ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ukrin ก็ออกจากงานประจำที่ทำมา 10 ปี ได้ไม่เท่าไหร่ ก็ให้ต้องมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ เขากะลา เราจะเริ่มสังเกตได้มากมายหลายอย่างว่า บังเอิญ บังเอิญ และบังเอิญ และบังเอิญอีกแล้ว เมื่อได้มองย้อนไปในอดีตที่ผ่านมา ส่วนอนาคต เราไม่เห็นอยู่แล้ว เอาใจใส่มากไปมีแต่จะให้ฟุ้งซ่าน ทีนี้ก็พออาจจะมองเห็นได้ว่า ชั่วชีวิตที่ผ่านมา ในความหลากหลาย คล้ายๆละครชีวิต ใช่ความบังเอิญเหรอ...ป่าว...

 

<TABLE class=tborder id=post907890 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> เมื่อวานนี้, 02:13 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #909 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>rescuelp<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_907890", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:34 AM
วันที่สมัคร: Sep 2007
ข้อความ: 19 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 786 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 242 ครั้ง ใน 18 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_907890 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->วิทยาศาสตร์เป็นตัวตามรู้ เขาไปถึง (ช่วยอธิบายคำนี้หน่อยครับ)
ถอดเทป มาให้อีกเยอะๆ นะครับพี่สุดใจ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

<!-- / post 907890 popup menu -->


เนื่องจากมีสมาชิกที่ติดตามข้อมูลของ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้โทรมาถามพี่สุดใจ เรื่องเดียวกับที่คุณ rescuelp สงสัย ว่า วิทยาศาสตร์ตามรู้ยังไงไม่เห็นบอกรายละเอียด พี่สุดใจก็เลยเข้ามาดูในกระทู้นี้อีกครั้ง ก็พบว่าเกิดความผิดพลาด เป็นเพราะพี่สุดใจถอดเทปออกมาแล้วพิมพ์ลงไปไม่ครบถ้วนตามเอกสารนั่นเอง หลายท่านจึงไม่เข้าใจความหมาย

พี่สุดใจต้องขอโทษเป็นอย่างมาก เนื่องจากพี่สุดใจเร่งรีบที่จะลงข้อมูลให้เสร็จ เลยไม่ได้อ่านทบทวนโดยละเอียด จึงทำให้ข้อความสำคัญตกไป

จึงขอนำข้อความส่วนที่ขาดเพิ่มเติมเข้าไป เพื่อได้ใจความที่สมบูรณ์ตามที่ได้รับการสื่อสารมาค่ะ


ข้าพเจ้าคิดว่าเจ้าก็คงจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้บอกกับเจ้า จุดสำคัญของที่นี่ เน้นในด้านธรรมะเพราะธรรมะก็คือตัวแก้ ที่จะจากหนักเป็นเบา วิทยาศาสตร์เป็นตัวตามรู้ เขาไปถึง 1,000 เมตร ตามรู้ได้ 10 กว่าเมตร ก็คิดว่าตนเองรู้มาก วิทยาศาสตร์ของพวกเจ้านั้นมันล้าหลัง มันเทียบไม่ได้กับญาณหยั่งรู้ของเทพทั้งหลาย มนุษย์คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ คิดว่าตัวเองรู้มาก แม้กระทั่งต่างชาติที่เจริญสูงสุดในโลกมนุษย์ของเจ้า พวกนั้นมันก็ยังล้าหลังอยู่มาก พวกเจ้าเทคโนโลยีน้อยกว่าพวกเขา พวกเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ พวกเจ้าไม่รู้หรอกในใจของพวกเขานั้นคิดจะอยู่เหนือโลกทั้งโลก พวกเจ้าเข้าใจไหม ผู้ที่สูงสุดทางเทคโนโลยีในโลกของเจ้า เขาคิดจะอยู่เหนือโลกของเจ้า

เพราะฉะนั้น ความคิดนี้มันเป็นอันตรายมันเป็นจุดก่อกำเนิดให้ถึงความวิปริตถึงสูงสุด ทำให้ต้องมีการรบราฆ่าฟันกันเป็นสงครามโลกครั้งที่3 ของพวกเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมหรอกเพราะว่าผู้ยิ่งใหญ่เพียงไหน ก็ต้องมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างอื่นต้องต่อสู้กันไปเหมือนในพุทธทำนาย ยักษ์นอกศาสนาต่อสู้กันไป ตายไปอย่างละครึ่งมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ.

