ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. sutanee

    sutanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +3,248
    พวกชอบบอกว่ารูปแบบนี้เป็นเพราะไอน้ำกับแฟรชข้าพเจ้าไม่เชื่อหรอกเพราะที่แห้ง
    ข้าพเจ้าก็ถ่ายได้ก่อนจะถ่ายให้ติดได้มากลองถ่ายดูก่อนว่ามีไหม
    แล้วก็เอาแป้งกระป๋องเปิดฝากระฉอกให้เป็นฝุ่นละอองในอากาศก็ทำให้ได้รูปมากขึ้น
    แต่ก็เห็นชัดในรูปเลยว่าอันไหนเป็นฝุ่นอันไหนเป็นวงของพลังงานที่เราไม่เห็นตัวแต่มีอยู่และโปร่งแสงตัวข้าพเจ้ามีความเชื่อเช่นนี้ที่ยืนยันได้ด้วยรูปที่มีและลวดลายในรูปในวงที่ไม่เหมือนกันเลยแถมมีสีอีกด้วยจ๊ะ
    ถ้าหลักของวิศวกรจริงทำไมไม่ติดทุกรูปในสถานที่เดียวกันในเวลาใกล้เคียงกัน
    ข้าพเจ้ามีรูปแบบนี้เป็นแผ่นซีดีเลยทั้งที่เป็นรูปที่ถ่ายในอดีตไม่ค่อยได้สังเกตุและของใหม่ล่าสุด
    เพิ่งมาสนใจตอนที่เชื่อว่ามีพลังงานของวิญญาณหรือเทพเทวาเชื่อว่าพวกเขาเป็นพลังงานโปร่งแสงเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าวิธีที่ข้าพเจ้าทดลองนี้ด้วยความเชื่อว่าเขาชอบของหอมเลยใช้แป้งกระป๋องได้ผลดีจับพลังงานได้จริงเสียดายเอารูปขึ้นเว็ปไม่เป็น
     
  2. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612

    ขอตอบเฉพาะเรื่องที่ถามว่า "มีเอกสารจากตําราของศาสนา หรือคําสอนของศาสนาใดบ้างบอกว่ามีมนุษย์ต่างดาว" นะครับ ส่วนที่ถามว่าเรื่องมาช่วยโลกนั้น ผมเองก็ยังไม่พบนะครับว่ามี ในคริสตศาสนา ไม่ระบุ มีแต่คนตีความไปเองว่ามีมนุษย์ต่างดาวมาเกี่ยวข้องกับพระเยซู ส่วนในอิสลาม มนุษย์ต่างดาวไม่มีจริง

    ส่วนของพุทธศาสนา จะตอบเฉพาะที่พระไตรปิฏกยืนยันไว้นะครับ

    ดีแล้วที่คุณ 0 ห้าตัว ถามคําถามนี้มา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มกราคม 2008
  3. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ถ้าหากผมเอาพระไตรปิฏกมายืนยัน คนที่อ่านก็จะงงอีก เพราะน้อยคนที่อ่านภาษาบาลี-สันสกฤตเป็น ถึงแม้จะเอาฉบับที่แปลเป็นไทย ก็ยังอ่านได้ยาก ดังนั้นจะสรุปรวมให้อ่านนะครับ

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราอยู่ในชมพูทวีป ซึ่งหมายถึงดาวดวงนี้ นอกจากนี้ยังมี อมรโคยานทวีป อุตุกุรุทวีป และปุพพวิเทหะทวีป ซึ่งแต่ละทวีป ก็จะมีมนุษย์อาศัยอยู่

    เมื่อร่างแผนที่จักรวาลขึ้นมา จะเป็นดังนี้

    [​IMG]

    ปล. ไม่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวของกลุ่มเขากะลาในกระทู้นี้นะครับ เพราะไม่ตรงกัน เช่น เรื่องดาวพลูโตมีมนุษย์ต่างดาวเป็นต้น แต่ที่ยกมาเพราะคุณ 00000 ถาม ก็จะได้บอกให้เข้าใจสิ่งที่มีในพระไตรปิฏกครับ
     
  4. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    จักรวาลอันหนึ่ง โดยยาวและโดยกว้าง ประมาณ ๑,๒๐๓,๔๕๐ โยชน์ (๑ โยชน์ = ๑๖ กิโลเมตร)
    ส่วนโดยรอบปริมณฑลทั้งสิ้น (ของจักรวาลนั้น) ประมาณ ๓,๖๑๐,๓๕๐ โยชน์


    ขนาดหนาของแผ่นดิน ในจักรวาลนั้น
    แผ่นดินนี้ กล่าวโดยความหนา มีประมาณถึงเท่านี้ คือ ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์


    ขนาดหนาของน้ำรองแผ่นดิน สิ่งที่รองแผ่นดินนั้นหรือ
    คือน้ำอันตั้งอยู่บนลม โดยความหนามีประมาณถึงเท่านี้ คือ ๔๘๐,๐๐๐ โยชน์


    ขนาดความหนาของลมรองน้ำ
    ลมอัน (พัดดัน) ขึ้นฟ้า (โดยความหนา) มีประมาณ ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์ นี่เป็นความตั้งอยู่พร้อมมูลแห่งโลก


    ขนาดภูเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ) และต้นไม้ประจำทวีป
    อนึ่ง ในจักรวาลที่ตั้งอยู่พร้อมมูลอย่างนี้นั้น มี
    ภูเขาสิเนรุอันเป็นภูเขาสูงที่สุด หยั่ง (ลึก) ลงไปในมหาสมุทร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ สูงขึ้นไป (ในฟ้า) ก็ประมาณเท่ากันนั้น
    ภูเขาใหญ่ทั้งหลาย คือภูเขายุคันธร ภูเขาอิสินธร ภูเขากรวีกะ ภูเขาสุทัสสนะ ภูเขาเนมินธระ
    ภูเขาวินตกะ ภูเขาอัสสกัณณะ อันตระการไปด้วยรัตนะหลากๆ ราวกะภูเขาทิพย์ หยั่ง (ลึก) ลงไป
    (ในมหาสมุทร) และสูงขึ้นไป (ในฟ้า) โดยประมาณกึ่งหนึ่งแต่ประมาณแห่งภูเขาสิเนรุไปตามลำดับ
    ภูเขาใหญ่ทั้ง ๗ นั้น (ตั้งอยู่) โดยรอบภูเขาสิเนรุเป็นที่อยู่ของ (จาตุ)มหาราช เป็นที่ๆ เทวดา และยักษ์อาศัยอยู่


    ภูเขาหิมวาสูง ๕๐๐ โยชน์ ยาวและกว้าง ๓,๐๐๐ โยชน์ (เท่ากัน) ประดับไปด้วยยอดถึง ๘๔,๐๐๐ ยอด
    ต้นชมพู (หว้า) ชื่อนคะ วัดรอบลำต้นได้ ๑๕ โยชน์ ลำต้นสูง ๕๐ โยชน์ และกิ่ง (แต่ละกิ่ง)
    ก็ยาว ๕๐ โยชน์ แผ่ออกไปวัดได้ ๑๐๐ โยชน์โดยรอบ และสูงขึ้นไปก็เท่ากันนั้น ด้วยอานุภาพของ
    ต้นชมพู (นี้) ไรเล่า ทวีปนี้จึงถูกประกาศชื่อว่า ชมพูทวีป
    ก็แลขนาดของต้นชมพูนี้ใด ขนาดนั้นนั่นแหละเป็นขนาดของต้นจิตรปาฏลี (แคฝอย) ของพวกอสูร
    ต้นสิมพลี (งิ้ว) ของพวกครุฑ ต้นกทัมพะ (กระทุ่ม) ในอมรโคยานทวีป ต้นกัปปะในอุตตรกุรุทวีป
    ต้นสิรีระ (ซึก) ในบุพพวิเทหทวีป ต้นปาริฉัตตกะ ในดาวดึงส์ เพราะเหตุนั้นแล ท่านโบราณจารย์จึงกล่าวไว้ว่า
    (ต้นไม้ประจำภพและทวีป คือ) ต้นปาฏลี ต้นสิมพลี ต้นชมพู ต้นปาริตฉัตตะของพวกเทวดา
    ต้นกทัมพะ ต้นกัปปะ และต้นที่ ๗ คือ ต้นสิรีสะ ดังนี้




    ขนาดภูเขาจักรวาล

    ภูเขาจักรวาล หยั่ง (ลึก) ลงไปในมหาสมุทร ๘๒,๐๐๐ โยชน์
    สูงขึ้นไป (ในฟ้า) ก็เท่ากันนั้น
    ภูเขาจักรวาลนี้ตั้งล้อมโลกธาตุทั้งสิ้นนั้นอยู่


    ขนาดของภพและทวีป
    ในโลกธาตุนั้น มีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ภพดาวดึงส์ ๑๐,๐๐๐ โยชน์ ภพอสูร มหานรกอเวจี และชมพูทวีปก็
    เท่ากันนั้น อมรโคยานทวีป ๗,๐๐๐ โยชน์ บุพพวิเทหทวีปก็เท่านั้น อุตตรกุรุทวีป ๘,๐๐๐ โยชน์ อนึ่ง ในโลกธาตุนั้น
    ทวีปใหญ่ๆ ทวีป ๑ ๆ มีทวีปน้อยเป็นบริวาร ทวีปละ ๕๐๐
    สิ่งทั้งปวง (ที่กล่าวมานี้) นั้น (รวม) เป็นจักรวาล ๑ ชื่อว่า โลกธาตุอัน ๑ ๑ในระหว่างแห่งโลกธาตุ
    ทั้งหลายมีโลกันตนรก (แห่งละ ๑)


    ๑. มหาฎีกาว่า จักรวาล ก็คือโลกธาตุ โลกธาตุได้ชื่อว่า จักรวาล ก็เพราะมีภูเขาจักรวาล ซึ่งสัณฐานดังกง
    รถล้อมอยู่โดยรอบเท่านั้นเองไม่ใช่จักรวาลอัน ๑ โลกธาตุอัน ๑
    ๒. ท่านว่าจักรวาลหรือโลกธาตุนั้นมีมากนัก ช่องว่างในระหว่างจักรวาล ๓ จักรวาลต่อกัน มีโลกันตนรก ๑
    ทุกแห่งไป โดยนัยนี้ คำว่า โลกันตนรก ก็แปลว่า นรกอันตั้งอยู่ในช่องระหว่างจักรวาล ๓ อันนั่นเอง



    พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "จูฬนีสูตร" พระไตรปิฎก หน้า ๒๑๕ เล่ม ๒๐ ว่า
    จักรวาล ประกอบด้วยดวงจันทร์ โลก ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ทั้งหลายโคจร ไปร่วมกัน
    จะมีขุนเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ) (เป็นภูเขาทิพย์ที่เห็นได้เฉพาะผู้มีอภิญญา) ทวีปต่างๆ ที่ตั้งชื่อกันในสมัย
    นั้นคือ ชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตรกุรุทวีป และปุพพวิเทหทวีป มหาสมุทรทั้ง ๔ (นับกันได้ในสมัยนั้น)
    มีนรกขุมต่างๆ สวรรค์ชั้นต่างๆ และพรหมโลกชั้นต่างๆ
    โลกธาตุ มี ๓ ขนาด คือ โลกธาตุอย่างเล็กมีจำนวนพันจักรวาล โลกธาตุอย่างกลางมีจำนวนล้านจักรวาล
    โลกธาตุอย่างใหญ่มีจำนวน แสนโกฏิจักรวาล

