ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ระบบได้มีการประกาศรับผู้ที่อยู่ภายนอกจาก 60 หมายเลข และมีการฝึกเดี่ยวมาโดยลำดับ เข้าสู่ระบบทำงานกับมนุษย์ต่างดาวแล้วจำนวน 4 ท่าน และจะเริ่มมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเข้าสู่ระบบทำงานแล้ว ซึ่งแต่ละท่านจะรู้ได้ด้วยตนเอง

เป็นหน้าที่ของมนุษย์ต่างดาว ที่ต้องสื่อสารกับผู้ที่ได้คัดเลือกไว้เอง ต้องนำวัตถุบิน หรือจานบินในรูปแบบต่าง ๆ ไปตาม ไปปรากฏให้ท่านเห็นเอง เพราะสิ่งเหล่านี้ มนุษย์ทำเองไม่ได้ คำกล่าวหนึ่งที่มนุษย์ต่างดาวกล่าวไว้เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2541 เมื่อคุณภัทรพลถามว่า ทำไมจานบินจึงมาปรากฏตอนผมออกมาจากบ้านทุกที แปลกมาก

"ไม่แปลกหรอก ไปเพื่ออะไร สักวันหนึ่งเจ้าจะฉุกคิดได้ว่า ทำไม ? สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้จึงมาหาเรา"

หน้าที่พี่สุดใจก็คือ มีหน้าที่ให้ข้อมูลของระบบกับทุกท่าน เมื่อท่านพบเจอเอง เกิดความสงสัย และต้องการคำตอบเพื่อเทียบเคียง นั่นเป็นสิ่งที่พี่สุดใจสามารถให้ความกระจ่างได้

และรับหน้าที่ แจ้งรายชื่อผู้ที่ระบบรับเข้าทำงาน เป็นบุคคลต่อไป


ที่ได้รับเข้าทำงานด้านปฏิบัติการแล้วจำนวน 3 ท่าน คือคุณณพงษ์ คุณณภัทร และล่าสุดน้องใหม่ คุณชยุต

และสมาชิกสมทบ 1 ท่าน คือ (คุณ mooing 2546)

ยินดีต้อนรับและอนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

จากขวาไปซ้าย

รุ่น 49 คุณ ณพงษ์ (ukrin)

รุ่น 50 คุณ ณภัทร (Astro Neemo)

รุ่น 51 คุณชยุต (Chayutt)

รุ่น 41 สุดใจ (สุดใจเขากะลา)

 

สงสัยมานานแล้วครับ "ขันธ์ 5" คืออะไรบ้างครับ

 

<TABLE class=tborder id=post916081 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date --> เมื่อวานนี้, 10:05 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>สังขารไม่เที่ยง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_916081", true); </SCRIPT>
ทีม ผู้ดูแลเว็ปบอร์ด
สมาชิกยอดฮิต



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:32 AM
วันที่สมัคร: Aug 2007
สถานที่: อยู่ที่นี่และต้องไปอีกหลายที่ แต่ที่แน่ ๆ ที่สุดท้ายที่สังขารนี้จะต้องไปคือ"เชิงตะกอน"
ข้อความ: 3,049 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 22,470 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 16,236 ครั้ง ใน 2,846 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1929


</TD><TD class=alt1 id=td_post_916081 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ทำไมยึดมั่นในขันธ์ ๕ จึงพาให้เกิดทุกข์
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width=550 align=center bgColor=#eeeeee border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffcc00 height=22>หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๗: ทำไมยึดมั่นในขันธ์ ๕ จึงพาให้เกิดทุกข์</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffcc66 height=22>โ ด ย : ห้องวิปัสสนาธรรมะไทย </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellPadding=5 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD vAlign=top>
ขันธ์ ๕ มีอะไรบ้าง? เราก็ได้ทราบแล้ว เราก็จะชี้ให้ว่า ขันธ์ทั้ง ๕ นั้น ถ้าเรายึดมั่น มันจะทำ
ให้เกิดทุกข์ได้อย่างไร เรามาดูตั้งแต่ ขันธ์ข้อแรกกันเลย ๑.รูปขันธ์ คือส่วนที่เป็นร่างกาย ถ้าใจเข้าไปยึดถือว่า เป็นกายของเรา พอกายมีการเปลี่ยนแปลง
หรือทรุดโทรมลงไป ใจก็จะรับไม่ได้ และทำ ให้เกิดทุกข์ขึ้นมา ฉะนั้นท่านจึงบอกว่า การ
เข้าไปยึดมั่นในรูปขันธ์ นี่ก็เป็น ตัวทุกข์อย่างหนึ่ง
๒.วิญญาณขันธ์ คือการรับรู้อารมณ์ทางทวารต่างๆ มีตา มีหู เป็นต้น ตัวนี้ก็ไม่เบา ถ้าเข้าไป
ยึดมั่นเวลากระทบอารมณ์ คือเวลาเห็นรูป เวลาได้ยินเสียง แล้วเกิดความสำคัญมั่นหมาย
ว่า ตัวเราเห็น ตัวเราได้ยิน ถ้าได้เห็น ได้ยิน สิ่งที่ดี ก็เพลิดเพลินพอใจแต่ถ้าได้เห็น ได้ยิน
สิ่งที่ไม่ดี ก็จะเกิดอารมณ์ขัดเคือง ฉะนั้น การเข้าไปยึดมั่นในวิญญาณขันธ์ คือการได้เห็น
การได้ยิน นี่ก็เป็นตัวทุกข์
๓.เวทนาขันธ์ นี่เป็นธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องจากวิญญาณขันธ์ คือพอกระทบกับอารมณ์
ทางตา ทางหู มันก็จะเกิดความรู้สึก ( ผัสสะ ) อยู่ ๒ ทาง คือชอบ กับ ไม่ชอบ ถ้าชอบ
ก็เกิดสุขเวทนา ถ้าไม่ชอบ ก็เกิดทุกขเวทนาเวลาเกิดเวทนา ทั้งสุข ทั้งทุกข์ อันเป็นผลมา
จากการกระทบกับอารมณ์ภายนอก ถ้าเข้าไปยึดมั่น ว่าความสุขเป็นของเรา ความทุกข์เป็น
ของเรา เวลาสุข หายไปก็ไม่สบายใจ เวลาทุกข์เกิดขึ้นก็รู้สึกอึดอัดอยู่ภายใน ฉะนั้นท่านจึง
บอกว่า การเข้าไป ยึดมั่นในเวทนาขันธ์ นี่ก็เป็นตัวทุกข์อีกอย่างหนึ่ง
๔.สัญญาขันธ์ คือความจำในเรื่องอดีต ที่เคยเห็น เคยได้ยิน ตัวนี้สำคัญมาก ถ้ารู้ไม่เท่าทันก็
จะเข้าไปยึด และจมปลักอยู่กับอารมณ์อดีต นี่แหละคือตัวทุกข์ อย่างสำคัญทีเดียว
๕.สังขารขันธ์ คือความคิดต่างๆ ดีบ้างชั่วบ้างซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากความจำ (สัญญาขันธ์
ข้อที่ ๔ ) ตัวนี้เห็นได้ชัดมาก เพราะคนส่วนใหญ่ ที่ทุกข์เรื่องความคิด นี่มีไม่น้อยเลย
สังขารขันธ์ นอกจากเป็นตัวทุกข์อย่างสำคัญแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดของกิเลส ( อารมณ์เศร้า
หมอง ) นานาประการอีกด้วย.
ท่านเห็นหรือยังล่ะครับว่า ขันธ์ ๕ นั้น ถ้าเราไม่เข้าไปยึดมั่น โดยความเป็น ตัวเรา ของเรา
ทุกข์ก็ไม่เกิด แต่ถ้ายึดมั่น ขึ้นมาเมื่อใด ก็ทุกข์เมื่อนั้น.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


