ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. LuckyFriday

    LuckyFriday เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,153


    ปริเฉทที่ ๒๙
    ธาตุอันตรธานปริวัตต์
    คำว่า อัตรธาน คือ ความเสื่อมสูญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มี ๕ ประการ คือ
    ๑.ปริยัติอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งพระปริยัติ
    ๒.ปฏิบัติอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งการปฏิบัติ
    ๓.ปฏิเวธอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งการสำเร็จมรรคผลนิพพาน
    ๔.ลิงคอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งเพศสมณะ
    ๕.ธาตุอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งพระบรมธาตุ
    ปริยัติอันตรธาน
    พระปริยัติ ได้แก่พระไตรปิฏกทั้ง ๓ คือ พระวินัยปิฏก พระสุตตันตปิฏก และพระอภิธรรมปิฏก ตราบใดที่พระไตรปิฏกยังดำรงอยู่ พระพุทธศาสนาก็ชื่อว่าดำรงอยู่ตราบนั้น เพราะบุคคลจะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ก็ด้วยอาศัยการศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฏก เมื่อพระปริยัติเสื่อมถอยหาบุคคลที่จะศึกษาเล่าเรียนน้อย ศาสนาก็เสื่อมถอยตามไปด้วย การเสื่อมถอยแห่งพระปริยัตินั้นจะมีสิ่งบอกเหตุให้ทราบเป็นลำดับคือ
    เมื่อถึงกลียุคสมัย พระราชามหากษัตริย์มิได้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมประเพณี อีกทั้งหมู่อำมาตย์ราชเสนาบดี รวมทั้งอาณาประชาราษฏร์ทั้งในเมืองและชนบท ต่างพากันงดเว้นจากการประพฤติธรรม พากันหาความสุขสำราญตามอัธยาศัย ข่มเหงเบียดเบียนผู้ที่อ่อนแอกว่าให้เดือดร้อน เมื่อเป็นเช่นนี้ ดินฟ้าอากาศก็วิปริต ผิดปกติฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาก็หายาก หมู่มนุษย์และสัตว์พากันลำบากเดือดร้อนขาดแคลนอาหารทั้งทรัพย์สินเงินทอง เมื่อมนุษย์ทั้งหลายต่างพากันอดอยากยากเข็ญแล้ว จตุปัจจัยไทยทานที่จะถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ให้อยู่ดีมีสุขก็หายาก ภิกษุสงฆ์ก็พลอยได้รับความลำบากไปด้วย เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ ก็ไม่สามารถสงเคราะห์กุลบุตรให้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติได้ ครั้นเมื่อพระปริยัติขาดผู้เล่าเรียนแล้วก็เสื่อมทรุดลงตามลำดับ ภิกษุทั้งหลายจะไม่รู้ความหมายแห่งพระปริยัติ จะเหลือแต่บาลีอย่างเดียวแต่ขาดผู้รู้ความหมาย
    ในการเสื่อมสูญแห่งพระไตรปิฏกนั้น พระอภิธรรมปิฏกจะเสื่อมก่อน พระอภิธรรมนั้นมี ๗ คัมภีร์ ได้แก่
    ๑.พระสังคิณี
    ๒.พระวิภังค์
    ๓.พระธาตุกถา
    ๔.พระปุคคลบัญญัติ
    ๕.พระกถาวัตถุ
    ๖.พระยมก
    ๗.พระมหาปัฏฐาน