ต้องขอโทษทุก ๆ ท่านเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคุณ rescuelp ต้องขอโทษ และขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้กรุณาสอบถามเข้ามา จนพบว่าข้อความได้ขาดหายไปบางส่วน

พี่สุดใจได้แก้ไขเพิ่มเติมในกระทู้ฉบับก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว

ขอขอบคุณ และสวัสดีค่ะ

 

อยากทราบเส้นทางไปเขากะลา ครับ ปี2514 จบป4 ที่ โรงเรียนเขากบ มาอยู่อิสาน30 ปีแล้ว มีประสบการณ์ สัมผัส crop crcle เคยติดต่อกับดร.เทพนม ทางโทรศัพท์ ฃ้อมูลบางส่วนได้เล่าให้คร.เทพนม ลงใน หญิงไทย ประมาณปี41 หรือ 42

 

อยากทราบว่า นอกจากcrop cycleแล้ว มนุษย์ต่างดาวเขาเคยทิ้งร่องรอยอย่างอื่นเช่น รอยมือ รอยเท้า ฯลฯ อะไรอย่างนี้บ้างไหมคะ ถ้ามีส่วนใหญ่เป็นร่องรอยจากอะไร พบที่ไหน

 

ขอพูดเรื่อง crop circle นิดหน่อย ปี39 หรือปี40 มีข่าวจากไทยรัฐ ที่บ้านยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ก็ได้ไปสำรวจสถานที่เกิดเหตุว่าลอยมีวัคถุเป็นวงกลมขนาดเท่ากระด้ง ประมาณ3-4รอย จากคำบอกเล่าของผู้พบเห็นบอกว่าเป็นนักเรียนม.ปลายมาตักน้ำลดต้นไม้ประมาณตี4-ตี5 เห็นวัตถุประหลาดลอยลงมาสักครู่วิ่งฃน ต้นมะพร้าว ตกลงมากระทบพื้นดิน กระทบเป็นจังหวะ ซี่งน้องคนนั้นก็หลบที่ต้นมะพร้าวอีกต้นหนึ่ง เจ้าวัตถุประหลาด ก็ยอยประเชิญหน้าระยะห่างประมาณ50 เมตร ลอยสูงประมาณ15 เมตร จนประมาณ2-3โมงเช้าก็จะเปลี่ยนรูปเป็นแสงสีขาวจ้าและหายไป ก็ทิ้งล่องรอยให้คนไปดู ตอนนั้นเดินทางไปดู เกือบมืดแล้วเลยไม่เห็นรายละเอียดไก้ชัดเจน
บริเวณทีนั้นจะมีวัดร้างอย่ช้างหลังสถานที่เกิดเหตุ น้องเขาบอกว่าเวลากลางตืนจะมีหิงห้อยตัวใหญ่มีแสงสีฟ้าบินกระพริยระยิบระยับ ปัจุบันไม่รู้จะเป็ยอย่างไร (เหตุการณ์นี้ลักษณะจะสัมพันธ์ กับ บ้านตำเกิ้ง อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ปี 2549 มีการไปดักถ่ายทอดเดือบทุกสถานนีโทรทัศน์) สรุปรcrop circle 1 เมตร หลายวงตรงบริเวณนั้นเนื่องจาดตกกระแทก ไปมืดหน่อยไม่เห็นรายละเอียด ต้องเดินทางกลับตอนกลางคืน

 

