ปาราชิกแล้วกลับมาบวชอีก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย manymoons123, 2 สิงหาคม 2014.

แท็ก: แก้ไข
  1. manymoons123

    manymoons123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +416
    เรื่องมีอยู่ว่า ผมเคยบวชพระอยู่ 1 พรรษา แต่ต้องสึกออกมา เพราะทำปาราชิก คือ อม องคชาติของตัวเอง โดยไม่รู้มาก่อนว่าเป็นปาราชิก และยังข้องใจคิดอยู่ในใจว่าบางทีอาจจะไม่ปาราชิก ดังนั้น ไม่นานนักจึงตัดสินใจบวชพระอีก 2 พรรษา
    ก็สึกออกมา

    มาถึงตอนนี้ เข้าใจธรรมวินัยมากขึ้นจึงรู้ว่า บวชพระครั้งแรกต้องปาราชิกแน่นอน
    ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ดังนั้นการบวชใหม่ครั้งที่ 2 จึงเป็นโมฆะคือ ไม่ถือว่าเป็นพระภิกษุ เป็นแค่ฆารวาสห่มผ้าเหลืองอยู่ 2 ปี ซึ่งตรงนี้ทำให้เกิดกรรมดำ กรรมชั่ว มากมายเหลือประมาณ ผิดต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
    ผิดต่อ พุทธบริษัท 4 ทำให้สังฆกรรมทุกๆอย่างเป็นโมฆะ เป็นหนี้ในพระพุทธศาสนาอย่างประมาณมิได้

    ขอท่านผู้รู้ ที่อ่านเรื่องของผม เมตตาชี้แนะทางสว่างให้ผมด้วย ผมรู้สึกสำนึกในสิ่งที่ผมทำลงไป ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ผมเกรงกลัวบาปกรรมที่ทำไว้นี้ กลัวต้องตกไปใช้หนี้กรรมในอบายภูมิ 4 มี นรก เปรต อสุรกาย เดรัชฉาน ขอท่านผู้รู้เมตตาชี้แนะด้วยเทอญ...

    ทุกวันนี้ ผมป่วยด้วยโรค "จิตเภท" (โรคทางจิตประสาทชนิดหนึ่ง) ต้องกินยา
    ทุกวันไปตลอดชีวิต ต้องพบหมอทุก 6 สัปดาห์ พอทนทุกข์ได้ไปวันๆครับ

    หมายเหตุ ผมโพสต์เรื่องราวของผมเป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2014
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ปราชิก บวชใหม่ ก็บวชไม่ขึ้น ไม่ได้เป็นพระ ครับ แต่บวชเณรได้

    ปราชิก ห้ามมรรคผลนิพพาน ชาติปัจุบัน เท่านั้นครับ

    เพราะเป็นกรรมหนัก แต่ถ้า ละ วิตกส่วนนี้ ตั้งใจปฏิบัติได้ ก็ บรรลุมรรคผลได้ในชาิตปัจจุบัน

    ดังนั้นไม่สร้างกรรมชั่ว อกุศลกรรม หมั่นสร้างกรรมดี บุญ กุศลกรรม ต่อไปครับ

    ถ้ากลัวตกนรก ก็ต้องทำจิตใจให้ผ่องใส อย่ามัวแต่เศร้าหมอง นึกแต่เรื่องกรรมชั่วให้จิตเศร้าหมอง

    เวลาตาย ก่อนจิตออกจากร่าง นึกถึง บุญ กุศลกรรม ก็ไม่ต้องลงนรก ครับ

    .
     
