กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. phatchareeya

    phatchareeya สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอโทษนะค่ะที่ใช้คำถามไม่ถูก และขอบคุณด้วยค่ะที่ให้ความรู้.เพียงแค่ดิฉันไม่ค่อยจะรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ก็แค่ไม่มีคนปรึกษา. ปรึกษาไปเขาก็หาว่าบ้า ไม่มีใครอยากคุยด้วย ดิฉันแค่อยากจะปรึกษาคนที่เคยทำมาเลยไม่ระบุคนนั้น ต้องการคนมาชี้แนะเมื่อถึงเวลานั้นว่าดิฉันควรทำอย่างไร
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ไม่เป็นไรครับไม่ต้องขอโทษครับ มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรครับ
    ไม่มีใครผิดใครถูกหรอกครับ.และพอเข้าใจอยู่ครับ.
    ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ..ถ้ามีเวลาว่างค่อยกลับมาย้อนอ่านอีกครั้ง
    ไม่ต้องรีบร้อนอ่านครับ...
    จะพบว่าพอจะเข้าใจคุณอยู่ครับ..เหตุการณ์ทำนองนี้
    ส่วนมากก็จะผ่านๆกันมาแล้วแทบทุกๆคนนั่นหละครับ.

    ส่วนตัวคงไม่มีอะไรจะแนะนำอีกต่อจากนี้ แต่ขอเตือนๆคุณ
    ให้ระวังเรื่องการไปสนใจในเรื่องของสัมผัสต่างๆที่จะเกิดให้ดีๆนะครับ
    อย่าไปให้ความสำคัญมากกว่าการฝึกไปให้ถึงขั้นที่เห็นขันธ์
    ๕ ส่วนนามธรรมนะครับ.และระวังการใช้คำพูดกับบุคคล
    ให้มากๆ และการใช้ความคิดในโหมดของสมาธิในระดับที่กายกับจิต
    ยังไม่เป็นทิพย์หรือยังไม่แยกกันเด็ดขาดไว้ด้วยครับ.
    และระวังเพิ่มเติมโดยเฉพาะเรื่องการระงับอารมย์
    อย่าให้แปรปรวนนะครับ.

    ไม่งั้นอนาคตคุณยากที่จะมีคนช่วยคุณได้ครับ..
    เพราะที่ผ่านมาลักษณะจิตที่เด่นระหว่างการมีกำลังจิต
    และทิพยจักขุควบคู่กันอย่างนี้.ถ้าไม่เดินปัญญาให้ได้ก่อน
    เป็นพื้นฐานจนมีกำลังสติทางธรรมพอสมควร..มีสิทธิ์ที่จะผิดปกติ
    ทางจิตได้ค่อนข้างสูง เพราะจะโดนแทรกแซงจากภายนอกได้ง่าย
    มีตัวอย่างให้เห็นมาเยอะครับ
    ถือว่าเตือนๆไว้แบบกัลยาณมิตรนะครับ และก็ฟังหูไว้หูแล้วกันครับ..
    ลองฟังความเห็นท่านอื่นๆดูแล้วกันครับ.
    ขอบคุณมากครับ....
     
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    คุณนพคะ จุดจักระหรือเปล่าคะที่มันเต้นตุ๊บๆๆๆไวๆถี่ๆน่ะค่ะ ตรงบริเวณเหนือคิ้วซ้าย
    เมื่อคืนวานนั้นรู้สึกแถวๆใต้คางด้านขวาลงมาหน่อยนึงค่ะ แต่ทั้งสองที่ที่เล่ามารับรู้ได้ไม่นานค่ะ เลยมาถามดูค่ะ
     
  4. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    อ้อ อีกข้อค่ะคิดขึ้นได้ว่า เมื่อเรารับ/ส่งพลังงาน มีการเปิดรับพลังงานและจักระ เมื่อมีเปิดก็ต้องมีปิด แสดงว่าปิดได้ใช่ไหมคะ อันนี้ถามเพื่อประดับความรู้ค่ะ

    ส่วนอีกข้อหนึ่งคือ นานมากแล้วดิฉันเคยได้ยินคำว่าลมปราณแตกซ่าน บางทีเรียกกันว่าธาตุไฟแตกอะไรประมาณนี้ค่ะ และถึงกับเป็นบ้าไปเลยเหรอคะ อันนี้ก็อยากทราบเช่นกันค่ะ

