ตัวสั่น เวลาสวดมนต์ค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย owawa, 17 สิงหาคม 2014.

  1. owawa

    owawa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +99
    สอบถามค่ะ คือพักหลังๆ มานี่เวลาสวดมนต์จะมีอาการแขนสั่น ตัวสั่น (แล้วเหมือนจะแรงขึ้นทุกวัน) ต้องเกร็งแขนเกร็งตัวไว้ตลอดค่ะ (เกร็งแล้วจะไม่สั่นค่ะ) แต่ถ้านั่งสวดไปสบายๆ จะมีอาการสั่นค่ะ เป็นเพราะอะไรคะ แล้วมีวิธีแก้ยังไงบ้างคะ รบกวนผู้รู้ด้วยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ปล่อยให้สั่นไป ไม่ต้องไปสนใจ ยิ่งไปสนใจมากเท่าไหร่ จับอาการสั่นมากเท่าไหร่เด่วก็สั่นมากขึ้น อาการก็ยิ่งหนักสั่นมากขึ้นไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ+

    เลิกสวด เด่วก็เลิกสั่นเอง

    ทำอย่างอื่นไม่สั่น

    สวดปุบอาการมาปับ ก็ช่างมัน

    จิตสงบเมื่อไหร่ เด่วก็ตัดอาการทางกายเลิกสั่นไม่สั่นเอง

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2014
  3. owawa

    owawa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +99
    ให้สวดต่อไปเรื่อยๆ เลยใช่มั๊ยคะ แล้วมันจะหายไปเอง?
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถ้าเป็นคนเล่นของนี่ ถ้าไปสวดข้างนอก อาจมีแซวว่าปลุกของขึ้น ปลุกพระ นะ 555+


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2014
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [COLOR=#ff00]
    ว่าคาถาเงินล้านมือสั่น​

    [/COLOR]

    [COLOR=#880ff]ผู้ถาม : ถ้าบูชาพระ นั่งเจริญกรรมฐานเสร็จแล้วก็ต่อด้วยคาถาเงินล้านของหลวงพ่อ ว่าไปสักครู่หนึ่งปรากฏว่ากายสั่น มือสั่น ใจสั่น เหมือนกับอาการจะปลุกพระอย่างนั้นแหละ จึงเรียนถามหลวงพ่อว่าเป็นเพราะเหตุใด ต่อไปจะทำต่อไปได้หรือไม่ครับ ?

    หลวงพ่อ : (หัวเราะ) พระพุทธเจ้าัสั่นต่อ อย่าลืมนะถ้าใจสั่นนี่มันผิดปกติ แต่ใจสั่นนี่พอมันภาวนาเร็วเกินไปหรือไม่เข้าใจ ถ้าตัวสั่นนี่เป็นอุพเพงคาปิติ ดีนะ แต่ควรจะคุมอย่าให้ใจสั่น ถ้าใจสั่นหรือไม่สั่น ถ้าจิตมีกำลังสมาธิถึงนั่นมันก็สั่น ถ้าเลยไปแล้วเป็นผรณาปิติ มันก็ไม่สั่น ถ้าต่ำลงมามันก็ไม่สั่นและเวลาที่ว่าคาถานี่ ไม่ควรคิดว่าจะสั่นหรือไม่สั่น เอาแค่จิตเป็นสุขค่อยๆว่าสบายๆ ดีกว่าจึงจะถูกต้องนะ

    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ สิงหาคม 2536)

    [/COLOR][COLOR=#ff00]รวมเกร็ดความรู้เรื่องคาถาจากคำถามคำตอบ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    [COLOR=#ff00]http://nippanang.org/forum.php?mod=viewthread&tid=173[/COLOR]
    [/COLOR]
     
  6. owawa

    owawa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +99
    เง้ออออออ.....ไม่ได้เล่นของนร๊าาาา
     