  3. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    อันดับแรก คุณเปิดใจยอมรับความจริงถูกต้องแล้วครับ

    อันดับสอง หยุดสร้างบาปกรรมเพิ่ม.. ซึ่งก็คือการตั้งกายและใจให้อยู่ในศีล
    (ความดีอื่นๆต้องทำเพราะเป็นกำลังบุญหนุนให้การรักษาศีลละเอียดขึ้นไม่ผิดๆพลาดๆ)

    อันดับสาม หากมีความทุกข์เกิดขึ้น ต้องยอมก้มหน้ารับไปครับ จะทำให้ความทุกข์ของใจนั้นรู้สึกเบาลง

    อันดับสี่ หากจะแก้ไขทุกข์ให้ได้เร็ว ซึ่งกรณีคุณ ควรตั้งความคิดไว้ว่า หากแก้ได้ภายในชีวิตนี้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว

    และวิธีที่แก้ได้ผลดีคือ กรรมฐาน แต่กรรมฐานจะเกิดได้ดี ต้องอาศัยกำลังบุญของใจ
    โดยต้องส่งเสริมใจโดย ทำทานบ่อยๆตามกำลังเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยๆ ฝึกแผ่เมตตา
    ทำอารมณ์ให้มีความเมตตาอ่อนโยน อาจจะเริ่มกับ สัตว์ที่น่ารัก หรือคนที่เรารักมากเป็นต้น
    เมื่อทำอารมณ์ได้แบบนี้ ลองสังเกตใจตัวเองจะเริ่มมีกำลังต้านทานสิ่งไม่ดีมากขึ้น
    และจะอิ่มอยู่กับตัวไม่ไปคิดฟุ้งซ่าน
    แต่แน่นอนว่าอาจะยังไม่สามารถแก้ได้ขาด แต่ก็จะพอช่วยพยุงตัวไปได้

    ไม่ต้องไปบวช เป็นฆราวาสก็ทำได้ เพราะทำที่ใจเป็นสำคัญ

    ถ้าทำได้ถึงนี้เมื่อไร แล้วค่อยมาถามต่อนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2014
  4. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    อันที่จริงผมก็เป็นคนธรรมดาเริ่มปฏิบัติเหมือนกับท่านนะครับ ไม่ได้วิเศษวิโส มาจากไหนหรอกฮ้าฟ ก็ยังต้องเดินทางต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็เห็นใจท่านนะ และจะเป็นกำลังใจให้ท่านเสมอ...คำแนะนำผิดพลาดประการใดต่อท่านทั้งหลาย ก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้...ถ้าเห็นว่าเป็นคำแนะนำที่ไม่เป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพาน หรือสร้างความแตกแยก รบกวนท่านแจ้ง admin ลบ หรือ PM มาบอกก็จะขอบพระคุณครับ

    ผมว่าคนผิดสำนึกผิดถือว่าเริ่่มที่จะเป็น "คนดี"แล้วนะ เป็น step แรกของการเป็นคนดี อันธรรมดามนุษย์อุจจาระเหม็นนี้ก็เกิดมาแต่กรรมกันทั้งนั้น คนเก่งท่านไปอยู่นิพพานหมดแล้ว อันกรรมบางอย่างมันก็เป็นผลจากกฎแห่งกรรมที่มีเหตุให้จิตต้องเข้าไปเสวยกรรมนั้น บางครั้งเกินกว่าอำนาจแห่งสติที่ยังไม่มั่นคงพอที่จะเข้าไปควบคุมได้ทั้งๆ ที่บางครั้งรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป อันนี้เป็นธรรมดาของ "จิต" ถ้าพี่ตั้งใจปฏิบัติต่อไปด้วยความเพียรผมว่าก็ไม่แน่นักอาจบรรลุมรรคผล นิพพานได้เหมือนกันคล้ายๆดอกบัวที่เกิดจากโคลนตม แต่พอเป็นดอกบัวตูมแล้วคนก็ยังเอาไปถวายพระได้ ฉันใด ก็คงจะฉันนั้น...ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้ดูนะครับ เป็นเทคนิคที่ผมใช้อยู่ แต่ของคุณนี่ต้องจัดหนักหน่อยนึง

    ระยะแรกภายในระยะเวลา 3 เดือนนี้ (Phase 1)
    ให้จดรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเราไว้ก่อนเริ่มต้นปฏิบัติ เช่น ตอนนี้จิตใจเราเป็นอย่างไร เราต้องการปฏิบัติเพื่ออะไร ฯลฯ เพื่อประเมินสภาพก่อนลงมือปฏิบัติ...ที่สำคัญต้องลืมเรื่อง "อดีต" และ "อนาคต" ให้อยู่กับ "ปัจจุบัน" เท่านั้น