    ทั้งโลกธาตุอย่างเล็กก็ดี อย่างกลางก็ดี อย่างใหญ่ก็ดี ยังมีอีกจำนวนมากมาย
    "ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแตกดับไปในที่สุด"
    กำเนิดของโลกพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "อัคคัญญสูตร" พระไตรปิฎก หน้า ๖๑ เล่ม ๑๑ ว่า
    เกิดมีน้ำขึ้นในห้วงอวกาศอันมืดมิดก่อนแล้วนานๆไปเกิดการรวมตัวงวดเข้าเป็นง้วนดิน แล้วพัฒนาเป็นกระบิดิน
    ต่อไปเป็นเครือดิน จากนั้นมีต้นข้าวและพืชทั้งหลายเกิดขึ้น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หมู่ดาว
    นรกขุมต่างๆ เทวโลกและพรหมโลกชั้นต่างๆ ก็เกิดขึ้นเอง

    กำเนิดชีวิตพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "เพราะมีความอยาก จึงมีการเกิดเป็นสัตว์เป็นบุคคลขึ้นมา
    เมื่อไม่มีความอยากการเกิดเป็นสัตว์เป็นบุคคลก็ไม่มี"
     
  5. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ๑) ชมพูทวีป ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)

    -มีธาตุมรกตอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุมรกตทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของชมพูทวีปมีสีน้ำเงินแกมเขียว
    -มนุษย์ที่ชมพูทวีป มีความสูง ๔ ศอก มีอายุประมาณ ๑๐๐ ปี (อาจตายก่อนอายุได้ ไม่แน่นอน)
    -มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ อายุยิ่งหย่อนขึ้นอยู่กับคุณธรรม ไม่แน่นอน
    -สมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่า "พระวิปัสสี" มนุษย์ในชมพูทวีปมีอายุถึง ๘๐,๐๐๐ ปี
    -สมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่า "พระเรวะตะ" มนุษย์ในชมพูทวีปมีความสูงถึง ๘๐ ศอก
    -แต่เมื่อคุณธรรมเสื่อมลง จิตใจหยาบช้าลง อาหารเลวลง อายุก็ลดลง ร่างกายก็เตี้ยลง
    -ต่อไปภายภาคหน้ามนุษย์ในชมพูทวีป จะมีอายุเพียง ๑๐ ปี เท่านั้น และตัวจะเตี้ยถึงขนาด
    ต้องสอยมะเขือกิน เรียกยุคนั้นว่า "ยุคทมิฬ" เป็นยุคที่เสื่อมที่สุดของ "ชมพูทวีป"
    -ดอกไม้ประจำชมพูทวีปคือ "ชมพู (ไม้หว้า)" ...เพราะเหตุนี้ ถึงเรียกว่า "ชมพูทวีป"
    เพราะดอกไม้ประจำทวีปนี้คือ ดอก "ชมพู"
    -ชมพูทวีป เป็นทวีปเดียวที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ต้องมาตรัสรู้ที่ทวีปนี้เท่านั้น

    [​IMG]
     
  6. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ๒) อมรโคยานทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)
    -เป็นแผ่นดินกว้าง ๗,๐๐๐ โยชน์ ประกอบด้วยเกาะ และแม่น้ำใหญ่น้อย
    -มีธาตุแก้วผลึกอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุแก้วผลึกทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของอมรโคยานทวีปมีสีแก้วผลึก
    -มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ มีรูปหน้าเหมือนพระจันทร์ครึ่งซีก มีใบหน้าวงกลม คล้ายวงพระจันทร์ คนหน้าเหมือนดั่งเดือนแรม จมูกโด่ง คางแหลม
    -มนุษย์ที่อมรโคยานทวีป มีความสูง ๖ ศอก มีอายุ ๕๐๐ ปี (จะไม่ตายก่อนอายุ เป็นกฏตายตัว)
    -ดอกไม้ประจำอมรโคยานทวีปคือ "กะทัมพะ (ไม้กระทุ่ม)"

    [​IMG]
     
  7. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ๓) ปุพพวิเทหะทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)
    -เนื้อที่กว้าง ๗,๐๐๐ โยชน์ มีเกาะ ๔๐๐ เกาะ
    -มีธาตุเงินอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุเงินทำให้ทองฟ้า
    และมหาสมุทรของปุพพวิเทหะทวีปมีสีเงิน
    -มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ มีรูปหน้าเหมือนพระจันทร์เต็มดวง คนหน้ากลมเหมือนดวงจันทร์
    มีใบหน้าตอนบนโค้งตัดลงมาเหมือนบาตร
    -มนุษย์ที่ปุพพวิเทหะทวีป มีความสูง ๙ ศอก มีอายุ ๗๐๐ ปี (จะไม่ตายก่อนอายุ เป็นกฏตายตัว)
    -ดอกไม้ประจำปุพพวิเทหะทวีปคือ "สิรีสะ (ไม้ทรึก)"

    [​IMG]
     