  7. owawa

    owawa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +99
    อาการของตั๊กคือตัวสั่นแต่ใจไม่สั่นค่ะ (คงปลุกพระไม่ได้แน่ อิอิ) สอบถามเป็นความรู้นะคะ ถ้าใจสั่นแล้วมันจะเป็นยังไงอ่ะคะ
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ช่วงแรกของเล่ม "งานฉลองวัดหนองบัว" สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๖(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ถาม: ไม่ได้หมายถึงว่า จะต้องไปนั่งใช่ไหมครับ ?
    ตอบ : ไม่ต้อง คล่องตัวแล้วจะเป็นเลย แค่นึกก็เป็นแล้ว มีสุภาพสตรีอยู่คนหนึ่ง ตลกมากเลย อยู่ตำบลวังปริง อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา รายนี้เชื่อว่าเป็นพุทธภูมิแหง ๆ เลย เพราะว่าพอเขาขึ้นสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ปุ๊บ ตัวจะแข็ง เขาจะต้องเขย่าให้หลุด แล้วก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปได้อีกหน่อยก็แข็ง แล้วก็เขย่าให้หลุด ลักษณะนี้แหละก็คือว่า เป็นการถอนกำลังใจจากในระดับฌาน ๓ ไปสู่อุปจารสมาธิ นี่เขาทำจนชิน ต่อไปจะเข้าฌานได้เร็วมาก แล้วถอนได้เร็วมากเลย จะคล่องตัวกว่าเขา แต่เขาแปลกใจว่าเขาเป็นอะไร ? ทำไมอยู่ ๆ เป็นอย่างนั้น ? คือเขาลืมว่า การขับรถต้องใช้สมาธิ พอเริ่มตั้งใจขับปุ๊บ ตัวแข็งเป๊กไปแล้ว ก็ต้องเขย่าให้หลุด เพื่อที่จะบังคับรถให้ได้ แล้วพอตั้งใจบังคับรถ ก็แข็งกลับเข้าไปอีก เพราะจิตคล่องตัวอยู่ตรงจุดนั้นแล้ว
    รายนี้สนุกมากเลย ตอนแรกเขาคิดว่าเขาไม่สบาย ไปหาหมอ หมอก็หาสาเหตุไม่ได้ ความจริงเป็นสมาธิ ที่เชื่อเป็นพุทธภูมิเพราะว่าเขาต้องทำจนกว่าจะคล่องตัว เมื่อถืงเวลาจะได้สอนคนอื่นได้ ก็เลยต้องเขย่าตัวเองอยู่อย่างนั้นแหละ หลายปีเลยกว่าจะเจออาตมา
    ถาม : ผมก็ปรารถนาพุทธภูมิ แต่ผมไม่เขย่า ?
    ตอบ : ไม่ต้อง ของเราตอนนี้เป็นอย่างนี้ แล้วจะเป็นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับของมัน แต่ละขั้นตอนกว่าจะผ่านจะช้า ช้าเพราะว่าวิสัยเดิมของเราต้องการจะเป็นครูเขา คนที่จะเป็นครูเขา ถ้ารู้ไม่รอบคอบรู้ไม่ครบ สอนเขาไม่ได้ เจอคนนอกทุ่งนอกท่านอกทางที่เราเคยเป็น เราจะบอกเขาไม่ถูก
    เพราะฉะนั้นคนที่ปรารถนาพุทธภูมิอย่างคุณ กว่าจะข้ามแต่ละขั้นตอนจะช้ากว่าเขา คนอื่นเขาขึ้นบันไดมา แค่รู้ว่ามีบันไดก็พอ กี่ขั้นไม่ต้องสนใจเสียด้วยซ้ำไป แต่พุทธภูมินอกจากจะรู้ว่ากี่ขั้นแล้ว ยังต้องรู้ว่ากว้างเท่าไหร่ ? ยาวเท่าไหร่ ? ทำด้วยวัสดุอะไรบ้าง ? ใช้วิธีอย่างไร ? จะก่อมันขึ้นมา สร้างมันขึ้นมา คนเป็นพุทธภูมิต้องพร้อมที่จะสร้างบันไดเลย ไม่ใช่แค่รู้ว่ามีบันได้ให้ขึ้น เพราะฉะนั้นกว่าจะได้แต่ละอย่างนี่สาหัส...! ของอาตมากว่าจะผ่านปีติแต่ละตัว ติดอยู่เป็นเดือน ๆ ติดอยู่เป็นปี ๆ อยากจะสั่นก็สั่นอยู่นั่นแหละ