ที่มา....ธรรมะไทย....
<!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>
copy มาให้อ่าน

 

ขอบคุณครับ อาหลี 99

 

<TABLE class=tborder id=post918290 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>tossapornk<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_918290", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 03:50 AM
วันที่สมัคร: Nov 2005
ข้อความ: 281 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 9,427 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 2,641 ครั้ง ใน 277 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 315


</TD><TD class=alt1 id=td_post_918290 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เมื่อตอนเช้ามืดวันนี้ผมฝันเห็น ยูเอฟโอพร้อมกันกับลูกชาย ในฝันยูเอฟโอไม่ได้เคลื่อนที่แบบวิ่งไปวิ่งมา แต่เคลื่อนที่แบบหายตัวจากที่หนึ่งแล้วไปโผล่อีกที่หนึ่งภายในเสี้ยววินาที(millisecond) ผมได้อธิบายให้ลูกชายฟังว่าเขาเคลื่อนที่ผ่านมิติของเวลาไปตามพิกัดตำแหน่งต่างๆได้ด้วยเครื่อกำหนดพิกัดตำแหน่งก่อนเดินทาง ในฝันผมคิดได้เองว่ามันคืออภิญญาจิตชนิดหนึ่งซึ่งสามารถย้ายวัตถุ(รวมถึงร่างกายตัวเอง)ไปตามพิกัดตำแหน่งต่างๆตามต้องการได้โดยที่เวลาแห่งการเคลื่อนย้ายเท่ากับ 0 วินาที ที่เราเรียกกันว่าหายตัวนั่นเอง

พอตื่นมาจึงกลับมาคิดเกี่ยวกับความฝันก็รู้สึกว่ามนุษย์ต่างดาวเขามีเทคโนโลยี่เคลื่อนย้ายพิกัดตำแหน่งได้แล้วเขาก็สามารถช่วยมนุษย์ดีดีมีศีลมีธรรมให้รอดจากภัยพิบัติได้ง่ายมากเลย แต่ไม่รู้ว่าเขาจะช่วยหรือไม่เท่านั้นเองครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รูปนี้ถ่ายติดระหว่างทางไป น้ำตกป่าละอู หัวหิน
คุณชลทิศ ตามไท ถ่ายไว้ได้ เพิ่งส่งมาผมช่วยดูว่าวัตถุที่เห็นคืออะไร? อยู่ไกลไปนิดแต่มีสีเหมือนโลหะมันวาว
ถ้าใช่ UFO ก็เห็นอยู่ 3 ลำครับ (ดูๆแล้วไม่ใช่อย่างอื่น)
<!-- / message --><!-- attachments -->



<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>






</FIELDSET>
เห็นพวกเราเพิ่งไปแถวป่าละอูกันมา เห็นบรรยากาศตอนเช้ามีหมอกลงด้วย สวยงามจริงๆครับ

 