ปี 2542 ช่วงนั้น น่าจะมีปรากฏการณ์ฝนดาวตก ครั้งแรกที่มีข่าวให้ติดตามชมถ้าจำไม่ผิด ก่อนปรากฏการณ์ 10วันได้รับข่าวจากเพื่อนรุ่นน้อง ทำงานที่ศูนย์วิทยุกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้โทรศัพท์มาบอกว่า เข้าเวรได้ยิน วิทยุ ของ อบต. โขงเจียม ว่าเด็กนักเรียนประถม พบวัตถุประหลาดลอยมาลงที่ท้องนา ให้เจ้าหน้าที่ไปสำรวจด่วน ก็ไม่รู้ว่าน้องรู้ได้อย่างไรว่าเราติดตามเรื่องนี้อยู่ พอทราบข่าวไม่สามารถไปได้เนื่องจากติดภารกิจ และไม่ทราบเส้นทาง ไม่คุ้นเตยเส้นทาง ได้แต่หาข้อมูลการเดินทาง จากนั้น ได้ทำกิจกรรมชมดาวที่ผาแต้มเพื่อไปชมฝนดาวตก ก็เป็นเรื่องแปลกว่าไม่น่าจะมีคนไปชมดาวที่ผาแต้ม เพราะชวนอาจารย์ศูนย์วิทยาศาสตร์ ฯไปทำกิจกรรมที่นั้น ปรากฎว่าที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ได้จัดค่ายชมดาวที่ศูนย์เลยไม่มาร่วมกับเราทีผาแต้ม เราได้สร้างกระแสให้ไปชมฝนดาวตกที่ผาแต้ม ด้วยกันเชิญชวน กับเพื่อนครูอาจารย์ที่รู้จักกันหลายๆโรงเรียน ไปจัดกิจกรรมที่นั้น เราก็ไม่แน่ใจว่าจะมีคนไปร่วมเยอะหรือเปล่า คิดว่าจะมีกลุ่มพวกเรากลุ่มเดียว แต่ปรากฏว่าวันนั้นมีคนนับหมื่นไปรวมตัวอยู่ที่นั้น วันนั้น ก็เลยถือโอกาสเปิดตัวกลุ่มผู้สนใจชมดาว ในกลุ่มของเราประมาณ 10คน ด้วยเหตุบังเอิญผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมผู้กำกับการตำรวจภูธรไปสังเกตุการณ์ที่นั่นเนื่องจากมีการรายงานข่าวว่ามีประชาชนนับหมื่นไปร่วมกิจกรรมที่นั้นสมัยนั้นผู้ว่าราชการคือท่านศิวะ แสงมณี เท่ากับท่านเปิดตัวกลุ่มผู้สนชมดาวให้เรา จึงมีการรวมตัวกันตลอด<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

 

หลังจากนั้นจนสว่าง กลุ่มของเราต้องแบ่งเป็น2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งต้องแยกตัว กลับเพราะต้องไปทำงาน ส่วนกลุ่มที่เหลือมี 4 คน ซึ่งลางานไว้แล้ว ได้เดินทางไปดูร่องรอยของ crop circle เป็นเรื่องแปลกว่าคนในตัวเมืองไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่นักข่าวท้องถิ่นเส้นทางก็อยู่ห่างจากผาแต้มเพียง <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-comffice:smarttags" /><st1:metricconverter w:st="on" ProductID="10 กม.">10 กม.</st1:metricconverter> ไปทางอ.เขมราฐ จำไม่ได้ว่าเป็นหมู่บ้านอะไร ติดกับถนน มีบ้านห่างกัน เป็น100 เมตร มีบ้านประมาณ 4 หลังคา เรือน ร่องรอย อยู่ที่นาของบ้านหลังหนึ่งวันนั้นไม่มีคนที่รุ้เรื่องอยู่ เลยไม่ได้รายละเอียด

 