     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    คำว่าจุดจักระเราจะเรียกให้เป็นตามสากลเพื่อความเข้าใจตรงกัน
    ซึ่งปกติจะเรียงผ่าตามแนวกระดูกสันหลัง
    ขึ้นไปตรงๆมีบางสายวิชาที่อาจเพิ่มจุดบางจุดตามร่างกายขึ้นมาอีก.
    ซึ่งแต่ละจุดจะมีเอกลักษณ์ของพลังงานโดยเฉพาะ สามารถ
    ดูรูปได้ตามเนททั่วๆไป..ซึ่งจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจไม่ใช่ประเด็นหลัก
    และจักระเป็นปฐมเหตุที่ทำให้ร่างกายเราทุกๆส่วนสามารถรับ
    และส่งถ่ายพลังงานไม่ว่าจะจากภายนอกหรือภายในได้ทุกๆส่วน
    ของร่างกาย.โดยมีอากาศธาตุที่อยู่ในธรรมชาติเป็นตัวกลาง.
    และจักระถ้าไม่ได้อยู่ตามจุดที่เป็นสากล เรามักจะเรียก
    ว่าการรับหรือส่งพลังงาน ณ ต่ำแหน่งนั้นๆ.แทนการเรียกว่าจุดจักระ
    ประเด็นนี้ เข้าใจตรงกันเนาะ...
    อาการเหนือคิ้วซ้ายก็เช่นกัน เป็นการรับจากแหล่งพลังงานภายนอก
    มันอาจจะเหมือนหมุนๆแต่ไวหน่อยอาจมีรู้สึกอุ่นๆบ้าง ส่วนที่ลามมาใต้คาง
    มันจะไหลลงเหมือนเราเทน้ำผ่านกรวยลงไปที่คอ อาการพวกนี้ถือว่าปกติ
    อาการแรกคือสัมผัสดีขึ้น อาการที่สองคืออาการปกติก่อนที่มันจะเชื่อม
    กับพวกพลังงานที่ขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลังกับจักระระหว่างคิ้วครับ.
    ปิดได้ เปิดได้ชั่วคราว ถ้าไม่เปิดตรงกลางกระโหลกไปเชื่อมกับภายนอก
    แต่ถ้ามีการรับเข้ามาได้จากจุดอื่นๆตามร่างกายผลเสียมากกว่าผลได้
    คือจะเป็นโรคร้ายแรงได้..และปกติร่างกายมันรับได้ของมันปกติ
    เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการธาตุทั้ง ๔ พร่องได้เร็วมากกว่า
    ปกติเป็นเหตุให้เกิดโรคต่างๆได้ เหตุเพราะว่ารับอย่างเดียว.
    ส่วนถ้ามีเปิดไม่ว่าจะไม่ได้ฝึกหรือฝึกก็ตาม.เราจะไม่ใช้คำว่าว่าการปิด
    แต่จะใช้คำว่าการไม่ได้รับหรือดูดพลังงานใดตามจุดจักระนั้นๆเพราะเราดูที่กิริยา
    ลักษณะกิริยาก็คือการหมุนแบบนิ่งๆนั่นหละครับ.หรือหมุนแบบพัดลม
    ในระนาบเดียวกันเหมือนๆคนปกติ.จนกระทั้งเราไม่รู้สึกใดๆ.
    ก็จะเสมือนเรามีผิวหนังปกติ กรณีถ้าจะดูซับพลังงานจากภายนอก
    จะหมุนเหวี่ยงเหมือนดอกไม้สี่แฉก แต่ว่าใบจะเรียวๆเหมือนดอกราตรีครับ..
    แต่ถ้าในกรณีที่มันดูดวิญญาน มันจะหมุนเป็นวงกลมเหวี่ยงๆและหมุน
    ลงเข้ามาในตัวครับ..ส่วนถ้ากระแสปรับเป็นตึงๆ พุ่งออกไปตรงๆ หรือว่า
    เป็นแผ่นๆไม่ว่าจะเร็วหรือช้าพวกนี้เป็นการเชื่อม.แต่ถ้าพุ่งออกมาไม่ตรง
    ไม่ไกลเป็นการถ่ายพลังงานออก.ฯลฯ ที่เหลือให้ลองสังเกตุดูครับ
    เอาไว้ฝึกสติทางธรรมไปในตัวครับ..


    เด่วขอไปต่ออีก #Rep นะครับ yimm
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    มาต่อกันครับ.อืมมม...ดีแล้วหละครับที่ถามแบบนี้..
    ข้อสุดท้ายสังเกตุกิริยาดีๆนะครับ.เอาแบบหยาบๆนะ..
    .ทั่วๆไปปราณดึงพลังงานจากภายนอก แล้วโคจร
    และก็วนเวียนร่วมกับพลังงานภายในร่างกายก่อน
    ปล่อยคืนกลับสู่ภายนอก.
    หรือกรณีที่เชื่อมกับพลังงานภายนอกระดับภพภูมิที่ดี
    กลางกระโหลก ก็ยังจะดึงพลังงานจากภายนอกเข้ามา
    ภายในก่อน แล้วก็โคจรโดยใช้ธาตุลมในกายเป็นตัวนำ
    ร่วมกับพลังงานภายในแล้วก็
    วนภายในไปเชื่อมพลังงานภายนอกระดับภพภูมิที่ดี..
    สังเกตุนะครับว่า การโคจรผ่านจุดต่างๆของร่างกายนั้น
    เป็นการรับพลังงานเข้ามาทั้งสิ้นมีอากาศธาตุเป็นตัวนำเข้ามา
    ..จะไม่ใช่การรับเข้าและถ่ายออกเหมือนจักระที่อาศัยพลังงาน
    คลื่นประจุไฟฟ้าในการรับเข้าส่งออกไปเชื่อมกับอากาศธาตุภายนอก
    .คิดตามให้ดีๆนะครับ..พลังงาน
    ภายนอกโดยปกติจะมีพลังงานร้อนและพลังงานเย็น
    และไม่ว่าพลังงานร้อนหรือพลังงานเย็นถ้ารับมากเกินไป
    ก็ทำให้เกิดพลังงานความร้อนได้ทั้งนั้น..ลองภาวนา โอมฯ
    ตอนมีพระจันทร์ดูครับ ถ้าภาวนานานไปแล้วร้อนๆนั่นหละครับ
    ทั้งที่เป็นพลังงานเย็นนะ..
    ที่นี้เมื่อเดินปราณบ่อยๆด้วยการดูด
    รับพลังงานภายนอกไม่ว่าร้อนหรือเย็นแล้วมาโคจรในร่างกาย
    บ่อยๆโดยที่จุดต่างๆที่มันโคจรผ่านมันไม่เคยมีการถ่ายเข้า
    และถ่ายออก..พลังงานหรือธาตุที่เพิ่มขึ้นก็จะคือธาตุไฟ
    เมื่อธาตุไฟเข้ามาผ่านจุดต่างๆจนเกินสมดุลย์..กิริยามัน
    ก็คือธาตุไฟมันเกินสมดุลย์ธาตุ ๔ ปกติ แต่เรามันเรียก
    เพื่อให้เข้าใจง่ายๆว่า ธาตุไฟเข้าแทรก หรือธาตุไฟแตก
    เพราะธาตุไฟเดิมมันเปิดรับธาตุไฟภายนอกมาเพิ่มนั่นหละครับ
    แต่การเกิดอย่างนี้มันมักจะมาจากวิธีปราณได้ เค้าเลยเรียก
    รวมๆเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นถึงต้นเหตุที่เกิดก็คือ ลมปราณแตกซ่าน
    นั่นเองครับ..
    แต่ว่ามันทำให้เพี้ยนหรือบ้าได้อย่างไร.
    ลมปราณพวกนี้มันโคจรผ่านฐานของจิตครับ
    และส่งผลได้อย่างไร ให้อ่านเรื่องนี้ต่อแล้วกันก็ทนๆอ่านไปก่อนแล้วกันเนาะ
    ยังมีอีกเรื่องคือ ธาตุไฟเข้าแทรก สำหรับบุคคลที่ฝึกเพียวกสิณไฟ..
    มีองค์ประกอบต่างๆดังนี้..การพยายามจะทำอะไรก็ตามที่สร้าง
    ความร้อนให้เกิดขึ้นที่จิต.เช่น อารมย์ร้อน อารมย์โกธร อารมย์อาฆาต
    พยาบาทจะเก็บสะสมเป็นอารมย์ที่สร้างพลังงานความร้อนขึ้นในจิต..
    บวกการพยายามสร้างให้จิตเกิดพลังงานความร้อนจากการฝึกกสิณไฟ
    อย่างเดียวโดยที่ไม่พยายามลดความร้อนให้จิตตรงนี้ด้วยการใช้น้ำมาคลุม
    จิตก็จะเกิดธาตุไฟจากการสร้างตรงนี้ บวกธาตุไฟที่เกิดจากอารมย์ร่วมกัน
    เป็นเหตุบริเวณรอบๆฐานของจิตเกิดความร้อนจนธาตุไฟบริเวณนั้นเกินสมดุลย์
    พอบริเวณนั้นเกินสมดุลย์ความร้อนตรงนี้จะส่งผลย้อมกลับมาที่จิตเป็นเหตุให้
    ประกระทบเส้นสายใยที่ออกจากจิตที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างตัวจิตกับระบบประสาท
    ของร่างกายให้เกินสมดุลย์ ตรงนี้เราก็เรียกว่าธาตุไฟเข้าแทรกเหมือนกัน.
    และส่งผลให้มีอารมย์ร้อนเป็นปกติ และพอธาตุไฟมากเกินไป ส่งผลให้ความร้อน
    ส่งผ่านเข้าไปทำลายเส้นระบบประสาทเป็นเหตุให้วิปลาสได้ในอนาคตนั้นเองครับ
    ส่วนเรื่องปราณเมื่อมันโคจรผ่านฐานของจิต ก็จะต่างจากกสิณตรงที่ความร้อน
    จากพลังงานภายนอกเข้ามา ไม่ได้สร้างจากภายในจากอารมย์จากการฝึกเหมือนกสิณ
    นั่นเองครับ...อาจจะเข้าใจยากหน่อย ค่อยๆอ่านนะครับ..
    ปล.ประมาณนี้ครับ..;)(smile)yimm
     