ก่อนอื่น ต้องขอทำความเข้าใจกับทุกท่านสักนิดนะคะ เพราะบางท่านอาจไม่เข้าใจ และคิดว่า ทุกคนต้องมาอยู่รวมกันกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มาเป็นสมาชิก มาทำงานร่วมกัน เหล่านี้เป็นต้น<O</O<O</O
ก็คงต้องขออธิบายสักเล็กน้อยว่า ความจริงแล้ว การที่ระบบได้วางโครงข่ายในการให้ความช่วยเหลือมนุษย์นั้น มีหลายรูปแบบ<O</O
<O</O
การฝึกเป็นกลุ่ม อย่างผู้ที่มีหมายเลข 60 บุคคลนั้น ก็เป็นการเรียกได้ว่า เป็นกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เพราะเป็นการฝึกฯ ที่ระบบฝึกเองทั้งกลุ่ม จึงเป็นที่ทราบกันว่า เป็นกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) อย่างแน่ชัด และทำงานแบบรู้ตัวว่า ทำงานกับมนุษย์ต่างดาว เผยแพร่ข่าวสารที่รับมาออกสู่สาธารณชน อย่างถูกต้องตรงตามข้อมูลที่ส่งมา จึงเป็นการทำงานที่รู้ว่ากำลังทำงานกับมนุษย์ต่างดาว<O</O
<O</O
การฝึกเดี่ยว ใน 100 ครอบครัว ก็คือผู้ที่ได้เดินทางมาสัมผัส มารับรู้การมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว แต่ไม่ได้เป็นผู้ฝึกร่วมกลุ่ม แต่เป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้มาทำหน้าที่ต่าง ๆ เป็นผู้ได้รับความไว้วางใจจากมนุษย์ต่างดาว เป็นผู้ถ่ายภาพยานอวกาศได้ มีความเข้าใจในการมาโลกมนุษย์เพื่ออะไร บุคคลนี้จึงมีการพบเห็นยานอวกาศบ่อย ๆ และทำหน้าที่เผยแพร่ภาพต่าง ๆ ออกสู่สาธารณะ <O</O
รวมถึงบุคคลต่าง ๆ ที่ไม่ได้มีหมายเลข แต่ถูกฝึกเดี่ยวมาในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับการฝึกกลุ่ม เพื่อปฏิบัติภารกิจนี้ ก็จะเข้าใจได้ง่ายเพราะมีตัวอย่างใกล้เคียงกัน
บุคคลกลุ่ม 100 ครอบครัวนี้ จะอยู่ในหลาย ๆ กลุ่มที่ทำเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติ มิใช่พบเจอจานบิน รู้เรื่องมนุษย์ต่างดาวและสื่อสารกับเขาได้แล้ว จะต้องมาอยู่รวมกันกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มิใช่เช่นนั้น ท่านก็ยังอยู่ในกลุ่มของท่านเช่นเดิม ยังคงกระทำกิจกรรมยังกลุ่มต่าง ๆ เช่นเดิม แต่ก็จะมีบางท่านในกลุ่มนั้นสามารถรับข้อมูลที่สื่อสารลงมาได้ จะผ่านช่องทางใดก็ตาม ความฝัน สมาธิ หรือเข้ามาในความคิดขณะที่ยังลืมตาอยู่ก็ตาม ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ทำเพื่อประโยชน์มนุษย์ทั้งสิ้น เพราะในอนาคตข้างหน้า กลุ่มที่ช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติ จะต้องมีผู้รับข้อมูลโดยตรงจากดวงดาวต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่สื่อสารกับกลุ่มนั้น ๆ หรือบุคคลนั้น ๆ ไม่ต้องมาผ่านกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) แต่อย่างใด แต่ท่านที่สื่อสารก็จะพอทราบได้ว่า มีข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ ส่งเข้ามา ไม่ใช่เป็นผู้คิดเองทั้งหมด จึงทำงานแบบรู้ตัวในส่วนหนึ่ง<O</O
<O</O
สำหรับ 5,000 คนทั่วโลกนั้น ส่วนมากจะเป็นการทำงานแบบตัวคนเดียว ไม่ค่อยมีการรวมกลุ่ม แต่งานจะเกี่ยวเนื่องกับภัยพิบัติเป็นส่วนใหญ่ นักวิทยาศาสตร์ นักธรณีวิทยา หรือนักสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับภัยพิบัติ ก็มีโอกาสที่จะเป็น 1 ใน 5,000 คน เพราะชอบที่จะสร้างหนังแนวนี้ เพื่อให้คนตระหนักถึงเรื่องภัยพิบัติ และตื่นตัวมากขึ้น ก็จะเป็นการทำงานแบบอิสระ ทำงานแบบไม่รู้ตัวว่าทำงานกับระบบ ซึ่งมีอยู่ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก<O</O
<O</O
ค่ะ ก็คงพอทำให้ท่านเข้าใจได้บ้างว่า ทุกท่านที่พบ ที่เห็นจานบิน สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมารวมกันกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) แต่อย่างใด ท่านก็ยังคงดำเนินกิจกรรมของท่านตามเดิม แต่เขามาช่วยเตือน ช่วยเสริมอุปกรณ์ และเตรียมการณ์ให้กับกลุ่มของท่านอีกส่วนหนึ่งด้วย
<O</O
จึงจะมีบางส่วนเป็นกรณีพิเศษที่ถูกส่งไปฝึกเดี่ยว และมีภารกิจเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) โดยการจัดวางไว้ก่อน ที่เมื่อทราบแล้วก็พร้อมที่จะเข้ามาทำงานร่วมกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ตามภารกิจที่ทราบล่วงหน้าแล้ว ซึ่งมีเป็นบางท่าน และบางกรณีค่ะ <O</O
<O</O
คงมีความกระจ่างพอสมควร ท่านจะได้สบายใจได้ว่า ได้พบจานบิน ได้เห็นวัตถุแปลก ๆ ได้สื่อสารกับเขาแล้ว ต้องทำอะไรบ้าง? ก็คงพอคลายความสงสัยได้พอควรนะคะ <O</O
<O</O
ขอบคุณค่ะ ที่ติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอดมา <O</O