เมื่อเข้าไปดู พบรอยวงกลมรัศมี <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-comffice:smarttags" /><st1:metricconverter w:st="on" ProductID="8 เมตร">8 เมตร</st1:metricconverter> หญ้าบริเวณนั้นจะเหลืองซีดเป็นบริเวณกว้าง100 เมตร เกินกว่านั้นจะค่อยเห็นมีสีเขียว ถึงแม้จะเป็นฤดูหนาวหญ้าจะไม่แห้งจะต้องมีเขียวปน แต่บริเวณรัศมีเกือบ100 เมตร เหมือนถูกความร้อน ภายในวงกลมตรงกลางประมาณ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="1 เมตร">1 เมตร</st1:metricconverter> นั้นจะมีหญ้าที่ไม่ล้มอยู่กระจุกหนึ่งแต่จะมีสีเขียวแซม นอกนั้นหญ้าภายในวงกลมจะล้มไปทางเดียวกันเหมือนถูกอะไรทับ ส่วนนั้นจะแห้งแม้ว่าจะมีน้ำค้างเกาะไม่ได้แสดงอาการเปื่อย ปกติถ้าเกิดจากการทำขึ้นหรือถูกยาฆ่าหญ้า มันจะต้องมีอาการเปลื่อยเพราะภายในจะมีน้ำจุลทรีย์ทำให้เกิดการย่อยสลายอยู่ ภายในวงกลมพบรอยบุ๋มเหมือนขาหยั่ง 3 รอย ขนาดประมาณ6 นิ้ว ยุบลงในดิน <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="3 นิ้ว">3 นิ้ว</st1:metricconverter> น่าติดอย่างหนึ่งคือ ว่าถ้ามีขาหยั่งทำไมหญ้าจึงล้มเหมือนถูกทับ เสียดายนำกล้องไปถ่ายแต่ใส่ฟิลม์ไม่เกาะกับหนามเตยเลยไม่ได้ภาพ ได้เก็บตัวอย่างดินและหญ้าและส่งมาให้ดร.เทพนม วิเคราะห์ตรวจสอบได้รับความยืนยัน พบว่า หญ้ามีกัมตรังสีมากกว่าดิน เคยค้นในสารบัญรูปภาพ ของ google เมื่อ2ปีที่แล้ว พบภาพ cropcircleจากต่างประเทศมีคนใส่กางเกงทหารยืนชี้เหมือนกันมากกับที่ได้เห็นการล้มของหญ้าเรียงตัวเหมือนกัน ว่าจะนำมาประกอบไม่รู้ว่าหายไปใหน เคย เก็บภาพนี้ไว้ในคอม บังเอิญเครื่องติดไวรัสเลยถูกลบไป

 

จากการการสอบถามผุ้ให้ข้อมูลว่าเด็กนักเรียน ไปรดน้ำผักสวนครัวทีหลังบ้านซึ่งจะเป็นทุ่งนา (บริเวณนั้นจะไม่ค่อยมีบ้านคนเนื่องจากเป็นลานแนวเขาที่ราบสุงและเป็นเนินรวมทั้งเป็นป่าจึงมีบ้านคนอยู่ไม่เป็บกลุ่ม) เห็นวัตถุลึกลับ บินข้ามหัวเสียงดังวื๊ดค่อยๆ มีแสงกระพริบ ลงไปจอดที่ทุ่งนาด้านหนึ่งประมาณ200 เมตร และมีแสงวูบว๊าบ น่าจะเหมือนกับรูปที่ถ่ายที่เขากะลาจากการจิตนาการจากคำบอกเล่า สักครู่ ก็ขึ้นบินหายไป เด็กไปเล่าให้ครูฟัง ก็ไม่มีใครเชื่อ จนมีการแจ้งข่าวของ อบต.ไปดู และความบังเอิญให้มีคนแจ้งข่าวให้เราที่สนใจอยู่แล้วทราบข่าว นี่คือประสบการณ์ครั้งที่ 2 ถึงแม้ว่าเราไม่เห็นการมาของ UFO แต่ร่องรอยทีทิ้งไว้ให้วิเคระห์ น่าจะ
ยืนยันได้ว่าน่าจะมีอริยธรรมที่อื่นแน่นอน เพราะเราได้ศึกษาพอสมควร บวกกับความรู้ที่เรียมมาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ประยุกต์ น่าจะเป็นเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อหรือเหลวไหล ทิ้งท้ายก่อนคงเคยได้ยินคำว่าจักรแก้ว
มีคำจารึกไว้ตั้งแต่อดีต จะหาโอกาสมาวิเคราะห์ให้อ่านเป็นแนวทาง <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