    ถาม : แต่สั่นแล้วก็มันนะครับ เบาสบาย
    ตอบ : ใช่ เพราะว่าจิตของเราปักมั่นอยู่ อาการสั่นเป็นตัวปีติ เป็นการแสดงออกเท่านั้นเอง ปล่อยเต็มที่ไปเลย
    ถาม : เรื่อง "คาถา" ตอนนั้นผมใช้ คาถาอะไรก็ไม่สำคัญไม่ใช่หรือครับ ? พอสักพักก็จะลืมไป แล้วก็จะทรงอยู่อย่างนั้น ?
    ตอบ : ใช่ ถ้าจิตเป็นสมาธิแล้ว คาถาอะไรก็ได้ เพราะเราแค่นึกก็เป็นไปตามที่ต้องการแล้ว แรก ๆ คาถาเป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิเท่านั้น พอเป็นสมาธิแล้ว เราจะตั้งใจให้เป็นอย่างไรต่างหากล่ะที่สำคัญ คุณจะใช้ พุท-โธ ธรรมดา แล้วก็เสกหินให้กลายเป็นขนม ไปนั่งกินก็ได้ ขอให้สมาธิถึงกำลังพอ
    ถาม : ในกรณีนั้น หลักสูตรบังคับต้องฌาน ๔
    ตอบ : ถ้าหากว่าไม่คล่องตัว ไม่ได้ด้วย ไม่ใช่ฌาน ๔ เฉย ๆ นะ ต้องหัดใช้งานให้คล่องตัวด้วย
    ถาม : แต่เราใช้ก่อนก็ได้ไหรือไม่ครับ ? อย่างเช่นว่า จะสีอย่างไรไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าเป็นแก้วใส ๆ
    ตอบ : ใช้ก่อนได้ แต่ผลจะน้อยกว่า
    ถาม : แล้วอย่างรถเมล์วิ่งช้า ผมก็ลองเล่นสนุก ก็อยากให้มันเร็วสุดชีวิตของมัน ผมก็ลองเพ่งมันอยู่อย่างนั้น ผมก็ยืนอยู่
    ตอบ : ระวังเอาไว้...! อันตรายอาจเกิดขึ้นได้ อาตมาเก็บเอาไว้ตอนจำเป็นเท่านั้น เคยขึ้นตองยี ตองยีจะอยู่รัฐฌานของพม่า จากมัณฑะเลย์ พอข้ามเขาชานโยมาแล้วจะขึ้นเขาตลอด ชานโยมา คือบรรพตสยาม แสดงว่าาก่อนหน้านั้นเขตไทยจะต้องถึงตรงจุดนั้น ใช้เขาลูกนั้นเป็นเขตจะคดเคี้ยวแล้วก็สูงชันมาก รถกำลังไต่ขึ้นเขา ๆ แล้วเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดด้วย ก็เลยหันไปถามครูบาน้อยว่า เฮ้ย...! ช่วยมันไหม ? ครูบาน้อยบอกว่า ช่วยมันหน่อยเถอะครับอาจารย์ คนเยอะเหลือเกิน เดี๋ยวคนอื่นตายด้วย เออ...อย่างนั้นบอกมันสตาร์ทใหม่ พอสตาร์ทใหม่ติดก็ไปต่อได้ เอาไว้จำเป็นจริง ๆ แล้วค่อยใช้ ไม่ใช่ไปลองมันอย่างนั้น ถ้าไปเอามันอย่างนั้น เกิดคนตายห่าไปทั้งคันรถแล้วยุ่งเลย
    ลักษณะอย่างนี้แหละที่อภิญญาขึ้นเต็มที่ไม่ได้ ยังไปสนุกไม่ดูตาม้าตาเรือ ขืนให้ได้เต็มที่รับรองได้ว่าประเทศชาติบรรลัยหมด (หัวเราะ) ค่อย ๆ ทำไป พอกำลังใจทรงตัวแล้ว สมาธิตั้งมั่น เดี๋ยวจะรู้เองว่าทำได้แค่ไหน เพราะว่าพอพ้นเขตนั้นปุ๊บ...! จะเหมือนกับเสื่อม จะเหมือนกับรถเร่งไม่ขึ้น จะได้แค่นั้น จนกว่าเราจะทำกำลังใจได้สูงกว่านั้น กำลังที่สูงกว่านั้นถึงจะมา กำลังใจสูงขึ้นคือ ปล่อยวางยอมรับกฎของกรรมได้มากขึ้น ไม่ไปยุ่งกับชีวิตและอนาคตของคนอื่นเขามากนัก ก็จะได้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้ายุ่งมากก็จะโดนล็อกอยู่แค่นั้น เหมือนรถที่โดนล็อกความเร็ว เหยียบถึง ๑๒๐ ก็ฟอด ไปต่อไม่ได้