 

ขอบคุณนะคะคุณ mead ที่นำภาพน่าสนใจมาให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับชมกัน ซึ่งคุณ mead เองก็บันทึกภาพด้วยตนเองได้หลายภาพเช่นกัน หากมีภาพใดที่น่าสนใจ เอามาโพสต์ให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับชมบ้างนะคะ

และขอขอบคุณ คุณชลทิศ ตามไท ด้วยนะคะ ที่เอื้อเฟื้อภาพที่บันทึกได้ให้ท่านอื่น ๆ ได้มีโอกาสได้รับชมด้วย

ขอขอบคุณทั้งสองท่านด้วยค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ ที่ได้นำประสบการณ์ความฝันมาเล่าให้ท่านที่สนใจได้รับทราบด้วย ซึ่งก็มีกรณีของคุณ Chayutt ก็เกี่ยวเนื่องกับความฝันเช่นกัน

แต่พอคุยกันไปคุยกันมาจริงๆ ผมเองก็พบว่าวิธีที่กลุ่มเขากะลา
ถูกฝึกมานั้นมันช่างละม้ายคล้ายคลึงกับประสบการณ์ชีวิตที่ผม
เจอมาหลายอย่างเหลือเกินเหมือนมันเต็มไปด้วยเรื่องบังเอิญ
มากมายหลายอย่างเหลือเกินจนไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็น
เรื่องบังเอิญไปได้..และพอมาทราบจากพี่สุดใจว่าผมนั้นคงเหมือน
กับอีกหลายๆคนที่ถูก "ฝึกเดี่ยว" โดย "ระบบ"โดยมีช่วงเวลาที่เริ่มฝึก
ไล่เลี่ยกันกับกลุ่มเขากะลาเอง..
..และ พอการฝึกผ่านขั้นต่างๆแล้ว ระบบก็จะแจ้งให้ทราบว่าใคร
ผ่านขั้นไหนบ้างแล้ว เป็นระยะๆ ..ตรงนี้เอง ผมเลยถึงบางอ้อ
ว่า..มิน่าหละจึงฝันอยู่แบบนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

มิหนำซ้ำ..วันที่พี่สุดใจเขากะลามาบอกผมว่าผมก็เป็นคนใน"ระบบ"
อีกคนหนึ่งเช่นเดียวกันก็ไม่ใช่เหตุบังเอิญแต่อย่างใด เพราะ
"ระบบ"จัดคิวให้ผมแล้ว คือ "วันที่ 13" เมื่อวานนี้เองครับ

ก็มิน่าหละ..หลายปีมานี้ผมจึงค่อนข้างที่จะเป็นคนที่ฝันแม่นพอสมควร
พอนึกถึงตรงนี้..คำว่า"ทาดึก"หรือ"TARDUEG"หรือ
ตัวย่อภาษาอังกฤษของคำที่จะอ่านได้ว่า"ทาดึก"อื่นๆใดก็ตาม
(จากกระทู้นี้
http://palungjit.org/showthread.php?p=835373 )

เหล่านี้ ผมค่อนข้างเชื่อว่ามันจะต้องมีความหมายอย่างแน่นอน
เพราะผมคิดว่า "ระบบ" นั่นแหละเป็นผู้บอกผมมาและในอนาคต
ข้างหน้า อาจเร็วๆนี้ ก็จะต้องมีผู้ที่มีหน้าที่ "ถอดรหัส"มาถอดรหัสนี้
ได้อย่างแน่นอนครับ..


สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เชื่อได้ยาก ดังนั้น การที่มีหลาย ๆ บุคคล พบเจอในสิ่งที่ใกล้เคียงกัน คล้าย ๆ กัน หรือเหมือนกันนั้น จะทำให้เป็นการเปิดมุมมองได้กว้างขึ้นสำหรับท่านอื่น ๆ ที่ยังไม่พบเจอ และเริ่มมองเห็นถึงความเป็นไปได้ของการมีอยู่จริงของเทคโนโลยีของเขาที่เรายังไปไม่ถึง สัมผัสได้จริงกับรูปแบบพลังงานที่ส่งเข้ามา และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง กับการพบเห็นวัตถุจากนอกโลกที่มีการพบเห็นบ่อยมากขึ้นทุกขณะ

การติดต่อสื่อสาร การรับข้อมูล หรือแม้แต่การที่จะรับการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อทำงานช่วยเหลือโลกใบนี้ในยามที่เกิดภัยพิบัตินั้น สิ่งเหล่านี้ บางเรื่องอาจจะมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ เช่นความฝัน การมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า เป็นการส่งผ่านข้อมูลแบบภาพเข้ามาในความฝัน ซึ่งจะเป็นการซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้งจนเริ่มรู้สึกได้ เพราะการผ่านมาทางความฝัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เป็นปกติอยู่แล้วในการฝันถึงสิ่งต่าง ๆ ถึงจะมีการส่งภาพอื่น ๆ เข้ามามนุษย์ก็จะไม่ตกใจ เพราะเป็นการที่ตัวเองฝันเอง