    ในพระอภิธัมทั้ง ๗ คัมภีร์นี้ เมื่อจะเสื่อมก็เสื่อมลงจากยอด คือคัมภีร์มหาปัฏฐานก่อน ลำดับต่อไปก็เป็นคัมภีร์ยมก กถาวัตถุ จนถึงสังคิณี โดยลำดับ
    เมื่อพระอภิธรรมปิฏกเสื่อมแล้ว ถ้าพระสุตตันตปิฏกและพระวินัยปิฏกยังดำรงอยู่ ก็ชื่อว่าพระพุทธศาสนายังดำรงอยู่เช่นกัน
    พระสุตตันตปิฏกนั้น เมื่อจะเสื่อมก็เสื่อมมาจากยอดคือ อังคุตรนิกายเสื่อมก่อน จากนั้นก็ถึง สังยุตนิกาย มัชฌิมนิกาย และทีฆนิกายเป็นสุดท้าย เมื่อทีฆนิกายเสื่อมแล้ว พระสุตตันตปิฏกจึงได้ชื่อว่าเสื่อมสูญ จากนั้นภิกษุทั้งหลายไม่สามารถจะทรงจำซึ่งชาดกต่างๆ ได้ และชาดกที่จะเสื่อมเป็นชาดกแรกก็คือ เวสสันดรชาดก
    ต่อจากนั้น ภิกษุทั้งหลายก็จะทรงจำไว้ซึ่งพระวินัยปิฏกเพียงอย่างเดียว ครั้นเวลาล่วงไป พระวินัยปิฏกก็เสื่อมลงเป็นปิฏกสุดท้าย และเมื่อเสื่อมคัมภีร์บริวารจะเสื่อมเป็นคัมภีร์แรก ต่อจากนั้นก็เป็นคัมภีร์ขันธกะ คือ จุลวรรค คัมภีร์ภิกขุวิภังค์ ภิกขุณีวิภังค์ เสื่อมลงมาตามลำดับ จึงได้ชื่อว่าพระวินัยปิฏกเสื่อมสูญ
    แม้กระนั้น พระปริยัติก็ชื่อว่าไม่เสื่อม ถ้าตราบใดที่ยังมีบุคคลสามารถจำคาถาแม้ไม่มากเพียง ๔ บาทเท่านั้น พระปริยัติก็ยังชื่อว่าไม่อันตรธาน แต่ถ้าเมื่อใด หาผู้รู้คาถาเพียง ๔ บาทนั้นไม่ได้แล้ว เมื่อนั้น พระปริยัติ ชื่อว่าอันตรธานสูญสิ้นหาเศษมิได้
    ปฏิบัติอันตรธาน
    กาลเวลาผ่านไป ภิกษุทั้งหลายไม่สามารถจะบำเพ็ญเพียรปฏิบัติให้เกิดฌาน วิปัสสนาและ มรรคผลได้ จะยังคงรักษาอยู่แต่ปาริสุทธิศีล ๔ เท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านนานไปภิกษุทั้งหลายพากันเบื่อหน่ายต่อการที่จะรักษาให้บริสุทธิ์ เพราะมองไม่เห็นประโยชน์ในการรักษาพากันเลิกละความเพียร มีแต่ความเกียจคร้านล่วงละเมิดอาบัติน้อยใหญ่ หมดสิ้นความละอาย แม้กระนั้นถ้าหากยังมีภิกษุทรงไว้ ซึ่งปาราชิกสิกขาบทอยู่แล้วปฏิบัติ ก็ชื่อว่ายังไม่อันตรธาน ต่อเมื่อไม่มีภิกษุสำรวมรักษาปาราชิกสิกขาบทแล้ว จึงได้ชื่อว่าปฏิบัติอันตรธาน
    ปฏิเวธอันตรธาน
    พระอรรถกถาจารย์กล่าวไว้ว่า ถ้ายังมีบุคคลสำเร็จเป็นพระโสดาบันแม้เพียงผู้เดียว ก็ยังชื่อว่าปฏิเวธยังดำรงอยู่ แต่ถ้าโลกนี้หาผู้สำเร็จเป็นพระโสดาบันบุคคลไม่มีเลยนั้น ปฏิเวธ ก็ได้ชื่อว่าถึงกาลอันตรธาน
    ลิงคอันตรธาน
    ต่อไปภายภาคหน้า ภิกษุทั้งหลายมีปฏิปทาไม่นำมาซึ่งความเลื่อมใส จะอยู่ในอิรอยาบถใดก็ไม่สำรวมเหมือนพวกเดียรถีย์ไม่มีความสำรวม ประพฤตินอกรีดอนาจารต่างๆ ผิดเพศภิกษุซึ่งเป็นพุทธสาวก แม้กระนั้นก็ยังชื่อว่าเพศสมณะ ยังไม่ถึงกับอันตรธาน
    แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป ภิกษุทั้งหลายไม่ใช้ผ้าไตรจีวรมีสีอันควรแก่สมณเพศ เห็นว่าสีผ้ากาสาวพัสตร์ไม่มีความสำคัญ จากนั้นก็พากันละทิ้งบริขารแม้กระทั้งไตรจีวร พากันประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวทั้งบุตรและภรรยา จะมีก็แต่เศษผ้าเหลืองชิ้นน้อยๆ ห้อยอยู่ที่คอหรือผูกไว้ที่ข้อมือเท่านั้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการเป็นพระภิกษุ สมดังพระดำรัสที่ครั้งหนึ่งพระบรมศาสดาตรัสแก่พระอานนท์ว่า
     
  2. Romli the kid

    Romli the kid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +720
    ขออนุโมทนาด้วยครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ความหมายจริงๆ ของยุคชาวศิวิไลซ์ หมายถึงยุคที่มนุษย์จะมีความเจริญทางด้านจิตวิญญาณอย่างสูงสุด หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเคยทำนายเอาไว้ว่า ยุคชาวศิวิไลซ์นี้ จะเป็นยุคที่พระพุทธศาสนากลับมารุ่งเรืองได้อีกวาระหนึ่ง จะเกิดมีพระอรหันต์มากมายคล้ายในสมัยพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ครับ

    ยุคชาวศิวิไลซ์นี้จึงจะเป็นยุคที่มนุษย์สามารถปฎิบัติธรรมได้ง่ายและรวดเร็ว จนสำเร็จมรรคผลเป็นพระอรหันต์ได้เป็นจำนวนมากครับ เรื่องที่ว่ายุคชาวศิวิไลซ์จะเป็นยุคที่มีแต่คนร่ำรวย มั่งคั่งด้วยทองคำและเพชรนิลจินดานั้น ผมว่ามันเป็นเรื่องรองๆลงไป จากเรื่องความมีศีลธรรมประจำใจอันดีงามของคนในยุคนั้น การที่สามารถรอดชีวิตจากภัยพิบัติ เพื่อจะได้เข้าสู่ยุคชาวศิวิไลซ์นั้นจึงมีความสำคัญมากดังที่ได้กล่าวมาแล้วครับ
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จริงครับ......แต่ว่าใครจะกล้ารับประกันได้ว่าตัวของเรามีความดี ถึงขนาดที่เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้องลงมาให้ความช่วยเหลือ.....