     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ก็รบกวน เวลาภาวนา เวลาทำสมาธิ มัวแต่ไปจับอาการใจสั่น แล้วเด่วอุปทานหลอก ว่าจะเป็นโน้นนี้ได้นะ

    อารมณ์ภาวนา สวดมนต์ไม่นิ่ง บ้างก็ไม่สงบ ฟุ้งซ่านแทน บลาๆๆ แบบไม่รู้ตัวว่าตัวเองหลุดจากคำภาวนาจากสมาธิไปแล้วเพราะดันไปจับอาการใจสั่นแทนกรรมฐานที่ปฏิบัติหรือสวดมนต์ บลาๆๆ

    ก็ให้วางไว้ไม่ต้องไปสนใจอาการทางกาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2014
  10. owawa

    owawa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +99
    อ้อ....เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากค่ะ
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ปฏิบัติ จะ ภาวนา จะสวดมนต์ จะกรรมฐาน สมาธิ

    ผลของการปฏิบัติ คือ ใจสงบ จิตสงบ ครับ ^^


    .
     
  12. ดาบโจ

    ดาบโจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +291
    ผมก็มีสั่นหลายครั้ง ตอนสวดมนต์ ล่าสุดวันพระทำบุญ ทำพิธีในวิหาร ตอนสวดบทกรวดน้ำพร้อมกัน ปรากฎว่ามีผมมือสั่น แขนสั่น อยู่คนเดียว ห้ามก็ไม่ได้ เลยปล่อยให้สั่นไปแบบควบคุมไม่ได้ มีความรู้สึกว่าเป็นเป้าสายตา แต่เป็นเหตุที่สุดวิสัยที่จะบังคับได้จริงๆครับ
     
