน

เพราะฉะนั้น สิ่งที่เจ้าคิดถึงเรื่องของภัยพิบัตินั้น ซึ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เกิดขึ้นมากกว่าที่พวกเจ้าคิดคำนึงถึงเสียอีก แต่ถึงเวลานั้นแล้วพวกเจ้าจะรับรู้ได้เฉพาะสิ่งที่เจ้าอยู่ ส่วนอีก70

 

สำหรับ 1 คำถามสั้น ๆ

กับ สองหน้ากระดาษ กับคำตอบยาว ๆ ที่ครอบคลุมในหลายเรื่องที่ข้องใจ

ทำไม? จึงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายสื่อสารลงมาในโลกมนุษย์ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเทวดา เทพ พรหม พระอาจารย์ที่ละสังขารไปแล้ว หรือแม้กระทั่งมนุษย์ต่างดาว ที่มากันมากมายทั่วโลกในยุคนี้ ก็เพราะมีเหตุผลดังที่กล่าวมาแล้ว มนุษย์จะเชื่อได้หรือไม่? ก็แล้วแต่มนุษย์

แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านสื่อสารลงมาก็ดี มนุษย์ต่างดาวก็ดี ก็ยังคงดำเนินงานช่วยเหลือมนุษย์โลกไปตามหน้าที่เช่นเดิม

กับคำถามอื่น ๆ มีอีกมาก ที่ได้มีการบอกล่วงหน้าไว้ 10 ปีแล้ว ทั้งเรื่องของภัยพิบัติบนโลกใบนี้ เรื่องของกฏธรรมชาติ เรื่องการเตรียมการ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย

ดังนั้น เขากะลา จึงเป็นจุดที่เน้นในด้านธรรมะ เป็นจุดหลัก เรื่องมนุษย์ต่างดาว ก็เป็นเรื่องที่เข้ามาร่วมช่วยเหลือในด้านรูปธรรม สามารถกระทำการช่วยเหลือได้จริง คนที่เดินทางไปเขากะลาเมื่อปี 2541 ก็จะไปปฏิบัติธรรม ฟังธรรม และชม UFO ด้วยพร้อม ๆ กันไป และในบางครั้งก็จะมีคลื่นจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต มาตอบข้อข้องใจ และข้อซักถามของคนจำนวนมากเหล่านั้น

ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่มีการส่งคลื่นผ่านอุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยี เชื่อมต่อกับมนุษย์ และสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากมนุษย์ต่างดาวได้

ซึ่งยังมีอีกหลายคำถาม และมีคำตอบที่น่าสนใจ หากยังมีท่านที่สนใจจะอ่าน พี่สุดใจก็จะไปถอดเทปมาโพสให้ทราบค่ะ
.

 

วิทยาศาสตร์เป็นตัวตามรู้ เขาไปถึง (ช่วยอธิบายคำนี้หน่อยครับ)
ถอดเทป มาให้อีกเยอะๆ นะครับพี่สุดใจ

 

ขอบคุณนะคะที่สนใจ

พอดีพี่สุดใจกำลังจะกลับเข้ามาโพสข้อมูลด่วน ยังไม่ทันได้ออกไปจากกระทู้นี้ ก็ขอตอบเลยก็แล้วกันนะคะ สำหรับคำถามนี้

จริง ๆ แล้ว คำนี้ ก็หมายถึง วิทยาศาสตร์ที่มนุษย์ในโลกใบนี้คิดค้นได้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นตัวตามรู้เหมือนตัวจิตที่เราเรียกกัน บางครั้งภาษาที่เราพูดกันนั้น มนุษย์ต่างดาวที่สื่อสารผ่านมาอาจใช้คำที่ความหมายใกล้เคียงกัน แต่คนละความหมายค่ะ

เหมือนกับว่า ผู้ที่ปฏิบัติสมาธิจิต มีจิตสูง หรือพระปฏิบัติก็ดี ท่านอาจรู้วาระจิตของคน ๆ นั้นได้ แต่วิทยาศาสตร์ตอนนี้ ยังทำได้แค่ รู้ว่าคนคนนี้โกหกหรือไม่ ก็คือผลิตเทคโนโลยีคือเครื่องจับเท็จขึ้นมา ก็สามารถรับรู้ได้ว่าคนนี้พูดจริง หรือไม่จริง เพราะคลื่นในสมองมันบอก แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าคิดอะไรอยู่ คิดเรื่องอะไรบ้าง ดังนั้น วิทยาศาสตร์ก็ตามรู้ไปได้นิดเดียว ไม่ได้ละเอียดเหมือนผู้ที่รู้ด้วยการปฏิบัติ ซึ่งสิ่งที่รู้ ก็คือรู้โดยสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาตินั่นเอง