    ผมมีนิทานอยู่เรื่องหนึ่งอยากจะเล่าให้ฟัง มีชายคนหนึ่งหนีน้ำท่วมขึ้นไปอยู่หลังคาบ้าน ชายคนนี้มีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าอย่างมาก เขาได้ติดอยู่บนหลังคาบ้านอยู่ 2 วัน ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ แต่ในใจก็คิดอยู่แต่ว่าอย่างไรเสียพระเจ้าก็จะไม่ทอดทิ้งเขาแน่ๆ จึงยังไม่ยอมหนีไปไหน วันรุ่งขึ้นก็มีเรือของเจ้าหน้าที่มาช่วย ชายคนนี้ก็ไม่ยอมรับความช่วยเหลือบอกแต่ว่าจะรอพระเจ้ามาช่วย อีกสองวันต่อมาก็มีเฮลิคอปเตอร์บินผ่ามมาเห็นก็เข้าทำการช่วยเหลือ ชายคนนี้ก็ไม่ยอมรับความช่วยเหลือเหมือนเดิม บอกแต่ว่าจะรอพระเจ้าเหมือนเดิม ในที่สุดชายหนุ่มคนนี้ก็ตายและได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้า จึงได้ตัดพ้อกับพระเจ้าว่า ทำไมพระเจ้าไม่ยอมช่วยเขาเมื่อชายคนนี้พูดจบ พระเจ้าก็ได้ตอบกลับไปว่า ก็ไอ้คนที่พายเรือกับไอ้คนที่ขับเฮลิคอปเตอร์ ที่เจ้าไม่ยอมรับความช่วยเหลือ คือคนที่ข้าส่งไป แล้วเจ้าจะเอาอย่างไรอีกหล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2008
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Xorce [​IMG]
    จริงๆแล้วนะครับ ผมรู้สึกว่าหากเกิดภัยพิบัติขึ้นเมื่อไหร่ 10ล้านคนจะถึงด้วยซ้ำรึเปล่าครับที่จะรอด เพราะว่าผมยังไม่เห็นวิธีที่คนจำนวนถึง1/3ของโลกจะมีชีวิตรอดได้เลยครับ แค่ 10ล้านที่จะรอดผมว่าก็เก่งแล้วครับ เอาเข้าจริงคิดว่าไม่ถึง 10 ล้านด้วยครับ นี่เป็นแค่ความคิดเห็นที่สามารถผิดพลาดได้ครับ อย่าสนใจกับความคิดเห็นอันเลื่อนลอยของผมครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    อย่าพึ่งหมดหวังครับน้อง Xorce ตัวช่วยยังมีอีกหลายตัวเช่น มนุษย์ต่างดาวของกลุ่มเขากะลา จะพาคนที่มีศีลธรรมเข้าไปหลบในอีกมิติหนึ่งในช่วงเกิดภัยพิบัติ เจ้าเมืองลับแลซึ่งมีอยู่หลายแห่ง ก็รับปากว่าจะพาคนที่มีศีลธรรมเข้าไปหลบภัยในเมืองลับแล

    พระและฆราวาสที่ทรงอภิญญา(ซึ่งตอนนี้อยู่ในป่า)ก็จะออกมาใช้ฤทธิ์ที่ตัวเองมีช่วยพาคนที่มีศีลธรรม ไปไว้ในสถานที่ปลอดภัยอย่างเต็มที่ในช่วงเกิดภัยภิบัติ เหล่าพุทธภูมิที่อาสาลงมาเกิดเพื่อช่วยคนในกึ่งพุทธกาลนี้ ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก ต่างจุติลงมาพร้อมกับพระศรีอาริย์ มาเพื่อช่วยยกยอพระพุทธศาสนาให้อยู่จนครบ 5,000 ปี จะใช้บุญบารมีที่ตนเองสั่งสมมาเข้าช่วยเหลือคนดีมีศีลธรรมให้รอดชีวิตจากภัยพิบัติได้เป็นจำนวนมากครับ

    พุทธสถานและศาสนสถานที่มีพระผู้ทรงศีลบริสุทธิ์รักษาอยู่ จะปรากฎมีรัศมีสีม่วงครอบคลุมอยู่ทั้งหมด รัศมีสีม่วงนั้นมีสภาพเหมือนกำแพงแก้วที่สามารถป้องกันรังสีนิวเคลียร์,อาวุธเชื้อโรค, ฝนกรด,พายุฟ้าผ่า,และภูติผีปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากนรกเพื่อจะมาเอาชีวิตคนได้ครับ ผู้ที่มีศีลมีธรรมจะได้รับการดลใจให้เข้าไปหลบภัยในพุทธสถานเหล่านี้ได้ทันเวลาครับ

    ตัวช่วยต่างๆ เหล่านี้คือคำตอบสำคัญที่ว่า ทำไมคนจำนวน 1/3 ของโลกจึงรอดชีวิตจากภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้มาได้ ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากมายเลย ไม่ได้สร้างหลุมหลบภัยใต้ดินที่สามารถกันรังสีนิวเคลียร์ ไม่ได้เตรียมหน้ากากกันอาวุธเชื้อโรค ไม่ได้เตรียมสะเบียงอาหาร หยูกยา ฯลฯ แต่ที่รอดมาได้เพราะเขาเป็นคนดีมีศีลธรรม ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนได้มองเห็นจึงได้ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ (เฉพาะคนดีๆ เท่านั้นส่วนคนชั่วหมดสิทธิ์ครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • atomdance.jpg
      atomdance.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.9 KB
      เปิดดู:
      1,434
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2008
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ต้องขออภัยสำหรับท่านที่เคยอ่านบทความนี้มาแล้ว ที่ต้องนำมาโพสต์อีกครั้งเพราะมีสมาชิกท่านใหม่ๆ ที่เพิ่งจะเข้ามาอ่านในกระทู้นี้ จึงจำเป็นต้องเอาบทความสำคัญชิ้นนี้ มาให้อ่านกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะมีสัญญาณเตือนเข้ามามากว่า เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันอันมืดมิด อาจจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ก็ได้ครับ