    1. ถือศีล 8 อาทิตย์ละ 1-2 วัน วันที่เหลือก็ถือศีล 5 ให้ได้เป็นปกติช่วงแรก ถ้าเผลอเรอไปก็อธิษฐานเริ่มต้นใหม่ ท้อได้ แต่อย่าหยุด
    2. ฝึกเจริญอานาปานสติ คือจับลมหายใจเข้าออก บริกรรมพุท-โธกำกับ ทำให้ได้สม่ำเสมอวันละ 30 นาที ถ้าวันไหนขาดไป วันต่อไปต้องเพิ่มสมทบเข้าไปเป็น 1 ชั่วโมง
    2.1 ก่อนนั่งก็สวดมนต์ไหว้พระตามปกติ อาราธนาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพ เทวา นาคา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ พ่อแม่ ครูอาจารย์ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันมาช่วยปกปักษ์รักษาขันธ์ 5 ตลอดการบำเพ็ญเพียรให้รอดพ้นจากภูติผีปีศาจร้าย และพญามารทั้งหลาย
    2.2 หลังจากนั่งสมาธิก่อนแผ่เมตตา ให้อโหสิกรรมต่อดวงจิตทั้งหลายที่เคยล่วงเกินเรา และเราจะไม่จองเวรใครให้เวรกรรมหมดสิ้นภายในชาตินี้...และขออโหสิกรรมต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพ เทวา นาคา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ พ่อแม่ ครูอาจารย์ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน กรรมใดที่จิตดวงนี้เคยล่วงเกินด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งเจตนา และหาเจตนามิได้
    3. หมั่นทำทานให้ได้ทุกวันอย่าขาด เทคนิคง่ายๆ แลกแบงค์ 20 หรือ เหรียญ 5 เหรียญ 10 ไว้เยอะๆ เมื่อนั่งสมาธิครบ 30 นาทีให้ตั้งจิตถวายเงินนั้นเป็นสังฆทานต่อรูปพระพุทธเจ้า วันละ 5 บาทหรือ 10 บาทก็ได้ตามกำลังอย่าได้ขาดทุกเช้า หรือก่อนนอน(ครบ 3 เดือนหรือมีวันหยุดทางพุทธศาสนาค่อยเอาไปถวายวัด) อธิษฐานให้สำเร็จมรรค ผล นิพพานภายในเร็ววันชาติ (ถ้านับถือหลวงปู่ฤาษีลิงดำ ก็อาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้า และสวดคาถาเงินล้านกำกับเข้าไปอีกก็ยิ่งดี)

    ระยะที่สอง ภายในระยะเวลา 5 เดือนนี้(Phase 2)
    เก็บข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะจิตใจของเราหลังจากปฏิบัติมาแล้ว 3 เดือน เป็นอย่างไร ดีขึ้นมั้ย หายเครียด หายคิดมากกับผลกรรมในอดีตรึเปล่า ฯลฯ แล้วก็ลองเปรียบเทียบกับก่อนปฏิบัติว่า Trend เป็นอย่างไร...ถ้าดีมีแนวโน้มดีขึ้นก็ดำเนินการต่อ...ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็กลับไปซ้ำ Phase 1 อีกสัก 3 เดือน

    1. ถือศีล 8 อาทิตย์ละ 4 วัน วันที่เหลือก็ถือศีล 5 ให้ได้เป็นปกติ
    2. ฝึกเจริญอานาปานสติ คือจับลมหายใจเข้าออก บริกรรมพุท-โธกำกับ ทำให้ได้สม่ำเสมอวันละ 1 ชั่วโมง ถ้าวันไหนขาดไป วันต่อไปต้องเพิ่มสมทบเข้าไปเป็น 2 ชั่วโมง
    3. ทำทานบารมีเช่นเดียวกับ Phase 1 ทำไปเรื่อยๆ อย่าได้ขาด วันไหนขาดต้องสมทบเงินเข้าวันต่อไป