หรือผู้รู้ที่ท่านสามารถมองเห็นคลื่นละเอียดได้ เห็นผี เห็นวิญญาณ เห็นเทวดา ซึ่งมีมาตั้งนานแล้ว แต่วิทยาศาสตร์ ยังผลิตเครื่องถ่ายภาพผีไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่มีอยู่เต็มไปหมด เพิ่งผลิตเครื่องวัดพลังงานได้ ตรงไหนมีพลังงานก็จะเสียงดังแค่นั้นเอง หรือผลิตเครื่องถ่ายแสงออร่าได้ แต่ความละเอียดก็ไม่ได้มีมากมายกว่าผู้ที่รู้ด้วยการปฏิบัติจนเห็นสิ่งเหล่านั้นเลย

ดังนั้น ปฏิบัติจนจิตเป็นตัวนำ วิทยาศาสตร์จึงเป็นตัวตามนั่นเอง

มนุษย์ต่างดาว เดินทางข้ามมิติมาได้ บินกันให้ว่อน แต่มนุษย์ยังไม่เห็น ก็รอให้วิทยาศาสตร์เจริญกว่านี้ ก็จะผลิตเครื่องถ่ายภาพข้ามมิติ ก็จะเห็นจานบินเต็มไปหมดบนท้องฟ้าของโลกเราตอนนี้

นี่เป็นข้อจำกัด ของวิทยาศาสตร์ของมนุษย์บนโลกในปัจจุบัน

ขอบคุณค่ะที่สนใจ ถ้าพี่สุดใจมีเวลาว่างจากภารกิจ ได้เข้ามาโพสอีกครั้ง จะถอดข้อความสำคัญมาฝากค่ะ

 

<TABLE class=tborder id=post907737 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> วันนี้, 11:24 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Astro Neemo<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_907737", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:27 AM
วันที่สมัคร: Sep 2007
ข้อความ: 261 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 208 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 2,359 ครั้ง ใน 208 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 264






</TD><TD class=alt1 id=td_post_907737 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->เชิญร่วมนั่งสมาธิภายในมหายันต์จักรวาลและ UFO แคมมปิ้ง
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เรียนเชิญนักพลังจิตร่วมนั่งสมาธิติดต่อพลังจักรวาล และร่วมสังเกตุการณ์ปรากฏการณ์ทางจิต และ UFO ในงาน UFO แค้มปิ้ง และพิธีไหว้ครูของท่านอาจารย์บูรพา ผดุงไทย

ภาพลานยันต์จักรามหาจักรวาล อาศรมบูรพา ป่าละอู หัวหิน เส้นผ่านศูนย์กลางยันต์ 24 เมตร ภายในเส้นยันต์ทำด้วยขดลวดทองแดง จำนวนมหาศาล สร้างเมื่อปี 2547<O</O
<O</O
งานวันไหว้ครู ประจำปี 2551<O</O
ในคืนวันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2551 เวลา 20.00 น. ร่วมนั่งสมาธิภายในยันต์จักรามหาจักรวาล (ด้วยนักพลังจิตจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา) เช้าวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2551 ตั้งแต่เวลา 9.00 น.-12.00 น.พิธีไหว้ครูของอาจารย์บูรพา และบรรดาคณะศิษย์ <O</O
ผู้มั่นใจเข้าร่วมพิธีกรุณาติดต่อกับ คุณ ณ ภัทร (โม่) เพื่อพิจารณาก่อนวันศุกร์ที่ 11 มกราคมนี้ หรือติดต่อ คุณสุดใจ เขากะลา โทร 086-700-9333
<O</O

อ.บูรพา ผดุงไทย
สนับสนุนโดย www.UFOThailand.org <O></O>​

<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๑ ครับ ขอให้เจริญในธรรมทุกๆคน
พระธรรมวินัยของพระศาสดามีอายุกาลเพิ่มขึ้นอีกปีหนึ่งแล้ว
<!-- / sig -->



</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack --> <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


อาจารย์บูรพา และคณะ จะได้ทำพิธีไหว้ครู ณ อาศรมป่าละอู ดังรายละเอียดที่คุณ ณ ภัทร ได้กล่าวไว้ในรายละเอียดด้านบนนั้น