ดังนั้น ความฝันจึงเป็นช่องทางหนึ่งของการส่งข่าวสารการเตือนภัยที่ส่งเป็นภาพผ่านทางความฝัน จากมนุษย์ต่างดาว เพื่อเตือน เพื่อแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และในช่วงนี้จะเป็นการทดลองใช้อุปกรณ์ในการรับข่าวสารผ่านความฝัน ต่อไปจะเริ่มมีความแม่นยำขึ้นเรื่อย ๆ ที่เคยเห็นภาพ ก็จะชัดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเริ่มคุ้นเคยและชำนาญมากขึ้น และข้อมูลที่จะสื่อสารก็จะผ่านมาทางอายตนะทั้ง 6 นั่นเองค่ะ<O</O
<O</O

.<O</O

 

ขอถามพี่สุดใจ ทำไมห้ามถ่ายภาพตอนนั่งสมาธิคะ

 

วันที่ 3 ก.ค. 35 กองเรือสหรัฐฯ ได้พบจานบิน 2 ลำ และเกิดการต่อสุ้กันขึ้นจนทางสหรัฐทำลายได้ 1 ลำ จมลงใต้ทะเล บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า และทำการกู้ขึ้นมา พร้อมซากศพมนุษย์ต่างดาว 8 ศพ

ในการปะทะกันครั้งนี้ ทำให้เรือรบสหรัฐเสียหายและ เฮลิคอปเตอร์ถูกยิงตกหนึ่งลำ ข่าวนี้ถูกปิดเป็นความลับ แต่ก็เล็ดลอดออกมาได้จนหนังสือพิมพ์นำมาประโคมข่าว

หลังการปะทะกัน จานผีได้หนีการสู้รบ ทางกองเรือสหรัฐเชื่อว่าคงได้รับความเสียหาย หรืออาจจมลงก็ได้ จีงได้ส่งมนุษย์กบออกค้นหา และได้พบจานบินจมที่พื้นทรายก้นมหาสมุทรแอตแลนติค ห่างจากชาร์เลสตัน เซาท์แคร์โรไลน่า ไปทางตะวันออกประมาณ 400 ไมล์ นักประดาน้ำพยายามเจาะตัวยานเข้าไป และได้พบมนุษย์ต่างดาว 8 นายเสียชีวิตหมด เนื่องจากเครื่องช่วยชีวิตไม่ทำงาน ศพมนุษย์ดังกล่าวถูกส่งไปเก็บไว้ที่ ห้องเย็นที่แฮงการ์ 18 ซึ่งเป็นสถานที่ทางทหารแห่งหนึ่ง ส่วนจานบิน คาดว่าถูกนำไปเก็บที่ Area 51

แหล่งข่าวบอกว่านับเป็นครั้งแรกที่ได้พบยานอวกาศที่มาจากต่างดาว ทำให้เรามีโอกาสได้ศึกษาเทคโนโลยีชั้นสูงของคนที่ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับเรา และ

จากการสู้รบครั้งนี้ ทางมนุษย์ต่างดาว ได้ใช้อาวุธคล้ายแสงเลเซอร์อานุภาพสูง ทำให้เกิดกระแสน้ำคลื่นยักษ์ถล่มหาดฟลอริดา ชัดชายหาดเดโทน่ากวาดรถยนต์หลายสิบคันและข้าวของเสียหายเป็นอันมาก แต่ถ้าใครไม่รู้ก็คิดว่าเป็นภัยธรรมชาติ

การปะทะครั้งนี้สหรัฐต้องระดมกำลังทุกส่วนเข้าล้อม ทั้งกองเรือบนน้ำ ใต้น้ำ เครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์ จนสามารถยิงจานผีตกได้ 1 ลำ

แหล่งข่าวบอกว่า ศพมนุษย์ต่างดาวที่พบในยานที่ถูกยิงตกและนักประดาน้ำได้เจาะเข้าไป มีลักษณะคือ สูง 5 ฟุต 5 นิ้ว หนัก 135 ปอนด์ ไม่มีขน มือแต่ละข้างมีนิ้วยาว 3 นิ้ว แต่งกายด้วยชุดโลหะบางๆ สีทึม ๆ สวมบู้ทยาวถึงเข่า

เชื่อว่าคงรอการช่วยเหลือจากพรรคพวกอีกลำ แต่ด้วยถูกปิด

ล้อมจากกองกำลังทางน้ำของสหรัฐฯ จานบินอีกลำจึงเข้ามาช่วยไม่ได้ อีกทั้งเครื่องช่วยชีวิตไม่ทำงาน จึงเสียชีวิตในที่สุด

คัดลอกจาก นสพ.ไทยรัฐฉบับวันที่ 24 ก.ย. 35

 

ผมรู้จัก อ.คนนึง ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวในจานบินลํานี้ได้
(ไม่ใช่ อ.เทพนมครับ)
อ.ท่านนี้ไม่ค่อยชอบมีชื่อเสียงเท่าไร สอนอยู่มหาลัยรัฐ

 

สวัสดีค่ะ คุณ naw

ขออนุญาตทักทายในฐานะคนเคยอยู่บ้านเดียวกัน คือจังหวัดนครสวรรค์มาก่อน ยินดีที่ได้รู้จัก และขอบคุณที่ได้นำประสบการณ์ที่ได้พบเจอ ได้ติดตามพิสูจน์ ทดสอบ ทดลอง เพื่อหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิง ว่าสิ่งที่พบเจอ UFO ที่ลงจอด ปรากฏร่องรอยหลักฐานให้นำมาพิสูจน์เพื่อยืนยันได้

เคยสนทนากับ ดร.เทพนม ท่านก็เคยพูดไว้เหมือนกันว่ามียานลงจอดทางอีสาน และมีคนส่งตัวอย่างดินมาให้ท่านตรวจสอบ ซึ่งก็เป็นคุณ naw นั่นเองที่ท่านกล่าวถึง

