ทำไมคนมีธรรมะศึกษาธรรมะ ส่วนใหญ่หน้าตาผิวพรรณไม่ดีกว่า คนที่หมกหมุ่นในโลกียะ

ทั้งหมดอยู่ที่ใจนะ คำว่าสุขทุกข์ไช่อยู่ที่รูปร่างหน้าตา ใช่ว่าคนหน้าตาดีไม่มีธรรม หรือคนหน้าตาไม่ดีเป็นคนมีธรรม เขาดูกันที่ใจ ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ ใจสดชื่น ใจเบิกบาน ใจเมตตา ใจโอบอ้อมอารี นี่แหล่ะที่เขาเรียกว่าคนมีศีลธรรม ส่วนรูปร่างหน้าตาเป็นแค่ส่วนประกอบภายนอกเท่านั้นอย่าหลงยึดติดว่าเป็นของดี ทุกคนเกิดมาล้วนมีคำว่า ขี้ ติดตัวอยู่ตลอดเวลานะ ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย มีหลายขี้เลยนะ เช่น ทางกาย ก็มี ขี้ไคร ขี้มูก ขี้หัว ขี้ฟัน ฯลฯ ทางวาจา ก็มี ขี้บ่น ขี้ด่า ขี้ว่า ขี้โมโห ฯลฯ ทางใจ ก็มี ขี้อิจฉาริษยา ขี้โกง ขี้เบื่อ ฯลฯ ขี้เยอะแยะไปหมดเลย จะรวย จะจน จะหล่อ จะสวย ยังไง ๆ มันก็มีขี้ ทั้งน้านแหล่ะน๊าจริงม๊า...ท่าน รีบภาวนาให้พ้นทุกข์เถิด จงอย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว

 

คำตอบแบบมั่วๆ ตามประสาคนมั่วๆอย่างผมนะ คืออย่างนี้
คนที่เขามีบุญสูงๆ อย่าง หลวงตาบัว พระอาจารย์มั่น หลวงพ่อฤาษี
ท่านบุญบารมีสูงขนาดไหน ยังไม่เห็นจำเป็นจะต้องหน้าตาดีเลยคุณ
มันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การเกิด ถ้าเขาลงมาเกิดด้วยแรงกรรม
(คือไม่ได้ตั้งใจมาเกิด แต่ถูก กรรม ถีบลงมา) พวกนี้ ถ้ามีศีล และ
มีความเมตตาสูงในอดีต เกิดมาอีกทีแบบไม่ตั้งใจก็จะมีหน้าตาดี
ผิวพรรณงาม ผุดผ่องเป็นยองใย ไหมฟ้าปาฏิหารย์ พวกนี้หน้าตาดี
แต่บุญ บารมี ที่จะมีศรัทธาในพระศาสนายังไม่มี เพราะบำเพ็ญเรื่อง
พุทธานุสติน้อยไป และวาสนาบารมีในการต่อบุญน้อยไป เกิดมาเพราะ
กรรมล้วนๆ อยู่แบบมีกรรม และตายด้วยแรงกรรมที่ตนไม่สามารถฝืนได้
แต่... ผู้ที่ตั้งใจลงมาเกิด ช่วยพระศาสนาท่านจะอธิฐานบุญลงมาทำหน้าที่
นี้โดยเฉพาะ เรื่อง หล่อ รวย บุญหนักศักดิ์ใหญ่ไม่ต้องพูดถึง ไม่จำเป็น
และไม่เอา เพราะขืน หล่อ รวย บุญหนักศักดิ์ใหญ่ ต้องโดนกระแสสังคม
พาให้ชั่วเอาแน่ๆ นึกง่ายๆว่าถ้าคุณรวย คุณอยากจะทำอะไรบ้าง
(นึกแล้วเปรี้ยวปาก 555) รับรองได้เห็นความชั่วในตัวเองแน่ๆ
อีกพวกคือ เกาะพุทธานุสติ เข็มแข็ง พวกนี้พอพบพระศาสนาก็สนใจ
ได้อ่านประวัติพระพุทธเจ้านี้ น้ำตาไหล ปฏิบัติธรรมตามพระพุทธเจ้า
ด้วยศรัทธาแท้ เหล่านี้ เกิดมามีบุญ มีชีวิตอย่างมีคุณค่าเพราะนิยมบุญ
กรรมชั่วให้ผลได้ไม่เกิน 25% ตราบเท่าที่เคารพในพระรัตนตรัยและมีศีล
บริสุทธิ (อ้างจากคำหลวงพ่อ ครายไม่เชื่อกรุณาขึ้นไปถามหลวงพ่อเอง555)
เกิดมามีบุญได้ต่อบุญ มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข(อาจจะไม่สบายนัก
เพราะไม่รวยมาก) เพราะความดี ตายไปอย่างไม่เสียชาติเกิดเพราะเชื่อ
ในความไม่ประมาทที่พระพุทธเจ้าสอน
อย่างนี้ดีกว่า คนหน้าตาดี ผิวพรรณดีไหม คุณว่าไหม
นี้ยกตัวอย่างในกรณีทั่วๆไป แต่บ้างคนเกิดมาพร้อมหน้าตาดีจิตใจดีก็มีนะ
ยกเป็นกรณีๆ ไปครับ
เอาล่ะ บ้าน้ำลาย และเสือกมาพอสมควร ขออภัยในความเห็น
แบบมั่วๆของผมครับ