พี่สุดใจได้รับเชิญไปร่วมงานด้วย และทางคณะก็ได้แจ้งว่า หากมีผู้ร่วมนั่งสมาธิร่วมกันมีจำนวนถึง 108 คนก็จะดี เพื่อที่จะเปิดสู่จักรวาลตรงบริเวณนั้นได้ เพราะเมื่อครั้งที่ผ่านมา คณะท่านที่ได้นั่งสมาธิ ณ ที่นั้น บรรดาศิษย์ของท่าน ได้เห็น UFO ปรากฏถึง 2 ครั้งตรงจุดนั้น จึงน่าที่จะเชื่อมต่อกับจักรวาลตรงจุดนั้นได้

ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลก เพราะอาจารย์กัญจีรา ท่านก็กำลังที่จะเชื่อมต่อกับจักรวาล ณ ตรงจุดเขากะลา
อาจารย์บูรพา ผดุงไทย (อาจารย์แอ๊ด) ก็กำลังจะเชื่อมต่อกับจักรวาล ณ ตรงจุดป่าละอู ในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

พี่สุดใจก็จะเดินทางไปร่วมงานนี้พร้อมกับคุณ Astro Neemo และคณะบางส่วน หากท่านใดว่างอยากไปนั่งสมาธิร่วมกันที่ป่าละอู ก็ขอให้แจ้งได้ที่คุณ Astro Neemo หรือพี่สุดใจก็ได้ จะได้แจ้งให้อาจารย์บูรพาท่านทราบ เพราะต้องเตรียมอาหารเผื่อด้วย

ค่ะ ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างด่วน เพราะพี่สุดใจจะต้องไปทำภารกิจอย่างอื่น จึงไม่อาจเข้ามารวบรวมรายชื่อในกระทู้นี้ได้

<TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY id=threadbits_forum_2><TR><TD class=alt1 id=td_threadstatusicon_108198> </TD><TD class=alt2></TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_108198 title="เรียนเชิญนักพลังจิตร่วมนั่งสมาธิติดต่อพลังจักรวาล และร่วมสังเกตุการณ์ปรากฏการณ์ทางจิต และ UFO ในงาน UFO แค้มปิ้ง และพิธีไหว้ครูของท่านอาจารย์บูรพา ผดุงไทย

ภาพลานยันต์จักรามหาจักรวาล อาศรมบูรพา ป่าละอู หัวหิน เส้นผ่านศูนย์กลางยันต์ 24 เมตร ภายในเส้นยันต์ทำด้วยขดลวดทองแดง จำนวนมหาศาล สร้างเมื่อปี...">เชิญร่วมนั่งสมาธิภายในมหายันต์จักรวาลและ UFO แคมมปิ้ง (2 คน กำลังดูอยู่)
Astro Neemo

​

</TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 0, จำนวนอ่าน: 56">วันนี้ 11:24 AM

โดย Astro Neemo ​

</TD><TD class=alt1 align=middle>0</TD><TD class=alt2 align=middle>56</TD></TR></TBODY></TABLE>

ขอให้แจ้งได้ในกระทู้คุณ Astro Neemo ที่ตัดมาด้านบนนะคะ เพราะคุณ Astro Neemo จะเข้าไปรวบรวมรายชื่อค่ะ หรือถ้าจะโทรศัพท์ก็หมายเลขที่แจ้งไว้ด้านบนก็ได้ค่ะ

ขอบคุณนะคะ และสวัสดีทุกท่านค่ะ


ภาพที่ได้เดินทางไปที่อาศรมป่าละอู เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2549
.

 

สวัสดีพี่สุดใจอีกรอบครับ และ ผมไม่ได้แน่ว่าผมตอบไปยัง ผมคิดว่า การที่เลนน์มีความชื่นทำให้เกิดจตุคามเยอะมากครับ เช่น ถ้าตอนคุณกำลังเปียกๆหรือเพิ่งร้องไห้ ถ้าปิดไฟแล้วมแสงสว่างนิดๆ ก็จะเห็นได้ว่าตาเราก็จะเห็นจตุคาม ผมลองมาแล้วครับผมหาวแล้วน้ำตาไหล ปิดไฟแล้วมีไฟนิดๆพอดี ไม่ต้องเช็ดน้ำตาหรือน้ำนะครับจะเห็นจตุคามเองครับ ส่วนที่รูปร่างคน ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกล้องตอบครับ ผมไม่ได้ถึงกับโปรมาก

 