    ส่วนระยะต่อๆ ไปก็เพิ่มเวลาขึ้น เพิ่มกำลังในการปฏิบัติ และฝึกหยั่งจิตลงวิปัสสนา ลองเอาข้อมูลมาเปรียบเทียบดูว่า จิตใจเราดีขึ้นกว่าก่อนเริ่ม Phase 1 หรือ Phase 2 มั้ย เราควรจะปรับปรุงตรงจุดไหนให้ดีขึ้น...ก็ค่อยๆ ทำไป...ต่อไปก็จะเป็นดังพุทธพจน์ที่ว่า "จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้" จิต และครูอาจารย์จะนำทางเราเอง...และอย่าลืมเอาประสบการณ์ แนวทางมาแชร์รุ่นน้องต่อๆไป...ขอเป็นกำลังใจให้พี่ ขอให้พระพุทธเจ้าตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงปัจจุบัน และเทพเทวา อินทร์ พรหม ทั้งหลายปกปักษ์รักษาท่านให้การปฏิบัติประสบผลสำเร็จซึ่งมรรค ผล นิพพาน ในเร็ววันครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2014
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    พระที่ต้องปาราชิกแล้วสึก ยังสามารถบรรลุธรรมได้

    อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอกธัมมาทิบาลี
    อัจฉราสังฆาตวรรคที่ ๖


    อรรถกถาอัจฉราสังฆาตวรรคที่ ๖

     
  6. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ปาราชิก คือ วินัยบัญญัติ เพื่อป้องกันความแปดเปื้อนต่อสมณะในพุทธศาสนา แต่มิใช่ปัจจัยในการขวางทางมรรคผล การบวชครั้งที่ 2 ก็ไม่ใช่ปัจจัยปิดทางมรรคผล ปิดทางมรรคผลคือ กรรมที่ให้ผลรุนแรงเป็นอันดับต้น ( อนันตริยกรรม )
    ฆ่าพ่อ
    ฆ่าแม่
    ฆ่าพระอรหันต์
    ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้บาดเจ็บ
    ยุยงให้ผู้เดินถูกทาง ออกไปสู่ความฉิบหาย

    สุดยอดมากครับที่ก้มลงไปอมของตัวเองได้ หมกมุ่นสุดๆ สังฆาธิเสธไม่ชอบ ชอบปาราชิก
    โอเค
    ในเมื่อวินัยเขาไม่ให้บวชแล้ว
    ก็ตั้งใจฝึกจิต หาทางปล่อยวาง หาทางบรรลุเอาในเพศฆราวาสนั่นแหละ
    แต่ตอนนี้ ไม่มีทางบรรลุได้ ต้องตัดความหมกมุ่นในราคะให้เบาบางลงก่อนถึงจะเริ่มปฏิบัติได้
    ไม่งั้น นั่งสมาธิหรือเจริญสติก็จะมีแต่ เรื่องอย่างว่าผุดขึ้นมา
    ไม่ผิด ที่เราจะเป็นพวกชอบผิดเพศ แต่เราตั้งใจทำให้ถูกต้องได้
    ในเมื่อเราเห็นว่า มันไม่ถูก ตัด ก็คือต้องตัด ( หักดิบ )
    ความโกรธ
    ความโลภ สองอย่างนี้เป็นกิเลสอย่างหยาบ
    มันเสทือนอารมณ์ มันเห็น มันเข้าไปรู้ได้ง่าย
    เพราะเป็นความไม่พอใจในอารมณ์
    แต่ราคะ มันกิเลสอย่างละเอียด ฤทธิ์มันมาก
    เพราะเรายินดีมเราหลงไหลในราคะ
    ยากต้อการต้านทาน
    ราคานี่แหละตัวปัญหา ใครละได้ก็นิพพานแน่นอน
    สกทาคามี ยังละไม่ได้เลย
    ละได้ อย่างต่ำก็อนาคามี ได้อรหันต์แน่ๆ ไม่เกิดไปเป็นอะไรอีกนอกจากพรหมสุทธาวาส รอเวลาอย่างเดียว

    ความเป็นอริยะ ไม่ได้วัดที่การบวช การห่มผ้ากาสาวพัก
    ถ้าไม่เชื่อเต็มร้อยว่าตนมีโอกาสบรรลุเพราะทำปาราชิก
    ลองไปหาเรื่องเล่าในปิฏก
    มีกลุ่มคนที่ปาราชิก สุดท้ายไปบวขเณรมก็อรหันต์ได้นะ