  7. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    อ่านคำอธิบายจบ...ธาตุไฟเข้าแทรกทันที...
    ลมปราณแตกซ่าน...กระอักเลือด3คำ...

    [​IMG]

    ขอลาไปฝึกฝนมาใหม่...ตอนนี้ยัง งง...งง...
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ :z5
    [​IMG]
    ระวังเข็มแบบนี้ไว้ครับ...:z7
    หมายถึงไปเผลอปล่อย
    สู่ภายนอกเพื่อทำร้าย
    เหมือนนาง เหมือน นายตามรูป เอ้ย!! งง
    ๕๕๕๕ บอกเฉยๆครับ..
    เพื่อความบันเทิง..




     
  9. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    โอ้ววว..รุ่นนี้แล้ว
    ยังกล้าเล่นมุกวัยรุ่นๆ...อันนี้นับว่าใจกล้า..น่านับถือๆ

    ทะลักซะน้ำหวานสีแดง รสสละ..กระฉอก หกรดเลอะเปื้อนเสื้อผ้าหมดแล้ว....งั้นซักเองนะครับ!!
     
  10. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ..... ฮากระจายสิคะ
    จุ๊ๆๆ ท่าน toplus อย่าเสียงดังสิท่านระมิงค์ยังไม่แก่นิ แค่เกิดก่อนและอยู่มานานแค่นั้นเอง เดี๋ยวคงมารีบรับมุขเสียงดัง ... เอ้อ ! .. ผงซักผ้าอยู่ไหน !!!!! .... 555555
     
  11. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    แต่ว่ามันทำให้เพี้ยนหรือบ้าได้อย่างไร.
    ลมปราณพวกนี้มันโคจรผ่านฐานของจิตครับ
    และส่งผลได้อย่างไร ให้อ่านเรื่องนี้ต่อแล้วกันก็ทนๆอ่านไปก่อนแล้วกันเนาะ
    ยังมีอีกเรื่องคือ ธาตุไฟเข้าแทรก สำหรับบุคคลที่ฝึกเพียวกสิณไฟ..
    มีองค์ประกอบต่างๆดังนี้..การพยายามจะทำอะไรก็ตามที่สร้าง
    ความร้อนให้เกิดขึ้นที่จิต.เช่น อารมย์ร้อน อารมย์โกธร อารมย์อาฆาต
    พยาบาทจะเก็บสะสมเป็นอารมย์ที่สร้างพลังงานความร้อนขึ้นในจิต..
    บวกการพยายามสร้างให้จิตเกิดพลังงานความร้อนจากการฝึกกสิณไฟ
    อย่างเดียวโดยที่ไม่พยายามลดความร้อนให้จิตตรงนี้ด้วยการใช้น้ำมาคลุม
    จิตก็จะเกิดธาตุไฟจากการสร้างตรงนี้ บวกธาตุไฟที่เกิดจากอารมย์ร่วมกัน
    เป็นเหตุบริเวณรอบๆฐานของจิตเกิดความร้อนจนธาตุไฟบริเวณนั้นเกินสมดุลย์
    พอบริเวณนั้นเกินสมดุลย์ความร้อนตรงนี้จะส่งผลย้อมกลับมาที่จิตเป็นเหตุให้
    ประกระทบเส้นสายใยที่ออกจากจิตที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างตัวจิตกับระบบประสาท
    ของร่างกายให้เกินสมดุลย์ ตรงนี้เราก็เรียกว่าธาตุไฟเข้าแทรกเหมือนกัน.
    และส่งผลให้มีอารมย์ร้อนเป็นปกติ และพอธาตุไฟมากเกินไป ส่งผลให้ความร้อน
    ส่งผ่านเข้าไปทำลายเส้นระบบประสาทเป็นเหตุให้วิปลาสได้ในอนาคตนั้นเองครับ
    ส่วนเรื่องปราณเมื่อมันโคจรผ่านฐานของจิต ก็จะต่างจากกสิณตรงที่ความร้อน
    จากพลังงานภายนอกเข้ามา ไม่ได้สร้างจากภายในจากอารมย์จากการฝึกเหมือนกสิณ
    นั่นเองครับ...