  8. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    ๔) อุตรกุรุทวีป ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)
    -มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม เนื้อที่กว้าง ๘,๐๐๐ โยชน์ เป็นที่ราบ
    -มีธาตุทองคำอยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุทองคำทำให้ทองฟ้า
    และมหาสมุทรของอุตรกุรุทวีปมีสีเหลืองทอง
    -มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ รูปร่างงาม มีลักษณะใบหน้าเป็นรูป ๔ เหลี่ยม รักษาศีล ๕ เป็นนิจ
    ไม่ยึดถือสมบัติ บุตร ภรรยา สามี ว่าเป็นของๆตน
    -มนุษย์ที่อุตรกุรุทวีป มีความสูง ๑๓ ศอก มีอายุ ๑,๐๐๐ ปี (จะไม่ตายก่อนอายุ เป็นกฏตายตัว)
    -มีต้นไม้นานาชนิด ดอกไม้ประจำอุตรกุรุทวีปคือ "กัปปรุกขะ (กัลปพฤกษ์)"
    ถ้าอยากได้อะไร ก็ไปนึกเอาที่ต้นกัลปพฤกษ์ จะสมปรารถนา
    -มนุษย์ที่อุตรกุรุทวีป เมื่อตายจากทวีปนี้ ทุกคนจะได้ไปเกิดใน "เทวภูมิ ชั้นตาวติงสาห์ภูมิ" ทุกๆคน เป็นกฏตายตัว
    -ในภาษาบาลี "อุตร" แปลว่า "เหนือ" ...เพราะเหตุนี้ ถึงเรียกทวีปนี้ว่า "อุตรกุรุทวีป"


    ที่มา
    http://palungjit.org/showthread.php?t=109847
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มกราคม 2008
  9. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    สําหรับเรื่องรูปร่างหน้าตาของมนุษย์ต่างดาวในแต่ละทวีปนั้น ตามในพระไตรปิฏกและอรรถกถาต่างๆ ยืนยันว่ารูปร่างเหมือนมนุษย์เราเนี่ยแหละครับ เพราะพื้นฐานการเกิดบนดาวเขาก็อาศัยธาตุทั้ง 4 เหมือนชมพูทวีป (ดาวโลกเรา)

    ผมได้อ่านเจอในพระสูตรหนึ่ง กล่าวถึงโชติกะเศรษฐี ใครสนใจลองไปค้นอ่านได้ในพระไตรปิฏกครับ ท่านว่าโชติกะเศรษฐีนี้ มีบุญมาก เกิดมาเพื่อบํารุงพุทธศาสนาด้วย พอถึงเวลาที่ท่านจะมีภรรยา ปรากฏว่าหาคู่บารมีไม่ได้ เพราะกําลังบุญท่านสูงมาก ไม่มีหญิงคนไหนในโลกเทียบได้ที่จะมาเป็นภรรยาท่าน พระอินทร์ทราบดังนั้น ได้ไปนําหญิงสาวจากอุตกรุทวีปมาให้ เป็นภรรยา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มกราคม 2008
  10. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    เคยสงสัยเหมือนกัน เรื่องมนุษย์ที่ดาวพลูโต จิตจักรวาล (อ.ปริญญา) เคยบอกไว้ว่าไม่มีมนุษย์
    อาศัยบนผิวดาว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าใต้ผิวดาวจะไม่มีนี่ เนอะ และยังไม่ใช่มนุษย์ที่มี
    กายหยาบ แบบชาวโลกด้วย
     
  11. crossmetica

    crossmetica เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +136
    เรายังอยู่คนเดียวบนโลก ไม่ได้เลย แล้วเค้าจะมีดาวที่มีสิ่งมีชีวิตดาวเดียวไว้ทำไม ก็ต้องมี ดาวอื่นที่มีสิ่งมีชีวิต จิ อิอิ จะได้เรียกเปลี่ยนช่วยเหลือกันแบบ ในหนังเรื่อง สตาร์วอร์ไง อิอิ
     
  12. น้าปุ๋ย

    น้าปุ๋ย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2006
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +121
    ตอนบ่ายวันนี้น้าปุ๋ยมีโอกาสได้ดู UBC เป็นสารคดีเกี่ยวกับเรื่องสุริยจักรวาลของเรา (The universe :The outer planet)
    เลยคิดอยากเอามาเล่าให้เพื่อนๆฟังเล่นๆ
    (อาจจะเป็นเรื่องที่เพื่อนๆบางท่านเคยทราบมาแล้วก็ได้นะคะ)

    เดิมในระบบสุริยจักรวาลของเรา (สมัยที่เราเรียนหนังสือ)จะมีดาวเคราะห์รวม9ดวง
    แต่ปัจจุบันดาวพลูโตซึ่งอยู่ไกลที่สุด ไม่นับว่าเป็นดาวเคราะห์แล้วเนื่องจากมีวงโคจรไม่แน่นอน(ถ้ามีวงโคจรที่แน่นอนจึงจะจัดเป็นดาวเคราะห์) แต่ดาวพลูโตจะเรียกว่าเป็นดาวแคระ (เรียกได้ตลกดีคะ)

    ดาวพลูโตใช้เวลา 84 ปีในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ และ 1วันเท่ากับ17ชั่วโมง

    ปัจจุบันมีการส่งยานอวกาศชื่อว่า New Horizon เพื่อไปสำรวจเก็บข้อมูลบรรยากาศของดาวพลูโต

    ยานนี้วิ่งด้วยความเร็ว 45,000ไมล์ต่อชั่วโมง (12ไมล์ต่อวินาที)นับว่าเป็นยานอวกาศที่เดินทางได้เร็วมากของยุคนี้

    ภายในยานนี้ได้บรรจุกระดูกของนักดาราศาสตร์ท่านหนึ่งที่เป็นผู้ที่ค้นพบดาวพลูโตได้เป็นคนแรก (ท่านผู้นี้เสียชีวิตไปเมื่อปีคศ.1997(ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) เสียชีวิตเมื่ออายุ90กว่าปี )