ขอบคุณนะคะที่กรุณาให้ความรู้ในหลาย ๆ เรื่อง

หลายสิ่งหลายอย่างที่เราได้พบเจอมา ส่วนมากจะมีพยานอยู่ในเหตุการณ์หลายคน และตั้งสมมุติฐานว่าไม่เชื่อไว้ก่อน ผู้ที่มองเห็น ก็เห็นด้วยตาเนื้อกันทุกคน ดังนั้น สิ่งที่พี่สุดใจนำเสนอ ก็เป็นสิ่งที่ผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เสียเป็นส่วนมาก มาพิสูจน์ มาค้นคว้า หรือมาเพื่อบันทึกภาพแทบทั้งสิ้น

ดังนั้น ภาพต่าง ๆ ที่ได้นำมาปรากฏ ก็มาจากหลายท่านที่ได้มาบันทึกไว้ที่เขากะลา จะเห็นได้ว่าพี่สุดใจจะมีรายชื่อของทุกท่านกำกับไว้ที่ภาพ ที่ท่านต่าง ๆ บันทึกได้และส่งมาให้ทางพี่สุดใจเผยแพร่ เกือบทุกภาพ จึงต้องไปเรียนถามท่านที่บันทึกภาพนั้น ๆ ค่ะ

เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก แม้เห็นด้วยตาตนเอง ก็ยังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำ จึงเป็นการเชื่อได้เฉพาะกลุ่มจริง ๆ

.

 

http://palungjit.org/showthread.php?t=87985

 

เอาประสบการณ์มาแชร์ค่ะ ^^ ช่วงไม่กี่เดือนนี้ มีหลายๆเรื่องเหมือนเรียงลำดับเข้ามา
ในเวลาสั้นๆจนแทบไม่ตั้งตัวเลยค่ะ ที่จริงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ลาออกจากงาน
ตอนนั้นเรา็เริ่มนั่งสมาธิ แล้วก็ตัดสินใจไปงานมินิมหกรรมพลังจิต
จนได้เปิดจักระเรียนพลังจักรวาล จนเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังต่างๆ เริ่มเห็นออร่าตัวเอง
แล้วก็เริ่มเห็นอะไร์์แปลกๆบนท้องฟ้า เริ่มมีเหตบังเอิญหลายๆอย่างมาก ที่เข้ามาช่วยเอื้อให้เราในฝึกจิตต่อไปได้ อย่างตอนที่เราได้งานใหม่นั้น
ใจยังคิดว่าขอเวลาอีกเดือนเถอะ เพราะรู้สึกยังไม่อิ่มกับอะไรที่เราได้เจอ ยังมีอะไรอยากเรียนรุ้ อยากฝึกฝนต่อ แล้วก็สมใจได้งาน แต่งานยังไม่เริ่มทันที่ มีเวลาให้เราต่ออีกเดือน ในการเรียนรู้สิ่งที่อยากรู้ต่อ
จากนั้นได้ไปงานพระธาตุ และหลังจากไปงานพระธาต การมองเห็นอะไรแปลกๆบนท้องฟ้าก็ยิ่งถี่ไปกว่าเิดิมมาก ไม่ใช่เห็นเฉพาะที่แถวบ้านเหมือนเคย แม้แต่้เมื่อเราไปทำงานแล้ว สิ่งแปลกๆนั้น ก็ยังตามมาให้เห็นในที่ๆเราไป บางครั้งไม่ใช่แค่เห็น แต่รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ส่งมาที่ตัวเราด้วย
เลยไม่รู้ว่าเหตการณ์ที่มันเกิดขึ้นกับเราแต่ละอย่างนั้น ใครกำหนดมาให้เจอ หรือเป็นเพราะชีวิตเราเริ่มเปลี่ยน หลังจากที่ตัดสินใจไปเปิดจักระในงานมินิมกรรมพลังจิตครั้งนั้นก็ไม่ทราบค่ะ

เรื่องแปลกอีกอย่างก็คือ เวลาจะเข้ามาพิมพ์ตอบในกระทู้เขากะลาใน 2-3 ครั้งหลังนี้ ช่วงที่กำลังพิมพ์มักจะรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างส่งเข้ามาเสมอ แม้กระทั่งตอนที่พิมพ์อยู่ตอนนี้ก็เหมือนกันค่ะ ที่มีพลังจากไหนไม่ทราบ ส่งเข้ามาแรงๆจนรู้สึกได้เลยค่ะ

ปล บางครั้งพลังส่งเข้ามาแรงมากจนเลิกพิมพ์ไปเลยก็มีค่ะ ^^"