    ความยึดมั่นในราคะต้องละนะ
    แต่ที่ต้องละเสียก่อนอื่นเลย
    คือความคิดว่าตนเองปาราชิกมาแล้วจะบาปมหันต์ บรรบุธรรมไม่ได้
    ตัดไปก่อนเลย หลังจากนั้นก็แล้วแต่ความเพียร และปัญญาของตนเอง
     
  7. manymoons123

    manymoons123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +416
    T_T ชีวิตนี้... บุญน้อยนัก... ผม "กลัว" มาก...ครับ... .. ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2014
  8. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    ผมจำได้ว่าเคยตอบกระทู้เรื่องนี้ของคุณไปแล้วเมื่อปลายๆปี 2012 และหลายๆท่านก็เคยตอบไปแล้วเช่นกัน เข้าใจว่าคุณคงจะทำใจได้ยากจึงได้มาตั้งกระทู้เรื่องเดิมซ้ำกันอย่างนี้

    สำหรับผมก็ไม่ตำหนิหรอกนะครับที่นำเรื่องเดิมมาตั้ง เพราะพอจะเข้าใจอยู่บ้างว่า คนที่ผ่านเรื่องแบบนี้มาจะทรมาณใจกันขนาดไหน แต่ว่ายังไงก็ขอให้พยายามไม่นึกมันให้ได้ครับ ถ้าย้ำคิดย้ำทำแบบนี้มันจะลืมได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะพลาดแบบนั้นไป แต่เราใจผ่องใส นึกถึงพระ นึกถึงส่วนของบุญ หรือเข้าฌานตายได้ ก็จะสามารถรอดพ้นไปได้หนึ่งชาติ หากไปเกิดเป็นเทวดาหรือเป็นพรหมก็ปฏิบัติต่อเอามรรคผลนิพพานปิดอบายภูมิได้ แต่ถ้าเรากลับทำจิตมัวหมองจนเป็นปกติวิสัย แทนที่จะรอดตัวก็กลายเป็นปิดทางให้ตัวเองไปโดยไม่รู้ตัวครับ

    ก็พยายามเข้าหาครูบาอาจารย์ที่จะแนะนำเราได้ หรือหาคำสอนของท่านมาอ่าน (ที่อย่างน้อยช่วยให้เราสบายใจ) และพยายามอย่าไปคิดอะไรที่ทำให้ตัวเองน้อยเนื้อต่ำใจเด็ดขาดครับ ประกอบกับจะหารูปพระหรือพระพุทธรูปที่เรามองแล้วรู้สึกว่าชอบหรือสงบใจได้ โดยเฉพาะองค์ที่พระพักต์ท่านยิ้มแย้มถูกใจเรา พยายามมองบ่อยๆจนจำได้และระลึกไว้เป็นปกติครับ แล้วถ้าหากว่าเราไปคิดอะไรที่เศร้าหมองอีกหรือเรื่องที่เราทำพลาดไป ให้มองภาพพระหรือนึกถึงพระ แล้วพูดกับตัวเองทุกครั้งนะครับว่า พระองค์ท่านไม่ตำหนิหรือกล่าวโทษอะไรคุณหรอก และก็ไม่ยินดีที่ท่านจะนึกถึงเรื่องเศร้าหมองใดๆ พระองค์ท่านนั้นต้องการจะโมทนาในความดีที่คุณทำมาทั้งหมดเท่านั้น.. ถ้าใจสงบก็นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า ภาวนา พุท-โธ , พุทธัง สระณัง คัจฉามิ.. , นะโมพุทธายะ , ฯลฯ ไปเป็นการภาวนาไปในตัวเรื่อยๆและบ่อยๆจนชินครับ