มนุษย์ต่างดาว รับรู้ในความคิด ความรู้สึกของแต่ละท่านขณะที่อ่านกระทู้นี้ ดังนั้น จากไม่เคยเห็น ก็จะเริ่มเห็น ไม่เคยรับรู้ ก็จะเริ่มรับรู้ จะมีเรื่องราวของมิติ ของเพิ่ม ของหาย เข้ามาเกี่ยวข้อง การมองเห็นไม่เหมือนกันกับคนอื่นซึ่งเป็นภาพการทับซ้อนมิติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จะมีเรื่องราวแปลก ๆ มาให้เห็นบ่อยครั้ง ถ้าเริ่มลองสังเกตุก็จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น ถี่ขึ้น เพราะเป็นการแจกอุปกรณ์ไฮเทคไปตามงานของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และยินดีทำงานในโครงการนี้ แต่สำหรับท่านอื่น ๆ ที่มิใช่อยู่ในโครงการ ท่านก็อ่านข้อมูลได้ตามปกติ มิได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ให้แต่อย่างใดค่ะ

ค่ะ คุณ naw หลังจากเข้ามาโพสต์ในกระทู้นี้ ก็จะเริ่มพบกับสิ่งแปลก ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากนี้ไป โดยเริ่มต้นแค่การถามทางไปเขากะลา แต่เจตนาของคุณมนุษย์ต่างดาวรับรู้แล้ว การมาปรากฏให้เห็นจึงมิใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป

พี่สุดใจขออนุโมทนาด้วยค่ะ

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณ P_ POP

ไม่ได้เห็นคุณเสียนาน คิดว่าเลิกสนใจข้อมูลของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ไปเสียแล้ว

ยินดีที่ได้พบ และสวัสดีปีใหม่ค่ะ

 

ขอขอบคุณ และยินดีต้อนรับเข้าสู่กระทู้ ข้อความจากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ค่ะ

มาพร้อมประสบการณ์ที่น่าสนใจทีเดียว ก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้พบเจอ UFO มาก่อน และยังได้มาสนใจข้อมูลของ UFO ผ่านทางกระทู้นี้ต่อเนื่องไปอีก

เพราะความบังเอิญที่บ่อยเกินไป หรืออาจเป็นเพราะมีใครเป็นผู้จับวางกันแน่ ต้องลองสังเกตดูค่ะ

 

พี่สุดใจ และคณะฯ ได้รับเชิญไปร่วมนั่งสมาธิในมหายันต์จักรวาล ที่ทางอาศรมบูรพา ได้จัดขึ้น ณ ป่าละอู ทางเจ้าของพิธีได้แจ้งให้ผู้มานั่งสมาธิได้ทราบว่า เป็นการนั่งสมาธิภายในกลุ่มและผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้น จึงขอมิให้ถ่ายภาพใด ๆ ในการนั่งสมาธิในครั้งนี้

พี่สุดใจก็ต้องปฏิบัติตามกติกาที่ทางเจ้าของสถานที่กำหนดไว้ค่ะ

 

ไหน ๆ ก็ได้มีโอกาสเข้ามาสนทนา และตอบคำถามกับทุกท่านแล้ว ก็ขอถือโอกาสนำเรื่องราวของดาวโลกุกะตาที่อธิบายไว้ผ่านทางภาพมาให้รับชมเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย



เป็นการลงมาโดยคลื่นของราชฑูตจากดาวโลกุกะตาปากะดิกอง ในวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2541

ดร.สมบูรณ์ แสงทอง จากช่อง 9 เดินทางไปที่สิงห์บุรี และได้มีการส่งคลื่นลงมาสนทนากับมนุษย์ แต่พูดภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ จึงต้องสื่อสารกันด้วยภาพวาด

ภาพด้านบน ครั้งแรกที่วาดก็คือภาพด้านซ้ายมือ คือสหรัฐอเมริกา ส่งดาวเทียมสำรวจขึ้นไปในอวกาศ และกระจายคลื่นออกค้นหาสิ่งมีชีวิตในจักรวาล คลื่นที่ส่งไปมีความรุนแรงมาก และมนุษย์ต่างดาวเขาสื่อสารกันด้วยคลื่น จึงไปรบกวนคลื่นของเขา บางครั้งรุนแรง ปวดศรีษะ ด้วยเขาจึงไม่ชอบสหรัฐอเมริกา บอกว่าไม่ดี เขาพูดว่า no good เป็นภาษาอังกฤษ และเขียนคำว่า USA NO คือไม่เอาสหรัฐอเมริกาเพราะไม่ดี

บนซ้ายสุดที่มีคำว่า NO ที่ตั้งอยู่นั้นคือจรวด และธงที่ปักไว้เขาเขียนธงของ USA.