  13. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    เคยแต่นั่งสมาธิแล้วตัวสั่น ถามพี่ธรรม-ชาติ พี่เขาแนะนำให้
    1. เรารู้ รวมอยู่กับ สั่น ให้ขยายรู้จนกว่าจะ "ครอบคลุม" อาการสั่นทั้งหมด (หากจิตถอนตรงนี้ ให้กลับเข้าสู่สภาวะเดิมทันที) จนกว่า
    2. จะเกิดอาการ "มันสั่น แต่ เราไม่สั่น" ให้ประคองตรงนี้ให้ดี "อย่าถอนจิต" (หากถอนตรงนี้ อาจยากที่จะกลับเข้าสู่สภาวะเดิม หรือ สภาวะนั้นอาจไม่เกิดอีกเลยก็ได้)
    3. หากประคองอยู่ได้ จาก "มันสั่น แต่ เราไม่สั่น" จะกลายตัวออกมาเป็น "สั่นไม่ใช่เรา และ เราไม่ใช่สั่น"
    4. เมื่อ "สั่น และ เรา" แยกตัวออกจากกันแบบ "เบ็ดเสร็จเด็ดขาด" มักจะมีอาการ "ตื่นเต้น จนอยากวิ่งไปรอบ ๆ บ้าน หรือ อยากกระโดดโลดเต้น ด้วยความดีใจ" (น่าจะตรงกันกับ อุพเพงคาปีติ) เพราะเกิดการ "รู้แจ้ง" ว่า "กายเวทนา รวมทั้ง เวทนาทั้งมวลไม่ใช่ตน"
    แต่พอจะลองทำตามที่พี่เขาแนะนำมา ปรากฎว่าไม่สั่นอีกเลย เลยไม่ได้ลองทำ
     
  14. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ปล่อยให้มันสั่นไป...อย่าไปฝืนอย่าไปเกร็ง...เพราะเมื่อเราไปฝืนไปเกร็งจิตของเราจะไปจับอยู่ที่ ที่มันสั่น...ทำใจให้เป็นสมาธิแล้วสวดมนต์ต่อไปไม่ต้องไปกังวลแค่รับรู้ตามดูอาการมันไปก็เพียงพอแล้ว..เพราะถ้าเราทำผ่านไปสักระยะนึงมันก็จะหายจะเลิกไปเอง....สวัสดี
     
  15. Penty

    Penty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2014
    โพสต์:
    475
    ค่าพลัง:
    +1,580
    ขอแชร์ของเรานะคะ แรกๆสวดปกติดี มาพักหลังๆชอบสวดไปแน่นหน้าอกไป จนถึงนั่งสมาธิก้อยังแน่น ต้องนั่งสมาธิไปสักพักจนสงบขึ้นเรื่อยๆ อาการจึงหายไป บางทีค่อยๆถอนออกมาจากสมาธิแล้ว บางครั้งก็มาแน่นต่อก้อมีเหมือนกัน ข้ามมาเช้าก้อมี จะจุกๆรึแน่นหน้าอกแบบเบาๆ ไม่ใช่เหมือนครั้งที่จุกจนเจ็บและเหนื่อยแทบขาดใจแบบออกสมาธิเร็ว คือถ้าไม่สนใจจะจุกแบบเบาๆ ถ้าไปสนใจจะจุกขึ้นแรงๆเลย ติดอย่างนี้มาเกือบๆอาทิตย์ถึงได้หาย

    มาช่วงหลังสวดมนตร์กลางๆคาถา รู้สึกหมดแรง ปากสั่น ตัวสั่น เหนื่อยขึ้นมาซะงั้น เลยสวดออกเสียงต่อไม่ได้ เลยหลับตาและสวดในใจเอา ขนาดคำขอนั่งสมาธิยังพูดออกมาไม่ได้ ก้ออาศัยสวดในใจ และค่อยนั่งสมาธิต่อ ก็เข้าสมาธิได้เร็ว และลึกขึ้นกว่าทุกๆวัน

    ปล.เป็นครั้งเดียวค่ะ อาการสั่นนี่ ถ้าจุกรึเหนื่อยแล้วแต่อ้ะ
     
  16. owawa

    owawa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +99
    ไม่โยกค่ะ....แต่จะสั่น คล้าย ๆ หนาวสั่นค่ะ
     