    คุณนพคะมันจะเกี่ยวกับอาการที่ดิฉันเคยเล่าหรือเปล่าคะเนี่ย น่ากลัวๆๆๆ
     
  12. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ดักทางแบบนี้..กล่าวชอบแล้ว..

    คาดว่า..ป๋ามิงต์แกน่าจะหมดมุกเล่นต่อแน่นอน..มั่นใจ

    สาธุ..ขอสาระประโยชน์ เนื่อหาแน่นๆ อื่นมาทีเถิด

    ..ขอหมู่มาร..อย่าเปิดช่องแก่ ป๋ามิงค์มาเล่นมุกต่อเลย ฯ

    "ถึงหนูจะเหนื่อย..แต่หนูจะสู้เพื่อแม่"
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    อาการที่จะส่งผลคือ มันจะร้อนที่ดวงจิตเลยครับ..คือมันไม่ใช่ว่าเรารู้สึกว่า
    อารมย์ร้อน หรือ อารมย์หงุดหงิดแปรปรวณแบบทั่วๆไปนะ.พวกนี้เป็น
    ผลทางอารมย์เฉยๆ..มันเป็นความร้อน
    ที่ออกมาจากภายในดวงจิตเราก่อน.เหมือนมีใครเอาไฟมาล้นที่ตัวจิต
    และจะร้อนแผ่ออกมาสู่ภายนอก.ลักษณะการสังเกตุคือจะร้อนๆ
    ส่งผลไปยังทุกส่วนที่อยู่รอบๆจิต ไม่ว่าอวัยวะบริเวณรอบๆดวงจิต
    จะผิวหนังด้านหน้า ผิวหนังด้านข้าง ผิวหนังด้านหลัง ของเรา
    บริเวณรอบๆดวงจิตจะร้อน เหมือนมี
    คนเอาไฟมาลนจากข้างในร่างกายเราครับ..
    ปกติถ้าเป็นสักครั้งหนึ่ง ต้องใช้การเจริญสติเข้าช่วย
    และจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๒ ถึง ๓ วันร่างกาย
    บริเวณนั้นถึงจะกลับเป็นปกติๆ.แต่ถ้าไม่สนปล่อยๆไป
    และให้เกิดซ้ำๆขึ้นอีกก็จะเป็นอย่างที่ๆรู้กันครับ...
    คือธาตุไฟเข้าแทรก อะไรทำนองนั้นนั่นหละครับ
     
  14. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ระฆังยกที่ ๒ เริ่มดังขึ้นแล้วนะคะ สำหรับยกแรกขอให้เป็นการวอล์มอัพละกันนะคะ "อารมณ์" ที่มันถอยไป เวลาที่มันถอยเนี่ย นะโมฯ ๓ จบยังยากเลยนะคะ
    นี่คงไม่ต้องไปนึกถึงญาณหรือฌาณที่สูงๆ ที่พอไปถึงคำว่า "มันไม่แน่" เพราะอยู่ใต้กฎสากล เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จากที่ไต่ขึ้นที่สูงแล้วหล่นตุ๊บลงมานี่ ดิฉันว่านอกจากจุกแล้วคงช้ำในไปอีกนาน
    แต่เมื่อมันถอยได้ มันก็เริ่มใหม่ได้เช่นกันอีกนั่นแหละเนาะ เอ้า ..ใครเคยเป็นแบบนี้มั่งขอให้ยกมือขึ้น .. :boo::boo:

    คุณนพคะ ดิฉันมีคำถาม คืออยากทราบว่าเวลาที่เรานอนเนี่ย บางคืนเราก็นอนสนิทไปจนถึงเช้าจะมีเป็นเพียงบางวันเท่านั้นที่รู้สึกว่านอนก็เหมือนไม่ได้นอน หรือ ฝัน อาจจะฝันเจอผีบ้าง ตื่นเต้นบ้าง ก็แสดงว่าจิตเรายังทำงานอยู่ จึงอยากทราบว่า ขณะที่นอนฝันร่างกายเราสามารถรับ/ถ่าย พลังงานเองหรือเปล่า เพราะเวลาที่ตื่นมารู้สึกว่าตึงๆที่ขมับซ้าย และมีอาการที่ท้ายทอย (อาการที่ท้ายทอยดิฉันว่ามันอาจจะเป็นเพราะนอนไม่ถูกท่าหรือนอนทับเส้นหรือเปล่า แต่ก็ลงไว้ก่อน เพราะก็ไม่แน่ใจค่ะ)

     
  15. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ดิฉันจำได้ว่าคุณนพแนะนำให้ปล่อยพลังงานออกทางระหว่างคิ้ว (ใช่จักระที่๖หรือเปล่าคะ) ระหว่างวัน แต่ดิฉันเคยลองนะคะ แต่มันไปออกทางหัวแทนอ่ะค่ะ แต่เป็นแบบปุดๆ เหมือนน้ำเดือดแล้วเกิดแตกฟองนั่นแหละค่ะ แต่ทีละปุดสองปุดนะคะ ดิฉันมีแอบฮาด้วยเอ้า .... ๕๕๕๕
    สรุปว่าปล่อยพลังงานออกทางระหว่างคิ้วไม่เป็นค่ะ ทั้งที่กำหนดไปแล้ว แต่ก็จะลองใหม่นะคะ ช่วงนี้พลังงานมาทางขมับขวาค่ะ แต่ก็ไม่ไงต่อล่ะค่ะ เพราะดิฉันยังฟุ้งเฟ้อมากมาย แต่ก็ไม่ซีนะคะ ก็มันได้แค่นี้อ่ะ ๕๕๕๕๕

    ดิฉันเริ่มจับได้ว่าเวลาสวดอย่าใช้ตัวช่วย และอย่าผ่อนส่ง ข้อนี้เดี๋ยวไปรอดูผลข้างหน้าค่ะ ลงไว้ก่อนอีกนั่นแหละ บันทึกๆ
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ระดับสมาธิมันมีขึ้นมีลงเป็นปกติอยู่แล้วคร๊าบบ ธรรมดาของมนุษย์โลก..
    การที่เราสามารถเข้าถึงระดับสูงได้มีข้อดีคือ เราจะสามารถจำ
    อารมย์ตรงนั้นได้ ใครจะพูดอย่างไร จะทำให้เราพอทราบ
    เพราะว่ามันพอจะมีทริคในการตรวจสอบได้อยู่..

