กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

เดี๋ยวมาถามมั่งนะคะ ได้ยินแว่วๆ สิวเม็ดสุดท้าย ๕๕๕๕๕ มุขใหม่ใช่ไหมคะเนี่ย

 

เมื่อคืนก็นั่งอยู่ค่ะคุณนพ ช่วงตอนเย็นถึงหัวค่ำดิฉันไปอยู่แถวๆริมสระว่ายน้ำ นั่งไปๆ ก็สวดบทจักรพรรดิ์ในใจไปด้วยแล้วลองกำหนดรูปกสิณ แปลกที่ว่าเข้าได้เร็วและดวงกสิณรู้สึกจะสีสวยด้วย แต่ก็ไม่นานอยู่ดี แต่ก็พอทำให้จิตใจแช่มชื่น คำถามที่คิดไว้ในใจคือ สวดไปด้วยนี่ผิดไหมคะ ดิฉันเอามาแทนการจับลมเข้า-ออก ( อ้อ ตอนนั้นการกำหนดหน้าผากเหมือนจะเป็นไปเองโดยที่ไม่หน้าผากก็ไม่รู้สึกว่าตึงมาก คือแทบไม่ค่อยรู้สึกเลย และไม่มีอาการทางศรีษะด้วยค่ะ) และดิฉันก็เริ่มจับกสิณแบบลืมตาเป็นครั้งแรกได้แล้วค่ะ แต่เลือนลางมาก ได้แต่ขอบดำๆ

พอตกกลางคืน จะจำอารมณ์ตอนเย็นมาจับกสิณ ดิฉันกลับทำไม่ได้ ก็เลยต้องไปกำหนดหน้าผากใหม่ เข้าไปสักพักก็รับกระแสพลังงาน มารอบนี้หนักหน่วงมาทางกะโหลกซ้ายใกล้ๆขมับ ดิฉันเลยคิดว่าให้กระแสดันไปอยู่กลางกะโหลกแล้วพุ่งขึ้นไป ดิฉันไม่ได้ใช้มือจับขมับไว้ เพราะพอขยับมือทีไร การรับกระแสพลังงานก็รู้สึกเบาลงไป เลยใช้การนึกเอาแทน เหนื่อยค่ะ แต่ก็รู้ว่าไม่สำเร็จ ลองมา ๒ ครั้งแล้ว

สักพักช่วงที่ฝึกอยู่ก็มานึกขึ้นได้ว่า ประมาณสองเดือนก่อน มีอยู่วันหนึ่งดิฉันสวดมนต์อยู่ ได้มีกระแสพลังนคล้ายๆกันนี้แหละ แต่เบากว่ามาก ไหลเข้ามาทางด้านหลังตรงไหล่ซ้าย ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกค่ะว่าเป็นกระแสพลังงาน รู้แต่ว่ามีบางอย่างไหลเข้ามาทางหลังด้านซ้าย ก็คิดอยู่ว่าคงไม่มีอะไรหรอก เราก็สวดมนต์อยู่ ไม่เป็นไรหรอก .. ที่ไหนได้ จากนั้นไม่กี่วันถัดมา ดิฉันถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ เล่นเอาหนักเลย ก็ยังฝันเห็นแม่ที่เสียไปแล้วนะคะ ท่านอุทานว่า นั่นไง.. โดนเข้าจนได้ !! ดิฉันแอบเห็นรูปของแม่ที่ตั้งอยู่ในตู้พระ ว่าแม่โกรธมาก ทำให้ดิฉันตกใจเหมือนกัน
คำถามคือ กระแสพลังงานที่ไม่มาทางด้านหน้าที่รับทางศรีษะเหมือนตอนที่ฝึก คือ กระแสพลังงานที่ไม่ดีใช่ไหมคะ

เอาแค่นี้ก่อนนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

เข้ามาศึกษาหาความรู้ครับ กระทู้ดี คอมเม้นดีมีประโยชน์....