    [​IMG]

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ

    ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะได้นำมาให้อ่านต่อไปนี้ ได้มาจากหนังสือเรื่อง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2008
  7. koh55559

    koh55559 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +542
    เพราะฉะนั้นเราก็เตรียมตัวเท่าที่เรากระทำได้อย่าไปเตรียมการอะไรมากมายถ้าเราจะรอดมันก็มีกินเอง ถ้ามี่กรรมเตรียมไว้มากๆมายๆก่ายกองน้ำมันก็พัดไปหมดอยู่ดีเร่งทำความดีกันดีกว่าจะได้ลดโทษหนักให้กลายเป็นเบาลงบ้างมัวแต่มาเตรียมเสบียงเลยเสียเวลาปฏิบัติ สวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา หมด แต่ถ้าใครแบ่งเวลาได้ก็อนุโมทนาครับ แต่ผมเคยถามท่านว่าต้องหนีไหมท่านบอกว่าไม่ต้องหนีไปไหนประคองชีวิตเท่านั้นหนีไปไหนกรรมก็ตามไปที่นั่น...
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    .
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เอ...ถ้าคิดแบบนี้กันหมด หวังพึ่งแต่คนอื่นอย่างเดียวไม่หวังพึ่งตัวเองเลย คนที่เขามีหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือคงต้องทำงานหนักขึ้นเป็นอีกหลายร้อยเท่า ไหนจะต้องเตรียมเสบียงอาหารเอาไว้ให้ ไหนจะต้องคอยไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้รอดชีวิต เพราะไม่มีใครคิดจะช่วยตัวเองเลย......คิดแล้วเหนื่อยใจแทนคุณคณานันท์จริงๆ ครับ

    ศาสนาพุทธสอนว่า "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน"

    ศาสนาคริสต์สอนว่า"จงช่วยตนเองก่อน แล้วพระเจ้าจึงจะช่วยท่าน"

    สุภาษิตไทยสอนว่า"โบราณว่า ถ้าเหลือกำลังลาก จึงออกปากบอกแขกช่วยแบกหาม"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2008
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอเสริมให้พี่เกษมครับ 7:7:49 จากข้อมูลที่ตรงกันของ อ.ปริญญา ตันสกุล
    เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันอันมืดมิด หมายถึง เจ็ดว้นเป็นหนึ่งราตรี (ช่วงละ 7 วัน)..มีทั้งภัยจากนิวเคลียร์ แกนโลกพลิก ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ ฯลฯ


    [​IMG]

    โลกจะพลิกตัวลงไปทางใต้ แล้วกลับขึ้นไปใหม่ ขั้ว S กลับเป็น N ใข้เวลาราว 2เดือน ตามรหัส 49+7+56 [5+6=11]
    1.แนวแกนหมุนของโลกทำมุมกับแนวดิ่ง 32 องศา (เอียงเพิ่มอีก 8.5 องศาจากเดิม 23.5 องศา)ทาง NE*
    2.แนวแกนแม่เหล็กโลก จะย้ายไปอีก 3องศา (เดิม 11 องศา) + 3องศา
    3.ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็ก จะยกตัวสูงขึ้น 60.000 กม.
    4.น้ำหนักมวลบนผิวโลกจะลดลง
    5.ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนเป็น 22 เกาส์ (จากเดิม 14 เกาส์)
    6.โลกจะหมุนเร็วขึ้นจาก 24 ชม. เป็น 22 ชม.ต่อรอบ


    ศึกษาไว้ก่อนครับ หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆ จะทำให้เข้าใจสถานการณ์ และมีสติครับ
    รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2008
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ความลับที่อยู่ใต้โลก


    [​IMG]

    บริเวณใจกลางโลกไม่ได้มีแท่งแม่เหล็ก ดังที่นักวิทยาศาสตร์โลกเข้าใจกัน
    แต่มี ธาตุออกซิเจนเหลวเข้มข้นบริสุทธิ์ 100 % ใสสีขียวคล้ายมรกต มีสารเหลวเป็นเหล็กหลอมละลายไหลไปมา หล่อลื่นเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่แหล็ก ให้มีแรงเหวี่ยวหมุนรอบตัวเองที่ความเร็ว 840 ไมล์ต่อชั่วโมง
    อากาศที่เราใช้หายใจ อยู่ก็ไม่ได้เกิดบนจากผิวโลก แหล่งกำเนิดที่แท้จริงนั้นอยู่ใจกลางโลก ล้วนก็แทรกซึมผ่านชั้นดิน และการคายตัวจากการระเบิดของภูเขาไฟแต่ละครั้งในธรรมชาติ
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2008
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    มนุษย์ทำงานร่วมกับโลกได้อย่างไร?