    ก็พยายามรักษาศีล 5 ให้เป็นปกติ บางครั้งอาจต้องศีลขาดด้วยความจำเป็นก็ตั้งใจรักษาใหม่ ปฏิบัติภาวนาไปเรื่อยๆ อาจจะหาพระเครื่องติดตัวไว้เป็นเครื่องระลึกด้วยก็ได้ ไม่ต้องไปคิดร้ายอะไรกับตัวเองมาก ทำ ทาน ศีล ภาวนา ไปเรื่อยๆ และที่แน่ๆพยายามไปออกวิ่งในสถานที่ที่อากาศบริสุทธิ์เป็นประจำ หรือไปพบปะครูบาอาจารย์หรือกัลยาณมิตรเป็นครั้งคราว อาจจะใช้เวลาหลายปีหน่อยแต่ก็ต้องค่อยๆทำไปครับ
    แล้วทีนี้ลองเทียบดูอารมณ์ตอนที่เราเศร้าหมองเรื่องความผิดพลาดในอดีต กับอารมณ์ตอนที่เราผ่องใสเพราะวางลงแล้วหรือจิตอยู่ในบุญกุศล ลองเทียบดูกันนะครับ ความรู้สึกไหนน่าอภิรมณ์มากกว่ากัน

    ก็ขอเอาใจช่วยนะครับ แต่คงปฏิบัติช่วยไม่ได้ เพราะว่าคนพูดเองก็ยังปฏิบัติไม่สม่ำเสมอ ทำๆหยุดๆ :'( ประมาณว่าบอกเขาแต่ตัวเองแหยะแหยะซะงั้นนะเนี่ย แฮ่ๆ

    catt10
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2014
  9. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ยอมรับครับ . ไม่ง่าย .. แม้ผมเองตอนนี้ก็ไม่ได้มีคุณวิเศษทางจิตอะไร

    แต่ก็ดีกว่าก่อนมาก
    เมื่อมองย้อนกลับไป .. ผมก็ใช้เวลาเป็น 20 ปีเลยก็ว่าได้.

    ไหว้พระสวดมนตร์ทุกวันจำเป็นครับ แม้จะยังไม่ชอบก็ตาม
    การสละทรัพย์เล็กๆน้อยๆ 5 บาท 10 บาท หยอดตู้สังฆทาน สัปดาห์ละครั้งก็ควรมีครับ
    แล้วก็หมั่นอธิษฐานให้ชีวิตดีขึ้น

    ผมว่าเริ่มต้นทำสามอย่างนี้ ทำจนทำได้โดยสมัครใจเมื่อไร ถือว่าดีขั้นต้นแล้วครับ

    (อย่าก่อบาปเพิ่มด้วยนะครับ .. อย่าเถียงพ่อเถียงแม่ด้วย เป็นต้นนะครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2014
  10. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    ช้วยเหลือตัวเองสำเร็จความใคร่นี่มันไม่ถึงปาราชิกนะครับ
    หากไปมีอะไรกับคนอื่นกับสัตว์ มันถึง ปาราชิก
    ตอนทำตอนนั้นเป็นพระ แต่ตอนนี้เราเป็นฆราวาส มันไม่เกี่ยวกันครับ
    เพราะเราสึกมาแล้วเราขออภัยพระรัตนตรัยแล้ว หากเราจะมีมีเมียมีลูก
    มันก็ไม่ผิดเพราะเราเป็นฆราวาส เราก็แค่วางกำลังใจว่าเราจะไม่ทำอย่างนั้นอีก
    ในเพศบรรชิต ส่วนชีวิตในตอนนี้ก็ทำไปตามปรกติ รักษาศีลเท่าที่จะรักษาได้
    อ่านธรรมฟังธรรมบ้าง สะดวกที่ตรงไหนก็ทำแบบนั้น มันไม่มีอะไรมาก
    เรื่องธรรม นี่มันก็ทำไปเรื่อยๆ ไม่รีบไป ไม่ช้าไป ไปแบบกลางๆ ทีเหมาะสม
    ที่เรารู้ว่ามันพอดีกับตัวเรา โชคดีครับ
     
  11. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    ไม่ทราบทานยาสม่ำเสมอหรือเปล่า ดิฉันอ่านหลายโพสต์เกี่ยวกะจิตเวช ยามักทานบ้างไม่ทานบ้าง (เนื่องจากคนไข้โตแล้ว ต้องรับผิดชอบการทานยาเอง ไม่มีคนป้อน ) ทำให้ออกฤทธิ์ไม่ได้ดี (รีบาวน์)