 

ผมคิดว่าผลบุญกุศลของคนที่มีรูปงาม ก็คือผลบุญในรูปแบบหนึ่งที่เขาได้ทำมาในชาติก่อนๆ เราก็ควรอนุโมทนาบุญด้วยที่เขาได้ทำบุญด้านนั้นมา แต่ก็ไม่ควรยึดถือว่าความรูปงามนี้จะคงอยู่ตลอดไป ในชาติใหม่เขาเหล่านั้นอาจจะมีรูปไม่งามก็เป็นได้ เพราะเขาไม่ได้สร้างกรรมดีต่อไป แต่อย่ายึดถือว่าคนมีรูปงามคือคนที่มีบุญมากกว่าคนหน้าตาธรรมดา เพราะเป็นบุญคนละด้านกันครับ

แต่ถ้าพูดเรื่องรูปงาม ต้องย้อนไปในอดีต สมัยพระพุทธเจ้าได้ปุริลักษณะทั้งหมด32ประการ และเกิดมามีทรัพย์มากมาย และมีปัญญา สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มาโดยการอธิษฐานจิตว่า ขอให้มีรูปงาม มีทรัพย์มาก แต่เป็นเพราะผลของกุศลกรรมจัดสรรให้ทั้งหมด

เพราะฉะนั้นผมคิดว่าการมีรูปงามมีได้2ประการ

1.เป็นผลจากกุศลที่ทำมาที่เป็นปัจจัยให้รูปงาม เช่น การให้ทานด้วยศรัทธา การรักษาศีลที่มีเมตตาเป็นหลัก เป็นการมีจิตใจที่มีเมตตาจริงๆ พวกนี้เมื่อเกิดมาจิตใจจะน้อมมาในทางธรรมะ เพราะได้ศึกษาธรรมะเมื่อชาติก่อนมาแล้วนั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นเยอะพอสมควรในผู้ที่ปฏิบัติธรรม เพราะบางคนหน้าตา รูปร่างจะโดดเด่นมากกว่าธรรมดาจริงๆ นี่จัดเป็นผลของกุศลเก่า เรียกว่างามนอก งามในอย่างแท้จริง

2.เป็นผลจากการอธิษฐานเวลาทำบุญว่าขอให้เรามีรูปร่างงาม เป็นที่ต้องตาต้องใจแก่ผู้พบเห็น จึงได้รูปร่างงามนี่เป็นผลของการอธิษฐานจิต พวกนี้เมื่อเกิดมา จะเป็นผู้หลงไหลในรูปของตน ไม่สนใจธรรมะ ไม่มีเมตตา ไม่ชอบธรรมะ หมกหมุ่นในโลกียะ ซึ่งเราจะเห็นได้จากคนปัจจุบันจริงๆ ซึ่งผลของกุศลแบบอธิษฐานส่งผลก็จะได้แค่รูปจริงๆ นิสัยชอบธรรมะพวกนี้จะไม่มีเลย


คุณคนขายเทียน อาจจะสงสัยว่า "ทำไมพระภิกษุหลายๆรูป หรือ อุบาสก อุบาสิกา หลายๆคนที่มีเมตตามากๆ มีศีลสะอาด มีจิตใจดีงาม ถึงไม่มีรูปที่งามพร้อมตั้งแต่เกิดออกมา เหมือนดั่งพระพุทธเจ้า เพื่อบำเพ็ญบารมี ในเมื่อเมตตา ศีลที่สะอาด จิตใจที่ดีงามเป็นตัวกำหนดให้บุคคลนั้นๆรูปงามอยู่แล้ว"


ขอวิสัชชนาตามภูมิธรรม

ข้อนี้จากที่ผมศึกษามา เขาจะมีกรรมตัวหนึ่งเรียกว่า มรณาสันนะวิถีจิต เป็นกรรมก่อนจะจุติ(ตาย) ถ้าจิตตอนนั้นดีแค่ไหน จิตปฏิสนธิ(เกิด)ใหม่ก็จะดีตาม อาจเป้นไปได้ว่า ผู้มีบุญเหล่านั้นเวลาตอนจะสิ้นชีวิตมรณาสันนะวิถีจิตไม่ดีพร้อมบริบูรณ์ในกรรมที่ตนได้ทำมา จึงทำให้จิตที่ปฏิสนธิไม่ดีพร้อม หน้าตาจึงไม่งดงามเท่าจิตใจ ส่วนคนที่อธิษฐานจิตด้านรูปงามมรณาสันนะวิถีจิต ดีพร้อม ดังนั้นจิตปฏิสนธิจึงดีพร้อม รูปร่างกายจึงงามกว่าจิตใจ (ศัพท์อาจผิดขออภัยด้วยครับ)