 

ผมไปด้วยคนครับ พอดีคุยกับพี่สุดใจเมื่อเช้า(คุยกันอยู่ 01.01.01 ชม.แปลกจัง)และถามรายละเอียด ก็ทราบว่าเป็นการนั่งสมาธิตอนกลางคืนวันเสาร์และเช้าวันอาทิตย์ก็มีพิธีไหว้ครู ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เลยนะครับ อาหารมีให้รับประทานฟรีตลอดทั้งวันเสาร์และอาทิตย์ แต่ต้องนำเต้นท์และอุปกรณ์กันหนาวไปกันเอง และใส่ชุดขาวเพื่อร่วมนั่งสมาธิ เนื่องจากเป็นการทราบข้อมูลอย่างกระชั้นชิด กอปรกับไม่ใช่เป็นงานที่ทางกลุ่มฯ จัดขึ้นโดยตรงทั้งคุณนีโม่และพี่สุดใจจึงฝากขออภัยเพื่อนๆ ที่ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบล่วงหน้าด้วยนะครับ

 

ต้องขอขอบพระคุณ คุณnawเป็นอย่างสูงครับที่กรุณานำเรื่องที่น่าสนใจมาเล่าให้ได้รับทราบกัน ซึ่งหลายท่านที่ได้มีประสบการณ์แปลกๆ ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องUFOโดยตรงหรือไม่ก็ตาม ส่วนใหญ่เมื่อได้เข้ามาพบปะกันในกระทู้นี้ ก็มักจะทราบว่าท่านผู้นั้นไม่ได้ประสบพบเจอกับเรื่องแปลกๆ แต่เพียงลำพังผู้เดียวเท่านั้น ยังมีท่านอื่นๆ ที่อาจจะยังไม่ทราบเรื่องราวในกระทู้นี้ก็ได้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้เหมือนกัน ซึ่งทางผู้ที่อยู่ในกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ก็ใจชื้นขึ้นมาเป็นลำดับเหมือนกันว่า ที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นไม่ได้ฝันไปแต่เฉพาะในหมู่กลุ่ม

เรื่องcrop cycleนั้นเท่าที่เราเคยได้ยิน ได้เห็นมาจากทางสื่อต่างๆ นั้นส่วนใหญ่จะพบเจอกันแต่ในต่างประเทศ ในประเทศไทยนั้นแทบไม่เคยได้ยินได้เห็นข่าวเลย หรือจะว่าผมตกข่าวก็ไม่ทราบได้ แต่ข้อมูลที่คุณnawนำมาเล่าให้ฟังกันนี้ น่าสนใจมากครับ แต่เสียดายที่ไม่มีรูปภาพมาให้เพื่อนๆ ได้ศึกษากันด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยในเรื่องการถ่ายภาพ ที่หลายต่อหลายครั้งที่ทางเราและหลายๆ ท่านเมื่อพบเจอเหตุการณ์ที่จะเรียกว่าน่าตื่นตาตื่นใจก็ได้พยายามจะถ่ายภาพไว้ แต่ก็จะต้องมีอุปสรรคติดขัดอยู่ตลอด จนผลสุดท้ายก็ไม่ได้ภาพมา ตัวอย่างเช่นคุณDigital(ขออภัยที่กล่าวถึง)ที่ผมเพิ่งโพสต์ในกระทู้นี้เมื่อไม่นานมานี้ คือเขามาปรากฎให้เห็นตอนกลางคืน แต่พอคุณDigitalบอกว่าจะขอถ่ายภาพแล้วจะเดินเข้าไปหยิบกล้องในบ้าน เขาก็เคลื่อนจากไปทันที คงทิ้งไว้แต่รอยเท้าในอากาศเท่านั้น อย่างนี้เป็นต้น แต่เรื่องถ่ายภาพcrop cycleนั้น เขาคงไม่หวงหรอกนะครับ แต่เสียดายฟิลม์มันหลุดหนามเตยไปเสียก่อน