    คาดว่าอย่างเร็วที่สุดที่จะเดินทางไปถึงดาวพลูโต คือ ประมาณเดือนกรกฎาคม 2015


    นักวิทยาศาสตร์ต้องการให้ยานนี้ไปถึงดาวพลูโตให้เร็วที่สุดก่อนที่ดาวพลูโตจะเคลื่อนวงโคจรออกห่างจากดวงอาทิตย์ออกไปอีก เพราะจะทำให้บรรยากาศของดาวดวงนี้ยิ่งหนาวเย็นกว่าเดิม เพราะชั้นน้ำแข็งบนผิวจะหนามากจนทำให้เก็บข้อมูลไม่ได้
    (ปกติดาวพลูโตจัดว่าเป็นดาวที่หนาวเย็นมากที่สุดอยู่แล้ว เพราะอยู่ไกลที่สุดของสุริยจักรวาลนี้ ติดลบเป็นร้อยองศาฟาเรนไฮน์)

    จากสารคดีนี้ถ้าไม่เกิดภัยพิบัติต่อโลกอย่างที่เราคาดไว้ก่อน เราคงได้รู้จักดาวพลูโตมากขึ้นกว่านี้คะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2008
  13. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    พอเห็นภาพทางช้างเผือกก็ทำให้นึกถึง ข้อมลูจากจิตจักรวาลซี่รี่ส์ 13
    .....บอกมาว่า.....
    กาแล็กซี่ทางช้างเผือกเป็นกาแล็กซี่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอกภพ
    จากจำนวน 6 กาแล็กซี่ ที่มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ และกาแล็กซี่ทางช้างเผือก
    เป็นกาแล็กซี่เดียวที่มี 2 ระบบสุริยะจักรวาล

    1.คือระบบสุริยะจักรวาลของโลกเรามี 9 ดวงดาวรวมดวงอาทิตย์
    2.คือระบบสุริยะจักรวาลที่อยู่ตรงกันข้าม กับระบบสุริยะฯของเรามี 5 ดวงดาว
    นึกไม่ออก ก็ดูภาพประกอบ ประมาณนั้น ข้อมลูนี้ตรงกับ คุณ สาธร พรหมนิล
    ผู้ก่อตั้งแดนมิตรต่างดาว ที่เพชรบุรี และเรียกระบบสุริยะฯของเรา ว่า "สิทธัทถะเมดะ"
    อีกระบบสุริยะฯเรียกว่า "เอ็ดเคอนาก้า" ขออภัยด้วยถ้าเรียกผิด

    ดาวพลูโต..มีความสัมพันธ์กับ 2 ระบบสุริยะฯ พระบิดาว่าเป็นฑูตแห่ง 2 ระบบ
    เพราะการโคจรเวียนไปมากับ 2 ระบบสุริยะฯ โดยอยู่ที่นี้ 3 ปี ไปที่โน้น 1 ปี เพราะอย่างนี้
    เวลาที่จากเราไป 1 ปี NASA มองไม่ค่อยเห็น ก็จะตัดดาวพลูโตไปจากระบบสุริยะฯของเรา
    (เป็นความเข้าใจที่โอหัง อวดรู้มากเกินไป) กล่าวหาว่า เป็นดาวเคราะห์แคระซ่ะงั้น

    มนุษย์ต่างดาวที่มีการติดต่อกับกลุ่มเขากะลาเป็นหลักคือดาวพลูโต และดาวโลกุกะฯ
    จากที่พี่สุดใจเล่าไว้ว่าอยู่คนละระบบสุริยะฯของเรา ก็น่าจะเป็นระบบสุริยะฯ "เอ็ดเคอนาก้า"
    (เรียกตาม คุณ สาธร) และคงต้องเป็นดาวที่อยู่ใกล้ๆ ดาวพลูโตด้วย ตอนที่ดาวพลูโตไป
    โคจรที่นั่น 1 ปี คือปลายๆของระบบฯ อยู่วงโคจรนอกสุด ห่างจากดวงอาทิตย์มาก
    จึงมีอากาศหนาวเย็น
    เวลากลับมาสู่วงโคจรของระบบเราก็ใกล้ชิดกับดาวเนปจูน พอโคจรไประบบโน้น
    ก็ใกล้ชิดกับดาวโลกุกะฯ เป็นความคิดส่วนตัวที่นำจากหลายที่มาประมวล ไม่รู้ว่าถูกรึปล่าว
    แต่เข้าใจอย่างนี้จริงๆค่ะ
    มนุษย์โลก เครื่องบิน เรือเดินสมุทร ฯลฯ ก็มาโผล่ที่ ระบบสุริยะฯ "เอ็ดเคอนาก้า"
    แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่บนดาวดวงไหน...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. DDS3334

    DDS3334 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +398
    ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ ถึงแม้ว่ามันจะไม่กระทบกับตัวกระผมหรืออาจจะกระทบแต่เป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ก็ตาม(เผื่อจะไรเตรียมใจเอาไว้แต่เนิ่นจะได้ยอมรับ'' กฏของกรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า จะรวยจะจนก็กินและถ่ายทางเดียวกัน จะได้ไม่ต้องอิจฉาใคร ใครทำอย่างไรก็ต้องได้อย่างนั้น ชาวนาปลูกข้าวก็ต้องได้ข้าว เพราะข้าวคงไม่ออกผลเป็นมะม่วง ถ้านุษย์ต่างโลกจะบุกโลก ก็คงทำไปนานแล้ว ไม่รอให้เราทำลายสภาพแวดล้อมจนเสื่อมโทรมเฉกเช่นปัจจุบันนี้
     
  15. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    อ้างอิง: จากโพสต์ที่ #900
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ 00000 [​IMG]