    คือเอาปัจจุบันก่อน หน้าที่คุณคือ รักษาตัวเอง ด้วยการทานยา (ไม่ต้องกลุ้มว่า ต้องกินยาตลอดชีวิตคนเดียวค่ะ ) ยามีไว้รักษาโรค (ปัจจัย 4) คุณใช้ปัจจัย 4 ก็ไม่แปลกอะไร

    คนที่ไม่ค่อยทานยาสม่ำเสมอ การโพสต์จะวกไปวนมาแบบนี้ หรือยังคุมอาการมไม่ได้ดี (อันนี้หน้าที่แพทย์ปรับยา)

    คุณควรนึกถึงปัจจุบัน(อาการยังไม่ดี) ไม่ใช่ไปนึกถึงกรรม หรือ ความกลัว ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะไปเกิดเป็นอะไร เกิดที่ไหน

    ดิฉันทานยามากกว่าคุณค่ะ รับรองได้ ยังมีโรคมะเร็งรออยู่อีก ได้ลุ้นว่าจะเป็นไม่เป็น รอดไม่รอดก็อยู่ที่การทำตัว ณ ปัจจุบันค่ะ

    ทุกคนมีกรรมทั้งสิ้นค่ะ
     
  12. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    ใครเป็นอะไรก็สู้ๆละกันครับ
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=pWTYcOyMzjo]กำลังใจ - โฮป - YouTube[/ame]
     
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    กรณี จขกท. ปาราชิก เต็มประตูเลยครับ
     
  14. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    เต็มประตูยังไงครับ ชี้แจงมาทีครับ
     
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จี้แจงอะไร ก็อ่านโพสต์ จขกท สิท่าน -.-


    .
     
  16. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    การนำองคชาติสอดใส่ทางช่องทวารนั้นถือเป็นเมถุน ตามพระวินัยปรับเป็นปราชิกอย่างชัดเจน เช่นการอมองคชาติของตัวเองหรือแม้แต่การนำองคชาติของตนสอดเข้าไปในช่องทวารหนักของตนเองก็ถือเป็นอาบัติปราชิกแล้วครับ
     
  17. kmax 323

    kmax 323 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +81
    ผมว่าท่านก็ถือว่าดีมีจิตสำนึก ไม่เหมือนเจ้าอาวาสวัดใหญ่ จังหวัดหนึ่ง ติด กทม เค้าปราชิก นานแล้ว ตอนนี้ยังแต่งกายเลียนแบบสงฆ์นุ่งเหลืองห่มเหลืองและยังอยู่ในวัดนั้น นะจ๊ะ นะจ๊ะ นะจ๊ะ
     
  18. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    ตอนแรกผมไปวางกำลังใจว่า ฟัน เหงือก ลิ้น กับ มือ มันจะไปต่างกันอะไร
    มันก็ไม่ได้ต่างกับชักว่าว ทั่วๆไป ก็ต้อง สังฆาทิเสส
    แต่ลองมาพิจารณาซักพัก มันก็มีความต่างกันจริงๆ หากอยู่ดีๆเอามือไปจับหน้าอก
    ผู้หญิง หรือไปจับอวัยวะเขา นี้คงโดนมวยแน่ๆ หากไปจับแขนจับมือเขา
    คงไม่ถึงกับโดนมวย ก็ขอบคุณทั้ง 3 ท่านละกันครับที่มาพิม ให้คิดสะกิดใจ
    บุญในครั้งนี้ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปละกันครับ
    (i)(i)(i)(i)(i)
     
  19. manymoons123

    manymoons123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +416
    หากเพียง " รู้ "


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Nq14eKG-wHY"]Paticca samuppada : Tears for Truth - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2014
  20. ณัฐชนัน

    ณัฐชนัน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ปาราชิก สึกสถานเดียว บวชใหม่ไม่ได้อีก
    ตั้งแต่สังฆาทิเสสลงไป ปลงอาบัติได้ สึกแล้วยังกลับมาบวชได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...