อย่างเรื่องcrop cycle ก็เป็นร่องรอยของสิ่งที่แม้แต่โลกทางตะวันตกที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีสูงกว่าประเทศอื่นๆ ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ชัด 100% ว่าเกิดจากสาเหตุใด นั่นเป็นเพราะว่าวิทยาศาสตร์ในโลกก็จำเป็นที่จะต้องหาข้อมูลความรู้ที่มีอยู่ในโลกเอามาเทียบเคียง หากหามาเทียบเคียงไม่ได้ก็พยายามอธิบายไปแบบเลียบๆ เคียงๆ หรือถ้าเราจะว่ากันตรงๆ ก็คือคำตอบของนักวิทยาศาสตร์นี่ฟังดูไม่น่าจะมีเหตุผลเลย เช่น เกิดพายุหมุนขึ้นในบริเวณนั้นจึงทำให้เกิดภาพต่างๆ ในไร่ข้าวโพดข้าวสาลีหรือทุ่งหญ้านั้น เป็นต้น

แต่จะอย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาได้ทำเครื่องหมาย หรือทิ้งร่องรอยไว้เป็นจำนวนมากในหลายๆ จุดทั่วโลกนั้น ย่อมต้องมีเหตุผล ย่อมต้องมีคำอธิบายในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็เพื่อให้มนุษย์โลกส่วนหนึ่งได้มีความเชื่อ(ไม่ได้แปลว่างมงายนะครับ) คือเชื่อมั่นว่าเขามาจริง เขามีตัวตนอยู่จริง แต่การที่จะได้ภาพชัดๆ เห็นการลงจอดชัดๆ ในเวลากลางวันนั้นคงจะต้องถึงเวลาอันเหมาะสมกว่านี้ละนะครับ

ในส่วนของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)นั้น ได้เลยจุดที่จะเชื่อว่าเขามีอยู่จริง หรือจะไม่มีอยู่จริงไปแล้ว แต่กำลังดำเนินการเพื่อประสานงานกับกลุ่มต่างๆ ที่ทำงานเพื่อการเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติใหญ่ที่มีความเชื่อ(อันนี้แปลว่างมงาย)ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งหากพี่naw(ขออนุญาตเรียกพี่นะครับ)ได้ลองอ่านข้อมูลที่พี่สุดใจเล่ามาตั้งแต่ต้นแล้ว ก็อาจจะเข้าใจเรื่องราว และวัตถุประสงค์ของการมาของมนุษย์ต่างดาว(ในมุมมองของกลุ่มฯ เขากะลา)ได้มากขึ้นในอีกมุมมองนึงครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่

 

ยินดีมากครับ คุณ์NO_9 เพราะชมรมเขากะลาได้ติดตามมาตลอดและวัถตุประสงค์ ตรงกัน เพราะสุดท้านจะต้องมาเกี่ยวพันธ์กับภัยพิบัติเช่นดร.เทพนมก็ต้องมาบอกเรื่องภัยพิบัติ หรือดร.พิชัย โตวิวืชญ์ ก็ได้เผยแพร่ข้อมูลของ UFO ก็ตามด้วยภัยพิบัติ อีdท่านหนึ่งก็ดร.อาจอง พูดถึงU FO สุดท้าย ก็ถึงปัญหาภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น คราวหน้าจะเป็นการเล่าการเผชิญหน้าของชาวบ้านคำเกิ้ง อ.ม่วงสามสิบ