ปล.สงสัยเราคงต้องปฏิบัติให้บ่อยขึ้นแล้วสินะ ฝึกอานาปนสติ แต่ก็แอบมีใจให้กสินครับ 555555+

 

กสิณที่ฝึกง่ายที่สุดคือ กสิณกาย การดูกายนั่นแหล่ะ เพราะกายมันมีอยู่แล้วทุกคน และกายยังทำงานอยู่ตลอดเวลาด้วยแสดงถึงความไม่เที่ยง ให้เห็นให้รู้อยู่ตลอดเวลา
ไม่ต้องสร้างกายขึ้นมาด้วย ไม่ต้องพกพากายไปให้หนักด้วย กายเป็นคู่มือฝึกกสิณที่ดีที่สุดเลย

กสิน ดิน น้ำ ลม ไฟ ล้วนมีพร้อมในกาย มิหนำซ้ำ เป็นดินน้ำลมไฟ ที่ทำงานได้ด้วย

 

มาค่ะ มาฝึกด้วยกัน

 

ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ที่คุณกลายแก้วฝึกกสิณกาย ว่าแต่อ่านแล้วรู้สึกเห็นด้วย ในข้อความสุดท้ายนี่แหละ

 

ว่าไงคะท่าน ระมิงค์ เขาว่าของที่ใช้งานได้จริงมันมีอยู่แล้วนี่ แล้วเราจะนั่งปั่นทำเหนื่อยทำไมเนี่ย เออ ... ที่เขาว่ามันไม่ผิดเลยนะคะ
น้ำปั่นเหรอ เดินไปดิ เสียบปลั๊ก ปั่นภายใน ๕ นาที ใส่น้ำหวานเฮลบลูบอยเสร็จล่ะ :boo:
ลมปั่นนี่ ใช้นิ้วจิ้มก็ได้แล้วมั๊ง กดรีโมทให้มันหมุนไป
ไฟนี่อย่างง่ายเลย แช๊ะๆๆ พรึบเดียวก็ได้เรื่องล่ะ

แล้วนี่ดิฉันจะมานั่งหลับตาทำไมให้เมื่อยล่ะเนี่ย ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕ .....

ขอทำกระทู้ให้เฮฮาหน่อยนะคะ อยากให้คนเข้ามาฝึกไม่เครียดกันเท่าไหร่ จะได้มีเพื่อนฝึกเยอะๆอ่ะ หลากหลายความเห็น หลากหลายกระบวนท่า ดิฉันว่าดีออกนะคะ

คุณนพ มาไวๆ ๆ คิดเองเออเองจนน้ำหูน้ำตาไหลแล้วเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ

 

มาช่วยขำค่ะ 5555555...

 

ขอบพระคุณที่กรุณาค่ะคุณยอยุทธ ติงจะหาโอกาสแวะไปอ่าน ศึกษาหาความรู้ค่ะ ^-^

 

ครูติง ติง มาพอดีเลย มาเรียนด้วยกันนะคะ

 

กสิน ดิน น้ำ ลม ไฟ ล้วนมีพร้อมในกาย มิหนำซ้ำ เป็นดินน้ำลมไฟ ที่ทำงานได้ด้วย

ขยายความนะ

ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เอามาฝึก มันก็คือ กองดิน คือน้ำในแก้ว คือไฟที่เปลวเทียน คือ สายลมแต่ดันเข้าใจว่ามันเป็นอากาศ ซึ่งลมมันไม่ไช่อากาศ นะ เพราะถ้ามันคืออากาศ(ความว่าง) ก็ไม่เรียกว่าลมหรอก เพราะ ลมเกิดจาก อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง แล้วทำให้ อากาศที่อยู่เฉยๆไม่เป็นอากาศที่อยู่เฉยๆ เกิดการไหลเวียนโดยมีอุณหภูมิทำให้อากาศ ร้อนเย็น ผิดปกติจากอากาศที่ สงบโดยทั่วไป

มาว่าเรื่อง กสินกาย ดินในกาย น้ำในกาย ลมในกาย ไฟในกาย ไฟในกายคือ สภาวะอุณหภูมิ ที่เปลี่ยนแปลง ขณะที่กายทำงาน ต้องเข้าใจนะว่ากายเกิดจากการรวมธาตุ ประกอบร่าง โดยมีเหตุมาจาก จิตอวิชชาที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับการเสพ สมมุติของดินน่้ำลมไฟ ต่อไป

กสิณกาย เมื่อดูกาย จะเห็นว่า ดินน้ำลมไฟ มันมารวมกัน สร้างเป็นร่างกายได้ อย่างไร แล้ว ดินน้ำลมไฟ มันรวมกันเพราะอะไร เพื่ออะไร ได้อะไร ตั้งอยู่ยังไง เกิดยังไง จะดับ จะแตกสลายได้ เพราะเหตุใด