ตรงกลาง คือยานอวกาศของเขา ที่มีการส่งคลื่นสื่อสารกันและถูกรบกวนด้วยคลื่นจากยานอวกาศสหรัฐ

ขวาสุด รูปแหลมเป็นแฉก เขาเขียนภาพยานอวกาศของสหรัฐที่ส่งขึ้นไปและส่งคลื่นไปกวนยานอวกาศของเขา

เขาวาดภาพพลเมืองของเขาที่โดนคลื่นจากยานอวกาศที่ใช้สำรวจห้วงอวกาศ จะมีคลื่นสูงส่งไปยังจักรวาลอื่นๆ เพื่อเสาะหาสิ่งมีชีวิต ทำให้คลื่นนั้นไปรบกวนสมองของเขา ทำให้ปวดหัว (เขาวาดให้ดูเหมือนเรานอนบนเตียง ก็คือคนป่วย)

เขาจึงไม่ชอบสหรัฐอย่างมาก และบางครั้งเขาก็พูดภาษาอังกฤษออกมา ซึ่งคุณชูชาติผู้รับคลื่นผ่าน พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ซึ่งเราก็ได้ถามว่าทำไมพูดได้ เขาบอกว่า เมื่อครั้งก่อนได้มีการลงไปในแถบเมืองหนาวมาก่อน แถบอเมริกา ยุโรป แต่การติดต่อล้มเหลว อเมริกาไม่เป็นมิตร ต้องการแต่จะทำลายล้าง เขาจึงบอกว่า NO GOOD ทุกครั้งที่พูดถึงสหรัฐ

(ในวันนี้ ก่อนที่จะส่งคลื่นลงมาสื่อสาร ได้มีการนำยานอวกาศลำใหญ่มาลอยให้เห็นก่อน ในขณะที่เรา และทีมของ ดร.สมบูรณ์ แสงทอง รวมเกือบ 10 คน กำลังเดินอยู่บนถนนภายในหมู่บ้าน ลำใหญ่ ไม่มีเสียง ต่ำมาก และทีมของ ดร.สมบูรณ์ท่านสื่อจิตขึ้นไปในยาน พบว่ามีคนอยู่บนยาน 5 คน วันนั้นชัดเจนมาก พี่สุดใจก็เห็นไปกับเขาด้วย เพราะเดินไปกลุ่มเดียวกัน)

 

ภาพนี้ เขาเขียนถึงอเมริกา ว่ามีการเอาจานบินไปเก็บไว้ในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเขาเขียนเป็นเลขโรมัน ว่า VI เราก็ไม่รู้เขาหมายถึงอะไร จนถามไปถามมาก็เลยบอกว่าใช่ แอเรีย 51 หรือเปล่า เขาพยักหน้า ซึ่งก็หมายความว่า สหรัฐมีการเก็บชิ้นส่วนยานอวกาศของเขาไว้ในแอเรีย 51 แต่เขาเขียนเป็นตัว V กับ I = VI หรือ 51 นั่นเอง

ซ้ายสุด เขาวาดภาพจานบิน ที่ถูกเก็บไว้ในแอเรีย 51

ตรงกลาง เป็นภาพจรวดของสหรัฐที่ส่งไปสำรวจห้วงอวกาศ

ขวาสุด เลขโรมัน ที่เขียนว่า VI หมายถึง 51

 

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2540 หลังจากที่ จ.ส.อ.เชิด ได้มีการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว จากโลกุฯ ได้ 4 วันถัดมา ก็ได้มีการนัดหมายขอให้เขานำยานอวกาศมาให้ชม ซึ่งก็ได้พากันออกไปกลางทุ่งโล่ง ๆ ที่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อรอชมยานอวกาศ ในวันนั้น ราชฑูตจากดาวโลกุฯ ได้นำคลื่นผ่านมา และให้ทุกคนทำรูปดอกบัวบาน พร้อมกับชี้ไปทางทิศใต้ที่โล่ง ๆ ไม่ถึง 1 นาที ก็มีวัตถุลำหนึ่งมีไฟหมุนรอบลอยมาทางทิศตะวันตกที่เขาชี้มือไปนั้น ลอยมาช้า ๆ ให้เราได้ดูกัน ซึ่งเขาไม่ให้ถ่ายภาพในระยะแรกที่สื่อสารกัน เพราะเขาบอกว่ายังไม่ถึงเวลาเผยแพร่ แต่ให้ครอบครัวนี้เชื่อมั่นก่อนว่าเขามาจริง

และในช่วงท้าย ๆ คลื่นที่ผ่านร่างนั้นเบาเสียงลง เหมือนคล้ายกับคนไม่ค่อยมีเสียง ก็เห็นเขาทำท่าดอกบัวบานยื่นขึ้นไปข้างบนแล้วหมุนตัวอย่างเร็วคล้ายลูกข่างแต่ไม่ได้เร็วมากเท่าลูกข่าง หมุนเป็นวงกลมรอบตัวเอง พอหยุดหมุนคลื่นนั้นก็แรงเหมือนเดิม ส่งเสียงพูดมีพลังเหมือนเดิม

ตอนนั้น เราก็สงสัย คุณพ่อก็สงสัย ก็เลยถามว่าทำไมเขาจึงมีพลังได้ เพราะเมื่อครู่นี้พลังอ่อนลง เขาก็พูดภาษาที่เราฟังไม่ออกอีกตามเคยแต่ก็ยกมือประกอบ แต่เราไม่รู้เรื่อง ก็เลยให้วาดภาพใส่กระดาษอีก (ภาพด้านบน)

แปลกันอยู่นานกว่าจะรู้เรื่อง ซึ่งที่เขาวาดนั้นหมายความว่า คลื่นที่ส่งลงมานั้น เมื่อใช้มาก หรือลงมาอยู่ในสถานที่ที่มีคลื่นรบกวน บางครั้งก็มีการอ่อนแรงลง เหมือนไฟฉายที่ใช้ไปนาน ๆ จะอ่อนแสงลง ต้องชาร์ทถ่านใหม่ ไฟจึงจะกลับมาแรงดังเดิม

ดังนั้นเขาก็มีการรับพลังงานบางอย่างเข้ามาเติม ทำให้มีพลังงานกลับมาเต็มอย่างเดิม ซึ่งก็คล้ายกับการชาร์ทแบตเตอรี่ของมนุษย์นั่นเอง ซึ่งเป็นการชาร์ทจากแหล่งพลังงานมาที่ตัวบุคคลโดยตรงเลย