ขอวิสัชชนาตามภูมิธรรมแค่นี้ครับ สาธุ

 

คนหน้าตาดี ๆ ไม่เห็นด้วยแน่เลย ....ด้วย

 

คงเป็นเพราะบุญที่เคยสร้างไว้ค่ะ
แต่บุญเป็นสิ่งที่หมดเป็น ถ้าไม่สะสมไปเรื่อยๆ
มันก็ต้องมีวันหมด ความสวยความงามก็คงจางหาย

 

ข้อที่ 1 จากอานิสงค์ การสร้างพระพุทธรูป หรือซ่อมแซม พระพุทธรูป หรืออานิสงค์การทาสีโบสต์วิหาร เจดีย์ต่าง ๆ

ข้อที่ 2 จากการถวายผ้า

ข้อที่ 3 จากการรักษาศีลดี

ข้อที่ 4 จากการอธิษฐาน ให้เป็นคนมีรูปเป็นทรัพย์

ข้อที่ 5 จากเชื้อสายเผ่าพันธ์ ประกอบด้วย

ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับการอธิษฐานอยากได้ อยากเป็นด้วย

เพราะบางท่านมีบารมีสูงทำมาครบ แต่ตัดกิเลสตัวนี้ได้ ก็ไม่อยากได้ไม่อยากเป็น


แต่สำหรับผู้ที่อยากสร้างบารมี ต่อไปอีก สิ่งนี้ก็สำคัญมาก เพราะ

1. เชิดชูวงศ์ตระกูล เป็นที่ปราบปลื้ม ของพ่อแม่ ว่าลูกเราหน้าตาดี
พาไปไหน ก็มีแต่คนชม
2. มีแต่คนรักใคร่ ( หากนิสัยไม่เลว )
3. พูดอะไรก็มีคนอยากฟัง มีคนอยากช่วยเหลือ เพราะหน้าตาดี
4. มีมิตรสหายมาก
5. อนาคตการงานดี ( ถ้าขยัน และเก่งด้วย )
6. สร้างบารมีในเรื่องอื่น ๆ ได้อีกมาก

 

มันเป็นของที่เค้าทำมาตั้งแต่ชาติก่อนน่ะอย่าไปคิดมาก
ชาตินี้ก็รักษาศีลไว้ให้เหนียวแน่นละกันชาติหน้าจะได้เกิดมาหน้าตาผิวพรรณดี

 

ถ้าใจใส หน้าตาผิวพรรณก็จะใสเช่นกัน
ลองสังเกตครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติดีแล้วปฏิบัติชอบแล้ว ผ่องใสทั้งนั้นเลย บางรูปเข้าใกล้แล้วขนลุกปลื้มปีติอย่างบอกไม่ถูก

 

องค์นี้ล่ะ ใสพอมั้ย

 

...


เป็นงัยล่ะ ใสมั้ยครับ

 

มีครับหน้าตาดีชอบวัด เยอะมาก ๆ

 

อันนี้แล้วแต่คนชอบค่ะ รสนิยมของแต่ละท่านย่อมแตกต่างกัน

เวลาทำบุญ บางท่านชอบเป็นคนฉลาดกว่าชาวบ้าน ก็มักจะทำบุญที่ช่วยให้ฉลาด อธิษฐานขอให้ฉลาด เรื่องอื่นไม่ค่อยสนเท่าไรนัก บุญจึงส่งผลในเรื่องสติปัญญาเป็นกำลัง เช่น พระนาคเสน ในมิลินทปัญหา จะเห็นว่าท่านดังเพราะแก้ปัญหาเก่ง

บางท่านชอบเรื่องความร่ำรวย เรื่องทรัพย์สมบัติ อยากเป็นอภิมหาอัครเศรษฐีไม่มีใครรวยเกิน ก็มักจะบริจาคทานเป็นหลัก ถวายของพระแบบเท่าไรเท่ากัน และมักอธิษฐานเรื่องขอให้รวยๆๆๆมาก่อน เรื่องอื่นไม่ค่อยสนเท่าไร บุญที่ทำส่วนมากจึงไปส่งผลเรื่องทรัพย์สินเงินทองเป็นใหญ่ เราจะเห็นอาเสี่ยพันล้านหลายๆคนก็ไม่ได้หน้าตาดีอะไร อย่างคุณทักษิณเป็นต้น