    ส่วนความสามารถในการใช้งานเห็นหลักๆมี ๒ แบบคือ แบบที่ต้องเข้าถึง
    กำลังระดับสูงแล้วใช้(อธิษฐานจิตแบบหลวงพ่อชื่อดัง) กับ
    แบบที่ตอนใช้งานแบบสบายๆซึ่งก็ต้อง
    มีพื้นฐานจากการสร้างกำลังจิตในระดับสูงมาก่อนเช่นกัน
    แบบพระเกจิทั่วๆไป ที่เป่าพรวดๆแบบลืมตานั่นหละครับ..

    ประเด็นต่อมาเรื่องฝันซึ่งมีหลายสาเหตุ มีบางเหตุความฝัน
    พวกนี้บางเรื่องจะเกี่ยวกับกรรมฐานเดิมในอดีตชาติของเรา
    เช่นพวก อดีต อนาคต พูดง่ายๆว่าสิ่งที่จิตเราเคยมีเคยทำได้นั่นหละครับ
    แต่เราไม่ได้สนใจประเด็นนี้ เราสนใจที่ว่า ในฝัน หรือ ว่าหลังจากที่เรา
    ลืมตาตื่นขึ้นมาหรือกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว เราสามารถจำความฝันที่เกิด
    ขึ้นหรือว่าในขณะฝันเราสามารถมีความคิดระลึกอะไรได้บ้าง ในเรื่อง
    ที่เกี่ยวกับฝัน หรือเรื่องเกี่ยวกับระดับกิเลสของเรา ซึ่งตัวนี้จะบ่งบอกผล

    การปฏิบัติของเราได้ ว่ากำลังสติทางธรรมเรามันดีพอหรือยัง
    ถ้าเกี่ยวกับ
    กิเลสก็จะบอกได้ว่าที่เราๆปฏิบัติมา.เราสอบผ่านหรือเปล่านั่นเอง
    โดยปกติส่วนมากแรกๆจะสอบตกเป็นเรื่องธรรมดาครับ
    ซึ่งจะทำให้เรา
    ออกมาแล้วจะได้ไม่ประมาทครับ..จะได้มาฝึกเจริญสติและพยายาม
    เดินปัญญาเพื่อลดละกิเลสกันต่อไปครับ..ถ้าเราตื่นๆมาแล้วมีผลกระทบ
    กับร่างกายก็จะบอกได้ว่า ตอนนั้นกำลังสติทางธรรมและกำลังสมาธิสะสม
    ของเรายังไม่พอนั่นเองครับ..เช่น หอบแหกๆ หายใจแรงๆ ส่วนถ้ากรณีคุณ
    rungdao ก็พอบอกได้เช่นกันว่า กำลังสมาธิสะสมยังต้องมาฝึกเพิ่มเติมอีก
    และเจริญสติให้มันต่อเนื่องมากขึ้น. คืออย่าเผลอทิ้งช่วงนานเกินไป
    .พอเข้าใจเนาะ..

    ความจริงถ้า เวลาปกติไอ้ขมับซ้ายกับกลางกระโหลกเยื้องมาด้านหน้าหน่อย
    มันไม่ค่อยมีอะไรแล้วหละครับมันหมุนสบายๆได้อยู่..
    ที่นี้เรื่องถ่ายเทพลังงานส่วนเกิน. คุณ rungdao คำว่าปล่อย
    อ่านแล้วนึกว่า โงกุน หรือ เบจิต้า หรือไม่ก็จอมยุทธหนังจีนเลยครับ ๕๕๕๕
    การกำหนดการถ่ายเทพลังงานส่วนเกินนี้
    ที่บอกว่าตรงจักระ ๖ คือในช่วงระหว่างวัน แต่ถ้ามันไปดันๆออก
    ไปกลางศรีษะให้สังเกตุดีๆนะครับ ว่ามันขึ้นตรงๆหรือเปล่า ถ้าขึ้นตรงๆ
    มันเป็นการไปเชื่อมกระแสกับครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิท่านใดท่านหนึ่ง
    ไม่ใช่การถ่ายเทพลังงาน.
    .ปกติการถ่ายเทพลังงานตรงกลางกระโหลก
    เราจะใช้ในกรณีที่เท้าเหยียบดิน ซึ่งมันออกโดยธรรมชาติ หรือพวกที่
    เค้าดูดพลังงานออกแล้วกำหนดให้ผ่านประตูมิติ. จึงเป็นที่มาว่าเราควร
    กำหนดออกให้ออกตรงจักระ ๖ ให้คุ้นเคยในชีวิตประจำวันนั่นเองครับ
    เพราะเด่วมันจะทำให้เราสับสนในลักษณะของกระแสพลังมันอาจจะ
    ไปปนกับการเชื่อมพลังงานแทนได้นั่นเองครับ พูดง่ายๆก็คือ
    เราจะงงของเราเอง
    ทั่วไปไม่มีอะไรหรอกครับ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปครับ.
    พลังงานส่วนเกินต่างๆ ปกติเวลาออกจากร่างกาย
    ส่วนใดก็ตามมันจะวิ่งๆขึ้นไปข้างบนนะครับ.ถ้าออก
    นอกจากทิศทางนี้ ถึงจะเป็นการปล่อยพลังเหมือนใน
    แบบที่คุณว่าก็ได้ครับ ๕๕๕




    ..
     
  17. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ในเรื่อง
    ที่เกี่ยวกับฝัน หรือเรื่องเกี่ยวกับระดับกิเลสของเรา ซึ่งตัวนี้จะบ่งบอกผล

    การปฏิบัติของเราได้ ว่ากำลังสติทางธรรมเรามันดีพอหรือยัง
    ถ้าเกี่ยวกับ
    กิเลสก็จะบอกได้ว่าที่เราๆปฏิบัติมา.เราสอบผ่านหรือเปล่านั่นเอง
    โดยปกติส่วนมากแรกๆจะสอบตกเป็นเรื่องธรรมดาครับ
    ซึ่งจะทำให้เรา
    ออกมาแล้วจะได้ไม่ประมาทครับ..จะได้มาฝึกเจริญสติและพยายาม
    เดินปัญญาเพื่อลดละกิเลสกันต่อไปครับ..ถ้าเราตื่นๆมาแล้วมีผลกระทบ
    กับร่างกายก็จะบอกได้ว่า ตอนนั้นกำลังสติทางธรรมและกำลังสมาธิสะสม
    ของเรายังไม่พอนั่นเองครับ..เช่น หอบแหกๆ หายใจแรงๆ ส่วนถ้ากรณีคุณ
    rungdao ก็พอบอกได้เช่นกันว่า กำลังสมาธิสะสมยังต้องมาฝึกเพิ่มเติมอีก
    และเจริญสติให้มันต่อเนื่องมากขึ้น. คืออย่าเผลอทิ้งช่วงนานเกินไป