 

สวัสดีค่ะ

พี่สุดใจมีเวลาเล็กน้อยก่อนที่คุณ no.9 จะมารับเพื่อเดินทางไปป่าละอู ก็เลยหยิบบางเรื่องมาเล่าให้ฟัง

ก็จะนำภาพการสื่อสารกับดาวโลกุกะตาปากะดิกอง ที่สื่อสารไว้กับกลุ่มฯ เมื่อช่วงเปิดกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา มาให้ชม เพื่อให้หลายท่านที่สงสัยว่า ในระยะเริ่มแรกที่ลงมาสื่อสารกันนั้น จะรู้เรื่องได้อย่างไร ก็จะนำวิธีการสื่อสารรูปแบบหนึ่งมาให้ทราบ ในอีกมุมหนึ่ง

การสื่อสารกับท่านราชฑูตแห่งดาวโลกุกะตาปากะดิกองที่สื่อสารลงมา บางครั้ง จ.ส.อ.เชิด ไม่ได้อยู่ด้วย การนัดหมายจึงต้องสื่อสารกันด้วยภาพ เพราะในระยะแรกเรายังไม่ได้มีการฝึกฯ รับการสื่อสาร

ซึ่งราชฑูตแห่งดาวโลกุฯ จะส่งคลื่นผ่านคุณชูชาติ จะวาดภาพ พร้อมกับพูดภาษาที่เราฟังไม่รู้เรื่อง จึงต้องอาศัยการวาดภาพเป็นการสื่อสารแทนในระยะแรก




ภาพแรก คือการนัดหมายจะนำยานอวกาศมาให้ชม โดยขณะที่ผ่านคลื่นลงมานั้น เป็นเวลา 20.25 น.

และให้นั่งสมาธิกัน จนเวลา 21.21 น. จะนำยานมาให้ดู โดยจะลอยผ่านเขากะลา ให้รอชม

เราก็จะนั่งสมาธิกันไปเรื่อย ๆ ก็เกือบใกล้เวลาชมยาน ก็ออกจากสมาธิ เวลาประมาณ 21.22 น. ก็มีวัตถุลอยผ่านมาด้านบน เป็นไฟดิสโก้หลายสีหมุนไปมา ไม่มีเสียง และค่อนข้างต่ำ เราก็เฮฮากันไปในช่วงนั้น

มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์เกือบ 20 คน ในช่วงวันดังกล่าว



สำหรับภาพด้านล่าง ก็มีการเขียนบอกว่า ยานอวกาศจะมาลอยอยู่แล้วแต่อยู่คนละมิติ เมื่อท่านราชทูตนัดหมายเวลา 21.21 เมื่อถึงเวลานัดหมาย ท่านราชทูตโลกุฯ ก็จะส่งคลื่นมาสั่งที่ยานลำนี้ ยานลำนี้ก็จะบินออกมาจากมิติ เราก็จะเห็นยานลำนี้ ซึ่งในวันนั้นเราก็นั่งรอชม จู่ ๆ ก็ปรากฏกลางท้องฟ้าเลย ไม่ได้บินมาจากไกล ๆ เหมือนเครื่องบินของเรา ที่จะต้องบินให้เห็นตั้งแต่ไกล ๆ จนใกล้เข้ามา

ซึ่งในระยะหลังเราจึงได้รับทราบความชัดเจนที่สื่อสารผ่าน จ.ส.อ.เชิด เพิ่มเติมว่า ผู้ขับขี่ยาน ต้องได้รับการสั่งการจากผู้รับผิดชอบในแต่ละภารกิจก่อน จึงจะนำออกมาปรากฏให้เห็นได้ ไม่ใช่จะทำตามที่ต้องการ

ดังนั้น การที่หลาย ๆ ท่านได้เห็น จะคิดว่าบังเอิญ หรือไม่บังเอิญนั้น เป็นภารกิจของเขาทั้งสิ้น จะมาลอยเพื่อรออยู่ก่อน พอหันมาก็พบพอดี เช่นนี้เป็นต้น