บางคนก็ชอบเรื่องรูปโฉมเป็นพิเศษ อาจจะเคยเกิดมาหน้าตาไม่ดี แล้วนึกอยากสวยหล่อเหมือนคนที่ตนชอบ ก็มักทำบุญในด้านเสริมเสน่ห์บารมี เรื่องอื่นอาจไม่ค่อยสนเท่าไร ตั้งใจภาวนารักษาศีล สร้างพระ ซ่อมพระ ถวายดอกไม้ของหอมบูชาพระเป็นต้น และมักอธิษฐานขอให้มีรูปร่างหน้าตาดีกว่าชาวบ้านอยู่เสมอ ผลบุญจึงมุ่งไปทางสร้างรูปโฉมให้สวยงามน่ามองมากกว่าอย่างอื่น เราจะเห็นว่าดาราหลายๆที่สวยหล่อ แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร อาศัยหน้าตาเป็นเครื่องเลี้ยงชีพก็หลายท่าน

ดังนั้น ถ้าท่านอยากมีครบทั้ง หล่อ/สวย รวย ฉลาด ท่านก็ทำบุญให้ครบทั้งสามด้าน และอธิษฐานทั้งสามด้าน ก็จะเกิดมาเพอร์เฟ็คเหมือนกับลูกหลานไฮโซทายาทพันล้านร้อยล้านหลายๆคน ยกตัวอย่าง คุณชาย อานันทวีป เป็นต้น คนนี้ หล่อ รวย หรือ ปารีส ฮิลตัน นี่ก็ สวย รวย (แต่เรื่องฉลาด ไม่ทราบเหมือนกัน)

ตามที่ท่านสงสัย บรรดาท่านครูบาอาจารย์หลายๆท่านที่ศึกษาธรรมะ ท่านอาจจะไม่ได้ต้องการด้านหน้าตาเป็นสำคัญนัก ท่านอาจอธิษฐานด้านอื่นมาเป็นหลักก็ได้ อย่างหลวงตามหาบัว ท่านจะสอนทุกคนเสมอให้ใส่บาตรพระวันละองค์ สังเกตดูได้ ท่านเด่นเรื่องลาภสักการะมาก ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นมีคนทำบุญกับพระองค์ไหนมากเท่ากับท่านมาก่อนในยุคนี้

เอาละพูดซะนาน ถ้าอยากหน้าตาดีมีเสน่ห์ อานิสงค์การซ่อมพระพุทธรูปจะช่วยท่านได้ หลวงพ่อฤาษีฯบอกไว้ ใครซ่อมพระ ถ้าเป็นหญิง จะเป็นนางงามจักรวาลง่ายๆเลย ดูรายละเอียดที่นี่
http://palungjit.org/showthread.php?t=108957

 

อนุโมทนา สาธุค่ะ
สังขารค่ะ อย่าไปยึดติดมันเลย เราแค่อาศัยมัน เมื่อถึงเวลาก็ต้องละทิ้งไป ใยต้องกังวล

 

กรรมใดที่ทำให้จมูกสวย?










เราจะเห็นว่าคนในเมืองไทยยุคนี้ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายนิยมทำศัลยกรรมจมูกกันมาก เนื่องจากไม่โด่ง ไม่สวยเลยอยากทำให้สวยตามลักษณะโหวงเฮ้งบ้าง ตามที่ตนชอบบ้าง แล้วบุคคลเหล่านี้ทำกรรมใดจึงทำให้จมูกไม่สวย?

และกระผมขอถามผู้รู้ต่อหน่อยครับว่า

"กรรมใดที่ทำให้มี จมูกสวย ตาสวย คิ้วสวย ปากสวย รูปหน้าสวย รูปร่างดี "รบกวนผู้รู้ในทางธรรมด้วยนะครับ

 

เคยคิดเช่นกันค่ะ แต่ไม่ได้ลบหลู่ เพราะตัวดิฉันเองก็ไม่ได้เก่ง ดี อะไรยังกะใครเขาเลย ยังมีกิเลสหนาอยู่ค่ะ ขอโมทนาสาธุด้วยเจ้าค่ะ

 

ฝึกทิพยจักขุญาณ แล้วดูอาทิสมานกายครับ ว่ามีกายเป็นอะไร อสุรกาย เปรต เทวดา พรหม ในร่างมนุษย์

 

เอาง่าย ๆ น่ะครับ
- แบบคนทั่ว ๆ ไป ที่เขามีความหลงในรูปก็จะหาวิธีทางที่จะทำให้ผิวพรรณดี (แบบสารพัดวิธี และลงทุนสูง บุญเก่าส่งเสริม) แต่ถ้าเมื่อไหร่คนที่หลงในรูปไม่มีทุนเพื่อปรนเปรอรูปของเขา (แบบบุญหมดก็อดสวย) ก็ต้องลองกันดูซักตั้ง ว่ามั๊ย
- แบบคนที่ใฝ่ทางธรรม 1 แน่นอนครับ ตอนแรก ๆ จิตยังไม่นิ่งสงบ, ใส, เย็น แต่ต้องตัดนิวรณ์และเครื่องก่อกิเลส ละเลิกการปรุงแต่งรูป และสังขาร ทำให้ผิวพรรณขาดการดูแล (แบบบุญเก่าไม่เป็นใจ)
- แบบคนที่ใฝ่ทางธรรม 2 ธรรมชาติเป็นใจ (พันธุกรรม - แต่ยังไงก็กรรม) ทำอะไรก็ดูดีไปหมด ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากมาย ธรรมชาติก็เข้าข้าง
- แบบคนที่ใฝ่ทางธรรม 3 อันนี้ท่านฝึกมาดี จิตนิ่ง, สงบ, ใส, เย็น แล้วมีผลทางกายทำให้รูปงาม อย่างพระอรหันต์เอง พระธาตุท่านยังแปรสภาพเลย จริงไหมครับ