    มนุษย์แต่ละคนบนผิวโลก ทำหน้าที่เหมือนกับ "ไดนาโม" (Generator) ช่วยกันสร้างสายธารประจุไฟฟ้าที่เป็นด้านบวก ด้วยอารมณ์รู้สึกนึกคิดที่เป็นบวกที่มอบให้กับโลก โดยเหวี่ยวออกมาทาง ตาที่ 3 (ต่อมไพนีล) เข้าไปสั่นสะเทือนแก่นแท้ใจกลางโลก จุดระเบิดอะตอมของออกซิเจนเหลวที่อยู่ใจกลางโลกเพื่อการ:-

    -มอบพลังงานกับโลกใบนี้ให้หมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่อง
    -จุดระเบิดอะตอมออกซิเจนในใจกลางโลก ให้เราได้ใช้หายใจอย่างต่อเนื่อง
    -สร้างรั้วสนามแม่เหล็กให้แข็งแกร่ง และยกตัวสูงขึ้นเพื่อป้องกันเทหวัตถุในอวกาศ

    จักรวาลทำการแบ่งช่องตารางบนผิวโลก โดย 1ช่องบนพื้นที่ 33.66 ตรม.
    ควรจะมีน้ำหนักมวลของมนุษย์อย่างน้อย 20 คน และต้องมีอย่างน้อย 6 คนที่เป็นคนดี จึงจะเพียงพอที่จะมอบพลังงานด้านบวกให้กับโลก

    ซึ่งได้จัดวางตำแหน่งต่างๆเอาไว้ให้อาศัยอยู่ได้ เช่น ให้พื้นดิน 1 ใน3 ส่วน มีซีกตะวันตกและตะวันออก ให้มนุษย์สลับกันทำหน้าที่ทั้งกลางวัน กลางคืน (เพื่อไม่ให้เกิดแรงต้านในด้านตรงกันข้าม)
    พื้นที่ไม่ให้อยู่อาศัย เช่นทะเลทราย มหาสมุทร บริเวณขั้วโลก เป็นต้น ทุกอย่างถูกจัดวางเอาไว้ โดยมิได้เกิดจากความบังเอิญ

    หน้าของมนุษย์ทุกคนก็คือ จะต้องสร้างความสมดุลให้กับระบบโลก ทั้ง"กายภาพ"และ "พลังงาน" ด้วยเครื่องยนต์แห่งกรรม ซึ่งมีมวลหยาบๆแต่สลับซับซ้อน ร่วมกับแก่นแท้ที่เรียกว่า"จิตวิญญาณ"โดยทำตนเองให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งอื่นๆ ไม่เบียดเบียนทำลายกันให้จงได้
    ซึ่งก็คือมนุษย์จะต้องไม่ทำการใดๆในอันที่จะลดหรือเพิ่มน้ำหนักมวล ด้วยการสร้างวัตถุเทคโนโลยีที่เป็นขยะรกโลกจนเกินจำเป็น
    หากดาวเคราะห์โลกมีน้ำหนักมวลเพิ่มขึ้น หรือลดลง (เฉพาะบนพื้นผิวโลก)จากเดิมที่ได้กำหนดค่าคงที่เอาไว้แล้วละก็ สภาวะการเสียสมดุลของระบบโลกย่อมเกิดขึ้นแน่นอน

    ดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลไปมากมายในปลายยุคพลังงานเก่า เป็นเพราะว่าตลอดระยะเวลา 60,800 ปีเศษ ที่ผ่านมา มนุษย์โลกไม่เห็นแจ้ง ไม่เข้าใจแจ้ง และไม่รู้แจ้ง ในความเป็นคนสองมิติของตนเองเลย หรือหมายถึง "มนุษย์ไม่รู้จักตนเอง" นั่นเอง จึงแสดงออกซึ่งความเหลวไหล และล้มเหลวมากยิ่งขึ้น ถ้ามนุษย์จะสั่นสะเทือนตนเองให้ถูกต้องแล้ว จะต้องสั่นสะเทือนทางด้านบวก เท่านั้นแต่เพียงด้านเดียว มันจะสร้างสายธารประจุบวกออกมาทันที ด้วยอำนาจของความรัก เพือการดึงดูดเหนี่ยวรั้งผู้อื่น สรรพสิ่งอื่นให้มาเป็นพวกเดียวกันหรือระบบเดียวกันให้ได้

    ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า..
    "เราคือโลก โลกคือเรา"<!-- / message --><!-- attachments -->​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2008
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]

    แกนโลกส่าย
    นักวิทยาศาสตร์ พบว่าแกนแม่เหล็กโลกกำลังเคลื่อนที่และย้ายตำแหน่งในลักษณะส่ายเหมือนลูกข่าง ทิศเหนือของขั้วโลกในขณะนี้ ต้องคอยค้นหาติดตามตำแหน่งที่แท้จริงตลอดเวลา การค้นพบขั้วแต่ละครั้ง และที่ค้นพบที่นั้นมันได้เคลื่อนย้ายไปอย่างน้อยที่สุด 50 km ต่อปี

    ในแต่ละปีที่มีการบันทึกตำแหน่งขั้วแม่เหล็กโลกเอาไว้ สังเกตุว่าตั้งแต่ปี 1948 (ช่วงสงครามโลกครั้งที่1-2) เป็นตั้นมา จนถึงปี2001 ตำแหน่งมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อยๆทุกปี จนถึงในปัจจุบัน



    [​IMG]
     
  14. koh55559

    koh55559 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +542
    ผมไม่ได้หมายความอย่างที่คุณเกษมเข้าใจผมพยายามบอกว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรมไม่ใช่รอให้สิ่งศักดิ์หรือใครมาช่วยหรอกครับ...เพียงแต่ผมรู้มายังไงผมก็แค่ถ่ายทอดมาให้ฟังเท่านั้น...ยกตัวอย่างที่ผมเห็นคนที่รู้เรื่องนี้มานานเท่ากับผมเขาก็ไปเช่าบ้านซึ่งคิดว่าเป็นที่ปลอดภัยนานแล้วเป็นปีซึ่งผมว่าไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินทำแบบนั้นเลยสู้เอาไปทำสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่านี้จะดีกว่าซึ่งจะเกิดตอนไหนเราหรือว่าใครไม่สามารถรู้ได้หรอกนอกจากพระองค์ท่าน...ภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ใช่ภัยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติครับใช่ว่าคนที่หนีจะรอดคือคนที่เตรียมพร้อมใช่ว่าดีแค่ชาติเดียวจะรอดแต่เบื้องบนเขาเอาบุญกรมทุกชาติมารวมกันบวกลบยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์คนที่จะรอดอยู่ในอุ้งมือท่านหมดแล้วตอนนี้ทำได้แค่รอเวลาเท่านั้นเหลือเวลาไม่มากแล้วเร่งทำจิตให้มั่นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่จิตตัวเดียว...
     