    (smile) ดิฉันไม่อายครูนะคะคุณนพ ยกแรกดิฉันโดนน๊อคไล่มาตั้งแต่ศีลข้อที่ 1 เลยค่ะ เกือบจะทั้ง 5 ข้อเลยด้วย และสลบเหมือดคาเวทีโดยที่ระฆังไม่เข้ามาช่วยเลยค่ะ *** 5555555 :':)'(







     
  18. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    คุณนพคะ เนื่องจากคุณนพชำนาญและเข้า(ใจ)ใกล้ ภพภูมิมากที่สุด ดิฉันขอถามตรงๆนะคะ ภพภูมิล่างสุดดิฉันไม่ถามล่ะเข้าใจว่าเป็นยังไงไม่ค่อยห่วงมาก ดิฉันขอถามตั้งแต่สัมภเวสีไปจนถึงพวกมีฤทธิ์ระดับฝีมือไล่มา ต้น กลาง ไปจนถึงสุดยอด ดิฉันอยากถามว่าพวกนี้ไว้ใจได้ไหมคะ... เคยอ่านเม้นท์ทั่วๆไปของคุณนพ คุณนพบอกว่าภพภูมิจะไม่เหมือนคนอย่างเราๆพวกเขาจะซื่อตรงมาก อันนี้ถามจริงๆเถอะค่ะมันรวมไปถึงพวกที่เกเรอ่ะ อย่างมาให้โทษเรามั่งล่ะ ต้องการโน่น นั่น นี่มั่งล่ะ เอาจริงๆก็พวกแฝงเลยก็ได้ค่ะ

    คือบังเอิญดิฉันไปเจอในยูทูปค่ะ ของคุณคนไม่พิเศษ(ไป opposite เอาเองนะคะ .... ๕๕๕) ดิฉันยังฟังไม่จบหรอกค่ะ เพราะมีหลายตอน แต่ก็แอบนำมาใช้บ้างแล้วแต่ก็แอบมาปรับเล็กน้อยตามประสาคนคิดมาก จริงๆก็โดนปรามๆอยู่ โดยรวมแล้วไม่น่าจะมีปัญหาใดๆนะคะฟังดูแล้วมีประโยชน์มาก แต่ทีนี้ดิฉัน คือ มันมีเหตุส่วนตัวที่พบอยู่ และมีบุญบางอย่างที่ถ้าให้ภพภูมิไปแล้วเขาจะมี"แรง" มากกว่าเดิม ดิฉันจึงขอแอบมาถามคุณนพก่อนนะคะ คืออยากทราบว่า "ภพภูมิหัวใส" มีหรือเปล่าค่ะ

    ฟังดูแปลกๆนะคะ คืออันนี้ดิฉันขอเอาไว้เป็นความรู้เพิ่มเติมนะคะ ... ดิฉันเองบางครั้งต้องขอบอกว่าดิฉันไม่ใช่นางเอกนะคะ การแจกไปทั่วแล้วเอามาเข้าเนื้อตัวเองนี่ดิฉันก็ไม่อยากทำค่ะ

    แฮ่ๆ ถามไปเรื่อยนะคะคุณนพ ตามประสาคนไม่รู้ อย่าเพิ่งรำคาญนะคะ
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เรื่องแรกเกี่ยวกับภพภูมินะครับ พูดแบบไม่อายใครด้วยครับ
    ส่วนตัวนอนยัน ตีลังกายันได้เลยว่าสิ่งที่รู้ และสัมผัสได้ เข้าถึงได้
    ณ ปัจจุบันนี้ถือว่าอยู่ในระดับหยาบๆเพียงแค่นั้นครับ..เด่วคนมาอ่าน
    จะเข้าในตัวผมผิด..เพราะว่าส่วนตัวเคยปะชะดะกับระดับสูงๆที่เก่งๆ
    มีฤิทธิ์ มีอาวุธมาแล้ว จึงรู้และเข้าใจและเจียมตัวเองได้เป็นอย่างดี.
    คือมานั่งๆนึกๆถ้าระดับนั้นเค้าคิดจะทำให้เรากลับเข้าร่างไม่ได้
    มันง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากเสียอีก.อย่างว่าระครับ.
    เราเกิดมาแบบนี้ฝึกแทบปวดกะบาลกว่าจะมีเครื่องรู้
    มีฤิทธิทางจิตบางอย่างจะเอาอะไรไปสู้กับพวกที่ผุดมาแล้วมีฤิทธิ์เป็นปกติได้อย่างไร..
    ส่วนใครจะรู้จะคิดอย่างไร ถือว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลคงไม่ขอก้าวก่าย

    เรื่องของ ภพภูมิต่อให้ระดับสูงๆ ถึงชั้นพรหมนะครับ..
    ก็ยังมีที่เป็นมิจฉาทิฐิได้ครับ.แต่ตรงนี้ไม่ได้เป็นเครื่องตัดสิน
    ว่าจะไม่มีเมตตา หรือว่าใช้ตัดสินว่าท่านๆเหล่านั้นดีหรือไม่ดีนะครับ..
    เพียงแต่ความเข้าใจในเรื่องที่เราเทียบกับแนวทางเดินของแบบพุทธะ
    ของท่านๆเรานั้นอาจจะคาดคลื่นครับ
    คุณลองไปส่องดูที่แม่น้ำคงคาที่ ประเทศอิน ตะระเดียดูซิครับ..
    ต่อให้เรามีความสามารถทางจิตเป็นเลิศ มีกำลังบุญสูงส่งก็ตาม
    แล้วไปอุทิศส่วนกุศลให้เค้า.ยังไงเค้าก็ไม่รับออกเชิงหยิ่งอีกต่างหาๆ
    เผลอๆจะด่าเราคืนด้วย๕๕๕๕๕ .แม้แต่เราๆเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเราจะ
    เดินทางถูกหรือเปล่า เราจึงมีเครื่องมือในการตรวจสอบต่างๆ.
    ไม่ว่าจะระดับกิเลส เรื่องสังโยชน์ เรื่องการตัดขันธ์ ๕ ฯลฯ