ง่าย ๆ เลยสังเกตติ๊ก - เจษฎา ตอนที่อยู่ในวงการใคร ๆ เขาก็กรี๊ดกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่เมื่อเข้าป่าดงพงพี ทำสารคดี ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่ ทำให้ดูแปลกตาไป (ยังไงผิวพรรณก็ไม่พ้น อนิจจัง หรอกครับ)

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ คนขายเทียน
กรรมใดที่ทำให้จมูกสวย?










เราจะเห็นว่าคนในเมืองไทยยุคนี้ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายนิยมทำศัลยกรรมจมูกกันมาก เนื่องจากไม่โด่ง ไม่สวยเลยอยากทำให้สวยตามลักษณะโหวงเฮ้งบ้าง ตามที่ตนชอบบ้าง แล้วบุคคลเหล่านี้ทำกรรมใดจึงทำให้จมูกไม่สวย?

และกระผมขอถามผู้รู้ต่อหน่อยครับว่า

"กรรมใดที่ทำให้มี จมูกสวย ตาสวย คิ้วสวย ปากสวย รูปหน้าสวย รูปร่างดี "รบกวนผู้รู้ในทางธรรมด้วยนะครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

คำตอบอยู่นี่แล้วครับ อนุโมทนาครับ ​

____________________________________

พระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ พระพุทธองค์ ได้มาอย่างไร​

​

๑. พระบาทประดิษฐานเป็นอันดี สุปะติฎฐิตะปาโท เมื่อทรงเหยียบพระบาท ทรงจรดพื้นด้วยฝ่าพระบาททุกส่วนเสมอกัน เมื่อทรงยกพระบาทขึ้นก็เสมอกัน

ผลในชาติปัจจุบัน พระพุทธองค์ทรงไม่มีข้าศึกศัตรูภายใน คือ ราคะ โทสะ โมหะ ข้าศึกศัตรูภายนอก คือ สมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม ใครๆ ในโลกนี้จะข่มได้

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงยึดมั่นในกุศลอย่างมั่นคง ประพฤติกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต บำเพ็ญทาน สมาทานศีล เบญจศีล อุโบสถศีล ปฏิบัติดีต่อบิดา มารดา สมณพราหมณ์ เคารพผู้ใหญ่ในตระกูล เคารพในธรรมที่สูงขึ้นไป


๒. ใต้พระบาททั้งสองมีลายธรรมจักร มงคล ๑๐๘ ประการ เหฎฐา ปาทะตะเลสุ จักกานิ

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงมีบริวารมาก มีบริวารเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ นก สัตว์สี่เท้าที่มียศมาก แวดล้อมพระองค์ไม่มีใครยิ่งกว่า

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ ได้นำความสุขมาให้แก่ชนเป็นอันมาก บรรเทาความหวาดกลัว จัดการรักษา คุ้มครอง ป้องกันอย่างเป็นธรรม ให้ทานด้วยสิ่งของต่าง ๆ


๓. ส้นพระบาทยาว อายะตะปัณหิ พระบาทแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ปลายพระบาทสองส่วน ลำพระชงฆ์ (แข้ง) ตั้งในส่วนที่สาม เหลือส้นพระบาทอีกหนึ่งส่วน และส้นพระบาทนั้นสีแดงงาม

๔. นิ้วพระหัตถ์ นิ้วพระบาทยาวเรียว กลมงาม ทีฆังคุลี

๕. พระวรกายตั้งตรงดังกายท้าวมหาพรหม พรหมุชุ คัตโต ไม่น้อมไปข้างหน้า หรือหงายไปข้างหลัง

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์มีพระชนมายุยืน ไม่มีผู้ใดปลงพระชนมชีพได้

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงเว้นปาณาติบาต มิได้เหยียบสัตว์ให้ตายด้วยความประมาท มิได้ประหารสัตว์ให้ตายด้วยพระหัตถ์ มีความละอาย มีความกรุณา มีความปรารถนาดีแก่สัตว์ทั้งปวง


๖. พระมังสะ (เนื้อ) อูมในที่ ๗ แห่ง สัตตุสสะโท ได้แก่ หลังพระหัตถ์ทั้งสอง หลังพระบาททั้งสอง พระอังสา (บ่า) ทั้งสอง ลำพระศอ (คอ) มิได้เห็นเส้นปรากฏออกมาภายนอก