  15. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ตกลง สรุปแบบนี้ได้หรือไม่

    1. คนไม่ดี = ไม่รอด

    2. คนดี = รอด

    2.1 คนดี รอด แต่ไม่มีข้าวกิน = รอด แบบเกือบไม่รอด หรืออาจอดตาย

    2.2 คนดี รอด มีข้าวกิน = รอด แบบประทังชีวิตได้

    เหตุแห่งการมีข้าวกิน

    A - เตรียมอาหารด้วยตนเอง ( หวังได้มาก)

    B - กรรมดี โดย มนุษย์ด้วยกัน เตรียมอาหารให้ ( หวังได้น้อย)

    C - กรรมดี โดย ปาฏิหารย์จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ( หวังได้เลือนลาง )

    ดังนั้นการเลือก option ต่างๆ เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ที่ไม่สามารถบังคับได้

    เช่น

    บางคนเลือก 2ฺA คือ เชื่อว่า คนดี ต้องรอด และต้องเตรียมอาหารไว้ล่วงหน้า
    บางคนเลือก 2ฺB คือ เชื่อว่า คนดี ต้องรอด และไม่ต้องเตรียมอาหาร เพราะด้วยกรรมดี จะมีคนอื่นแบ่งอาหารให้

    บางคนเลือก 2C คือ เชื่อว่า คนดี ต้องรอด และไม่ต้องเตรียมอาหาร เพราะด้วยกรรมดี จะมีปาฏิหารย์ต่างๆ

    ส่วน 1A นั้นไม่รอด คือ คนไม่ดีจะเตรียมอย่างไรก้ไม่รอด

    ส่วน 1ฺB 1C ไม่มี เพราะคนไม่ดี กับกรรมดี เป็นเรื่องขัดแย้งกัน



     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192

    ต้องขอโทษด้วยครับที่เข้าใจผิดไป ที่เขียนบอกไปนี้ก็เพื่อต้องการให้เกิดการตื่นตัวเรื่องภัยพิบัติกัน จะได้มาร่วมกันคิด มาร่วมกันวางแผน เตรียมรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ครับ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผมขออนุญาตนำบทความของคุณสุดใจแห่งเขากะลา มาจัดเรียงข้อความให้อ่านกันได้ง่ายๆ และขอเน้นประโยคสำคัญเพื่อให้จดจำกันได้ไม่ลืมนะครับ

    สุดใจเขากะลา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_925411", true); </SCRIPT> สมาชิก ยอดนิยม

    พี่สุดใจก็ขอนำข้อมูลที่น่าสนใจมาให้ทุกท่านรับทราบอีกเช่นเคย แต่ข้อมูลต่อไปนี้ ขอให้ท่านที่อ่านข้อความเหล่านี้ ควรอ่านอย่างพิจารณา และมีสติไตร่ตรอง เพราะเป็นเรื่องราวเฉพาะกลุ่มฯ ที่ได้รับการถ่ายทอดมาเท่านั้น มิได้หมายความว่าท่านต้องเชื่อ หรือไม่เชื่อ หรือจะต้องตระหนกตกใจใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เพราะมีความสนใจจากหลายท่านที่ต้องการทราบเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่มาโลกมนุษย์ ต้องการทราบว่า เขาจะมาช่วยเหลือจริงหรือ ต้องการทราบว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นร้ายแรงจนเราช่วยกันไม่ได้จริงหรือ และที่หลายกลุ่มฯ หลายสำนัก เขาทำนายกันมากมายนั้น มันจะเกิดขึ้นจริงหรือ ?<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งมีมุมมองมากมายในหลาย ๆ กระแสของผู้ที่รับสื่อ ว่าได้มีการมาเตือนเรื่องภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าในอนาคต บางแห่งมีการทำนายวันเวลาที่จะเกิด มีการเตรียมการหลายด้านในแต่ละกลุ่ม ซึ่งกลุ่มต่าง ๆ เหล่านั้น ย่อมมีการรับข้อมูล มีการรับทราบข้อมูลการเตือนมาจากจุดใดจุดหนึ่งที่น่าเชื่อถือได้ จนต้องมีการเตรียมการสร้างอาคารสถานที่หลบภัยพิบัติไว้ยังจุดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่ทำเรื่องของภัยพิบัติ แต่อาจจะแตกต่างจากกลุ่มอื่น ๆ ก็ตรงที่ ไม่ได้มีการเตรียมการเรื่องสถานที่ เรื่องอาหาร เรื่องบุคลากร แต่งานที่ทำก็คือการประสานงานกับกลุ่มต่าง ๆ การนำข้อมูลที่ได้รับการสื่อสารมาเผยแพร่ไปยังคนหมู่มากให้ได้รับรู้ เป็นการเตือนด้วยการ
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อหิวาต์ลามฮานอย 400,000 ฉีดวันซีนรับมือ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 มกราคม 2551 19:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>สตรีคนนี้จอดรถมอเตอร์ไซค์และรับประทาน "จานด่วน" มื้อเช้า จากแผงจำหน่ายริมถนนในกรุงฮานอย ทางการกำลังเริ่มระดมฉีดวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรควันศกร์ (18 ม.ค.) นี้มีชาวเมืองหลวงราว 400,000 คนต้องรับวัคซีน (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อวันศุกร์ (18 ม.ค.) นี้ ทางการกรุงฮานอยได้เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนนับหมื่นๆ คน ตามสถานีอนามัย โรงพยาบาลและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ๆ จัดเอาไว้ประมาณ 500 แห่ง ในเขต 2 อำเภอ ที่เกิดโรคร้องร่วงเฉียบพลันแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางเมื่อเร็วๆ นี้