ภาพล่างสุด
เป็นภาพวาดที่สื่อสารบอกถึงรูปร่างของดาวโลกุฯ ค่ะ



คลื่นจากดาวโลกุฯ เป็นผู้วาดภาพ ดังนั้น การจับปากกาจึงตัองใช้สองมือประกบกัน โดยมีปากกาอยู่ตรงกลาง จึงวาดภาพได้

เพราะมีนิ้วมือ 3 นิ้วค่ะ

 

แงๆ ผมไม่ได้ไปนั่งสมาธิที่ป่าละอูอะ ไม่เป็นไร อยู่ตรงนี้ก็จะสร้างความสั่นสะเทือนที่ดีไว้ให้

 

ขออนุโมธนาครับ ขอให้เจอจริง ๆ อยากเห็น

 

เข้ามาบอกการเห็น UFO ๑๒ มค. ๕๑

เมื่อเวลาประมาณ ๗. ๒๐ น. พีเอ็ม เวลาอิลินอยส์ ขณะอ่านกระทู้นี้อยู่ ก็ออกพักสายตาโดยการออกไปข้างนอกระเบียงหลังบ้าน ได้เห็น ดวงไฟแวปๆ ๆ ลอยอยู่สูง แล้วค่อย ๆ ต่ำลงมา ขณะกำลังจ้องมองสักพัก ก็เห็นดวงไปอีกดวงหนึ่ง แว๊ปๆๆ แล้วก็มองอยู่สักพัก ก็ปรากฏมีลูกไฟเหมือนดาวตกอยู่ บริเวณใกล้ ดวงไฟ ๒ ดวงที่กำลังแว๊ป ๆๆๆ แต่แปลกที่ไม่ตกถึงพื้น

คืนนี้ได้ดูนานหน่อยเพราะอากาศไม่หนาวมากอุณหภูมิประมาณ ๔ องศาเซลเซียส อากาศที่อเมริกาปีนี้มันแปลกๆ อุณภูมิขึ้นๆลงๆเหมือนลิฟท์ เมื่อคืนวานยังเป็นหน้าหนาวอยู่เลย คืนนี้กลายเป็นหน้าสปริง ไม่รู้พรุ่งนี้จะเป็นหน้าร้อนรึเปล่าก็ไม่รู้ พยากรณ์อากาศก็เชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง

 

เวลาออกนอกบ้านคุณ Digital ต้องมีกล้องติดตัวตลอดเวลาแล้วครับโดยเฉพาะเวลากลางคืนจะได้ถ่ายได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต(ถ้าขออนุญาตเดี๋ยวหนีอีก)

 

พออ่านถึงข้อความนี้

"ตอนนี้ดิฉันคิดว่าใครก็ตามที่เข้ามาอ่านในเวบนี้โดยเฉพาะในกระทู้นี้ มนุษย์ต่างดาวจะทราบค่ะ เพียงแต่เขาจะติดต่อคุณหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อีกประการหนึ่งก็คือ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะอยู่ใกล้ตัวเราเกินกว่าที่เราคาดคิด

ดิฉันคิดว่าพวกเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งที่ยังคงอยู่ภายใต้กฏของวัฏฏสงสารเช่นเดียวกับพวกเรา เพียงแต่พวกเขามีวิทยาการสูงกว่าพวกเรามาก เหมือนกับมนุษย์ที่มีหลากหลายเชื้อชาติภาษา ต่างกันตรงที่เขาอยู่บนดาวอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ใช่โลกเราและรูปร่างไม่เหมือนพวกเราเท่านั้น"

ดิฉันขนลุกทั้งตัวอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งอ่านข้อความนี้จบ ขนลุกอย่างแรงเลยค่ะ
โมทนาคุณน้าปุ๋ย

 

*DIGITAL*THANK YOU KRUB