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ได้ของที่ควรเคี้ยว ควรบริโภค ควรลิ้ม น้ำที่ควรดื่ม อันประณีต มีรสอร่อย

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงให้ของที่ควรเคี้ยว ของที่ควรบริโภค ของที่ควรลิ้ม น้ำที่ควรดื่ม อันประณีต มีรสอร่อย เป็นจำนวนมาก


๗. ฝ่าพระหัตถ์ ฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม มุทุตะละนะหัตถะปาโท

๘. ฝ่าพระหัตถ์ ฝ่าพระบาทมีลายดังตาข่าย ชาละหัตถะปาโท นิ้วพระหัตถ์ทั้งสี่ เว้น พระอังคุฎฐะ (นิ้วหัวแม่มือ) นิ้วพระบาททั้งห้าเสมอกัน ชิดสนิทดี

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงมีบริวารที่พระองค์สงเคาระห์เป็นอย่างดี ผูกใจบริวารได้เป็นอย่างดีโดยการสงเคราะห์ในบุพชาติ (กรรม) และในปัจจุบัน (อุปนิสัย) เป็นที่รักของบริวาร

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงสงเคราะห์ชนด้วยสังคหวัตถุ ๔ ได้แก่ ทาน (การให้) ปิยวาจา (วาจาไพเราะ) อัตถจริยา (บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์) สมานัตตา (วางตนเหมาะสม)


๙. หลังพระบาทนูนดุจสังข์คว่ำ อุสสังขะปาโท และข้อพระบาทกลอกกลับผันแปรอย่างคล่องขณะย่างพระบาท

๑๐. พระโลมา (ขน) มีสีดำสนิท ขดเป็นทักษิณาวัฎ (เวียนขวา) ๓ รอบและมีปลายช้อนขึ้น

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้เลิศ ผู้ประเสริฐ เป็นประมุขสูงสุดกว่าสัตว์ ทั้งปวง

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้กล่าววาจาประกอบด้วยอรรถด้วยธรรม แนะนำประชาชนเป็นอันมาก เป็นผู้นำประโยชน์และความสุขให้แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้บูชาธรรมเป็นปกติ


๑๑. พระชงฆ์ (แข้ง) เรียวดังแข้งเนื้อทราย กลมกลึงงาม เอณิชังโฆ

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงได้ปัจจัยอันควรแก่สมณะและบริษัท เครื่องสมณูปโภคอันควรแต่สมณะ โดยพลัน

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ตั้งใจสอนศิลปะวิทยา จรณะ(ศีล สมาธิ) หรือกรรม (การงาน) ที่ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนใคร ๆ โดยตั้งใจว่า ทำอย่างไรชนทั้งหลายจะเรียนรู้เร็ว สำเร็จเร็ว ไม่ลำบากนาน


๑๒. พระฉวีวรรณ (ผิว) ละเอียด สุขุมมัจฉวี ธุลีละอองมิติดต้องพระวรกายได้ มลทินใดมาสัมผัสก็เลื่อนหลุดไปดุจน้ำกลิ้งตกจากใบบัว

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงมีพระปรีชามาก กว้างขวาง ว่องไว เฉียบแหลม ทำลายกิเลส ปัญญาเหนือกว่าสัตว์ทั้งหลาย บรรลุโพธิญาณ

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงเข้าหาสมณพราหมณ์ สอบถามธรรม ตั้งใจฟัง ทำความเข้าใจ ไตร่ตรอง เพื่อความเจริญทางปัญญา


๑๓. พระฉวีวรรณ (ผิว) เหลืองงามดังทองคำ สุวัณณะวัณโณ

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงได้เครื่องลาด ผ้านุ่งห่มอย่างดี เนื้อละเอียด

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานความไม่โกรธ และให้ทานเป็นผ้าเนื้อละเอียด จำนวนมาก


๑๔. พระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก โกโสหิตะวัตถะคุโยหะ องค์กำเนิดเพศชายหดเร้นเข้าข้างใน

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงมีพระโอรสมาก หมายถึง พุทธบุตร สาวกผู้ดำเนินตามพุทธพจน์ จำนวนหลายพัน

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้นำญาติมิตรที่สูญหาย พลัดพรากไปนานมาพบกัน แล้วทรงมีความชื่นชม


๑๕. พระวรกายสง่างาม สมบูรณ์ สมส่วน ดังปริมณฑลแห่งต้นนิโครธ (ต้นไทร) นิโครธปริมัณฑโล ความสูงของพระวรกายเท่ากับวาของพระองค์

๑๖. พระกรยาวจนใช้พระหัตถ์ลูบพระชานู (เข่า) โดยไม่ต้องน้อมพระวรกาย ปาณิตะเลหิ ชันนุกานิ ปริมะสะติ

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้มั่งคั่งมาก มีทรัพย์สมบัติมาก ก็คือ ศรัทธา ศีล หิริโอตตัปปะ สุตะ จาคะ ปัญญา