  17. owawa

    owawa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +99
    ลองทำตามคำแนะนำแล้วค่ะ....สั่นก็สั่นไป สวดมนต์ต่อไม่สนใจ.....สั่นอยู่สักพัก(ใหญ่ๆ) ก็หายไปเองค่ะ ขอบคุณทุกความเห็นมากค่ะ ^_____^
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ถ้าทำตามคำแนะที่ผ่านมาแล้วหายก็ดีครับ..
    ต่อไปให้ลองสังเกตุตัวเองดูนะครับถ้ามีอาการ
    เหมือนๆมีลมหมุนบริเวณกลางกระโหลกและ
    อาจจะมีอาการหมุนที่หน้าอกร่วมด้วยอาจทำ
    ให้รู้สึกจุกๆเล็กน้อย.และมีลมๆตีที่กลางหลัง
    ถือว่าไปเป็นไรนะครับ..นั่งๆไปไม่ต้องสนใจ
    เด่วมันจะหายเองได้ครับ..

    ปล.เล่าให้ฟังเฉยๆนะครับ
     
  19. owawa

    owawa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +99
    ไม่รู้ว่าอาการเดียวกันหรือเปล่านะคะ เวลาที่ตั๊กไปวัดถ้ำดาวเขาแก้ว จะมีอาการแน่นหน้าอก หัวหมุนติ้ว ๆ เหมือนคนหน้ามืดอ่ะค่ะ (หมุนชนิดที่ว่าเดินต่อไม่ได้เยค่ะ) และจะเป็นแทบทุกครั้งที่ไปเลยค่ะ จะว่าเป็นเพราะเดินขึ้นบันไดหลายขั้นทำให้หน้ามืดก็ไม่หน้าใช่เพราะเอารถขึ้นไปจอดข้างบนเลยก็เป้นค่ะ สงสัยจนวันนี้ว่าเป็นอะไร เพราะไปวัดอื่นไม่เป็นนะคะ....มีอาการนี้ทีไร ต้องหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ หลาย ๆ ครั้งเลยค่ะ อาการที่ว่าถึงจะหายไป ป.ล. อาการนี้ไม่ได้เป็นตอนนั่งสมาธินะคะ เป็นทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ พอจะทราบมั๊ยคะว่าเป็นเพราะอะไร
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อาการเดียวกันครับ.
    และที่เล่าอาการมาก็ถูกครับ
    .และก็จะเป็นได้แม้กระทั่งตอนลืมตาปกติอย่างที่เป็นนั่นหละครับ
    คุณ owawaคือ มันเป็นผลที่มาจากสมาธิครับ.คือจิตที่อยู่กับเราเริ่มละเอียดขึ้น
    และมันก็มีความคุ้นเคยในเรื่องของการรับรู้พลังงานไม่ว่าจากภายใน
    หรือภายนอกซึ่งทั้งสองส่วนนี้โดยปกติจะสอดคล้องกัน.
    คือช่องทางรับพลังงานภายในจะต้องเปิดออกไปก่อนเพื่อเชื่อมพลังงาน
    ภายนอกพวกนี้.

    ที่นี้พอเราไปอยู่ในสถานที่ๆมีพลังงานต่างๆ เช่น จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    บริเวณนั้นไม่ว่าระดับไหน หรือ พลังงานที่มาจากภพภูมิระดับใดๆก็ตาม
    จิตมันจึงโน้มไปสู่การรับพลังงานๆต่างๆจากภายนอกได้แบบอัตโนมัต
    ซึ่งเป็นเรื่องปกตินะครับ.แต่มันไปติดตรงช่องทางออกก็คือบริเวณที่
    กลางกระโหลกศรีษะครับ..แต่ไม่มีอะไรน่าห่วงนะครับ
    เพราะว่าต่อไปถ้าเราเปิดตรงนี้ได้ จะเป็นการเชื่อมกับสิ่งศักดิ์
    ระดับสูงๆระดับเทพพรหมสูงๆทั้งนั้น
    ที่ต่อไปจะเป็นทั้งครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิของเรา
    หรือแม้แต่เทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านต้องการ
    ให้เราสัมผัสได้.เพราะท่านๆเหล่านั้นจะมองเห็นเรา
    จากภายในได้ครับ.ถ้าลึกๆแล้วจิตเราไม่มีเมตตาพอควร
    และมีความดีในระดับหนึ่ง ตัวจิตมันจะไม่เกิดกิริยาอย่างนี้ได้นะครับ
    ซึ่งต่อไปเราเปิดตรงนี้ได้ ไม่ว่าสัมผัสหรือการรับรู้ไม่ว่าทางกาย
    และทางจิตของเรามันจะดีขึ้นครับ
    ตลอดจนการแก้ปัญหาในแนวทางปฏิบัติมันจะง่ายขึ้น
    คือผ่านได้แบบไม่คาดไม่ถึงในบางกรณี
    เพราะเป็นต่ำแหน่งที่ท่านๆเหล่านั้นจะคอยส่งเสริมเราได้
    ตามแต่ท่านที่เราจะระลึกถึง แบบเราก็คาดไม่ถึงด้วยครับ