    ใน อ.หว่างมาย (Hoang Mai) กับ อ.แถ่งซวน (Thanh Xuan มีประชาชนที่จะต้องได้รับวัคซีนราว 400,000 คน จึงเป็นการระดมให้วัคซีนป้องกันโรคครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประเทศนี้

    การให้วัคซีนจะดำเนินไปใน 2 ช่วงคือ ช่วงแรกระหว่างวันที่ 18-20 ม.ค. และ อีกครั้งหนึ่งระหว่างวันที่ 28-30 ม.ค.เพื่อฉีดกระตุ้น ทั้งนี้เป็นรายงานของเวียดนามเอ็กซ์เพรส สำนักข่าวภาษาเวียดนามของทางการ

    วันซีนป้องกันอหิวาตกโรคผลิตเองในเวียดนามและเคยใช้ได้ผลมาแล้วในช่วงปีใกล้ๆ นี้ เมื่อครั้งเกิดอหิวาต์ระบาดในเขตจังหวัดภาคกลางกับภาคใต้ของประเทศ

    นพ.เหวียนเจิ่นเฮียน (Nguyen Tran Hien) แห่งศูนย์แพร่ระบาดวิทยากลางกรุงฮานอยกล่าวว่า วัคซีนป้องกันอหิวาต์จะเริ่มออกฤทธิ์ในสองวัน แต่จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงสุดเมื่อมีการฉีดกระตุ้นอีกครั้งหนึ่ง

    อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ผู้นี้กล่าวว่า วัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้เพียง 60-70% เท่านั้น ทางที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงก็คือ รับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย

    ในเดือน พ.ย.2550 โรคท้องร่วงได้เริ่มแพร่ระบาดในเขตเมืองหลวงกับอีกบางจังหวัดทางภาคเหนือ กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามเพิ่งประกาศในวันที่ 7 ม.ค.ว่า สามารถจัดการกับการแพร่ระบาดได้แล้ว

    แต่ต่อมาได้พบข้อมูลใหม่ กล่าวคือเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2550 ได้มีผู้ป่วยโรคท้องร่วงจำนวนหนึ่งรวม 22 คนอาการทวีขึ้นอีก ในนั้น 17 คนใน 6 อำเภอของเมืองหลวงมีอาการเฉียบพลัน

    เวียดนามเอ็กซ์เพรสกล่าวว่า อ.หว่างมายกับ อ.แถ่งซวน เป็นเขตที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงที่สุด ที่นั่นมีแรงงานอพยพจากต่างจังหวัดอาศัยอยู่มากที่สุด.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000007543
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ดาวอังคารรอดจากการถูกชนจากดาวเคราะห์น้อย

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 19 ม.ค.- เผยการติดตามสำรวจดาวเคราะห์น้อย 2007 ดับเบิลยูดี 5 ซึ่งจะเฉียดใกล้ดาวอังคารที่สุดในวันที่ 30 ม.ค.นี้ พบว่าโอกาสที่ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้จะพุ่งชนดาวอังคารได้ลดลงไปอย่างมากจนเหลือเพียงร้อยละ 0.01 หรือ 1 ใน 10,000 เท่านั้น

    สมาคมดาราศาสตร์ไทย รายงานว่า จากการเฝ้าติดตามและคำนวณแนววงโคจรใหม่ของดาวเคราะห์น้อย 2007 ดับเบิลยูดี 5 โดยสำนักงานโครงการวัตถุใกล้โลก (Near Earth-Object : NEO) ขององค์การบริหารการบินและอวกาศ (NASA) สหรัฐอเมริกา พบว่าดาวเคราะห์น้อยดวงนี้จะโคจรเฉียดผ่านดาวอังคารที่ระยะประมาณ 26,000 กิโลเมตร ในวันที่ 30 มกราคม 2551 โดยมีโอกาสที่จะชนเหลือเพียงร้อยละ 0.01 หรือ 1 ใน 10,000 เท่านั้น ลดจากเดิม ที่มีโอกาสร้อยละ 2.5 ตามการคำนวณในวันที่ 9 มกราคม และมีความเป็นไปได้ถึงร้อยละ 99.7 ที่ 2007 ดับเบิลยูดี 5 จะบินเฉียดผิวดาวอังคารไปภายในระยะ ไม่ใกล้ไปกว่า 4,000 กิโลเมตร จากพื้นผิว

    ข้อมูลการสำรวจที่ทยอยหลั่งไหลเข้ามาในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีผลต่อการคาดการณ์วิถีของ 2007 ดับเบิลยูดี 5 มาก โอกาสในการพุ่งชนเคยลดลงไปจนเหลือศูนย์แต่แล้วก็แกว่งกลับขึ้นมาอีก แต่จนถึงที่สุดแล้วก็มาหยุดอยู่ที่ตัวเลขในปัจจุบัน นักดาราศาสตร์คาดว่าดาวเคราะห์น้อยดวงนี้จะเฉียดดาวอังคารไปโดยมีช่วงเข้าใกล้ที่สุด 26,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 7 เท่าของรัศมีดาวอังคาร จากจุดศูนย์กลางดาวอังคารเมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 30 มกราคม 2551 ตามเวลาประเทศไทย