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ฉลาดในการพิจารณาบุคคลที่ควรสงเคราะห์ ควรยกย่อง ควรเลื่อมใส และการกระทำการสงเคราะห์ การยกย่อง การเลื่อมใส


๑๗. พระวรกายส่วนหน้าล่ำพีบริบูรณ์ สง่างามดุจราชสีห์ สีหะปุพพะทะธะกาโย

๑๘. พระปฤษฎางค์ (หลัง) เต็ม ปิตตันตะรังโส ตั้งแต่บั้นพระองค์ (เอว) ขึ้นไปถึงต้นพระศอ (คอ) พื้นพระมังสะ (เนื้อ) ปิดพระปฤษฎางค์เป็นอันดี มิได้เห็นข้อพระอัฐิท่ามกลางพระขนอง (ข้อกระดูกสันหลัง) ปรากฏออกมาภายนอก

๑๙. พระศอกลมเสมอกัน สะมะวัฎฎักขันโธ

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงไม่เสื่อมจากอริยทรัพย์ ๕ ประการ ได้แก่ ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา และสมบัติทั้งปวง

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงหวังประโยชน์เกื้อกูล ความสุขเกษมจากโยคะ (กิเลส) แก่มหาชนด้วยคิดว่า ทำอย่างไรชนทั้งหลายพึงเจริญด้วย (คุณธรรม) ศรัทธา ศีล สุตะ พุทธิ จาคะ ธรรมะ ปัญญา พึงเจริญด้วย (เศรษฐกิจและสังคม) ทรัพย์ ข้าว นา สวน สัตว์เลี้ยง บุตรภรรยา ทาสกรรมกร ญาติ มิตร พวกพ้อง


๒๐. มีเส้นประสาทสำหรับนำรสอาหารดีเลิศ ระสัคคะสัคคี มีเส้นประสาทปลายข้างบนประชุมอยู่ที่พระศอสำหรับนำรสอาหารแผ่ซ่านสม่ำเสมอไปทั่วพระวรกาย

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงมีโรคาพาธน้อย มีความลำบากน้อย สมบูรณ์ด้วยเตโชธาตุทำให้ย่อยอาหารได้ดี เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียร ปฏิบัติธรรม

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าด้วยมือ ก้อนหิน ไม้ หรืออาวุธ ฆ่าเองหรือบังคับให้ผู้อื่นฆ่า หรือทำให้สัตว์ทั้งหลายหวาดกลัว


๒๑. พระเนตรดำสนิท อะภินีละเนตโต มีการเห็นแจ่มใส

๒๒. ดวงพระเนตรสดใสดังตาโค โคปะขุโม

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ที่ชนทั้งหลายเห็นแล้วรัก เป็นที่รักใคร่ของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ และยังชนเป็นอันมากให้สร่างโศก

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทอดพระเนตรดูมหาชนด้วยสายพระเนตรเบิกบาน น่ารัก ไม่ถลึงตาดู ไม่ค้อนตาดู


๒๓. พระเศียรกลมงาม พระพักตร์มีอุณหิสคือลักษณะเหมือนมีกรอบหน้า อุณหีสะสีโส

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงเป็นที่คล้อยตามแห่งมหาชน

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงเป็นหัวหน้าชนเป็นอันมาก ทรงเป็นผู้นำมหาชนทั้งหลายในการทำกุศลธรรม ด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ในการบำเพ็ญทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถศีล ปฏิบัติดีต่อบิดามารดา สมณพราหมณ์ เคารพผู้ใหญ่ในตระกูล และทำกุศลที่ยิ่งอื่น ๆ


๒๔. โลมา (ขน) มีขุมละเส้น เอเกกะโลโม

๒๕. มีพระอุณาโลมระหว่างพระโขนง (คิ้ว) สีขาวอ่อนเหมือนปุยฝ้าย อุณณาโลมา ภมุกันตะเรชาตา

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงเป็นที่ประพฤติตามของมหาชน

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่ความจริง ดำรงคำสัตย์ มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน ควรเชื่อถือ ไม่พูดลวงโลก


๒๖. พระทนต์มี ๔๐ ซี่ จัตตาฬีสะทันโต เบื้องบน ๒๐ ซี่ เบื้องล่าง ๒๐ ซี่เสมอกัน

๒๗. พระทนต์มิได้ห่าง สนิทกันดี อะวิระฬะทันโต

ผลในชาตินี้ พุทธบริษัทไม่แตกแยกกัน

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ไม่พูดให้คนแตกร้าวกัน พูดสมานคนที่แตกร้าวให้สามัคคีกัน ยินดีในความพร้อมเพียงของหมู่ชน


๒๘. พระชิวหาอ่อน กว้าง ยาวกว่าชนทั้งปวง ปหูตะชิโวห

๒๙. พระสุรเสียงไพเราะดุจเสียงท้าวมหาพรหม กระแสเสียงดุจเสียงนกการเวก พรหมัสสะโร กะระวิกะภาณี