    พวกนี้มันขึ้นอยู่กับสติทางธรรมและปัญญาทางธรรม
    ของแต่ละท่านด้วยครับ.ซึ่งโดยมากก็จะสร้างได้ตอนที่ยังมีร่างกาย
    ยกเว้นกลุ่มระดับสูงๆที่ใกล้ๆพ้นจริงๆที่เราเชื่อว่าอีกเล็กน้อยก็จะพ้น
    ที่จะรอดพ้นจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก่อนที่จะเริ่มก้าว
    พ้นสู่ยุคที่จะกำเนิดผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ อีกท่านหนึ่งครับ..
    ..แต่การที่ได้ยกระดับขึ้นไประดับสูงๆของท่านเหล่านั้นก็ด้วยกุศลกรรม
    ต่างๆที่ตนเองได้เคยสะสมตอนที่ยังมีร่างกายนั้นเองครับ
    ทำให้ยังอยู่และวนเวียนอยู่ในกองกุศลตรงนี้ครับ..
    ..ซึ่งประเด็นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ

    เคยได้ยินเรื่องที่มีคนถามผู้เป็นเลิศถึง ๓ ครั้งว่า นักดนตรีหากตายแล้วเค้าเหล่านั้น
    จะต้องตกนรกทุกคนหรือเปล่า ที่ผู้เป็นเลิศท่านไม่ตอบผู้ถามก็เพราะผู้ถาม
    จิตใจยังไม่เกาะในเรื่องกองกุศล อธิบายไปอย่างไรก็ไม่เข้าใจ และจะยึดถือ
    แต่สิ่งที่ตนคิดเท่านั้น พอเข้าใจเนาะ...

    ประเด็นต่อมา เรื่องบุคคลผู้ที่ แสดงหรือมีเหตุให้บุคคลอื่นๆว่า ตนมีความพิเศษ
    มีอะไรที่พิเศษเหนือกว่าบุคคลอื่นๆนั้น.สังเกตุดูได้ว่าบุคคลเหล่านั้นแม้ว่าจะมี
    ความสามารถที่จะทำบางเรื่องที่เหนือธรรมชาติได้จริงๆ.มีบารมีสะสมมาในอดีต
    มากก็จริงๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านเรานั้นต่างๆจากพระฯหรือเกจิต่างๆบางรูป
    ก็คือเรื่องปัญญาทางธรรมในการตัดกิเลส เรื่องการปล่อยวางสิ่งๆต่างๆทางโลกครับ..
    ให้เราดูๆและเลือกเอาหลักบางอย่างของเค้า
    เหล่านั้นมาลองปรับใช้กับแนวปฏิบัติเราดูและเกิดประโยชน์แก่ตัวเอง หรือปรับแล้ว
    ใช้เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อื่นๆ และการไม่ไปยึดติดกับบุคคลนั้นๆ.จนลืมว่าไม่มีใคร
    ในจักรวาลนี้ หรือ ใครในจักรวาล จะเลิศกว่าผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเลิศทั้ง
    ๓ ภพถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ..

    เราลองคิดเล่นๆก็พอนะครับ..จะเอาให้มีเทวดาซักท่านหนึ่ง มานับเราเป็นเพื่อนจริงๆ
    ซักท่าน เราต้องทำตัวอย่างไรครับ..อย่าว่าแต่ให้มีเทพมานับเราเป็นเพื่อน อย่าว่าแต่
    ให้ระดับพรหมมานับเราเป็นเพื่อนเลยครับ..เราต้องทำตัวอย่างไรครับ เค้าถึงจะคบเรา
    เป็นเพื่อนครับ..คิดแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องไปนึกถึงระดับที่ เทวดา เทพ พรหม ทั้งหลาย
    ทั้งที่มีฤิทธิ์ และไม่มีฤิทธิ์ ท่านยอมรับและให้ความเคารพเลยครับ.
    เพราะถ้าเราไม่ดีมากกว่าท่านๆเหล่านั้น หรือ มีฤิทธิ์พอๆกันและดีกว่าเค้าด้วย
    คิดเล่นๆว่าท่านๆเหล่านั้นใครเค้าจะนับเราเป็นเพื่อนครับ...๕๕๕๕
    นอกจากว่าเราหลอกตัวเองหรือคิดไปเองอย่างนี้มีเยอะครับ ๕๕๕๕
    .คิดเล่นๆแค่นี้เราก็หอบแหกๆแล้วคุณ Rungdao เอาตัวเราเองให้พ้นๆดีกว่า.๕๕๕๕