    อย่างไรก็ตาม โครงการสเปซการ์ดของนาซายังคงเดินหน้าค้นหาดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกอย่าง 2007 ดับเบิลยูดี 5 ต่อไป มีเป้าหมายอยู่ที่การค้นหาวัตถุที่ใหญ่กว่า 1 กิโลเมตร และติดตามการเคลื่อนที่เพื่อหาความน่าจะเป็นที่จะพุ่งชน สำหรับ 2007 ดับเบิลยูดี 5 นักดาราศาสตร์เชื่อมั่นว่าจะไม่ชนโลกหรือดาวอังคารอย่างแน่นอนภายในหนึ่งศตวรรษต่อจากนี้.-สำนักข่าวไทย

    2008-01-19 15:31:26

    อินเดียฆ่าไก่เพิ่ม 4 แสนตัวคุมไข้หวัดนก

    [​IMG]

    อินเดีย 19 ม.ค. ทางการอินเดียสั่งฆ่าสัตว์ปีกเพิ่มอีกในวันนี้ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดนก ในบริเวณภาคตะวันตกของประเทศ

    ทางการอินเดียจะฆ่าสัตว์ปีกเพิ่มอีกประมาณ 4 แสนตัว ในรัฐเวสต์เบงกอล ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ปีกประเภทไก่ หลังจากที่สัตว์ปีกเหล่านี้ เริ่มแสดงอาการป่วยเมื่อหลายวันก่อน ขณะที่มีการยืนยันว่า เชื้อที่พบเป็นเชื้อไข้หวัดนก แต่ต้องรอผลการตรวจสอบอีกครั้งเพื่อชี้ชัดว่า เป็นไวรัสเอช 5 เอ็น 1 หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกในอินเดีย แม้จะเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดนกมาแล้ว 2 ครั้งก่อนหน้านี้

    ขณะเดียวกันโอมาน ได้สั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกทุกประเภทจากอินเดีย และอิหร่านแล้ว หลังมีการระบาดของโรคนี้ในทั้ง 2 ประเทศ .-สำนักข่าวไทย

    2008-01-19 22:06:42

    ยูเอ็นเผยปีที่แล้วเอเชียยังคงเดือดร้อนหนักเพราะภัยพิบัติ

    [​IMG]

    เจนีวา 19 ม.ค.- หน่วยงานของสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเผยว่า ปีที่แล้วเกิดอุทกภัยเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกตเทียบกับอัตราเฉลี่ยช่วง 7 ปีที่ผ่านมา และเอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด

    สำนักงานเลขาธิการยุทธศาสตร์นานาชาติเพื่อการบรรเทาภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ (UN/ISDR) เผยแพร่รายงานประจำปี 2550 รวบรวมโดยศูนย์วิจัยการระบาดวิทยาของภัยพิบัติ (CRED) ว่า ปีที่แล้วเกิดภัยพิบัติขึ้นทั้งหมด 399 ครั้ง เทียบกับอัตราเฉลี่ย 394 ครั้งระหว่างปี 2543-2549 มีผู้เสียชีวิตรวม 16,517 คน น้อยกว่าอัตราเฉลี่ย 73,931 ครั้ง ระหว่างปี 2543-2549 มีผู้ได้รับความเดือดร้อนรวม 197 ล้านคน มูลค่าความเสียหายราว 62,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 ล้านล้านบาท) 8 ใน 10 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเพราะภัยพิบัติมากที่สุดเป็นประเทศในเอเชีย เช่น บังกลาเทศมีผู้คนเสียชีวิต 4,234 คนเพราะไซโคลนซีดร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน

    รายงานของ CRED ระบุว่า อุทกภัยยังคงเป็นภัยพิบัติหลักที่สร้างความเดือดร้อนให้คนทั่วโลกคือมากถึง 164 ล้านคน จากจำนวนผู้เดือดร้อนทั้งหมด 197 ล้านคน โดยครึ่งหนึ่งเดือดร้อนจากน้ำท่วมในจีนช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม สิ่งที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับที่คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ทำนายไว้ว่าเอเชียและแอฟริกาตะวันตกจะเดือดร้อนจากอุทกภัยที่เกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม

    นอกจากนี้ ยังมีปัญหาท้าทายที่รออยู่ในช่วงทศวรรษหน้าอีกหลายประการ 1 ในนั้นคือการติดตามอย่างใกล้ชิดว่าภัยพิบัติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจะส่งผลต่อการแพร่กระจายโรคอย่างไรบ้าง

    ด้าน UN/ISDR ชี้ว่า ข้อมูลจากรายงานนี้ย้ำให้เห็นว่าหากเพิ่มการลงทุนด้านมาตรการลดความเสี่ยงการเกิดภัยพิบัติ จะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตและความเสียหายลงได้.-สำนักข่าวไทย

    2008-01-19 13:24:40

    อนามัยโลกเตือนภัยโรคระบาดจากยุง

    [​IMG]

    เจนีวา 19 ม.ค.
     
  20. ams0411

    ams0411 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +713
    ไม่เห็นมีอะไรใหม่ๆเลย. มีแต่หน้าเดิมๆข้อความก็เดิมๆ COPY แล้ว COPY อีก ก็ยังเอามาลงกันอีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...