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงมีพระวาจาอันมหาชนเชื่อถือ

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าวแต่คำไม่มีโทษ ไพเราะหู ชวนให้รักจับใจ


๓๐. พระหนุ (คาง) ดุจคางราชสีห์ สีหะหะนุ

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงไม่มีข้าศึกภายใน คือ ราคะ โทสะ โมหะ ไม่มีข้าศึกภายนอก ไม่ว่าสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือ ใครๆ ในโลกกำจัดได้

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดแต่คำจริง ถูกกาละ อิงอรรถ อิงธรรม อิงวินัย มีหลักฐาน มีประโยชน์ในกาลอันควร


๓๑. พระทนต์เรียงเรียบเสมอกัน สะมะทันโต

๓๒. พระทาฐะ (เขี้ยว) ทั้ง ๔ ซี่ขาวบริสุทธิ์ รุ่งเรืองด้วยรัศมี สุสุกกะทาโฐ

ผลในชาตินี้ พระพุทธองค์ทรงมีบริวารสะอาด คือกำจัดกิเลสซึ่งเป็นมลทินได้แล้ว

บุพพกรรมในภพชาติก่อน พระพุทธองค์ทรงเลี้ยงชีพด้วยสัมมาอาชีพ ละมิจฉาชีพ ๑๒ อย่างได้แก่ การโกงด้วยตาชั่ง การโกงด้วยของปลอม การโกงด้วยเครื่องตวงวัด การโกงด้วยการรับสินบน การหลอกลวง การตลบตะแลง การตัด การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้น การกรรโชก



เรื่องเหล่านี้มีในพระไตรปิฏก ใน ลักขณสูตร
พระสูตรที่ว่าด้วยลักษณะมหาบุรูษ ๓๒ ปรระการ
พระองค์แสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ในพระเชตวัน สาวัตถี
เล่มที่ ๑๑ หน้า ๑๖๓
พระไตรปิฏก มหาจุฬา

พระมหาสถาพร สิรินฺธโร


http://www.dhammathai.org/webboard/view.php?No=7132


อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

 

ต้องแยกว่า คนชอบศึกษา กับคนที่เข้าถึงธรรมนะครับ

หลายคนชอบแต่ศึกษาเข้าใจไปหมด แต่ก็ไม่เคยปฎิบัติจริงจัง
ต้องมีสัมมาสติ ผิวพรรณจะผ่องเอง เพราะสติที่แท้จะฟอกเลือดให้บริสุทธิ์
จนกระดูกกลายเป็นพระธาตุได้แม้ยังมีชีวิต

ผู้ปฎิบัติที่ถึงจริงๆ มีเมตตาจิตจริงๆ ผิวจะผ่องมากๆ หน้าเนียน อิ่มเอิบ

ส่วนผู้ทีเอาแต่ท่องตำรา อย่าเอาไปเปรียบเทียบ
แล้วยังมีเรื่องของวิบาก

ถ้าชาติก่อน ไม่ได้ทำไว้ จะเกิดมาผ่องเป็นไปไม่ได้
แต่ชาตินี้พึ่งมาเริ่มทำ กรรมเก่าที่มันทำให้ผิวพรรณทราม มันเข้มกว่า
แล้วไม่ใช่จะเปลี่ยนกันง่ายๆ ก็ต้องรอไปรับผลเอาชาติหน้า

แต่พอเกิดมาชาติหน้า ถ้าภูมิธรรมไม่แกร่งจริงๆ
ก็จะหลงระเริง ในความหน้าตาดีผิวพรรณดีของตัวเอง
เป็นเหตุให้ทำบาปได้ง่ายกว่าคนขี้เหร่

เหมือนคนที่ทำบุญอธิฐานให้รวย
เกิดใหม่ก็รวยจริงๆ แต่ก็ได้ความโลภมาด้วย
แล้วก็หลงลืมว่า เพราะทำบุญทำดี จึงรวย
ก็เลยหลงทำบาปได้มากกว่าคนอื่น ยิ่งรวยมาก ก็ยิ่งทำบาปได้มากกว่าคนอื่น

ดังนั้นท่านถึงว่า การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง
การปฎิบัติธรรม เข้าถึงธรรม ในแต่ละระดับ
ก็จะเป็นประกันให้เกิดมา ดีพร้อมแต่ไม่หลง ไปกับสิ่งที่มีที่เป็น

ลาภ ยศ ฯลฯ เป็นของร้อน
คนที่จะรับของร้อนได้ ต้องไม่ต่างกับภาชนะที่ทนของร้อนได้ด้วย

ไม่งั้น สิ่งที่คิดว่าดี ก็เป็นการทำลายตัวเอง
เหมือนเทเหล็กหลอมร้อนใส่แก้วพลาสติก

 

เคยคิดเหมือนกันกับคุณ คนขายเทียนเหมือนกันครับ
อนุโมทนากับทุกท่านครับ