กสิณกายมันบอกให้เรารู้ว่า กายนี้ มันเที่ยง คงทน ถาวร หรือไม่ นั่นเอง
เยอะน่ะ

 

กายเกิดจากอะไร ดินน้ำลมไฟ
กายกินอะไร กินอาหารที่เกิดจากดินน้ำลมไฟ
กินแล้วถ่ายออกเป็นอะไร เป็นดินน้ำลมไฟ

มะม่วงเกิดจากอะไร ดินน้ำลมไฟ
เนื้อเกิดจากอะไร ดินน้ำลมไฟ

กายคืออะไร คือตัวเสพดินน้ำลมไฟ
ไส้เดือนคืออะไร คือตัวเสพดินน้ำลมไฟ
ต้นไม้คืออะไร คือตัวเสพดินน้ำลมไฟ

โลกนี้คืออะไร คือดินน้ำลมไฟ

 

ฝึกกสิณเพื่ออะไร เพื่อเข้าใจในดินน้ำลมไฟ
ดินน้ำลมไฟ ในกาย

ฝึกสติปัฏฐานสี่ เพื่ออะไร เพื่อเข้าใจดินน้ำลมไฟในกาย

 

กสิณกายนี่ เหมือนวิชาเดินธาตุสี่ปะคะ

ปล.จากคนความรู้น้อยค่ะ

 

ไม่รู้จักวิชาเดินธาตุสี่อ่ะ แปลความหน่อยดิ เดินธาตุสี่ แปลว่าอะไร
เพราะธาตุสี่จริงๆ แค่พูดถึงหยาบๆ นะว่ามีแค่สี่
แต่ที่จริงธาตุมีมากกว่านี้ เพราะ จากธาตุสี่ มันสามารถทำปฏิกิริยากัน สร้างธาตุประกอบได้อีกมากมาย

อยากเข้าใจ เรื่องธาตุ ให้แปลความของธาตุ เป็น พลังงาน ที่เปลี่ยนรูปร่างได้
เช่นน้ำ เป็น h2o เป็นไอ เป็นหมอก เป็นลูกเห็บ เป็นเม็ดฝน เป็นน้ำร้อน เป็นน้ำเย็น เป็นน้ำแข็ง เป็นของเหลว เป็นเมฆ เป็นพายุ เป็นฟ้าผ่า เป็นสนามแม่เหล็ก เป็นขั้วบวก ขั้วลบ

 

โอ้ กสิณกาย มันช่าง คลายความสงสัย เรื่องของโลกและจักรวาล ได้ดีจริงๆ

รวมทั้ง เรื่องของตัวเราเองด้วย

 

กสิณกาย ก็คือ การฝึกสติปัฏฐานสี่ นั่นเองแหล่ะ

http://palungjit.org/threads/ต้องการแลกเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดกับท่านที่มีคุณสมบัตินี้.518597/

 

เมื่อฝึก สติปัฏฐานสี่ ได้ดีแล้ว ค่อยไปอ่านกระทู้นี้

http://palungjit.org/threads/เรียนถามเรื่อง-อรูปฌาน-อรูปสัญญา.280505/page-4

 

งั้น แสดงว่า คุณเข้าใจเรื่องกสิณกาย มาหมดแล้วทะลุแล้วแจ่มแจ้งแล้ว
และคุณเข้าใจเรื่องสติปัฏฐานสี่มาหมดแล้วทะลุแล้ว แจ่มแจ้งแล้ว ไช่มั้ย

คุณจึงสรุปว่า ทั้งสองอย่าง มันไม่เหมือนกัน
แต่เราว่านะ กสิณทุกกอง ล้วนเป็นการฝึกสติปัฏฐานสี่ ทั้งนั้นนะ

 

ว่าแต่ การเข้าถึงด้วยการปฏิบัติของท่าน แรมมิ่ง2555 ท่านเข้าถึงได้ถึงไหนแล้วล่ะ
พอบอกเล่าได้มั้ย ว่าทำไม กสิณกาย จึงไม่เหมือนกันกับสติปัฏฐานสี่น่ะ เราอยากรู้ในเหตุผลที่ท่านเข้าใจ