    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 15 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 14 คน )
    00000
    เมื่อไหร่หนอมนุษย์ต่างดาวจะมาปรากฎตัวสักที....ชอบทำลับ ๆล่อ ๆ..
    ..เคยเจอแต่มนุษย์ ต่างวัน ต่างเดือน ต่างปี ฯ..อันนี้มีจริงนะ..
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ตอบ ในโพสต์ที่ #901 หน้า 46
    เรื่องการทำลับๆ ล่อๆ หลบๆ ซ่อนๆ นั้นผมเคยพิมพ์ไว้ในโพสต์ที่ #413 หน้า21 เมื่อวันที่ 26-10-2007 จึงขออนุญาตนำมาให้ท่านที่สนใจ แต่อาจหลงหูหลงตาไปบ้างได้มาอ่านกันง่ายๆ อีกครั้งหนึ่งครับ

    แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ขอเรียนเพื่อทราบว่าข้อความทั้งหมดในกระทู้นี้เป็นการ "แจ้งเพื่อทราบ" เท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชวนเชื่อ หรือการปลุกกระแสในเรื่องUFOแต่อย่างใด และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับผม

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ no.9 [​IMG]
    อ้างถึงโพสต์ที่ #395 หน้า20 ของกระทู้นี้ จากคำที่กล่าวว่า

    ไม่สมเหตุสมผลเลยที่มนุษย์ต่างดาวเดินทางมายังโลกของเราเป็นระยะทางหลาย ล้านปีแสงเพื่อมาหลบๆ ซ่อนๆ มิสู้เปิดเผยตัวตน แสดงเจตนารมณ์ และติดต่อกันอย่างเป็นทางการดีกว่าหรือ" ดร.นำชัย แสดงความเห็นทิ้งท้าย