    ที่นี้พอที่กลางกระโหลกศรีษะมันยังไม่เปิดออกเต็มที่ เลยมีอาการมึนๆ
    ที่ศรีษะเพราะจิตมันสามารถสัมผัสถึงกระแสภายนอกได้
    แต่ว่าพลังงานภายในมันออกไปเชื่อมไม่ได้มันก็เลย
    มันก็เลยตุงๆอยู่บริเวณใต้ศรีษะ นอกจากจะหมุนๆทำให้เรามึนๆ
    ก็จะดันกลับมาบริเวณที่หน้าอกตรงต่ำแหน่งลิ้นปี่ครับเหมือนๆ
    มันยุบๆตัวลงไปหน่อย
    เพราะเป็นต่ำแหน่งที่สัมพันธ์กับแหล่งๆพลังงานที่จิตเราไป
    สัมผัสครับเพราะในอนาคตการที่เราเปิดเชื่อม
    กระแสภายนอกจากจากตรงหน้าอกได้แสดงว่า
    เราพอมีเมตตาพอสมควรและต่ำแหน่งนี้จะเชื่อม
    กับระดับพระพุทธฯทั้งนั้นครับ.
    ..สังเกตุมันจะวนอยู่ ๒ ต่ำแหน่งนี้ คือ กลางกระโหลก
    กับหน้าอกครับซึ่งเป็นเรื่องปกติ.
    วิธีแก้ก็คือ ถ้านั่งสมาธิให้กำหนดไปตรงต่ำแหน่งกลางกระโหลกศรีษะ
    ไว้ให้ชินจนกว่าจะรู้สึกว่ามีลมหมุนๆและมันขยายๆรอบๆศรีษะส่วนบน
    จนลามไปเป็นวงกว้างๆแบบเบาๆสบายๆ.และก็นั่งสมาธิสะสมไปเรื่อยๆ
    รวมทั้งเจริญสติให้ต่อเนื่องด้วยนะครับ..ไม่งั้นเด่วกำลังในการควบคุม
    จิตของเราจะยังไม่เพียงพอ.เด่วจะทำให้ตัวเราเซๆเอียงๆได้ครับ
    ถ้าทำได้พอไปยังสถานที่นั่นๆอีกเราก็จะรู้สึกว่า
    ตึงๆบริเวณศรีษะส่วนด้านบนแทนการรู้สึกหมุนๆอยู่
    ภายในกระโหลกแล้วส่งผลต่อร่างกายที่เป็นครับ
    พอตรงกลางกระโหลกศรีษะเราเปิดได้ เด่วบริเวณหน้าอก
    ของเราพลังงานมันก็จะออกไปได้ เราก็จะไม่รู้สึกยุบๆบริเวณ
    นั้นที่ทำให้เราจุกๆด้วยครับ..

    ปล.กรณีอย่างนี้ทางปฏิบัติถือว่าดีครับ
    เค้าเรียกว่าคนมีครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิ
    คอยแนะนำแนวทางการปฏิบัติครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...