    ประเด็นต่อมา..เรื่องภพภูมิหัวใสและความคิดที่จะต้องระวังถ้าเราขยายวงสมาธิ
    หรือเริ่มแผ่วงในการอุทิศส่วนกุศลเริ่มได้ในช่วงแรกๆครับ...
    เทพเทวดาประจำตัวเรานั้น ถ้าหากท่านช่วยจะอยู่เหนือข้อแม้ที่ว่า ''ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม''
    ซึ่งแปรผันตามกำลังของท่าน ณ เวลานั้นๆด้วยครับ..
    เคยดูเป้าปุ้นจิ้น ตอนที่วิญญานมาร้องขอความเป็นธรรมแล้วผ่าน
    เข้าประตูศาลไม่ได้.แม้ว่าวิญญานดวงนั้นจะถูกรังแกมามากมาย
    แค่ไหนก็ตาม แต่หน้าที่ๆภพภูมิคือ เฝ้าประตู ท่านก็ไม่ให้วิญญาน
    ดวงนั่นผ่านก็ตาม ท่านเปาจึงต้องมาคุยนอกศาลนั่นหละครับ ประมาณนี้
    บางคนที่เรามองว่า บางเหตุการณ์ไม่น่าจะรอด หรือเราอาจจะเผลอคิดว่า ทำไมไม่เปลี่ยนภพภูมิไปเลย
    เค้าถึงได้รอดๆตายมาได้นั่นหละครับ..เพราะว่าเค้ายังมีโอกาสที่จะเดินทางเส้นทางใหม่
    ได้อยู่นั้นเองครับ ที่ไหลๆไปตามกิเลสภายนอกเพราะเหตุและปัจจัยภายนอกด้วยเหตุอะไรก็ตาม
    ที่ทำให้เค้าต้องห่างเหินแนวทางของพุทธะก็ตามครับ..ซึ่งเป็นปกติวิสัยของมนุษย์ครับ..
    ภพภูมิหัวใสส่วนตัวไม่เจอนะครับ ๕๕๕๕ มีแต่ที่ตัวใสทั้งตัวอย่างนี้เคยเจอ..
    หรือว่าปรากฏได้ทั้งตัวเป็นๆและมีสีต่างๆแตกต่างกันไปเพื่อแสดงให้เรารู้ว่า
    ท่านบำเพ็ญบารมีมาทางด้านไหนและเพื่อแสดงให้เรารู้ว่าระดับกิเลส
    ของท่านเป็นอย่างไรเพื่อให้เรารู้.. หรือภพภูมิหัวหมอในแบบภาษาที่เราเข้าใจๆ
    แบบทางภาษาทางโลกนั้น.ก็จะยังไม่เจอ..แต่จะเจอพวกที่เรียกว่าหัวหมอ คือ
    ได้คืบจะเอา ศอก ได้สลึง จะดึงไป บาท พวกนี้เป็นระดับที่ยังต้องการกำลังบุญ
    เพื่อแปรสภาพไปเป็นอะไรก็ที่เค้าต้องการอย่างนี้เคยเจอครับ ๕๕๕๕
    แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะต้องคิดครับ.เพราะว่าเค้าก็คิดตามสัญญาในจิต
    ตอนที่ตนยังมีร่างกายนั่นหละครับ..ถ้าเราพอมีกำลังสติทางธรรมเพียงพอ
    ในขณะที่พบเจอ เราจะทราบได้เองอัตโนมัติครับ..อย่างมากก็ด่าไปบ้าง
    เด่วเค้าก็คิดได้เองครับ และเราอุทิศส่วนกุศลของเราไปตามสูตรก็จบ..
    แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังความคิดก็คือ เมื่อบุญที่เราอุทิศให้ไปแล้วนั้น
    หากดวงจิตดวงใดได้รับแล้วเค้าจะมีกำลังมากขึ้นและอาจเป็นเหตุทำให้
    เค้าย้อนมาทำร้ายทำลายเราประเด็นนี้มากกว่าครับ..โดยมากพวก
    เทวดาชั้นที่ ๕ หรือเทวปบุตร มารชอบสร้างให้เราคิดเรื่องทำนองนี้ครับ
    เพื่อจะขยายความดีของเราตรงนี้ ในเรื่องของการขยายวงสมาธิ
    เพื่อสร้างบารมีและสร้างพันธมิตรทางภพภูมิในอนาคตครับ...

    พลังงานบุญเป็นกระแสเย็น.ช่วยปรับกระแสร้อนๆให้เย็นลง
    กำลังสะสมของพลังงานจะช่วยยกระดับระดับพลังงานให้ดวงจิต
    หรือแหล่งๆพลังงานๆนั้นๆสูงขึ้นไปเรื่อยๆ.ระดับพลังงานมันมีแต่
    สูงขึ้นเรื่อยๆและเย็นขึ้นเรื่อยๆ.ไม่มีแหล่งพลังงานสูงๆใดๆหรือที่
    เย็นๆได้ อยากจะลดระดับตัวเองลงมาหรอกครับ...เหมือนๆเรา
    ขึ้นจากบ่อเกรอะบ่อซึมได้แล้ว เรามาล้างตัวเองจนสะอาดสะอ้าน
    แต่ความทรงจำในจิตมันก็ยังคงมี..คงไม่มีใครอยากจะกระโดด
    ลงในบ่อเกรอะอีกหรอกครับ.และไม่มีข้ออ้างๆใดๆที่ฟังแล้วน่า
    เชื่อถือถึงเหตุที่ต้องทำให้กลับลงมาบ่อเกรอะอีก นอกจากว่า
    พวกที่อยู่ในบ่อเกรอะ จะสร้างตัวเองเพื่อให้สามารถขึ้นไปขึ้น
    แหล่งพลังมีกำลังหรือมีความเย็นได้เป็นบางครั้งบางคราว
    อย่างนี้พอฟังขึ้น พอเข้าใจนะครับ....
    และถ้าเราขยายวงสมาธิเราได้เรื่อยๆ วงของกำลังบุญเรา
    หรือพลังงานของเราก็จะแผ่
    ออกไปได้กว้างมากขึ้นเท่านั้น.
    เราก็จะเชื่อมหรือเข้าถึงแหล่งพลังงานมีฤิทธิ์มีความเย็นเหล่านั้น
    ได้ง่ายขึ้นเพราะพวกนี้มันจะข้ามเรื่องมิติกับเวลาครับ..
    แม้ว่าร่างกายเรามันยังไม่พ้นเพราะยังอยู่ในกองบ่อเกรอะอยู่
    แต่สิ่งที่กล่าวมามันจะทำให้จิตเราชินกับแหล่งพลังงานที่ดี
    ที่เย็นเหล่านั้นได้.เป็นการสร้างพันธมิตร ในรูปของพลังงาน
    ต่างๆระหว่างทาง หรือภพภูมิมีฤิทธิ์ ให้เค้าได้รู้จัก ให้เค้ารู้
    ว่ามีดวงจิตลักษณะแบบนี้ ตนนี้นะอีกหนทางหนึ่งด้วยครับ
    มีอะไรเค้าก็จะมาคอยช่วยเหลือสนับสนุนเราไม่ว่าจะเรื่องอะไร
    ก็ตามอีกด้วย..ส่วนเราจะก้าวพ้นเขตไปหรือไม่ไม่ว่าจะใช้
    เครื่องมืออะไรก็ตามเพื่อมาช่วยก็เป็นเรื่องเฉพาะ
    บุคคลก็ต้องลุ้นกันเอง หรือตัวใครตัวมันครับ ๕๕๕๕

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ.
     
  20. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    ผมมือใหม่ผ่านมาอ่านแล้วศรัทธาขึ้นปรี้ดเลยครับ.... นั่งสมาธิต่อละครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...