    จากการที่ผมได้สัมผัส และรับรู้ข้อมูลจากทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มานานพอสมควร จึงทำให้ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของการที่มนุษย์ต่างดาวทำไมถึงต้องเดินทางมายังดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้
    <O:p
    มนุษย์ต่างดาวที่สื่อสารมายังกลุ่มนั้น ได้บอกวัตถุประสงค์ไว้ชัดเจนว่าต้องการที่จะมาช่วยเหลือมนุษย์ในช่วงที่จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นในโลกใบนี้ ซึ่งตรงนี้ก็บังเอิญมาตรงกันกับพุทธทำนาย คำภีร์ไบเบิ้ล พระเกจิอาจารย์ที่ทรงอภิญญาหลายรูป หลายองค์ ว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง อย่างน้อยก็เพื่อนๆ ในเว็ปพลังจิตนี้ ที่มีการรวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติกันขึ้น และมีการทำงาน มีการวางแผน รวมถึงการแจ้งเตือนด้านภัยพิบัติควบคู่กับธรรมะมาโดยต่อเนื่อง และเป็นรูปธรรมด้วย ในขณะที่แนวโน้มความหนักหน่วงของภัยธรรมชาติก็มีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น แล้วยังขยายวงกว้างออกไปในเขตพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดภัยพิบัติเช่นว่านั้นมาก่อนด้วย<O:p
    <O:p
    อาจมีคำถามแทรกขึ้นมาก่อนว่า มนุษย์ต่างดาวรู้ว่าจะเกิดอะไรกับโลกใบนี้แล้วทำไมไม่ใช้เทคโนโลยีทำไม่ให้มันเกิดล่ะ ก็มันเป็นกฎธรรมชาติ การแปรปรวนของธรรมชาติมันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วมันก็ใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์ต่างดาวซึ่งก็ต้องอยู่ในกฎธรรมชาตินี้ด้วยจะไปทัดทานได้ ดาวของเขาเองก็ต้องมีเรื่องภัยธรรมชาติหรือการแปรปรวนของกฎธรรมชาติ แต่เขามีเทคโนโลยีที่จะเอาตัวรอดได้ เช่น อาศัยอยู่ในยานบิน แล้วบินหนีไปหลบให้ห่างหน่อย พอสงบดีแล้วก็กลับมาจอดมาอาศัยต่อไปใหม่ได้<O:p
    <O:p
    ในโลกเราเอง ณ เวลานี้ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกกำลังละลายในอัตราที่สูงกว่าอัตราการละลายในอดีตเป็นทวีคูณจนนักวิทยาศาสตร์ต่างลงความเห็นว่า ในอีกไม่กี่ปี หมีขั้วโลกจะต้องจมน้ำตายกันหมดเพราะอาศัยอยู่บนก้อนน้ำแข็ง สมมุติว่ามนุษย์เรามีการวางโครงการณ์ที่จะไปอพยพบรรดาหมีที่อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกตามจุดต่างๆ ซึ่งก็ถือว่ากว้างขวางมากในสายตาของมนุษย์เรา ตามหลักมนุษยธรรมเราอยากจะช่วยให้ได้ทุกชีวิต เพื่อที่จะนำพามาสู่ในที่ที่หมีขั้วโลกสามารถดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ แต่ในความเป็นจริงเราคงช่วยไม่ได้หมด<O:p
    <O:p
    มนุษย์เราก็ย่อมทราบดีว่าหมีขั้วโลกนั้นดุร้าย ถ้าเข้าใกล้ก็คงต้องถูกทำร้ายอย่างแน่นอน แต่เราก็ยังยืนยันกันว่าต้องช่วย และอยากจะช่วยให้ได้มากที่สุดด้วย ซึ่งในขณะที่ดำเนินการช่วยเหลืออยู่นั้น อาจมีใครถูกทำร้ายบ้าง เราก็ยังจะช่วยอยู่ดี เพราะเราเข้าใจธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้ดีว่าดุร้าย ก็มันเป็นสัญชาติญาณของมันเอง นี่เรื่องสมมุตินะครับ<O:p
    <O:p
    ทีนี้มนุษย์ต่างดาวมาตั้งไกล แล้วทำไมมาทำลับๆ ล่อๆ ไม่มาปรากฏตัวหรือติดต่อกันอย่างเป็นทางการไปซะเลย ก็เพราะเขาทราบดีว่ามนุษย์เรามีอุปนิสัยเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าเขาเห็นเราเลวร้ายหรือเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมาเองนะครับ เป็นเพราะเขาเคารพเหตุปัจจัย เห็นความเป็นเช่นนั้นเองของมนุษย์ การที่เขาจะมาเพื่อช่วยเหลือในช่วงที่เกิดภัยพิบัติก็ต้องมีการเตรียมการ การวางแผน วางโครงข่ายต่างๆ ทั้งทางด้านสถานที่ที่ต้องคำนวนให้ดีว่าที่ไหนจะปลอดภัย ด้านอาหารการดำรงค์ชีพ ด้านการติดต่อสื่อสารที่เปรียบเสมือนล่ามที่ได้รับความไว้วางใจจากมนุษย์ด้วยกัน ด้านสถานที่ที่จะลงมาติดต่อสื่อสารด้วย และที่สำคัญคือระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะมาแสดงตัว<O:p
    <O:p
    ถ้าสมมุติว่าวันนี้พรุ่งนี้เขามาลงจอดเลย เอาแถวๆ สนามหลวงก็ได้ ถามว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผู้คนต้องแตกตื่นเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ของการมาในครั้งนี้ แน่นอนมนุษย์ก็มีสัญชาติญาณระแวงภัยเหมือนกัน ออกจะมากกว่าสปีชี่อื่นด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็คงจะมีแต่กองกำลังมาห้อมล้อมแทนฝูงชน ชาติมหาอำนาจต่างๆ ก็อ้างสิทธิปกป้องความมั่นคงของโลก แล้วถือวิสาสะมาล้อมสนามหลวงด้วย และแน่นอนว่าต้องติดอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดที่ตัวเองมีอยู่มาด้วย แล้วมีคำถามอีกว่ามนุษย์ต่างดาวเขาจะคุยกับใคร ด้วยภาษาอะไรได้หรือครับ ถ้าเป็นภาษามือก็อาจจะไม่เข้าใจกันเพราะเขาอาจจะไม่มีมือข้างละห้านิ้วเหมือนเราก็ได้ ก็อุปมาอุปมัยเหมือนเจตนาจะไปขนย้ายหมีขั้วโลก แต่เดินไปตัวเปล่าในวงล้อมของหมีขั้วโลกนั่นแหละครับ เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลนี้มนุษย์ต่างดาวจึงยังไม่มาปรากฎตัวอย่างเปิดเผยให้มนุษย์เดินดินอย่างเราๆ ได้เห็นกันจะจะยังไงล่ะครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง: จากโพสต์ที่ #1000
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ 00000 [​IMG]
    Hi สวัสดี มนุษย์ต่างวัน ต่างเดือนต่างปี ที่อยู่ในต่างสถานที่ ในดาวโลกใบนี้..โดยไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ
    "หากปรารถนาด หวังดี เป็นมิตร ก็ไม่จำเป็นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ
    ..มีคำถามที่อยากถามท่านผู้รู้ดังนี้..
    ี..มีเอกสารจากตำราของศาสนา หรือคำสอนของศาสนาไดบ้างบอกว่า มีมนุษย์ต่างดาว..และมนุษย์ต่างดาวจะมาช่วยโลก..
    ..ศาสดาของศาสนาใดบอกบ้าง หรือแม้แต่ในพระไตรปิฎกได้มีเรื่องนี้อยู่หรือไม่..
    ..มีเหตุผลใดที่น่าฟัง และอธิบายได้ว่า..ทำไมต้องหลบ ๆซ่อน ๆ..
    ..หากคิดจะช่วยชาวโลกจริง..ก็น่าจะมีวิธีการที่มีเหตุผลมากกว่านี้..จริงไหม..
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีครับ คุณ00000 ตามที่คุณได้กรุณาถามมาในโพสต์ที่#900 (หน้า 45) แล้วผมได้Copyข้อความที่เคยตอบไว้แล้วมาตอบ คุณ00000 อีกครั้งหนึ่งในโพสต์ที่ #901 (หน้า 46)
    และในโพสต์ที่ #1000 มีคำถามเดิมซ้ำมาอีก ผมจึงขออนุญาตนำมาแจ้งเพื่อทราบอีกครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากเป็นการซ้ำซ้อนข้อความโดยใช่เหตุจึงขอลดขนาดตัวอักษรลงเพื่อมิให้เป็นการรบกวนเพื่อนสมาชิกหลายๆท่านที่กรุณามาให้ความสนใจอ่านข้อมูลอย่างต่อเนื่องครับ

    ส่วนคำถามอื่น คุณwellrider ได้กรุณานำข้อมูลมาตอบแล้ว ทำให้พวกเราได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกมากเลย ต้องขอขอบพระคุณ คุณwellrider เป็นอย่างสูงด้วยนะครับ และขอขอบพระคุณ คุณ00000 สำหรับทุกคำถามครับ

    (ต้องขออภัยที่เข้ามาชี้แจงช้า เพราะเพิ่งเดินทางกลับจากทำธุระที่เชียงใหม่มาเมื่อช่วงเย็นนี้เองครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มกราคม 2008
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008
  17. whitenaga

    whitenaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    796
    ค่าพลัง:
    +2,752
    มีข้อมูลเกี่ยวกับดาวต่างๆ อีกหรือป่าวค่ะ ชอบฟังค่ะ ตามอ่านอยู่ ^^
     
  18. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    สงสัยอยู่ตั้งนาน เป็นอย่างนี้นี่เอง (sing)
     
  19. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    " แต่มีขนาดใหญ่กว่าโลกมาก"
    คุณ mead จะใช่ดาวดวงที่ NASA เพิ่งเจอเร็วๆ นี้รึปล่าวนะ