 

และภาพที่วาดถัดมาก็คือภาพการส่งคลื่นพลังงาน จากมนุษย์ต่างดาว มายังบุคคลที่เป็นมนุษย์โลกได้

ภาพด้านบนคือมนุษย์ต่างดาว และภาพด้านล่างคือมนุษย์โลก เขาสามารถส่งพลังงานจากเขา มาสู่ร่างของมนุษย์คนนั้นได้ โดยไม่ต้องเข้ามาอยู่ใกล้กันก็ได้ โดยส่งจากอีกที่หนึ่ง มายังอีกที่หนึ่งได้โดยไม่ต้องเดินทางมาเอง

ซึ่งในส่วนที่ทางเราได้รับทราบมานั้น เราอาจไม่เข้าใจในกลไกของทางวิทยาศาสตร์มากนัก แต่เราสามารถรับรู้ มองเห็น และสัมผัสได้ถึงพลังงานเหล่านั้น ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก แต่มาระยะหลังที่เริ่มเข้าสู่ระบบทำงาน หลังจาก 1 เมษายน 2547 มาแล้วนั้น ก็เริ่มรู้ว่าที่เขาได้เขียนไว้เมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมานั้น มันใช้ได้จริง ๆ

เพราะในระยะหลัง ช่วงปี 2549 - 2550 นั้น พี่สุดใจมีการฝึกมาก มีงานที่ต้องประสานงานมาก และมีงานอื่น ๆ ที่ต้องทำต่อเนื่องยาวนาน เหมือนเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็ไม่ได้นอนจนถึงเช้า ลงข้อมูลตามที่ระบบส่งลงมา

ดังนั้น ในช่วงนั้น แทบไม่ได้นอน การกินก็ไม่เป็นเวลา และบางครั้ง นั่งทำงานอยู่ง่วงนอนมากเหมือนจะฟุบหลับ แต่จู่ ๆ ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมากระชากความง่วง ความเพลียออกไปในทันที เหมือนความง่วงปลิวออกไปและตาแจ้งทันที ร่างกายพร้อมทำงาน หายง่วง หายเพลีย และไม่หิวอีกด้วย เลยทำงานต่อไปได้ตลอดคืน

เป็นแบบนี้อยู่บ่อย ๆ ในช่วงงานต่อเนื่อง บางครั้งไม่ได้นอนติดต่อกัน 2 วัน 2 คืน ไม่ง่วง ไม่เพลีย บางเวลาเหมือนจะง่วง ทำท่าเหมือนจะหลับตา สักพักก็พรึบหายไป ทำงานต่อไปได้อีกโดยไม่ง่วงทั้งคืน เมื่อก่อนก็ยังสงสัย แต่มีการอธิบายถึงกลไกของร่างกายมนุษย์ที่สามารถรับพลังงานทดแทนเหล่านั้นได้ ก็เลยหายสงสัย จึงรู้ว่าเขาสามารถถ่ายเทพลังงานมาเสริมให้เราได้จริง เพราะพี่สุดใจเจอมาแล้วในช่วงหลายปีต่อเนื่องมานี้

ซึ่งเขาบอกว่า ความจริงสารอาหารมีอยู่ในธรรมชาติ พลังงานก็มีอยู่ในธรรมชาติ หากรู้ก็สามารถดัดแปลงมาใช้เป็นสารอาหารได้ และขันธ์ที่ระบบส่งมาเพื่อทำงานช่วยเหลือภัยพิบัติ จะมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ไว้สำหรับรับสารอาหารเหล่านั้นเข้าร่างกายได้

มนุษย์โลกที่เจ็บป่วย บางครั้งหลายวันไม่ได้กินอาหารแต่ให้น้ำเกลือแทน ก็สามารถอยู่ได้ โดยใช้สารอาหารที่ผสมลงไปในน้ำเกลือเข้าไปทดแทน

แต่มนุษย์ต่างดาวเจริญกว่านั้น ไม่ต้องเป็นรูปแบบมวลสารให้เห็น แต่เป็นรูปแบบพลังงานแทน ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า และทดแทนได้จริง

ดังนั้น ในช่วงเกิดภัยพิบัติ ผู้ที่ต้องช่วยเหลือผู้อื่น จะไม่มีเวลามานั่งทำอาหารทานกัน แทบไม่มีเวลาที่จะหยุดเพื่อพักผ่อนเลยด้วยซ้ำในช่วงนั้น จึงต้องมีการเตรียมการเรื่องสารอาหารไว้ให้พร้อม สำหรับผู้ทำงานเหล่านั้น เพื่อความคล่องตัว และทดแทนอาหารได้จริง

หลายท่านอาจจะเคยประสบมาบ้าง ง่วงแทบขาดใจ หรือเพลียแทบตาย แต่จู่ ๆ สิ่งเหล่านั้นหายวับไปทันที กระฉับกระเฉงขึ้นมา และมีแรงทำงานต่อไปทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้อาหารเสริมใด ๆ ช่วยเลย

ก็นำมาเล่าให้ฟัง เพราะพี่สุดใจพบเจอมาแล้วกับสิ่งเหล่านี้ และได้ไปพบภาพต่าง ๆ ในช่วงที่มีการสื่อสารด้วยภาพ ที่วาดไว้จำนวนค่อนข้างมาก หลายเหตุการณ์ จึงนำมาเล่าให้ฟัง และในวันข้างหน้าถ้ามีเวลา ก็จะนำมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