    คุยกันเรื่องนอกอวกาศนี่ ช้อบ...ชอบนะ เล่าต่อ..น้องๆ ชอบ
    ปรากฎการณ์สามเหลื่ยมเบอร์มิวด้า จะเกิดก็เพราะอย่างที่ คุณ mead บอก
    ที่จักรวาลเรา มีดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์ 3 ดวงนี้ เรียงตัวตรงกันกับอีก 2 ดวง
    ที่จักรวาลตรงกันข้ามเป็นดวงไหนก็ได้ ก็เกิดปรากฎการณ์สามเหลื่ยมเบอร์มิวด้า
    ประตูมิติเปิด แต่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ต้องเกิดจากการเรียงตัวของดาวทั้ง 5 เท่านั้น

    ก่อนเกิดจะมีหมอกและหลังจากนั้น วัตถุที่ถูกดูด จะสลายมวลเป็นชิ้นเล็กๆ พอทะลุ
    มิติไปที่นั้นแล้ว มวลก็รวมตัวกันอีกครั้ง เป็นเรือ เครื่องบิน เป็นคน แต่จำอะไรไม่ได้
    พระบิดาสร้างเรื่องแบบนี้ไว้ ให้ลูกๆได้ฉุกคิด จะได้ไม่หลงแต่ทางกายภาพ

    มนุษย์ต่างดาวทั้งหลายคงถือโอกาสนี้ บินมาที่โลกด้วยเช่นกัน
    พอประตูเปิด ก็รีบร่อนกันมาเชียวล่ะ
    ระวัง!ถูกประตูหนีบนะ คุณต่างดาว

    (eek)
     
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ต่างดาวโดนประตูมิติหนีบเหรอ อิอิ เข้าใจคิด
    มีข้อมูลเรื่องจุดประสานมิติอีกส่วนนึงของ อาจารย์โนวา อนาลัย

    "จุดประสานมิติ"
    พื้นที่ๆเธอทั้งหลายแลเห็นเป็นพื้นที่ว่างเปล่าในโลกของเธอ
    เต็มไปด้วยจุดประสานมิติหลักและจุดประสานมิติรองมากมาย
    อันเป็นจุดที่โลกแห่งความเป็นจริงสองโลก
    หรือมากกว่านั้นมาบรรจบกัน

    จุดประสานมิติสมบูรณ์ทำหน้าที่เป็นช่องทาง
    ที่พลังงานหลั่งไหลไปสู่ระบบโลกแห่งความเป็นจริงทุกโลก
    และเป็นช่องทางล่องหนที่เชื่อมต่อ
    โลกแห่งความเป็นจริง โลกหนึ่งไปสู่อีกโลกหนึ่ง

    จุดประสานมิติสมบูรณ์ทำหน้าที่เป็นจุดแปลง
    หรือสับเปลี่ยนสัญญาณ ซึ่งเอื้ออำนวยให้
    พลังงานที่สร้างสรรค์ หลั่งไหลไปสู่โลก
    หรือมิติหนึ่งๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

    พื้นที่ในโลกที่อยู่ใกล้เคียงกับจุดประสานมิติหลัก
    และจุดประสานมิติรองเหล่านี้
    จะมีแรงดึงดูดของโลกแตกต่างไปจากปกติเล็กน้อย
    และกฎเกณฑ์ทางกายภาพอื่นๆจะผิดเพี้ยนไป


    สำหรับหน่วยของพลังงานประจุแม่เหล็กไฟฟ้าแล้ว
    โมเลกุลอาจปรากฎใหญ่โตเท่าดาวนพเคราะห์
    อะตอม-โมเลกุล หรือดาวนพเคราะห์ และ
    หน่วยของพลังงานประจุแม่เหล็กไฟฟ้า
    ล้วนเป็นผลลัพธ์อันแตกต่างกัน
    ที่เกิดจากหลักการณ์และกฎเดียวกัน
    ที่นำหน่วยย่อยของมันมาก่อเกิดเป็นวัตถุธาตุ

    ตำแหน่งอ้างอิงและการจดจ่ออันจำกัด
    ภายใต้ช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาของเธอ
    ทำให้เธอไม่อาจมองเห็นความเป็นไปเหล่านี้ได้

    ความคิดแต่ละความคิด อารมณ์แต่ละอารมณ์
    ล้วนมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นหน่วยพลังงานประจุแม่เหล็กไฟฟ้า
    หรือองค์ประกอบของหน่วยย่อยเหล่านี้ภายใต้ภาวะจำเพาะ
    และแปลงสภาวะกลายเป็นวัตถุธาตุ
    ด้วยการเอื้ออำนวยของจุดประสานมิติ


    พื้นที่บางตำแหน่งบนโลก
    อันเป็นท้องที่ที่ถูกครอบคลุม
    ด้วยจุดประสานมิติดังกล่าว
    การสร้างสรรค์และการทำลายล้าง
    มีความเป็นไปได้สูงพอๆกัน


    "จุดประสานมิติสมบูรณ์" มีอยู่ทั้งหมดสี่จุดด้วยกัน
    ซึ่งตัดผ่านโลกแห่งความเป็นจริงทุกโลก
    ตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เธอรู้จัก
    กล่าวได้ว่าจุดประสานมิติ เป็นต้นกำเนิดโบราณ
    ดั้งเดิมของพลังงานอันน่าอัศจรรย์
    และเป็นต้นกำเนิดของจุดประสานมิติหลัก
    และจุดประสานมิติรองอีกมากมายเหลือคณานับ

    สี่จุดหลัก และรองๆลงไป ที่ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง เดี๋ยวต้องไปค้นอีกที
    ที่เขากะลา จ. นครสวรรค์นี่คงเป็นจุดประสานมิติจุดหนึ่งแน่นอนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2008
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...